Fanboi Channel

นิยายจากโม่งโดยโม่งเพื่อโม่ง

Last posted

Total of 780 posts

1 Nameless Fanboi Posted ID:izk3.Kj4.

กระทู้สำหรับโม่งที่อยากแต่งนิยายแล้วให้โม่งสับหรือเล่นต่อนิยายกัน

2 Nameless Fanboi Posted ID:eSGJaRk.Z

กุรอคนเปิดนะ กุเปิดเรื่องไม่เก่ง

3 Nameless Fanboi Posted ID:5llvi+iuT

กูเสนอธีมนิยายแฟนตาซีโรงเรียน มีหอพัก ภารกิจอะไรก็ว่าไป แล้วแบ่งกันแต่งตัวละครของตัวเอง จะเบียวแบบกลับมาแก้แค้น ทะลุมิติ เบียวให้เต็มที่

4 Nameless Fanboi Posted ID:waCI3X3P7

>>3 จะให้เบียวกว่านี้ต้องไปต่างโลกหรือกลับชาติมาเกิดว่ะ อะ แล้วมึงอย่าลืมระบบ RPG กับเหตุเกิดเพราะพระเจ้าประมาท

5 Nameless Fanboi Posted ID:BAfNdG3JG

>>4 แล้วได้พลังระดับพระเจ้ามาด้วยมึงอย่าลืม

6 Nameless Fanboi Posted ID:UzvYVAsvb

แซะอีหนังสือกับก็อตนี่หว่า

7 Nameless Fanboi Posted ID:RJd0ZCWFm

>>5 แล้วฮาเร็มกับดันเจี้ยนล่ะ

8 Nameless Fanboi Posted ID:tnty+VGnT

>>7 อาวุธสุดเทพในตำนานกับคัมภีร์หรือสกิลโบราณที่ไม่มีใครเคยเจอเป็นชาติ ยกเว้นตัวเอกผู้เป็นเทพทรู

9 Nameless Fanboi Posted ID:acbWd9pEw

กูขออย่างเดียว อย่าแต่ง ๆ ไปตันแล้วเล่นมุกตื่น กูเคยเล่น แม่งคนเล่นมันกาก ไม่มีจินตนาการ เขียนไปรวม 20 โพสต์ ตื่นกัน 5-6 ครั้งเลย กูเซ็งมาก

10 Nameless Fanboi Posted ID:KCg3O0HVB

>>9 inceptionรึไงวะแม่งฝันซ้อนฝัน

11 Nameless Fanboi Posted ID:vnOR/HCmW

กูวางพล็อตให้ปะ เอาให้เบียวสุดกู่ไปเลย ยำรวมกันทั้งถูกอัญเชิญมาต่างโลก เกิดใหม่ในต่างโลก จู่ๆ ก็ถูกส่งมาต่างโลก และโรงเรียนเวทมนตร์สี่หอ ฮาเร็ม สกิลเทพทรู โลกนี้คือเกมจีบหนุ่มจีบสาวที่เคยเล่น บลาๆ

12 Nameless Fanboi Posted ID:ADPZ4Lsns

>>11 เรียงให้ พระเอกถูกเรียกมาโลกต่างมิติ พบว่าเป็นโลกที่เหมือนเกมจีบที่ตัวเองเคยเล่นมาก่อน ได้รับภารกิจจากพระเจ้าอะไรสักอย่าง ซึ่งต้องทำโดยการปักธงฮาเร็มสาวๆให้หมด ต้องไปเข้ารรละกันนะมึง เอาไง

13 Nameless Fanboi Posted ID:lBLFiUCnP

>>12 งั้นกูต่อให้ คู่แข่งพระเอกได้เกิดใหม่ในต่างโลก และพบว่านี่คือโลกในเกมที่ตูเพิ่งเล่นจบ หนำซ้ำตัวร้ายก็คือข้า เลยคิดหาทางขัดขวางจุดจบหายนะของตัวร้าย ซึ่งเผอิญว่าไอ้วิธีของเจ้านี่ดันไปขัดขวางภารกิจของพระเอก แต่ที่แย่กว่านั้นคือพระเอกมันมีภารกิจต้องเก็บคู่แข่งพระเอกนี่เข้าฮาเร็มเพื่อช่วยโลก

14 Nameless Fanboi Posted ID:.G4qNv3rk

>>13 เห้ยล้ำ กูว่าเขียนในมุมมองพระเอกดีมั้ย หรือจะเขียนสลับกันทั้งพระเอกกับตัวร้าย

15 Nameless Fanboi Posted ID:Lgm6DsR1b

>>14 เขียนตามความถนัดของโม่งแต่ละคนเลย เพื่อความดีงาม เขียนตามความถนัดและความชอบ(บวกเบียว) เสนอกันเยอะๆนะคะ <<<<<ทำไมกูโลกสวยจัง

16 Nameless Fanboi Posted ID:qEQIMu+zU

พระเอกหลุดเข้าไปในโลกเกมที่ทุกคนเล่นเกมแข่งกันแล้วผ่านไปสักพักก็หลุดเข้าไปในโลกของเกมในโลกของเกมอีกที ไงล่ะโคตรเทพมาๆใครเอาไปแต่งที

17 Nameless Fanboi Posted ID:MSqlpCg84

อ้าวกุนึกว่าพวกมรึงจะมาต่อนิยายกันไหงกลายเป็นมาคิดพล้อตให้คนเอาไปแต่งละนี่

หรือกะลังสุมหัวก่อนแล้วหาคนเปิดวะ

18 Nameless Fanboi Posted ID:ImZBRWtcW

>>17 สุมหัวแล้วหาคนเปิด กูว่านะ

19 Nameless Fanboi Posted ID:y/6oO7M.g

>>17-18 กูไม่รู้กูรอคนเปิด

20 Nameless Fanboi Posted ID:z8UVrFoGf

ชายหนุ่มเอนศีรษะพิงกับกระจกประตู มือซ้ายของเขากำหลวม ๆ อยู่บนพวงมาลัย ดวงตาสีดำเหม่อมองฝ่าบรรยากาศอันอึมครึมจากสายฝนที่ตกปรอย ๆ อยู่ด้านนอกพร้อมถอนหายใจยาว
หญิงสาวบนเบาะข้างคนขับปิดปากหาว เธอใช้มือข้างถนัดหมุนสายเข็มขัดนิรภัยเล่น ผมยาวที่ดูกระเซิงไม่เข้ากับชุดนิสิตที่เธอใส่อยู่เท่าใดนัก “จะทำหน้าแบบนั้นไปจนถึงเมื่อไหร่กัน” ดวงตากลมโตแฝงไปด้วยแววแง่งอน “ถ้าฝนไม่ตกเราก็กลับเองได้น่า”
“แม่เธอจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว” ชายหนุ่มพูด ยังไม่ถอนสายตาออกจากกระจก “โตแล้วนะเอม ทำไมถึงต้องทำให้ที่บ้านเป็นห่วงอยู่เรื่อย”
“ก็วันนี้วันเกิดเพื่อน บอกแม่ไว้แล้วไงว่าจะกลับดึก” หญิงสาวยังไม่หยุดเถียง “ไปได้แล้ว ไฟเขียวแล้ว”
ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันความสนใจกลับมายังสภาพการจราจรเบื้องหน้า เขาถอนเบรกออกตัวช้า ๆ มือทั้งสองข้างกำอยู่บนพวงมาลัย ขับตามรถคันหน้าไปด้วยความเร็วเท่าที่จะทำได้ในคืนฝนตกเช่นนี้
รถแล่นไปได้ระยะหนึ่งก็ถูกไฟสัญญาณบังคับให้ต้องหยุดลงอีกครั้ง ชายหนุ่มใส่เกียร์ว่าง ถอนหายใจยาวอีกครั้งขณะหันหน้ากลับมาหาเพื่อนสาวที่กำลังนั่งแคะเล็บเป็นทองไม่รู้ร้อน “เดี๋ยวก็ถึงบ้านเธอแล้ว” เขาพูด “คิดข้อแก้ตัวดี ๆ ก็แล้วกัน”
“ทำไมต้องแก้ตัว เราบอกแม่ไว้แล้วว่าวันนี้จะกลับดึก” หญิงสาวตีหน้านิ่ง สายตายังไม่ละไปจากนิ้วเรียว “โอมก็รู้นี่ว่าแม่เป็นยังไง คราวหลังถ้าแม่โทรหาอีกก็ทำเฉยไว้นะ จะได้ไม่ลำบาก”
“โอมรู้ว่าป้าดาเขาเป็นห่วงไง” ชายหนุ่มพูดอย่างหัวเสีย ปล่อยมือซ้ายที่กำพวงมาลัยไว้มาทึ้งผมตัวเอง “ที่บอกว่าจะกลับดึกน่ะเขาคิดกันว่าคงไม่เกินสี่ทุ่ม นี่มันจะตีสองแล้วนะเอม แถมโทรไปก็ไม่รับอีก”
หญิงสาวยกมือขวาขึ้นดึงแก้มของเพื่อนหนุ่ม “หยุดพูดเถอะ เดี๋ยวต้องเก็บหูไว้ฟังแม่อีก” เธอใช้มืออีกข้างกดเปิดวิทยุ เสียงเพลงป๊อบสากลดังกระหึ่มออกมาจากลำโพงทันที “ฟังนี่ล้างหูไว้ดีกว่า”
เสียงเพลงยังคงดังต่อไปโดยไร้ซึ่งเสียงตอบกลับจากชายหนุ่มข้างกาย เอมหันไปมองใบหน้าถมึงทึงของเพื่อนก่อนที่จะหลุดหัวเราะออกมา “เป็นอะไรน่ะโอม” หญิงสาวทำเสียงฉอเลาะ เอี้ยวตัวไปใช้มือทั้งสองข้างบีบต้นแขนของอีกฝ่ายแน่น “โกรธเค้าเหรอ เค้าขอโทษ”
ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งขณะพยายามดึงแขนของตนให้พ้นจากการเกาะกุม “เลิกทำแบบนี้สักทีเถอะ” เขาขมวดคิ้ว “กลิ่นเหล้าหึ่งเชียว เข้าบ้านทั้งแบบนี้เธอตายแน่”
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เอมรีบถอนมือขึ้นไปอังปากทดสอบกลิ่นลมหายใจ “จริงด้วย” เธอร้องอย่างตกใจ “ทำไงดีล่ะ แม่ต้องฆ่าเอมแน่ ๆ เลย”
“เดี๋ยวไปจอดเซเว่นหน้าปากซอยให้ก็แล้วกัน” เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนมุมปากของชายหนุ่ม “หาน้ำหวานกิน เผื่อจะช่วยได้”
เอมนั่งเงียบไปตลอดทางจนถึงที่หมาย ชายหนุ่มลอบยิ้มในใจเมื่อได้เห็นหญิงสาวนั่งพ่นลมหายใจทดสอบกลิ่นแอลกอฮอล์ทุก ๆ สิบวินาที เขาจอดรถเทียบข้างฟุตบาทขณะที่หญิงสาวรีบก้าวเท้าลงจากรถตรงดิ่งเข้าไปยังร้านสะดวกซื้อทันที
หญิงสาวกลับมาในอีกห้านาทีพร้อมกับถุงพลาสติกใบใหญ่ โอมเอี้ยวตัวหันมามองของในนั้นก่อนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “กาแฟ กาแฟดำ น้ำแดง น้ำเขียวแล้วก็อะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะเนี่ย” เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายยิ้ม ๆ “กินหมดนี่ปวดท้องตายแน่เธอ”
“มันจะได้ดับกลิ่นไง” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงวิตกจริตขณะกระดกกระป๋องอลูมิเนียมขึ้นดื่มแล้วหันกลับมาพ่นลมใส่หน้าเพื่อนหนุ่ม “หายยัง” เธอถาม
ชายหนุ่มนิ่วหน้า “ผู้หญิงบ้าอะไรโคตรหยาบคาย” เขาพูดพร้อมเอนหลังกลับไปชิดเบาะ “เดี๋ยวสัปดาห์หน้าโอมก็ไปอเมริกาแล้ว ใครจะมาคอยตามล้างตามเช็ดให้เอม”
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ”
โอมหัวเราะเบา ๆ เหสายตากลับไปมองม่านฝนด้านนอกหน้าต่างที่เริ่มตกหนาเม็ดขึ้น “รีบ ๆ กินเถอะ เดี๋ยวคืนนี้ป้าดาจะรอเธอจนไม่ได้นอน”

21 Nameless Fanboi Posted ID:z8UVrFoGf

สัส เว็บห่านี่ไม่เหมาะกับการเขียนนิยาย เอาใหม่นะ กู >>20

ชายหนุ่มเอนศีรษะพิงกับกระจกประตู มือซ้ายของเขากำหลวม ๆ อยู่บนพวงมาลัย ดวงตาสีดำเหม่อมองฝ่าบรรยากาศอันอึมครึมจากสายฝนที่ตกปรอย ๆ อยู่ด้านนอกพร้อมถอนหายใจยาว

หญิงสาวบนเบาะข้างคนขับปิดปากหาว เธอใช้มือข้างถนัดหมุนสายเข็มขัดนิรภัยเล่น ผมยาวที่ดูกระเซิงไม่เข้ากับชุดนิสิตที่เธอใส่อยู่เท่าใดนัก “จะทำหน้าแบบนั้นไปจนถึงเมื่อไหร่กัน” ดวงตากลมโตแฝงไปด้วยแววแง่งอน “ถ้าฝนไม่ตกเราก็กลับเองได้น่า”

“แม่เธอจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว” ชายหนุ่มพูด ยังไม่ถอนสายตาออกจากกระจก “โตแล้วนะเอม ทำไมถึงต้องทำให้ที่บ้านเป็นห่วงอยู่เรื่อย”

“ก็วันนี้วันเกิดเพื่อน บอกแม่ไว้แล้วไงว่าจะกลับดึก” หญิงสาวยังไม่หยุดเถียง “ไปได้แล้ว ไฟเขียวแล้ว”

ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันความสนใจกลับมายังสภาพการจราจรเบื้องหน้า เขาถอนเบรกออกตัวช้า ๆ มือทั้งสองข้างกำอยู่บนพวงมาลัย ขับตามรถคันหน้าไปด้วยความเร็วเท่าที่จะทำได้ในคืนฝนตกเช่นนี้

รถแล่นไปได้ระยะหนึ่งก็ถูกไฟสัญญาณบังคับให้ต้องหยุดลงอีกครั้ง ชายหนุ่มใส่เกียร์ว่าง ถอนหายใจยาวอีกครั้งขณะหันหน้ากลับมาหาเพื่อนสาวที่กำลังนั่งแคะเล็บเป็นทองไม่รู้ร้อน “เดี๋ยวก็ถึงบ้านเธอแล้ว” เขาพูด “คิดข้อแก้ตัวดี ๆ ก็แล้วกัน”

“ทำไมต้องแก้ตัว เราบอกแม่ไว้แล้วว่าวันนี้จะกลับดึก” หญิงสาวตีหน้านิ่ง สายตายังไม่ละไปจากนิ้วเรียว “โอมก็รู้นี่ว่าแม่เป็นยังไง คราวหลังถ้าแม่โทรหาอีกก็ทำเฉยไว้นะ จะได้ไม่ลำบาก”

“โอมรู้ว่าป้าดาเขาเป็นห่วงไง” ชายหนุ่มพูดอย่างหัวเสีย ปล่อยมือซ้ายที่กำพวงมาลัยไว้มาทึ้งผมตัวเอง “ที่บอกว่าจะกลับดึกน่ะเขาคิดกันว่าคงไม่เกินสี่ทุ่ม นี่มันจะตีสองแล้วนะเอม แถมโทรไปก็ไม่รับอีก”

หญิงสาวยกมือขวาขึ้นดึงแก้มของเพื่อนหนุ่ม “หยุดพูดเถอะ เดี๋ยวต้องเก็บหูไว้ฟังแม่อีก” เธอใช้มืออีกข้างกดเปิดวิทยุ เสียงเพลงป๊อบสากลดังกระหึ่มออกมาจากลำโพงทันที “ฟังนี่ล้างหูไว้ดีกว่า”

เสียงเพลงยังคงดังต่อไปโดยไร้ซึ่งเสียงตอบกลับจากชายหนุ่มข้างกาย เอมหันไปมองใบหน้าถมึงทึงของเพื่อนก่อนที่จะหลุดหัวเราะออกมา “เป็นอะไรน่ะโอม” หญิงสาวทำเสียงฉอเลาะ เอี้ยวตัวไปใช้มือทั้งสองข้างบีบต้นแขนของอีกฝ่ายแน่น “โกรธเค้าเหรอ เค้าขอโทษ”

ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งขณะพยายามดึงแขนของตนให้พ้นจากการเกาะกุม “เลิกทำแบบนี้สักทีเถอะ” เขาขมวดคิ้ว “กลิ่นเหล้าหึ่งเชียว เข้าบ้านทั้งแบบนี้เธอตายแน่”

ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เอมรีบถอนมือขึ้นไปอังปากทดสอบกลิ่นลมหายใจ “จริงด้วย” เธอร้องอย่างตกใจ “ทำไงดีล่ะ แม่ต้องฆ่าเอมแน่ ๆ เลย”

“เดี๋ยวไปจอดเซเว่นหน้าปากซอยให้ก็แล้วกัน” เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนมุมปากของชายหนุ่ม “หาน้ำหวานกิน เผื่อจะช่วยได้”

เอมนั่งเงียบไปตลอดทางจนถึงที่หมาย ชายหนุ่มลอบยิ้มในใจเมื่อได้เห็นหญิงสาวนั่งพ่นลมหายใจทดสอบกลิ่นแอลกอฮอล์ทุก ๆ สิบวินาที เขาจอดรถเทียบข้างฟุตบาทขณะที่หญิงสาวรีบก้าวเท้าลงจากรถตรงดิ่งเข้าไปยังร้านสะดวกซื้อทันที

หญิงสาวกลับมาในอีกห้านาทีพร้อมกับถุงพลาสติกใบใหญ่ โอมเอี้ยวตัวหันมามองของในนั้นก่อนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “กาแฟ กาแฟดำ น้ำแดง น้ำเขียวแล้วก็อะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะเนี่ย” เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายยิ้ม ๆ “กินหมดนี่ปวดท้องตายแน่เธอ”

“มันจะได้ดับกลิ่นไง” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงวิตกจริตขณะกระดกกระป๋องอลูมิเนียมขึ้นดื่มแล้วหันกลับมาพ่นลมใส่หน้าเพื่อนหนุ่ม “หายยัง” เธอถาม

ชายหนุ่มนิ่วหน้า “ผู้หญิงบ้าอะไรโคตรหยาบคาย” เขาพูดพร้อมเอนหลังกลับไปชิดเบาะ “เดี๋ยวสัปดาห์หน้าโอมก็ไปอเมริกาแล้ว ใครจะมาคอยตามล้างตามเช็ดให้เอม”

“ไม่ไปไม่ได้เหรอ”

โอมหัวเราะเบา ๆ เหสายตากลับไปมองม่านฝนด้านนอกหน้าต่างที่เริ่มตกหนาเม็ดขึ้น “รีบ ๆ กินเถอะ เดี๋ยวคืนนี้ป้าดาจะรอเธอจนไม่ได้นอน”

22 Nameless Fanboi Posted ID:PRGTeKwP1

>>21 ทำไมกูอ่านแล้วจะออกแนวรักๆนะ มีแฟนตาซีไปต่างโลกป้ะ 555

23 Nameless Fanboi Posted ID:csCgZI4Hp

>>21 มึงก็พิมพ์ใส่ doc แล้วยกลิงค์มาสิ

24 Nameless Fanboi Posted ID:F0UU80PJC

>>22 เดี๋ยวหาเหตุให้แม่งตายข้ามโลกมั้ง//กูเดาจากพล็อตนิยม

25 Nameless Fanboi Posted ID:h3BRuDLNH

มึงจะต่อป้ะ เดี๋ยวกูต่อ555

26 Nameless Fanboi Posted ID:z8UVrFoGf

>>25 ต่อไปดิ มึงรอคนเปิดไม่ใช่เหรอ

27 Nameless Fanboi Posted ID:h3BRuDLNH

.....
...

"ขอบใจนะลูก" ป้าดาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเกรงใจก่อนจะหันไปพูดกับหญิงสาว "ไปเอม เข้าบ้าน" น้ำเสียงของผู้เป็นมารดาเต็มด้วยร่องรอยของความโล่งอก..โชคดีที่คราวนี้เขาไปเป็นเพื่อนเธอ อย่างไรเอมิกาก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว เที่ยวกลางคืนคนเดียวคงไม่ปลอดภัยนัก
เอมยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มซุกซนโดยไม่สนใจมารดา แล้วจึงหมุนตัวเข้าบ้านไป ชายหนุ่มยิ้มตามมารยาทแล้วจึงกล่าวขอตัว
โอมขับรถออกมา ในใจของเขาเต็มไปด้วยความหนักใจ..
...ชายหนุ่มรู้ดีว่าเอมคิดอย่างไรกับตนเอง โอมคิดกับหญิงสาวเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น แต่ยิ่งเขาถอยหนี เอมก็ยิ่งรุกไล่ วันนี้ถึงขั้นโทรมาเรียกให้เขาไปรับที่ผับชื่อดังกลางกรุงแห่งหนึ่ง จะให้เขาปล่อยผู้หญิงคนเดียวไปเมาอยู่คนเดียวก็ไม่ใช่เรื่อง
..แต่อาทิตย์หน้าเขาก็จะไปอเมริกาแล้ว
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อเห็นอะไรบางอย่างแล่นผ่านไปตรงหน้ากระจก
"อะไรวะ?"
ปัง!
เขาสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงประหลาด มันมาพร้อมแรงกระแทกจากด้านบน..หลังคารถ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นทันที..ทันได้เห็นรอยยุบบนหลังคารถที่ปรากฏเป็นใบหน้าคนชัดเจนก่อนที่ดวงหน้านั้นจะหายไป!
เอ้าต่อมึง หนังผีไปแล้วมั้งสัส555

28 Nameless Fanboi Posted ID:56SWqYlL.

มึง สรุปจะเอาเขียนดีหรือเขียนเบียว กูว่าเริ่มไปทางแรกแล้วนะ5555

29 Nameless Fanboi Posted ID:pW/1zU9rW

>>28 กูก็กำลังรออยู่ว่าจะไปต่างโลกเมื่อไหร่ 555

30 Nameless Fanboi Posted ID:Sm4Zt7y7B

เปรี้ยงงงงง
รถทั้งคันพลิกคว่ำคะมำหงายภายในทันที กระกายไฟแล่นแปลบปลาบยามเสียดสีไปกับขอบรั้วเหล็กริมถนน อะไรบางอย่างกระแทกเข้าที่หัวเขาอย่างจังจนสติของชายหนุ่มหลุดลอยไป
พร้อมกับเสียงหัวเราะที่แว่วมา
วินาทีนั้นเองที่โอมรู้ว่า เขาไม่มีวันจะได้ไปอเมริกาหรือเจอหน้าเอมิกาอีกแล้ว
เขา....กำลังจะตาย
.................
..........
ความมืดที่เข้าครอบงำห้วงสติเริ่มถดถอยไปประดุจหมอกยามเช้าที่ค่อยสลายไปยามเมื่อแสงตะวันเริ่มแรงกล้า
โอมไ้ด้สติอีกครั้ง
ยังไม่ตายอีกเหรอวะ... ชายหนุ่มถึงกับสบถออกมาในใจด้วยความงุนงง ภาพเบื้องหน้าค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ทิวทัศน์ที่ปรากฎเบื้องหน้านั้น...ไม่ใช่ภาพของกรุงเทพที่เขาเห็นมาตลอด23ปีแต่อย่างใด ยิ่งไม่ใช่โรงพยาบาลเข้าไปใหญ่

เอ้าโยนไม้ต่อ สร้างสรรค์ความเบียวตามใจมึง

31 Nameless Fanboi Posted ID:G1jDAE7TK

เอาจริงๆกูว่าภาษาดีไปนะ ถ้าจะเอาพล็อตเบียวๆ ภาษาก็น่าจะเบียวไปด้วยเลย รึเปล่าวะ 555

32 Nameless Fanboi Posted ID:Mo8YkF0fV

งั้นเดี๋ยวคราวหน้ากูจะพยายามเขียนเบียวๆขึ้นละกัน

33 Nameless Fanboi Posted ID:QoYi8m/CI

>>30 กูต่อนะ

ซากโบราณสถานที่ดูคล้ายโคลอสเซี่ยมยุคโรมันคือสิ่งที่โอมเห็น บรรยากาศรอบตัวมีแต่ความมืดสลัวในยามราตรี แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่ชัดเจนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มคือคบไฟขนาดใหญ่สองอันที่มีเปลวเพลิงสีทองลุกไหม้ ชายชราในชุดนักบวชชั้นสูงยืนอยู่ตรงกลางคบไฟทั้งสอง มีเงาร่างของผู้คนจำนวนมากยืนห่างไกลแสงไฟออกไปเรียงแถวกันโอบล้อมรอบตัวโอมเป็นวงกลม คนเหล่านั้นแต่งกายกันสองแบบ คือสวมชุดคลุมตัวโคร่งปกปิดรูปร่างหน้าตา และสวมชุดเกราะเต็มยศเยี่ยงอัศวินเตรียมออกศึก

"สวัสดีท่านผู้กล้า ข้าในฐานะตัวแทนชาวอาณาจักรไบลี่ย์ ได้ทำการอัญเชิญท่านจากแดนไกลมายังที่แห่งนี้เพื่อขอร้องให้ท่านช่วยปราบจอมมารร้ายที่กำลังจะยึดครองโลกในอนาคตอันใกล้ ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยเถิดท่านผู้กล้า" นักบวชชรากล่าวจบก็โค้งคำนับเป็นเชิงขอร้อง เหล่าจอมเวทและอัศวินที่ยืนกระจายอยู่โดยรอบก็คุกเข่าลงแล้วก้มหัวอย่างนอบน้อม

"ห้ะ?" โอมติดสตั้นไปพักใหญ่หลังฟังคำพูดของชายชราจบ

เอ้า ต่อเลยโม่ง

34 Nameless Fanboi Posted ID:73rkMeGHb

งี่เง่า...
นั่นเป็นความคิดแรกในใจของเขา
การที่มีคนหมู่มากมาคุกเข่า ร้องขอให้เราวิ่งไปทิ้งชีวิต คนโง่ๆอย่างพระเอกนิยายธรรมดาคงทำ แต่โอมไม่คิดจะวิ่งไปให้จอมมารทิ่ม

"ช่วยแล้วได้อะไร?"
"มีประกันชีวิตไหม?"
"แล้วนี่ลุกขึ้นได้แล้ว จะนอนอีกนานไหม"

โอมมองต่ำ บางทีคนพวกนี้อาจจะได้จอมมารคนที่สองแทนผู้กล้าซะแล้ว...

ต่อเลยเพื่อน

35 Nameless Fanboi Posted ID:qKuWFhyxb

รออ่านอยู่นะโม่งงง โม่งคนเปิดเรื่องมีผลงานไหมอ่ะ ชอบการเขียนนายมากเลย แต่คงบอกไม่ได้สินะเดี๋ยวโม่งแตก เสียดายจัง

36 Nameless Fanboi Posted ID:FJcbxbL1h

>>35 ดีใจมีคนชมอุอิ เดี๋ยวมาต่อให้นาจา แต่แม่งลากเรื่องไปไหนต่อไหนละวะ

37 Nameless Fanboi Posted ID:OmYfvOOl.

>>34 "มันจะมากไปแล้วนะนายน่ะ" เสียงแหลมสูงดังขึ้นมาจากเบื้องหลังฝูงชนที่ห้อมล้อมเขาอยู่
โอมแหงนหน้ามองไปรอบตัว ก่อนจะพบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากมุมมืดแล้วจ้องมองเขาด้วยแววตาขุ่นเคืองอยู่
เธออยู่ในชุดที่ดูแปลกตามากสำหรับเขา เสื้อผ้าประดับด้วยลูกไม้แต่กลับดูเรียบง่ายเข้ากับร่างกาย ดวงตาสีม่วงเข้มแปลกประหลาด ทั้งยังมีผมสีดำตัดกับผิวขาวซีด
"เป็นแต่สิ่งมีชีวิตชนชั้นต่ำที่ถูกเรียกมาแท้ๆ ยังกล้ามาต่อรองกับพวกข้าอีกงั้นหรอ" พูดทั้งเสียงเหยียดหยามราวกับจะบดขยี้เขาซะให้แหลกตรงนี้
"เธอ..." โอมข่มความกลัวไว้ในใจเพื่อรักษาท่าที "เป็นใครกัน"
"ข้าหรอ" หญิงสาวเชิดคางมือท้าวสะเอวแสดงความเหย่อหยิ่ง "เจ้าหญิงของอาณาจักรนี้ยังไงล่ะ"

38 Nameless Fanboi Posted ID:OmYfvOOl.

ปล่อยความเบียวเสร็จละ กูขอลาก่อยยยย กาวนี่มันหอมจริงๆ~

39 Nameless Fanboi Posted ID:P+RSJ98Uf

>>38 เอามาให้กูดมบ้าง ความเบียวจะเริ่มต้นขึ้นณบัดนี้!!!??

เจ้าหญิง..มิน่าล่ะถึงทำท่าหัวสูงดูถูกคนเป็นบ้า โอมนึกเข่นเขี้ยวในใจ
"เจ้า" อีกฝ่ายชี้นิ้วมาทางเขา "ในเมื่อถูกเรียกมาแล้วก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีด้วยล่ะ"
โอมคิ้วกระตุก "แล้วถ้าฉันไม่ทำล่ะ"
..หญิงสาวเงียบไปชั่วครุ่ เสียงฝูงชนด้านหลังพึมพำอื้ออึงมาเป็นระยะ
"เจ้า...เจ้าก็จะกลับไปที่ๆเจ้าจากมาไม่ได้ไงล่ะ!! ถ้าเจ้าทำสำเร็จ เราจะส่งเจ้ากลับไปโดยสวัสดิภาพ" แววตาสีม่วงเปล่งประกายอย่างมีชัย
..เรื่องนั้นมันก็เห็นชัดๆอยู่แล้วไม่ใช่หรือ โอมคิดในใจ

เปิดตัวนางเอกหมายเลขหนึ่ง

40 Nameless Fanboi Posted ID:waESegqaD

กูเขียนเจ้าหญิงแต่ลืมคิดชื่อให้ว่ะ เอาไงดี เรียกเจ้าหญิงไปละกัน แต่ถ้าใครมีไอเดียก็ใส่ได้นะมึง

41 Nameless Fanboi Posted ID:HuVCU./Vf

เอาชื่อยาวๆเว่อวังอลังการก็ดีนะ แล้วก็มีชื่อเรียกย่อๆด้วย 555 ตอนนี้กูยังคิดไม่ออก

42 Nameless Fanboi Posted ID:P+RSJ98Uf

เอมิเลีย เรกาเซียบลาๆๆเรียๆๆสระเอียนี่แหละมึงหรูแล้ว

43 Nameless Fanboi Posted ID:ZpLhO/FxT

"ว่าแต่เธอจะให้ฉันอยู่ตรงนี้ไปถึงเมื่อไหร่" โอมองรอบตัวแล้วบ่นโอดครวญ
"เสียมารยาท!" เจ้าหญิงแผดเสียง "เรียกว่าเธออยู่ได้ข้าก็มีชื่อเหมือนกันนะ"
"งั้นชื่ออะไรล่ะ" โอมถามกลับทันทีโดยไม่ต้องคิด
"ถามได้ไร้มารยาทเสียจริง!" เจ้าหญิงพูดท่าทางฮึดฮัดไม่พอใจ
ขณะที่โอมกำลังจะเถียงกลับด้วยความปวดประสาทกับเจ้าหล่อนนั้นเอง เธอก็ได้พูดขัดขึ้น
"ทีราเลนเซีย ฟราดิก้า เอสเปอร์รัญญ่า" เจ้าหญิงสะบัดหน้าหลบไม่สบตาเขา "แต่สามัญชนและข้าราชบริพารจะเรียกข้าว่าเอสเปอร์รัญญ่าที่12"
"แปลว่าข้างหน้าเป็นชื่อเธอสินะ" โอมลูบคางพลางคิดตาม "ทีราเลนเซีย?"
เจ้าหญิงถลึงตาใส่เขา "ไม่ได้ยินรึไงว่าสามัญ..."
"ฉันชื่อโอม" เขาไม่สนใจเสียงบ่นกับรังสีอาฆาตทีแผ่ออกมาจากเธอ "แล้วฉันก็ไม่ใช่สามัญชนสักหน่อย...เป็นผู้กล้าต่างหาก"

Let it goooooooo,let it byouuuuu

44 Nameless Fanboi Posted ID:Ev/KBXCSw

>>43 กูต่อออ

"หืม? แสดงว่าเจ้ายอมทำตามหน้าที่แล้วสินะ" เจ้าหญิงถามแล้วยกยิ้มอย่างพอใจ
"ใช่ แต่มีเงื่อนไขอยู่สามข้อ" โอมพูดจบก็แสยะยิ้มที่ทำให้เจ้าหญิงรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา
"อะไร?"
"หนึ่ง ต้องมีทีมไปช่วยฉันปราบจอมมารด้วย สอง สมาชิกที่จะร่วมทีมต้องเป็นคนเก่งมีฝีมือระดับประเทศหรือชั้นแนวหน้าของวงการ สาม เธอคือสมาชิกคนแรกของทีม มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยของฉัน ถ้าเธอกระจอกสุดในกลุ่มฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่อย่ามาเป็นตัวถ่วงของทีมละกัน"
"บังอาจ!" เจ้าหญิงตวาดลั่นอย่างมีโทสะ ไม่รู้ว่าโกรธกับเงื่อนไขที่เรียกร้องมากเกินไปหรือถูกสบประมาทในช่วงท้าย

45 Nameless Fanboi Posted ID:vkkT0+3ZY

เอาเอมมาด้วยๆ เอาไปอยู่กะจอมมารงี้ 555555555

46 Nameless Fanboi Posted ID:rVKv80IHb

เริ่มตรงเงื่อนไขความเบียวขึ้นทุกทีแล้ว ดีๆกูชอบ555555
>>45 ช่วยกันจำ ๆจดเป็นพลอตไปๆ

47 Nameless Fanboi Posted ID:2O033olK4

>>46 อย่าลืมให้โอมเป็นเทพทรูเจออาวุธสุดโกงด้วยล่ะ 555

48 Nameless Fanboi Posted ID:7yt4KFoz7

'บังอาจ!' หญิงสาวตวาดลั่น
ทว่าเหมือนมีแรงบางอย่างกระชากตัวเธอออกมาจากตรงนั้นอย่างรุนแรงจนร่างกายเธอสั่นสะดุ้งด้วยความหวั่นวิตก
"ฝันเมื่อกี้มันอะไรกัน" หญิงสาวถอนหายใจหอบหลังจากพึ่งตื่นจากความฝันแสนประหลาดนั่น
สายตามองรอบตัวก็พบว่ายังอยู่ในห้องนอนตัวเองอยู่
เป็นฝันที่เหมือนจริงชะมัด แถมยังฝันเห็นโอมอีก เธอคิดในใจ
ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อนั้นเอง ประตูห้องได้เปิดออกกระทันหันกระแทกกำแพงจนเสียงดังสนั่น
เอมมองแม่ของตนด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงต้องทำท่าร้อนรนแบบนั้นด้วย
"มีอะไรคะแม่" เอมถามแม่ที่ยืนหอบอยู่
"โอม...โอม..." สีหน้าหล่อนซีดยิ่งขึ้นหลังพูดชื่อโอมออกมา
"โอมเขา..."

Byou is coming!

49 Nameless Fanboi Posted ID:tezLh/1bG

>>48 อุ! แนวพล็อตตัวตนโลกคู่ขนานก็มา

50 Nameless Fanboi Posted ID:PD0yZgzs.

เหยดดดด

51 Nameless Fanboi Posted ID:jfndP/scT

>>48 อ้าวไงไม่มีใครต่อ

"โอมเขาเดี้ยงแล้วลูก!"

อยากอ่านต่อ 5555

52 Nameless Fanboi Posted ID:zg5jyZGk1

"อะไรนะคะ....แม่?"เอมิกาไม่อยากเชื่อหูตัวเอง แต่ภาพของมารดาผู้เต็มไปด้วยความจริงจังทำให้เธอสั่นเทา นี่เธอกำลังกลัวอะไรกันอยู่?
"เอมตั้งสตินะลูก โอมเขาจากไปแล้ว"มารดาของเอมิกาพูดย้ำอีกครั้ง เธอรู้ว่านั่นจะทำให้ลูกสาวของเธอเสียใจแต่ยังไงเจ้าโอมเองก็เป็นเพื่อนกับเอมตั้งแต่เด็ก เธอคิดว่ายังไงเอมก็ควรรู้เรื่องนี้
"ตะ แต่หนูพึ่งเจอโอมเมื่อกี้เองนะ พึ่งเจอเมื่อกี้เอง!"เธอโวยวายรู้สึกบรรยากาศรอบด้านพร่ามัว กว่าจะรู้ตัวอีกทีเธอก็อยู่ในอ้อมกอดของแม่ร้องไห้ฟูมฟาย
ยังมีสิ่งหนึ่งที่ติดค้างอยู่ในใจของเอมิกา
เมื่อกี้เจอยังเจอโอม ยังเจอโอมอยู่ในฝันของเธอ
ไม่สิ!!
โอมที่อยู่อีกโลกหนึ่ง!

ส่งไม้ต่อคร่ะ

53 Nameless Fanboi Posted ID:37Lj3Db9R

กูนึกว่าจะไม่มีคนมาต่อกูละสาดดด คิดว่าโจทย์ยากไป พวกมึงเลยเผ่นกันหมด 55555

54 Nameless Fanboi Posted ID:aMSFM.dWX

แต่งต่อไอสัส

55 Nameless Fanboi Posted ID:Vu1HR513B

>>52
"โอมเค้าขับรถไปชนรถไฟฟ้าน่ะจ้ะ แม่โอมเค้าพึ่งโทรมาบอกแม่นี่เอง"
"แม่คะ หนูไม่ขำด้วยนะ"เอมพูดแล้วผละออกจากแม่ หยิบมือถือโทรไปเบอร์ที่เธอบันทึกไว้เป็นรายการโปรด เบอร์ที่เธอโทรทุกวันทุกเวลา เบอร์ของคนที่เธอแอบชอบมาตั้งแต่เด็ก ทันทีที่ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของแม่โอมจากปลายทาง เธอก็นิ่งไป โลกของเธอเหมือนหยุดหมุน
เอมสวมกอดแม่ ทั้งคู่ต่างร้องไห้ แม่ของเอมเองก็รักโอมเหมือนลูกชายอีกคน

คืนนั้น เอมนอนร้องให้จนหลับไป

"เห้ย! ปิรัญญ่า เป็นอ่ะไรของเธอน่ะ อยู่ดีๆก็วูบไป"
"กรี๊ดดด!! อย่ามาแตะตัวฉันนะไอ้บ้า ไอ้สามัญชน ไอ้สิ่งปติกูล"

56 Nameless Fanboi Posted ID:9c.yeNs67

"อีกอย่าง อีปีรัญญ่านี้มันหมายถึงใครยะ"

57 Nameless Fanboi Posted ID:KJTBX46vW

ปลาปิรันยา (อังกฤษ: Piranha) เป็นชื่อสามัญเรียกปลาน้ำจืดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอยู่ในวงศ์ Serrasalmidae (หรือในวงศ์ Characidae[2]) โดยทั่วไป ปลาที่ได้ชื่อว่า "ปิรันยา" นั้นจะหมายถึงปลาในสกุล Pristobrycon, Pygocentrus, Pygopristis และ Serrasalmus แต่ก็อาจรวมถึงปลาในสกุล Catoprion ด้วย รวมกันแล้วประมาณ 40 ชนิด[3] ส่วนปลาในสกุลอื่นมักไม่นิยมเรียกว่าปลาปิรันยา ถึงแม้จะอยู่ในวงศ์ย่อยนี้ก็ตาม

ปลาปิรันยากินเนื้อเป็นอาหาร มักอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ พบในแม่น้ำอเมซอน และแม่น้ำหลายสายในทวีปอเมริกาใต้ มีฟันที่แหลมคมรูปสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ มีส่วนหัวขนาดใหญ่ มีกล้ามเนื้อบริเวณกระพุ้งแก้มแข็งแรง ใช้สำหรับกัดกินเนื้อของสัตว์ที่ตกลงไปอยู่ใกล้ที่อยู่เป็นอาหาร โดยเฉพาะสัตว์ที่ตื่นตระหนกตกใจ หรืออยู่ในภาวะอ่อนแอบาดเจ็บ เสียงตูมตามของน้ำที่กระเพื่อม จะดึงดูดปลาปิรันยาเข้ามาอย่างว่องไว ซึ่งปลาปิรันยาจะใช้ฟันที่แหลมคมกัดกินเนื้อของสัตว์ใหญ่จนทะลุไปถึงกระดูกสันหลังได้เพียงไม่กี่นาที ความดุร้ายของปลาปิรันยาแตกต่างกันออกไปตามแต่ชนิด[3] แต่เชื่อว่าปลาปิรันยาทุกชนิดสามารถตรวจจับกลิ่นเลือดในน้ำแม้เพียง 50 แกลลอน เหมือนกับปลาฉลาม

58 Nameless Fanboi Posted ID:TkXIAiyAn

>>57 มึงปาพจนานุกรมใส่หน้าเจ้าหญิงเลยดีกว่า

59 Nameless Fanboi Posted ID:.57E4hG89

โอมปิดหนังสือพจนานุกรมหลังอ่านเสร็จดังฉับท่ามกลางความงุนงงของคนทั้งฝูง...มันไปเอามาจากไหนกันวะ
"น...นาย" หญิงสาวโกรธจนหน้าแดง ความอยากจะบีบคอคนให้ตายคามือเป็นอย่างไรก็เพิ่งได้รู้วันนี้เอง
จะว่าไปก็น่าแปลก คนทั่วไปโดนพาตัวมาอีกโลก..อย่างน้อยมันก็ควรจะตกใจอยู่บ้างสิ!!
แล้วไอ้หมอนี่มันมาจากไหนกัน!?

60 Nameless Fanboi Posted ID:PEqtR2iy2

>>59 "เจ้าหญิงได้สงบอารมณ์ลงก่อน" ชายหนุ่มร่างกำยำเดินมาเยืนขนาบข้างองค์หญิง พูดจาเตือนสติ "อย่าให้ศักดิ์ศรีของท่านต้องด่างพร้อยเพราะชนชั้นต่ำเชียว"
องค์หญิงเม้มปากแน่น กำมือกรอด ก่อนส่งเสียงจิ้จ้ะในลำคอทีหนึ่งแล้วปั้นหน้าหยิ่งผยองอีกครั้ง "ขอบใจมากพัลพาทีนที่เตือนสติเรา"
"หามิได้" ชายผมทองโค้งตัวลงต่ำครู่หนึ่งจึงเงยหน้าขึ้นเพ่งสายตาสีเขียวประกายมองโอม"นี่น่ะหรือผู้กล้า มารยาทของท่านนั้นต่ำตมยิ่งกว่าหนูโสโครกในท่อน้ำทิ้งเสียอีก"
โอมทำหน้านิ่วมองชายในชุดอัศวินสีขาวบริสุทธิ์ ประมวลผลความคิดด้วยเวลาอันรวดเร็วแล้วถามพรวดออกไป "นาย...เป็นแฟนยัยนี่งั้นหรอ แบบคู่รักหรือสามีภรรยาอะไรทำนองนี้น่ะ ดูปกป้องกันดีจังนะ"
ทันใดนั้นเองหน้าของผู้ถูกกล่าวถึงทั้งสองก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากบางของเจ้าหญิงสั่นรัว"จะ...เจ้า..."

61 Nameless Fanboi Posted ID:l/O3F01Lp

พัลพาทีน...มึง5555555

62 Nameless Fanboi Posted ID:zoMSeKGKq

เธอหลับตาก้มหน้า ตัวสั่นเทาพยายามสะกัดกลั้นความโกรธ สักประเดี๋ยวต่อมาก็มีท่าทีที่ผ่อนคลายลง
"ทหาร! นำตัวสามัญชนไร้มารยาทผู้ที่ไปคุมขัง! ข้าจะรอให้เสด็จพ่อตัดสินโทษประหารกับผู้ที่ดูหมิ่นเจ้าหญิงเช่นข้า!!"

ทหาร5นาย ที่อยู่ข้างหลังของเจ้าหญิงขยับกายเข้ามาพยายามจะจับโอม ชายหนุ่มถูกมัดปาก มัดมือ มัดขาแน่น ก่อนโดนแบกขึ้นพาดบ่านายทหารร่างยักษ์ นำพาออกไปจากลานพิธีกรรม
แม้ว่าเขาพยายามจะขัดขืน แต่ก็ไร้ประโยชน์ นายทหารเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ได้รับการฝึกฝนการต่อสู้มานาน คนธรรมดาอย่างเขาจะทำอะไรได้

"ท่านนักบวช การอัญเชิญในวันนี้นับเป็นการอัญเชิญที่ผิดพลาด รอให้คืนเดือนมืดคราวหน้า ค่อยทำพิธีกันอีกครั้ง ข้าหวังว่าเราจะได้ท่านผู้กล้าที่แท้จริง มาช่วยเหลืออาณาจักรและนำตัวน้องชายของเรากลับคืนมาอย่างปลอดภัย"

หญิงสาวคุกเข่าลงที่กลางลานทำพิธี หลับตาลง น้ำตาเอ่อนอง กุมมือทั้งสองที่อกอย่างเว้าวอนต่อผืนฟ้ายามค่ำคืน พัลพาทีนพร้อมทหารและเหล่าจอมเวทย์ที่เหลือต่างก้มหน้านิ่งเงียบอย่างสะเทือนใจ

63 Nameless Fanboi Posted ID:mEhKoMlir

จบ

64 Nameless Fanboi Posted ID:XCNucYsS.

แต่เดี๋ยวก่อน

65 Nameless Fanboi Posted ID:FUPbt+GiK

"เจ้าหญิงหากข้าขอให้นำตัวเขากลับมาก่อน ท่านจะได้โปรดเมตตาแก่ข้าหรือไม่" สาวงามที่ทาปากสีแดงจัดเอ่ยชัดถ้อยคำ สายตาจดจ้องตรงที่เจ้าหญิงอย่างไม่ไหวติง แม้ด้านข้างจะมีทหารหนุ่มเอาดาบชี้คออยู่ก็ตาม
"โอหังนักเมย์ลิน เจ้าเป็นแค่นักโหราศาสตร์ประจำวังแท้ๆ มีสิทธิ์อะไรมาสั่งเจ้าหญิง" พัลพาทีนแผดเสียงกร้าว "ไม่เห็นรึว่ามันลบหลู่ศักดิ์ศรีท่านไปแค่ไหน"
เมย์ลินไม่ตอบแต่เดินสาวเท้าเข้าประชิดตัวอีกฝ่าย เบิกตาสีแดงเพลิงกว้าง ขยับริมฝีปากอย่างเชื่องช้า"คน-ที่-โอ-หัง-น่ะ-มัน-เจ้า"
สิ้นคำพูดนั้นเองสายลมกรรโชกได้พุ่งตรงเข้าปะทะพัลพาทีนด้วยความแรงสูงจนเขาต้องงอตัวเพื่อต้านแรงลม
"อย่าลืมสิว่าข้าเป็นหมอดูแค่ในตำแหน่ง" เธอเหยียดยิ้มกว้าง "แม่มดสิตัวจริงของข้า"

66 Nameless Fanboi Posted ID:VBjBxTsX0

>>65

"ทำไมเจ้าถึงอยากได้ตัวผู้กล้ามีตำหนินั่น" เจ้าหญิงผู้ถูกลืมชื่อไปแล้วถามขึ้น
"เพราะเขาคือผู้กล้า แม้มารยาทจะต่ำทรามแต่เขาก็คือวีรบุรุษที่จะช่วยพวกเราได้" แม่หมอเมย์ลินเผยยิ้มร้ายแล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอันหวานยิ่ง
"ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถิดองค์หญิง รับรองว่าภายในหนึ่งเดือนเขาก็พร้อมจะทำหน้าผู้กล้าได้แน่นอน"

เจ้าหญิงและทุกคนต่างมีสีหน้าผ่อนคลายและตกลงตามใจเมย์ลินอย่างไร้ข้อโต้แย้ง เพราะเธอผู้นี้ฉายาอันน่าสะพรึงว่า "แม่มดแห่งความวิปริต" ผู้มีจิตวิปลาส จอมทรมานที่ปีศาจยังต้องร้องขอชีวิต

67 Nameless Fanboi Posted ID:066VbXLzU

กุมาบอกไอเดียช้าไปโคตรๆว่ะโทษที ช่วงที่มีคนแต่งแล้วทู้เงียบไปนานๆ ตอนก่อนเจ้าหญิงจะแพล่มน่ะ

คืออยากให้มีสาวหน้าเหมือนเอมแต่นิสัยตรงข้ามกับตัวจริงอยู่ในโลกต่างมิติด้วยน่ะ และเป็นเหตุให้โอมมันอยากทำภารกิจผู้กล้าเพื่อช่วยเธอคนนี้

68 Nameless Fanboi Posted ID:EX4Sk56mC

>>67 มึงเอาเลย ยัดๆใส่เข้าไปเหอะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ในนิยายเกิดใหม่ในต่างโลก แฟนตาซี รักไสย์ๆ โรแมนติก คอมเมดี้ฯ

69 Nameless Fanboi Posted ID:8s5qyV6SK

>>68 ที่กุบอกว่าช้าไปเพราะที่คิดไว้คือให้เอมต่างมิติเป็นเจ้าหญิงนี่แหล่ะ แต่มีคนมาต่อแล้วกุอ่านดูก็ไม่เลวนะไปต่อในแบบนี้อาจสนุกกว่าแบบที่กุคิด

ตอนแรกก็จะมาช่วยแต่งต่อนะแต่พอเริ่มพิมพ์ไปสามบรรทัด รู้สึกแย่เพราะเรื่องเริ่มมาสำนวนดีนะกุชอบเลย แต่ตัวเองยังด้อยประสบการณ์น่ะเลยขอออกไอเดียนิดๆหน่อยๆแทนดีกว่า

กุมาจากสายวาด Sketch Design แต่มีพล้อตดองในหัวเยอะเลยอยากลองเขียนนิยายดู คงต้องฝึกสกิลอีกเยอะ+กุอ่านหนังสือน้อยด้วยน่ะ

70 Nameless Fanboi Posted ID:0ykf.O0se

>>69 นี่แหล่ะยิ่งเหมาะเลย มึงมาแต่งตรงนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวฝีมือมึงก็ดีขึ้นเอง
คิดซะว่าตรงนี้เป็นสนามฝึกหัดเก็บประสบการณ์ไป

71 Nameless Fanboi Posted ID:KGe0vLFN/

กลิ่นสาบหนูและกลิ่นอาจมของนักโทษ ในคุกใต้ดินไม่ใช่สิ่งที่เจ้าหญิงเอสเปอร์รัญญ่าปรารถนา เธอย่นจมูกขณะก้าวเท้าไปตามทางเดินโสโครกอันมืดสลัวโดยมีเพียงแสงจากตะเกียงในมือของผู้คุมร่างพลุ้ยนำทาง

ผู้คุมนำเธอมาจนถึงปลายสุดของคุกใต้ดิน ณ ที่ ๆ มืดและอับชื้นที่สุดในปราสาทแห่งนี้ เจ้าหญิงรับตะเกียงจากผู้นำทางมาถือไว้ ยกขึ้นส่องพร้อมเพ่งสายตาสีม่วงคู่สวยเข้าไปยังห้องขัง “ลุกขึ้น” เธอสั่ง

ชายหนุ่มผมดำเงยหน้าขึ้นมองแสงไฟก่อนที่จะต้องหลับตาลงทันที โอมยกมือขึ้นป้องตา หอบหายใจพร้อมเปล่งเสียงแหบแห้งออกมาจากลำคอ “เธอมีธุระอะไรกับฉันอีก”

“ชะตาของเจ้ายังไม่ถึงฆาตกระมัง” เอสเปอร์รัญญ่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงยียวน “รีบลุกขึ้นมาจากกองอาจมนั่นก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ”

โอมค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน รู้สึกปวดแปลบไปตามกล้ามเนื้อทั่วสรรพางค์กายจากการถูกรุมซ้อม เจ้าหญิงพยักหน้าให้กับผู้คุมที่เริ่มลงมือไขกุญแจลูกกรง ก่อนที่ประตูจะเปิดออกในอีกอึดใจต่อมา

แค่เพียงก้าวแรกหลังจากออกมาจากห้องขัง ชายหนุ่มก็ถูกรวบแขนไพล่หลังไว้อีกครั้งด้วยฝีมือของผู้คุมร่างท้วม “จะให้ข้ามัดมือมันไว้ก่อนดีไหมพะยะค่ะ” น้ำเสียงเจือความสอพลอออกมาจากปากของผู้คุม “หรือจะให้ข้าล่ามตรวนมันด้วยดี”

“ช่างเขาเถอะ ขอบใจเจ้ามากเดวิส” เจ้าหญิงพูด “ไม่มีสิ่งใดที่ท่านผู้กล้าจะเก่งไปหรอก นอกจากปากของเขาเท่านั้นล่ะ”
ผู้คุมหัวเราะสอพลอในขณะที่โอมแค่นเสียงตอบเบา ๆ “ที่เก่งจริง ๆ น่ะคือลิ้นต่างหาก”

เจ้าหญิงขมวดคิ้ว ดูท่าว่าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ เธอตัดสินใจไม่คิดถึงมัน “ไปจากที่นี่กันเถอะ” เธอกวักมือเรียกเดวิสที่ยังไม่ปล่อยมือจากการรัดแขนนักโทษ “ออกไปจากส้วมนี่กันเถอะ”

72 Nameless Fanboi Posted ID:KGe0vLFN/

โอมถูกพาขึ้นไปยังลานกว้างหน้าปราสาท คนกลุ่มหนึ่งรอเขาอยู่แล้วพร้อมกับถังน้ำเย็นเฉียบในมือ ชายหนุ่มถูกชำระร่างกายด้วยวิธีการที่เหมือนกับว่าเขาเป็นผ้าขี้ริ้วเก่า ๆ ผืนหนึ่ง มีหนึ่งหรือสองคนใช้ผ้าเนื้อหยาบเช็ดตัวเขาจนรู้สึกแสบผิว ก่อนที่จะถูกยัดเยียดให้สวมเสื้อผ้าอย่างไม่ไยดี

ชายหนุ่มถูกดึงให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ตรงหน้าของเขาเป็นรอยยิ้มยียวนของเจ้าหญิงที่กวาดสายตาสีม่วงมองดูเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “ท่านผู้กล้า” เธอทำเสียงเยาะ “ตามข้ามาทางนี้ มีคนอยากจะได้ตัวท่าน”

โอมถูกทหารนายหนึ่งผลักให้เดินตามหญิงสาวไป เอสเปอร์รัญญ่านำขบวนเข้าไปในตัวปราสาท เดินทะลุผ่านจนไปถึงสนามหญ้าอีกฟากหนึ่ง มีสิ่งปลูกสร้างเดียวที่น่าจะเป็นเป้าหมายของพวกเขา นั่นก็คือหอคอยสีขาวสว่างที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า

“ตั้งแต่ตรงนี้เป็นเขตศักดิ์สิทธิ์” จู่ ๆ เจ้าหญิงก็พูดขึ้น เธอชี้มือไปที่รั้วต้นไม้ที่ออกดอกบานสะพรั่ง “มีแต่ข้ากับเจ้า และก็คนของหอพยากรณ์เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป”

เป็นจริงดังที่เจ้าหล่อนว่า เมื่อพวกเขาเดินมาจนถึงรั้วต้นไม้นั่นขบวนทหารที่เดินตามมาด้านหลังก็หยุดเดินทันที ปล่อยให้คู่ชายหญิงเดินตรงไปยังหอคอยแต่เพียงลำพัง

ทางเดินยังคงทอดยาวถึงแม้ว่าพวกเขาจะเดินผ่านรั้วต้นไม้มาแล้ว บรรยากาศรอบ ๆ ที่แต่เดิมเป็นเพียงสนามหญ้ากลับกลายเป็นอุทยานดอกไม้นานาพรรณ หมู่ภมรบินว่อนเหนือยอดหญ้า เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังมาจากหอคอยสูงและไม้ยืนต้นที่ตั้งอยู่อย่างสันโดษกลางดงดอกไม้

ชายหนุ่มหยุดเดิน

เจ้าหญิงยังคงเดินนำหน้าต่อไปอีกสองสามก้าวก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กำลังเดินตามมา เธอหันหลังกลับไปจ้องตาสีดำคู่นั้น “เป็นอะไรของเจ้า” เอสเปอร์รัญญ่าถาม “หยุดทำไม”

“แล้วจะให้เดินต่อไปทำไม” โอมถามกลับ “ฉันไม่ใช่ผู้กล้า เธอผิดแล้ว”

เจ้าหญิงเหยียดยิ้ม “ข้าก็คิดแบบนั้น เหมือนกัน”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี รีบปล่อยฉันไปสักทีสิ” โอมร้อง ความโกรธพวยพุ่งออกมาจากดวงตา “พาฉันกลับบ้าน ฉันมีพ่อแม่และเพื่อน ๆ รออยู่นะ”

“ข้าอาจคิดผิดได้ แต่มนตราโบราณไม่เคยผิดพลาด” หญิงสาวตอบอย่างใจเย็น “เจ้าคิดหรือว่ารั้วต้นไม้นั่นเป็นแค่รั้วต้นไม้ธรรมดา หากเจ้าไม่ใช่ผู้ที่มีสายเลือดราชวงศ์ ผู้กล้าหรือเป็นผู้มีตาพยากรณ์ เจ้าก็คงแหลกสลายตายไปด้วยเวทมนต์ที่ลงไว้นั่นแล้ว”

“ฉันไม่สนหรอกว่าเวทมนต์บ้าบอของเธอมันจะบอกว่ายังไง” ชายหนุ่มยังไม่หยุดตะโกน “ปัญหาของพวกเธอ เธอก็ต้องแก้มันเองสิ ส่งฉันกลับไปโลกของฉันเดี๋ยวนี้นะ”

เอสเปอร์รัญญ่าพ่นลมหายใจอย่างดูถูกก่อนที่จะหันหลังกลับ “เลิกเพ้อเจ้อเสียที เดินต่อได้แล้ว”

ก่อนที่เจ้าหญิงจะได้ทันก้าวเท้าเดินต่อไป มือข้างถนัดของชายหนุ่มก็ฉวยเอาข้อมือเรียวของเธอไว้แน่น หล่อนอุทานออกมาคำหนึ่งในขณะที่ร่างกายถูกแขนอันแข็งแรงรวบเข้าหาตัว “พูดดี ๆ ไม่รู้เรื่องยังงั้นเหรอ” โอมส่งเสียงขู่

“ปล่อยข้า ไม่อย่างนั้นหัวของเจ้าหลุดจากบ่าแน่” หญิงสาวร้อง พยายามสะบัดร่างให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย “เจ้าเป็นผู้ชายประเภทไหนกัน ไยถึงรังแกผู้หญิง”

คำพูดนั้นทำให้อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเจ้าหญิง เอสเปอร์รัญญ่าฉวยเอาจังหวะที่โอมกำลังสับสนยกเท้าถีบเข้าที่กล่องดวงใจของเขาเต็มรัก ชายหนุ่มร้องลั่นเหมือนถูกม้าเหยียบ ลงไปนอนคู้ตัวเอามือกุมเป้าอยู่บนพื้นอย่างสิ้นลาย

เจ้าของดวงตาสีม่วงเหยียดยิ้มอีกครั้งขณะใช้ปลายเท้าเขี่ยร่างของชายหนุ่ม “ไม่เอาน่าท่านผู้กล้า มันจะเจ็บไปได้อย่างไร” เธอส่งเสียงฉอเลาะจอมปลอมอีกครั้ง “เมื่อครู่ตอนที่ข้าดูเจ้าอาบน้ำ ไม่ยักเห็นมีอะไรอยู่ตรงหว่างขาของเจ้าเลยนี่นา”

73 Nameless Fanboi Posted ID:4DePPCnSt

>>72 เฮ้ย น่าสนุกว่ะเอาด้วย

"ใจร้าย" โอมสำลักความเจ็บปวด รู้สึกเหมือนลิ้นปี่ของเขาถูกฆ้อนทุบจนยุบเหมือนหมอนขนห่าน "ผู้กล้าไม่ใช่อะไรที่ฉันฝันถึง เราจะผจญภัยแส่หาเรืีองทำไมในเมื่ออยู่ในที่ปลอดภัยก็ดีอยู่แล้ว" เขาสบตาเจ้าหญิงอย่างยากลำบาก "ทำไมไมคัดอัศวินดีๆที่สมัครใจแทน เรื่องผู้กล้ามันไร้สาระสิ้นดี ฉันต้องการทนาย Bitch"

เจ้าหญิงเม้มปากแน่น แบบเดียวกับเด็กตัวเล็กเอาแต่ใจตอนที่พวกเขาถูกปฏิเสธ โอมแอบกรอกตากับตัวเอง ไอ้น่าสมเพชกำลังถูกบังคับให้ช่วยผู้คนที่ไม่รู้จัก ไม่เคยให้น้ำ ข้าว ที่นอน หรือกระทั่งการต้อนรับดีๆ นี่ฟังดูเห็นแก่ตัว แต่เขาแคร์ว่าพวกของเธอจะตายวันพรุ่งหรือตอนนี้ เขาไม่ได้ติดค้างหล่อน ไม่จำเป็นต้องสุภาพด้วยซ้ำ

"รู้อะไรไหม เธอไม่ใช่เจ้าของชีวิตฉัน เธอมีอำนาจสั่งทหารได้ และเธอเกลัยดฉันเพราะเรื่องนี้ การมีอยู่ของฉันทำให้เธอเสียความมั่นใจ"

74 Nameless Fanboi Posted ID:mTEAMNF1J

"แล้วยังไง" เสียงแปลกดังขึ้น เป็นเสียงที่โอมไม่คุ้นเคยเลยแม่แต่นิด "นั่นมันสำคัญด้วยหรอ"
โอมลุกขึ้นนั่งกุมท้อง ปรายตามองอีกฝ่ายอย่างเพ่งพินิจ ชุดสีดำยาวที่คลุมตัวหล่อนอยู่ ทำให้เขานึกถึงอะไรบางอย่างที่ชั่วร้ายอย่างเช่น แม่มด
"เมย์ลิน..." ไม่ทันที่โอมจะได้ไต่ถามชื่อของหล่อน เจ้าหญิงก็ได้ชิงพูดขึ้นก่อน
"นี่น่ะหรือผู้กล้า" เมย์ลินหรี่ตามอง เหยียดยิ้มดูถูกใส่เขา "ไม่มีราศีเลยสักนิด"
ฉับพลันเมื่อเมย์ลินชี้นิ้วเรียวยาวไปทางโอม สายลมแรงได้รวมตัวกันจนเห็นเป็นเส้นเกลียวแล้วพุ่งเข้าโจมตีตรงท้องเขา
"อั๊ก!" โอมล้มลงนอนกองอยู่บนพื้นอีกครั้ง
ปากสำลักน้ำลายออกมานับไม่ถ้วน จนไม่เหลือเรี่ยวแรงจะโต้กลับ
"ทำอะไรน่ะเมย์ลิน" เจ้าหญิงเขม่นตาใส่ "อย่าได้ฆ่าเขาในพื้นที่ศักดิ์เป็นอันขาดเชียว"
เมย์ลินโปรยยิ้มพร้อมโค้งตัวลงให้เจ้าหญิงเล็กน้อย หันหน้ากลับมาทางโอมที่นอนหมดสภาพบนพื้นอยู่
"มันไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าจะอยากหรือไม่" ดวงตาสีแดงโตเบิกกว้างจนโอมนึกสั่นกลัวในใจ "แต่โชคชะตาสั่งให้ทำเจ้าก็ต้องทำ!"

75 Nameless Fanboi Posted ID:CvM8PPJJ1

กูมาเสนอพลอต เท่าที่เห็นคือไอ้โอมโดนทรมานซะไม่มีชิ้นดี โดนเข้าแบบนี้ใครจะอยากช่วยโลกนี้วะ นั่นแหละ เป็นเหตุให้โอมอยากจะเอาตัวรอดจากเมย์ลินให้ได้ก็เลยต้องฝึกวิชาบลาๆดีมั้ย ดูเป็นไง แล้วเอาไงต่อกับเอมดี ที่มึงอยากให้โอมช่วยโลกนี้เพราะเอมอ่ะ มาคุยกันแปป

76 Nameless Fanboi Posted ID:LP//HbIkK

>>75 เขียนต่อมาเลยสิ มันเป็นเสน่ห์ของการเขียนนิยายหลายคนนะที่จะต้องดึงเรื่องที่คนอื่นลากออกไปให้เข้ามาอยู่ในอู่ของตัวเอง

77 Nameless Fanboi Posted ID:CYCQBCLf2

โอมยันกายลุกขึ้น เขารู้สึกเจ็บที่เหนือลิ้นปี่จากการถูกพลังประหลาดจับกระแทกพื้นจนต้องใช้มือซ้ายกุมอกของตนเองไว้ “โชคชะตายังงั้นเหรอ” ชายหนุ่มแค่นเสียง “โชคชะตามันเป็นใครถึงคิดจะมาสั่งให้ฉันทำอย่างโน้นอย่างนี้กัน หา”

เมย์ลินเหยียดยิ้มในขณะที่เอสเปอร์รัญญ่ายืนกอดอก “เจ้าน่ะจะดื้อด้านไปจนถึงเมื่อไหร่กัน” เจ้าหญิงแหว “ต่างคนต่างก็ต้องมีหน้าที่ขอตนเอง โชคชะตาได้ลิขิตเอาไว้แล้วให้เจ้าได้มาเป็นผู้กล้า”

“แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ” โอมตะคอกกลับไป “เธอจะปราบจอมมารก็หาคนในโลกของเธอมาเป็นผู้กล้าสิ ทำไมจะต้องเอาภาระบ้า ๆ แบบนี้มายัดเยียดให้กับคนต่างถิ่นอย่างฉันด้วย”

“เพราะมันเป็นโชคชะตาที่ได้ลิขิตเอาไว้แล้วยังไงล่ะ” เจ้าของนัยน์ตาสีม่วงยิ้มเยาะ “อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องไปปราบจอมมาร ไม่มีใครหลีกหนีโชคชะตาได้พ้นหรอก เฮอะ อันที่จริงข้าก็ไม่ได้อยากให้คนใจเสาะอย่างเจ้ามาเป็นตัวแทนของโลกใบนี้หรอกนะ”

ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากโต้ตอบกลับไป นักพยากรณ์สาวก็หันหน้ากลับมาหาเจ้าหญิง ขมวดคิ้วพร้อมชิงพูดขึ้นก่อน “เดี๋ยวนะเพคะองค์หญิง” เมย์ลินท้วง “ท่านว่าจะให้ท่านผู้กล้าไปปราบจอมมารอย่างนั้นหรือ”

สีหน้าของเอสเปอร์รัญญ่าดูฉงน “ก็เจ้าเป็นคนบอกข้าเองไม่ใช่หรือเมย์ลิน” เธอท้วง “ว่าเจ้าหมอนี่น่ะคือผู้กล้าที่จะมาทำให้จอมมารหายไปจากโลกนี้”

“ข้าพูดเช่นนั้นจริง” นักพยากรณ์ผงกศีรษะรับคำ “แต่ข้าไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องเป็นคนไปปราบจอมมารนะเพคะ”

โอมมองผู้หญิงสองคนตรงหน้าสลับกันไปมาอย่างงุนงง “นี่พวกเธอพูดเรื่องอะไรกันน่ะ” เขาร้อง “ฉันเป็นเหยื่อของพวกเธอนะ มีอะไรก็อธิบายให้ฉันฟังสิ”

เมย์ลินหันหน้ากลับมาหาโอม ริมฝีปากคู่สวยของเจ้าหล่อนเหยียดยิ้ม “เจ้าน่ะเป็นผู้กล้าตามคำทำนายของข้าจริง แต่โชคชะตาไม่ได้ลิขิตให้เจ้าเป็นผู้สังหารจอมมาร” เมื่อพูดถึงตอนนี้เธอก็ยิ้มกว้างขึ้น “ลูกชายทั้งเจ็ดคนของเจ้ากับเจ้าหญิงเอสเปอร์รัญญ่าต่างหากที่จะต้องทำมัน”

ดวงตาสีม่วงของเจ้าหญิงเบิกกว้าง “เจ้าพูดอะไรน่ะเมย์ลิน” เธอร้อง “ไม่น่ะ ข้าไม่ยอม”

“โชคชะตาได้ลิขิตไว้เช่นนั้น องค์หญิง” เมย์ลินหันมาส่งยิ้มหวานที่แฝงไปด้วยยาพิษให้กับเอสเปอรัญญ่า “ท่านพูดถูก ไม่มีใครหลีกหนีโชคชะตาได้พ้นหรอก”

78 Nameless Fanboi Posted ID:1OA+YutCP

จจจจจจเจ็ดคนน!!???

79 Nameless Fanboi Posted ID:f8OsVaSBr

>>77 จอมมารมันรีบป่าววะ รึต้องรอลูกโต 555

80 Nameless Fanboi Posted ID:uFrCi/fo5

ไอ้สัส คดีพลิก

81 Nameless Fanboi Posted ID:AqoRoJhU+

>>77 "ก็ได้...แค่ลูกของข้ากับเขาใช่ไหมล่ะ" ทีราเลนเซียกัดฟันกรอดทั้งยังทำหน้านิ่ว "ข้าจะแต่งงานกับเขา"
"โฮ่..." แม่หมอสาวแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น เรื่องสนุกกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ เมย์ลินคิดในใจ
"เดี๋ยวสิ ใครบอกว่าฉันจะแต่งกับเธอกัน!" โอมพูดขัดขึ้นเสียงลนลาน แค่คิดว่าจะต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่เธอคนนั้น...ก็ทำให้เขารู้สึกแย่แทบบ้า
"หุบปาก!" หญิงผู้สูงศักดิ์ตวาดลั่นไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม "คิดว่าข้าอยากแต่งงานกับเจ้ามากนักหรอ นี่จะเป็นการแต่งแค่ในนามจำเอาไว้!"
"ส่วนเรื่องของบุตรทั้งเจ็ด" ทีราเลนเซียจ้องเมย์ลินสายตาแน่วแน่ "ข้าจะตามหาผู้ที่เหมาะสมทั้งกับคำว่า 'บุตร' และ 'ผู้กล้า' มาเป็นบุตรบุญธรรมของข้าและเขา นี่คงจะไม่ผิดต่อคำทำนายใช่ไหมเมย์ลิน"
เมย์ลินเอียงคอ ยิ้มมุมปากเบาๆ "นั่นสิ" แม้เธอจะคุยกับทีราเลนเซียอยู่ แต่สายตาของเจ้าตัวกลับมองเหม่อลอยออกไป เหมือนกับว่าเธอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ "ข้าน่ะเป็นแค่ผู้รับฟังเสียงแห่งโชคชะตา หาใช่ผู้บงการโชคชะตาไม่ ท่านอยากทำอย่างไรก็สุดแต่ใจท่านแล้วองค์หญิง"
"ข้าจะถือว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นเป็นคำอนุญาต" องค์หญิงกอดอกเชิดคางอย่างไม่สะทกสะท้าน
แม้ตัวทีราเลนเซียนั้นจะรู้ดีอยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า เมย์ลินผู้เป็นนักโหราศาสตร์ประจำวังมาตั้งแต่หลายรุ่นก่อน เจ้าหล่อนมีนิสัยที่แปลกประหลาดยากจะคาดเดาได้ ทั้งยังเป็นผู้ชอบเล่นสนุกกับความทุกข์ของคนอื่นจากคำบอกเล่าของราชาองค์ก่อนๆ แต่ก็ไม่นึกฝันเลยว่าจะต้องมาเจอกับตัวเองแบบนี้
"ให้ตายสิ เป็นผู้กล้าที่เอาแต่สร้างเรื่องจริงๆ" ทีราเลนเซียตวัดสายตาดุมองโอม "รับผิดชอบด้วยล่ะ"
โอมผู้รู้สึกหน่ายกับการถูกทำร้ายร่างกายหากเผลอทำอะไรขัดใจกับสาวแกร่งทั้งสองอีก จึงได้แต่ตอบหน้ามุ่ย "เอาไงก็เอา"สินะ
"ตกลงกันได้แล้วงั้นหรือ" เมย์ลินดีดนิ้วดังเป๊าะกลางอากาศ ในตอนนั้นเองบนฝ่ามือเธอได้มีมวลพลังานสีขาวรวมตัวกันจนเกิดเป็นทรงกลม ก่อนเมย์ลินประทับปากบนสิ่งนั้นเบาๆ
โอมกลืนน้ำลายก้อนโตลงคอพลางคิดในใจว่าสายตาของแม่หมอสาวที่มองมวลพลังงานบนมือนั้นช่างดูเย้ายวนเหลือเกิน อย่างกับว่าเธอจะกลืนกินมันซะอย่างงั้น
"บอกข้าทีสิ" เมย์ลินเผยอปากสีแดงสด ดวงตาคู่งามจ้องมองลึกเข้าไปที่ทรงกลม "ถึงเรื่องของบุตรทั้งเจ็ดที่จะมาเป็นผู้กล้าให้กับพวกเขา"

82 Nameless Fanboi Posted ID:rfUy+CdnC

คนแคระทั้งเจ็ดปราบจอมมาร กู้โลก 55555
ทำไมต้อง 7 คนวะ 555

83 Nameless Fanboi Posted ID:2eeWwm5iv

กุมาอ่านต่อแล้วงงนิดนึงว่ะ องค์หญิงชื่ออะไรแน่วะ

84 Nameless Fanboi Posted ID:GoGlC.vNa

>>83 ชื่อ ทีราเลนเซีย ชื่อกลาง ฟราดิก้า นามสกุล เอสเปอร์รัญญ่า

85 Nameless Fanboi Posted ID:SuJPrFpZN

>>83 ปิรัญญ่า

86 Nameless Fanboi Posted ID:WSd.7iYl5

มีใครอยากอ่านฉากเย็ดไหมครับ

87 Nameless Fanboi Posted ID:aRBT5wVUR

>>86 แล้วแต่เลยจ้ะ

88 Nameless Fanboi Posted ID:x76x7c1UX

>>84 โอเคเก็ทละมีชื่อสามวรรคนี่เอง งงอยู่นึกคนละคน

>>86 แต่งให้ศิลป์หน่อยอย่าให้เสียวมาก กุกลัวมู้บินน่ะ เสียดาย

89 Nameless Fanboi Posted ID:CfQXWxEl/

อยากอ่านต่อว่ะ หายไปไหนกันหมดดด

90 Nameless Fanboi Posted ID:ecgGFXJ6U

>>89 แต่งต่อเลยมึง กูจะรอ555

91 Nameless Fanboi Posted ID:K1xd.cimq

>>81
"ท่านพี่! เจ้านั่นคือผู้กล้าจริงหรือ" เสียงทุ้มของชายหนุ่มผู้หนึ่งดังขัดจังหวะอย่างไม่พอใจ ส่งผลให้สายตาทั้งสามคู่ต้องหันหลังไปมองเจ้าของเสียงในทีนที

ชายหนุ่มผู้เรือนผมสัน้ำตาลเข้มยาวระต้นคอและไว้ผมหน้าม้ายาวปิดบังใบหน้าซีกขวา ทว่าก็ไม่อาจปกปิดความหล่อเหลาราวเทพบุตรของเขาได้ ดวงตาสีม่วงเข้มเช่นเดียวกับทีราเลนเซียถลึงตามองโอมอย่างไม่พอใจ ซึ่งโอมก็มองตอบกลับด้วยความงุนงงปนสงสัย ไอ้หน้าหล่อนี่เป็นใคร ทำไมถึงหน้าตาคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

"โอ้ ท่านเทลาเรนเซ่ อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ" เมย์ลินทักทานด้วยรอยยิ้มอันหวานใสไร้เดียงสาและเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนหวาน สายตาและสีหน้าเจ้าเล่ห์แปรเปลี่ยนเป็นความเมตตาอ่อนโยนประดุจนักบุญ ดูราวกับคนละคนก่อนหน้านี้เลยทีเดียว

เมื่อเห็นการเปลี่ยนบุคลิกที่รวดเร็วเพียงหนึ่งการกะพริบตา โอมถึงกับเงิบไปช่วยขณะ ยัยแม่มดตัวร้ายกลายเป็นแม่พระใจบุญในหนึ่งย่อหน้าได้ไงวะ!

"ใช่ แล้วน้องมาทำอะไรที่นี่" ทีราเลนเซียมองหน้าน้องชายฝาแฝดอย่างไม่เข้าใจในท่าทางฮึดฮัดของอีกฝ่าย
"ไม่จริง! ถ้างั้นท่านพี่ก็ต้องมีลูกกับไอ้หน้าปลาทูต้มให้ครบเจ็ดคนตามคำทำนายน่ะสิ" เทลาเรนเซ่เมินคำถามพี่สาวแล้วเริ่มโวยวายอย่างสติแตก
"ไอ้เวรนี่! กล้าดียังไงถึงมาดูถูกหน้าตากัแบบนี้วะหา" โอมแย้งขึ้นอย่างขุ่นเคืองใจ เลยได้รับการมองเหยียดอย่างสง่างามจากเจ้าชายผู้หล่อเหลาอย่างหาที่ติมิได้
"นอกจากหน้าตาจะหาดีมิได้แล้ว การพูดจายังต่ำชั้นยิ่งกว่าทาสไร้การศึกษา"

โอมอ้าปากจะสวนกลับ ทว่าก็ถูกพลังจากสายลมของคนที่คุณก็รู้ว่าใครพุ่งอัดท้องจนจุกพูดไม่ออกไปหลายนาที ระหว่างนี้ทีราเลนเซียก็ขมวดคิ้วมองหน้าน้องชายด้วยความสงสัยในบางอย่าง

" นี่น้องรู้เรื่องคำทำนายได้ไง" พลันนั้นเจ้าหญิงก็หันขวับไปมองเมย์ลินทันที
"เมย์ลิน!" หญิงสาวผู้ถูกเรียกสะดุ้งเฮือก และด้วยการแสดงระดับดาราชั้นนำรางวัลออสก้ายังต้องสยบ แม่มดสาวน้ำตาซึมและเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ร่างบางสั่นสะท้านตามแรงสะอื้น
"ขะ ขออภัยเพคะ มะ หม่อมฉันแค่อยากผ่อนคลายความกังวลในใจของท่านเทลาเรนเซ่ที่ต้องเฝ้าระวังการมาเยือนของจอมมาร พะ เพื่อไม่ให้ท่านต้องวิตกมากเกินไป หม่อมฉันจึงได้บอกถึงการมาเยือนของผู้กล้าและคำทำนายที่จะช่วยแบ่งเบาภาระขององค์รัชทายาทแห่งเอสเปอร์รัญญ่า ผู้ที่จะต้องแบกรับภาระหนักในอนาคตต่อจากองค์ราชา เนื่องจากหม่อมฉันทำงานรับใช้ราชวงศ์มาหลายรุ่น กะ การช่วยแบ่งเบาภาระของว่าที่ผู้นำประเทศในอนาคตก็ถือว่าเป็นหน้าที่หนึ่งที่สำคัญ มะ มากนะเพคะ" กล่าวจบแม่มดสาวก็มีท่าทีหงอยเหงาราวกับสุนัขที่ถูกเจ้านายจับได้ว่าทำผิด ทว่าก็ไม่อาจปิดโอมที่มองเห็นสายร้อนแรงประดุจสาวน้อยแรกรุ่นเจอชายในฝันของเมย์ลินที่มองเทลาเรนเซ่ผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาด้วยการแสดงชั้นครู

นี่...ยัยแม่มดวิปริตนี่คงไม่ได้หลงรักไอ้เจ้าชายปากปลาร้านี่ใช่ไหม โอมครุ่นคิดในใจด้วยความสงสัยยิ่ง

"ท่านพี่อย่าไปต่อว่านางเลย นางทำไปเพราะหวังดีต่อข้า" เทลาเรนเซ่มองเมย์ลินอย่างสงสารเมื่อเห็นหญิงสาวผู้อ่อนโยนมีท่าทีกลัวมากจนหลั่งน้ำตาออกมาไม่ขาดสาย ทีราเลนเซียผู้รู้ธาตุแท้ของเมย์ลินถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย โอมกลอกตามองบน ส่วนเมย์ลินนั้นลอบยิ้มอย่างชั่วช้าในหัวใจที่เบิกบานประหนึ่งผีเสื้อโบยบินในทุ่งดอกไม้สีชมพู

มาต่อยาวหน่อยนะงิ

92 Nameless Fanboi Posted ID:qZwRp/QO5

เปิดตัวตัวละครใหม่แฮะ

93 Nameless Fanboi Posted ID:aHIgcZL//

"ฮึ่ย!" เอมลุกพรวดขึ้นจากเตียงพลางยกมือขึ้นกุมขมับตัวเอง "ฝันบ้าๆ อีกแล้ว"
ความฝันนั่นทำให้เธอหัวเสียเป็นบ้า ผู้หญิงคนนั้นมันอะไรกัน มายาร้อยเล่มเกวียนชะมัด เอมขบคิดสีหน้าขุ่นมัว
"แปลกจริง ทำไมเราถึงฝันต่อเนื่องอะไรแบบนี้ล่ะ" เธอนั่งเม้มปากอยู่บนเตียง มือกำชุดนอนแน่นจนเกิดรอยยับ "แถมยังรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องจริงมากกว่าความฝันอีก..."
"ถูกแล้วนั่นคือเรื่องจริง" เสียงปริศนาดังมาจากหน้าต่างที่เธอเปิดทิ้งไว้รับสายลมโชยยามค่ำคืน
เอมหันควับมองอีกฝ่าย ทว่าก่อนจะได้กรีดร้องออกมา บุคคลที่ควรจะอยู่ตรงหน้าต่างกลับไม่มีอยู่ และในตอนนั้นเองเอมก็ได้ถูกปิดปากด้วยฝ่ามือหนา
"อย่าร้องไปเลยชิ้นส่วนแห่งประตูเอ๋ย" ชายหนุ่มผมสีดำเข้มยาวเกือบกลางหลังบอก "ใครจะคิดกันว่าชิ้นส่วนแห่งประตูจะกลับชาติมาเกิดเป็นผู้หญิงที่ต่างโลกกัน"
เอมดิ้นรนพยายามสลัดการจับกุมของเขา แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้ "อื้อ!" เธอเปล่งเสียงออกมาไม่เป็นคำพูด
"เป็นชิ้นส่วนที่น่ารำคาญชะมัด" ชายผู้มีตาสีเขียวทอประกายบ่น "ทั้งช่วยส่งผู้กล้าไปให้อีกฝ่าย ทั้งขัดขืนผู้ใต้บังคับบัญชาท่านจอมมารอย่างฉัน เธออยู่ฝั่งไหนกันแน่ ยัยชิ้นส่วนปิศาจ?" สบถอย่างไม่พอใจแล้วเหยียดตามอง
เอมขมวดคิ้วด้วยความงุนงง แม้จะเข้าใจคำพูดของอีกฝ่าย แต่เธอกลับรู้สึกว่าไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อออกมาเลยสักนิด เขาพูดบ้าอะไรอยู่ เธอตั้งคำถามในใจ
"ได้เวลาไปหาท่านจอมมารแล้วสิ" ชายแปลกหน้ายกเอมขึ้นพาดบ่า เดินไปเหยียบขอบหน้าต่างเตรียมพุ่งตัวออกไปด้านนอก
"คุณเป็นใคร แล้วจะพาฉันไปไหนกัน!" เมื่อมีที่ปิดปากอยู่หายไป เอมจึงพ่นสิ่งที่นึกในใจออกมาไม่หยุด
"อยากรู้มากก็ไปด้วยกันสิ" ชายหนุ่มแค่นหัวเราแล้วกระโจนตัวออกนอกหน้าต่างสู่กลางอากาศอันว่างเปล่า...

94 Nameless Fanboi Posted ID:IkBr4ct3n

ขุด

95 Nameless Fanboi Posted ID:3dqvX6Ckr

ดินด้วยพลั่วไม้

96 Nameless Fanboi Posted ID:fYC14sBTu

จนด้ามหัก

97 Nameless Fanboi Posted ID:n5Vd/4yz.

เอาจริงดิ ;-;

98 Nameless Fanboi Posted ID:u65hqb0er

ดินชื้นๆ ปูทับด้วยฟางเก่าหยาบ ผนังหินขึ้นตะไคร่เขียวรายล้อมทั้งสี่ด้าน ถังรองรับอาจมถูกวางส่งๆ อยู่ที่มุมห้อง ประกอบกับกลิ่นสาบหนูอบอวล นี่คือสภาพของคุกใต้ดิน สถานที่ๆโอมเคยลั่นวาจาไว้ในใจว่าจะไม่มีวันหวนย้อนกลับมาอีก

หากแต่ถูกบังคับ จะแข็งขืนอย่างไรได้ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเขาเพิ่งถูกประกาศว่าจะต้องแต่งงานกับเจ้าหญิง ห้านาทีต่อมามีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาอาละวาด ประกาศว่าอย่างไรก็ตามจะไม่ขออยู่ร่วมชายคาเดียวกับคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าเช่นเขาแน่

และนี่คือสิ่งที่เจ้าหญิงประทานให้กับว่าที่พระสวามีเช่นเขา ห้องพักที่มีความเป็นส่วนตัวที่สุดของปราสาทเนื่องจากห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าเยี่ยม ด้านหน้ามีทหารรูปร่างบึกบึนห้าคนคอยยืนยามเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหนือกว่าคีย์การ์ดและระบบแสกนนิ้วมือ ยังดีที่เอสเปอร์รัญญ่ายังมีเมตตาให้ปลดตรวน หาไม่แล้วเขาคงคิดสั้นเอาหัวโขกกำแพงตายแต่แรกเป็นแน่

เสียงทุบประตูดังขึ้นสองครั้ง โอมเงยหน้าอมทุกข์ขึ้นจากการนั่งจ้องพื้นอย่างไร้จุดหมาย “กินข้าว” ทหารยามขานเสียงห้วน “มารับถาดที่หน้าประตู”

โอมค่อยๆลุกเดินตรงไปยังหน้าประตู หวนระลึกถึงครั้งสุดท้ายที่เขาได้กินอาหาร นั่นคงเป็นมื้อเย็นกับครอบครัวกระมัง เขาจำไม่ได้แล้วว่าเอมได้แบ่งของกินจากร้านสะดวกซื้อให้เขาหรือไม่

ประตูบานเล็กถูกเปิดออกพอที่จะเสือกถาดอาหารเข้ามาได้ ภายในถาดบุบๆ บรรจุขนมปัง ซุปข้นและเนื้อตากแห้ง โอมรีบหยิบอาหารขึ้นมากัดกินอย่างหิวโหย ไม่ทราบว่าเป็นเพราะหิวหรืออื่นใด เขารู้สึกว่าอาหารมื้อนี้อร่อยราวกับเป็นอาหารทิพย์ก็มิปาน

เมื่อท้องหายว่างชายหนุ่มก็กลับไปนั่งบนกองฟาง อย่างไรเสียสุดท้ายคนพวกนั้นก็ต้องเอาเขาออกไปจากที่นี่ เขาจะต้องกำเนิดบุตรให้องค์หญิงเจ็ดคน หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องแต่งงานหลอกๆ แล้วรับบุตรบุญธรรมเอา เอสเปอร์รัญญ่าคงจะไม่ใจร้ายทิ้งพระสวามีของนางไว้ในคุกใต้ดินอันอับชื้นเช่นนี้ตลอดไปแน่

ในขณะที่โอมเตรียมกายจะเอนลงพักผ่อน เสียงฝีเท้าย่ำมาตามทางเดินด้านนอกก็ดังกระทบโสต ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งอีกครั้งอย่างประหลาดใจ ทหารยามไม่น่าที่จะมีธุระกับเขาอีกและเขาก็ถูกสั่งห้ามเยี่ยม เสียงฝีเท้าหนักนั้นเป็นของบุรุษแน่ ใครกันที่มีอำนาจมากพอจะแข็งขืนต่อคำสั่งขององค์หญิง

คำตอบนั้นมาถึงในอีกอึดใจต่อมา โอมได้ยินเสียงไขกุญแจก่อนที่ประตูจะเปิดออก ชายผมทองหน้าตาหล่อเหลาในชุดอัศวินสีขาวยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ที่ปากประตู ที่เบื้องหลังของเขามีผู้คุมร่างยักษ์สองคนยืนคุมเชิงอยู่พร้อมกับคบเพลิงในมือ

ไม่พูดพร่ำทำเพลง อัศวินขาวพัลพาทีนก็สาวเท้ายาวๆ ตรงมายังนักโทษก่อนสาวหมัดเข้าใส่ใบหน้าของเขาเต็มรัก โอมกระเด็นไปกระแทกกับผนังหินร้องโอดโอย เหมือนว่าจะยังไม่หนำใจ ชายผมทองปั้นหน้าเคียดแค้นกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายขึ้น “ผู้กล้าจากต่างมิติเช่นเจ้ามีปัญญาแค่นี้เองหรือ”

“แกเป็นบ้าอะไร” โอมแค่นเสียงใส่ก่อนที่จะถูกชกใส่อีกหมัดหนึ่ง “ฉันไม่ใช่กระสอบทรายนะโว้ย ใช่ว่าแกคิดจะซ้อมเมื่อไหร่ก็ซ้อมได้”

99 Nameless Fanboi Posted ID:u65hqb0er

คำพูดอวดดีนั้นทำให้โอมได้รับหน้าแข้งเข้าที่ท้องน้อย บัดนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะยันร่างขึ้นจากพื้น พลันความคิดวูบหนึ่งก็แล่นเข้าสู่สมอง ที่อีกฝ่ายโกรธแค้นเขาเช่นนี้คงเป็นเพราะได้ข่าวว่าเขาจะได้ตบแต่งกับเจ้าหญิงที่เขาแอบหลงรักอยู่เป็นแน่

แม้จะจับต้นชนปลายได้ถูก แต่ก็จนใจที่ไม่รู้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าลงได้อย่างไร พัลพาทีนยังคงไม่หายแค้น ประเคนทั้งหมัดทั้งเท้าใส่โอมที่หมอบกระแตอยู่บนพื้นอย่างไม่ไว้ไมตรี พลันเกิดเสียงอื้ออึงขึ้นที่ด้านนอก ทหารยามที่ยืนคุมเชิงอยู่หันไปมองตามทางเดินก่อนเบิกตากว้าง เจ้าหญิงเอสเปอร์รัญญ่ากำลังเดินตรงมาตามทางเดินอันมืดสลัวในคุกใต้ดินพร้อมกับทหารติดตามอีกหลายนาย

อัศวินขาวยังคงเมามันอยู่กับการซ้อมนักโทษจนไม่ได้สังเกตว่าบัดนี้คุกใต้ดินไม่ได้มีแต่คนของเขาแล้ว เจ้าหญิงกระแอมดังๆครั้งหนึ่งฝ่ายนั้นจึงค่อยรู้สึกตัว ใบหน้าหล่อเหลาดูตกใจถึงขีดสุดเมื่อหันหน้ากลับมาประจันหน้ากับเจ้าของดวงตาสีม่วงคู่สวยนั้น “เจ้าหญิง” พัลพาทีนพูดตะกุกตะกัก “ข้า ข้าอธิบายได้”

“เก็บคำอธิบายของท่านไว้กับตัวเถิด” เจ้าหญิงผู้เลอโฉมเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงกระด้าง “ข้าสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้ามายังที่นี่ ท่านไม่นำพาซ้ำยังมาทำร้ายว่าที่สวามีของข้าอีก เช่นนี้จะแก้ตัวอันใด”

ไม่ใช่แค่เพียงพัลพาทีนที่ตื่นตะลึง แม้แต่โอมที่นอนสิ้นเรี่ยวแรงอยู่บนพื้นก็อดตกใจไม่ได้ที่จู่ๆ เจ้าหญิงก็เรียกขานเขาเป็นว่าที่สวามีของพระองค์อย่างชัดถ้อยชัดคำ อัศวินขาวก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างลืมตัว “ท่าน เจ้าหญิง” เขาพูดตะกุกตะกัก “พระองค์รักมันเช่นนั้นหรือ”

“คนเราคงแต่งงานอยู่กินกันไม่ได้หากปราศจากความรัก” เอสเปอร์รัญญ่าพูดพร้อมเดินตรงเข้ามาหาโอมที่ล้มคว่ำอยู่ “ท่านไปเถิดพัลพาทีน เห็นแก่ตำแหน่งของท่าน ครานี้ข้าจะยกโทษให้”

อัศวินขาวถอยฉากไป สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปเป็นตื่นตะลึงจนน่าหัวร่อ โอมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าหญิงที่แสดงกิริยาอ่อนหวานออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง เอสเปอร์รัญญ่าตอบกลับสายตาสงสัยคู่นั้นด้วยการเบะปากพร้อมเชิดจมูกรั้นๆของนาง แสดงให้ว่าที่พระสวามีของนางเห็นว่าที่พูดและทำไปเมื่อครู่ก็เป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้นเอง

ถึงแม้จะเป็นแค่การเล่นละครแต่นั่นก็ทำให้โอมเกิดปฏิภาณวูบ เขาเบี่ยงสายตากลับไปมองอัศวินขาวที่กำลังค่อย ๆ ก้าวออกจากห้องไป ก่อนรวบรวมพลังเสียงร้องเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมา

พัลพาทีนชะงักเท้า หันหลังกลับมามองด้วยแววตาเคืองขุ่น ในขณะที่เขากำลังจะกระชากเสียงถามว่ามีเรื่องอันใด นักโทษบนพื้นก็รวบรวมเรี่ยวแรงเท่าที่มีอยู่ลุกขึ้นโอบรัดเจ้าหญิงที่ไม่ทันได้ระวังตัวเข้าสู่อ้อมอก ประทับจูบเข้าที่ริมฝีปากคู่งามของหญิงสาว ต่อหน้าของอัศวินขาวที่ผงะถอยด้วยความตื่นตะลึง

100 Nameless Fanboi Posted ID:D6ngmjKcV

เช้ดดดดดด ดีงามมม

101 Nameless Fanboi Posted ID:UpHcGqWzR

ฝ่ามือของหญิงสาวฟาดเข้าที่ใบหน้าของโอมแทบจะพร้อม ๆกับที่อัศวินขาวคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเคืองแค้น แรงนั้นถึงกับทำให้ชายหนุ่มเซไปพิงผนังเบื้องหลัง เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเผือดขาวหากแต่นัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้าด้วยโทสะของทีราเลนเซียด้วยความพอใจ แววตานั้นดูราวกับว่าปราถนาจะให้เขาตายไปเสียตรงนั้น โอมแค่นยิ้ม มองเห็นทหารผู้ติดตามเบื้องหลังที่บัดนี้ชักดาบออกมาจ่อแล้วก็นึกรู้ว่าถ้ายังไม่รีบพูดอะไรออกไป เห็นทีเงาหัวก็คงจะไม่เหลือแล้ว

"ไหนบอกว่ารักฉันไง"

โอมกำลังเสี่ยงโชค

มาตอนนี้ ชายหนุ่มแน่ใจแล้วว่าตนเองมาอยู่ในต่างโลกจริง ๆ ไม่ใช่ละครบ้าบออะไรแต่อย่างใด เขาเป็นคนธรรมดา เป็นผู้ชายอนาคตไกลคนหนึ่ง จู่ๆก็ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ถูกชักจูงใช้เป็นหุ่นเชิดไปตามความต้องการของคนแปลกหน้า ช่วยปกป้องโลกที่เขาไม่่ได้ผูกพันธ์ไม่ได้ไยดีอะไร คนสติดีที่ไหนก็คงไม่เอาด้วย แต่.ยังไงก็คง้องเล่นตามน้ำไปก่อนถ้ายังไม่อยากตาย

ใบหน้าของทีราเลนเซียมีแววอับอายจางๆยามได้ยินคำพูดนั้น ท่าทางของหญิงสาวน้ำท่วมปากจนพูดไม่ออกดูน่าสงสารยิ่ง โอมแน่ใจแล้ว เขายังมีประโยชน์กับคนในโลกนี้อยู่ ถึงอย่างไรก็จะตายไมได้ หญิงสาวจึงต้องมาช่วยเขา โอมไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งอะไรกับทีราเลนเซียเป็นพิเศษ อย่างมากก็เห็นว่าการล่วงเกินเมื่อกี้นี่ยั่วโมโหไอ้อัศวินอันธพาลนั่นได้ก็แค่นั้น

โอมค่อย ๆลุกขึ้นท่ามกลางสายตาหวาดระแวงของคนทั้งห้อง เขายืนพิงผนัง เริ่มรู้สึกปวดร้าวตามร่างกายขึ้นมา แม้แต่ลมหายใจยามนี้ยังมีเสียงหวีดเบา ๆ ยามสูดสมหายใจเข้าทีก็เจ็บปวดจนต้องค่อยสูดอากาศ ตามใบหน้าและร่างกายมีรอยฟกช้ำม่วง ๆ เขียว ๆดูน่าเวทนา แต่ท่วงท่าของชายหนุ่มกลับมีความถือดีปนอยู่ในนั้น เตือนให้รู้ว่าใครก็อย่าบังอาจมาสงสารเขาเป็นอันขาด

แววตาของทีราเลนเซียอ่อนลงเล็กน้อย

"เอ้า" ชายหนุ่มพูด ทำลายบรรยากาศที่ตนเองสร้างขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อครู่เสียสิ้น "รีบ ๆ พาฉันไปให้พ้น ๆ ไอ้ห้องเหม็นนี่ซะทีสิ"

102 Nameless Fanboi Posted ID:UpHcGqWzR

ในหนึ่งวันมานี้ เขาเข้าคุกมามากกว่าที่ตัวเองเคยเข้ามาทั้งชีวิตซะอีก

โอมคิดขณะเดินตามหลังทีราเลนเซียไปเรื่อย ๆ ชายหนุ่มหันไปมองซ้ายทีขวาที ก่อนหน้านี้เขยังสับสนอยู่ รอบข้างก็ไม่ได้พิจารณาให้ชัดเจน มาตอนนี้จิตใจสงบขึ้นบ้างหลังได้เข้าไปนั่งพิจารณาตัวเองอยู่ในคุกใต้ดินมาระยะหนึ่ง จึงมองเห็นอะไรชัดเจนขึ้น

จะว่าไปก็ต้องขอบคุณแม่เจ้าหญิงนี่กับยัยแม่มดที่เถียงกันไม่เลิกจนต้องเอาโอมไปโยนไว้ในคุกตัดปัญหาก่อน

"เธอจะพาฉันไปไหน" จู่ ๆ เขาก็นึกสงสัยขึ้น

หญิงสาวชายตากลับมามองเขาเล็กน้อย ท่าทางควบคุมอารมณ์ได้บ้างแล้ว และแล้วองค์หญิงก็ชะงักไปน้อย ๆ จยแทบไม่เป็นที่สังเกต

"...." ทีราเลนเซียไม่พูดอะไร เพียงแต่ยื่นมือมาข้างหน้า โอมก้มลงมองฝ่ามือเรียวบางขาดสะอาดที่ก่อนหน้านี้เลยประทับอยู่บนหน้าเขาด้วยความงุนงง

"...มือมา"

โอมยืนนิ่ง

"ข้าบอกให้เจ้ายื่นมือมา" คราวนี้น้ำเสียงของทีราเลนเซียเย็นขึ้นอีกระดับ "ข้าจะใช้เวทมนต์รักษาเจ้า ไม่อยากเดินกะเผลกไปมาก็จับมือข้าซะ"

103 Nameless Fanboi Posted ID:hzD2hNAk4

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะดวงตาสีม่วงคู่สวยหรือพวงแก้มแดงระเรื่อของเจ้าหญิงที่ทำให้โอมยอมทำตามคำสั่งของเจ้าหล่อนอย่างว่าง่าย เขายื่นมือทั้งสองข้างไปเบื้องหน้า ปล่อยให้เอสเปอร์รัญญ่าใช้นิ้วเรียวงามของนางแตะสัมผัส

เมื่อผิวกายของคนทั้งสองกระทบกันก็พลันเกิดแสงสีขาวสว่างวาบขึ้น โอมรู้สึกถึงไออุ่นจางๆ ที่กำลังไล้ผ่านไปทั่วสรรพางค์กาย ก่อนที่อึดใจต่อมาแสงนั้นจะหายวับไปพร้อมกับความเจ็บปวดตามร่างกายที่มลายสิ้น

ในขณะที่โอมกำลังจะเอ่ยปากขอบคุณ พลันดวงตาสีม่วงคู่นั้นก็ทอประกายเปลี่ยนไป ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าผิดท่า รีบชักมือออกแต่ก็ไม่ทันการ แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันขดตัวเป็นเส้นเชือก มัดข้อมือทั้งสองข้างของเขาเข้าไว้ด้วยกัน

“ไม่ตัดมือเจ้าเสียก็นับเป็นบุญคุณมากแล้ว” เอสเปอร์รัญญ่ารีบแหวใส่ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้พูด “เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกันถึงได้บังอาจใช้มือโสโครกนั่นมาสัมผัสตัวข้า”

คำว่า “ก็เป็นว่าที่สามีท่านไง” กำลังจะหลุดออกมาจากปากของโอม แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงจะรู้ทันคำพูดของเขา นางสะบัดมืออีกครั้งหนึ่ง คราวนี้แสงสีขาวเปลี่ยนสภาพกลายเป็นก้อนกลม พุ่งเข้าไปยัดอยู่ในปากที่เผยอขึ้นของชายหนุ่ม บีบบังคับให้เขาไม่สามารถเอื้อนเอ่ยถ้อยวจีใดออกมาได้

เจ้าหญิงไม่สนใจสายตาขุ่นแค้นของว่าที่พระสวามี นางฉุดกระชากเขาไปตามทางเดินที่ปราศจากผู้คนจนมาถึงห้องเล็กๆ ใต้บันไดห้องหนึ่งที่ใช้สำหรับเก็บไม้กวาดก่อนผลักไสร่างที่ไร้ทางสู้เข้าไปไว้ข้างในนั้น “พรุ่งนี้เราจะเข้าพิธีแต่งงานกันอย่างลับๆ” เอสเปอร์รัญญ่าพูดรัวเร็ว “ข้าจะไปเตรียมการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย เจ้าเองก็สงบปากสงบคำให้มาก หากทำตัวดีๆ เครื่องพันธการพวกนั้นก็จักหายไปเอง”

104 Nameless Fanboi Posted ID:hzD2hNAk4

โอมกำลังเดือดดาลถึงขีดสุด

คนบ้านนี้เมืองนี้มันเป็นอย่างไรกัน เรียกเขาข้ามมิติมาอวยยศเป็นผู้กล้าแท้ๆ แต่สิ่งที่กระทำต่อเขาก็ราวกับกำลังปฏิบัติต่อสัตว์ ต่อมาจู่ๆ จะให้เขาเป็นพระสวามีของเจ้าหญิง แต่สิ่งที่ได้รับในคืนก่อนวันแต่งงานกลับเป็นการส่งเขาเข้าที่คุมขังครั้งแล้วครั้งเล่า

ชายหนุ่มใช้เท้าเตะทุกอย่างที่ขวางหน้าเป็นการระบายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นถังน้ำหรือด้ามไม้กวาดเก่าๆล้วนถูกหวดจนล้มกองระเนระนาดกับพื้น ในที่สุดข้าวของภายในห้องก็พังเละสมใจ โอมทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาลูกผู้ชายเอ่อล้นออกมาจากดวงตา

พลันเกิดลมหอบใหญ่พัดเข้ามาในห้องเก็บไม้กวาด ซากของที่กองอยู่บนพื้นถูกลมหมุนพัดวนกระเด็นกระดอน เมื่อลมสงบลงก็ปรากฏร่างในชุดคลุมสีดำขึ้นจากอากาศที่ว่างเปล่า ร่างนั้นสะบัดมือหนึ่งครั้ง แสงสีขาวที่พันธนาการมือและปากของโอมก็สลายกลายเป็นควันไปในทันที

ผู้มาใหม่ดึงหมวกที่คลุมศีรษะเปิดออก เผยให้เห็นเรือนผมสีดำขลับคู่กับดวงตา ริมฝีปากรูปกระจับเข้ากับจมูกเล็กๆ ขับให้ใบหน้ารูปไข่นั้นดูงดงามผุดผาดโดยไม่ต้องแต่งเติม

โดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายเปิดปากถาม หญิงสาวผู้นั้นก็เอ่ยแนะนำตัวขึ้นก่อน “ข้าชื่อนัวร์” ดวงตาของนางพินิจสำรวจใบหน้าของชายหนุ่ม “ท่านคงรู้จักข้าในนามของจอมมารสินะ ท่านผู้กล้า”

เมื่อพูดจบหญิงสาวก็ย่อกายถอนสายบัวเป็นการทำความเคารพโอมครั้งหนึ่ง ดวงตาสีดำคู่สวยนั้นทอประกายพิสดาร ชายหนุ่มกลืนน้ำลายขณะเหม่อมองดวงหน้าอันงดงามนั้น ยามกะทันหันไม่อาจเอ่ยวาจาใดได้

จอมมารเอียงศีรษะอย่างสงสัยเมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยโต้ตอบอะไร อากัปกิริยานั้นยิ่งทำให้นางดูงามพิลาสขึ้นอีก “มีเรื่องอันใดหรือท่านผู้กล้า” เจ้าหล่อนกล่าวต่อ “หรือข้ามาขัดจังหวะอันใดท่าน ต้องขออภัย”

“เปล่า เปล่าครับ” โอมละล่ำละลักตอบเมื่อตั้งสติได้ “ไม่ได้ขัด ไม่ได้อะไรเลย ผมก็แค่ตกใจนิดหน่อย”

“คงเป็นความผิดของข้าเองที่เลือกปรากฏกายด้วยวิธีนี้” จอมมารค้อมศีรษะเป็นการขอโทษ “ความจริงไม่ได้อยากจะมารบกวนเวลาพักผ่อนของท่าน แต่จำต้องนำสิ่งนี้มาให้”

นัวร์ล้วงมือเข้าไปในชุดคลุม ก่อนหยิบแหวนไข่มุกวงหนึ่งออกมาจากด้านในนั้น “ท่านผู้กล้า ข้านับถือในความกล้าหาญของท่านที่ปรารถนาจะต่อกรกับตัวข้า” สีหน้าของนางดูเอียงอายเล็กน้อยเมื่อยื่นแหวนวงนั้นส่งให้ชายหนุ่ม “จึงอยากจะให้ท่านพกมันติดตัวไว้ เป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาของสองเรา”

โอมรับแหวนวงนั้นมาถือไว้ในมือก่อนที่จะสังเกตว่าจอมมารก็มีแหวนลักษณะเดียวกันนี้ประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของนาง “ขอบคุณ” เขาพูดเบาๆ “ข้าจะเก็บรักษามันไว้อย่างดี”

ใบหน้าของนัวร์ขึ้นสีเข้ม “นอกจากจะเป็นแหวนแห่งพันธสัญญาของเราแล้ว มันยังมีคุณสมบัติพิเศษในการซึมซับเวทมนตร์” จอมมารเอ่ยเสียงค่อย “มันสามารถลอกเลียนเวทมนตร์ของใครก็ตามที่ท่านต้องการ”

ยังไม่ทันที่โอมจะได้พูดอะไรอื่นจอมมารสาวก็ก้าวเท้าถอยหลัง “ข้าจะรอวันที่ท่านออกตามหาข้า” นางพูด “ก่อนจะได้พบกันอีกครั้ง โปรดรักษาตัว ท่านผู้กล้า”

ลมหอบใหญ่พัดอีกวูบหนึ่ง ข้าวของปลิวสะบัดไปตามแรงลมอีกครั้งก่อนที่อึดใจต่อมาทุกอย่างจะเงียบลง เหลือชายหนุ่มที่คุกเข่ากำแหวนอยู่บนพื้นแต่เพียงผู้เดียว

105 Nameless Fanboi Posted ID:8X9fI3SHw

เสียงระฆังวิวาห์ในโบสถ์ลับใต้ดิน ดังสนั่นไปทั่วชั้นใต้ดินของพระราชวัง หากแต่บนผืนอาณาจักรกลับไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงพระราชพิธีสำคัญระหว่างหนึ่งผู้กล้าและหนึ่งราชนิกูลเลย เพราะโบสถ์ลับใต้ดินเอสเปอรัญญ่า เป็นหนึ่งในหกโบราณสถานวิเศษ ที่มีลักษณะเฉพาะ และยินยอมให้กับผู้ที่มีพลังกล้าแกร่งพอที่จะดึงดูดมิติแห่งทวารบานให้เปิดออกต้อนรับเท่านั้น

แต่ก็ยังมีสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่จะได้ยินเสียงระฆังวิเศษนี้ ที่ๆ ดำดิ่งลึกลงไป ลึกลงไปกว่าเปลือกโลก สถานที่ที่ไม่มีมนุษย์ปกติคนไหนสามารถเดินทางไปถึง สถานที่ที่จิตใจของมนุษย์ปกติไม่อาจตั้งมั่น และอาจพังทลายได้ทุกเมื่อ สถานที่บั่นทอนความประเสริฐใดๆ
สถานที่อาศัยของจอมมารผู้ยิ่งใหญ่คับผืนดิน

..นรก

106 Nameless Fanboi Posted ID:RwoSqSoxN

หายไปไหนกันอีกแล้วมึง มาต่อหน่อยสิ

107 Nameless Fanboi Posted ID:mNx41Admf

>>106 อยากต่อนะมึง ตอนแรกว่าจะต่อแบบภาษาเบียวๆหน่อย แต่เห็นพวกมึงซีเรียสแล้วกูรู้สึกผิดเลย

108 Nameless Fanboi Posted ID:T31jQzm4L

ไหนตอนแรกบอกจะเบียวหมดทั้งพลอตทั้งภาษาไง นี่ภาษาดีเกินไปนะ 555

109 Nameless Fanboi Posted ID:EzC+zpdUe

เห็นไม่มีใครเม้นอะไรนึกว่าไม่มีใครติดตามละ

110 Nameless Fanboi Posted ID:1WzktfX4Q

พยายามเบียวแต่เขียนไปมามันเริ่มหลุดออกมาอะมึง ต่อเบียวๆกันเลยดิ

111 Nameless Fanboi Posted ID:xXXKzaIVe

ต่อปกติก็ได้มั้งมึง กูสงสารเขียนเบียวแม่งปวดหัวกว่าเขียนธรรมดาอีก

112 Nameless Fanboi Posted ID:cLrabNE64

เสียงระฆังวิวาห์ที่ดังแว่วมาไม่ได้ทำให้นัวร์หวั่นไหว เจ้าแห่งความมืดกำลังง่วนอยู่กับม้วนเอกสารตรงหน้าพอดีกับที่ทหารองค์รักษ์ร้องแจ้งให้ทราบว่า ดารัค หนึ่งในสี่จตุรมารของนางได้เดินทางมาขอเข้าพบ

ประตูไม้หนาหนักถูกผลักเปิดออก ชายร่างยักษ์ในชุดคลุมเดินทางสีดำสนิทเดินตรงเข้ามายังห้องหนังสืออย่างองอาจ ในอ้อมแขนของเขากำลังโอบอุ้มหญิงสาวผู้หนึ่งที่อยู่ในภาวะหลับไหลไม่ได้สติ

ดารัคคุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้าจอมมารสาว “ข้าแต่ท่านหญิงผู้ชั่วช้า” เขาเอ่ย “ข้าได้นำชิ้นส่วนของประตูมามอบแก่ท่านตามคำสั่ง”

นัวร์หยุดสนใจม้วนกระดาษตรงหน้า หล่อนวางมันลงก่อนที่จะเดินอ้อมโต๊ะหนังสือตรงมายังยอดขุนพลที่ยังคงคุกเข่าคำนับ จอมมารดีดนิ้วครั้งหนึ่ง เบาะกำมะหยี่อันอ่อนนุ่มก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ร่างของเอมถูกวางลงบนเบาะสีแดงนั้นอย่างนุ่มนวล

จอมมารใช้นิ้วเรียวสัมผัสพวงแก้มของหญิงสาวผู้หลับใหล เกิดแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นก่อนที่เปลือกตาของเอมจะเผยอเปิดออก “สวัสดี นางงาม” นัวร์เอ่ยขึ้นก่อน “เจ้าจำข้าได้หรือไม่”

ดวงตาสีดำของเอมจับจ้องไปที่ใบหน้าเรียวของอีกฝ่าย “เธอเป็นใคร” หญิงสาวร้องถามเบาๆ ขณะยันกายขึ้นนั่ง “เขาเป็นใคร แล้วฉันอยู่ที่ไหน”

จอมมารไม่สนใจคำถามนั้น เจ้าหล่อนหันหน้าไปหาขุนพลที่ก้มหน้าต่ำ “ข้าคิดว่านางจำพวกเราไม่ได้หรอกขอรับ ท่านหญิง” ดารัคพูด “ไม่เช่นนั้นไหนเลยจะส่งผู้กล้ามา”

“นั่นคงเป็นเพราะพวกเราไม่อาจฝืนโชคชะตา” นัวร์เอ่ยตอบเบาๆ ก่อนหันหน้ากลับมาหาเอม “ไม่ต้องกังวล เจ้าจะปลอดภัยเมื่ออยู่ที่นี่”

“เธอพูดเรื่องอะไร” เอมขมวดคิ้ว สีหน้ายังคงมึนงงคล้ายคนเพิ่งตื่นนอน “ฉันอยู่ที่ไหน พวกเธอเป็นใครกันแน่”

จอมมารยังคงไม่ตอบคำถามนั้น เจ้าหล่อนใช้ฝ่ามือทาบสัมผัสเข้ากับหน้าผากของเอม ก่อนที่จะใช้ริมฝีปากเรียวทาบกับริมฝีปากของอีกฝ่ายเบาๆ พลันร่างนั้นก็ผล็อยเข้าสู่ห้วงนิทราไปอีกครั้งแทบจะในทันที

“เจ้าจะปลอดภัยเมื่ออยู่ที่นี่” นัวร์ย้ำคำพูดนั้นอีกครั้งก่อนหันกลับไปหาดารัคที่ยังคงคุกเข่าอยู่ “เพื่อนของท่านทั้งสามยังคงสบายดีหรือไม่”

หนึ่งในจตุรมารก้มศีรษะรับคำ “ยังอยู่ดีขอรับท่านหญิง” เขาเหลือบมองไปยังร่างที่กำลังหลับใหลอย่างไม่วางใจ “ขออภัยที่ข้าต้องพูดเช่นนี้ แต่ท่านหญิงแน่ใจแล้วหรือว่า— ”

จอมมารขมวดคิ้ว “เจ้าสงสัยในข้อวินิจฉัยของข้าหรือ”

ใบหน้าของดารัคซีดเผือด เข้าก้มต่ำลงอีก “ข้าไม่ได้— ขออภัยขอรับท่านหญิง ท่านผู้ชั่วช้า ข้ามิอาจสงสัยอันใดอีกแล้ว”

“ข้าต้องการให้เจ้านำคำสั่งของข้าไปแจ้งต่อจตุรมารทั้งหมด” นัวร์พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เจ้าจักทำมันหรือไม่”

เมื่อได้ยินคำตอบรับจากอีกฝ่าย จอมมารก็เอ่ยต่อ “ข้าต้องการให้พวกเจ้าทั้งสี่คลายการป้องกันป้อมปราการต่างๆลง เมื่อผู้กล้าเดินทางมาถึง เขาจักได้ไม่ต้องเปลืองแรงต่อกร”

ใบหน้าของดารัคซีดเผือด “แต่— ท่านหญิง” เขาละล่ำละลักพูด “เรื่องนั้น ข้าเกรงว่า”

“สั่งการลงไป” นัวร์ไม่สนใจข้อโต้แย้ง เจ้าหล่อนเผลอยกมือขึ้นคลำแหวนไข่มุกบนนิ้วนางข้างซ้ายอย่างลืมตัว “หากมีผู้ใดแข็งขืน ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ให้ประหารฆ่าพวกมันทั้งตระกูล”

113 Nameless Fanboi Posted ID:1i/vafMGX

“เอาล่ะ คราวนี้เราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว” เจ้าหญิงพูดเรียบๆ แหวนเพชรวงน้อยส่องประกายอยู่บนนิ้วของนาง “เมย์ลิน ข้าจักต้องทำเช่นใดต่อไป”
ริมฝีปากสีชาดของแม่มดเหยียดยิ้ม “ท่านคงไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้ประสากระมัง”

เอสเปอร์รัญญ่าถลึงตาคู่สวย “ใช่เรื่องที่เจ้าควรล้อข้าเล่นอย่างนั้นหรือ” นางแหว “ข้าหมายถึงเรื่องลูกบุญธรรมที่เจ้ารับปากอย่างไรเล่า”

เมย์ลินอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ข้ารับปากอันใดกับท่านหรือเพคะ” นางเอ่ยเสียงหวาน “ข้าไม่ยักจำได้ว่าเคยพูดไว้”

เจ้าหญิงนิ่งอึ้งไป เพิ่งตระหนักได้ว่าเรื่องรับบุตรบุญธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ตนเอ่ยปากขึ้นเอง ในขณะที่หญิงสาวนิ่งค้างอยู่นั้น โอมที่ยืนเงียบมาตลอดก็เอ่ยถามขึ้น “เมย์ลิน ถ้างั้นก็หมายความว่าฉันจะต้องมีลูกกับ— กับยายเจ้าหญิงโรคประสาทนี่น่ะเหรอ”

แม่มดฉีกยิ้มเป็นคำตอบ ในขณะที่เจ้าหญิงเอสเปอร์รัญญ่าหันกลับมาทำตาเขียวใส่ “เจ้าเพ้อเจ้ออะไร ข้าไม่มีวันยอม— ”

ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ ผู้กล้าจำเป็นที่บัดนี้ปลงตกแล้วก็รวบเอาร่างบางขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน ดวงตาสีดำของโอมจ้องลึกลงไปในดวงตาสีม่วงที่ฉายแววตื่นตะลึง “ฟังให้ดี เจ้าหญิง” เขาพูดเรียบๆ “สำหรับฉัน เธอไม่ได้น่าพิศวาสเลยสักนิด และถ้าเลือกได้ฉันขอเลือกที่จะไม่ต้องเจอเธอตลอดไปเสียดีกว่าที่จะต้องมาอยู่กินกับเธอ เพราะฉะนั้น ฉันจึงตัดสินใจที่จะยอมโอนอ่อนตามพวกเธอแค่ปีเดียว เข้าใจไหมเจ้าหญิง ครั้งนี้เธอจะต้องมีลูกแฝดเจ็ดให้ฉัน”

เจ้าหญิงอุทานออกมา “เจ้าจะบ้าอย่างนั้นหรือผู้กล้า” นางร้องลั่น “แฝดเจ็ด ผีห่าตนใดเจาะปากให้เจ้าพูดออกมากัน”

โอมเลิกคิ้ว “มีปัญหาอะไรเหรอ” เขาเหยียดยิ้ม “หรือเจ้าหญิงคนเก่งก็มีสิ่งที่ทำไม่ได้เหมือนกัน”

“เจ้ามันบ้าไปแล้ว” เอสเปอร์รัญญ่ายังไม่หยุดโวยวาย “ใครกันจะไปมีลูกครั้งเดียวเจ็ดคนได้ เจ้าเห็นข้าเป็นตัวอะไรกัน”

“ก็เห็นเป็นภรรยาสุดที่รักของฉันน่ะสิ” ไม่พูดเปล่า คราวนี้โอมถึงกับโน้มตัวลงไปจุมพิตหน้าผากของอีกฝ่ายเบา ๆ “เอาล่ะเมย์ลิน เป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องนำฉันกับเจ้าหญิงไปส่งที่เรือนหอแล้ว”

แม่มดผู้ทรงเสน่ห์ถึงกับนิ่งตะลึงเมื่อเห็นฉากตรงหน้า ใครจะไปคาดคิดว่าชายหนุ่มที่ปั้นหน้ามึนตึงมาตลอดทั้งพิธีจะมีวิธีตลบหลังประหลาดๆ เช่นนี้ แต่ด้วยเหตุการณ์ที่กะทันหันย่อมไม่อาจคิดวิธีแก้ไขได้ นางจึงได้แต่ก้มศีรษะรับก่อนเดินนำชายหนุ่มผู้อุ้มร่างที่แข็งขืนของหญิงสาวขึ้นไปตามบันไดเวียนที่ทอดสู่หอคอยปราสาท

114 Nameless Fanboi Posted ID:1i/vafMGX

ห้องชั้นบนสุดของหอคอยตะวันตกถูกออกแบบให้เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ หรืออย่างน้อยในตอนนี้มันก็มีรูปแบบการใช้งานเช่นนั้น ฟูกหนานุ่มขนาดหกฟุตถูกจัดวางอยู่บนตั่งเตียงไม้เข้าคู่กับโต๊ะหัวเตียง ริมผนังห้องเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่พร้อมฉากกั้น เครื่องเรือนทุกชิ้นถูกตกแต่งด้วยริบบิ้นและดอกไม้สีสันสดใสละลานตา

หญิงรับใช้ทั้งสี่เปิดประตูเข้าไปในห้องพร้อมโรยกลีบกุหลาบลงบนเตียง เมย์ลินเดินตามเข้าไป สะบัดมือเบาๆด้วยท่วงท่าสง่างาม “ข้าขออวยพรให้เจ้าหญิงผู้เป็นที่รักของเรา ประสบโชคดีในการครองเรือน มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”

โอมหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ในขณะที่เจ้าหญิงในอ้อมแขนของเขาส่งสายตาเขียวปั๊ดให้กับคนทั้งสอง “พวกเจ้าเลิกบ้ากันได้แล้ว” นางแหว “ข้าไม่ยอม— ไม่มีวันมีลูกให้กับเขาแน่”

ไม่มีใครสนใจคำพูดนั้น ผู้กล้าจำเป็นปั้นสีหน้าจริงจังขณะหันไปสบตากับแม่มดสาว “เมย์ลิน ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด ในพิธีเมื่อครู่ฉันถูกอวยยศให้เป็นเจ้าชายใช่ไหม”

แม้อีกฝ่ายจะประหลาดใจกับคำถามนั้นแต่ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนเองควรแสดงกิริยาที่นอบน้อมกว่านั้น “ใช่สิเพคะ” นางเอ่ยเสียงหวาน “ในตอนนี้ท่านถือเป็นเจ้าชายของพวกเราแล้ว”

โอมเผยอยิ้มออกมา เอ่ยถามต่อ “งั้นตอนนี้พวกเธอก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉันแล้วสิ”

หญิงรับใช้ทั้งสี่ก้มศีรษะต่ำเป็นเชิงรับคำทันที ในขณะทีเมย์ลินขมวดคิ้วเนื่องด้วยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน “ใช่เพคะ” ในที่สุดนางก็เอ่ยตอบ “แต่ต้องเป็นคำสั่งที่มีเหตุผลรองรับด้วย”

“งั้นก็ดี มีเหตุผลแน่” โอมเกือบที่จะหัวเราะออกมาเมื่อพูดคำนั้น “งั้นนับแต่บัดนี้จนถึงพรุ่งนี้เช้า ฉันขอห้ามทุกผู้คนย่างเข้ามาในหอคอยตะวันตกนี้ แม้แต่ทหารยามก็ให้ไปเฝ้าอยู่ที่ด้านล่างของหอคอย”

เมย์ลินเลิกคิ้ว “แล้วเหตุผลล่ะเพคะ”

แทนคำตอบ โอมชม้ายตาไปยังดวงหน้าของหญิงสาวในอ้อมแขน เมื่อหญิงรับใช้เห็นดังนั้นก็อดหัวเราะคิกออกมาไม่ได้ รีบแจ้นออกจากห้องไปในทันที
แม่มดสาวยังคงขมวดคิ้วไม่ขยับไปจากที่ “ท่านผู้กล้า ข้าไม่เข้าใจการกระทำของท่าน— ”

“จะมีอันใดให้ต้องเข้าใจอีก ก็เขามันเป็นคนเลวน่ะสิ” เอสเปอร์รัญญ่าร้องออกมาทันที “เมย์ลิน เจ้าต้องช่วยข้า— ”

โอมโน้มศีรษะลงไปทำท่าจะจุมพิต เจ้าหญิงเห็นดังนั้นจึงรีบเม้มริมฝีปากแน่นทันที “ดีทีเดียวที่เห็นเธอหยุดพูดได้สักที” ชายหนุ่มหัวเราะ “เอาล่ะเมย์ลิน ถ่ายทอดคำสั่งของฉันลงไป แม้แต่เธอก็ห้ามกลับเข้ามาที่นี่จนถึงพรุ่งนี้เช้า”

ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทันคิดคำพูดอื่น โอมรีบส่งสายตาไปยังประตูเป็นเชิงไล่ เมื่อเห็นว่าตนเองพ่ายแพ้แล้วแม่มดสาวก็ทำได้เพียงแต่ถอนใจ พยายามไม่สบตาเจ้าหญิงที่กำลังร้องโวยวายขณะหันหลังออกจากห้องไป

115 Nameless Fanboi Posted ID:1i/vafMGX

ประตูไม้บานหนักถูกดึงปิด โอมใช้มือข้างหนึ่งลงกลอนอย่างแน่นหนาในขณะที่มืออีกข้างกำลังกอดรัดร่างของผู้เป็นภรรยาที่กำลังดิ้นรนให้หลุดจากการเกาะกุมอย่างสุดชีวิต

เขาวางร่างของเจ้าหญิงลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล “ถ้าเธอสัญญาว่าจะไม่ขัดขืน ฉันจะไม่ทำอะไรรุนแรง” โอมพูด

เจ้าหญิงรีบพยักหน้ารับคำทันที แต่ในชั่วพริบตาที่ชายหนุ่มปล่อยนางจากการเกาะกุมนั้น ดวงตาของหญิงสาวก็เป็นประกายวูบ เอสเปอร์รัญญ่ายิ้มเหี้ยมเกรียมในขณะที่สะบัดมือ แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นกลายเป็นเชือกพันธนาการร่างของผู้กล้าหนุ่มไว้แน่น

“เจ้าคิดว่าตัวเองแข็งแรงกว่าอย่างนั้นหรือ” เจ้าหญิงร้องอย่างมีชัย “ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะมีปัญญาหลุดจากการถูกเชือกมนตราของข้ารัดรึงหรือไม่”

ถึงแม้จะถูกมัดแน่น แต่โอมก็ยังคงยิ้มได้ “ฉันคิดแล้วว่าเธอมันต้องเลี้ยงไม่เชื่อง” เขาพูดกลั้วหัวเราะ “ฉันรู้ดีว่าลำพังแค่แรงของฉันน่ะคงสู้เวทมนตร์ของเธอไม่ได้หรอก แต่ก็นะ ของแบบนี้มันก็มีจุดอ่อน”

แววตาแห่งชัยชนะของหญิงสาวสลายไปในทันทีเมื่อเห็นว่าเชือกแสงที่รัดร่างของอีกฝ่ายอยู่นั้นกำลังสลายกลายเป็นควันไปอย่างช้าๆ โอมรีบกอดรัดร่างของเจ้าหญิงที่มีทีท่าว่าจะกระโดดหนีไว้แน่น “เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเธอเพิ่งกล่าวคำสาบาน ว่าจะรัก และไม่มีวันที่จะคิดทำร้ายฉัน”

บัดนี้เจ้าหญิงก็รู้แล้วว่าเวทมนตร์ของตนเองคงไม่สามารถทำอันตรายแก่ชายตรงหน้าได้อีก คงต้องโทษชะตาของฟ้าไม่ก็ใครก็ตามที่เป็นคนเขียนบทพูดในพิธีแต่งงานของเธอ โอมได้ทีที่เห็นหญิงสาวเสียขวัญ รีบปีนขึ้นนั่งบนเตียง โอบกอดร่างที่ไม่มีทางสู้เข้ามาไว้ในอ้อมอก

ในตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าหญิงสาวผู้นี้คงจะร้องไห้ออกมา แต่ปรากฏว่าเอสเปอร์รัญญ่านั้นเข้มแข็งกว่าที่เขาคิด เมื่อเห็นว่าคงไม่มีทางสู้แรงของเขาได้ นางก็นั่งนิ่งเป็นหุ่นไม้อยู่ในอ้อมอก ยอมให้เขาเอาเปรียบอย่างไม่สะทกสะท้าน เมื่อเห็นดังนั้นโอมจึงถอนหายใจเบาๆ พร้อมหยุดมือที่กำลังรุกไล่ “เอาล่ะ ฉันว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องคุยกัน”

“มีอันใดต้องเอ่ยอีก” เจ้าหญิงเอ่ยตอบเสียงเรียบ ไม่มีแสดงอาการยินดียินร้ายในน้ำเสียง “เจ้าชนะแล้ว ทำสิ่งที่เจ้าต้องการเถอะ”

โอมถอนหายใจอีกครั้ง เขาพลิกร่างของหญิงสาวให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันโดยยังไม่ยอมปล่อยให้นางหลุดออกจากอ้อมกอด “ฉันขอโทษที่ล่วงเกินเธอ” ชายหนุ่มพูด “แต่ถ้าอยากจะคุยกับเธอแบบเป็นผู้เป็นคน ก็มีแค่วิธีนี้นี่แหละที่ฉันนึกออก”

ดวงตาสีดำจ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีม่วง เจ้าหญิงพยายามหันหน้าหนีแต่ก็ถูกมือใหญ่เชยคางให้จ้องตรง “อย่าหลบหน้าฉัน เจ้าหญิง— ” เมื่อพูดถึงตรงนี้ โอมก็ชะงักไป “จริงสิ ฉันยังจำชื่อเธอไม่ได้เลย”

“สามีข้าช่างความจำสั้นยิ่งนัก” แม้ท่าทีของนางจะอ่อนลง แต่น้ำเสียงก็ยังฟังดูกระด้าง “นามของข้าคือ ทีราเลนเซีย ฟราดิก้า เอสเปอร์รัญญ่า”

โอมพ่นลมหายใจขำ “ชื่อยาวขนาดนี้ ใครมันจะไปจำได้” เขาพูด “ไม่มีชื่อเล่นเหรอ บอกฉันซิ เพื่อนๆของเธอเรียกเธอว่ายังไง”

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.