คำพูดนั้นทำให้ทีราเลนเซียเงียบไป เจ้าหล่อนยกมือขึ้นปาดน้ำตาครั้งหนึ่งก่อนพยายามปรับสีหน้าให้กลับมาเรียบเฉย “เรื่องของพี่นั้นพักไว้ก่อนเถอะ” นางพูดฝืนพูด “พวกออร์คมันเป็นอย่างไร วานน้องช่วยขยายความให้ฟัง”
เจ้าชายหนุ่มทอนหายใจก่อนผายมือเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลง “ข่าวไม่ค่อยดีนัก” เขาพูดพร้อมหยิบถ้วยชาขึ้นริน “ท่านคงรู้จักเลอดุ๊กกระมัง มันเป็นหนึ่งในจตุรมารที่กำลังนำกองทัพออร์คข้ามทะเลดำอยู่ในขณะนี้”
“กองทัพออร์ค” เจ้าหญิงทวนคำ “ธรรมชาติของพวกออร์คมักอยู่รวมกันเป็นเผ่าเล็กๆ กระจัดกระจายกันไป ที่น้องว่ากองทัพออร์คนั้นมันมีจำนวนสักเท่าใดกัน”
สีหน้าของอีกฝ่ายเครียดเขม็ง “ข้าเข้าใจที่ท่านพี่พูด ข้าเองก็ประหลาดใจเหมือนกันที่พวกสัตว์ร้ายนั่นรวมตัวกันได้เป็นกลุ่มก้อนเช่นนี้ คงไม่แคล้วเป็นฝีมือของจอมมาร” เขายกถ้วยชาขึ้นจิบ “ทัพของพวกมันคะเนแล้วคงไม่ต่ำกว่าสามหมื่น”
“สามหมื่น” ทีราเลนเซียร้อง “ด้วยกำลังของมนุษย์เราสักห้าคนจึงจะเทียบได้กับออร์คตนหนึ่ง นี่มากันถึงสามหมื่น แล้วเราจะมีกำลังเพียงพอรับมือพวกมันหรือน้องพี่”
“เรื่องนั้นข้าได้ปรึกษากับเมย์ลินแล้ว” เจ้าชายตอบกลับแทบจะในทันที “หากปล่อยให้พวกมันขึ้นฝั่ง ถึงเราจะสามารถเอาชนะพวกมันได้ แต่จะต้องมีสักกี่เมืองเล่าที่จะต้องแหลกลาญ ข้าเห็นว่าเราควรที่จะแต่งทัพเรือออกไปสู้กับพวกมันกลางสมุทร ถึงพวกออร์คจะแรงเยอะแต่ก็โง่เขลานัก ซ้ำยังมีเรื่องปัญหาชนเผ่าที่คอยระแวงกัน การบัญชาการรบของพวกมันกลางทะเลคงจะเป็นเรื่องที่วุ่นวายน่าดูชม”
“พี่เห็นว่านั่นเป็นความคิดที่ดี” เจ้าหญิงตอบรับ “แล้วน้องคิดจะแต่งทัพออกไปเมื่อใดกัน”
“ท้องน้ำนั้นกว้างใหญ่นัก พวกมันคงไม่มีทางเดินทางข้ามทะเลดำมาถึงดินแดนของพวกเราได้ในเวลาอันใกล้” ชายหนุ่มตอบ “แต่อย่างไรข้าจะไม่ประมาท จะเร่งฝึกซ้อมกำลังพล ซ่อมบำรุงเรือแลตระเตรียมเสบียง คงได้ฤกษ์ออกเดินทางภายในครึ่งเดือนนี้” เมื่อพูดถึงตรงนี้เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย “ข้าคงต้องนำกำลังพลออกสู้รบ เป็นห่วงก็แต่ท่านพี่ ท่านต้องรักษาตัว อย่าให้คนไม่มีหัวนอนปลายเท้านั่นเอาเปรียบได้”
ผู้เป็นพี่สาวชะงักไป ก่อนเปลี่ยนสีหน้าเป็นแย้มยิ้ม “เหลวไหล นี่เจ้าคิดว่าพี่เป็นผู้หญิงอ่อนแอหรือไร” นางพูด “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง พี่สิต้องเป็นห่วงน้อง ต้องรอนแรมจากบ้านออกไปสู้รบกลางทะเล”
“เป็นเลือดขัตติยะก็ต้องรักษามาตุภูมิ” ชายหนุ่มพูดอย่างภูมิใจ “ท่านพี่เองก็เช่นกัน อย่าให้คนถ่อยนั่นเห็นความอ่อนแอของท่าน มันจะใช้ช่องว่างเหล่านั้นมาทำร้ายทั้งตัวท่าน และอาณาจักรของเราได้”
เจ้าหญิงเอสเปอร์รัญญ่าหลบสายตาผู้เป็นน้องชายโดยทำทีเป็นสนใจกาน้ำชาบนโต๊ะ “พี่รู้ดี ต้องขอบใจน้องที่เตือน” นางพูด “นี่ก็ดึกแล้ว พี่คง— พี่คงต้องกลับก่อน เชิญน้องตามสบาย”
เทลาเรนเซ่ลุกขึ้นโค้งคำนับก่อนที่จะเดินไปส่งผู้เป็นพี่สาวจนถึงลานหน้าหอคอย ก่อนจากกันชายหนุ่มก็กุมมือของหญิงสาวไว้แน่น “ท่านพี่” เขากล่าวย้ำ “ท่านต้องอดทน อย่าให้มันเห็นว่าท่านอ่อนแอ ข้าสาบานว่าจะต้องช่วยท่านพี่ให้พ้นจากเงื้อมมือของเจ้าคนชั้นต่ำนั่นให้ได้”