“ฮาเดรียน”
ผู้ถูกเรียกหันกลับไปหาต้นเสียง เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มผมทองกำลังก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา “ลูคัส” ฮาเดรียนเอ่ยชื่อของอีกฝ่าย “ไยเจ้าถึงมาแต่เช้าตรู่เช่นนี้”
ลูคัสขยิบดวงตาสีฟ้าซุกซนของเขาทีหนึ่ง “เช้านี้ข้ามีนัดกับท่านเจ้าสวรรค์” เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม “และตอนบ่ายยังมีนัดกับเลขาของเขา”
ฮาเดรียนเผยสีหน้าระอา เขาเสยผมสีเพลิงของตนไม่ให้ตกลงมาปรกหน้า “นี่เจ้าก็เป็นไปกับเขาอีกคนแล้วหรือนี่” ชายหนุ่มถาม “เอวาน่ะอสรพิษในคราบนางฟ้า เทพบุตรตั้งมากมายหวังจะแอ้มนางแล้วเป็นอย่างไร เจ้าไม่เห็นชะตากรรมที่เกิดกับพวกเขาหรอกหรือ”
“พวกนั้นน่ะมันโง่ คอยดูทีของข้าเถอะ” ลูคัสตอบกลับอย่างมั่นใจขณะหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ “ว่าแต่เจ้าเถอะ ไยเมื่อคืนไม่ยอมกลับวิมาน ท่านเจ้าสวรรค์จ่ายค่าล่วงเวลาให้มากนักหรือ”
ฮาเดรียนถอนใจขณะพยักพเยิดไปยังลูกแก้ววิเศษที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ “ก็เรื่องเดิมพันบ้าบอนั่นน่ะทำเอาฝ่ายรักษาความสงบอย่างพวกข้าหัวหมุน” เขาตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “พวกเทพธรณีบัดซบ พวกเทพฤดูกาลเฮงซวย ไม่คิดหน่อยหรือว่าสมดุลที่พวกเรารักษากันมากว่าหมื่นปีจะถูกทำลายเพราะเรื่องงี่เง่านั่น”
เทพบุตรผมทองหัวเราะ ยกมือขึ้นตบบ่าเพื่อนหนุ่มด้วยท่าทีสนุกสนาน “เอาน่า ฮาเดรียน” เขาพูดยิ้มๆ “อย่างไรสงครามข้างล่างนั่นก็ต้องเกิดขึ้นสักวันอยู่แล้ว เราก็รอพวกมันตีกันจนเละแล้วค่อยลงไปห้ามทัพ ฟื้นฟูโลกขึ้นมาใหม่ก็ได้มิใช่หรืออย่างไร”
“เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเจ้าคิด” ฮาเดรียนตอบกลับอย่างหัวเสีย “พวกเทพอย่างเจ้ามักมองว่าสมดุลของโลกเป็นเรื่องของมนุษย์กับปีศาจ ทั้งที่จริงๆ แล้วพวกเราเหล่าเทพเองก็เป็นหนึ่งในกงล้อนั้นด้วย”
เทพเจ้าสำราญเลิกคิ้ว “เจ้ากำลังหมายความว่า— ”
“หน้าที่ของพวกข้าเหล่าเทพสันติสุขไม่ใช่การสร้างสันติภาพระหว่างพื้นพิภพกับเมืองบาดาล แต่เป็นการสร้างความระหองระแหงให้ทั้งสองเผ่าแคลงใจกัน พวกมันจะได้ไม่มีกำลังพอบุกขึ้นแดนสวรรค์ของพวกเราได้”
“ถ้าเช่นนั้นให้พวกมันเข่นฆ่ากันก็ยิ่งดี จะได้ไม่มีกำลังอันใดเหลือไว้ต่อกรกับพวกเรา” ลูคัสเอ่ยปาก “เรื่องไม่ได้เป็นเช่นนี้หรือ”
ชายผมแดงแค่นเสียงหัวเราะ เขาหยิบลูกแก้ววิเศษบนโต๊ะขึ้นหมุนสามครั้ง พลันปรากฏภาพของชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังนั่งสนทนากันอยู่บนเตียง “ผู้หญิงคนนั้นคือจอมมารนี่” ลูคัสอุทานเสียงค่อย “แล้วผู้ชายคนนั้น— ”
“ผู้ชายคนนั้นคือผู้กล้าของเหล่ามนุษย์” ฮาเดรียนตอบสหายหนุ่มเบาๆ “วันนี้เจ้ามีนัดกับท่านเจ้าสวรรค์ก็ดี ฝากบอกท่านด้วยว่าความพิเรนทร์นั่นได้ชักศึกเข้าบ้านเราเสียแล้ว”