จากัวร์ตัวนั้นเป็นตัวสุดท้ายที่เขาฆ่า ความตายของมันนำมาซึ่งจุดเริ่มต้นของการชดใช้บาปนิรันดร์กาล เลือดแดงคล้ำหลากหลั่งจากหลอดเลือดดำของสัตว์ร้าย ขณะรอยตะปปที่ลำคอของซูกำลังผดฟองฟอด ลมหายใจและชีวิตค่อยๆ หลั่งไหลจากร่างกำยำคืนสู่ผืนดิน ดวงตาหม่นแสงเบิกโพลงสะท้อนทะเลดาวดาดาษ
จบสิ้นแล้ว ซูไม่อาจขัดขืนครรลองชีวิต น่าอดสูที่ผู้ล่าพลาดท่าให้เหยื่อ คมหินเสียบหัวใจเสือ แลกกับเนื้อต้นคอถูกกรงเล็บคมกริบกรีดกระชาก
การตายระหว่างล่าเป็นเรื่องปกติ การออกล่าแต่ละครั้งหมายความว่าตนเองก็อาจถูกล่าเช่นกัน
จากสัตว์
จากเผ่าอื่น
จากผู้บุกรุก
ซูไม่เคยเผชิญหน้ากับผู้บุกรุก ได้ยินเพียงผู้เฒ่าเล่าให้ฟัง ท่อนไม้ยิงลูกไฟได้ของพวกมันน่าครั่นคร้าม เข่นคร่าทุกชีวิตที่ขัดขืนขวางทาง
ไม่ต่างกัน
ซูก็เหมือนพวกมัน ต่างเพียงเขาฆ่าแค่สัตว์เท่านั้น เลือดกระตุ้นเลือดในกายให้สูบฉีด จากสัตว์เล็กอย่างกิ้งก่า ค่าง งู ซูก็เริ่มล่าวัวป่า ยิ่งเลือดหลั่งก็รินยิ่งนำมาซึ่งความพึงใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เขาฆ่าเพื่อสนองสัญชาตญาณดิบ หาใช่เพื่อยังชีพ
‘ซักวันจ้าวภูเขาจะลงโทษเจ้า’ ผู้เฒ่าเดือดดาลที่สัตว์น้อยใหญ่ซึ่งถูกเข่นฆ่าโดยไร้ความจำเป็น
คำสาปแช่งรออยู่ภาคหน้า ซูไม่ยี่หระอำนาจผีสาง แม้กระทั่งคืนที่ผีสางแห่งป่าเขามาเหนี่ยววิญญาณเขาออกจากร่างเนื้อ ชายหนุ่มก็คิดเพียงว่า นั่นสินะ
เสียงแมลงกรีดปีกเฉลิมฉลองการตายของนักล่า บทลงโทษที่รออยู่หลังความตายคือไม่อาจตายได้ ไม่มีเชือกจูงสู่นรกหรือสวรรค์ ไม่มีดินแดนส่องสว่างหรือมืดมิดชั่วนิรันดร์ มีเพียงยักษ์เร่ร่อนเดียวดายที่ไม่อาจดำรงถาวร ณ ถิ่นที่ใด กรีดร้องคร่ำครวญด้วยเสียงของสัตว์ทุกตัวที่ถูกชำแหละเป็นๆ เขย่าขวัญมนุษย์เลือดเย็นที่ครั้งหนึ่งซูเคยเป็นให้หลีกพ้นจากสรรพสัตว์ที่อาจถูกเขาฆ่าหากว่ายังมีชีวิตอยู่
ผู้พรากกลายเป็นผู้ปกปักษ์
วิญญาณต้องสาประหกระเหินผ่านกาลเวลาเชื่องช้า เผ่านั้นถูกสังหารสิ้น เผ่านี้ก่อเกิดขึ้นมา แยกแยะจากกันด้วยรอยสักและภาษา สิ่งที่เคยรู้จักค่อยๆ สูญหาย ภาษาเดียวที่วิญญาณโบราณเข้าใจคือภาษาของสัตว์
มนุษย์ทุกผู้เป็นศัตรู
สัตว์ทุกตัวก็เป็นศัตรู
เสียงกรีดร้องที่ควบคุมไม่ได้ยังผลให้สัตว์คลุ้มคลั่ง เหยียบย่ำทำร้ายทุกชีวิตที่ขวางหน้า เลือดที่หลั่งรินไม่ใช่แค่ของสัตว์อีกต่อไป
แม้ไม่อาจหยุดพเนจรเพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลง ซูก็รู้สึกได้ว่าการวนกลับมาแห่งเดิมใช้เวลาสั้นลง ผืนป่ากำลังหด เสือถูกยิงล้มก่อนคลั่ง เขาสงสัยว่าคำสาปใกล้จะเสื่อมลง แต่เมื่อเห็นคนผิวสีขาวกับดำ เขาก็ตระหนักทันทีว่ามันคงไม่สลายไวดังใจหวัง
ชีวิตบนเกาะเปลี่ยนแปลง ทว่าคำสาปนานนับกัลป์ยังคงอยู่ ซูได้ประจักษ์ว่ามนุษย์โหดร้ายต่อเผ่าพันธุ์อื่นเพียงใด กับเผ่าพันธุ์เดียวกันยิ่งทารุนกว่า
ขาถูกล่ามนำมา แผ่นหลังถูกเฆี่ยนโบย เหงื่อและเลือดรินรดไร่กาแฟและโกโก้ ผลิดอกงอกเงยด้วยวิญญาณและหยาดน้ำตา ความเศร้าโศกคับแค้นฝังกลบใต้ก้อนดิน ทะนุถนอมพืชพรรณและความมั่งคั่งของผู้เป็นเจ้าชีวิต
ไม่มีใครเป็นเจ้าของชีวิต อิสรเสรีคือสิทธิโดยกำเนิดจากพระเจ้า แต่เมื่อมีผู้คิดว่ามนุษย์บางเผ่าพันธุ์ไร้ศักยภาพเกินกว่าจะถือครองชีวิตตน ประวัติศาสตร์บทใหม่ก็จารขึ้น
ซูติดอยู่ในฉากใหม่นี้ เป็นตัวละครพื้นหลังโดยไม่มีผู้ใดรับรู้ถึง เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยโดดเดี่ยวทรมานเปลี่ยนที่มาเป็นความเวทนาต่อชะตาของคนผิวดำ
อิสรภาพถูกพรากชิง ศักดิ์ศรีถูกบดขยี้ ครอบครัวแตกสลาย แม้หัวใจที่เปี่ยมรักก็ไม่อาจเอาชนะโชคชะตา
รักชนะทุกอุปสรรค ประโยคนี้มีมาตั้งแต่ซูยังพูดภาษาตนเองได้ และมันเลื่อนไหลแทรกซึมอยู่เกือบในทุกภาษาบนโลกนี้
ทว่ารักทำอะไรอยู่ระหว่างที่พวกเขาถูกลำเลียงจากบ้านสู่แผ่นดินอื่น รักไม่ช่วยสมานรอยแผลบนแผ่นหลัง รักไม่ช่วยชะล้างความอ่อนล้าโรยแรง รักอาจให้ความหวัง เพียงเพื่อจะพบว่ามันหาได้มีอยู่จริง
ประวัติศาสตร์ไม่เปลี่ยนหน้าเร็วขนาดนั้น
จนกว่าจะเปียกชุ่มด้วยเลือด จนกว่าน้ำตาจะทำให้มันเปื่อยยุ่ย จนกว่าจะถูกไฟแค้นเผาเป็นจุณ
ซูภาวนาให้มันจบลง
นางก็ภาวนาให้มันจบลง