เมื่อแสงสุดท้ายจากตะวันลับหายไปยังเส้นขอบฟ้า แสงไฟนับล้านจากสิ่งก่อสร้างและอาคารสูงใหญ่ส่องสว่างไสวไปทั่วมหานครแห่งนี้ หลากหลายชีวิตยังคงดำเนินต่อไปด้วยกลไกความต้องการตามสัญชาตญาณธรรมชาติ...แต่น่าแปลกสำหรับชายหนุ่มวัยฉกรรจ์อย่างเขาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไร้ซึ่งชีวิต แม้แต่สีสันสดใสที่ประดับประดาอยู่รอบข้างยังคงไร้สีสันในดวงตาคู่สีน้ำตาลของเขา
ทุกอย่างล้วนถูกบดบังด้วยความสวยงามอันเป็นเพียงแค่ภาพหลอกตา...ตึกสูงระฟ้า สถาปัตยกรรมย้อนสมัย ไปจนถึงเรือนร่างเพรียวระหงในกระโปรงกรุยกรายของสตรี ทุกสิ่งกำลังบิดเบือนมหานครแห่งนี้จากความเป็นจริง
เบื้องหลังตึกระฟ้า...ยังคงมีซากปรักหักพังและศพไร้นามที่รอการกอบกู้ เบื้องหลังสถาปัตยกรรมย้อนสมัย...ยังคงมีเม็ดเงินจำนวนมากมายที่สูญเสียไปอย่างไร้ค่าให้กับกระเป๋าเงินของใครบางคน และเบื้องหลังหญิงงามเหล่านั้นยังคงมีคราบโสมมจากกามารมณ์ของเพศผู้ที่มองเธอเหล่านั้นเป็นเพียงวัตถุระบายความใคร่เพียงเท่านั้น
ชายหนุ่มเคยวาดฝันว่าสักวันหนึ่งเขาจะหลีกหนีไปจากเมืองแห่งนี้ เขาจะเปิดกรงนกด้วยตนเอง ถลาปีกออกบินไปตามกระแสลมที่พัดผ่าน โดยมีเพียงกระเป๋าเป้ที่ใส่ข้าวของจำเป็นและออกเดินทางไปยังโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลโดยไม่มีวันหวนกลับมาอีก...หากแต่มันกลับเป็นได้เพียงความฝันที่เขาไม่มีวันที่จะทำให้มันเป็นจริง นกเลี้ยงอย่างเพียงดินชาชินเสียแล้วกับการอาศัยอยู่ในกรง คอยให้ผู้คนรอบข้างป้อนอาหารให้กับมัน แม้จะใฝ่ฝันหาอิสรภาพเพียงใด หากแต่เมื่อออกไปเผชิญความเป็นจริงเข้าแล้วเขาจะยังสามารถรักษาชีวิตไว้ได้หรือไม่...ใครเล่าจะรู้?
ความกลัวครอบงำได้ทุกสิ่ง..เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกความกลัวกักขังให้อยู่เพียงในกรงขังของเมืองใหญ่ ใช้ลมหายใจไปกับงานอันซ้ำซากจำเจแลกเงินที่ใช้ประทังชีวิตไปได้เพียงวันต่อวัน ในสุดท้ายความฝันและความหวังของเขาดับหรี่ลงไป ความเฉยเมยไม่อยากรับรู้สิ่งรอบข้างกลับเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่เขาขาดหายไป
บางทีเพียงดินก็คิดว่าเขาไม่ต่างอะไรกับซากศพที่รอวันเน่าสลาย --เขาเป็นร่างกายอันว่างเปล่าที่รอคอยลมหายใจสุดท้ายหมดลง--