บนโต๊ะอาหารตัวยาวเรียงรายไปด้วยอาหารหลายสิบชนิดที่ถูกปรุงขึ้นอย่างประณีต ภาพนั้นช่างขัดกับจำนวนผู้ร่วมรับประทานอาหารที่มีเพียงแค่เจ้าหญิงและเจ้าชายผู้สูงศักดิ์แห่งราชสกุลเอสเปอร์รัญญ่าเท่านั้น
สีหน้าของเทลาเรนเซ่ยังคงขุ่นมัว เขาใช้ส้อมแทงใส่ไส้กรอกชิ้นหนึ่งราวกับแค้นเคืองกันมาแต่ปางก่อน “เจ้าคนชั้นต่ำนั่นมันช่างโอหังยิ่งนัก” เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด “หากไม่ติดว่ามันเป็นผู้กล้าตามคำทำนายล่ะก็ ข้าจะสั่งประหารมันเสียเดี๋ยวนั้นเลย”
เจ้าหญิงยังคงเคี้ยวอาหารต่อไปอย่างช้าๆ ด้วยใบหน้าอันเรียบเฉย เมื่อกลืนอาหารคำนั้นลงไปแล้วจึงค่อยเปิดปากพูด “น้องอย่าย้อนความอีกเลย” น้ำเสียงของทีราเลนเซียฟังดูไม่ยินดียินร้าย “ยังมีเรื่องอีกมากที่จะต้องจัดเตรียมมิใช่หรือ”
เทลาเรนเซ่พ่นลมหายใจยาว “บ่ายนี้ข้ามีนัดลงตรวจกองทัพ” เขาพูดก่อนหันไปหาอัศวินผมทองที่ยืนอารักขาอยู่ด้านหลัง “พัลพาทีน เรื่องที่ข้าสั่งเจ้าไว้เมื่อคืนดำเนินการไปถึงไหนแล้ว”
อัศวินขาวชิดเท้าตรง ตอบคำถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ “กระหม่อมได้จัดเตรียมม้าพันธุ์ดีไว้ฝูงหนึ่งตามคำสั่งแล้วพะยะค่ะ”
เจ้าชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างพึงใจ ในขณะที่พี่สาวของเขาเผยสีหน้าฉงนออกมา “ม้าพันธุ์ดีอย่างนั้นหรือ” นางเอ่ยถาม “น้องจะออกทำยุทธนาวี ไฉนถึงต้องการม้า”
เทลาเรนเซ่ยิ้มกริ่ม “วิธีที่ดีที่สุดที่จะสร้างขวัญกำลังใจให้แก่กองทัพคือการจัดงานประลองยุทธ์” เขาพูดพร้อมยกถ้วยใส่เหล้าองุ่นขึ้นดื่ม “ข้าจะลงแข่งขันทั้งด้านเพลงอาวุธ ขี่ม้า และยิงธนู ย่อมแน่ว่าผู้ชนะสมควรจะเป็นข้าซึ่งเป็นแม่ทัพ เช่นนี้แล้วความภักดีของเหล่าทหารจะไปไหนเสีย”
เจ้าหญิงพยักหน้ารับ “เรื่องการทหารพี่จะไม่ขอยุ่ง” นางพูด “แต่เสด็จพ่อจะกลับมาในไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว น้องได้คิดเผื่อถึงเรื่องนี้ไว้หรือไม่”
“ข้าไม่เห็นว่าเรื่องของเสด็จพ่อจะมีอะไรน่าห่วง” ผู้เป็นน้องชายตอบกลับแทบจะในทันที “คนที่ควรกังวลน่ะคือเจ้าคนชั้นต่ำนั่นเสียมากกว่า ท่านพ่อต้องไม่ชอบใจมันอย่างมากแน่ ถึงจะต้องฝืนยอมรับมันในฐานะผู้กล้าตามคำทำนายก็ตาม”
“แน่ทีเดียวขอรับ ข้าไม่เห็นว่าเจ้านั่นจะมีอะไรพิเศษ” อัศวินขาวอดพูดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมาไม่ได้ “ดูท่าแล้วไม่เหมือนคนมีฝีมืออันใด นอกจากใช้ความต่ำช้าปลิ้นปล้อนหากินไปวันๆ เท่านั้น
เจ้าชายหนุ่มตบโต๊ะหัวเราะ ไม่ได้รู้สึกว่าการที่อีกฝ่ายเอ่ยปากพูดในสิ่งที่ตนไม่ได้ถามในคราวนี้นั้นจะเป็นการเสียมารยาทแต่อย่างใด นั่นผิดกับสีหน้าของทีราเลนเซีย เจ้าหญิงนิ่วหน้าขณะหันสายตาคู่สวยของนางไปยังอัศวินผู้นั้น “ท่านควรระวังคำพูดเสียหน่อย” เจ้าหล่อนเอ่ย “ไม่ว่าจะอย่างไรตอนนี้เขาก็เป็นเจ้าชายคนหนึ่งของอาณาจักรเรา ซ้ำเขายังเป็นผู้กล้าตามคำทำนายอีก คงไม่ใช่คนไม่ได้เรื่องถึงขนาดที่ท่านว่าแน่”
แม้จะไม่พอใจที่ได้ยินคำพูดนั้นแต่ด้วยศักดิ์แล้วพัลพาทีนก็จำต้องก้มศีรษะขอโทษที่ล่วงเกิน แต่สิ่งที่ทีราเลนเซียเพิ่งพูดไม่ได้มีความหมายอะไรกับพระอนุชาของนาง เจ้าชายหนุ่มจ้องหน้าพี่สาวเขม็งก่อนแค่นเสียงออกมา “นี่มันอะไรกัน”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เจ้าหญิงถามกลับ “พี่ก็พูดไปตามความจริงเท่านั้น ฐานะของเขาตอนนี้เทียบเท่าพวกเราทั้งสองคน จะปล่อยให้คนอื่นมาพูดไม่เหมาะสมเช่นนี้ได้หรือ”
“ถ้ามันเป็นเรื่องจริงแล้วไยต้องปกปิดมัน”
“เจ้าแน่ใจแค่ไหนกันว่านั่นเป็นเรื่องจริง”
เทลาเรนเซ่ชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะกระดกมุมปากยิ้ม “ข้าคิดอะไรดีๆ ขึ้นมาได้แล้ว” เจ้าชายพูด “ในงานประลองยุทธ์ เจ้าคนชั้นต่ำนั่นจะต้องร่วมการประลองด้วย ถือเสียว่าเป็นการเปิดตัวให้ประชาชนและพวกเราได้เห็นว่าแท้ที่จริงแล้วนั้นฝีมือของมันเป็นเช่นไร”
ทีราเลนเซียชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ในขณะที่พระอนุชาของนางยังคงพูดต่อไปด้วยรอยยิ้มเย็น “เสด็จพ่อเองก็คงอยากรู้ถึงฝีมือของมันเช่นกัน ท่านต้องไม่คัดค้านแน่” เขาวางแผนต่อไปเป็นฉากๆ “ต่อให้มันเก่งอย่างไรสุดท้ายก็จำต้องแพ้ให้แก่ข้าในรอบชิงชนะเลิศ แต่เชื่อเถอะ มันไม่มีทางมาถึงรอบนั้นได้หรอก”