(นิยายแปล) Gods King Warrior Conqueror Heaven อภินิหารเคล็ดวิชาเทพเจ้าราชันย์นักรบเย้ยจอมสวรรค์
ตอนที่ 3 ดื่มสุราเคล้านารี
กำแพงสำนักมังกรสวรรค์ถูกก่อขึ้นด้วยอิฐสีส้มแดงไม่ฉาบปูน บนพื้นผิวอันขรุขระนั้นมีไม้เลื้อยจำพวกกาฝากอย่างตีนตุ๊กแกเกาะฝังรากเข้าไปในเนื้อ ต้นสนใหญ่สิบสองต้นตั้งตระหง่านสู้ลมแรงที่หวนพัดมาจากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพียงอนุญาตให้ส่วนปลายยอดไหวเอนเล็กน้อยเท่านั้น
เซวี่ยอวี่เซวียนสวมชุดเกราะสีรุ้งทองคำ ที่ข้างเอวเหน็บกระบี่วิเศษ เดินออกมาจากสำนักมังกรสวรรค์อย่างไม่คิดหันกลับไปมองอีก เขาไม่มีความอาลัยในตัวสถานที่แม้แต่เพียงสักนิด ตลอดสิบเจ็ดปีนับตั้งแต่ถูกแม่บังเกิดเกล้าเอาใส่ตะกร้ามาวางทิ้งไว้ที่นี่ เขาก็ถูกผู้คนกลั่นแกล้งรังแกมาโดยตลอด นับว่าสวรรค์ยังพอมีตาอยู่บ้าง จึงได้มอบสิ่งวิเศษนานับประการให้เขาเช่นนี้
เซวี่ยอวี่เซวียนเหยียบย่างไปบนถนนที่ถูกปูลาดด้วยอิฐ เขามิใคร่คุ้นเคยกับเมืองแห่งนี้เท่าใดนัก ด้วยยามปกติคนในสำนักคุ้มภัยมักใช้เขาให้ทำงานต่ำเช่นตักส้วมหรือขุดลอกบ่อปลาตั้งแต่เช้าจรดเย็น เหนื่อยจนสายตัวแทบขาดจนหัวพอถึงหมอนก็หลับไป ซ้ำยังไม่มีเงินให้นำไปใช้จ่าย ต่อให้มีเวลาว่างก็ไม่อาจเสพสุขกับแสงสีในเมืองได้อยู่ดี
แต่ในตอนนี้ชายหนุ่มมีเงินพอที่จะหาความสำราญแล้ว เขาจึงตรงไปยังเหลาสุราประจำเมืองเพื่อหาอะไรใส่ท้อง เหลาสุราฟ้าเมามายเป็นอาคารไม้ขนาดใหญ่สูงสองชั้น ไม้ที่ใช้ก่อสร้างตัวร้านนั้นเป็นไม้แดงที่ตัดมาจากเขตภูเขาทางเหนือในเดือนสี่ จึงมีความแข็งแรงคงทนประกอบด้วยความยืดหยุ่นในเนื้อไม้สูง หลังคาของตัวร้านทำมาจากกระเบื้องที่เผาด้วยอุณหภูมิสูงเทียบเท่าการตีเหล็ก กระเบื้องทั้งหมดนั้นจะมีสีแดงอ่อน ๆ เว้นแต่ทุกแผ่นที่สิบ ที่จะย้อมสีทองลงไปให้เด่นสะดุดตา
อูเสวียนจว่อเป็นเจ้าของเหลาสุราฟ้าเมามายแห่งนั้น เมื่อมันเห็นเซวี่ยอวี่เซวียนแต่งกายคล้ายผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งก็ไม่กล้าดูเบาไป รีบกระวีกระวาดออกมารับแขกด้วยตัวเอง "เป็นเกียรติของเหลาสุราเราที่ได้รับรองคุณชายท่านในวันนี้" คนผู้นั้นกล่าวประจบ "วันนี้ร้านเรามีเนื้อแพะตุ๋นเครื่องยาเป็นรายการแนะนำ คุณชายท่านอย่าดูเบาไป แพะที่ร้านเราเลือกเชือดมานั้นเป็นแพะที่เกิดจากแม่แพะที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เครื่องยาที่ใช้ตุ๋นก็ประกอบไปด้วยสมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็นเลิศ ทั้งกระชายดำ กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบที่เราเลือกใช้นั้นคัดมาเฉพาะดอกที่มีสีออกม่วงอมแดงและส่วนโคนมีสีเขียวระเรื่อเท่านั้น"
เซวี่ยอวี่เซวียนรับฟังแล้วก็พยักหน้า "เข้าท่า ข้าขอลองลิ้มรสสักหม้อหนึ่ง" มันกล่าว "แล้วสุราเล่า"
อูเสวียนจว่อยิ้มประจบ "คุณชายมาได้ถูกเวลาทีเดียว" เจ้าของเหลาสุรากล่าว "ร้านเราเพิ่งรับสุรามาหลายถังใหญ่ นอกจากตัวสุราจะบ่มมานานนับสิบปีในถังไม้สีทองที่ตัดมาจากป่าทางใต้ในคืนพระจันทร์เต็มดวงและประกอบขึ้นรูปด้วยช่างมากฝีมือที่ถนัดซ้ายทั้งหมดแล้ว การขนส่งยังทำด้วยการขนขึ้นเกวียนที่จัดสร้างด้วยไม้ชนิดเดียวกันกับถัง แต่ตัดในคืนเดือนมืด แล้วใช้ม้าขาวคู่หนึ่งที่สวมเกือกเหล็กที่ตีขึ้นโดยช่างเหล็กปากเบี้ยวลากมาส่ง ข้าขอรับประกันรสชาติของสุราด้วยชีวิต"
เซวี่ยอวี่เซวียนตบมือแปะ "ฟังดูดียิ่ง ข้าขอรับสุราชนิดนั้นด้วยก็แล้วกัน"
เจ้าของเหลาสุราก้มศีรษะต่ำรับคำ ปากก็หันกลับไปตะโกนสั่งเด็กในร้านให้ไปจัดแจงสำรับอาหาร ก่อนที่จะหันกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงที่พินอบพิเทาดังเดิมว่า "คุณชายขอรับ ยังมีเรื่องอีกประการหนึ่งที่ท่านควรทราบ คุณชายท่านเป็นคนที่โชคดีโดยแท้ ด้วยวันนี้นางงามไร้กระดูกจะมาแสดงการร่ายรำที่เหลาสุราเล็กๆ ของข้า"
เซวี่ยอวี่เซวียนถามว่า "นางงามไร้กระดูกกระนั้นหรือ นั่นเป็นผู้ใด"
อูเสวียนจว่อตอบว่า "เรื่องปูมหลังของนางนั้น ข้าเองก็ไม่ทราบมากนัก แต่นางนับว่าเป็นสตรีที่งดงามยิ่งแล้วบนภพมนุษย์นี้ หากคุณชายท่านไม่รีบร้อนเดินทางไปยังที่ใด ก็อย่าได้พลาดที่จะรอชมดูการแสดง"