อันนี้ต่างหากที่เป็นตอนแรก
เฟมทวิตเปลี่ยวกายกับผู้ชายกรุ๊ปธเนศ
Chapter 1: Foreplay
.
ขณะนี้เวลาสี่ทุ่มตรง หนุ่มสาววัยยี่สิบต้นๆ สองคนกำลังนัวกันอยู่บนห้องคอนโด พวกเขาไม่เคยเจอกันมาก่อน พวกเขาไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว และจนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่รู้จักนิสัยใจคอของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ทั้งคู่รู้ดีว่าการนัดดีลในช่วงปอดบวมเจ๊กระบาดนั้นเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบ แต่กระนั้นสัจธรรมที่ว่า "ความเงี่ยนไม่เคยปราณีใคร" ก็จริงแท้เป็นนิรันดร์ โดยเฉพาะในช่วงเว้นระยะห่างทางสังคมเช่นนี้ ความเงี่ยนยิ่งเพิ่มความโหดเหี้ยมเป็นเท่าทวี
.
“ไม่เอา ไม่จูบปากดิ” เธอขัด ทำให้กิจกรรมเมื่อสักครู่ชะงักลง “เราไม่จูบวันไนท์แสตนด์” ชายหนุ่มหัวเราะรับแล้วประทับริมฝีปากกลับไปที่ลำคอของเธอ เขาแอบซ่อนความผิดหวังไว้ใต้ลมหายใจหอบถี่ ปลายลิ้นพลางวาดเส้นโค้งลงมาที่เนินอกช้าๆ เสียงอืออาในลำคอของหญิงสาวทำให้ความเงี่ยนกางเล็บตะครุบเธอลงไปนอนบนเตียง
.
“ขาวจัง” เขากระซิบเบาๆ ข้างใบหูหล่อนขณะมือค่อยๆ ถอดเสื้อเชิร์ตโอเวอร์ไซส์ออก “เธอเป็นลูกเจ๊กใช่มั้ย”
.
“อืมมมมมม” เธอยังคงหลับตาพริ้มไม่สนใจคำถาม ไม่เป็นไร เขาก็ไม่ได้สนใจคำตอบเช่นกัน ริมฝีปากและลิ้นของชายหนุ่มยังคงหมกมุ่นอยู่กับใบหูของเธอประหนึ่งส-ลิ่มที่หมกมุ่นกับทักษิณ มือของเขาสอดลอดใต้แผ่นหลังไปปลดตะขอบราของเธออย่างช่ำชองเหมือนกองทัพที่ชำนาญการทำรัฐประหาร
.
“จัดมาดิ๊” ชายหนุ่มกระซิบเบาๆ “เอาแบบเบิ้มๆ บ่ะน่ะ” ตาของเธอยังคงหลับพริ้มแต่คิ้วเริ่มขมวดเบาๆ “คือลือน่ะ” เขาพูดต่อพลางใช้มือดึงบราแล้วโยนมันออกไป ตอนนี้มือของเขาค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาจากสะโพก สัมผัสเอว สัมผัสชายโครง ร่างกายของหญิงสาวสั่นรับเบาๆ ขณะที่ชายแปลกหน้าลูบไล้ตามลำตัว ตอนนี้แขนทั้งสองข้างของเธอถูกจับรวบไว้เหนือศีรษะเผยให้เห็นวงแขนขาวใสเรียบเนียน
.
“ห อ ม” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงโทนต่ำ
“เรารู้สึกแปลกๆ อ่ะ” ในที่สุดฝ่ายหญิงก็พูดขึ้นหลังจากอืออามาสักพัก
“ทำไมเหรอ ชุดคำที่เราใช้มันคุณภาพเกินไปเหรอ” ชายหนุ่มที่ร่างกายร้อนผ่าวค่อยๆ ผละตัวออกมาจากเธอ
.
“หือ ไม่นะ หมายถึง แกสังเกตมั้ยว่าย่อหน้าบนนี่เขียนผ่าน Male gaze ทั้งนั้นเลย”
“ยังไงนะครับ” ชายหนุ่มที่ถูกขัดอารมณ์เริ่มงงปนหัวเสีย
.
“เธอสังเกตมั้ยว่าหนังโป๊หรือนิยายอิโรติกที่ผู้ชายเขียนอ่ะ มักจะถูกถ่ายทอดผ่านมุมมองของผู้ชาย โดยมีตัวละครชายเป็นผู้ลงมือกระทำ และเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ชายอ่าน โดยฝ่ายหญิงเพียงยู่ในบทบาทที่ passive ไม่สามารถจะกำหนดรูปแบบเซ็กส์ที่อยู่ในเนื้อเรื่องได้ ผลคือมันเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ objectify ผู้หญิง ทำให้ดูเหมือนว่าผู้หญิงพร้อมจะยอมทำทุกอย่างโดยไม่ขัดขืน”
.
“แต่เธอบอกเราว่าห้ามจูบ เราก็ไม่จูบละไง” ชายหนุ่มระบายความผิดหวังที่มีอยู่ในใจ “เธอก็ได้กำหนดแล้วมั้ยล่ะ”
“เห้ยไม่เกี่ยวดิ อันนั้นมันเรื่อง Consent ไง ถ้ามีใครไม่ต้องการอะไรก็ต้องไม่ทำอยู่แล้วมั้ย มันเป็นเรื่องพื้นฐาน”
“โอเค ไม่จูบก็ไม่จูบ งั้นแบบนี้ได้ใช่มั้ย” เขาเอนตัวกดริมฝีปากสัมผัสแก้มของหญิงสาว ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนจูบไปสัมผัสหางคิ้ว สัมผัสหน้าผาก สัมผัสคาง สัมผัสข้างมุมปาก เว้นไว้เฉพาะริมฝีปากสีชมพูของหญิงสาวเท่านั้น เธอปล่อยลมหายใจยาวแสดงความพอใจ ก่อนจะฝืนตัวเองพูดว่า “ทำไมยังไม่เลิกใช้ Male gaze อีก”
.
“เธอ..เป็น..เฟมทวิต...เหรอ ” ชายหนุ่มถาม เสียงของเขาขาดตอนเนื่องจากปากยังคงดูดบริเวณลำคอของเธออยู่ “อือออ” หญิงสาวพยักหน้าขณะนิ้วของชายคู่ขาเริ่มถูเนินเนื้อผ่านผ้าบางๆ “เราเป็นเฟมินิสต์ เราเล่นทวิต” ทั้งคู่เริ่มบทสนทนาขับเคลื่อนสังคมโดยไม่หยุดกิจกรรมสานสัมพันธ์
.
“เธอคิดว่าผู้หญิงยังเสียเปรียบผู้ชายอยู่” เขาถาม นิ้วยังคงถูร่องหลืบที่เปียกชื้น
“อ้าว ใช่สิ ทั้งความคาดหวังต่อบทบาททางสังคม อืมมม หน้าที่ที่ถูกกำหนด ทั้งประเด็น Glass ceiling อาาา ทั้ง victim blaming..” ดูเหมือนหญิงสาวจะทนไม่ไหวกับการกดขี่อีกต่อไป เธอผลักฝ่ายชายล้มลงไปข้างๆ แล้วขึ้นคร่อมบนลำตัว จากนั้นใช้มือเรียวเล็กปลดกระดุมเสื้อของชายหนุ่มเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ บรรจงกัดเบาๆ ที่หน้าอกของเขา มือขวาค่อยๆ เลื่อนลอดลงไปเคล้นคลึงท่อนเนื้อใต้บ๊อกเซอร์ เสียงครางทุ้มต่ำของผู้ชายสลับเสียงหายใจหอบระรัวทำให้อารมณ์ของเธอพุ่งพล่านเหมือนนายกตอนถูกสัมภาษณ์
.
“นายเป็นผู้ชายกลุ่มธเนศใช่ไหม” สาวเฟมทวิตถามขึ้นมาอย่างกระทันหัน สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไป เขาค่อยๆ พยุงตัวขึ้นพิงหลังที่หัวเตียง ทั้งคู่นั่งจ้องตากันท่ามกลางเสียงลมหายใจที่ค่อยๆ ทุเลาความรุนแรง