ความสัมพันธ์คนเราบางครั้งมันก็เป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าที่หาคำใดมาอธิบาย จากการพูดคุยกันสั้นๆระหว่างมื้อเช้าในวันนั้น ขยับขยายขึ้นเป็นการพูดคุยในเวลาอาหารเช้าและเวลาอาหารเย็นของทุกวัน ชายคนแปลกหน้าไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเขาอีกต่อไป เพียงแต่เขาก็ยังไม่รู้ชื่อของอีกฝ่ายเหมือนกับวันแรกที่เริ่มคุยกัน เมื่อเขาไม่ได้ถาม ก็ไม่มีคำตอบกลับ -ชื่อ- ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับเพื่อนเลยสักนิด
คล้ายกับชีวิตหวนคืนกลับมาหาชายหนุ่มในเมืองที่ยังคงเต็มไปด้วยความว่างเปล่า วันวานที่เขาใช้มันไปอย่างเปล่าประโยชน์ถูกลืมเลือนไปเสียหมดสิ้น ตราบใดที่เขายังคงสรรหาเรื่องพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนเพียงผู้เดียวของเขาได้
สองมือของชายหนุ่มขุดคุ้ยเศษซากปูนก่อนโยนเข้าเครื่องทำลายทิ้งเหมือนทุกวัน งานที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ของเขาใกล้จะจบลงหลังจากทุ่มเวลาให้มันกว่า 2 เดือน อีกเพียงไม่กี่สัปดาห์เขาก็ต้องย้ายพื้นที่ทำงานอีกครั้ง แต่ไม่มีอะไรน่าวิตกไปหรอก ไม่ว่าอย่างไรเขากับเพื่อนก็ยังสามารถพบเจอกันได้ในโรงอาหารของหน่วยบำรุงรักษาเช่นเคย
สัมผัสนุ่มลื่นคล้ายพลาสติกจากปลายนิ้วทำให้ชายหนุ่มร่างสูงหยุดชะงักลง เขารื้อซากปูนที่กีดขวางออกทิ้งก่อนจะคว้าเจ้าวัตถุปริศนาขึ้นมา...มันเรียบลื่น มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเขาไปไม่มากนัก ทั้งที่มันหนากว่าหนึ่งนิ้วแต่น้ำหนักกลับเบาจนเหลือเชื่อ เขาไล้ปลายนิ้วไปตามตัวอักษรที่นูนขึ้น -ยูโทเปีย-
เพียงดินไม่รู้ว่ามันคืออะไร...เขาเช็ดปลายนิ้วสกปรกเปื้อนกับชุดเครื่องแบบสีมอมแมมก่อนจะพลิกเจ้าของแปลกประหลาดนั่นดู ภายในล้วนร้อยเรียงเป็นอักษรยาวเหยียดเหมือนกับบทเรียนที่เขาเคยเรียนในแท็บเล็ตเอนกประสงค์ ชายหนุ่มวางมันลงบนพื้นว่างใกล้ตัว ก่อนจะรีบรื้อเศษปูนออกจากทาง เขาพบพวกมันเป็นกองใหญ่เต็มไปหมด จำนวนมากมายจนเขาเองก็ไม่เชื่อสายตา
ชายหนุ่มหยิบสิ่งที่เขาพบเป็นอันแรกเก็บซ่อนเข้าในกระเป๋า เขารู้ดีว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคตอันใกล้ และก็เป็นจริงอย่างที่เขาคาด เพียงไม่นานข่าวก็ถูกนำเสนอออกไปทั่วประเทศ หนังสือกลุ่มสุดท้ายถูกขุดพบในซากปรักหักพังของมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย...ราวกับตอกย้ำว่ามีเพียงชนชั้นสูงเท่านั้นที่จะได้สัมผัสกับความทรงจำครั้งเก่าที่ถ่ายทอดมาจากอดีต