Fanboi Channel

โปรแกรมเมอร์ที่รัก [โปรแกรมที่ 2]

Last posted

Total of 1000 posts

942 Nameless Fanboi Posted ID6:R4ctD/xL1k

>>941 เอาเด็กมีพาสชั่นมา ไม่มีวุฒิ พออายุ 30 แม่งก็ต้องไปคอร์สปลอมเปลือกอยู่ป่ะ เพราะเรียนไม่จบ สุดท้าย ก็ต้องไปหลอกเด็กมีพาสชั่นฝูงใหม่มารึไง

943 Nameless Fanboi Posted ID:5kJDl7aZg9

>>942 คิดว่าวงการนี้คนอายุ 30 ที่มีผลงานติดตัวต้องมาหาวุฒิแปลว่ามึงไม่รู้อะไรไม่ก็เคยทำงานแต่กับบริษัทกากๆแล้วล่ะ

944 Nameless Fanboi Posted ID6:R4ctD/xL1k

>>943 บริษัทส่วนใหญ่ก็บริษัทกากทั้งนั้นแหละ หรือจะบอกว่าไม่มีวุฒิ แต่ประสบการณ์อย่างเดียว 20-30ปี จ้างเลย เดือนละแสน(ถึงป่ะวะ????) งี้น่ะเหรอ

945 Nameless Fanboi Posted ID:5kJDl7aZg9

>>944 อ่า เครๆ อยากเชื่อแบบนั้นต่อไปก็ตามใจมึงละกัน

946 Nameless Fanboi Posted ID:Mkq7MlVLYL

พวกบูชาใบปริญญาหลุดมาจากไหนวะ 🤮

947 Nameless Fanboi Posted ID6:MgWksXSUjb

https://twitter.com/remino/status/1702108812873011316?s=20
เรื่องแค่นี้ต้องดราม่าเลยเรอะ กูเห็นแอค htmx ก็ชอบเล่นมุกอะไรแบบนี้อยู่แล้ว
ไม่แน่ใจว่าฝั่ง bun ไม่เก็ทว่าเป็นแค่มุกเล่นเอาฮาเลยดราม่า หรือจริงๆรู้อยู่แล้วแต่ก็จะดราม่าอยู่ดี

948 Nameless Fanboi Posted ID6:7.gqEwMEU2

>>944 ไอที มันมีหลายสาขา ถ้าพวก network / system ที่ทำแบบเป๊ะๆ มีรูปแบบตายตาย พวกนี้ใบเซอร์มีค่าในการพิจารณา มากกว่าวุฒิ
คือวุฒิมันจะพิจารณายังไง ในเมื่อวิชาที่เรียนอยู่กับงานที่ใช้มันไม่ตรงกันเลย (ยกเว้นส่วนภาษา)

ส่วนโปรแกรมเมอร์ อันนี้เนื่องจากภาษา กับเครื่องมือ มันเปลี่ยนบ่อย แล้วโปรแกรมมันแตกเป็นหลายรูปแบบ ทำเกม ทำเวป ธรุกิจ โรงงาน โรงแรม บัญชี ทำเครื่องมือ ระบบอัตโนมัต ระบบขนส่ง..... etc ดังนั้นวิธีคัดคนฝั่งโปรแกรมเมอร์ถ้าเคยมีพอร์ทงานอะไรคล้ายๆ กัน ก็รับมาทำแค่นั้นแหละ หรือถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ทำข้อสอบในส่วนระบบที่คิดว่าต้องใช้เอา

ส่วนซัพพอร์ต อันนี้ฐานต่ำสุด มึงประกอบคอมลง windows ได้ เข้าหัว lan ได้หน่อยก็รับ แถมวุฒิไม่ต้องใช้ด้วย พวกนี้เน้นถูกเป็นหลัก
และส่วนมากพวกนี้ก็ไม่ได้ทำตลอดชีพหรอก ทำได้ซักพักมักหนีไปสอบ network / system เอาทีหลัง

949 Nameless Fanboi Posted ID6:GdhDONvKrz

https://twitter.com/java/status/1704127335983644701
Java LTS ใหม่ออกแล้ว ที่ออฟฟิซ service เก่าๆบางตัวยัง Java 8 อยู่เลย 555

950 Nameless Fanboi Posted ID6:n+EbBRQRd4

>>946 สวัสดีครับครูพรี่บีม

951 Nameless Fanboi Posted ID:ID2Xo1UgKi

งานสาย DevOps มีอนาคตแค่ไหน กูไม่ชอบและพยายามจะหนีแต่ก็หนีไม่รอด ทำงานที่ไหนเขาตำแหน่งอะไรก็ลากกูมาทำอยู่ดี จนตอนนี้ชื่อตำแหน่งกลายเป็น DevOps ไปแล้ว, head hunters ก็ทักมาแต่ตำแหน่ง senior devops engineer เอาดีไปเลยดีไหม

952 Nameless Fanboi Posted ID6:NdGjc9C6X9

สัมภาษณ์เส้นทางชีวิต ก่อนจะมาเป็น Software Engineer ที่ Google Switzerland (Part 1)
https://www.youtube.com/watch?v=GDjqr8klJOA

953 Nameless Fanboi Posted ID:XCYRgVmB0s

WFH ก็ดีอย่างนึง บางวันกุปวดหัว เปื่อยๆ ถ้างานไม่เยอะ หรือไม่รีบเท่าไหร่ก็พอได้พักบ้างแบบไม่ต้องใช้วันลา แต่มา recovery ทีหลัง หลังจากหายป่วยเพื่อให้งานเสร็จทัน

954 Nameless Fanboi Posted ID6:ixr76hQ.O1

มีใครเคยทำระบบแนวๆที่ต้องมี notification คล้ายๆที่มีในพวก SNS บ้างมั้ย
สงสัยว่าเวลาเก็บข้อมูลลงว่า notification ของ user แต่ละคนใครมี notification อะไรบ้าง อันไหนเห็นไปแล้วหรือยังไม่เห็นนี่มันเก็บกันแบบไหน
ถ้าเก็บลง Database ดื้อๆมันน่าจะเยอะมากจน query ช้าเป็นคอขวดของระบบ

955 Nameless Fanboi Posted ID:YZqJu1ygXm

จากที่หลายคนไปเจอมีม ว่ามีเดฟทำรายได้วันละ 100,000 โดยการทำงานละ 100 บาท ทำแค่วันละ 1,000 งาน ก็ได้ละวันละแสน
ถามว่าเป็นไปได้ไหม
ในหลักการปกติ เป็นไปได้ยากเพราะแต่ละงานใช้เวลาเขียนเยอะ
แต่ถ้าเราใช้แนวคิดใหม่ สร้างงานเดียวพอ ขายสัก 100 บาท เหมือนกัน แต่ขายคนได้ 1,000 คนในวันเดียว (ได้นะ เช่น แอพ หรือพวก SAAS) พวกนี้ เพียงแค่ว่ามันก็ไม่มีอะไรการันตีหรอกว่าคุณจะได้แบบนี้ทุกวัน
เรื่องของรายได้มัน dynamic อยู่แล้ว คนทำงานสายนี้เขารู้กันหมด
คำถามก็เลยกลายเป็นว่า ตกลงมันเป็นไปได้ หรือไม่ได้กันแน่
คำตอบคือมันเป็นไปได้ แต่ว่าคุณจะต้องสร้างอะไรบางอย่างให้มีคนอยากโหลด และยอมจ่ายเงินให้สิ่งนั้นวันละ 1,000 คน คนละ 100 บาท
หรืออาจจะปรับใหม่ ขาย 1,000 บาท ให้คน 100 คน (เออ ค่อยดูเหนื่อยน้อยลงหน่อย)
เรามองกันว่าพันบาทแพงไปไหม สำหรับผมนะ ไม่แพง ผมเองเคยซื้อแอพ ซื้อเซอวิส ซื้อโปรแกรมบางอย่างแพงกว่านี้ด้วยซ้ำ เช่น โปรแกรมอัดวีดีโอ ผมซื้อ 4,000 กว่าบาท หรือแอพพวก ToDoList, Mail Service และอื่นๆ ในราคาแพงกว่า 1,000 บาท
ลองดูครับ
ไอเดียเล็กๆ เป็นไปได้เสมอ แค่มองหาจุดขายให้เจอ
วันละ 100,000 ก็เดือนละ 3 ล้าน ปีนึง 36 ล้าน
ไปส่องรายได้ บ. เทคกันใน DBD มีคนทำได้เยอะแยะเลย ถ้านึกไม่ออก ไปดูของ อ. เล็ก แห่ง CodeMobiles ครับ เจ้านั้นเขาก็ทำรายได้อยู่ประมาณนี้
ขออนุญาตินะครับท่านเทพ อ. เล็ก เพราะข้อมูลพวกนี้ไม่ได้เป็นความลับอะไร ก็เลยขออ้างอิงหน่อย
แล้วก็มีอีกเยอะแยะหลายเจ้าเต็มไปหมด บางเจ้าเขาทำรายได้วันละ 1,000,000+ ก็มี อันนั้นเราจะไม่พูดกันละกันเนาะว่าเจ้าไหน

956 Nameless Fanboi Posted ID6:4OcShq+ZZx

>>954 ไม่ช้า เก็บลง db ธรรมดาเนี่ยล่ะ อย่าพึ่งไปโทษระบบ กฏง่ายๆ เวลาเขียน query update ยิงครั้งเดียว อย่าไป loop

957 Nameless Fanboi Posted ID:ulkxXslT3D

>>955 ตู้เต่าบินไง เดือนนึง วันนีงคนต้องกด100แก้วอย่างต่ำไม่งั้นยกตู้ออก

958 Nameless Fanboi Posted ID6:b3aC19.ZjH

>>957 บางจุดก็ไม่ถึงก็ไม่ยกหรอก ถ้ามีแนวโน้มยอดเพิ่มเรื่อยๆ ก็อยู่ต่อ หรือถ้ายังไม่มีที่ลงใหม่ก็อยู่ต่อเหมือนกัน

959 Nameless Fanboi Posted ID:TGUyr9rkca

จะไปลงวิทย์คอมของ มสธ เอาวุฒิดีมั้ยพี่โม่งแนะนำหน่อย แต่หนังสือแต่ละเล่มเนื้อหาทำไมมันเยอะนักวะ https://readonline.ebookstou.org/flipbook/22069/mobile/index.html#p=1

960 Nameless Fanboi Posted ID6:b3aC19.ZjH

>>959 น้ำ น้ำ water everywhere แถมอธิบายเรื่องง่ายเป็นเรื่องยาก ไม่รวมที่ว่าต้องเปิดย้อนไปย้อนมา
มึงไปเปิด youtube ค้น queue data structure พวกนี้อธิบายรู้เรื่องกว่า คลิปยาวไม่น่าจะถึง 10 นาทีดีด้วย

961 Nameless Fanboi Posted ID6:Fy678g9a1x

>>959 เห็นคำว่าเอาวุฒิเลยไม่แน่ใจว่าอันนี้คือมึงอยู่ ม.6 กำลังจะเข้ามหาลัย
หรือทำงานแล้ว แต่อยู่สายอื่นแล้วอยากย้ายมาทำ IT
หรือเขียนโปรแกรมเป็นอยู่แล้ว แต่อยากได้วุฒิมาเพิ่มความน่าเชื่อถือเวลาหางาน

เรื่องหนังสือเรียนกูว่าจะหนังสือไทยหรือของนอกมันน้ำเยอะเป็นปกติอยู่แล้วอ่ะ
ถ้าเน้นรู้เรื่องแนะนำว่าหาตามเว็บที่มีให้อ่านฟรี / tutorial วีดีโอบน youtube ดีกว่าอ่านหนังสือเรียนพวกนี้เยอะ
และนำแนะว่าอยากให้อ่านภาษาอังกฤษมากกว่า สำหรับคนไม่ได้ภาษาแรกๆมันก็ฝืนหน่อย แต่เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง
เพราะในการทำงานจริงมันต้องหาข้อมูลด้วยภาษาอังกฤษตลอกเวลา เอกสารก็เป็นภาษาอังกฤษ
ถ้าเรียนด้วยภาษาไทยมันจะงงคำศัพท์ และมีปัญหาอื่นๆตามมา และทำให้การทำงานติดขัดมาก

962 Nameless Fanboi Posted ID:8Ydvjbim96

>>961 อยู่สายอื่นว่ะ แต่สนใจพวกเขียนโปรแกรมเป็นงานอดิเรก

963 Nameless Fanboi Posted ID:8Ydvjbim96

>>961 เพิ่มเติมนิด ภาษาอังกฤษกูไม่มีปัญหาอ่าน Stackoverflowได้ เขียนโปรแกรมภาษา C พวกรีเคอร์ซีฟเป็น เข้าใจการทำงานของพอยเตอร์ IO ไม่มีปัญหา แต่พวกสายงานนี้ไม่แน่ใจวุฒิจำเป็นแค่ไหนไง เคยได้ยินมาบางคนเขาดูGithubโดยไม่สนวุฒิด้วยซ้ำ

964 Nameless Fanboi Posted ID6:BqItPAcE1Q

>>963 วุฒิจำเป็นแค่ไหนนี่กูคิดว่าก็ไม่เท่าไหร่ แต่ของแบบนี้มันก็แล้วแต่ที่ด้วย
มันจะยากเป็นพิเศษตอนหางานแรกที่เค้าจะรับคนไม่มีทั้งใบปริญญาและประสบการณ์การทำงานนี่แหละ
ต้องหาที่ๆใจกว้างประมาณนึง ยินดีสอนงานคน และทำให้คนรับเค้าเชื่อว่ามึงทำงานได้โดยไม่มีทั้ง 2 อย่างนี้ให้ได้
ซึ่งเวลาสมัครงานมีโอกาสที่ไม่ถูกเรียกสัมตั้งแต่แรก เลยจบตั้งแต่ไม่มีโอกาสได้โชว์ความสามารถ
แต่การมีโปรเจคส่วนตัวไปแปะใน resume มันก็ช่วยทำให้ดูดีขึ้นอยู่แล้ว ถ้ามีโอกาสก็ลองทำอะไรเล่นๆแล้วแปะไปเพิ่มดู

965 Nameless Fanboi Posted ID6:yPEeeIuP7G

>>962 เรียนแล้วช่วยโครตเยอะ ตอนเข้าไปทำงานใหม่ๆ ดึงข้อมูล ทำรายงานน่าเบื่อชิบหาย พอไปฝึกเรียนเขียน python m vba code หลังจากนั้นสบายๆเป็นแบบ auto งานไม่ซ้ำซ้อน แถม kpi มี km ผ่าน lv5

966 Nameless Fanboi Posted ID6:yPEeeIuP7G

หรือเบื่อๆ ฝึกเขียน malware หรือ trojan ก็สนุก เอาไปปล่อยใน discord
https://www.blackbox.chat/

967 Nameless Fanboi Posted ID:AbMUIU1tl5

>>965 พวกนี้ดู udamy เอาไวกว่า แล้วฐานข้อมูลที่ใช้เรียนกับทำงานจริง ไม่เหมือนกันซะทีเดียว เพราะ ในห้องเรียนมักไม่สอน การออกแบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่

968 Nameless Fanboi Posted ID:xUbnUeCfud

>>967 จากประสบการณ์ส่วนตัวกูคิดว่ามันน้อยที่ที่จะต้อง design Database ใหญ่ๆ
ถ้าไม่นับพวกงานสาย data ที่ต้องเรียนเรื่องพวกนี้มาเฉพาะอยู่แล้ว
แต่ก็คิดเหมือนกันว่าเรียนจากคอร์สออนไลน์ดีๆนี่ดีกว่าการไปอ่านหนังสือเรียน หรือเรียนมหาลัย โดยเฉพาะถ้าไม่มีปัญหาเรื่องจะเอาวุฒิ

969 Nameless Fanboi Posted ID:pCR8qggH9W

รู้สึก project manager นี่แม่งหาคนพอดีๆยากจังวะ เจอประเภทไม่ใส่ใจ (เสือก) มากเกินไป ก็เป็นประเภทไม่ทำห่าอะไรเลย

970 Nameless Fanboi Posted ID6:g.lgK00oNU

มีใครทำบ.ต่างชาติที่ไม่มี hq ในไทยบ้าง ได้ยินว่าภาษีโหดกว่าทำบ.ที่มีสาขาในไทยนี่จริงรึเปล่า

971 Nameless Fanboi Posted ID6:yWReR3Yo1H

>>970 เรทปรกติ บริษัทบัญชีไม่คำนวณภาษีพลาดหรอก

972 Nameless Fanboi Posted ID:MZn1XDasVx

.....

973 Nameless Fanboi Posted ID6:2TrtGQi021

พี่โม่งคนไหนเคยมีประสบการณ์ title ไม่ตรงงานที่ทำไหม กำลังสงสัยว่าตัวเองกำลังถูกลิมิตเงินเดือนด้วย title: developer ทำดา แต่ทุกวันนี้เขียน ai/ml อะ แปลกป่ะ

974 Nameless Fanboi Posted ID6:vvLhrRWJrf

>>973 ai / ml มันจะเอาอะไรมากก็ dev อ่ะจะโวยทำไม. ฐานเงินเดือนมันอยู่กับบริษัทที่ทำงาน ถ้ามีฝีมือจริงก็ย้ายงานใหม่หาที่จ่ายหนักกว่าเก่าไม่ยาก

975 Nameless Fanboi Posted ID:M5HZm+QTAz

>>969 เห็นข้อความนี้แล้วกูอยากจะร้องไห้ เพราะตอนนี้กูเจอประเภทหลังอยู่ ไม่เห็นทำห่าไรเลยอ่ะ มีแต่ถามว่าตอนนี้กูทำอะไรอยู่ แต่ถึงรับรู้ไปมันก็ไม่เข้าใจอยู่ดีกว่ากูทำอะไรอยู่ คือสรุปตำแหน่งนี้มันมีไว้ทำไมวะ ? รู้สึกเหมือนแม่งทำนาบนหลัง dev ยังไงก็ไม่รู้ หรือกูเจอคนเหี้ย

976 Nameless Fanboi Posted ID:ShY8F49Sum

DEV ที่กูเคยเจอไร้ประโยชน์กว่า AI อีก

977 Nameless Fanboi Posted ID:1AF2pGlIpH

>>975 หลักๆ เลยตำแหน่งนี้เอาไว้คุยอย่างเดียว ไม่ว่ากับกับลูกค้า คุยกับเซล ทำงานกึ่ง AE หา Supplier ติดต่อปริษัท server / service / license ต่อรองกำหนดส่ง ประสานงานข้ามสาขา จัดคิวงาน

ไอ้ตำแหน่งนี้ไม่ต้องมีก็ได้ถ้า Dev ทำงานพร้อมคุยได้ตลอดวัน

กูเคยทำควบ PM กับ Dev นะ สรุปคือไม่รอดจ้า ประสาทจะแดกเอา ระชุมทั้งวันอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เพราะต้องผ่านลูกค้าประสาทแดก Supplier ห่วยแตกนั่นแหละ ได้มาทำงาน Dev ได้ทำเอาตอนทุ่มนึงตอนนั้นก็คิดอะไรไม่ออกแล้ว สุดท้ายต้องโอนงาน PM ไปให้คนอื่นแทน

ปล. เวลาทำงานส่วนมากมันก็บ่นว่างานกูหนักสุดทุกคนนั่นแหละ เพราะมันมองเห็นแค่งานตัวเองไง เอาแบบ Sale ก็ได้ถ้าดูผ่านๆ ไอ้นี่งานไม่หนักเลยได้ยอดได้เงินเพิ่มและ บริษัทก็โอ๋มากไม่ต้องเข้างานก็ได้ แต่ถ้าลองไปทำจริงจะรู้ว่าเครียสชิบหาย บุคคลิกบางคนนี่ไม่เหมาะทำไม่ได้

978 Nameless Fanboi Posted ID:XZCgfSCS7y

>>977 กูคือคนที่บ่นนะ ขยายความเพื่อความเคลียร์ละกันว่าไอ้งานคุย+ทำเอกสารตาม process ของบริษัท ซึ่งเป็นหน้าที่ของมันโดยตรงมันยังไม่ทำเลย เฉไฉโยนให้คนอื่นคุยแทน/ทำแทน มีคนเหลืออดไปจี้ในที่ประชุมว่าแต่นี่มันหน้าที่มึงนะมันยังหน้าด้านหาข้ออ้างไม่ยอมทำเลย ส่วนถามว่าทำไมไม่ฟ้องผู้ใหญ่ คือนึกภาพบริษัทใหญ่มากๆ แถมในโปรเจคคือคนทีมไหนก็ไม่รู้มีเป็นสิบทีม ไม่รู้จะฟ้องใคร ฟ้องผู้ใหญ่ไปก็ดูเป็นคนขี้ฟ้องเปล่าๆอีก

979 Nameless Fanboi Posted ID:oP5UYlaN8W

>>977 PM ที่กูเจอไม่ทำอะไรเลยอ่ะมึง ไม่ต้องติดต่ออะไรด้วย ซึ่งจริง ๆ ต้องทำเอกสารนะแล้วก็ต้องช่วยทีมตัดสินใจในบางเรื่อง แล้วทีมกูก็เล็กมากมันไม่ต้องมีก็ได้อ่ะ เอา dev มาเพิ่มยังทำให้งานออกมาเยอะกว่าอีกอ่ะแต่ไม่เอา เอาคนไม่รู้ห่าอะไรมาเป็น PM ก็ไม่ได้เพิ่ม productivity ทีมอะไรอยู่ดี สรุปคือกูเห็นด้วยกับมึงตรงที่ว่าถ้า dev พร้อมคุยก็ไม่ต้องมีก็ได้ แต่ถ้าทีมใหญ่ stakeholder เยอะก็ควรมีอ่ะ มันจะทำให้การทำงานราบรื่นขึ้นมาก ๆ แต่ถ้ามีแล้วเหมือนไม่มีไม่ต้องมีดีกว่า

>>978 มึงเจอคนเหมือนกูเลยนะ คนที่กูเจอก็โยนแม่งตลอด เบลมเก่งเป็นที่หนึ่ง งานตัวเองไม่ทำไรเลยดีแต่พูดอย่างเดียว พูดทีก็ถามว่า dev จะเสร็จเมื่อไหร่ ทำไมอันนี้ไม่เสร็จ ทำไมอันนี้บอกเวลาเลยไม่ได้ แต่ไม่เคยคิดจะเข้าใจห่าไรเลย ลอยตัวเหนือทุกอย่าง กูก็อยากถามมากว่าจะมีไว้ทำไม แบบที่ดี ๆ ก็คงมีมั้ง แต่กูโชคร้ายไม่เจอ ดันเจอพวก free rider

980 Nameless Fanboi Posted ID6:ho.J2Trk39

Complex System, Emergent

981 Nameless Fanboi Posted ID:etL4CdN6X+

นอกเรื่องหน่อยเพื่อนโม่ง กูจะไปสาย FullStack ยุคนี้เวบมันมีโฮสเจ้าใหนดีๆบ้างสำหรับเวบแอป
แล้ว docker / kuber aws เรียนตัวใหนดี หางานในไทย
แล้วเวบขนาดใหญ่ lazada shopee nocnoc ใช้ตัวใหน
มือใหม่เปิดโลกทำเวบจ้า

982 Nameless Fanboi Posted ID:etL4CdN6X+

คือกูจะทำ demo project webapp + mobile + backend กะทำไว้ต่อยอดเป็น pitching project ด้วยเลย
แต่กูโง่เรื่องเวบมาก เพราะบ้านไม่รวย สมัยเรียนค่าโฮสแพงๆไม่มีจ่าย ทำได้แค่พวกโมบาย ตอนนี้มีตังแล้ว หน้าใหม่หัด FS

983 Nameless Fanboi Posted ID:uYcXOHyxqV

>>981 แค่หัดลง docker เครื่องตัวเอง กับเขียน code dev งานเอาให้รอดก่อน hosting เอาไว้ท้ายๆ เลย และหัดใช้งาน git ด้วย

984 Nameless Fanboi Posted ID:uYcXOHyxqV

>>981 แค่หัดลง docker เครื่องตัวเอง กับเขียน code dev งานเอาให้รอดก่อน hosting เอาไว้ท้ายๆ เลย และหัดใช้งาน git ด้วย

985 Nameless Fanboi Posted ID6:i5JOvFVwKe

>>981 มือใหม่ทำเว็บ หรือ มือใหม่หัดเขียนโค้ด

ตอนแรก ลง ngrok ไปก็พอ แล้วแก้ url เอาเรื่อยๆ

986 Nameless Fanboi Posted ID6:nzKgSTg+2P

กึ่งๆโดนบังคับให้มาเป็น team lead แล้วรู้สึกไม่ค่อยชอบเลยว่ะ อยากทำงานนั่งเขียนโค้ดเงียบๆ ไม่ต้องยุ่งคนอื่นเกินจำเป็น
ไม่อยากมาเข้าประชุม ทำดีไซน์ ทำสไลด์ บรีฟงานน้อง ตรวจงานน้อง คุยกับคนทีมอื่นแล้ว...

987 Nameless Fanboi Posted ID:apcVfXQ8T/

>>983 กูมีคำถามนะ ทำไมในThe odin projectแม่งแนะนำให้ใช้แมคเลยวะ? จริงๆถ้าจะไปสายงานนี้ใช้โน้ตบุ๊คทั่วๆไปก็ได้ไหม? แล้วสำหรับคนงบน้อยแบบ>>982 นี่ถ้าเริ่มไปสอยคอมCPU gen8-9 สภาพมือสองมาใช้เรียนจริงๆจังๆมันยังได้ไหมวะ?

988 Nameless Fanboi Posted ID6:j/XNP4NnPW

>>987 ก่อนจะมางอแง มึงลองสมัครแล้วเข้าไปอ่านก่อนเถอะโยม
ตัวที่ใช้งานมันก็แค่ตัวติดตั้งนะ สมมุติ html / css / javascript มึงก็ไปใช้ codepen เขียนบนเว็ปได้เลย กะอีแค่เปิดเว็ปอะไรก็ได้มือถือ table ได้หมด

ส่วน requirement มันคืกกรณี run บนเครื่อง ส่วนเหตุผลมันก็เขียนบอกว่าไม่อยากยุ่งยากเสียเวลาไล่เพราะแต่ละเครื่องชอบลงเหี้ยอะไรไว้หลากหลายต้องมา support พวกโง่งอแง config มั่วซั่วไป Mac / Linux จบๆ อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรไปป่วนระบบมัน กรณีใช้ Win ก็ลง Virtual Machine รัน Linux ไปดิ

ปล. อยากให้สอนส่วนติดตั้งบน win ตรงๆ เริ่มต้นด้วยพื้นฐาน แล้วถ้ามึงเป็น newbie ด้วย กูแนะนำให้มึงไปซื้อ course udemy เหอะ

989 Nameless Fanboi Posted ID:.MfIHOZR.8

hello พี่โม่ง ว่าจะเรียนโทไอที เรียนที่ไหนดีครับ เล็ง ลาดบังกะ มศว ไว้อยู่

990 Nameless Fanboi Posted ID6:vHVDGhGIYS

>>988 แล้วทัมมัยต้องลงเรียน udemyให้เสียตังค์ด้วยวะ ในเมื่อThe odin project มันฟรี

991 Nameless Fanboi Posted ID:Kg8d9sZuG7

เห็นมีคุยกันเรื่อง front end สายเว็บ สงสัยว่าเวลาพวกมึงจะเลือก framework นี่เลือกจากอะไร
แล้วเคยรู้สึกว่าตัวเองเลือกผิด ต้องมาเริ่มเรียนรู้ใหม่หมดจนเสียเวลาเสียโอกาสบ้างมั้ย
คือกูเป็น backend แล้วเวลาฟังคนเป็น front end สายเว็บ คุยกันแล้วรู้สึกเหนื่อยแทน
ทั้ง framework เลือกผิดชีวิตเปลี่ยน กับเทรนด์ที่แม่งเปลี่ยนกันเป็นว่าเล่น

992 Nameless Fanboi Posted ID6:/pBnWBy9PB

>>991 มองแนวกว้างดูไม่ว่าภาษาไหน หรือจะวาดกระดาษ concept responsive ภาษาไหนก็เหมือนกันหมด ส่วนที่เหลือถ้าพวก web / app ยิ่งง่าย ให้ยึดหลัก html css ธรรมดาที่เหลือมันแค่ตัวช่วย (บางที framework เสือกช้ากว่าเขียนดิบ) วางโครงได้ที่เหลือ animation มันแค่แฟชั่น แฟนซี เอาจริง timing ถ้ามึงเคยเขียนเกมนี้หมูเข้าปาก

ส่วน backend web ช่วงหลัง ส่วนตัวแล้วถ้าไม่ใด้ทำอะไรบ้าบอคอแตก กูใช้ wordpress ปิดงานซะส่วนมากว่ะ เพราะถ้าใช้ framework เป็นทางการ รู้สึกเปลือง ในเมื่อส่วนที่จะใช้เดี๋ยวนี้มันมีให้ครบหมดแล้ว ต่อ firebase / cronjob / ap / แบ่งระดับ account มันทำได้หมด เลยใช้อะไรที่ปิดงานไวดีกว่า

993 Nameless Fanboi Posted ID6:PXG.HTyggQ

https://twitter.com/htmx_org/status/1742643471369019458
🤣

994 Nameless Fanboi Posted ID:4yxJgPtDpX

Agoda เปนไงบ้างพี่โม่ง รีวิวหน่อย

995 Nameless Fanboi Posted ID:6fpD1U2C7Y

มีใครเคยสัม lseg/abacus/techx บ้างอ่ะ อยากรู้สัมเป็นไงบ้าง

996 Nameless Fanboi Posted ID6:QGbUbH6n7S

>>>/tech/18177/

997 Nameless Fanboi Posted ID6:E+Li.7s9e8

เราจะวิจารณ์หรือด่า Solution ได้ยังไงถ้าเรายังไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะแก้ปัญหาอะไร
สมัยก่อนคนหลายคนวิจารณ์ Go ว่าห่วยเพราะไม่มี Generic โดยไม่เข้าใจว่า Go มันออกแบบมาเพื่อเน้นแก้ปัญหาอะไร คือเขาต้องการ System programming language ที่มี Dev productivity ที่ดีและ Learning curve ต่ำ เขาก็เลยไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนั้นจนมันมาหลังๆ
สมัยนี้เห็นคนบ่นว่าเว็บ Complex กว่าทำ UI สมัยก่อน แต่ไม่ได้เข้าใจว่า Web app เดี๋ยวนี้มันมี Brand identity ที่ต้องใส่เข้าไปในแต่ละเว็บไซต์หรือแม้แต่เว็บแอพ ลองทำ ปุ่ม Label Textbox ที่แบบต้องได้สีได้ลุคแอนด์ฟีลที่ใช่ที่เข้ากับ Brand identity ในสมัยที่เรามี Winform ดิ เหนื่อยมากนะ
(นี่ผมยังไม่นับเรื่อง Interactivity นะ เว็บเดี๋ยวนี้กรอกฟอร์มเป็น Wizard แบบสมัยก่อนไม่ได้แล้วนะ)
บางคนอาจจะเถียงกลับว่า UI ที่ดีควรล้อเข้ากับ Native อะไรที่อยู่บนแมคก็ควรมี Look & Feel แบบแมค อะไรบนแอนดรอยด์ต้องเป็นตาม Guideline ของแอนดรอยด์ดิวะ ทำไมคนสมัยนี้ UX ทำตามใจแบรนด์ตัวเองหมดไม่เคารพแพลตฟอร์มเลย
อันนี้คือข้อแตกต่างระหว่างโจทย์ที่ว่า
"เราให้ความสำคัญกับปัญหานี้เยอะไปมั้ยทำไมเราต้องมาบ้าเรื่องทำ Custom UI ที่ตรงกับแบรนด์ Identity ขนาดนี้ มันใช่มั้ยเนี่ยที่จะเอาปัญหานี้มาเป็นจุดโฟกัสของงานแล้วสร้างเฟรมเวิร์คเยอะแยะไปหมด"
กับ
"ปํญหานี้ที่เราเลือกมาแล้วว่าจะแก้ เราจะสร้าง Custom UI ให้ได้แล้วเนี่ย เราได้สร้าง Solution ที่ดีสมเหตุสมผลมั้ย มัน Unnecessary bloat, ไร้ประสิทธิภาพและซับซ้อน complex เกินไปมั้ย"
เนี่ยเป็นข้อแตกต่างที่ชัดเจนมาก คำถามแรกคือ Design question ส่วนคำถามที่สองคือ Problem solving question สองโจทย์นี้เป็นโจทย์คนละระดับกันเลย มันเอามาปนกันแล้วจะงงไปหมด

998 Nameless Fanboi Posted ID6:E+Li.7s9e8

มันเหมือนคุณวิจารณ์ว่าค้อนแม่งแย่เพราะเอามาใช้ตีลูกปิงปองแล้วมันตีไม่เป็นโดนเลยเงี้ย มันไม่ได้เว้ย เออ คุณไม่สนใจเรื่องตอกตะปูสนใจแต่เรื่องตีปิงปองก็ไม่ผิดอะไรนะ แต่วิจารณ์ค้อนในกรอบที่ราวกับว่าคนสร้างและใช้ค้อนเขาไม่ได้อยากตอกตะปูแต่อยากตีปิงปองเนี่ยมัน..... ผิดที่ผิดทางไปหมด
ในซอฟต์แวร์นี่เจอบ่อยมากที่คนใช้เลนส์แบบฉันอยากจะตีปิงปองเลยวิจารณ์ทุก Design decision ราวกับว่าทุกๆ System ออกแบบมาตีปิงปอง
"Go ไม่มี Generic ไม่มี Type system ที่ดี กาก" โปรแกรมเมอร์ที่คิดว่าโลกนี้ Type safety เท่านั้นคือปัญหาที่สำคัญ
"Ruby on Rails ช้า กาก" โปรแกรมเมอร์ที่คิดว่า Machine performance เท่านั้นคือปัญหาที่สำคัญ
(ซึ่งแปลกไอ้แนวคิดแบบที่ว่าปัญหาที่กูสนใจเท่านั้นคือปัญหาสำคัญของโลกนี้ที่ทุกระบบต้องออกแบบโดยใส่ใจสิ่งนี้เป็นที่สุดนะเว้ย เจอบ่อยในโปรแกรมเมอร์ต่างชาติมากกว่าไทยแฮะ ถ้าจะมีอะไรที่คิดว่าโปรแกรมเมอร์ไทยโดยเฉลี่ยทำได้ดีกว่าก็เรื่องนี้)
"Modern web development สมัยนี้มัน Bloat และซับซ้อนไปหมด" เนี่ยเจอคนที่วิจารณ์อย่างเข้าใจว่า Modern tooling มันมีไว้แก้ปัญหาอะไรน้อยมากๆ คือผมก็คิดว่า Modern tooling มันมีอะไรให้พัฒนาได้เยอะและก็มีข้อให้ติเยอะมากเลยนะ
แต่เจอแบบ "ทุกคนควรกลับมาทำ DOM Manipulation เพราะมันเร็วกว่าเปลืองทรัพยากรน้อยกว่าและไม่ซับซ้อน" อันนี้คือดูไม่เข้าใจไปเลยว่านี่มันค้อนตอกตะปู ไม่ใช่ไม้ปิงปองเว้ย

999 Nameless Fanboi Posted ID6:E+Li.7s9e8

คือผมคิดว่าเราจำเป็นจะต้องเข้าใจว่า
1. Design กับ Problem solving มันเป็นโจทย์คนละแบบ การเลือกปัญหาที่ใช่ กับการแก้ปัญหาที่เลือกมาแล้ว มันคือโจทย์คนละอย่างกันเลย ถ้าไม่เข้าใจว่ามันคนละเรื่องก็จะมองหรืออ่าน Solution แบบผิดเพี้ยนไปหมด ยังไม่ต้องพูดถึงการวิจารณ์
2. การเลือกปัญหาให้มันทำผ่านการเข้าใจว่ามนุษย์เรามี Unmet need อะไรบ้างที่เป็นไปได้
3. ความสามารถในการเข้าใจ Empathize กับ Unmet need ที่ "ตัวฉัน" รู้สึกเฉยๆ เป็นทักษะสำคัญที่ต้องมีในการทำงาน Design Software, Solution and Architecture มากกกก มากกว่าที่หลายคนอาจจะตระหนักรู้ (อย่างเช่นหลายคนที่ทำงาน low-level ก็มีที่มองว่าไอ้พวกที่มันโอดร้องว่าอยากได้เครื่องมือที่ช่วยทำงานง่ายขึ้น ต้องการ Garbage collector มันก็แค่คนขี้เกียจไม่มีทักษะในการจัดการเมมโมรี่! เราต้องทำของที่ไวสิวะแล้วต้องเข้าใกล้ Machine level ให้มากที่สุดสิวะ! อันนี้ก็คือขาดสามารถในการ Empathize ไปเลย)
เลือกปัญหามาแก้ถูก บางทีทำงานไม่ตรงเป๊ะลูกค้ายังเซ็นผ่านเลย เลือกปัญหาผิดมาแก้ ตรงตามสโคปในสัญญาทุกตัวอักษรยังไฝว้กันได้เลย (ผมไม่ตัดสินละกันว่าอันนี้ดีหรือไม่ดี แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง)
นั่นแหละที่สอน Humanistic architecture ก็คือตั้งใจจะ Address เรืองนี้ เป็นคอร์สที่ผมอยากสอนที่สุด คิดเอาเองว่ามีประโยชน์กับโปรแกรมเมอร์ที่พร้อมรับ อย่างน้อยผมก็พบว่าสำหรับตัวเองมันเป็นแกนกลางการทำงานของผมเลย
บางคนอ่านคอร์สและอ่านรีวิวอาจจะงงว่าเรื่องแบบจิตวิทยา การเข้าใจตัวเอง การเข้าใจคุณค่าและพื้นฐานของความต้องการมนุษย์ มันเกี่ยวข้องกับ Software architecture design ยังไง งาน Software Architecture มันน่าจะเรียนเรื่องแบบ Distributed system, database, horizontal scaling, idempotency, design pattern อะไรพวกนี้ไม่ใช่เหรอ
ผมคิดว่ามันเกี่ยวอย่างที่สุดแล้ว เกี่ยวแบบคือ Step 0 ในระดับรากฐานที่สุดเลย คุณเลือกปัญหาอะไรมาแก้ก่อนล่ะ ปัญหาระบบล่ม? ปัญหาต้นทุน? ปัญหาฟีเจอร์ออกช้า? หรือไม่เลือกอะไรเลยออกแบบไปเรื่อยเปื่อย? ถัดมา คุณ Trade อะไรทิ้งไป ลดความสำคัญของปัญหาอะไรลงไปบ้าง
นี่อ่ะคือแกนกลางของงานออกแบบ Architecture ชัดๆ
ทั้งทักษะการ Problem solving และทักษะการ Design มันสำคัญทั้งคู่ แต่ที่สำคัญเลย มันเป็นคนละทักษะกันครับ และถ้าไม่เข้าใจ คิดว่าโลกซอฟต์แวร์มีชุดปัญหาชุดเดียวเท่านั้นที่สำคัญ (เช่นระบบไม่ล่มบ้างล่ะ ความมี Resource efficient บ้าง ต้นทุนการรันอินฟรา ความปลอดภัยขั้นเทพบ้าง) คุณจะไม่สามารถเห็นคุณค่าของ Solution หรืองานออกแบบที่ออกแบบมาแก้ปัญหาที่คุณไม่ได้เลือกได้เลย
ในประเทศไทยผมยกและซูฮกให้พี่เดฟไปแล้วเรื่องการสอนทักษะ Problem solving ผมว่าผมสอนได้ทั้งไม่ดีและไม่ลึกเท่าแกหรอก ให้แกดีกว่า
(ถ้าพี่ผ่านมาอ่านแล้วอยากให้ Tag บอกได้ เผื่อให้คนตามไปดูพี่ออกคอร์ส)
ผมอยากเสริมจุดที่ผมว่านักพัฒนาหลายคนมองข้ามคือจุดของงาน Design เวลามีคนความต้องการขมุกขมัวที่อึดอัดไปหมดจนพร้อมจ่างเงินมากมาย เราจะออกแบบว่า Concrete problem ที่ช่วยเยียวยาความต้องการนั้นได้คืออะไรนะ
แล้วจากจุดนั้น จึงทำการ Problem solving ต่อไป
(นี่เริ่มมาจากฟังคลิปใหม่ของ Theo ที่นั่ง Defend web development จากพวก "ปรมาจารย์ด้าน Performance" ต่างๆ ที่นั่งด่าว่าทำเว็บสมัยนี้มัน Bloat มัน Complex ช้าไปหมดมีแต่เครื่องมือไร้สาระแก้ปัญหาไร้สาระ ก็แบบ...​.. ของขึ้นอ่ะนะ เข้าอกเข้าใจในโจทย์กันก่อนดีมั้ยคะ)
มันมีหลายภาษาและหลาย Solution design ที่ผมกล้าพูดว่ามันออกแบบมาโคตรดีและงดงามจัดๆ แต่ผมไม่ชอบ เพราะมันไม่ได้แก้ชุดของ Problem ที่ผมคิดว่า Matter ในประสบการณ์ส่วนตัว ผมก็สามารถซาบซึ้งในความสวยงามของมันได้ และเลือกใช้มันได้เวลาที่ต้องการอ่ะครับ

1000 Nameless Fanboi Posted ID6:PAtS71F8yK

1000

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.