“เพื่อน” เมื่อหญิงสาวทวนคำนี้ ก็ดูเหมือนว่าดวงตาที่เคยแข็งกำลังค่อยๆรื้นไปด้วยน้ำตา “ข้าไม่มีเพื่อน”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “หมายความว่ายังไงที่ว่าไม่มีเพื่อน” เขาถาม “แล้วตอนเด็กๆ เธอโตมากับใคร”
เจ้าหญิงสะบัดหน้าหนีไม่ยอมตอบ บัดนี้โอมสังเกตเห็นแล้วว่าน้ำตาอุ่นๆ กำลังค่อยๆ ไหลออกจากดวงตาของอีกฝ่าย “เจ้าหญิง” ชายหนุ่มคลายมือจากการโอบกอดลง ก่อนที่จะใช้มือหนึ่งล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าในอกเสื้อออกมาช่วยซับน้ำตา “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉัน— ”
“ขอโทษข้าทำไมหรือผู้กล้า” เจ้าหญิงยังคงเอียงหน้าหลบสายตา “ข้าไม่ได้เป็นอะไร เชิญท่านรุกไล่ข้าต่อไปเถอะ”
เห็นท่าทางดื้อรั้นทั้งน้ำตาของอีกฝ่ายแล้วโอมก็อดนึกถึงเอมไม่ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็เอนตัวลงนอนโอบกอดร่างบางที่กำลังสั่นเทิ้มไว้อย่างหลวมๆ “อย่าเรียกฉันว่าผู้กล้า เพราะฉันมันไม่ใช่” เขาพูดเบาๆ “ฉันชื่อโอม เรียกฉันว่าโอม หยุดร้องให้เถอะเจ้าหญิง ฉันจะไม่รังแกเธออีกต่อไปแล้ว”
ดวงตาสีม่วงช้อนมองชายหนุ่มอย่างประหลาดใจ “เจ้ากำลังวางแผนอันใด” นางเอ่ยถาม “ผู้กล้า ข้าควรเชื่อเจ้าหรือ”
ชายหนุ่มพลิกตัวกลับมาประจันหน้ากับหญิงสาว “ฉันบอกให้เธอเรียกชื่อฉัน” เขาพูดเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง “และฉันก็จะเรียกเธอด้วยชื่อเหมือนกัน เธอชื่อทีราเลเซียใช่ไหม”
“ทีราเลนเซีย”
“นั่นแหละ” โอมยิ้มออกมา ใช้นิ้วชี้ป้ายน้ำตาออกจากขนตางอนยาวของหญิงสาว “ถ้าอย่างนั้นฉันจะเรียกเธอว่าทีร่า ดีไหมทีร่า ฉันว่าจำง่ายดี”
“ทีร่า” หญิงสาวทวนคำเบาๆ ไม่มีใครทราบได้ว่าในใจนางกำลังคิดอะไร “เจ้าจะเรียกข้าว่าทีร่าอย่างนั้นหรือ”
“ตอนพวกเราอยู่ข้างนอก เธอจะเรียกฉันว่าอะไรก็สุดแล้วแต่ความคิดเธอ” โอมยังคงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่ถ้าเราอยู่กันสองคนเช่นในตอนนี้ ฉันคือโอมของเธอ และเธอคือทีร่าของฉัน”
ใบหน้าของเจ้าหญิงขึ้นสีเข้มทันที “เจ้าพูดบ้าอันใด” หญิงสาวกัดริมฝีปาก พลิกตัวหนีไปอีกทาง “จะเรียกข้าอย่างไรก็แล้วแต่เจ้าเถิด แต่อย่ามาตู่เอาว่าข้าเป็นของเจ้าอย่างนั้นอย่างนี้”
โอมหัวเราะพร้อมรวบร่างบางเข้ามาแนบอก “ก็ได้พะย่ะค่ะองค์หญิง” เขาพูดยิ้มๆ “ฉันจะไม่ล่วงเกินเธอ เธอไม่จำเป็นที่จะต้องมีลูกให้ฉัน แค่สัญญาว่าจะหาทางพาฉันกลับบ้านให้เร็วที่สุดก็พอแล้ว”