ประตูไม้บานหนักถูกดึงปิด โอมใช้มือข้างหนึ่งลงกลอนอย่างแน่นหนาในขณะที่มืออีกข้างกำลังกอดรัดร่างของผู้เป็นภรรยาที่กำลังดิ้นรนให้หลุดจากการเกาะกุมอย่างสุดชีวิต
เขาวางร่างของเจ้าหญิงลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล “ถ้าเธอสัญญาว่าจะไม่ขัดขืน ฉันจะไม่ทำอะไรรุนแรง” โอมพูด
เจ้าหญิงรีบพยักหน้ารับคำทันที แต่ในชั่วพริบตาที่ชายหนุ่มปล่อยนางจากการเกาะกุมนั้น ดวงตาของหญิงสาวก็เป็นประกายวูบ เอสเปอร์รัญญ่ายิ้มเหี้ยมเกรียมในขณะที่สะบัดมือ แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นกลายเป็นเชือกพันธนาการร่างของผู้กล้าหนุ่มไว้แน่น
“เจ้าคิดว่าตัวเองแข็งแรงกว่าอย่างนั้นหรือ” เจ้าหญิงร้องอย่างมีชัย “ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะมีปัญญาหลุดจากการถูกเชือกมนตราของข้ารัดรึงหรือไม่”
ถึงแม้จะถูกมัดแน่น แต่โอมก็ยังคงยิ้มได้ “ฉันคิดแล้วว่าเธอมันต้องเลี้ยงไม่เชื่อง” เขาพูดกลั้วหัวเราะ “ฉันรู้ดีว่าลำพังแค่แรงของฉันน่ะคงสู้เวทมนตร์ของเธอไม่ได้หรอก แต่ก็นะ ของแบบนี้มันก็มีจุดอ่อน”
แววตาแห่งชัยชนะของหญิงสาวสลายไปในทันทีเมื่อเห็นว่าเชือกแสงที่รัดร่างของอีกฝ่ายอยู่นั้นกำลังสลายกลายเป็นควันไปอย่างช้าๆ โอมรีบกอดรัดร่างของเจ้าหญิงที่มีทีท่าว่าจะกระโดดหนีไว้แน่น “เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเธอเพิ่งกล่าวคำสาบาน ว่าจะรัก และไม่มีวันที่จะคิดทำร้ายฉัน”
บัดนี้เจ้าหญิงก็รู้แล้วว่าเวทมนตร์ของตนเองคงไม่สามารถทำอันตรายแก่ชายตรงหน้าได้อีก คงต้องโทษชะตาของฟ้าไม่ก็ใครก็ตามที่เป็นคนเขียนบทพูดในพิธีแต่งงานของเธอ โอมได้ทีที่เห็นหญิงสาวเสียขวัญ รีบปีนขึ้นนั่งบนเตียง โอบกอดร่างที่ไม่มีทางสู้เข้ามาไว้ในอ้อมอก
ในตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าหญิงสาวผู้นี้คงจะร้องไห้ออกมา แต่ปรากฏว่าเอสเปอร์รัญญ่านั้นเข้มแข็งกว่าที่เขาคิด เมื่อเห็นว่าคงไม่มีทางสู้แรงของเขาได้ นางก็นั่งนิ่งเป็นหุ่นไม้อยู่ในอ้อมอก ยอมให้เขาเอาเปรียบอย่างไม่สะทกสะท้าน เมื่อเห็นดังนั้นโอมจึงถอนหายใจเบาๆ พร้อมหยุดมือที่กำลังรุกไล่ “เอาล่ะ ฉันว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องคุยกัน”
“มีอันใดต้องเอ่ยอีก” เจ้าหญิงเอ่ยตอบเสียงเรียบ ไม่มีแสดงอาการยินดียินร้ายในน้ำเสียง “เจ้าชนะแล้ว ทำสิ่งที่เจ้าต้องการเถอะ”
โอมถอนหายใจอีกครั้ง เขาพลิกร่างของหญิงสาวให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันโดยยังไม่ยอมปล่อยให้นางหลุดออกจากอ้อมกอด “ฉันขอโทษที่ล่วงเกินเธอ” ชายหนุ่มพูด “แต่ถ้าอยากจะคุยกับเธอแบบเป็นผู้เป็นคน ก็มีแค่วิธีนี้นี่แหละที่ฉันนึกออก”
ดวงตาสีดำจ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีม่วง เจ้าหญิงพยายามหันหน้าหนีแต่ก็ถูกมือใหญ่เชยคางให้จ้องตรง “อย่าหลบหน้าฉัน เจ้าหญิง— ” เมื่อพูดถึงตรงนี้ โอมก็ชะงักไป “จริงสิ ฉันยังจำชื่อเธอไม่ได้เลย”
“สามีข้าช่างความจำสั้นยิ่งนัก” แม้ท่าทีของนางจะอ่อนลง แต่น้ำเสียงก็ยังฟังดูกระด้าง “นามของข้าคือ ทีราเลนเซีย ฟราดิก้า เอสเปอร์รัญญ่า”
โอมพ่นลมหายใจขำ “ชื่อยาวขนาดนี้ ใครมันจะไปจำได้” เขาพูด “ไม่มีชื่อเล่นเหรอ บอกฉันซิ เพื่อนๆของเธอเรียกเธอว่ายังไง”