ชายหนุ่มเอนศีรษะพิงกับกระจกประตู มือซ้ายของเขากำหลวม ๆ อยู่บนพวงมาลัย ดวงตาสีดำเหม่อมองฝ่าบรรยากาศอันอึมครึมจากสายฝนที่ตกปรอย ๆ อยู่ด้านนอกพร้อมถอนหายใจยาว
หญิงสาวบนเบาะข้างคนขับปิดปากหาว เธอใช้มือข้างถนัดหมุนสายเข็มขัดนิรภัยเล่น ผมยาวที่ดูกระเซิงไม่เข้ากับชุดนิสิตที่เธอใส่อยู่เท่าใดนัก “จะทำหน้าแบบนั้นไปจนถึงเมื่อไหร่กัน” ดวงตากลมโตแฝงไปด้วยแววแง่งอน “ถ้าฝนไม่ตกเราก็กลับเองได้น่า”
“แม่เธอจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว” ชายหนุ่มพูด ยังไม่ถอนสายตาออกจากกระจก “โตแล้วนะเอม ทำไมถึงต้องทำให้ที่บ้านเป็นห่วงอยู่เรื่อย”
“ก็วันนี้วันเกิดเพื่อน บอกแม่ไว้แล้วไงว่าจะกลับดึก” หญิงสาวยังไม่หยุดเถียง “ไปได้แล้ว ไฟเขียวแล้ว”
ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันความสนใจกลับมายังสภาพการจราจรเบื้องหน้า เขาถอนเบรกออกตัวช้า ๆ มือทั้งสองข้างกำอยู่บนพวงมาลัย ขับตามรถคันหน้าไปด้วยความเร็วเท่าที่จะทำได้ในคืนฝนตกเช่นนี้
รถแล่นไปได้ระยะหนึ่งก็ถูกไฟสัญญาณบังคับให้ต้องหยุดลงอีกครั้ง ชายหนุ่มใส่เกียร์ว่าง ถอนหายใจยาวอีกครั้งขณะหันหน้ากลับมาหาเพื่อนสาวที่กำลังนั่งแคะเล็บเป็นทองไม่รู้ร้อน “เดี๋ยวก็ถึงบ้านเธอแล้ว” เขาพูด “คิดข้อแก้ตัวดี ๆ ก็แล้วกัน”
“ทำไมต้องแก้ตัว เราบอกแม่ไว้แล้วว่าวันนี้จะกลับดึก” หญิงสาวตีหน้านิ่ง สายตายังไม่ละไปจากนิ้วเรียว “โอมก็รู้นี่ว่าแม่เป็นยังไง คราวหลังถ้าแม่โทรหาอีกก็ทำเฉยไว้นะ จะได้ไม่ลำบาก”
“โอมรู้ว่าป้าดาเขาเป็นห่วงไง” ชายหนุ่มพูดอย่างหัวเสีย ปล่อยมือซ้ายที่กำพวงมาลัยไว้มาทึ้งผมตัวเอง “ที่บอกว่าจะกลับดึกน่ะเขาคิดกันว่าคงไม่เกินสี่ทุ่ม นี่มันจะตีสองแล้วนะเอม แถมโทรไปก็ไม่รับอีก”
หญิงสาวยกมือขวาขึ้นดึงแก้มของเพื่อนหนุ่ม “หยุดพูดเถอะ เดี๋ยวต้องเก็บหูไว้ฟังแม่อีก” เธอใช้มืออีกข้างกดเปิดวิทยุ เสียงเพลงป๊อบสากลดังกระหึ่มออกมาจากลำโพงทันที “ฟังนี่ล้างหูไว้ดีกว่า”
เสียงเพลงยังคงดังต่อไปโดยไร้ซึ่งเสียงตอบกลับจากชายหนุ่มข้างกาย เอมหันไปมองใบหน้าถมึงทึงของเพื่อนก่อนที่จะหลุดหัวเราะออกมา “เป็นอะไรน่ะโอม” หญิงสาวทำเสียงฉอเลาะ เอี้ยวตัวไปใช้มือทั้งสองข้างบีบต้นแขนของอีกฝ่ายแน่น “โกรธเค้าเหรอ เค้าขอโทษ”
ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งขณะพยายามดึงแขนของตนให้พ้นจากการเกาะกุม “เลิกทำแบบนี้สักทีเถอะ” เขาขมวดคิ้ว “กลิ่นเหล้าหึ่งเชียว เข้าบ้านทั้งแบบนี้เธอตายแน่”
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เอมรีบถอนมือขึ้นไปอังปากทดสอบกลิ่นลมหายใจ “จริงด้วย” เธอร้องอย่างตกใจ “ทำไงดีล่ะ แม่ต้องฆ่าเอมแน่ ๆ เลย”
“เดี๋ยวไปจอดเซเว่นหน้าปากซอยให้ก็แล้วกัน” เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนมุมปากของชายหนุ่ม “หาน้ำหวานกิน เผื่อจะช่วยได้”
เอมนั่งเงียบไปตลอดทางจนถึงที่หมาย ชายหนุ่มลอบยิ้มในใจเมื่อได้เห็นหญิงสาวนั่งพ่นลมหายใจทดสอบกลิ่นแอลกอฮอล์ทุก ๆ สิบวินาที เขาจอดรถเทียบข้างฟุตบาทขณะที่หญิงสาวรีบก้าวเท้าลงจากรถตรงดิ่งเข้าไปยังร้านสะดวกซื้อทันที
หญิงสาวกลับมาในอีกห้านาทีพร้อมกับถุงพลาสติกใบใหญ่ โอมเอี้ยวตัวหันมามองของในนั้นก่อนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “กาแฟ กาแฟดำ น้ำแดง น้ำเขียวแล้วก็อะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะเนี่ย” เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายยิ้ม ๆ “กินหมดนี่ปวดท้องตายแน่เธอ”
“มันจะได้ดับกลิ่นไง” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงวิตกจริตขณะกระดกกระป๋องอลูมิเนียมขึ้นดื่มแล้วหันกลับมาพ่นลมใส่หน้าเพื่อนหนุ่ม “หายยัง” เธอถาม
ชายหนุ่มนิ่วหน้า “ผู้หญิงบ้าอะไรโคตรหยาบคาย” เขาพูดพร้อมเอนหลังกลับไปชิดเบาะ “เดี๋ยวสัปดาห์หน้าโอมก็ไปอเมริกาแล้ว ใครจะมาคอยตามล้างตามเช็ดให้เอม”
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ”
โอมหัวเราะเบา ๆ เหสายตากลับไปมองม่านฝนด้านนอกหน้าต่างที่เริ่มตกหนาเม็ดขึ้น “รีบ ๆ กินเถอะ เดี๋ยวคืนนี้ป้าดาจะรอเธอจนไม่ได้นอน”