ชายหนุ่มหลับสนิทไปแล้ว แต่หญิงสาวในอ้อมแขนของเขาหาข่มตาลงได้ไม่
เจ้าหญิงพยายามที่จะพลิกตัวหนีหลายครั้ง หากแต่ต้องจนใจเมื่อทุกครั้งที่นางขยับ คนชั่วช้าที่กำลังกอดรัดนางก็สะดุ้งขึ้นคล้ายจะตื่นทุกครั้งไป เจ้าหล่อนจึงทำได้เพียงแค่ทอดถอนใจจ้องมองใบหน้าของชายผู้เอาเปรียบเธอเท่านั้น
แม้จะไม่เต็มใจนัก แต่ทีราเลนเซียก็จำต้องยอมรับว่าชายตรงหน้านั้นถือว่าเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง อาจไม่ใช่เจ้าชายผู้แข็งแรงองอาจอย่างที่เธอวาดฝันไว้ว่าจะได้เจอ แต่เขาก็ดูอ่อนโยน เหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาในยามนิทราเช่นนี้
หญิงสาวรีบข่มตาไล่ความคิดนั้นออกไปจากสมอง คงไม่มีเด็กน้อยไร้เดียงสาที่ไหนอุกอาจรุกไล่เธอให้จนตรอกได้ถึงขนาดนี้ ทั้งขโมยจูบแรก ทำเธออับอายจนแทบต้องแทรกแผ่นดินหนีต่อหน้าธารกำนัล รวมไปถึงใช้เธอเป็นหมอนข้างกอดนอนอยู่ในขณะนี้
แต่เจ้าหญิงก็อดรู้สึกจั๊กจี้ในใจไม่ได้ ถึงอีกฝ่ายจะคุกคามเธอเพียงใด แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีด้านที่อ่อนโยน กอดปลอบและคอยเช็ดน้ำตาให้เธอ ซ้ำยังบังอาจตั้งชื่อเล่นให้เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์อย่างเธอ และที่สำคัญที่สุด ชายตรงหน้าไม่ได้บีบบังคับให้เธอมอบพรหมจรรย์อันแสนล้ำค่าให้กับเขา— อย่างน้อยก็ในตอนนี้
แสงอาทิตย์ยามอัสดงส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาอาบห้องหอจนเปลี่ยนเป็นสีส้ม บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด แน่ทีเดียวว่าเป็นเพราะคำสั่งของโอมที่ห้ามไม่ให้ใครเข้ามายุ่มย่าม เจ้าหญิงถลึงตาให้กับร่างที่กำลังหลับสนิทอีกครั้ง ด้วยคำสั่งงี่เง่าของเขา ไม่ทราบว่าป่านฉะนี้พวกปากหอยปากปูในปราสาทจะนำเรื่องของเธอไปเติมแต่งเสียจนพังพินาศไปเท่าใดแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็ดึงแขนที่กอดรัดตัวนางอยู่ให้หลุดออก สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มครางออกมาครั้งหนึ่ง หัวใจของเจ้าหล่อนเต้นโครมครามด้วยอารามกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางถอนหายใจอย่างโล่งอก ลุกขึ้นจัดแต่งอาภรณ์ให้ดูเรียบร้อยก่อนค่อยๆ ย่องตรงไปยังประตู
ยังไม่ทันที่มือของเจ้าหญิงจะได้ทันสัมผัสกับกลอนประตู เสียงกระแอมก็ดังมาจากทางด้านหลัง ทีราเลนเซียกรีดร้องในใจขณะหันกลับไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเตียง “ทีร่า” โอมร้องเรียกด้วยน้ำเสียงง่วงงุน “นั่นเธอจะไปไหนน่ะ”
“ข้าจะไปที่ใดมันก็เรื่องของข้า” เจ้าหญิงเชิดเสียงตอบ “เจ้ามีสิทธิอันใดมากล่าวห้าม”
โอมอ้าปากหาว “นี่เช้าแล้วงั้นเหรอทีร่า” เขาถาม “เธออย่าลืมสิว่าฉันสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามารบกวนพวกเราที่นี่”
หญิงสาวยิ้มเมื่อได้ยินคำนั้น “นั่นก็ใช่ แต่เจ้าก็ไม่เคยสั่งห้ามใครลงไปก่อนเช้านี่”
ชายหนุ่มหัวเราะ ใช้ดวงตาของเขาจ้องเข้าไปในดวงตาสีม่วงที่พยายามหลบเลี่ยง “งั้นฉันขอสั่งไม่ให้ใครลงไปจากที่นี่ก่อนที่จะเช้า”
“เหลวไหล” เจ้าหญิงเอสเปอร์รัญญ่าแหวทันที “เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครถึงคิดมาออกคำสั่งเช่นนั้นกับข้า”
แทนคำตอบ โอมหยิบหมอนอิงที่หล่นอยู่บริเวณนั้นขึ้นมาวางพิงไว้กับหัวเตียงแล้วเอนหลังลงเป็นท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ก่อนใช้มือซ้ายตบลงบนฟูกที่นอนข้างกาย “ทีร่า” เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม “มานอนตรงนี้”
อากัปกิริยานั้นแทบทำให้เจ้าหญิงเดือดดาลจนเต้นเร่า “เจ้าคนชั่วช้า” นางร้อง “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะลงไป ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะทำอันใดข้าได้”
โอมผายมือไปทางประตู “งั้นฉันก็แนะนำให้เธอลองดู” เขาพูด “ฉันจะปล่อยให้เธอลงไปพักหนึ่งก่อน จากนั้นฉันจึงค่อยลงไปตามหาเธอ จะเรียกหายอดรักให้ทั่วทั้งปราสาท เมื่อเจอก็จะโอบอุ้มเธอกลับขึ้นมาบนห้องนี้ใหม่ นั่นฟังดูดีหรือไม่ ทีร่า”