เห็นมู้เรื่องสั้นในบอร์ดเด็กดีแล้วเลยรื้อเรื่องสั้นเรื่องแรกที่เขียนสมัยม.ปลายเมื่อสักสิบกว่าปีก่อนมาอ่านดู พยายามเขียนให้เป็นแนว Thriller ลึกลับหน่อยๆ เดี๋ยวนี้ไม่ได้เขียนแนวนี้นานละ ถ้าได้คำติชมก็ขอบคุณ
ชายวัยกลางคนพร้อมกับชายหนุ่มวัยต้นยี่สิบช่วยกันขนกล่องกระดาษหลากหลายขนาดผ่านประตูไม้ของห้องเช่าใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง ภายในห้องเต็มไปด้วยลังกระดาษ กล่องพลาสติกและข้าวของที่ยังจัดไม่เข้าที่ หญิงสาวร่างบอบบางในชุดกระโปรงสีอ่อนยืนอยู่ไม่ไกลจากประตูนัก ในมือของเธอถือถาดใส่แก้วน้ำสำหรับแรงงานขนของทั้งสองคน ใบหน้ารูปไข่เปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ
“พักดื่มน้ำก่อนดีไหมคะ อีกเดี๋ยวค่อยจัดต่อก็ได้” ถาดพลาสติกลายดอกไม้ถูกวางลงบนโต๊ะขนาดเล็กข้างกับโซฟา ชายต่างวัยทั้งสองคนหันกลับมามองตามเจ้าของเสียง รอยยิ้มอ่อนๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าทั้งสองที่มีความคล้ายคลึงดั่งเช่นผู้ที่มีสายเลือดเดียวกัน
“พักหน่อยก็ได้ลูก เหลือแค่จัดของให้เข้าที่อีกนิดหน่อยก็น่าจะเสร็จแล้ว พ่อว่าน่าจะเสร็จก่อนเย็นนี้นี่ล่ะ” มือหนายกขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผากพร้อมกับเดินตรงมายังโซฟา ผู้เป็นพ่อยกแก้วน้ำขึ้นจิบแล้วกวาดสายตามองห้องพักของบุตรสาวเพียงคนเดียว
“ห้องกว้างนะครับ พี่อังแน่ใจนะว่าจะอยู่คนเดียว ไม่ให้ธินมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย” อธินผู้เป็นน้องชายเอ่ยถามพลางทรุดตัวนั่งข้างผู้เป็นบิดา ขณะที่พี่สาวสั่นศีรษะเป็นคำตอบ
“ธินต้องเรียน ที่นี่อยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยตั้งมาก ถ้าต้องคอยตื่นเช้าแล้วก็ขึ้นรถไปกลับน่ะลำบากแย่ พี่อายุมากกว่าธินตั้งหลายปี ทำไมพี่จะอยู่คนเดียวไม่ได้กัน” อังคณาระบายยิ้มอ่อน ดูเหมือนว่าน้องชายของเธอจะเป็นห่วงเธอยิ่งเสียกว่าผู้เป็นพ่อแม่เสียอีก ทั้งที่คนที่เข้ามาอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ก่อนก็เป็นเธอแท้ๆ
“จริงๆพ่อก็อยากให้ธินย้ายมาอยู่กับอังหรอกนะลูก ถ้าไม่ติดว่าที่เรียนของเจ้าธินมันอยู่ไกลอย่างที่อังว่า ถึงที่นี่จะมีระบบรักษาความปลอดภัยก็เถอะ แต่พ่อไม่ค่อยอยากให้อังอยู่คนเดียวเลย ร่างกายเราก็ไม่ใช่จะแข็งแรงเหมือนคนอื่นเขา พ่อกับแม่ก็อยู่ต่างจังหวัด ถ้าเกิดอังเป็นอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร”
หญิงสาวยกมือแตะขึ้นที่สะโพกเมื่อได้ยินคำกล่าวของบิดา เธอประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน แม้จะรักษาจนอาการดีขึ้นบ้างแล้ว แต่กระดูกสะโพกที่แตกหักก็ทำให้การเคลื่อนไหวของเธอไม่เป็นปรกติเหมือนแต่ก่อน หากสังเกตให้ดีก็เห็นได้ว่าเธอเดินกระเผลกเล็กน้อย สาเหตุนี้จึงทำให้หญิงสาวต้องย้ายที่พักมาเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้กับที่ทำงานมากขึ้น เพื่อย่นระยะเวลาการเดินทางและภาระของร่างกาย
“พ่อไม่ต้องเป็นห่วงอังหรอกค่ะ อังดูแลตัวเองได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นอังจะรีบติดต่อไปหาธินทันทีเลย...ดีไหมคะ” รอยยิ้มบนใบหน้าหวานทำให้ผู้เป็นพ่อและน้องชายใจอ่อนลงอย่างเสียไม่ได้ สุชาติเอ่ยปากยินยอมตามความต้องการของลูกสาวและกลับไปช่วยเธอจัดห้องให้เป็นระเบียบ
“พ่อไปก่อนนะอัง เดี๋ยวต้องไปส่งธินแล้วก็ขับรถกลับบ้านอีก” ชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นหลังจากข้าวของทุกอย่างถูกจัดวางในที่ที่สมควร เหลือเพียงการจัดของใช้ส่วนตัวอีกเล็กน้อยก็เพียงพอแล้วสำหรับหญิงสาวที่อาศัยอยู่เพียงคนเดียว อังคณาสวมกอดพ่อและน้องชายเพราะรู้ดีว่าคงอีกนานที่เธอจะได้พบทั้งสองคนอีกครั้ง
“รักษาสุขภาพด้วยนะคะพ่อ ธินเองก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
ประตูห้องปิดลงหลังจากที่สมาชิกของครอบครัวทั้งสองจากไป อังคณารื้อเสื้อผ้าออกมาจากกล่องพลาสติกแล้วจัดเก็บเข้าตู้ หญิงสาวเหม่อมองห้องพักที่ประกอบไปด้วยหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ และส่วนที่กั้นออกเป็นห้องครัวและห้องรับแขกขนาดเล็ก ห้องพักแห่งนี้จะเป็นที่พำนักของเธอไปอีกระยะหนึ่ง...นานเท่าไหร่เธอก็ไม่ทราบได้เช่นกัน