Fanboi Channel

โปรแกรมเมอร์ที่รัก

Last posted

Total of 1000 posts

428 Nameless Fanboi Posted ID:SOTK0NzNm

เท่าที่กูตามหามานานสัสๆ ตอนนี้ในไทยแม่งไม่มีที่ไหนรับพวกเขียนpythonเข้าทำงานเลยเหรอวะ? มองไปทางไหนก็เจอแต่javaๆๆๆ มันเขียนง่าย พัฒนาง่ายกว่าภาษาตัวอื่นหรือยังไง?

429 Nameless Fanboi Posted ID:sEnvejJn/

>>428 backend บริษัทใหญ่ๆที่อยู่มานานหลายปีมันเป็น Java ซะส่วนใหญ่อยู่แล้ว ไม่มีปัญหาคอขาดบาดตายเค้าไม่อยากเสี่ยงเปลี่ยนกันหรอก
พวกธนาคารหรือสายการเงินที่ใช้ COBOL ก็ไม่เปลี่ยนกัน
บริษัทเล็กๆในไทยเท่าที่กูเห็นส่วนมากก็เป็น PHP กับ Node JS ซะมากกว่า

430 Nameless Fanboi Posted ID:BmhMyv8qj

>>428 ต้องไปคลุกกับพวก geek อาจเจอ
แต่ก็ไม่เห็นมีใครใช้ python วะ ไม่เห็นมีใครเอามาใช้จริงจัง ไม่ว่าจะออกแนวเฉพาะทางสายไหนก็ตาม
แต่มันเอาไว้ทำโปรเจ็คเล่นๆ ได้ค่อนข้างจะเห็นผลดี จะทำเกมทำเว็บเล่นก็ดี เว็บนี้ sirn ก็จัด python

431 Nameless Fanboi Posted ID:zMKw93A1D

>>430 ถ้าเป็นงั้นสงสัยกูคงต้องหาภาษาโปรแกรมมิ่งตัวอื่นที่เค้าเอาไว้ใช้ทำงานมาเขียนแทนละ เขียนภาษางูไปเหมือนชีวิตไร้แก่นสารนะเนี่ย

432 Nameless Fanboi Posted ID:OTvvYxZbm

ทุกวันนี้กูเป็น Java Programmer อยู่ ซึ่งกูเลือกเพราะชอบภาษานี้ อยู่มาก็ไม่นานมากหรอก
แต่ทุกวันนี้พยายามเรียนภาษาอื่นๆแล้วรู้สึกมันไม่เข้าหัวเลยว่ะ เหมือนเคยชินกับภาษานี้ไปแล้ว ไปเขียนภาษาอื่นเจออะไรนิดหน่อยก็ขัดใจไปหมดว่าทำไมไม่เหมือน Java
แต่ Java มันก็เริ่มขาลงแล้ว ถึงจะยังไม่ตายสนิท กูก็เริ่มกลัวนะว่าวันนึงจะกลายเป็นคนแก่ที่หนีไปไหนไม่ได้เพราะทำงานกับเทคโนโลยีเก่ามานานจนหัวไม่รับอะไรใหม่ๆแล้ว

433 Nameless Fanboi Posted ID:8pVwJPCi8

>>432 แล้วถ้าแม่นอัลกอริทึ่มมันไม่ช่วยอะไรเลยเหรอวะ?

434 Nameless Fanboi Posted ID:c.uYj17CP

เพื่อนโม่ง กูอยากเขียนโปรแกรมเป็นว่ะกูชอบ กูควรเริ่มไงว่ะ กูเคยลองหัดเขียนเองซื้อหนังสือมาหมดไปหลายพันไม่ได้เหี้ยอะไรเลย
แต่กูอยากศึกษาอีกครั้ง มึงแนะนำหน่อยกูควรเริ่มยังไง

435 Nameless Fanboi Posted ID:CqMeGeWpV

>>433 กูมั่นใจว่าตัวเองแม่น algorithm พื้นฐานที่ใช้บ่อยๆครบนะ วิชาสายประยุกต์ algorithm ก็ทำได้ดีมาตลอด
คือไม่ได้เก่งถึงขั้นแข่งเขียนโปรแกรมแนวโอลิมปิกคอมไหวแต่ก็คิดว่าดีกว่าค่าเฉลี่ยของคนรุ่นเดียวกันอยู่
พอมาทำงานจริงทำ backend ธรรมดาๆชีวิตมันวนเวียนอยู่กับ CRUD ง่ายๆไม่กี่แบบ
ตอนนี้เลยเริ่มทำโจทย์แนวประยุกต์ยากๆหน่อยไม่ไหวแล้ว แต่พื้นฐานยังแม่นอยู่

ปัญหาที่กูเจอคือเวลาเรียนภาษาใหม่ๆมันเกิดความรู้สึกต่อต้านอยู่ตลอดเวลาว่าทำไมมันต้องออกแบบ syntax มาแบบนั้นแบบนี้วะ
Java เคยเขียนแบบนี้ทำไมภาษานี้มันต้องเขียนอีกแบบด้วยวะ กูชอบและชินกับ syntax Java จนเหมือนใจไม่เปิดรับอะไรใหม่ๆ
ซึ่งมันไม่ใช่พฤติกรรมที่ดีหรอก แต่กูพยายามแก้ตั้งแต่ตอนเรียนปี 2 จนทุกวันนี้ทำงานมาหลายปีนอกจากไม่หายแถมยิ่งอาการหนักกว่าเดิม
บางเรื่องก็ไม่ใช่แค่ syntax แต่เป็นเรื่อง library หรือ framework ซึ่ง Java มีเยอะ พอภาษาใหม่ๆบางตัวไม่มีแบบที่เคยใช้มันก็ขัดใจไปหมด
นานๆทีเจออะไรที่ Java เคยต้องเขียนเยอะๆ แต่ภาษายุคใหม่เขียนได้ง่ายๆกูก็จะแบบ เออ หรอ ก็เจ๋งดี แล้วก็กลับไปเขียน Java เดิมๆของกูต่อไป
ส่วนนึงคือกูคิดว่ามันยังไม่มีเหตุให้ต้องเขียนภาษาอื่นแบบจริงจังด้วย มันเลยเหมือนไม่มีแรงผลักดัน

ภาษาอื่นที่เคยต้องศึกษาแล้วเอามาทำงานจริงจังอยู่ช่วงนึงคือ JS + JQuery ทำ UI ที่โดนบังคับมาทำฝั่งนี้เพราะคนไม่พอ
ผลคือกูเกลียดแม่งทุกอย่างตั้งแต่ concept พื้นฐานของภาษา JS (ยังดีที่มี jQuery ช่วย ไม่งั้นคงเกลียดมันมากกว่านี้) ยังเนื้องานของ frontend
สุดท้ายทนทำมา 4 เดือนยังไม่มีวี่แววจะได้กลับไปทำ Java backend กูก็ทนอยู่ไม่ได้ ต้องขอย้ายโปรเจคไปเลย

436 Nameless Fanboi Posted ID:VxMI50h1n

>>434 ตอบแบบปีหนึ่งไปแนะนำน้องม.5 ที่โรงเรียนแล้วกัน

ถ้าเป็นแล้ว (อ่ะ สั่งให้เขียน bubble sort ในภาษาที่บอกว่าเป็นได้แล้วกัน) ก็ learnxinyminutes.com เลย อ่านโค้ดเป็นหนึ่งภาษาก็อ่านโค้ดเป็นทุกภาษา (ยกเว้นไอ้เหี้ยจัญไรๆ พวก Assembly)

ถ้าไม่เป็น เชิญ Codecademy แนะนำให้เรียน Python -> HTML -> CSS -> JavaScript จะได้เริ่มจากภาษาโปรแกรมมิ่งให้เข้าใจการทำงานของคอมก่อน คือเหมือนหย่อนตีนเข้าไปใน Computer Science แล้วค่อยมาเอาลง HTML CSS JavaScript ไว้ทำเว็บ เพราะสาย web dev กำลังมาแล้วมันไม่ตายง่ายๆ

หลังจากนั้นก็น่าจะพอเก็ตแล้วว่าสายคอมแยกไปหลักๆ สองสายคือพวก applied เช่นเขียนเว็บ กับพวกที่ไปทางแมทหนักๆ หรือไปทางการคิดหนักๆ เช่นเขียนทำ problem solving, theory of computation, machine learning (ที่จะใช้คณิตจ๋าๆ) อะไรประมาณนั้น ก็ไปต่อเอาเอง

437 Nameless Fanboi Posted ID:VxMI50h1n

>>435 ไม่แปลกหรอก อะไรใช้ชินมือแล้วก็ถนัดอ่ะ นี่ทุกวันนี้คิดอะไรไม่ออกก็ Python ไว้ก่อน แซะภาษากันไปๆ มาๆ เพื่อนที่เขียน C จ๋าๆ ก็สนุกจะตาย

เออ แต่ถ้าถามว่าอยากอะไร อยากไปเรียน C/C++ ใหม่ ทิ้งไปหมดแล้ว มันคือ mandatory language ของโปรแกรมเมอร์จริงๆ เหมือนภาษาครูอ่ะ แล้วแม่ง extend ไปได้ไกลฉิบหาย

แต่ Java ไม่น่าตายง่ายๆ นะ คือโอเคมันขาลงแต่ trends ของการลดมันก็ไม่ได้ขนาดนั้นในสายตาผมแฮะ

438 Nameless Fanboi Posted ID:VxMI50h1n

>>434 เอ้อ ลืมบอกไป สิ่งที่เจอตอนนี้แล้วหลายคนพูดตรงกันคือเด็กชอบตัดวิดีโอชอบทำกราฟิกแล้วบอกว่าชอบคอมอยากเขียนโค้ดทั้งที่ไม่เคยลอง เฮ้ยคนละงานกันนะ ถ้าชอบโค้ดจริงๆ ส่วนใหญ่จะชอบ visualise ปัญหาแล้วแก้อะไรประมาณนี้

อ่ะ เอาโจทย์ไปหนึ่งข้อ สมมติว่ามีวงโม่ง48 แล้วอยากทำเว็บให้คนจัดอันดับเมนตัวเองโดยเปรียบเทียบทีละสองคน จะต้องเปรียบเทียบกี่ครั้งถึงกล้าพูดว่าอันดับนั้นแม่นยำ จะเรียงคนที่ชอบยังไง จะเรียงคะแนนยังไง ถ้าจะจัด 1-by-1 match คือเอาความเป็นไปได้ของการเลือกคู่ทั้งสองคู่มาให้ผู้ใช้จัดอันดับทั้งหมด จะเกิดการเปรียบเทียบ 48C2 = 1128 ครั้ง โอ้โหตายก่อนพอดี

นั่นละ เออถ้ารู้สึกทำอะไรแบบนี้แม่งสนุกก็มาถูกทางแล้ว

439 Nameless Fanboi Posted ID:.D9ShH0VY

>>438 ถ้าไม่ใช่สายประยุกต์ที่ต้องแก้ปัญหาอะไรซับซ้อนหน่อยมันก็ไม่ได้คลุกคลีกับปัญหาแนวนี้เท่าไหร่มั้ง
พวกเคยทำสายกราฟฟิกที่อยากลองเขียนโค้ดคงเป็นพวกอยากทำ UI มากกว่า ซึ่งมันคนละแนวกับเขียนโปรแกรมแข่งแบบนี้อ่ะนะ

440 Nameless Fanboi Posted ID:kve6sj1/y

กู >>434 เองนะ ตอนนั้นที่กูลองเองใหม่กูหัดเขียนโปรแกรม Android ด้วย Java แต่ตอนนี้กูลืมไปหมดละ ละที่นี้กูอยากเริ่มใหม่ควรเริ่มที่ Python
ใช่ไหม บางทีกูค่อนข้างสับสนว่ากูควรทำยังไง แล้วกูขอถามหน่อย เขียนโปรแกรม Android นี้ต้องเขียนพวก code ภาษา Java เป็นด้วยใช่ไหม
เอาจริงๆกูก็อยากเขียนไรเป็นหลายๆอย่างหลายๆภาษาแหละ

441 Nameless Fanboi Posted ID:kve6sj1/y

ละกูควรมีโปรแกรมที่ไว้เขียนโปรแกรมไรคิดเครื่องไว้ไหม

442 Nameless Fanboi Posted ID:kve6sj1/y

ติดเครื่อง พิมพ์ผิด

443 Nameless Fanboi Posted ID:pDTUM0iQd

>>439 มันคือปัญหาที่ struggling กับเราตอนนี้อ่ะ คือเข้าวิศวะคอมมาแล้วพบว่าค่อนข้างจะเบื่อๆ อัลกอหนักๆ อะไรพวกนี้ สมองไม่ไหว ก็เลยคิดว่ามันเป็น hardest path ที่คนคงไม่ "เอ็นจอย" กันเท่าไหร่นัก เลยเอามาแนะนำเพื่อที่ถ้ารู้สึกแม่งสนุกก็คือมึงไปรอดแน่ๆ 555555

>> 440 Python มันคือเหี้ยอะไรเนี่ยรันได้อ่ะมึง ในขณะที่สมมติมึงเขียน C จะรับ input ทีต้อง `int v; printf("Input v: "); scanf("%d", &v);` นี่ถ้ามึงมา Python มึง `v = int(input("Input v: "))` เลย มันเลยเป็นภาษาที่เหมาะมากกับคนไม่เคยเป็นอะไร แต่มึงจะเสียนิสัยเพราะความมั่วซั่ว

จะเขียน Android ปกติเค้าก็เขียน Java อ่ะ แต่มันก็มีทางอื่นเช่นเขียนเป็น HTML+CSS+JS แล้วใช้พวก Framework เช่น Ionic หรือไม่ก็เขียน C# ไปรันบน Xamarin ซึ่งเออ C# ก็น่าเขียน

444 Nameless Fanboi Posted ID:pDTUM0iQd

>>441 http://repl.it/ เว็บเดียวน่าจะพอถ้ายังไม่อยากคิดอะไรมาก

445 Nameless Fanboi Posted ID:kve6sj1/y

กูลองเข้าไปในเว็บที่มึงแนะนำมา คำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษละกูงงฉิบหาย มีแบบภาษาไทยก่อนไหม

446 Nameless Fanboi Posted ID:bv+FIKyie

>>430 แต่ใจจริงชอบ Clojure มากกว่า (แวะมาบอก)

447 Nameless Fanboi Posted ID:yDyVHSnsI

คหสต. การที่คิดว่ารู้ algorithm พื้นฐานครบ เขียนโปรแกรมภาษานึงได้โอเคแล้วจะต้องเขียนภาษาอื่นได้ อ่านภาษาอื่นได้นี่เป็นความคิดที่น่ากลัวนะ
คือพื้นฐานสำคัญก็ใช่ แต่การใช้เทคโนโลยีเป็นก็สำคัญ การให้โฟกัสแต่เรื่อง algorithm จนไม่สนใจเรื่องรายละเอียดของแต่ละภาษานี่แม่งไม่ใช่แล้ว

ไม่ต้องตัวอย่างหลุดโลกแบบ Assembly หรอก เอาภาษาที่คล้ายกันโคตรๆแบบ C กับ Java งี้
คนเคยเขียนแต่ C เจอ try-catch-finally ใน Java ยังไงก็งง
หรือให้คนมาเขียน Java มาเขียน C แบบมึนๆนี่เจอ memory leak เพียบแน่นอน

448 Nameless Fanboi Posted ID:/..FJsW5/

แต่ถ้ามันเป็นภาษาใน paradigm คล้ายๆ กันก็ควรจะงมได้อยู่นะ ยกเว้นว่าจะจำแต่ syntax แล้วไม่จำ concept

449 Nameless Fanboi Posted ID:fhYDfRdsf

>>447 ที่พยายามสื่อคืออย่ายึดติดกับ syntax น่ะ คือไม่ได้บอกว่าต้องอ่านปรื้ดเดียวออก ถ้าเข้าเว็บที่ทิ้งให้ไว้ (learnxiny) จะพบว่ามันคือ short path ของการเรียนภาษาอื่นเมื่อพอเข้าใจว่าอะไรคือตัวแปรอะไรคือ loop อะไรคือ basic knowledge แล้วน่ะ

450 Nameless Fanboi Posted ID:ktXdCep6M

สมัครงานแล้วเจอคำถามแบบให้เขียนฟังค์ชั่นที่มองยังไงก็เป็น O(n^3) ให้เป็น O(n^2) แล้วใช้พื้นที่ O(n) แบบนี้ในเวลา 2 ชั่วโมง 5 ข้อ

451 Nameless Fanboi Posted ID:lsq1bsDRG

>>450 โหดว่ะ มีตัวอย่างโจทย์ให้ลองมั้ย

452 Nameless Fanboi Posted ID:a6Lj9qgwp

>>451

มี input a เป็น array ที่มีขนาดเป็น n จงหาและนับจำนวน triplets ของ index (d, e, f) ใน array a ที่ตรงตาม 0 <= d < e < f < n และค่าต่อไปนี้เป็นจริง
a[d] + a[e] > a[f]
a[e] + a[f] > a[d]
a[f] + a[d] > a[e]

ข้อจำกัด
- ใช้ time complexity สูงสุดที่ O(n^2)
- ใช้ space complexity สูงสุดที่ O(n) ไม่รวม input

แซมเปิ้ล input [10, 2, 5, 1, 8, 12]
แซมเปิ้ล output 4

ตัวอย่าง index ของ triplets ที่ตรงตามโจทย์
(0, 2, 4), (0, 2, 5), (0, 4, 5), (2, 4, 5)

ไม่ใช่ที่สอบอะนะ แค่ตัวอย่างจากที่เดียวกัน
โจทย์นี้ทำเองได้แค่ O(n^3) ไปดูเฉลยแล้วทำ O(n^2) ได้จริงๆ
ที่โดนให้ทำมีทั้งยากกว่านี้และง่ายกว่านี้ แต่เวลาจำกัดกว่าเยอะ เลยทำได้แค่ไม่กี่ข้อ มั่นใจว่าไม่ผ่านชัวร์

453 Nameless Fanboi Posted ID:TjCJge0yR

>>452 อ่านโจทย์แล้วพอเห็นคำตอบคร่าวๆ แต่ยังไม่ได้ลองว่าใช้ได้จริงมั้ย
2 ชั่วโมง 5 ข้อสำหรับโจทย์แนวนี้แม่งโหดนะ โคตรโหดเลยด้วย สำหรับเด็กคณะกูทำได้ 1-2 ข้อก็เทพแล้ว
ว่าแต่งานมึงเป็นสายที่เน้นเรื่อง algorithm หรอถึงเอาโจทย์แบบนี้มาให้ทำ ถ้าไม่ใช่นี่กูว่ามันวัดว่าทำงานได้รึเปล่าแทบไม่ได้เลยนะ

454 Nameless Fanboi Posted ID:.oKjt55Wx

>>452 กูงง ตรงภาษาไทยนี่ล่ะ

455 Nameless Fanboi Posted ID:y.s7USaD1

>>454 โจทย์เดิมเป็นภาษาอังกฤษ งงกว่านี้อีก
>>453 ไม่ใช่งานสายอัลกอริทึม กูเลยเซ็งๆ อยู่ หวังว่าจะเอาโจทย์มาให้ดูเฉยๆ ว่าเขียนโค้ดได้จริงไหม ไม่ใช่กะให้ทำให้ผ่านทุกข้อ

456 Nameless Fanboi Posted ID:uh5hyrTch

ky อยากเป็นแฮกเกอร์นี่ทำไงวะ

457 Nameless Fanboi Posted ID:udjMeKjU6

>>456 https://www.youtube.com/watch?v=KEkrWRHCDQU
ลองดู tutorial อันนี้ดูมึงน่าจะพอเห็นภาพมากขึ้น เสร็จแล้วลองทำตามดูมึงจะรู้เองว่าต้องเรียนเรื่องอะไรบ้าง
ที่เหลืออยากรู้เรื่องไหนก็พึ่งอาจารย์ Google เอาเป็นเรื่องๆไป

458 Nameless Fanboi Posted ID:iUbeF+uFN

>>456 แตดแตดหีแจกหีหีแตดแตดแจตกดดหีหี แตดแตดแตดปปิดหนัฃงหี่กหี่หีีีหี่่กัแตดหนังแตดแหนังแตดหีแตดแตดแตดแตดอตแตดดดดดึควยยยย

459 Nameless Fanboi Posted ID:d7YyiunWg

>>457 >>458 ขอบคุณมาก กุไปดมกาวต่อละ

460 Nameless Fanboi Posted ID:z4VEUtfTo

เวลาไปสัมภาษณ์งานนี่เค้าจะถามเกี่ยวกับอะไรบ้างวะ
แล้วพวกข้อสอบนี่จะออกเป็นแนวไหน

461 Nameless Fanboi Posted ID:gjuyCYo+A

>>460 เค้าจะถามว่า วันนี้กินข้าวกับอะไรมา และและฟังคำสอนของหมิ่่่ว่ว่ว่ว่ว่่ว่วว่เมม๊๊๊๊๊๊๊ีวววววว เด็็็็็็กกกกกกกเหหีี้ี้ี้ี้ี้ี้ี้ยยยยยยย หรือไม่ ตามนี้

462 Nameless Fanboi Posted ID:iHAYt593D

>>460 ถามเรื่องทั่วไป กับทำอะไรมาบ้าง ถ้าไม่ตอบอะไรพิลึกๆ น่ะผ่านหมดไม่สนเท่าไหร่หรอก
วัดกันที่ portfolio กับ logic เวลา test ล้วนๆ

ส่วนสอบ กูเคยเจอแบบเชี่ยหนักๆ
skype สัมภาษณ์ไปด้วย แล้วจับ test online กันเดี๋ยวนั้น
เปิด web กลางคล้ายๆ พวก google doc ฝั่งโน้นตั้งโจทย์
แล้วด้นสดอะไรๆ มองเห็นหมด code ยังไง ตรงไหนผิด
ตรงไหน logic ห่วย สนุกสนาน

463 Nameless Fanboi Posted ID:P+Dmm9Dg+

>>462 บ. ของเจ้าไหนวะ? แล้วมันไม่ให้โอกาสมึงเขียนลอจิกอะไรใส่กระดาษก่อนมั่งเลยอ่อวะ?

464 Nameless Fanboi Posted ID:fF+ujWvcD

ปัญหามันไม่ใช่ให้เขียนลงกระดาษหรือไม่ไง มันคือในโลกจริง ไม่มีใครเขาโค้ดกันแบบนั้น
online test/whiteboard test พวกนี้มันแทบวัดห่าอะไรไม่ได้เลย เพราะมันเป็นคนละสกิลกับการทำงานจริง
คือมึงต้องหัดทำพวกนี้บ่อยๆ ถึงจะทำได้ดี แต่โอกาสใช้มีแค่เวลาสัมภาษณ์งาน แล้วเวลาทำงานจริงมันใช้สกิลอีกอย่าง

465 Nameless Fanboi Posted ID:Ts18ypKXN

สกิลอีกอย่างตอนทำงานนี่มึงจะสื่อถึงมันก็คือประสบการณ์ในด้านการเขียนโปรแกรมนั้นๆใช่มั่ยวะ? แล้วพวกโปรแกรมเมอร์นี่จะไปหาของพวกนี้จากไหนมาเก็บเกี่ยวไว้เผื่อใช้ตอนสัมฯอ่าา?

466 Nameless Fanboi Posted ID:JKygCAFSq

เรื่องการทดสอบแบบวัดว่าคนทำงานเป็นรึเปล่าไม่ได้นี่เป็นอะไรที่กูไม่ชอบเลย
บางครั้งมาจาก HR หรือพวก Sale ยังพอเข้าใจได้ว่าเค้าไม่ได้ทำงานสายนี้โดยตรง
แต่มาก Programmer หรือ SA นี่บางทีก็ไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้ไม่รู้จริงๆหรอข้อสอบแบบนี้มันวัดอะไรไม่ได้น่ะ

467 Nameless Fanboi Posted ID:GATcVJqc6

>>465 ตอบแบบทื่อๆ ก็ประสบการณ์ ตอบแบบดีๆ หน่อยก็ domain knowledge
เช่นสมัครบริษัททำเว็บข่าว ระบบมันเป็นแค่ CRUD ธรรมดาๆ แต่สัมภาษณ์สั่งให้ invert binary tree มันก็ไม่ใช่ป่ะ
domain knowledge ในกรณีนี้จะเป็นประเภท รู้จักไหมว่า N+1 คืออะไร MVC คืออะไร ควร cache อะไรตรงไหน
ประเด็นของกูคือ ที่ให้ทดสอบเขียนโปรแกรมส่วนใหญ่มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ทำเลยไง

มันมีเยอะนะ คนที่ทำทดสอบเขียนโปรแกรมมาได้ดี แต่ทำงานจริงแทบไม่ได้
มีตั้งแต่รู้อัลกอริธึ่มแต่ไม่รู้จักภาษาที่จะใช้งานดีพอ เลยเสียเวลาเขียนอะไรที่มีอยู่ใน standard library ซ้ำ
ใช้ HAVING/GROUP กับ aggregate function ไม่เป็น เลยลูปทุกแถว (บน local ไม่ต้องห่วง roundtrip แต่บนเซิฟเวอร์มันมี overhead)
ตัวอย่างชัดๆ หน่อยก็ทำระบบ login แล้วเก็บรหัสผ่านเป็น plain text แทนที่จะใช้ password hash function (อันนี้คือไม่มีประสบการณ์)
หรือทำระบบ login แล้วเก็บรหัสผ่านด้วยการเข้ารหัส (อันนี้คือประสบการณ์ไม่พอ ให้ถูกคือต้องใช้ one-way hash เช่น PBKDF2 หรือ bcrypt)
ทั้งหมดนี้คือ domain knowledge ที่การที่ทำ invert binary tree บน whiteboard ได้ ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย

468 Nameless Fanboi Posted ID:TOSSI7t0G

โม่งกุมีโจทย์ข้อสอบเก่าของวิชาalgorithm(เป็นแค่พื้นฐานการเขียนflowchartนะ ยังไม่เข้าเรื่องพวกบิ๊กโอหรือdata structureเลย) ที่ อ. แจกให้ลองฝึกๆทำดูหว่ะ โจทย์มันว่างี้นะ
.
กำหนดให้Array A(1000) และ B(1000) โดย A คือ จังหวัดที่ขายสินค้า(sort) แล้ว และBคือ จำนวนสินค้าที่ขาย ดังตัวอย่าง
---------------------------------------------
|_________A__________|__________B__________|
__________1__________|__________12_________
__________1__________|__________23_________
__________2__________|__________50_________
__________3__________|__________45_________
________......__________|__________72_________
________......__________|__________....._________
________......__________|__________....._________
________76__________|_________120_________
________76__________|_________12__________
________77__________|_________24__________
________77__________|_________23__________

โดยแต่ละจังหวัดมีจำนวนพนักงานขายไม่จำเป็นต้องเท่ากัน เช่น
จังหวัดที่1 มีพนักงานขาย 2 คน ในขณะที่บางจังหวัดอาจจะมีพนักงานขายถึง 50 คน ให้เขียนผังโปรแกรมในการทำงานเฉพาะส่วนของการออก รายงานดังนี้(สมมติว่าข้อมูลดังกล่าวอยู่ในmemoryเรียบร้อยแล้ว) ข้อตกลงการทำงานมีดังนี้ คือ ห้ามสร้างArrayเพิ่มนอกเหนือจากที่กำหนดให้(A,B) มาทำงานนี้ โดยรายงานที่ปรากฎมีรูปแบบดังนี้

------------------SALE REPORT MAY 2015---------------------
|___AREA____|____NO.__of__SALE__MAN__|____SALE__VOL____|
______1______|______________2______________|______35___________|
______2______|______________1______________|______50___________|
______....._____|_____________..... _____________|______....___________|
______....._____|_____________..... _____________|______....___________|
______....._____|_____________..... _____________|______....___________|
_____77______|______________3______________|______80 __________|

______________________TOTAL__OF__SALE=................____________

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ.แกไม่ได้เคร่งมากเรื่องทำแสดงoutputออกมาให้เป็นตารางนะ ขอแค่ทำให้ตัวเลขออกมาในตำแน่งถูกต้องและค่าไม่เพี้ยนก็พอ
.
สิ่งที่กูงงสัสๆเลยคือ ตอนกูเขียนflowchartอ่ะ กูต้องสร้างพวกกล่องรับข้อมูลเข้าArray A กับ Bไรพวกนี้อีกมั้ยวะ? พอดีลองทำเองละไปดูเฉลยที่รุ่นพี่ทำๆกันกลับกลายเป้็นว่ากูสร้างมาเกิน แล้วไอคำว่า "สมมติว่าข้อมูลดังกล่าวอยู่ในmemoryเรียบร้อยแล้ว" นี่สื่อถึงอะไรวะ?

469 Nameless Fanboi Posted ID:TOSSI7t0G

>>468 อย่าดูผ่านมือถือเด็ดขาด แนะนำให้ดูผ่านจอคอมหรือแท๊บเล็ตที่จอขนาด5นิ้วขึ้นไป ไม่งั้นตารางวิบัติแน่ๆ

470 Nameless Fanboi Posted ID:EJ8uC6akM

เข้าใจว่าน่าจะหมายถึงไม่ต้องเขียนว่ารับข้อมูลมา assume ไปได้เลยว่า A, B มีอยู่แล้ว
โจทย์มันให้นับจำนวนว่า A ซ้ำกันกี่ครั้ง (= จำนวน salesman) แล้วเอา B ที่ตรงกับที่ A ซ้ำไป sum (= จำนวน sales) ใช่ไหม

471 Nameless Fanboi Posted ID:LOsT+6bNY

>>470 น่าจะประมาณนั้นแหละโม่ง โจทย์อยากให้หาแบบนั้น แต่กูงงกับประโยคบางตัวไง(กูคงอ่านไม่ละเอียด5555) เลยมาถามโม่งว่าคิดยังไงมั่ง

472 Nameless Fanboi Posted ID:vjlO5vYQA

>>468 มี A B อยู่แล้วน่ะ ทำไงก็ได้ให้ปริ้นค่าออกตามตารางสอง มัน sort แล้วก็จบ
แต่โจทย์แบบนี้น่าจะไปอยู่ในวิชาเดต้าเบสมากกว่าว่ะ 555

473 Nameless Fanboi Posted ID:B7CBrHkGq

ถ้ากูลืมพวก big o แถมเขียน flow chart ไม่เป็น . แต่ใช้ framework เป็น ทำออกมาเป็นชิ้นงานได้ . เปอร์เซนต์ผ่านจะเป็นไงบ้าง . framework มันใหญ่มากว่ะแถมพวกที่กูไม่ได้ใช้ก็ลืมหมด . จะเจอไรบ้างวะ

474 Nameless Fanboi Posted ID:VEAAD70Mc

>>473 อันนี้กูสงสัยหน่อยๆ ปกติยังเรียน flow chart กันเหรอวะ ของม. กู ไม่เน้นเลย เลย เขียนระบุ รับส่ง input นี่ไม่มี แต่จะเป็นการเขียนอธิบายอัลก่อว่ะ ไม่บอกวิธีทำงานยิบย่อย เน้นอธิบายแนวคิด คือ ถ้าไม่แยกเช็ค if/loop นี่จับstatement หลายอันรวมกันเลย ส่วน big o กูว่าใช้จริงนี่ดู loop แล้วตอบคร่าวๆ เอา สองloop ก็ n^2 พวก binary tree ก็ log n ไรงี้ กังวลจำไปก็ได้มั้งคืนเดียวพอกูว่า framework ใครๆ ก็ลืมพูดเลย มีงานไปให้เขาดูนี่ดีกว่าอีก

475 Nameless Fanboi Posted ID:cLX4LKOny

>>473 กูเรียนราม มันเลยมีวิชาเขียนอัลกอแบบพื้นฐานอยู่นะ เป็นวิชาแยกจากดิสครีตเลย ส่วนตัวกูมองว่าโอเคดีนะ เหมือนปูพื้นฐานให้เด็กที่ไม่รู้เรื่องห่าไรเลยมาเรียนจริงๆ ปีหนึ่งเทอมหนึ่งมีวิชาแนะแนวแบบintro to comsci หลักสูตรดูเก่าไปหน่อยแต่ก็แหงหละ มหาลัยค่าหน่วยกิต25-50บาทเอาไรมากวะ ดิสครีตไม่เรียนถึงbig o นะ เพราะปีนี้อ.สอนดิสครีตคนล่าสุดเกษียณไป คนใหม่มาสอนแทนเลยให้แนวเนื้อหาง่ายมากๆ(เนื้อหาหนักสุดแค่ การนับ และ reccurence function เพราะเน้นความน่าจะเป็นกับพวกลำดับอนุกรม ) ขนาดพวกหัวข้อตรรกศาสตร์ยังไม่มีพวกproofกับfor all for some เลย(เห็น อ. แกบอกว่าเรื่องแนวๆนี้เจอในวิชาAI เนื้อหายากเกินสำหรับปี1 ) ไอพวกวิทย์คอม ม.ดังๆ หรือมหาลัยที่เด็กเทพเยอะกูมองว่าคณบดีก็อยากท้อปฟอร์มไรงี้มั้ง มันเลยเอาวิชาเขีนรflow. ไปยัดลงวิชาเขียนc หรือดิสครีตแทน แล้วตอนออกข้อสอบนี่นรกเหี้ยๆหว่ะ ยิ่งข้อเขียนยิ่งอเวจีเลยมึง กูรู้สึกลอยลำมากๆที่วิชาดิสครีตที่กูจะสอบตอนนี้เห็นB+มาแต่รำไรเพราะเสือกออกข้อสอบแบบปรนัยอีกตะหากกกกก

476 Nameless Fanboi Posted ID:3GU4JBCdf

คณะกูสอนเขียน flowchart ในวิชา C ซึ่งเป็นวิชาสอนเขียนโปรแกรมตัวแรกของคณะที่เจอตั้งแต่เทอม 1 เลย
มาแบบไม่มีวิชา Intro ปูพื้นตัวอื่นมาก่อนซึ่งเป็นวิชาที่ทำเด็กเหวอแดกเยอะมาก
ยิ่งเจอวิธีการสอนของอาจารย์ที่โยนโจทย์ยากๆใส่เด็กตั้งแต่แรกๆยิ่งทำให้เด็กกลัวโดยไม่จำเป็นเข้าไปอีก

ส่วน discrete นี่สอนในเชิง math เพียวๆเลย อาจารย์ที่สอนก็เป็นอาจารย์สอน math
เท่าที่นึกออกมีตรรกะศาสตร์ matrix vector ทฤษฏีจำนวน ทฤษฏีกราฟ อะไรพวกนี้
หลักๆก็เป็นเลขส่วนที่ควรจะรู้ concept ไว้สำหรับคนที่ต้องเขียนโปรแกรม (ยกเว้นทฤษฏีจำนวน?)

ส่วน Big O เรียนในวิชาอีกตัวที่สอนเกี่ยวกับ Data Structure กับ algorithm ในเชิงการเขียนโปรแกรมไปเลย

ปล. ทำงานจริงกูว่าใช้ framework เป็นสำคัญกว่าจริงๆนะ แต่พื้นฐานรู้ไว้คร่าวๆก็ดี
อย่างเรื่อง Big O ไม่ต้องรู้ลึก แต่ก็เอาไว้เตือนสติให้ระวังการเขียนโค้ดแบบที่ทำให้โปรแกรมทำงานมากขึ้นโดยไม่จำเป็น ไรเงี้ย

477 Nameless Fanboi Posted ID:RjlKEr8+/

>>476 ของมึงมหาลัยไรวะ? ทอปฟอร์มยังก่ะเป็นสถาบันMIT แค่เด็กรามตอนเขียนflowเจอโจทย์แบบfactorialหรือเลขฟิโบฯเข้าไปสมองก็แทบแตกละ

478 Nameless Fanboi Posted ID:LAIWjTzSV

>>477 ไม่รู้นะ ม.เราคนละที่กับ 476 แน่ๆ แต่ปีหนึ่งมี Computers and Programming หนึ่งตัว (ซึ่งวิศวะสอนรวม แต่ภาคคอมแยกออกมาด้วยเนื้อหาไม่เหมือนชาวบ้าน) ก็เจอทั้ง fibonacci และ factorial นะ แต่ไม่หย่อนตีนเข้าไปใน Dynamic Programming หรืออะไรพวกนี้ แค่นี้บางคนที่ไม่เคยเรียนคอมมาก็ร้องไห้แล้ว

ดังนั้นก็เลยไม่รู้ว่าปกติไหมที่ถ้าบอกว่าพวก recursion หรือ algorithm ที่เริ่มจะหย่อนตีนลงไปเนี่ย สอนเวลานี้ก็ปกติดีละ

479 Nameless Fanboi Posted ID:.5KJsuiAJ

เข้าประเด็นนี้ก็นึกขึ้นได้ ทำไมบ้านเรามันมีคนคิดว่าใช้ Word ใช้ Excel เป็น ชอบเล่นเน็ต เลยอยากลองเป็นโปรแกรมเมอร์เยอะจังวะ

480 Nameless Fanboi Posted ID:RjlKEr8+/

>>479
เมื่อก่อนมีสถาบันอบรมคอมพิวเตอร์(เดี๋ยวนี้ยังมีอยู่นะ แถวๆคลองตันแต่ตอนนี้เจ๊งหนักมาก สอนได้แต่พิมพ์สัมผัสไวแล้ว) สมัยนั้นมันสอนแต่พวกพิมพ์ดีด การใช้คอมฯเบื้องต้น พวกโปรแกรมสำนักงานทั้งหลายแหล่ ไม่ได้สอนถึงขั้นตัดต่องานกราฟฟิก วิดีโอ สามมิติมากมายก่ายกอง หรือสอนเขียนโปรแกรมเหมือนสมัยนี้ ผู้ใหญ่ยุคเบบี้บูมเบอร์มันทันเรื่องพวกนี้พอสมควรในช่วงวัยทำงานเลยเป็นตัวปลูกฝังให้คนรุ่นเจนxกับy คิดกันว่าใช้คอมเป็น เล่นเน็ตได้ โปรแกรมเอกสารได้คือผ่าน ทั้งๆที่จริงแล้วมันคนละเรื่องเลย โลกวิทย์คอม วงการไอที มันเปลี่ยนไปเร็วมาก นี่คือสิ่งที่กูคิดนะ

481 Nameless Fanboi Posted ID:Ek5nDumOV

>>477 กูขอไม่บอกละกัน แต่เป็นมหาลัยรัฐค่อนข้างดังในไทย
ฟังดูเหมือนเรียนกันโหดนะ ซึ่งก็โหดจริงๆแหละ ยัดห่าอะไรมาไม่รู้เยอะมาก
แต่ผลที่ออกมามันไม่ได้ดีหรอก คนที่เรียนจบมาได้แล้วเขียนโปรแกรมได้จริงๆจังๆด้วยนี่มีไม่เยอะ
ถ้าจำทฤษฏีไปทำข้อสอบได้ก็ผ่านแบบคะแนนไม่น่าเกลียดแล้ว โปรเจคก็ไปหาเกาะคนเก่งๆเอา
ยิ่งปีหลังๆยัดวิชาที่เป็นสายท่องจำไปสอบมาเยอะมาก ถ้าทำคะแนนวิชาพวกนั้นได้ดีก็ได้เกรดจบดีๆทั้งที่แทบเขียนโปรแกรมไม่เป็นได้

ส่วนเรื่องโจทย์ ตอนปี 1 เจอโจทย์ factorial กับ fibo เข้าไปคนก็ทำไม่ค่อยได้กันหรอก
แต่หลังๆมันเป็นตัวอย่างที่ใช้บ่อยจนเด็กจำได้เอง พอเจอในวิชาอื่นต้องทำเลยไม่มีปัญหากัน 555

482 Nameless Fanboi Posted ID:RjlKEr8+/

>>481 ในโม่งมึงไม่ต้องกลัวหรอกสัส มู้รักการเรียนในห้องไลฟ์บอกชื่อสถาบันกันโจ๋งขรึม ถ้ามันเรื่องจริงใครเค้าจะฟ้องมึงวะ? แถมมหาลัยดังเด็กเรียนกันเป็นร้อยเป็นพัน ปรับหลักสูตรกันทุกๆสี่ปี ถ้าให้กูเดาๆ อยู่ICTแต่เรียนนานาชาติค่าเทอม70000ทุกๆเดือนมั้ย? ถ้าห้าหมื่นนี่กูเดาออกละว่าที่ไหน ถ้าไม่แถวๆบางมดก็ติดๆสุวรรณภูมิ

483 Nameless Fanboi Posted ID:QCqnOlQHW

>>476 ICT มหิดลชัวร์ เชื่อกู กูเรียนมา ฟฟฟ

484 Nameless Fanboi Posted ID:OWVYEzC.g

>>478 มก แน่นอนสัส DP อาจจะเจอในข้อสอบ แต่อย่าไปแคร์ ทำไม่ได้กันหรอก

485 Nameless Fanboi Posted ID:OWVYEzC.g

สอบแลปนะ

486 Nameless Fanboi Posted ID:/0z+2b9nl

เอา Dynamic Programming มาสอบแม่งก็โหดเกิ๊น ถึงจะสอบแลปก็เถอะ
หลักการแม่งเข้าใจไม่ยากนะ แต่เจอโจทย์เข้าไปกูทำไม่ได้ซักกะข้อ 555

487 Nameless Fanboi Posted ID:QBMg7R1Zr

เออโม่ง อยากทำ machine learning ว่ะ มี guidelines ไหมว่าควรเริ่มจากตรงไหน take course อะไรอ่ะ

488 Nameless Fanboi Posted ID:7ZZ.3NVi8

>>487 จริงๆ Machine learning มันก็เป็นการเขียนโปรแกรมเพื่อให้โปรแกรมได้เรียนรู้+แก้ปัญหาต่างๆได้ด้วยตัวมันเองนะ (คือพัฒนาตัวเองได้ เรียนรู้ แก้ไขได้ (ปัญญาประดิษฐ์)) มีภาษาหลายภาษาที่เอาไว้ใช้สำหรับการเขียนAI แต่ส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างซับซ้อน สำหรับผู้เริ่มต้นแนะนำให้เรียนภาษาPython เรียนรู้รูปแบบการเขียนและลองฝึกเขียนAlgorithmแก้ปัญหาง่ายๆดูก่อน ก่อนจะขยับไปทำสิ่งที่ซับซ้อนขึ้น

489 Nameless Fanboi Posted ID:NOnx2/XKx

กู >>452 นะ สรุปแล้วเขาใช้ทดสอบแค่เขียนโค้ดได้จริงหรือเปล่าเท่านั้นว่ะ
เอามาให้ 5 ข้อก็จริง แต่มีคำตอบมาให้เห็นว่าเขียนโค้ดได้จริงก็ OK แล้ว
แต่กูไม่ขอบอกชื่อบริษัทนะ

490 Nameless Fanboi Posted ID:rXGUrBL0H

มีใครได้ลองจับงานด้านbioinformaticsบ้างครับ
คือมาจากสายไบโอตรงๆตอนนี้ยังเป็นscriptkiddiesอยู่เลย เขียนRเป็นหลัก เวลาแก้ปัญหาก็ไปถาม stackoverflow เอา ทีนี้อยากเรียนperl-phytonเพิ่มเติม มีที่เรียนที่เริ่มจาก 0 เลยมั้ยครับนี่

491 Nameless Fanboi Posted ID:a+VDYtFxr

>>490 ไม่มีคำตอบมาให้ แต่ถามแบบนี้ผมโคตรคิดถึงเพื่อนผมคนนึงที่อยากไปสายนี้เลย 55555 เป็นสายที่แหวกกว่าเพื่อนในรุ่นพอตัวจริงๆ

492 Nameless Fanboi Posted ID:os5uWqaEv

>>490 1) ไม่ได้เรียนสายนี้ (ชีวสารสนเทศน์?) แต่เรียนวิทยาศาสตร์สุขภาพโดยตรง ตอบอะไรมากไม่ได้นัก
2) เรียนในUdemy ,หรืออ่านหนังสือที่มีให้โหลดอ่านฟรีทั่วไป

493 Nameless Fanboi Posted ID:fxjKPoa09

โม่ง ในนี้มีใครรู้วิธีเขียนอัลกอริทึมเพื่อหาunion กับ intersection ระหว่างset 2 sets มั่งวะ?

494 Nameless Fanboi Posted ID:UkFysaMD4

>>493 เอาแบบวิธีเถือกคร่าวๆ สมมุติมี Set A กับ B จะให้เอาผลไปใส่ Set C
โดยที่ Set ในที่นี้อาจจะไม่ได้ต้องเป็น Data Structure ที่มีคุณสมบัติเป็น Set จริงๆก็ได้ สมมุติง่ายๆก็เอาเป็น array ธรรมดา
สมมุติว่า Set A กับ B ไม่มีสมาชิกที่ค่าซ้ำกันเพราะโจทย์กำหนดมาว่าเป็น Set

Union
1. วนลูปยัดสมาชิกทุกตัวของ A ลงไปใน C
2. วนลูปยัดสมาชิกของ B ลงไปใน C ถ้าสมาชิกตัวนั้นๆไม่มีอยู่ใน A (วนลูปเล็กข้างในเช็คหรืออะไรก็ว่าไป)

Intersect
1. วนลูปยัดสมาชิกของ A ลงไปใน C ถ้าสมาชิกตัวนั้นๆมีอยู่มีอยู่ใน B ด้วย (วนลูปเล็กข้างในเช็คหรืออะไรก็ว่าไป)

ปล. 1 ถ้าใช้ภาษาที่มีของสำเร็จรูปให้ใช้อยู่แล้วเช่น Java ควรใช้ของสำเร็จรูป สั่งให้มันคิดให้เลย
ปล. 2 ถ้าภาษาที่ใช้ไม่มี Set สำเร็จรูปให้ใช้ แต่มี method หรือ function สำหรับเช็คว่าใน array มีค่าตัวที่เราหารึเปล่า
ควรใช้การเช็คด้วยวิธีนี้มากกว่ามาวนลูปซ้อนลูปเอง

495 Nameless Fanboi Posted ID:Lu+6hO6vB

Union https://hastebin.com/oreyazuron.py
น่าจะ O(n) ข้อเสียคือห้ามมี duplicate

496 Nameless Fanboi Posted ID:Lu+6hO6vB

Intersect https://hastebin.com/fapocubeci.py
ใช้วิธีเดียวกันกับข้างบน ห้ามมี duplicate เหมือนกัน

วิธีการทำงานของมันคือ sort ทั้ง 2 list ที่รับเข้ามาแล้วลูปทีละหลักของทั้ง 2 list พร้อมๆ กัน
ถ้าหากสมาชิกในตำแหน่งที่หาของ list หนึ่งไม่เท่ากับของอีก list หนึ่ง แปลว่าค่านั้นไม่มีอยู่ในอีก list
เทียบแบบนี้ได้เป็นผลจากการ sort มาก่อน

เช่นมี 2 list
a = {1 2 4 5}
b = {2 3 4 5 6}

ลูปแรก i = 0, j = 0 เทียบได้ว่า 1 < 2 แปลว่า 1 ไม่ใช่สมาชิกของ list b (เพิ่ม i)
ลูปสอง i = 1, j = 0 เทียบได้ว่า 2 == 2 แปลว่า 2 เป็นสมาชิกของทั้ง 2 list (เพิ่ม i, j)
ลูปสาม i = 2, j = 1 เทียบได้ว่า 4 > 3 แปลว่า 3 ไม่ใช่สมาชิกของ list a (เพิ่ม j)
ลูปสี่ i = 2, j = 2 เทียบได้ว่า 4 == 4 แปลว่า 4 เป็นสมาชิกของทั้ง 2 list (เพิ่ม i, j)
ลูปห้า i = 3, j = 3 เทียบได้ว่า 5 == 5 แปลว่า 5 เป็นสมาชิกของทั้ง 2 list (เพิ่ม i, j)
ลูปหก i = 4, j = 4 ขนาดของ i เกินจำนวนสมาชิกใน list a แปลว่าสมาชิกที่เหลือของ list b ไม่ใช่สมาชิกของ list a

จะยัดมันลง output หรือเปล่าขึ้นอยู่กับว่าเป็น union หรือ intersection
กรณี union ต้องเขียนอีก 2 ลูปไว้เก็บสมาชิกที่เหลือของ list a หรือ list b ลง output ด้วย (แต่จะรันแค่ลูปเดียว)
ทำให้อัลกอริธึ่มนี้จะใช้เวลาเท่ากับจำนวนสมาชิกที่ unique ของทั้ง 2 list บวกกับเวลา sort

497 Nameless Fanboi Posted ID:jqZsDZhws

/ยกมือถาม
คนนอกสายนะ อยากถามว่าพวกฟังก์ชันมันทำงานยังไงเหรอมันถึงได้เร็วกว่าวิ่งลูป? เอาอย่างกรณีข้างบนก้ได้

498 Nameless Fanboi Posted ID:qGSFQrGnV

>>497 ไม่ค่อยเข้าใจที่ถามเท่าไหร่
คือ function มีหน้าที่หลักคือแยกโค้ดออกเป็นส่วนๆ เพื่อการจัดระเบียบและให้ง่ายต่อการ reuse
ส่วน loop เอาไว้สั่งให้โปรแกรมทำอะไรซ้ำๆ
ซึ่งมันมีหน้าที่คนละอย่างกันน่ะ

499 Nameless Fanboi Posted ID:/5s4CwE/P

>>497 เดาว่าคำถามหมายถึงที่ >>494 บอกให้ใช้ function สำหรับเช็คแทนที่จะลูปเอง อธิบายในกรณีนี้ก็คือ

ในกรณีที่ภาษามันมี Set มาให้อยู่แล้ว ส่วนมาก Set ที่มีมาให้จะเขียนโดยใช้ data structure ที่เหมาะสมกับลักษณะของ data
เช่นการเก็บเป็น array แบบ [1, 2, 3, 4, 5] การหาว่าจะมี 5 อยู่หรือไม่ ต้องไล่เทียบสมาชิกทีละอัน (กรณีนี้ก็คือ 5 ครั้งกว่าจะเจอ)
แต่ถ้าเก็บเป็นแบบ binary tree เก็บ 1, 2, 3, 4,5 มันจะใช้เวลาการหาน้อยกว่านี้มาก (อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะแค่ 2-3 ครั้ง)

เพราะ tree จะเก็บข้อมูลเป็นแบบนี้ http://imgur.com/Aww4U72
ถ้านึกภาพไม่ออกลองนึกเป็น folder แล้วแต่ละ folder มี 2 folder ย่อยก็ได้ 2 folder ย่อยที่ว่านี้จะเรียกว่า ซ้าย และ ขวา
ต้องการหา 5 จาก tree นี้ก็สามารถหาได้โดยการเทียบว่า
5 > 3 ... 5 มากกว่า 3 ... เลือกด้านขวา
5 > 4 ... 5 มากกว่า 4 ... เลือกด้านขวา
เจอ 5

หรือจะหา 6 จาก tree นี้ (ซึ่งค่านี้ไม่มีอยู่) ก็จะได้เป็นแบบ
6 > 3 ... 6 มากกว่า 3 ... เลือกด้านขวา
6 > 4 ... 6 มากกว่า 4 ... เลือกด้านขวา
6 > 5 ... 6 มากกว่า 5 ... เลือกด้านขวา
ไม่มีด้านขวาต่อ แปลว่าค่านี้ไม่มีอยู่

เลยเป็นเหตุผลว่าถ้าภาษานั้นๆ มี Set มาให้อยู่แล้ว และมี function ที่ต้องการ ใช้ของที่มีอยู่แล้วดีกว่ามานั่งทำเองใหม่น่ะ

500 Nameless Fanboi Posted ID:P9adPOl6N

>>499
Oh god อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณมากโม่ง

501 Nameless Fanboi Posted ID:TMofKpVs3

>>494-496 ขอบใจมึงมากๆ ไฟนอลนี้กูรอดตายแล้ว

502 Nameless Fanboi Posted ID:sH4G6LWpS

>>497 ถ้าไม่ใช่การทำโจทย์/ข้อสอบหรืองานบางอย่างที่มันใช้ของสำเร็จรูปไม่ได้จริงๆ
การที่เราใช้ของสำเร็จรูปเวลาทำของพื้นฐานอย่าง Set หรือการเช็คว่าใน array มีของที่เราหาอยู่มั้ยเนี่ยมันมีข้อดีหลายอย่างนะ อย่างเช่น

- เราจะได้โฟกัสกับของที่ต้องทำจริงๆ
- ตาม >>499 คือหลายๆอย่างจะเร็วกว่าเราเขียนเอง เพราะมันมักผ่านการคิดมาแล้วว่าปัญหาแบบนี้แก้ด้วยวิธีไหนถึงจะเร็ว
- มันผ่านการเทสมาแล้ว กรณ๊ทั่วไปถ้าเราใช้ถูกวิธีมันก็น่าจะทำงานถูก เราก็ไปโฟกัสกับความถูกต้องของส่วนที่เราเขียนเอง
- ได้ผลลัพท์เหมือนกันโดยไม่ต้องเขียนมาก --> ทำง่าย ไม่เปลืองแรง โค้ดไม่รก อ่านง่ายกว่า
- ของสำเร็จรูปที่คนอื่นๆก็ใช้กันเวลาคนอื่นเค้ามาทำงานต่อจากเรา เค้าก็จะทำความเข้าใจได้ง่าย

503 Nameless Fanboi Posted ID:/zWilepCp

>>494. ถ้ากูเจอเงื่อนไขว่าห้ามสร้างอาเรย์Cขึ้นมาเพื่อยัดสมาชิกของAกับBที่มีอยู่แล้วหล่ะ? กูควรทำไง?

504 Nameless Fanboi Posted ID:xS8LujOPe

เรามาถึงจุดที่เด็กคอมมาหาคนทำการบ้านให้ในโม่งแล้วหรือนี่...

505 Nameless Fanboi Posted ID:Fv5/4nXd4

หมายความว่าคอมมูนิตี้ป่าช้านี่เริ่มมีชีวิตแล้วไงล่ะ!

506 Nameless Fanboi Posted ID:JVQCP7yv/

>>503 เอาวิธี >>498-499 มาปรับใช้ เพิ่ม-ลบสมาชิก in-place ใน array A ไม่ก็ array B ตามความเหมาะสม

507 Nameless Fanboi Posted ID:MxtMHQQ1U

>>506 กูลืมบอก มีข้อบังคับด้วยนะว่าต้องใช้แค่CหรือC++เท่านั้น. ไม่งั้นกูใส่pythonรัวๆแล้ว5555

508 Nameless Fanboi Posted ID:QX+Mc67kH

>>507 โม่งเอ๋ย เจอข้อจำกัดนี้เราช่วยนายไม่ได้แล้ว ลาก่อย

509 Nameless Fanboi Posted ID:QeQsjGPgd

>>507 ดูแล้วมึงอาจจะไม่แม่น c จะเขียนละเอียดหน่อยๆ
union ใช้ stl มี set ให้ใช้
ทำไว้สองเซ็ต A,B union ก็ insert ของใน B ลง A ก็ได้ จบ ได้ union set แล้ว stl ของ c++ ไม่เก็บค่าซ้ำ และภายในมันเรียงเป็น binary tree ให้เสมอ ใส่ของ1ตัว ก็logn nตัวก็ nlogn

intersect มี A ก็ใช้ iterator ดึงของใน B ทีละตัว มา find ใน A ตัวนี้มีในAมั้ย มีก็ใช่ นี่ก็ nlogn

อีกวิธี
เลขมากสุดได้กำหนดมั้ย ถ้าไม่เกินล้านและไม่เป็นลบใช้ array ดีกว่า เก็บเป็นbitmap เช่นมีเลข 5 ก็ A[5] = 1 ไรงี้ ที่ไม่มีก็ค่า 0 อยู่แล้ว ทีนี้ตอน access จะเร็วล่ะ union ก็ทำ A ไว้ B มาก็ให้เซ็ทมันเป็น 1 ทั้ง B กับ A เลขไหนมีก็เป็น 1 ล่ะ intersect ทำA ไว้ B มาก็ -2 ก็ได้ คราวนี้ตัวซ้ำเป็น -1 ล่ะ วนปริ้นตัวซ้ำ เวลาก็ n
อืมถ้า malloc หรือ new มาอย่าลืมเซ็ทค่าเริ่ม =0 และแนะนำให้ malloc หรือ new เพราะมันไปจองหน่วยความจำใน heap ซึ่งมันใหญ่ มึงจองได้เกินล้านช่องก็ได้(คิดว่านะ) ถ้าประกาศธรรมดาโปรแกรมมันจะไปจองให้ที่ stack จองได้ไม่เยอะ อย่าลืม memory leak (ต้อง)free เมื่อเลิกใช้ด้วย

510 Nameless Fanboi Posted ID:WxLZDB3fQ

>>509 stl นี่ใช่ไลบารี่ป่ะ? ว่าแต่ถ้าเขียนflowchart มันจะหน้าตาเป็นไงมั่ง

511 Nameless Fanboi Posted ID:1FH./Il9N

https://pantip.com/topic/36513797 หึๆ

512 Nameless Fanboi Posted ID:W9cmuJvTg

>>511 คนเก่งจริงๆเขาไม่ร้องกันหรอก เรื่องของหลังบ้านจะทำอะไรยังไงก็ช่าง ลูกค้าขอแค่มันทำงานได้ เขาไม่สนหรอกว่ามันจะเขียนยากห่าจิกง่ายเหี้ยๆหรืออะไรก็ตาม ที่ออกมาร้องนี้เหมือนไม่มีลูกค้า ก็ Server พวก nodejs แพงเหี้ยๆ จะอะไรอีกละ...

513 Nameless Fanboi Posted ID:3wtO11ETX

คนเก่งจริงๆเขาไม่ร้องกันหรอก เรื่องของหลังบ้านจะทำอะไรยังไงก็ช่าง ลูกค้าขอแค่มันทำงานได้ เขาไม่สนหรอกว่ามันจะเขียนยากห่าจิกง่ายเหี้ยๆหรืออะไรก็ตาม ที่ออกมาร้องนี้เหมือนไม่มีลูกค้า ก็ Server พวก nodejs แพงเหี้ยๆ จะอะไรอีกละ...

Latest posts
All posts

514 Nameless Fanboi Posted ID:vkHuJJN.K

มองในทางกลับกัน ถ้าหลังบ้านมันแทนได้ด้วย WordPress ก็แปลว่ามันไม่ได้ต้องการสกิลเก่งอะไรมากมาย

515 Nameless Fanboi Posted ID:PXoIr.zco

ใช้ wordpress ไม่ได้หมายความว่ากาก ระบบหลังบ้านถ้าไม่มีตัวสำเร็จรูปก็ต้องเขียนเพิ่มเข้าไปอยู่ดี
แถมกรณีถ้าจะเอาระบบเขียนเองมาต่อกับ ตัวสำเร็จรูป ต้องเขียน query เก่งระดับหนึ่งด้วย ไม่งั้นอืด time out แน่ๆ

516 Nameless Fanboi Posted ID:Cx4c.6.rN

บริษัทพรรค์นี้มันก็มีด้วยเหรอวะ ออกจากงานไปก็ไม่ให้ได้ดีเลย แถมบังคับกดดันให้ล่มจมอีก ซวยชิบหายเกิดมาทำงานบริษัทนี่
https://www.blognone.com/node/93225

517 Nameless Fanboi Posted ID:KLiBsLaKX

>>516 เมื่อก่อนมันไม่มีนโยบายเฮงซวยขนาดนี้ แต่พอรายได้มากขึ้นละยิ่งเหลิง ดูจากนโยบายก็รู้เลยว่าเลี้ยงคนไม่เป็น กลัวโดนลอบกัดหรือไปเข้ากับบริษัทเจ้าอื่นแล้วมาหักหลังตัวเอง ง่ายๆคือทำตัวเหมือนโจโฉในสามก๊กเลย. ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นแม้แต่คนในองค์การ ถ้าหมดศรัทธากับตัวเองก็ห้ามไปเข้าร่วมกับคนอื่น ร้ายกาจสุดๆ. เมื่อก่อนกูชอบเล่นYu-Gi-Oh เพราะไอนี่นะ แต่พอหลังปี55-56ไปนี่กูไม่เอาอีกเลยเพราะแม่งหาแดกกับลูกค้าแล้วกดดันกับพนักงานภายในแบบเหี้ยเกิน

518 Nameless Fanboi Posted ID:UlAJFrvF.

ไม่แปลกนะ บริษัทยุ่นที่เกาะมันใส่ชื่อบริษัทจัดหางานแทนอยู่แล้ว ไม่ได้ใส่ว่าทำงานที่ไหนมาก่อน
ต่อให้บริษัทฝรั่ง ที่ดังๆ หน่อยพวก G,A,M มันก็ไม่ให้ใส่เหมือนกัน ใส่ได้แต่ชื่อบริษัท agency แทน

519 Nameless Fanboi Posted ID:fs4u2kyCr

เพื่อนโม่งปรึกษาหน่อย คณะการท่องเที่ยวมีเรียนเขียนโปรเเกมมั้ยวะ เรื่องคือพี่สาวเราฝึกงานเกี่ยวกับITเจอนักศึกษาฝึกงานอีกคนเรียนการท่องเที่ยว(ฝึกคนละตำเเหน่งกับพี่เรานะเเต่โต๊ะใกล้ๆกัน)มันชอบโม้เเล้วเกทับพี่สาวเราว่ามันเก่งITมาก คณะมันสอนเขียนโปรเเกมด้วยมามันได้A ตลอด พอพี่สาวเราได้งานเขียนโปรเเกมมา(JAVA) มันถามพี่เราว่าJAVAคืออะไร เเล้วมันชอบมายุ่งกับงานพี่เราจนงานไม่เสร็จทั้งๆที่งานไม่เกี่ยวกับมัน อยากรู้จริงๆว่ะเพื่อนโม่งว่าคณะมันมีสอนจริงๆหรอหรือเป็นวิชาเลือก

520 Nameless Fanboi Posted ID:Bo9GQpZ9M

>>519 น้องสาวกูบอกว่ามีแต่โปรแกรมทัวร์ ที่ใช้แค่เวิร์ดกับpsมาช่วยแค่นั้น พวกเกี่ยวกับไอทีjavaพวกนี้ไม่มีว่ะ เค้าคงคิดว่าเขียนแค่นั้นแล้วเก่งITรึเปล่าวะ

521 Nameless Fanboi Posted ID:Xf9bg2PLt

>>519 กูว่ามันอ่อนประสบการณ์มากๆในเรื่องIT ถ้ามันคิดว่าเก่งจริงๆลองให้พี่มึงแกล้งโยนโจทย์อัลกอโหดๆหรือโจทย์แข่งเขียนโปรแกรมACM-ICPCซักตัวให้แม่งไปนั่งแก้ดิ แล้วถ้าทำได้ตอนพักงานอยู่ โม่งแบบกูยังเชื่อคำพูดมันอ่ะ คณะการท่องเที่ยวนี่มันแนวๆฝึกงานพวกโรงแรมการจัดการธุรกิจทัวร์ไรงี้ไม่ใช่เหรอวะ? เขียนโปรแกรมนี่คนละโยชน์กับสาขาคณะนี้เลยนะ

522 Nameless Fanboi Posted ID:BOk1vqcKI

>>519

523 Nameless Fanboi Posted ID:BOk1vqcKI

>>519 เมื่อกี้พิมไม่ติด มันเข้าใจคำว่าITมีเเค่พวกเวิร์ดเปล่าจากประสบการณ์ที่เคยฝึกงานITที่โรงเเรมกูเจอทั้งการท่องเที่ยว การโรงเเรมมันเข้าใจITเเค่ว่าทำคอมไม่รู้ว่ามีเขียนโปรเเกม กูว่าโปรเเกมที่มันเข้าใจของพี่มึงคือโปรเเกมทำทัวร์มากกว่า มันถามว่าJavaคืออะไรกูว่ามันไม่ได้เก่งITเเล้วล่ะ บอกพี่มึงเฉยๆกับมันไปถ้ามันมายุ่งกับงานก็บอกพี่เลี้ยงเดี๋ยวเค้าก็จัดการกันเอง

524 Nameless Fanboi Posted ID:qHcVEfsIN

>>519 กูเห็นด้วยกับ>>523 มันคงไม่รู้ว่ามีอะไรมากกว่าทำคอมน่ะเเหละ เเต่ก็นะคนเก่งจริงๆเค้าจะไม่บอกว่าตัวเองเก่งว่ะถ้ากูเป็นมันกูคงเด๋อน่าดูบอกเก่งเเล้วถามjavaคืออะไร

525 Nameless Fanboi Posted ID:XzHnVM0g7

http://www.mict.go.th/assets/portals/1/files/591129_ประกาศรับสมัครจ้างเอกชนดำเนินงาน2560.pdf

โม่ง กูไปเห็นตำแหน่งงานในกระทรวงนี้มาหว่ะ(กระทรวงนี้ตั้งแต่เปลี่ยนใหม่มาแม่งoutsourceกับสัญญาจ้างชั่วคราวรัวๆ ไม่ค่อยรับราชการด้วยนะ) ตำแหน่งสนับสนุนวิชาการคอมฯนี่มันทำงานแนวๆไหนวะ? แล้วเงินเดือนคุ้มกันกับไอตำแหน่งเหี้ยนี่มั้ยวะ?

526 Nameless Fanboi Posted ID:mm0nEnjTi

โม่งคนไหนจบวิทย์คอมม.ดังบ้างอะ อยากรู้ว่าคนไม่เก่งในคณะ จบออกมาชีวิตเป็นไง ขอแบบจริงๆไม่อวยนะ จะเอาไปตัดสินใจเลือกคณะ

527 Nameless Fanboi Posted ID:l8OoNUWhZ

>>526 ของกูเป็นอินเตอร์ซึ่งหลายคนมีกิจการทางบ้านอยู่แล้ว (รวยนั่นแหละ) จบออกมาก็ทำงานที่บ้านต่อ
บางคนไม่เก่งคอมแต่ภาษาได้ก็ไปเป็นแอร์ / สจ๊วต กัน
บางคนเขียนโปรแกรมไม่เก่งก็ทำงานสาย IT พอไหวก็ไปทำงานสาย IT อื่นๆเช่น IT Support, Tester

อาชีพหลักของคนที่จบออกมาแบบพอทำงานได้ไปจนถึงเก่งก็เป็นโปรแกรมเมอร์กัน ซึ่งเงินเดือนของคนไม่เก่งก็อาจจะน้อยหรือหางานยากกว่า
ซึ่งเวลาผ่านไปมันจะค่อยๆทะยอยย้ายอาชีพหนีกันไปเรื่อยๆ

528 Nameless Fanboi Posted ID:yjU.hY8cX

งานส่วนใหญ่ก็เบ๊ ไอทีกะโปรแกรมเมอร์ ถ้าเมิงไม่ชอบ ก็ออกไป

529 Nameless Fanboi Posted ID:/QmnsK8pP

>>526 วิศวะคอมนะน่าจะคล้ายๆกัน
กุเห็น
- ทำงานที่บ้านต่อ (เยอะมากอยู่)
- เล่นหุ้น
- ขายของออนไลน์
- ไปสาย management ไม่จับ code เลย (พวกนี้ส่วนใหญ่เป็นแก้งเกรดค่อนข้างดี 3.0+ แต่เขียนโปรแกรมไม่เป็น)
ยังมีพวกที่ไปเรียนโทสาขาอื่นแล้วทำอย่างอื่นเลยกุไม่พูดถึงละกัน

530 Nameless Fanboi Posted ID:y5QF.j.lB

ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ ทำงานบนlanเดียวกัน ทำไมDLของlinuxถึงแรงกว่าwindows มันไปเจอcapตรงไหน

531 Nameless Fanboi Posted ID:.As64nX8C

โม่งกูถามหน่อย สายวิทย์คอมในมหาลัยปิดนี่เรียนพวกวิชา
ทฤษฎีคำนวณ
คณิตศาสตร์ประยุกต์
numerical method
artifical inttelligence

คือเรื่องปกติป่ะวะ?

532 Nameless Fanboi Posted ID:N6oDQE.yn

notebook ที่มาพร้อม endless os สามารถลง window ได้ไหมครับ

533 Nameless Fanboi Posted ID:1t3zac/eT

>>532 ได้

534 Nameless Fanboi Posted ID:vyl91+an8

พวกมึงมีใครเขียน ios ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ใช่ไอฟงบ้างป่ะ

535 Nameless Fanboi Posted ID:7yzG1wM6r

>>531 ไม่รู้นะ แต่ที่ม.เรามีบังคับเรียนวิชา Theory of Computation อ่ะ

ส่วนสายอื่นมีเรียนแหละถ้าจำไม่ผิด แต่ที่สำคัญคือห้องปฏิบัติการวิจัยก็มีค่อนข้างครบ (มี High performance computing, Massive data engineering สองห้องปฏิบัติการ, Theory research lab) ดังนั้นส่วนตัวจะตอบว่าไม่แปลก

536 Nameless Fanboi Posted ID:7yzG1wM6r

>>532 ได้ (น่าจะไปอยู่ถามตอบปัญหา tech มากกว่าโปรแกรมเมอร์ที่รักนะ)

537 Nameless Fanboi Posted ID:aYP3floJj

>>536 อ้าว โปรแกรมมเอร์ไม่ได้มีหน้าที่ตอบปัญหาเทคโนโลยีทุกเรื่องหรอ
Kappa

538 Nameless Fanboi Posted ID:MOhPtGV+7

>>535 มหาลัยอะไรวะ? อุปกรณ์ครบครันเว่อร์

539 Nameless Fanboi Posted ID:4ul/E1yPT

หวัดดีโม่ง เราเพิ่งเคสมาสิงห้องนี้ครั้งแรก ยังอ่านไม่หมดหรอก แต่อยากรู้ว่า โม่งที่ทำงานทางด้านนี้บับ คิดไงกะ นศ คณะเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จบจากมหาลัยที่อยู่ใกล้ กทม แต่อยู่นครปฐมที่ขึ้นชื่อเรื่องของทางวิทยาศาสตร์ ความเห็นที่เราอยากรู้คือแบบสำรับการรับเข้าทำงานถือว่าเครดิตดีไหมไรงี้

540 Nameless Fanboi Posted ID:M7bW2icI3

>>539 ที่นี่เหมือนมีคอมหลายคณะอยู่ มึงหมายถึงคณะไหนอ่ะ

541 Nameless Fanboi Posted ID:EfDYYo5RI

>>540 นานาชาติที่อยู่ระหว่างตึกอฝะิการกับห้องสมุดกลาง ไม่ใช่ไรนะ เพิ่งเข้า นี่อยากรู้อนาคตตัวเอง XD

542 Nameless Fanboi Posted ID:Woybyj+aP

>>541 เท่าที่เคยได้ยินมาจาก 2-3 แหล่ง เครดิตในสายตาบริษัทต่างๆถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี
แต่มี HR บ่นๆเรื่องเด็กจบใหม่อยู่ไม่ค่อยนาน เบื่องานเร็วอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่มีผลลบมาก
ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วด้วยแหละ ไม่ใช่แค่เด็กจบจากที่นี่ทำกันเยอะอยู่ที่เดียว

543 Nameless Fanboi Posted ID:4sX0Y9.t3

>>535 สีเขียวย่านบางเขน // แล็บมีครบ แต่อุปกรณ์ไม่รู้ว่าเป็นไงบ้าง แต่ก็เชื่อใจในภาควิชาอันดับต้นๆ ของคณะวิศวะตัวเองนะ

>>539 คณะ ICT จากมหาวิทยาลัยสีน้ำเงินสินะ

จากคนที่สอบติด (ได้ทุน แต่ไม่เอา) ส่วนตัวเท่าที่ดูแล้วติดอยู่นิดหน่อยจริงๆ ตรงที่เหมือนที่นี่จะเป็นคณะอันดับสี่ดันเหนียวของคนเรียนไม่เก่งอ่ะ

แต่เท่าที่ดูคนที่จบออกมาก็โอเคเลยนะ ส่วนเรื่อง reputation เราเชื่อว่ามหาลัยสายแพทย์และวิทยาศาสตร์แห่งนี้พยายามขยาย field ตัวเองออกมาสู่วิศวกรรมและเทคโนโลยีอ่ะ อาจจะยังไม่ดีเทียบชั้นสีชมพู (อันนี้ไม่แน่ใจนะ) แต่ก็โอเคอยู่แหละ

544 Nameless Fanboi Posted ID:4sX0Y9.t3

>>539 ป.ล. เผื่อชอบฟังเพลงแนวคลาสสิก อาคารหอประชุมมีคอนเสิร์ตออร์เคสตร้าบ่อยมาก นักศึกษาฟังฟรีด้วย

545 Nameless Fanboi Posted ID:UCWVRGkqH

>>544 จัดที่สิทธาคารสินะ จากใจคนที่อยู่แถวๆพุทธมณฑลสายสี่และไปมหาลัยนั้นบ่อย ออเคสมาเล่นฟรีๆแล้วแต่ปีการศึกษาอ่ะนะ แล้วพวกปี1นี่ไม่มีโอกาสได้มาดูหรอก ส่วนมากโดนรุ่นพี่กดดันให้เข้าซ้อมประชุมเชียร์กันหมด ยกเว้นไอคณะไอทีหลักสูตรอินเตอร์สำเนียงไทยอ่ะที่ปล่อยเด็กปี1ให้สนุกกับชีวิตมหาลัยเต็มที่

546 Nameless Fanboi Posted ID:sQU5K7Hcj

>>542 ขอบคุณครัช >>543 หือออ เขาว่าเข้าง่านแต่ก็ออกง่ายเหมือนกันนะ 555 แต่รอบแอดจริงมีไม่เยอะ นี่รอบแอด+ยื่นคะแนน 30-40 คนเอง ส่วนมากคือรอบหนึ่งรอบสองอ่ะ เป็นร้อย >>545 คณะเราป่าวเนี่ย 555 คือไม่ได้เรียก IT และไม่ได้อยู่ใน IC ด้วย แต่สำเนียงไทยนี่......จากที่เรียนปรับมาคิดว่าใช่เลย 5555

547 Nameless Fanboi Posted ID:4sX0Y9.t3

>>545 ไม่ได้แล้วแต่ปีนะ ปกติ Thailand Philharmonic Orchestra นี่มีโปรแกรมเรื่อยๆ และนักศึกษามหิดลดูฟรีตลอด (ส่วนนิสิตมหาลัยสีเขียวแบบข้าพเจ้าก็ถ่อไปสิทธาคารกันไป ค่าบัตรราคานิสิตถูกกว่าค่ารถอีก ตอน BBC SO มาก็ต้องยอมโดดเรียนไปคอนเสิร์ต 55555555)

ไม่รู้แฮะเรื่องประชุมเชียร์ ไม่ขอออกควาวมคิดเห็น แต่เพื่อนที่อยู่ศิริราชบอกว่าไปฟังเรื่อยๆ ส่วนนึงอาจจะเพราะศิริราชรับน้องตอนเข้าปีสองด้วยมั้ง

548 Nameless Fanboi Posted ID:4sX0Y9.t3

>>546 ใช่ ตอนสัมภาษณ์ถาม retirement rate บอกว่าสูงพอตัวอยู่เหมือนกัน เพราะเด็กอาจจะรู้ว่าไม่ได้ชอบจริงๆ หรืออะไรประมาณนั้นอ่ะ // แต่เหมือนที่บอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่อง reputation หลังเรียนจบอ่ะ ค่อนข้างมั่นใจว่าดีนะ -w-)

549 Nameless Fanboi Posted ID:v4+dSbrAL

>>546 ไม่ได้เรียกIT แต่เรียกว่าICT ไงมึง แต่วุฒิของคณะICT ม.สีน้ำเงินนี่จบมาไม่ได้สาขาวิทย์คอมนะ ได้เป็นสาขาit กูเลยเรียกไปงั้นแต่จริงๆละปีสามมีเลือกสายวิชาวิทยาการคอมด้วย

ปล.กูเคยเรียนแล้วต้องออกมาเพราะขาดเงินส่งเรียน

550 Nameless Fanboi Posted ID:k7kNgAU+4

>>545 เรียกว่าหลักสูตรอินเตอร์สำเนียงไทยก็ไม่ถูกนะมึง เพราะอาจารย์บางคนแม่งสำเนียงเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ ฟังไม่รู้เรื่องทั้งคนไทยและฝรั่ง 555

>>546 >>548 ที่คนเข้ามาแล้วซิ่วเยอะมันมีหลายสาเหตุมากเลย
- หลักๆเลยคือข้อสอบสอบตรงง่ายและไม่เอาคะแนนสูงมาก คะแนนแอดมิชชั่นก็ต่ำเพราะเป็นอินเตอร์ แต่การเรียนมันโหดประมาณนึง เด็กที่เข้ามาหลายคนก็เรียนไม่ไหว
- บางคนที่เก่งๆหน่อยเข้ามาเพราะไม่ติดคณะที่ตัวเองอยากเรียน ถ้าปีต่อมาสอบติดเค้าก็ไปที่อื่นที่อยากเรียนมากกว่า
- สาเหตุรองลงมาคือหลายคนไม่มีพื้นฐานเพราะมัธยมไม่ได้สอนพวกนี้เท่าไหร่ แล้วพอวิชาคอมตัวแรกๆเรียนตามไม่ทันก็เหมือนพื้นฐานพัง ไปต่อไม่ได้
- บางคนพอเรียนได้แต่ไปตายที่ภาษาอังกฤษ
- ฯลฯ

>>547 เรื่องประชุมเชียร์คณะนี้ก็มีแต่มันไม่เข้มมาก กูเข้าและเป็นตัวหลักจัดงานตอนปีต่อๆมาแบบงงๆด้วย
แต่ไม่ได้รู้สึกว่าไม่เข้าแล้วชีวิตจะขาดอะไรไปมากมาย ถ้าไม่ชอบกิจกรรมแนวนี้กูว่าไม่ต้องเข้าก็ได้

>>549 เปลี่ยนแล้วหรอวะ ตอนกูเรียนได้วุฒิวิทยาศาสตร์มา แต่ได้มาก็เท่านั้นแหละ ไม่คุ้มกับที่ตอนปี 1 ต้องเรียนพื้นวิชาสายวิทย์ตั้งหลายตัวหรอก

551 Nameless Fanboi Posted ID:.wwKbfZRr

>>549 ที่แย้งไม่ใช่ไร พอพูดถึง IT กับหลักสูตร อินเตอร์ล้ะเรานึกถึง IT ของ IC ที่เป็นอินเตอร์เลยจริงๆอ่ะ

552 Nameless Fanboi Posted ID:B+ax/gmhu

>>550 แปลว่าแก่แล้วป่ะ รุ่นเราเท่าที่ดูหลักสูตรเรียนแค่ Integrated Biology อ่ะ มีแค่รุ่นหน้าๆ ที่เจอครบฟิ เคม ไบโอ
แต่อันนี้ไม่แม่นนะ ไม่แน่ใจเลย มีเปลี่ยนหลังปีเราอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือเราดูผิดก็ไม่รู้

553 Nameless Fanboi Posted ID:4WBexALg5

>>552 ทันรุ่นที่เจอครบ ฟิ เคม ไบโอ แถมฟิมีแยก ฟิ1 ฟิ2 แล้วก็มีเลขอีก 4 หรือ 5 ตัวได้มั้ง สรุปแก่ใช่มะ 555
ว่าแต่ไบโอนี่วิชาบังคับหรอ คงมีไว้ปูพื้นให้เด็กรู้ว่า major HIT จะเจออะไรบ้างล่ะมั้ง

554 Nameless Fanboi Posted ID:jTdxdl0G3

>>550 วุฒิวิทยาศาสตร์อ่ะยังใช่อยู่นะ แต่ระบุสาขาวิชาของหลักสูตรคือเทคโนโลยีสารสนเทศ แล้วตัวหลักสูตรแม่งยัดๆมาก อย่างดิสครีตงี้อ่ะ บางมหาลัยเค้าไม่สอนยันproofหรือแบบbig O เพราะไปยัดเอาตอนเรียนพวกวิชาAI หรือวิชาTheory of computation ไรงี้ ไม่ก็ไปยัดเนื้อหาในวิชาdata structureก็ได้ นี่แม่งโชว์เหนือมากๆ ถ้าไม่ใช่เด็กหัวไวๆฟรือพื้นฐานด้านคำนวณประยุกต์แน่นๆนี่มีหลุดวงโคจรอ่ะ
>>552 >>553 สวัสดีงับรุ่นพี่ อิจฉามากครับเพราะว่าพวกพี่ค่าเทอมยังไม่ขึ้น7หมื่นชิมิ

555 Nameless Fanboi Posted ID:a2H8VtPIn

>>554
ตอนเรียนดิสครีตรู้สึกว่าชอบวิชานี้มาเลย เพราะปกติเป็นคนสนใจเรื่องคอมแต่ไม่ค่อยชอบวิชาเลข
พอเรียนวิชานี้แล้วได้มองเห็นการเอาทฤษฏีเลขมาประยุกต์ใช้ในการเขียนโปรแกรม รู้สึกเหมือนได้มองเห็นอะไรมากขึ้น
แต่ตอนเรียนไม่ไปลึกถึง BigO นะ อันนั้นไปเรียนในวิชา Data Structure & Algorithm เอา
ส่วน proof มีแค่พวกสมการที่ไม่ยากมากเลยเอาตัวรอดมาได้ ของพวกนี้บางทีก็แล้วแต่อารมณ์คนสอนจริงๆ

ส่วนค่าเทอมนี่ต้องบอกว่าโชคดีจริงๆที่เรียนจบเร็ว คือความรู้สึกตอนนั้นประมาณ 55k+ นี่ก็แพงมากๆแล้ว
ได้ยินว่ารุ่นหลังๆโดน 70k+ เข้าไปนี่เซ็งแทนเลย

556 Nameless Fanboi Posted ID:Ypy.irt63

>>555 มึงโชคดีมากละครับพี่ นี่ค่าเทอม7หมื่นแม่งล่อเอาไปเปิดแอร์ปล่อยตั้งแต่เปิดตึกคณะยันปิดตึกสี่ทุ่มนู่นแหน่ะ ไหนจะบันไดเลื่อนที่เปิดไปก็งั้นๆขึ้นบันไดธรรมดาเอายังสบายใจกว่า แล้วหนักสุดเลยคือ จ้างครูผู้สอนดังๆมาแต่แม่งหาที่สอนรู้เรื่องๆได้ไม่กี่คน ไอที่เร่งๆสอนก็ทำไปดิ นศ. ในเซคนั้นๆแม่งได้แต่ งงเด้งงเด้ วนไป แล้วเรื่องเงินนี่ใช้ระบบที่หัวโบราณมาก ค่าเทอมเยอะขนาดนี้บางเจ้าเค้าให้ชำระด้วยบัตรเครดิตได้แล้ว แต่ที่นี่กลับให้สั่งจ่ายเป็นเชคจ้าา แถมเรื่องมากไม่รับจ่ายสดด้วยนะคิดดูเอา เหลือเชื่อมาก

557 Nameless Fanboi Posted ID:V2Dsle59C

>>556 ตอนรุ่นกูบันไดเลื่อนเปิดมั่งไม่เปิดมั่ง แล้วบางวันก็มีเปิดน้ำตกกับน้ำพุ
เด็กก็จะด่าว่าเอาเงินค่าเทอมมหาโหดมาใช้ของประดับ แต่ไม่เอามาเปิดมันไดเลื่อนให้เด็กใช้ประโยชน์ 555

ส่วนอาจารย์ที่สอนไม่รู้เรื่องนี่เยอะจริง บางทีก็การเมืองภายใน หรือพวกอาจารย์นอกก็เป็นการสร้างคอนเนคชั่นกับคนนอกคณะอ่ะ
อาจารย์นอกคนนึงเวลาสอนนี่แค่พูดภาษาอังกฤษเวลาสอนเป็นประโยคยังพูดไม่ได้เลย
อาจารย์บางคนก็พยายามพูดสำเนียงเลียนแบบฝรั่งแบบโชว์พาว แต่ออกมาเป็นอะไรก็ไม่รู้ทั้งเด็กไทยและฝรั่งฟังไม่รู้เรื่อง

ส่วนเรื่องมีอะไรดูโบราณประหลาดหลายอย่างนี่เยอะจริง เรื่องค่าเทอมของกูใช้หักเงินจากบัญชีเอา
ที่กูเจอมีทั้งต้องลงทะเบียนด้วยการมาคณะให้อาจารย์ประจำบ้านเซ็น
เอาใบไปยื่นแล้วค่อยไปลงทะเบียนในเว็บโบราณๆที่ต้องใช้ IE เปิดอีกที
ต้องเอางานขนาดไม่ถึง 1MB ใส่ CD ส่งทั้งที่เว็บ elearning มันให้ upload งานได้
คือเยอะอ่ะ แต่ตอนนี้นึกออกแค่นี้

558 Nameless Fanboi Posted ID:/rPYRunqA

จะกลายเป็นมู้นินทาคณะไหมให้เดา 55555555

559 Nameless Fanboi Posted ID:jlDz4qOJT

>>558 มันเป็นไปแล้วมึง 555

560 Nameless Fanboi Posted ID:jCC0XlTrW

ตอนนี้มีใครจำพวก algorithm / heap stack / pathfinding / automaton ได้มั่งปะ
กูลืมไปหลายปีแล้ว จะโดนหาว่าโง่มั้ยเนี่ย ได้ใช้จริงแค่ recursion ไอ้พวก big-o อะไรนี่ก็ไม่ได้ใช้เลย จำแค่กูจะไม่ใช้ for nested for แค่นี้เอง
เลขกูก็ลืมเกลี้ยงแล้ว แคลคูลัสงี้ง่อยหมด แต่เร็วๆนี้เจ้านายเริ่มสั่งให้หัด ML ทำกูอึนหมด

561 Nameless Fanboi Posted ID:3IzGn11Ik

>>558 เมาส์มันจิงๆ 555

562 Nameless Fanboi Posted ID:7dbT7QaM8

>>560 ML นี่Matlabป่ะ?

563 Nameless Fanboi Posted ID:Zuy1a.VY1

>>562 machine learning สิ

564 Nameless Fanboi Posted ID:8MUbMyZpI

ใครรู้วิธีใช้ Batch file ดาวน์โหลด รูปภาพในเว็บบ้างครับ
ผมมือใหม่สุดๆเลยครับ

565 Nameless Fanboi Posted ID:ZjenO5Xh0

>>564 โหลดรูปอะไรล่ะครับ

ถ้าแบบรูปจากในเว็บหนึ่งหน้า เป็นเราเราจะหาทางดูด source code เว็บเพจ เอา regular expression มา match แล้วสั่ง wget

ทั้งหมดทำได้ง่ายขึ้นอีกถ้ามีไพธอน

566 Nameless Fanboi Posted ID:hRHBkkb1w

>>565 ผมจะให้ มันอ่านซอสโค้ด และให้ดาวโหลดรูปทุกรูปที่มีอยู่ใน <div> นั้นตามที่เรากำหนด อะครับ พอเป็นไปได้ไหม

567 Nameless Fanboi Posted ID:UG0bJiq0k

>>566 ได้ครับ เขียน Python ทำได้แน่นอน

library พวกดูด source code จากเว็บเพจนี่มีแน่นอน ผมเคยเขียน web crawler อยู่ ส่วนเรื่องโหลดรูปก็เอา regex มาจับเหมือนที่บอกอ่ะครับ อาจจะเป็นประมาณ /<img.*src=["'](.*)['"].*> แล้วค่อยๆ หาทางวนตลอดหน้าเพื่อจับเรื่อยๆ ครับ

568 Nameless Fanboi Posted ID:KgIGjVWJA

>>564 ใช้ Powershell ดีกว่ามะ ง่ายสัสๆ

569 Nameless Fanboi Posted ID:KgIGjVWJA

>>566 ใช้ powrshell get content มาแล้วก้ filter เอาแต่ไฟล์ รูป
ใช้ก็ประมาณ
>> componentที่มึงจะดูด | $_.คุณสมบัติย่อย -contains .เจ๊เป็ก อะไรก็ว่าไป
แล้วก็สั่งโหลดด้วย
New-Object System.Net.WebClient (ที่ที่มึงจะโหลด,ที่เก็บ)

570 Nameless Fanboi Posted ID:SizKWd5cX

>>569 นี่ 565,567 นะ
PowerShell นี่คนสายวินโดวส์ใช้ด้วยเหรอ 55555555 เพิ่งย้ายกลับมาวินโดวส์จากที่ใช้แมค ไม่เคยแตะมันเลย คนรอบข้างก็ไม่ใช้

571 Nameless Fanboi Posted ID:2tEpK/7Bs

>>570 ใช้สิวะ มันก็ฝังมากับwindowsนั่นแหละไม่ต้องลงส้นตีนอะไรเพิ่ม พวกสายเขียนโปรแกรมจ๋าอาจไม่ได้ใช้ แต่สาย script นี่จำเป็นเลย เพราะต้องให้มันรันที่เครื่อง clientด้วย

572 Nameless Fanboi Posted ID:2tEpK/7Bs

แต่ก็งงนะ ว่าไม่รู้เหรอว่า PowerShell มันเป็นของ MicroSoft

573 Nameless Fanboi Posted ID:x3wx9Cy3l

>>570 ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อเลย เหอๆๆ

574 Nameless Fanboi Posted ID:P1nWu8q/f

>>572 หมายถึงไม่ค่อยเห็นคนใช้จริงกัน มีอยู่ในเครื่องกันแต่ไม่ใช้ เพราะนี่ไม่เคยเปิด PowerShell เลย แต่ตอนใช้ bash เขียนเป็นว่าเล่น

575 Nameless Fanboi Posted ID:MvJHfMHkY

>>574 bash มันของlinux นิ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับ powershell เลย แค่ชื่อคล้ายกัน

ที่นี่ใช้หลักๆก็เพราะมันลดงานได้เยอะ อย่าง จะ เขียน soap ถ้าใช้ VB นี่ล่อไป20กว่าแถว XML syntax ยุ่บยั่บ powershell เหรอ สองบรรทัดจบ

576 Nameless Fanboi Posted ID:MvJHfMHkY

>>575 อีกอย่าง powershell ไม่เคยมีปัญหาตีกับ Antivirus

577 Nameless Fanboi Posted ID:aQLORWUDz

>>576 โอเค ยอมรับว่าค่อนข้างเปิดโลกพอสมควร นึกว่าปกติมันไม่ค่อยมีคนใช้ (อาจจะเพราะเราอยู่ใน ecosystem สายลินุกซ์พอสมควร)

ไว้เดี๋ยวลองลูบๆ คลำๆ ดู ขอบใจมากจ้า -w-

578 Nameless Fanboi Posted ID:Wrciqsm3p

ได้ทำงานกับโปรแกรมเมอร์ญี่ปุ่นมา 3 คนใน 3 โอกาส
คนนึงระดับ senior ประสบการณ์เกือบ 20 ปี
คนนึงระดับกลางๆ ประสบการณ์ 5 ปี
อีกคนนึงเป็น junior ประสบการณ์ปีเดียว

แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ด้วยความที่คนญี่ปุ่นส่วนมากใช้ภาษาอังกฤษกันได้ไม่คล่อง
เลยทำให้การรับเทคนิคหรือ best practice ใหม่ๆ จากภายนอกทำได้อย่างเชื่องช้า
และบางทีอย่างผิดๆ (เช่นเวลาที่ไปอ่านบทความที่แปลมาอีกที) หรือเปล่า

ตัวอย่าง
คนที่เป็นระดับ senior เรียก model ใน view บ้าง ทำ inheritance แบบแปลกๆ บ้าง
คนที่เป็นระดับกลางๆ เขียน if ซ้อนกัน 6 ชั้น... แล้วก็ logic พลาดเยอะมาก
คนที่เป็นระดับ junior คิดว่าย้ายโค้ดจากที่นึงไปใส่ฟังค์ชั่นแล้วจะใช้งานได้ (ทั้งไม่รู้เรื่อง return ทั้งไม่รู้เรื่อง variable scope)
(เช่นพยายามเขียน function a(input) { b(); do_something_else(); } และ function b() { if !input { return; } })

คนที่เก่งจริงๆ ก็คงมี แต่เท่าที่เจอตอนนี้เจอ เจอแต่แบบนี้
สองคนล่างยังดีที่พอบอกไปว่าแบบนี้ไม่ได้นะ ก็แก้ให้ แต่จำไหมนี่อีกเรื่อง
แต่ senior ค่อนข้างจะหัวแข็ง ประสบการณ์ฉันมากกว่า ฉันรู้ดีกว่า ไม่ค่อยแก้ตาม

579 Nameless Fanboi Posted ID:jW3.ChP6D

>>578 มึงเล่ารายละเอียดเพิ่มเป็นวิทยาทานหน่อยได้มั้ย แต่กูเคยทำงานแต่บริษัทฝรั่งที่วัฒนธรรมไม่ฝรั่งจ๋ามากออกปนไทยมา
อยากรู้ว่าคนทำงานวงการ IT ฝั่งญี่ปุ่นนี่เค้าเป็นยังไงกันบ้าง

580 Nameless Fanboi Posted ID:CFl4AXXIU

>>579 กูไม่รู้จะอธิบายยังไงดี มีอะไรจะถามเป็นพิเศษไหมละ เพราะก่อนหน้านี้กูก็ทำงานแต่กับฝรั่งที่หัวทันสมัยพอสมควร
ลองเอาแค่ที่นึกออก และอยากบ่น

บริษัทญี่ปุ่นที่รับงานอยู่ ทำงานแบบ waterfall และทำตาม manual เต็มที่ (PMBOK เอย ISO 21500 อะไรเอย ว่ามา)
เริ่มจากการวางระบบก่อน แล้วให้ project manager วาด gantt chart กำหนดว่าฟังค์ชั่นไหนจะเสร็จเมื่อไหร่
แล้วก็ต้องทำตาม schedule ที่วางไว้ใน gantt chart ให้ได้เป๊ะๆ โปรเจคจะปล่อยได้ต่อเมื่อแผนที่วางไว้ตอนแรกเสร็จ
ถ้าหากไม่เสร็จตาม schedule ที่วางไว้ ถือว่าเป็นความผิดของคุณที่ทำให้โปรเจคล่าช้าและสร้างความเดือดร้อนให้ฝ่ายอื่น
กูเข้าใจนะว่าบริษัทญี่ปุ่นที่ไม่ได้เป็นแบบ waterfall มันก็มีนะ แต่ที่เจอมา 2 บริษัทเป็นแบบนั้นหมด (ที่นึงยันหัวชนฝาว่าตัวเอง agile)
การทำงานมันไม่มีความยืดหยุ่นเลย เช่นเวลาเจอปัญหาที่ควรจะแก้ในตอนนี้ก็แก้ไม่ได้ เพราะ schedule สำคัญกว่า

เวลาต้องคุยกับบริษัทอื่นหรือฝ่ายอื่นเป็นอะไรที่น่ารำคาญชิบหาย เพราะมันจะโยนกันไปโยนกันมา ถ้าไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบตัวเอง
หรือเช่นเห็นอะไรมีปัญหาและไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบของเรา จะไปบอกก็ไม่ได้ จะถือว่าเป็นการเสียมารยาทและข้ามหน้าข้ามตา
เช่นกูเห็น API ตัวนึงบอกว่าต้องใส่ API key ถึงจะดูได้ แต่จริงๆ ไม่ต้องใส่ก็ดูได้ พอไปรายงานก็จะโดนด่าว่า อย่ามายุ่งโดยพละการ
หรือจะแก้คำผิดในหน้าเว็บ (ที่แปลภาษาไทย) ก็ต้องส่งเมลล์ไปแจ้งให้ฝั่งนู้นรับรู้ก่อน ห้ามแก้โดยพละการ
(ถ้าเป็นบริษัทฝรั่งกูจะแก้แล้ว FYI ไปบอกหัวหน้าที่เป็นฝรั่ง)

กูทำงานกับบริษัทญี่ปุ่นแล้วกูก็เข้าใจว่าทำไมซอฟท์แวร์ของญี่ปุ่นที่เคยใช้มา หลายๆ อย่างถึงออกมาห่วยได้ขนาดนั้น
การทำให้ทุกอย่างเป็นระบบจนเกินไป บางทีก็ไม่ใช่เรื่องดี

581 Nameless Fanboi Posted ID:1AoLWsm/V

>>580 ขอบคุณมาก กูพอเห็นภาพละ เพื่อนกูที่ทำงานบริษัทฝรั่งแต่เป็นแบบบ้า process จ๋าออกหัวโบราณหน่อยมันก็บ่นอะไรแนวๆนี้ตลอดเลย

582 Nameless Fanboi Posted ID:o3tkc3Q8k

โปรแกรมเมอร์เขาถามงานเกี่ยวกับอะไรกันเหรอวะ

583 Nameless Fanboi Posted ID:o3tkc3Q8k

*ทำ พิมพ์ผิด

584 Nameless Fanboi Posted ID:q5FyMLAG0

>>582 ซ่อมปริ้นเตอร์จ้ะ

585 Nameless Fanboi Posted ID:JrQhaf2o/

>>582
คนคิด -->ลบไวรัส เซ็ตปรินเตอร์ ลงวินโด้ว ซ่อมคอม ประกอบคอม รีวิวมือถือ เขียนโปรแกรมสิบล้าน

เรื่องจริง --> Google เก่งกว่าควายขี้ถามหน่อยนึง

586 Nameless Fanboi Posted ID:qoTR5edfW

>>581 สิ่งที่กูไม่ชอบที่สุดในบริษัทญี่ปุ่นคือมันเป็นวัฒนธรรมที่หาแพะและลงโทษบุคคลว่ะ
งานเสร็จไม่ทันแทนที่จะทบทวน process ใหม่ว่ามันบกพร่องตรงไหน แต่กลับมาลงโทษคนที่ทำงานเลท

587 Nameless Fanboi Posted ID:J0Rmj4PxU

>>586 กูเห็นญี่ปุ่นบ้า process กัน นึกว่าจะเน้นเรื่องการปรับ process ซะอีก

588 Nameless Fanboi Posted ID:qoTR5edfW

>>587 มันเน้น process แต่โยนความผิดให้บุคคล ถ้าเกิดอะไรทำให้ไม่เป็นไปตาม process เจอจุดบกพร่องแล้วปรับ process นี่หายากมาก

589 Nameless Fanboi Posted ID:wxP84+rSo

>>588 ฟังดูแย่ว่ะ คือมันควรดูเป็นเคสๆนะว่าคนเหี้ยหรือ process ไม่เหมาะจริงๆ

590 Nameless Fanboi Posted ID:dqhamGiZt

รบกวนถาม หลังเรียนจบกูช่วยพ่อแม่ทำกิจการที่บ้าน 5 ปี ทีนี้กิจการมีปัญหา
จะไปสมัครงาน เงินเดือน มันจะตามเกณฑ์เด็กจบใหม่ (พวก 20k) รึปล่าว ?
คือกูต้องส่งเงินช่วยทางบ้านด้วย อยากเรียกสัก 28 -32k เขาจะให้ใหม

ตอนนี้จิตตกมาก คือวันๆกูคิดเงินอยู่หน้าร้าน อยู่ดีดีต้องไปเข้าบริษัท กลุ้มใจเรื่องปรับตัวมาก
ตัว code เขียนได้ มีพอร์ทเป็นชิ้น ๆ ความรู้มี แต่ปวดหัวเรื่องเงินเดือนนี่แหละ

591 Nameless Fanboi Posted ID:nOCj3/Yp1

เขียนเลยยยย

592 Nameless Fanboi Posted ID:yLkF5wQ10

>>590 ถ้ามั่นใจว่า 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ความสามารถไปไกลจากเด็กจบใหม่ไปแล้ว ส่วนใหญ่เรียกแค่นั้นก็ให้นะ แต่ถ้า 5 ปีที่เว้นไปไม่ได้เขียนอะไรจริงจัง ก็อาจจะยากหน่อย

593 Nameless Fanboi Posted ID:.rhXcZgTL

มี certification เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมตัวไหนน่าสอบบ้างครับ
พวกแบบ agile, scrum master นี้มี ประโยชน์ ไหม

594 Nameless Fanboi Posted ID:EUWwvX.UA

>>593 ไม่มีประโยชน์ อยากจะทำอะไรล่ะ

595 Nameless Fanboi Posted ID:/z04XKi1T

http://imgur.com/EHO6ROm
Feels Bad Man

596 Nameless Fanboi Posted ID:CRZckJRqR

>>595 บางเจ้าตำแหน่งเว็บdesigner ขอมีประสบการณ์ในangular 5ปีขึ้นไปยังมีเลยมึง ห้าปีที่แล้วกูยังจำได้เลยว่าพีคสุดๆก็แค่Jquery อังกุล่า nodejsนี่ไม่มีหรอก

597 Nameless Fanboi Posted ID:xjgvKHeg+

>>596 5 ปีที่แล้วออกเวอร์ชั่น 0.9 มี teaser site ของ Nexus รุ่นแรกๆ เป็น show case กูจำได้เพราะไปเล่นอยู่
แต่บริษัทไหนขอประสบการณ์เฟรมเวิร์ค กูจะไม่ทำงานด้วยเด็ดขาด เพราะแปลว่าบริษัทไม่รู้จักการต่อยอดเทคโนโลยี

598 Nameless Fanboi Posted ID:WlqD0ZiUe

โม่ง ปรึกษาไรหน่อย ทำเว็บfront-endด้วยnetbeans มีใครเคยใช้มั่งวะ? เพื่อนกูเห็นบอกทำๆอยู่โปรแกรมค้างบ่อยมากๆเพราะเห็นมันบอกว่าต้องเอาไปรันserverจำลองเพื่อพรีวิวหน้าเว็บด้วย. มันต้องถึงขนาดนั้นมั้ยวะ?

599 Nameless Fanboi Posted ID:d1Y6MlDq+

c# พี่ๆโปรแกรมเมอร์ครับ ถ้าผมจะนำภาพมาและสั่งให้ตรวจดูสีของภาพแต่ละพิกเซลว่ามีโค้ดสีอะไรบ้าง ผมต้องใช้คำสั่งอะไรในการตรวจสอบครับ
ขอ Keyword ไปแทนก็ได้เดะผมไปหาต่อเอาเอง ขอบคุณครับ.

600 Nameless Fanboi Posted ID:d1Y6MlDq+

>>599 แก้ไข ขอเปลี่ยนจาก c# เป็น php แทนครับ

601 Nameless Fanboi Posted ID:lSIhYE96B

ใช้ Composer อัพเกรด Laravel แม่ง Error ไม่รู้จักคำสั่ง laravel เป็นอะไรฟ่ะเนี้ย

รู้สึกยุ่งยากกับไอ้พวกนี้จริงๆ

602 Nameless Fanboi Posted ID:tjvvWz27y

websocket กับ ajax ใช้ต่างกันยังไง

603 Nameless Fanboi Posted ID:ZROEFeKz/

เวลาที่เขาสัมภาษณ์งานแล้วมีคำถามการเขียนโปรแกรมแนวๆ FizzBuzz นี่ โดยทั่วไปเขาให้ตอบแบบไหนเหรอครับ
ให้พูดอธิบายสดๆ หรือว่าให้เขียนเป็นโปรแกรมออกมาให้เขาดู?

604 Nameless Fanboi Posted ID:7+F3VkPQN

MVC ปกติพวกมึงกำหนดค่าที่ไหนว่ะ กุทำอยุ่กับคนในทีมก่อนๆ เค้าใช้ controller เรียกแล้วเซ็ตค่าผ่าน viewmodel หมดเลย พอคนใหม่มาทำเค้าบอกว่า ทำไมไม่เซ็ตค่าใน viewmodel หมด ทำไมไม่เซ็ตค่าใน controller ไปเลย ปกติ concept จริงๆ เค้าเซ็ตกันที่ไหน

605 Nameless Fanboi Posted ID:QiPoqkik4

พูดถึง MVC หรือ MVVM?

606 Nameless Fanboi Posted ID:wlCvlq7gj

มีโปรเจคนึงที่ตั้งแต่กูทำงานมาปีนึงแม่งไม่เคย build บนเครื่องกูได้เลย
ชอบเจอ error ประหลาดๆไม่ค่อยซ้ำแบบผลัดกันเด้ง เอา error ไป search แล้วก็ไม่เจอวิธีแก้ หรือเจอก็ใช้ไม่ได้
บางครั้งไม่ error แต่ deploy แล้วใช้ไม่ได้แบบหาสาเหตุไม่เจอ สุดท้ายก็เลยต้องฝากคนอื่นทำให้
อยู่ๆเมื่อวานไม่รู้คิดไงลบ workspace โปรเจคนี้ทิ้ง แล้วโหลดลงมาจาก repo ใหม่
โหลดลงมาปุ๊ปสั่งรัน script แม่ง build ได้ deploy แล้วใช้ได้เฉยโดยไม่ต้องทำอะไรเลย อะไรของแม่งวะเนี่ย...

607 Nameless Fanboi Posted ID:qaDAwl/T9

>> 606 สรุปเค้าเรียก MVVM เหรอว่ะ ที่มี viewmodel เนี่ย

608 Nameless Fanboi Posted ID:Oak55Es.P

>>606 ไสยศาสตร์ในวงการนี้มีอยู่จริงนะโม่งเอ๋ย

609 Nameless Fanboi Posted ID:LKHRLyCYA

อยากไปเริ่มต้นทำงานด้าน data scientist หรือ machine learning engineer จะปรึกษาใครได้บ้าง

610 Nameless Fanboi Posted ID:8SudJU77M

>>606 ตาม >>608 กูเคยเซ็ตอัพ Laravel ตามที่มันแนะนำมา บึ้ม

เคลียร์ทุกอย่างทิ้ง สั่ง composer new ย้ายแค่ model view controllers หลักๆ มาแล้ว config ใหม่ ทุกอย่างผ่าน ปิ๊ง

611 Nameless Fanboi Posted ID:8Sh34opp3

>>606 กุก็เคยเจอ แม่ง ร้องไห้

612 Nameless Fanboi Posted ID:cL8NCvXv2

>>600 ช้าไปป่ะว่ะ image processing ลองเอาไปหาดู ไม่ยากหรอก

613 Nameless Fanboi Posted ID:6hpON61rj

อธิบายไงดีวะเนี่ย

อยากเขียนโปรแกรมที่มันเราเลือกว่าอยากได้ object อะไรบ้าง แล้ว object นั้นๆ จะมีเงื่อนไขของมัน เช่น

- เลือก object C ต้องมี object A 2 อันขึ้นไป หรือถ้ามี object A 3 อันโอกาศสำเร็จมากกว่า 2 อัน หรือ เอา object A+B จะออกมาเป็น C แน่นอน

ไม่รู้จะคลำไปทางไหนดีแนะนำหน่อย

614 Nameless Fanboi Posted ID:Um7yWuaLD

เพื่อนโม่ง คือตอนนี้กูเป็นกราฟฟิก2d อยากทำเกมแนวๆมาริโอหน่อยอ่ะ แต่กุไม่มีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมเลย กูควรเริ่มเรียนจากอะไรดี แล้วควรโค้ดก่อนค่อยทำภาพใช่มะ แล้วพวกโปรแกรมที่จะโค้ดให้ระบบแอนดรอยนี่ต้องใช้โปรแกรมไรอ่ะ

615 Nameless Fanboi Posted ID:MvwSEFVly

>>614 ถ้าจะทำแนวมาริโอ้ Clickteam Fusion ตัวเดียวจบ ไม่จำเป็นต้อง code ให้วุ่นวาย

616 Nameless Fanboi Posted ID:Um7yWuaLD

>>615 เป็นมาริโอก็จริงแต่จะเพิ่มระบบแต่งตัว อับเวลไรงี้เข้าไปด้วย ยังไงๆก็อยากจะศึกษาเพื่อโค้ดเองอยู่ดี ตอนนี้เรียนแค่จาวาแต่ไม่รู้ว่า ถ้าจะโค้ดมันต้องใช้โปรแกรมไร

617 Nameless Fanboi Posted ID:5kuiUY1YR

>>616 กูยังรออยู่นะจ้ะ

618 Nameless Fanboi Posted ID:y8A7GBwRI

>>614 >>616 ถ้าจาว่าเชิญ libgdx https://libgdx.badlogicgames.com/

619 Nameless Fanboi Posted ID:y8A7GBwRI

>>614 >>616 ยังไงก็ดีรู้สึกว่าจาว่าไม่ใช่ภาษาที่ดีสำหรับมือใหม่สักเท่าไหร ลองไพธอนก่อนก็ได้ ไปหาพวก python arcade/pygame มาลองใช้ดูก่อน

620 Nameless Fanboi Posted ID:onQqoER6a

>>618 แต้งกิ้วๆ
>>619 อันนั้นคือชื่อโปรแกรมใช่มะ

621 Nameless Fanboi Posted ID:akiyk3xJT

>>620 อืม ไม่ใช่อ่ะ เขียนเป็นภาษาไพธอน (https://www.python.org/) แต่ใช้ไลบรารี่ (คลังโค้ด) arcade หรือไม่ก็ pygame เข้ามาช่วยทุ่นแรงบางอย่าง

622 Nameless Fanboi Posted ID:p.9Q73zWD

มีวิธีวัดความโหดของโปรแกรมเมอร์ไหมอะ
กูไม่รู้หวะว่าตัวเองเก่งเท่าเด็กจบใหม่ไหม ไม่ได้เรียนมหาลัยนะ แต่เห็นพี่ที่กูเคยฝึกงานเค้าบอกความรู้ส่วนใหญ่ได้มาตอนทำงาน จบมาใหม่ก็อึนๆกันทั้งนั้น นี้มันจริงหรอวะ เวลาไปสมัคงานจริงจะได้พูดได้เต็มปากว่ากูมีฝีมือ

623 Nameless Fanboi Posted ID:8R3nFfzzS

>>616 Fusion มันก็ทำระบบ แต่งตัว ได้นี่นา ลากแปะจบ

624 Nameless Fanboi Posted ID:kz4ZVFkXR

มีใครใช้ git ร่วมกับคนอื่นบ้าง แบบว่า คนนึ่งทำอย่าง อีกคนทำอีกอย่าง แล้วพอ Commit มันจะเกิดอะไรขึ้น ประมาณรวมสายอะ มันจะเป็นยังไง

625 Nameless Fanboi Posted ID:qiaWf2dZk

>>609 ไม่รู้มึงจะยังเข้ามาอ่านอยู่ไหม มึงลองหาเปเปอร์หรือหนังสือมาอ่านก่อนนะ ไม่ต้องเอาพวกแบบเหนือชั้นแล้วมาอ่าน มึงหาแบบเบสิกเลย ให้มึงเข้าใจคอนเซปต์ จากนั้นมึงลองหาเดตามาเล่นเอง เดี๋ยวนี้มีไลบรารีให้ใช้มากมาย R, python หรือถ้ามึงอยากเขียนโปรแกรมประมวลเดตาเองก็ได้

กูไม่รู้ว่ามึงอยู่ขั้นไหน เรียนอยู่ /ทำงานแล้ว ถ้าเรียนอยู่มึงเข้าคลาสกับอาจารย์ก็ได้นะ จารย์ก็จะสอนพื้นฐานให้มึงไปต่อยอดได้ มึงหาตัวอย่างระบบที่เป็น AI / machine learning มาดูว่าเขาเอาความรู้ไปสร้างอะไรกัน จะเข้าใจง่ายขึ้น

626 Nameless Fanboi Posted ID:qiaWf2dZk

>>622 ถ้ามึงไม่ได้เทพมาตั้งแต่สมัยเรียน เด็กจบใหม่มักจะเมาๆ ทำไรไม่เป็นอยู่แล้ว สมัยนี้จบคอมบางคนเขียนโปรแกรมห่าไรก็ไม่ได้ บางทีเข้ามาทำงานนานแล้วก็ยังเขียนโปรแกรมแบบเอาผ่าน รันผ่าน 10 เคสก็พอใจ แบบสมัยเป็นนักเรียน

เวลาไปสมัครงาน ถ้าบ.ไม่มีข้อสอบให้มึงทำ มึงเอาผลงานมึงไปโชว์ ถ้ามึงแน่ใจว่ามึงเก๋า มึงเปิดโค้ดเลย มึงโชว์ว่ามึงเคยเขียนอะไร เปิดโค้ดที่ใช้เทสต์ มึงทำ version control ยังไง เก็บโค้ดที่ไหน โปรแกรมใหญ่สุดที่เคยทำเป็นไง ทำกี่คน มึงออกแบบเองมั้ย ใช้เวลาเท่าไหร่ พยายามบอกเขาว่ามึงทำเป็นจริงๆ และมีหลักฐาน อย่าโม้ก็พอ เพราะถ้ามึงโม้เกินตัว ยังไงเขาก็จับได้

627 Nameless Fanboi Posted ID:vEdTfFV6w

มีใครรู้สึกเหมือนกูมั้ยวะ รับงานทำพวกโปรเจคจบแม่งไม่คุ้มเลย งานแม่งสโคปใหญ่ อาจารย์สั่งแก้ก็บ่อย บางทีแก้แม่งเกือบจะโล๊ะที่กูทำมาทั้งหมด แถมเรียกเงินเด็กเยอะก็ไม่ได้ด้วย เพราะแม่งเด็ก เห้อ จบโปรเจคนี้กูคงไม่รับละ เหนื่อยชิบ

628 Nameless Fanboi Posted ID:/z4P3tPso

>>627 งานเด็ก งาน SME เจ้าเล็กๆ เลี่ยงได้เลี่ยง มันไม่คุ้มตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

629 Nameless Fanboi Posted ID:BkrZx9epR

มีเว็บที่ พวกเทพ C# อยู่กันไหม
จะถามปัญหาๆนึง แต่โง่อิง
เว็บที่เจอส่วนใหญ่เป็นแนวๆ php หมดเลย

630 Nameless Fanboi Posted ID:CcZ5bEYds

https://github.com/opendream/progit สอนใช้ GIT แปลไทยแล้วด้วย เพิ่งเจอ...

>>629 ต้องถามว่าโปรแกรมเมอร์ส่วนใหญ่อยู่เว็บไหนด้วย ไม่มีรุ่นพี่เป็นโปรแกรมเมอร์ที่พอจะปรึกษาได้เลย
แถมได้เราทำงานไม่ตรงสาย เงินเดือน 6 พัน นี้ เจ็บสุดๆเรียนมาตั้งหลายปี ทำงานไม่ตรงสาย...

631 Nameless Fanboi Posted ID:GMj8ugV3I

เพื่อนโม่ง กูอยากถามวะ พวกมึงมีแรงบัลดาลใจอะไรถึงมาเป็นโปรแกรมเมอร์วะ?? ตอนนี้กุเรียนอยู่ ม.5 ศึกษาการเขียนโปรแกรมเองมาจะปีละ เข้าใจอัลกอริทึม และ ภาษาพื้นฐานอย่าง Python,Java,C อยู่บ้าง เวลาเห็นโค้ดในแบบฝึกหัด กูตีความได้ว่ามันจะรันออกมาเป็นแบบไหนได้ แต่กูไม่มีจิตนการในการเขียนโปรแกรมเลยวะ คณิตกูก็เรียนกากสัสๆ กูเลยกลัวจะเรียนไม่ไหว ถ้ากุไปต่อ IT หรือ วิทย์คอม กูอยากสร้างทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันก่อนเรียนจบ กูมีความฝันอยากพัฒนาระบบ AI ให้เจ๋งเหมือน Alphago หรือ AI ที่สามารถ Self Aware ได้ แต่พออ่านกระทู้พันดิฟเกี่ยวกับสายงานอาชีพนี้แล้ว กูสินหวังสัสๆเลยวะ ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินเดือนหรอกนะ แต่เหมือนลักษณะการทำงานในอาชีพนี้แม่งดูไม่เป็นอาชีพที่สามารถมีความฝันได้เลย พอจบมาก็ทำงานในบริษัท เจอเพื่อนร่วมงานเหี้ยๆ ลูกค้าเหี้ยๆ ไรเงี้ย ทำงานตามที่ถูกสั่งไปวันๆ กูไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนะ กุเข้าใจว่าคนเราแม่งต้องเริ่มจากพื้นฐานแล้วพัฒนาไปเรื่อยๆถึงจะไปถึงความสำเร็จที่ตัวเองฝันไว้ได้ แต่สำหรับกูที่เป็นเด็ก ม.5 กำลังเพ้อฝัน กูเลยอยากถามพวกมึงที่กำลังทำงานสายนี้ว่าพวกมึงมีความฝันหรือเป้าหมายอื่นๆไหมวะ แล้วมีความสุขกับการทำงานรึป่าว กูจะได้ตัดสินใจว่ามหาลัยกูควรต่ออะไร
แล้วพวกมึงคิดว่ากูเพ้อเจ้อปล่าววะถ้าจะมีความฝันในอาชีพแบบนี้
ทางครอบครับกูก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน ถ้าสุมมติว่ากูจบไปแล้วตามฝันไม่สำเร็จ ทนไม่ได้กับลักษณะการทำงาน กูก็ออกมาบริหารธุรกิจต่อจากพ่อแม่ได้ ที่ดินครอบครับกูก็มี ยังไงกูก็ไม่อดตาย แต่แค่กูไม่อยากตายโดยที่ยังไม่ได้ตามฝันวะ

632 Nameless Fanboi Posted ID:DBhWlc6I7

>>631 ตอนนี้กูเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่ ถามว่ามีแรงบันดาลใจอะไรก็ตอบไม่ค่อยถูก เหมือนกูชอบเรื่องคอมมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว
ตอน ม. ปลาย ก็เคยลงวิชาเลือกเกี่ยวกับคอมบ้าง เขียนโปรแกรมเป็นแบบพื้นๆมาก โตขึ้นมาเข้าคณะสายวิทย์คอมถึงมาเข้าใจจริงๆจังๆ
แล้วตอนเรียนจบกูพอเขียนโปรแกรมได้ดีเทียบกับเด็กในคณะเดียวกันทั่วๆไปก็เลยลองมาเป็นโปรแกรมเมอร์ดูแล้วก็อยู่กับอาชีพนี้มาเรื่อยๆ

ถามว่ากูมีความฝันหรือเป้าหมายมั้ย คือเด็กๆก็ฝันอยากประสบความสำเร็จเปรี้ยงปร้างแบบ บิลเกตส์ อยู่นะ
โตขึ้นมารู้สึกมันเกินตัวไป ขอฟลุคทำอะไรสำเร็จแล้วหาตังได้เยอะๆซักครั้งแบบคนสร้างเกม Flappy Bird ก็ยังดี
คือเริ่มรู้สึกชีวิตมันไม่เห็นอนาคตอะไรนอกจากอยู่ไปเรื่อยๆ กูเองคิดว่าซักพักคงต้องหาทางเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน
แต่ตอนนี้ขอซุ่มดูเทรนด์โลกต่ออีกแป๊ปนึง (ไม่รู้จะซุ่มดูไปเรื่อยๆจนรู้ตัวอีกทีก็สายรึเปล่านะ 555)

ส่วนเรื่องความสุขในการทำงาน ตอนนี้ก็รู้สึกดีพอควร โชคดีที่ย้ายแล้วงานใหม่มันดีกว่าที่เก่าในหลายๆด้าน
งานไม่หนัก เดินทางง่าย เพื่อนร่วมงานโอเค เงินเยอะพอควร (แต่พ่อแม่ก็ยังชอบยกเงินเดือนญาติที่ทำงานสายอื่นมาแขวะกูบ่อยๆ)
ลูกค้าเหี้ยบ้างนิดๆแต่น้อยกว่าที่เก่าเยอะ พอทนได้ หัวหน้าดีกว่าที่เก่าเยอะ เสียตรงวันลาน้อยกับสวัสดิการแย่
ตอนแรกกูตั้งใจให้งานนนี้เป็นงานชั่วคราว แต่อยู่มาจนเริ่มรู้สึกอยู่ตัว ขี้เกียจขยับตัวไปที่อื่นแล้วหน่อยๆ

ถ้ามึงสนใจด้าน AI จริงๆคือมันเป็นสายเฉพาะทางลึกลงไปอีก เรียนความรู้ในป.ตรี น่าจะไม่พอ
เรียนจบแล้วต้องศึกษาเองเพิ่มเติม ไม่ก็เรียนต่อด้านนี้โดยเฉพาะ
อาจจะไม่จำเป็นต้องทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ในบริษัทก่อนก็ได้
หรือจะลองทำให้รู้ว่างานโปรแกรมเมอร์ในองค์กรณ์เป็นยังไงก่อนก็ได้เหมือนกัน

ถ้ามึงมีความสนใจด้านนี้จริงๆ แถมที่บ้านมีทางเลือกให้รับช่วงธุรกิจต่อกูว่ามันเป็นโอกาสดีที่มึงจะลองนะ
มึงมีพื้นฐานด้านนี้อยู่แล้วด้วย คงไม่เหมือนเพื่อนในคณะกูหลายคนที่เข้ามาแบบไม่รู้อะไรเลย นึกว่าเรียนใช้คอม
พอเจอเขียนโปรแกรมก็เหวอ ซิ่วหนีกันไปเป็นแถว (ส่วนนึงจะเพราะอาจารย์ที่สอนเขียนโปรแกรมคนแรกสอนห่วยด้วยแหละ)
ถ้าลองเรียนแล้วไม่ชอบหรือเรียนจบมาทำงานแล้วไม่โอเคก็ค่อยว่ากันอีกที

633 Nameless Fanboi Posted ID:ePHZI9hxg

ขอเสริมเรื่องเลขนิดนึง กูไม่เคยรู้สึกว่าตัวเก่งเลขนะ แต่เขียนโปรแกรมดันเขียนได้ดี (ไม่นับพวกที่โหดๆแบบเขียนโปรแกรมแข่ง)
กูไม่เคยเขียนโปรแกรมที่ต้องใช้เลขเยอะๆแบบพวก AI หรือว่าด้าน Graphic เลยไม่รู้จะเอาประสบการณ์ตัวเองมาเทียบได้มั้ย
แต่กูกลับรู้สึกว่าการเขียนโปรแกรมทำให้กูเข้าใจเลขมากขึ้นซะงั้น และการเขียนโปรแกรมให้คิดเลขมันไม่เหมือนทำโจทย์เลขบนกระดาษด้วยแหละ
มันเหมือนเราแค่เข้าใจหลักการคร่าวๆก็พอ แล้วที่เหลือคือการสั่งให้คอมทำตามที่เราต้องการให้ถูกมากกว่า

635 Nameless Fanboi Posted ID:8SMYXVKJr

>>631 >>633 ถ้ามึงคือโม่งตัวเดียวกันและเรียนๆโปรแกรมมิ่งมารู้สึกว่ามึงคิดต่อยอดไม่ออกใช่มั้ย งั้นเอางี้นะ ปัญหามึงพอๆกับกูเลยคือ หาคนปูทางให้ไม่เป็นจนไปไม่ได้ตอนอยู่ ม.ปลาย เพราะมึงไม่รู้วิธีเรียนด้วยส่วนนึงนะ โปรแกรมมิ่งทำงานกับคอมแต่คุยกับคนนะเออ ดังนั้นกุเดาๆว่ามึงน่าจะขาดคนที่ไปในทางเดียวกับมึงด้วย สิ่งที่กูพอแนะแนวได้คือ มึงลองอ่านหลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยรามคำแหงดูนะ ทำความเข้าใจกับระบบการเรียนของวิทย์คอมที่รามดูก่อน แล้วถ้าสงสัยอะไรลองไล่ๆหากลุ่มของภาควิชานี้แล้วลองโพสต์ถามระบบการเรียนของวิชาที่เน้นๆตั้งแต่เริ่มจนจบดู(หากลุ่มที่เค้าพูดคุยสอบถามกันจริงๆนะไม่ใช่ขายของ โพสคำโปรยหีแตดไรนั่นรีบกดออกจากลุ่มเลย) จากนั้นช่วงปิดเทอมๆนี้แหละ หากมึงสนใจมึงสามารถเข้าไปนั่งเรียนแบบsit inได้ไม่มีใครว่าไรมึงด้วย ขอแค่ใส่ชุดสุภาพไปนั่งฟังอาจารย์เค้าบรรยายแบบวิชาการดู มันให้อะไรมึงไม่ได้มากกับระบบการสอนแบบรามคำแหงนะ แต่เนื้อหาไรงี้มันจะทำให้มึงจับต้นชนปลายถูกได้ว่าควรจะไปทางไหน สายอะไร ทำงานโปรแกรมมิ่งแล้วเอาไปใช้กับอะไร สร้างผลงานเจ๋งๆแจ่มๆเองยังไงดีเป็นต้น
ขอเสริมเรื่องโปรแกรมมิ่งและการเขียนโค้ดนะ กูว่ามึงน่าจะไปได้สวยกับทางนี้พอตัวถ้ามึงบอกว่าเข้าใจหลักการของมัน คือต้องบอกว่าระบบของคอมพิวเตอร์จะเน้นไปทางวิธีการ ตรรกศาสตร์ ระบบวิธีคิด มากกว่าความแม่นยำหรือนิยามยิบย่อยที่นักคณิตศาสตร์ทำกันนะ ที่เป็นแบบนั้นก็ต้องย้อนไปถามคำถามเดิมๆเลยว่ามนุษย์เราสร้างเครื่องจักรมาเพื่อช่วยทุ่นแรง ทุ่นเวลารึเปล่า สรุปให้อย่างนึงละกันนะว่าพวกวิชาคอมโดยส่วนมากๆมันคือintersecของวิชาคณิต และวิชาAIของมึงก็สับเซตของคณิตศาสตร์
ปล.ที่กูเล่าๆมานี่หวังว่ามึงจะไม่งงงวยจนล้มเลิกไปซะก่อนนะ

636 Nameless Fanboi Posted ID:XHT1iCNME

>>631 โอเค เดี๋ยวเทสให้หน่อยนึงว่าพื้นฐานการคิดเชิงตรรกะทำได้แค่ไหน เอาโจทย์ไปทำ

"งานกีฬาแห่งหนึ่งมีโรงเรียน A, B สลับกันเป็นเจ้าภาพ ในปี 2540 โรงเรียน A เริ่มเป็นเจ้าภาพ ถ้าให้รายการของปีที่ไม่ได้จัด จะหายังไงว่าในปีใดปีหนึ่งโรงเรียนไหนเป็นเจ้าภาพ"

เขียน Python/Java/C/C++ มาให้เลยก็ได้ข้อนี้ อยากดูสกิลเขียนโค้ดด้วย

เรื่องเรียนคณิตนี่พูดยาก พื้นคณิตใช้เยอะอยู่นะ แต่ไม่จำเป็นต้องเรียนในโรงเรียนให้ "ดี" ก็ได้ เราจบจากโรงเรียนเก่ามาด้วยเกรดคณิตเฉลี่ย 2.5x ต่ำรั้งท้ายรุ่น เข้าม.อันดับต้นๆ สายวิศวะคอม เรียนคณิตศาสตร์วิศวกรรมสามตัวในมหาลัยไม่เคยได้เกรดเกิน C แต่กับคณิตศาสตร์เฉพาะทางคอมพิวเตอร์ (Discrete Maths) ก็ได้ A แบบท็อปๆ เซกมา ดังนั้นถ้ากลัวคณิตศาสตร์ไม่ไหวแล้วจะเรียนไม่ได้ เก็บพื้นฐานคอมพิวเตอร์ให้ดี (ตรรกศาสตร์ เซ็ต ความน่าจะเป็น ถ้าอยากทำ AI ตั้งใจเรียนแคลคูลัส) ที่เหลือเอาแค่พอทำข้อสอบเข้าได้ก็พอ

ความฝันหรือเป้าหมายอื่นๆ เรามีไหม อืม ไม่รู้ว่ะ แต่อยู่กับคอมมาตั้งแต่เด็กแล้ว จริงๆ ก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าไม่เรียนสายนี้จะเรียนอะไร

เรื่องที่ทำงาน จริงๆ สิ่งที่อยากแนะนำคือลองเรียนมหาลัย top tier ให้ได้แล้วจะพบว่าบริษัทเทพๆ รอจองตัวอยู่ อย่าดูถูกกำลังการจ่ายและสภาพแวดล้อมบริษัทไอทีในไทย จริงๆ แล้วหลายที่ดีมากทั้งบรรยากาศที่ทำงาน สวัสดิการ และเงิน กล้าพูดว่าถ้าเก่งพอสามารถหาบริษัทที่สภาพแวดล้อมใกล้ๆ กูเกิลได้ไม่ยาก เพราะเราไม่เคยรู้สึกว่าจบไปแล้วจะเจอลูกค้างี่เง่าเลย และจะไม่ทนด้วย
ลองดูสมัครงานก็ได้ว่าสภาพแวดล้อมการทำงานใน tech company จ๋าๆ หน่อยเป็นยังไง: https://www.blognone.com/jobs

ถ้าจบวิศวะคอมแล้วล้มเหลว จริงๆ สิ่งที่จะได้ติดตัวไปจากสาขานี้ไม่ใช่น้อยคือ systematic thinking ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นพื้นฐานที่ดีในการไปต่อสายบริหาร

ดังนั้นเป็นกำลังใจให้ เชื่อว่าจะทำได้

637 Nameless Fanboi Posted ID:Nxs3VQtrW

เพื่อนโม่ง กูอยากถามวะ พวกมึงมีแรงบัลดาลใจอะไรถึงมาเป็นโปรแกรมเมอร์วะ
>> แรงบันบาลใจกูคือโปรแกรมที่มีขายในท้องตลาดมันกาก ไม่ถูกใจใช้แล้วหงุดหงิดลำคาร กูเลยเขียนมันใหม่ ให้ทำงานแบบที่กูพอใจ

อัลกอรึทึม เป็นคำเรียกให้ดูหรู ในการทำงานจริงโยนทิ้งถังขยะไปเหอะ
สำคัญคือต้องแยกจิ๊กซอโปรแกรมให้ได้ว่าจะทำแบบนี้ ต้องเอาอะไรมาประกอบกันบ้าง
ถ้าแยกได้เขียนภาษาไหนๆ ก็เหมือนกันหมด ส่วนต่อยอดไม่ต้องไปทำสายบริหารหรอกปวดหัว แถมไปคนละทาง
เลื่อนไปทำ scrum master น่าจะตรงสายงานมากกว่า เงินเดือนที่ดีๆ หน่อยก็เริ่มที่ 6 หลัก

แต่ว่ากันตามตรงของที่มีอยู่ในห้องเรียน ไม่ได้อะไรเลยว่ะ สิ่งที่ต้องทำคือต้องเขียนอะไรให้เป็นรูปเป็นร่างบ่อยๆ มากกว่ามาหัดนั่งคำโจทย์ห่วยๆ
ที่ไม่เคยใช้จริงมากกว่า ของในห้องเรียนคำสั่งสำเร็จรูปมีออกถมไป

638 Nameless Fanboi Posted ID:/NKJajd7y

>>637 " สิ่งที่ต้องทำคือต้องเขียนอะไรให้เป็นรูปเป็นร่างบ่อยๆ มากกว่ามาหัดนั่งคำโจทย์ห่วยๆ
ที่ไม่เคยใช้จริงมากกว่า ของในห้องเรียนคำสั่งสำเร็จรูปมีออกถมไป"
จากที่มึงว่ามานะ เกิดคำถามถามว่า ทำไมยังมีคนมารีวิวอีกว่าสอบสัมภาษณ์ตามบริษัทดังๆของต่างประเทศ การสอบคัดเลือกบางแห่งยังใช้ระบบจัดสอบถอดแบบมาจากของมหาลัยอยู่เลย อย่างเช่น การเขียนโค้ดสดๆบนกระดาษไวท์บอร์ดหรือบนกระดาษเปล่า

639 Nameless Fanboi Posted ID:uGC0IBPYA

>>638 เอ่อจะบอกให้ว่า บริษัทใหญ่ๆ ใน Silicon Valley ก็ไม่มีสอบเขียน code ลักษณะห้องสอบหรอกนะ
- รอบแรกยังให้โจทย์กลับไปทำที่บ้านแล้วเอามาส่งตามกำหนด
- รอบสุดท้ายไปทำในห้องสัมภาษณ์ได้เลย ถ้าไม่ใช่ตำแหน่งกรรมกรไม่ดูหรอกคำสั่ง เอาแค่อธิบาย flow ถูก กับตอบคำถามนิดหน่อยเพื่อพิสูจน์ว่าทำจริงแค่นั้นเป็นพอ

640 Nameless Fanboi Posted ID:cJK+gBWfW

>>638 จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยสมัครบริษัทใหญ่ๆนะ กูเจอข้อสอบที่ไม่ดีเยอะ แต่ส่วนมากเป็นตัวเลือก ไม่ใช่ข้อเขียน
กูคิดว่าด้วยความที่คนสมัครเยอะ บวกกับบริษัทพวกนี้ชอบไปกวาดคนมาเยอะๆก่อนแล้วค่อยกรอง
ทำให้คนที่ทำงานสายโปรแกรมเมอร์ในบริษัทมาช่วยกรองละเอียดๆไม่ไหว
มันเลยต้องผ่านการกรองของ HR มาก่อน ด้วยความที่ HR ไม่ใช่คนทำงานสายนี้ เค้าเลยต้องพึ่งข้อสอบ
ซึ่งบางทีเค้าไม่เข้าใจว่าของแบบนี้มันวัดว่าคนทำงานโปรแกรมเมอร์ได้รึเปล่าไม่ค่อยได้หรอก

แย่สุดที่กูเคยเจอคือข้อสอบถามเกี่ยวกับเรื่อง framework อันนึงไปซะ 1 ใน 3 พอตอนสัมภาษณ์กูถาม เค้าดันบอกว่าไม่ได้ใช้ทำงานซะงั้น

641 Nameless Fanboi Posted ID:SfLj0Aze5

ขึ้นอยู่กับว่าไปสมัครส่วนไหน ถ้าไปสมัครจูเนี่ยร์ไม่มีพอร์ทอะไรเลย ยังไงก็โดนข้อสอบกระดาษอยู่แล้ว เพราะเค้าไม่รู้ว่าจะกรองคนจากอะไร

ถ้าไม่ใช่จูเนี่ยร์เค้าดูจากพอร์ทงานที่เคยทำ พวกนี้บางที่ไม่ต้องทำข้อสอบด้วยซ้ำ สัมภาษณ์เสร็จปุ๊ปรับปั๊ปเลยก็มี

แต่กูแนะนำให้เขียน program ไม่ว่าจะเป็น app หรือ web ที่ใช้ได้จริง ดีกว่ามานั่งหัดทำโจทย์นะ
เพราะเวลามีพอร์ทแล้วมันมีภาษีกว่ากันเยอะ งานที่มึงทำมันให้คำตอบมากกว่า ข้อสอบที่ทำไม่กี่นาที
ยิ่งถ้าทำ project เจ๋งๆ แล้วไปแปะประวัติไว้ใน linkedin นะ แป๊ปๆ วันนึงก็มีโทรเข้ามาหาหลายสายล่ะ

642 Nameless Fanboi Posted ID:Ses+l6DkM

>>640 กูว่าแบบนี้แม่งเหี้ยนะ ตัดโอกาสคนที่อาจจะทำงานได้ด้วยการวัดความรู้เรื่องที่ไม่ได้ใช้ทำงานเนี่ยนะ

643 Nameless Fanboi Posted ID:HBAWxpKuk

พวกคำพูดเยอะนี่จบไรกันมาวะ

644 Nameless Fanboi Posted ID:lOzFOkfSy

ยามเช้า

#ผมไม่ได้เขียนเองนะครับ #คนเขียนไม่ขอเปิดเผยตัวตน #ขออนุญาตแล้ว

วาทะกรรม ประจำปีนี้ #คนที่เรามีอยู่ไม่โอเค เราพร้อมจะเปลี่ยนทั้งหมด

พอได้ยินเยอะๆ เค้า เริ่มคิดว่า สรุปที่คนที่มีอยู่ไม่โอเคเนี่ย แม่งเพราะใครฟระ

เอา HRM ที่ทุกคนกร่นด่ามาดูซิ ว่าปัญหาแม่งอยู่ตรงไหน

กระบวนการรับเข้า แม่งบอกอยากได้ Java Programmer 5 Years Exp แสรด ก็กรองกันแบบเนี้ย เมิงหา Object Oriented Real-Experienced มามั๊ย ถ้าพื้นสตรองจริงๆ ภาษาห่ารากอะไรที่เป็น OO แม่งก็ผ่านไปได้หมดแหละ ให้เวลามันหน่อย ลองหา Web-Technology Primer มั๊ยว่าแม่งเข้าใจ HTTP มากแค่ไหน ไม่ใช่ RESTful with return status 200, message {"error": true } เนี่ย Java 5 Years Exp บางคนแม่งก็ย่ำอยู่กับที่ 5 ปีนะโว้ย แค่คุณสมบัติไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเขียนโปรแกรมกันซักนิดและ กะเอามาแบบพรุ่งนี้เริ่มงานได้เลย Java ที่ไหนก็เหมือนๆ กันแหละ #เหมือนกัน...สิ

แล้วไอ้ที่บอกว่า เอาแบบเคยทำ Agile บอกเลย กุทำ software หว่ะ กุไม่ทำ Agile ถ้าอยากได้ Software Dev อยู่ใน methodology หมวด Agile สิ่งที่ต้องทำคือในสองอาทิตย์นี้ เรามี Feature ที่พยายามทำคือ ... เรียงมาให้เรียบร้อย เสร็จคือ พี่ต้องพร้อม deploy ได้นะ รายละเอียดคุยกันเต็มๆหน่อยว่ามีอะไรบ้าง Software Dev ดีๆ เค้าก็ทำได้แหละ แต่ถ้าเค้าบอกว่าไม่ทัน เพราะ บลาๆๆ ฟังมันเฟร้ย ฟัง แล้วหาทางแก้ปัญหาด้วยกัน ไม่ใช่บอกว่า ต้องเสร็จ เรา Agile #Agile...สิ สั่งกันแบบนี้ ยิ่งกว่า Waterfall แล้ว เรียกใช้แรงงานทาสกันเลย

แล้วไอ้ที่บอกว่า Feature นี้ เจาๆๆๆ พอ Dev บอก cost เยอะ ยาก หรือมีวิธีการดีกว่า ไม่ฟังหรอกเพราะนายสั่งมา นี่..​กล้าเรียกตัวเองว่า Business กันอยู่ป่าวว่ะ สติ ค่ะ สติ ตื่นค่ะ หมดยุคเดินตามหลังนายแล้วจะเจริญแล้ว เพราะดูสิ นายแม่งยังบอกเลย #คนที่เรามีอยู่ไม่โอเค มันโยนความผิดให้คนที่มีอยู่หมดแหละ น้อยอ่ะที่มันจะสำเหนียกว่าตัวเองผิด ให้โอกาส แล้วเริ่มแก้ที่ตัวเอง วิธีการ 5 ปีก่อน มันใช้ได้กับ 5 ปีนี้แน่หรอ อะไรที่เคยสำเร็จแล้ว มาใช้ซ้ำๆ กับ context ที่เปลี่ยนไป จะได้แน่หรอ ตื่นค่ะ ไม่ได้ว่าเจ้านายดีๆ boss ดีๆ manager ดีๆ ไม่มีนะ มีเว้ย เจอมาทั้งชีวิตเลย เลียแข้งเลียขานายก็เคย แต่เลียด้วยสติงัย ถามนายเลย ทำไมต้องทำอย่างงี้คะ แล้วกลับมาลองหาข้อมูลประกอบ ถ้าไม่ใช่ เดินไปถามใหม่ พอนายเห็นข้อมูลมาขึ้น นายกลับชมด้วยซ้ำ เออ ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย ดีมากๆ กุได้คำชมซะงั้น

แล้วไอ้ที่ประเมินกันแต่ละปี หาคนที่ทำงานผิดพลาดน้อยที่สุดแล้ว Promote ซะ พอเกิดปัญหาแม่งก็ถามหาใครรับผิดชอบ ... เกลียดอีคนำนี้มาก เพราะคนจะสะดุ้งแค่คำว่า "รับผิด" ชอบแม่งจะหายไป สรุปว่าคนที่ลองอะไรใหม่ๆ แล้วพลาด แม่งโดนซ้ำเติมกันไป แทนที่จะหาวิธีแก้ไขหรือทำให้ดีขึ้นกัน ก็สร้าง culture พลาดโดนซ้ำกันไป แทนที่จะหาทางให้เค้าได้ลองเพื่อพัฒนาทั้งตัวเองและองค์กร เริ่มแม่งจากน้อยๆ ที่พลาดได้ไม่เจ็บหนัก กลายเป็นใครพลาดกดหัวซ้ำ ตั้งแต่เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ยันลูกน้อง แล้วจะทำให้คนศึกษาสิ่งใหม่ๆ ไปทำซากอะไร พอเวลาผ่านไปก็วนไปที่ #คนที่เรามีอยู่ไม่โอเค

แล้วพอจะหาคนใหม่มา เอาคนเก่งๆ เอาเงินฟาดเลย เด็กสมัยนี้ มีเงินพอใช้ค่ะ เงินเยอะมากอาจจะฟาดได้ แต่ถ้าเยอะมากแต่ชีวิตตรูตกต่ำ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เข้าไปอยู่กับของพังๆ ให้ลองวิธีการใหม่ๆ ก็กลัวหัวหดกัน แล้วมันจะอยากไปอยู่หรอ สอนให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่มีโอกาสให้มันถามมันเถียงเนี่ย คุณไม่ได้มีเงินคนเดียวนะค้าบ บริษัทอื่นที่ดีๆ ก็มีเงิน

พิมพ์อะไรเยอะแยะ ได้อะไรมั๊ย? ไม่ แถมเข้าตัวอีก คนเขียน Agressive Mode

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

645 Nameless Fanboi Posted ID:6vYHpx.+7

data หรือ dev ดีวะ ขอคนมีความรู้มาตอบ

646 Nameless Fanboi Posted ID:xARpJjIF6

กูถามในนี้สายโปรแกรมเมอร์จะตอบกันได้ไหมวะ....... ลองดูละกัน คือ ถ้าภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษาเครื่องของคอมพิวเตอร์กับโน้ตบุ๊คเป็นแอสเซมบลี แล้วภาษาที่ใกล้และเทียบเคียงกับภาษาเครื่องของมือถือคืออะไรวะ?

647 Nameless Fanboi Posted ID:YYLK/.4bz

>>646 assembly

648 Nameless Fanboi Posted ID:RihLILDcL

>>646 มือถือมึงใช้ไฟฟ้าไงๆก็แอสเซมบลีสิวะ

649 Nameless Fanboi Posted ID:ErfgsqMEG

>>647-648 เดี๋ยวๆ มือถือนี่แม่งจับassemblyขึ้นมาเขียนแล้วทำงานฝนนั่นได้เรอะ

650 Nameless Fanboi Posted ID:9bc1Y27Qh

ภาค 2 ครับ เหมือนเดิม #ผมไม่ได้เขียนเอง #คนเขียนไม่ประสงค์ออกนาม #ขออนุญาตแล้ว

ได้ข่าวมาว่า ดราม่าที่แล้วโดนใจมาก ถึงขนาดที่ว่ามีคนแห่มาถามว่า คนเขียนอยู่บริษัทโน้นหรอ บริษัทนี้หรอ จริงๆ ไ่ม่ได้ตั้งใจจะดราม่าเท่าไรนะ อาจจะเป็นเพราะสำนวนดิบๆ ในสัญชาตญานเวลาเขียนใน FB ส่วนตัวเลยจัดเต็มไปซะ ไม่ได้หมายถึงบริษัทไหนเป็นพิเศษด้วย เพราะฟังมาหลายที่ ไม่ได้เจอเอง ส่วน Bussiness Administration เล็กๆ ในตัวมันเริ่มทำงานสวนกลับกับส่วน Technical ที่รันอยู่เป็น Everyday life ในช่วงนี้

กลับมาเห็นว่าจุดที่เราคิดว่าสังคม Software Development ไม่น่าอยู่เลย ใน 10 ปีก่อนที่เรียนจบมาใหม่ๆ เลยพยายามไปหาทางอื่นดูว่าเค้าเป็นงัยกัน ทำอะไรกัน แล้วพอกลับมาก็มีหนทางที่มันก็น่าอยู่นะ แต่ส่วนด้านมืดก็ยังมีให้เห็นเป็นวงกว้างแหละ โปรแกรมเมอร์กากๆ ที่อาจจะกากแต่ช่วงตัวอ่อนอยู่ ก็ไม่ได้ protect ว่าไม่มีจริง แต่เราเริ่มเห็น pattern ของฝั่ง business ช่วงนี้ที่รุ่นลูกเริ่มกลับมาบริหาร หรือฝ่ายบริหารเห็นความอับแสงของฝั่ง IT เลยเปลี่ยนตัว top เข้ามา หรือหนีไป fork หน่วยงานใหม่ตั้งชื่อเท่ห์ๆ กัน แต่สุดท้ายแล้ว pattern ที่มุมมองภายนอกคือ การไม่ยอมรับความผิดพลาดของสายบริหารที่ไล่ไปจนถึงจุดสูงสุด

การมาของผู้บริหารใหม่ส่วนใหญ่ อาจจะมาจากสายที่วิชาแก่กล้า แต่เข้ามาก็ต้องส่ายหัวกับ human, culture, politics and collective power ของรากฐานที่สร้างไว้กันแต่โบราณ ซึ่งเหมือนมาเป็นตัวแทนจากฝั่งข้างบนมาบอกว่า #คนที่เรามีอยู่ไม่โอเค เพราะ Message ที่ส่งถึงเค้าคือ คุณสร้างทีมได้เต็มที่เลย อาวุธ downstream เดียวของผู้บริหารคือ Human Resource Management และอย่างแรกที่มีโดยที่ไม่ต้องงัดข้อกับฝั่งใดๆ เลยคือ ไล่ออกและรับใหม่ เพราะความกดดันจากด้านบนเช่นกันที่คิดว่า culture เสกได้ แค่เราคิดคำเท่ห์ออกมา ตั้ง motto แปะข้างฝา แค่นี้ culture ก็เปลี่ยนแล้ว เปลี่ยน...สิ (ว่าจะ soft กุไปและ)

สิ่งต่อมาเวลาที่ฝั่งบริหาร realize แล้วว่า IT เราไม่เวิร์คหว่ะ เราล้าหลัง เราสร้าง software ที่ไม่มีใครรักมันเลย แทนที่จะกลับไปหาปัญหาว่าเกิดอะไรขึ้นนะ ทำทุกอย่างให้ช้าลง คิดให้มากขึ้น แต่ช่วงสองปีที่ผ่านมากลับกลายเป็นว่าหลายๆ เจ้าตัดสินใจปั๊มฟีเจอร์แก้เขิน อุ๊ย เราทำไม่ดีอ่ะ ทำแม่งเยอะๆ เลยละกัน เขิลอ่ะ ... แล้วนึกออกป่ะ แบบของเก่ามันก็ไม่ค่อยสเถียรอยู่ละ เมิงยัง amplify มันให้มากขึ้นมากขึ้น แม่งอย่างกับระเบิดถอยหลังรอวันเอาไม่อยู่ แต่ไม่เป็นไร เราจ้างคนมาค้ำยันระบบไปเรื่อยๆ ได้ ไม่เป็นไรหรอก ... โถๆๆๆ แถมไอ้ฟีเจอร์แก้เขินเนี่ย คืองงมาก product ต่างๆ ในองค์กรต่างๆ ถูกคิดมาอย่างปรานึต ผ่านทีมงานหลายส่วนช่วยกันคิด refine improve วางโครงสร้างต้นน้ำยันปลายน้ำก่อนออกสู่ตลาด แต่ไหงพอเป็น software เหมือนใช้หัวแม่ตีนคิดกัน เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ คิดว่าดีและไปได้ แต่ market research หายไปไหนหรอ ทั้งๆ ที่ product หลักก็ทำกันอย่างดี พอ software ทำไป ก็ราวกับว่าทุกอย่างได้มาฟรีๆ พอมีของที่ทำๆ เร่งๆ แล้วก็ทิ้งๆ วนลูปไปเรื่อยๆ กำลังใจที่จะทำให้ดีมาจากไหนค้าบ

ที่เขียนมาหมดนี่อยากได้อะไร...​แค่คิดว่า การที่ผู้บริหารลงมายอมรับความผิดที่วางรากฐานให้ฝั่ง IT แบบนี้ทั้งโดยตั้งใจ และไม่ตั้งใจ (เช่น การ Promote คนผิด, การเร่งเอาเพียงแค่ Deadline, การไม่เข้าใจ Quality of Software คืออะไรกันแน่, การที่ชี้ทิศทางของ Value ใน Software Product ที่ผิดพลาดไป) กล้าเดินออกมายอมรับกับลูกน้องหน่อยว่าผิดพลาดไปแล้ว ให้โอกาสคนที่เคยเดินตามพวก...มาตลอดหน่อย บอกเค้าให้ชัดเจนว่าอยากให้เค้าเป็นแบบไหน ให้เวลาเค้าพัฒนาตัวเองจริงจัง ไม่ใช่ให้งานเพิ่มจนหัวปั่นกว่าเดิม แต่ถ้าให้โอกาสแล้วมันไม่ไป ก็สุดแล้วแต่กรรมของมัน ฝั่งผู้บริหารเองก็ต้องเปลี่ยน mindset ไม่ต่างกัน ที่ต้องกระโจนลงมาดู Detail หน่อย ปล่อยให้ Middle Management มัน Loop วงจรอุบาทว์เป็นวงจรแม่ผัวลูกสะใภ้ แบบตอนช้านอยู่ช้านก็โดนแบบนี้ แกก็โดนไม่ต่างกัน ต้องทนให้ได้ vision ห่าเหวคิดแทบตาย market research ทุ่มทุนทำไป จ่ายค่า consult เพื่อช่วยวาง strategy กันไปกี่สิบล้าน แต่ middle management ไม่เข้าใจ และวางออกมาเป็น Execution Plan ในระดับที่ย่อยลงไปได้ แม่งก็สูญเปล่านะ เราอยากทำงานกับคนที่เก่งนะ แต่ถ้านายผิดพลาดเป็น และรับผิดชอบไปด้วยกันจะเป็นนายที่น่ารักที่สุดในสามโลก

สุดท้าย Software Developer ทุกท่านที่โอดครวญ ผมไม่ได้อยู่ในวงจรที่คุณเจอ ผมแค่เห็นมา และเห็นใจ แต่สุดท้าย จงจำไว้ว่า อัตหิ อัตโนนาโถ จงพึงเก่งไว้ตลอดเวลา อย่าให้ใครมาบอกว่าทำแค่ก็พอแล้ว

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

651 Nameless Fanboi Posted ID:Uats97Lgy

>>649 ขอภาษาคน

https://www.google.co.th/search?q=ทำงานฝนนั่น&rlz=1C1CHBF_enTH725TH725&oq=ทำงานฝนนั่น&aqs=chrome..69i57.4274j0j7&sourceid=chrome&ie=UTF-8

652 Nameless Fanboi Posted ID:an0YSGXBA

>>649 ทำงานฝั่งมือถือ*

653 Nameless Fanboi Posted ID:Xahxp.wNW

>>649 มึงไปทำความเข้าใจ assembly ใหม่

654 Nameless Fanboi Posted ID:eCH/ZnVd+

>>649
https://stackoverflow.com/questions/6506781/how-to-use-arm-assembly-code-in-an-android-project
https://stackoverflow.com/questions/5390509/linking-android-c-code-and-arm-assembler
https://stackoverflow.com/questions/8950747/developing-android-apps-using-assembly-language

655 Nameless Fanboi Posted ID:XBSFiST9zs

กูถามหน่อยกูเรียนวิทคอมปี2จะขึ้น3ละ เป้าหมายที่กูเข้ามาคืออยากเรียนพวกทำเกมส์ไรแบบเนี้ยแต่พอกูเข้ามาเจอเหี้ยไรไม่รู้เต็มไปหมด ตอนนี้เกรดกูก็ไม่ดีนะแต่พยายามหาแรงจุงใจให้กูไปตามความฝันได้แต่แม่งไม่รู้ดิยิ่งเรียนยิ่งโง่ไอสัส กูถึงกับซื้อหนังสือบันเดิลเขียนเกมส์ของhumblebundle เพื่อมาศึกษานะแต่แค่เรียนกูยังจะตายเลย แต่กูก็ยังอยากจะไปสายเกมส์จริงๆนะ แต่ไม่มีแรงจุงใจเลยวะ อหเหมือนกูมาบ่นเลย โทดละกัน

656 Nameless Fanboi Posted ID:E70/MQG.xv

>>655
- ทำเกมอย่าพึ่งไปฝันทำขนาดใหญ่เอา Casual game ให้รอดก่อน เริ่มจากเกมง่ายๆ
- หาเครื่องมือดีๆ มาทำ Game Engines มีหลายยี่ห้อหยิบมาซักตัว
Construct , Clickteam Fusion , GameMaker Studio ฯลฯ ของพวกนี้แทบ ไม่ต้องเขียน code ด้วยซ้ำ
ขอให้มึงเข้าใจประกอบชิ้นส่วนให้ได้เป็นพอ วิธีใช้ youtube มีสอนจนแทบจะจับเมาส์เขียนให้

657 Nameless Fanboi Posted ID:t3O4/KASJ+

>>656 งั้นเรียนคณะอื่นก็ทำได้อะดิ แล้วกูจะเข้าวิทคอมเพื่อออออออ

658 Nameless Fanboi Posted ID:JRH.Lvx9zt

พี่โม่งแนะนำที โน๊ตบุ้คพัง ควรจะซื้อโน๊ตบุ้คธรรมดาลงwindowเหมือนเดิมหรือไปเล่นพวกmacbookดี
ส่วนใหญ่ใช้แบบไหนกันครับ

659 Nameless Fanboi Posted ID:M7aMbUknT7

ทำงานแค่ไหน? แมคบุ๊คซื้ไปลงวินโดว์?

660 Nameless Fanboi Posted ID:as5kRoNAs8

>>657 เมิงเรียนวิทคอมเพื่อจะได้มีวุฒิหรือมีคอนเนคชันกะคนในสายงานเดียวกัน
กุเอาจริงๆนะแค่ไปซื้อ text ตามคนที่เรียนเมิงก็แทบจะมีความรู้เท่าคนที่เรียนแล้ว

661 Nameless Fanboi Posted ID:zGxByaGxpy

กระทู้นี้ตั้งตั้งแต่ 2014 จน 2018 ก็ยังไม่ถึง 1000 โพส แสดงว่าไม่ค่อยมีใครคุยกันในนี้เลยเหรอ

662 Nameless Fanboi Posted ID:p+Il1jKqhF

>>661 อย่าว่าแต่กระทู่นี้เลย บอร์ด tech ทั้งบอร์ดยังแทบไม่มีใครคุย

663 Nameless Fanboi Posted ID:dzgeRpdfCg

>>658 เกาะด้วย
จะซื้อโน้ตบุ๊คใหม่ อยากหัดเขียนโปรแกรมแต่ใช้งานหลักๆก็พวกดูหนัง พิมพ์งานส่ง ไม่ทราบว่า intel core i3 ใช้ได้มั้ยคะ /แล้วถ้าซื้อโน้ตบุ๊คที่เขียนว่าระบบปฏิบัติการเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ window นี่เราต้องมาลง window เองอีกรอบใช่มั้ย ←ถ้าซื้อโน้ตบุ๊คที่ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการ window แล้วยังใช้พวก words powerpoint excel photoshop ได้มั้ยอะ งงเรื่องพวกนี้มาก

664 Nameless Fanboi Posted ID:ja6n6Yo6Wp

>>659 หลักๆก็เขียนโค้ด ดูหนังแค่นั้น เพราะเรียนจะจบแล้วอยากได้แบบยาวๆไปถึงทำงาน ก็ดูๆอยู่ว่าจะไปซื้อพวก asus, hp แล้วลงวินโดวดีหรือไปแมคเลยดี

665 Nameless Fanboi Posted ID:7cOBGZMk1N

ถ้าเน้นงบประมาณและความคุ้มค่า เปลี่ยนเครื่องบ่อย เผื่อเล่นเกมได้ ก็ไม่ต้องสน Mac หรอกเพราะมันไม่เหมาะ

Macbook ดีตรงมันเบากับแบต แล้วก็ประกันกรณีที่มึงซื้อเพิ่ม
ถ้าเอาไปใช้งานแบบเขียน Code มันเหมาะตรงที่ไม่ต้องยุ่งยากเรื่อง OS กับ backup ให้มากเรื่อง
ซื้อมาแล้วอย่าให้เสียของซื้อ external hdd มาด้วย ต่อ backup ลง time machine เครื่องเสียก็แค่ restore จบ
สามารถโฟกัสไปที่งานอย่างเดียวได้ แต่ถ้ามองถึงเรื่องอื่นก็ข้ามๆ มันไปเหอะ

Adobe กับ Office 365 สองตัวนี้มี version Mac ใช้งานได้ไม่มีปัญหา แต่บอกไว้ก่อนว่า Office 365 ถ้าเน้นแชร์งานกับ
คนที่ใช้งาน Windows เป็นหลักอย่าก็ใช้ Mac เลย เพราะยิ่งพวกใช้สูตรประหลาด หรือ Font ที่ไม่มีบน Mac มันจะมีปัญหาทีหลัง

666 Nameless Fanboi Posted ID:SpeVlaIzAN

>>663 ส่วนตัวคิดว่า core i3 ไม่ค่อยโอเคนะ อย่างน้อยควรจะ core i5
จากโม่งโปรแกรมเมอร์ที่บริษัทมีแต่คอม core i3 ให้ แถมไม่ให้เอาเครื่องตัวเองมาใช้อีก

667 Nameless Fanboi Posted ID:zfXRHEVG0Y

>>662 เบื่อบอร์ดtechเพราะมีขึ้อวดเยอะ​ สาระไม่ค่อยมี

668 Nameless Fanboi Posted ID:ynFdeus0Ch

>>667 ตามนี้

669 Nameless Fanboi Posted ID:MHpwVLqTCm

ถามคนอื่นที่เป็นโปรแกรมเมอร์หน่อยว่าคิดไงกับการเอาวิชาเขียนโปรแกรมเข้าหลักสูตรบ้าง
กูเป็นโปรแกรมเมอร์นะ แต่กูไม่ค่อยเห็นด้วยว่ะ
การที่บางคนอ้างว่าเป็นการสอนให้เด็กเรียนเรื่อง problem solving นี่กูว่ามันเหมือนพูดความจริงข้างเดียว
logic แบบที่คนเขียนโปรแกรมสั่งให้คอมทำงานกับ logic ที่ใช้ในชีวิตประจำวันมันมีส่วนต่างกันอยู่
ถ้าอยากให้เด็กรู้จักคิดมีเหตุผลนี่ กูว่าไปสอนเรื่องแนวคิดพื้นฐานของวิทยาศาสตร์เยอะๆน่าจะดีกว่า

เรื่องคอมที่กูว่าน่าสอนเด็กคือพื้นฐานการใช้งาน ข้อควรระวังไม่ให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อภัยออนไลน์ต่างๆ
ทักษะการหาข้อมูลจาก search engine การใช้อีเมลล์ อะไรพวกนี้ดูจะมีประโยชน์กว่า (แต่ไม่รู้มีคนกับอุปกรณ์พร้อมรึเปล่านะ)

ที่น่าเป็นห่วงคือกูกลัวว่าถ้าคนสอนไม่มีทักษะในการสอน แล้วมาถึงก็ยืนพูดยัดเนื้อหาใส่เด็กตู้มๆๆมันจะให้ผลตรงกันข้าม
เพราะสุดท้ายเด็กจะยิ่งเกิดอคติกับการเขียนโปรแกรม แล้วจะปิดใจไม่เอาเรื่องพวกนี้เลย
ซึ่งมันเกิดกับคณะกูมาแล้ว แค่ปีแรกคนซิ่วไปเกือบๆจะ 1/3 ที่เรียนจบออกมาได้ก็ไม่ยอมทำงานโปรแกรมเมอร์กันทั้งที่บางคนมันจะทำก็ทำได้

670 Nameless Fanboi Posted ID:CkGCDOs2St

ปกติประสบการณ์ปีครึ่งพวกมึงเงินเดือนเกิน 25k กันยังวะ หลักๆเขียน asp.net c# mvc webform ไรพวกเนี้ยอ่ะ บอสัทกุอยุ่มาปีครึ่งละโบนัสก็ไม่มี เงินเดือนยังมาน้อยอีก สวัสดิการก็แค่ประกันสังคม(เรียกว่าสวัสดิการป่ะวะ แต่หักเงินเดือนกุจ่ายเองนะ 750 มันสวัสดิการตรงไหนวะกุต้องจ่ายเอง) ถ้ากุย้ายงานจะได้มากกว่า 25k ป่ะ
แล้วบอสัทเนี้ยยย เอาโปรเจคโคตรเก่า เทคโนโลยีก็เก่า มาให้กุทำละก็ mantain แม่งบัคเยอะชิบ ทำทุกวันนี้คือนั่งแก้บัคละก็ปรับ requirement ซะส่วนใหญ่ สรุปคืออยู่ตอนนี้ ไม่ได้จับหรือพัฒนาอะไรใหม่ๆ เลย เซงงกะชีวิต

671 Nameless Fanboi Posted ID:oFe.zTx+jp

>>670 เข้ามาคุยในแชทโม่งได้ไหม มาระบายเลยว่าบอสัทไหน คิดซะว่าเอาไว้แฉ+ระบายสิ่งแย่ๆที่มึงเจอในที่ทำงานตรงนั้น

672 Nameless Fanboi Posted ID:aY5hmVJYmJ

บอสัท>>บริษัท

673 Nameless Fanboi Posted ID:QvCBUauVw1

>>671 อันไหนวะแชทโม่ง

674 Nameless Fanboi Posted ID:P5WA2MtxPU

>>673 https://discord.gg/DntKUcE

675 Nameless Fanboi Posted ID:wz144/5BzA

>>670 ส่วนมากไม่ถึงกันทั้นนั่นล่ะยิ่งบริษัทไทยไม่ต้องห่วง
ปีแรกๆ ถ้าจะเอาเงินเดือนเยอะ ต้องย้ายมาทำบริษัทต่างชาติเท่านั้น แต่มึงต้องเก่งจริงนะ
แบบพวก sql basic กับเขียนเพื่อออก report ยังไงก็ไม่เกิน 25k หรอก ต้องวิเคราะห์แยกส่วนงานได้ด้วย

676 Nameless Fanboi Posted ID:NZ7fFGHSwh

เศร้า

677 Nameless Fanboi Posted ID:jc1Ie3WwgV

[เอามาจากพันดริฟ] ช่วยหน่อย
C# เกี่ยวกับ multi processing ตอนนี้ผมกับลังศึกษาเกี่ยวกับพวกนี้อยู่ครับ
และอยากทราบว่า multi processing มันทำงานและหลักการทำงานของมันคืออะไร
เท่าที่รู้คือการใช้งาเกี่ยวกับระบบ CPU เพื่อให้แบ่งงานกันทำคล้ายกับพวก backgroundWorker และ thread
แต่หาบทความภาษาไทยผมหาไม่ค่อยเจอเลย และวิธีทำก็มีแต่ต่างชาติแถมวิธีเขียนก็มีหลายแบบมาก ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ครับ
ถ้าพี่ๆหรือใครสามารถอธิบายและมีตัวอย่างให้ผมดูหน่อยจะขอบพระคุณมากครับ

ปล.อันนี้ไม่ใช่การบ้านครับแต่ผมอยากรู้เฉยๆ เพราะไม่ค่อยมีแปลไทยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย ขนาด backgroundWorker และ thread ผมยังสังสัยอยู่เลยว่ามันต่างกันยังไง

678 Nameless Fanboi Posted ID:zDfo6QtBJ.

พวกมึงเคยได้รับการติดต่อทำงาน outsource .net ไปทำงานของ ais ที่ bts อารีย์ปะวะ
กุอยากรุ้ว่าเป็นไงมั่ง เห็น recruit โทรมาบ่อยเหลือเกินกับ outsource แถว bts อารีย์เนี่ย

679 Nameless Fanboi Posted ID:8ox4YQFXEZ

>>677 multi processing อธีบายสั้นๆ นะ

ถ้าเขียนไว้ที่ thread หลัก มันจะไปกวนการแสดงผลพวกหลัก
เอาแค่ย่อขยายหน้าจอก็ทำไม่ได้ค้างไปหมด มันจะค้างไปจนกว่า app ประมวลผลเสร็จ

แต่ถ้าเขียนไว้ที่ thread รอง คือโยนไปทำงานในส่วนที่เหลือ มึงจะย่อจะขยายหน้าจอ scroll ไปมาได้
ไม่รู้สึกว่าโปรแกรมทำงานอยู่เลย คือ เครื่องทำงานลื่นปรกติ

ถ้า app , program ใช้ประมวลผลนิดหน่อยไม่รู้สึกหรอก แต่ถ้าประมวลผลเยอะก็ควรทำแบบ multi processing

สิ่งที่ยุ่งยากของ multi processing คือ มึงต้องทำตัว event แจ้งเตือนกลับมาเวลาประมวลผลเสร็จ
เทรดที่โยนให้ทำงานแบบ multi processing จะไม่นับรวมส่วน thread หลัก แล้วต้องล้างหน่วยความจำเองด้วย
ไม่งั้นทำงานอยู่ดีๆ อาจจะ restart เองเฉยเพราะหน่วยความจำเต็ม

680 Nameless Fanboi Posted ID:cx4VYQB+3x

>>678 กูเห็นมันประกาศรับคนทั้งกะปีนะยังหาไม่ได้อีกเรอะ
กูไม่รู้นะ แต่รอบกูมันหา contact สัญญาระยะสั้นว่ะ เลยปฏิเสธไป

681 Nameless Fanboi Posted ID:+AJkjLCDII

พวกมึงใครเคยมีประสบการณ์ outsource ที่ thaibev ตึก เล้าเป้งง้วน1 มั่งว่ะ มาเล่าหน่อยเด่ะ

682 Nameless Fanboi Posted ID:7ztgyA2lxB

วิทคอมจบไปทำงานสายเขียนเกมส์หรือบริษัทเกมส์ใหญ่ๆ ได้ป่าววะ เพราะปี3กูเกรดเฉลี่ยเน่าสัสคือไม่จบ4แน่ๆความฝันกูคืออยากมีส่วนรวมเกมส์ aaa มันจะได้ทำมั้ยวะเรียนสายนี้ ตอบกูหน่อยกูจะได้มีกำลังใจ

683 Nameless Fanboi Posted ID:DphKkOR6+C

พวกมึงเป็น programmer จบคณะอะไรมาวะ แล้วเกรดพวกมึงสวยมั้ย จบมามีงานทำป่าววะ แล้วพวกมึงจบมาไปทำงานสายอะไรมาตอบกูที

684 Nameless Fanboi Posted ID:KCWv19Eyrj

>>682 สาขาอะไรเค้าไม่สนหรอก requirement ที่แท้ทรูของสายนี้คือ
1. มึงเขียนเกมเบื้องต้นเป็นไหม
2. มึงมาค้างแรมโรงงานนรกซัก 3-6 เดือน อย่างน้อยๆ ช่วงโค้งสุดท้าย
กับช่วงปั่น demo ไหวไหม (นอนไม่เกิน 3 ชั่วโมงนะ) แล้วมึงสามารถทนโบนัสไม่ออก 2-3 ปีได้หรือเปล่า

>>683 กูจบไฟฟ้า เกรดเขียนโปรแกรมห่วยแตก ยังมาทำงานนี้ได้เลย เพราะไอ้ที่เรียนในห้องเรียน
กับโจทย์งงงวยกวนประสาท ปริศนาอักษรไทย มันไม่ได้ใช้ เรียนจริงๆ เปิดงานที่ทำแล้วฝึกบน udemy lynda
จากนั้นก็ลองเขียนงานที่จะขายจริงเลย feedback จากลูกค้า และโปรแกรมคู่แข่ง คือของของขวัญชิ้นดี
ในการบีบให้มีวิวัฒนาการ

685 Nameless Fanboi Posted ID:tyVsQDltRd

เรียนเขียนโปรแกรมที่สถาบันไหนดี ไม่อยากเรียนออนไลน์

686 Nameless Fanboi Posted ID:JUHU7ynhxL

>>685 มึงเรียน online ไปเหอะ udemy จ่าย 300 จบ สถาบันจ่าย 20,000 - 30,000 หมื่น
แถมเรียนสถาบันไปจะต้องมีพวกปัญญาอ่อน ขัดตลอด ประเภท
อาจารย์ ตามไม่ทัน ตรงนี้ยังไงเหรอ พูดแทรกบ้าง ป่วนห้องบ้าง สุดท้ายก็ลุ้นเอาว่าจะได้ตามคอร์สหรือไม่
แล้วก็มีทำตามโจทย์ที่ผมให้นะ จับเวลา..... เรียนจบแล้วเนื้อหาแม่งมีเท่ากับจิ๋มมด

แถมโปรแกรมมันมี update ตลอด สถาบันมึงจะมาดู update ย้อนหลังไม่ได้

688 Nameless Fanboi Posted ID:75aFeTcGai

>>687 เซงตรงที่มันหางานไม่ได้ ต้องรอให้งาน match ไม่งั้นก้รอให้บริษัทติดต่อมา

689 Nameless Fanboi Posted ID:K4xiMSKNuc

ไอ้โจทย์งงงวยไม่ได้ใช้เพราะมึงเรียนแค่เขียนโปรแกรมโง่ๆดึงๆรีพอร์ต เก็ทข้อมูลไปวันๆไง

ไอ้โจทย์งงงวยกวนประสาทใช้ math เยอะๆ แม่งอยู่กับทั้ง ML ทั้ง Crypto ที่เป็น Trend เด่นในยุคนี้นั่นล่ะ

690 Nameless Fanboi Posted ID:1duXwX59w+

>>678 คนเข้าออกบ่อย มันก็รีครูทคนเรื่อยๆแหละ เป็นตัวเลือกบ้าง ใช้จริงบ้าง

691 Nameless Fanboi Posted ID:DQKpvIXbcL

>>689 กูว่ามันหมายถึงโจทย์น้ำท่วมทุ่งภาษาไทย ที่เขียนวกไปวนมามากกว่าน่ะ

แล้วมึงลองเขียน crypto ยัง ถึงว่าใช้ match เยอะ 555+
เมาๆ โหลดชุดสำเร็จรูป ERC-20 มาลงก็จบแล้ว แก้นิดนึงก็โม้ว่าเทคใหม่ได้ล่ะ
คนใช้ match เยอะมีแค่คนคิดคนแรกๆ แค่นั้นเอง ยกเว้นแต่มึงจะทำ tech ใหม่แบบ triangle ก็ว่าไปอย่าง
แต่มันก็ไม่ได้ใช้ match เยอะอยู่ดีนะ แค่แยก node ไว้ที่กระเป๋า
ที่เหลือแก้นิดหน่อย ไปหนักตรงแต่ง server กับวาง node มากกว่า
ถ้าอยากได้ตังค์ระดมทุนเยอะมึงก็แค่โม้เก่งแค่นั้นเอง คนใช้ match จริงจังกูเห็นแต่อีตาซาโตชินั่นล่ะ

692 Nameless Fanboi Posted ID:yUVva+W.0z

match พร่อง

693 Nameless Fanboi Posted ID:uHhO2r/j+K

ถ้าอยากเรียนแบบคอร์สที่จบมาหางานได้มีที่จะแนะนำนะสนใจไหม

694 Nameless Fanboi Posted ID:nPGexGvU3R

>>693 udemy lynda coursera อะไรก็ได้เอาซักตัว
ที่เหลือขึ้นอยู่กับตัวมึงเอง ทำ project จริงใช้งานได้ เพื่อการันตีว่าจ้างมึงแล้วปิด project เค้าได้
ส่งไปที่ไหนเค้าก็รับ แต่เรื่องไปหวังน้ำบ่อหน้า ทำเป็บเก้ๆ กังๆ รอรุ่นพี่สอน ไม่มีนะ
สายงานนี้ไม่มีพี่เลี้ยงต้องทำเอง

695 Nameless Fanboi Posted ID:WwZ20yTrBn

>>691 จะมีเชนของตัวเองก็ต้องเก่งแมท แบบคนไทยที่ทำ xzc อะ erc-20 หลายๆครั้งก็เอาไว้ระดมทุน ซักพักก็ย้ายไปเชนของตัวเอง

ไอ้สัดพิม match ซ้ำๆหลายครั้งกูรู้ระดับสติปัญญามึงเลย

696 Nameless Fanboi Posted ID:Cppv3yc1v1

>>695 ขำว่ะพูดถึง xzc แล้วพูดถึงเก่งแมท กูรู้ถึงสติปัญญามึงเลย เหรียญกากๆ แบบ xzc core
หลักมีสูตรคิดเองตรงไหนวะ ก็อป bitcoin core มาทั้งดุ้น ไม่มีสูตรอะไรที่เป็นนวัตกรรมเลย
เห็นแค่ config แค่ทำให้มันปันผลเป็นเหรียญ ด้วย code ที่ก็อปชาวบ้านมาแปะแค่นั้น
ระบบหลักกากกว่าเอา code สำเร็จรูปของ ethereum มาใช้ซะอีก

697 Nameless Fanboi Posted ID:QSX/9z4RKO

>>693 netdesign กับ code star

698 Nameless Fanboi Posted ID:WPFU9rp7eq

>>697 ไม่ค่อยดีทั้งคู่นะ
netdesign = เลี้ยงไข้
code star = แค่ code html เว็ปมันเอง ยังเขียนผิดอยู่เลย

699 Nameless Fanboi Posted ID:/QqOr+g5kd

>>698 เลี้ยงไข้ยังไง html ผิดยังไง

700 Nameless Fanboi Posted ID:CdgUelD5Zi

>>699 มันเขียนผิดแทบทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่ประกาสหัว html เลยว่ะ
ตัวอย่างนะ tag img บ้านมันสิไม่เขียน alt ส่วน h6 tag บ้านพ่อมันสิเอามาประกาสหัวข้อหลัก
และโครงสร้างเว็ปบ้านแม่มันวางแบบนี้ bot search engine จะอ่านไงวะ ไม่เรียงลำดับความสำคัญตาม guideline ซักนิด
จัดแต่ทำมั่วๆ แปะเข้าไปสิ เออแล้วดีไซน์ใช่ว่าจะสวย การวางช่องว่าง เว้นระยะห่าง ผิดกฏ golden ratio พังหมด ใช้สีก็ผิด

netdesign มึงไปดูคอส์มัน จะได้คำตอบ ซอยสั้นซอยถี่ๆ ทำบ้าอะไรของมัน

สรุปนะ กำเงิน 330 บาท ไปซื้อคอร์ส udemy หรือจะสมัคร lynda หรือ coursera ก็ได้เอาซักตัว
ดูวิดีโอมัน แค่ 1 วันได้อะไรมากกว่า คอร์สบ้าบอพวกนี้ 40 ชั่วโมง

701 Nameless Fanboi Posted ID:6f5psRJ5aY

อยากมีงานทำแแบบแอดมินเรียนแค่ udemy lynda ไรนี่พอไหม
แล้วเริ่มต้นหางานจากศูนย์ เรียนมาก็คนละสาย พวกบริษัทเค้าจะรับหรอ
หรือต้องหางานกิ๊กก๊อกตามเน็ทเอา

702 Nameless Fanboi Posted ID:BzvlI4E+QP

>>701 สาย IT ถ้าไม่ใช่ส่วน network ที่ต้องใช้ใบ cer เค้าไม่สนว่ามึงจบอะไร
เค้าสนแค่ว่ามึงทำงานให้เค้าได้แค่นั้นพอ

703 Nameless Fanboi Posted ID:zPAJ1e0FA5

>>700 แม่งโหดสัสเลยกับการทำงานภายในสถาบันสองเจ้าเหี้ยๆแห่งนี้ ถ้ามันแย่ขนาดนี้แล้วมันสอนคนอื่นเขียนเว็บจะแหกขนาดไหนวะกูละสงสัยมาก ขนาดkhan academyมีสอนเขียนเว็บพื้นฐานให้ยังสอนดูดีกว่าเลยแค่มันพูดไทยไม่ได้แค่นั้นแหละ

704 Nameless Fanboi Posted ID:jaTRnnyP/k

>>703 ไว้สอนพวกที่ ขก อ่านอิงไงเพื่อน

705 Nameless Fanboi Posted ID:kqDzNJJp91

แต่คนสอนจบจุฬาได้ประกาศนีบัตรจาก MIT เคยทำงานที่ทั้งไทยและต่างประเทศเลยนะครับ

706 Nameless Fanboi Posted ID:GIbhZ/9RVU

>>705 จบแล้วทำได้แคนี้ >>700 เป็นกูไม่โพสประวัติการศึกษาหรอก

ส่วนทำงานบริษัทชั้นนำกูว่าสงสัยโดนไล่ออกมามากกว่าว่ะ

707 Nameless Fanboi Posted ID:6UHsOYXvlo

พวกนาย ๆ ตอนนี้มีดราม่าเกี่ยวกับ node.js Thailand บน Facebook แหละ

708 Nameless Fanboi Posted ID:KI+EIxMxJQ

>>707 สวัสดีครับคุณอนุชา ขยี้ยับเลยนะครับ

709 Nameless Fanboi Posted ID:SiiPybbYFM

>>707 วาร์ปหน่อย

710 Nameless Fanboi Posted ID:hO4TM7RF9J

>>709 สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย

711 Nameless Fanboi Posted ID:Akp7zbqyJM

ฝากหน่อย vpn ผมเอง https://www.privatoria.net/
เผื่อใครอยากลองใช้

712 Nameless Fanboi Posted ID:3YoyGwNuOs

พวกมึงทำงานสายนี้ เพื่อนมหาลัยต้องใช้มั้ยวะอนาคต กูมีเพื่อนสนิทกันแค่คนเดียวเองวะ ส่วนกลุ่มแม่งก็คบเฉยๆไม่สนิทมาก

713 Nameless Fanboi Posted ID:8Xm3O3tPU4

>>712 ไม่ต้องใช้ก็จริง แต่มึงควรหาเพื่อน หาคอนเนคชั่น ไว้บ้าง

714 Nameless Fanboi Posted ID:w2oce1x17w

อยากได้ Source code แอป android ง่ายๆว่ะ หาได้จากไหนมั่ง

715 Nameless Fanboi Posted ID:AKQrFYxDEq

https://medium.com/@tavonkobseesenpila/โปรแกรมเมอร์-ดราม่า-แห่งปี-21dedd1331ae

716 Nameless Fanboi Posted ID:89WBuu5zwn

>>714 android-arsenal เลือกชิ้นส่วนมาประกอบเองนะ

717 Nameless Fanboi Posted ID:L8KKXhpWti

Tavon Kob โปรแกรมเมอ? ในตำนาน

719 Nameless Fanboi Posted ID:1al50ena.v

ถ้าอยากเสียตังค์ฟรี แนะนำไปที่ CODESTAR นะงับ

720 Nameless Fanboi Posted ID:Y2il7Thhny

ถ้าฉลาดพอเค้าต้องไปcodilityกันสินะ

721 Nameless Fanboi Posted ID:Ypp5Y7UF1n

>>720 codility ก็หลอกแดกตังค์นะ

722 Nameless Fanboi Posted ID:lEm00eGM2u

อยากได้งานเป็นโปรแกรมเมอร์ที่ pornhub

723 Nameless Fanboi Posted ID:ESoqUjz+Tj

>>722 เค้าจ้างมึงไปเขียนโปรแกรมอยู่ดีนะ ไม่ได้จ้างไปดูหนังโป๊

724 Nameless Fanboi Posted ID:RN.Uz0mO9x

>>723 อยากทำงานเว็บไซต์ที่มีโหลดสูง ๆ ไง

725 Nameless Fanboi Posted ID:eDpccwU.1n

>>724 กูขอโทษ กูจิตใจสกปรกเองสินะ

726 Nameless Fanboi Posted ID:KSwCAdaNAV

ปกติพวกมึงทำงานแต่ละบอสัทพอลาออกเปลี่ยนบอสัท พวกมึงเก็บ source code ไปด้วยปะวะ

727 Nameless Fanboi Posted ID:xRq90nO2Ht

>>726 ที่บริษัทเก่ากูเป็นบริษัทฝรั่ง เข้มเรื่องข้อมูลบริษัทมาก เครื่องที่ใช้เอาพวก flash drive / External จิ้มไม่ได้
network บริษัท block เว็บฝากไฟล์, social network, email หมด กูไม่อยากเสี่ยงเอาออกมา + มันไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจสำหรับกูด้วย

แต่ที่ปัจจุบันกูกะว่าถ้าออกกูคงเก็บไว้ เค้าไม่ได้เข้มเรื่องข้อมูลบริษัท แล้วมันมีอะไรน่าสนใจ + มีโครงของบาง project ที่อาจจะเอาไปรียูสได้

728 Nameless Fanboi Posted ID:WNbxj3PY/B

ทำไมโปรแกรมเมอร์นู๋โบ้ทหน้าที่การงานดีขนาดนี้ยังโสดอีก

729 Nameless Fanboi Posted ID:6YXrhzMweA

https://www.jetbrains.com/promo/friends/
IDE ของ JetBrain ลด 50%

730 Nameless Fanboi Posted ID:NxnogB9ggP

>>727 แล้วถ้ามันหาวิธีอื่นกันอย่างเช่น จดบันทึกออกมาหรือว่าถ่ายรูปโค้ดบางส่วนออกมาอ่ะ? มันจะตรวจสอบยังไง? รัดกุมแค่ไหนวะ? ในที่ทำงานมีกล้องวงจรปิดไหมเหอะ

731 Nameless Fanboi Posted ID:+g69qckdfG

>>730 จะหาทางจริงๆมันก็มีวิธีแหละ แต่ตอน orientation นี่ HR ร่ายเรื่องข้อมูลความลับของบริษัทยาวเป็นชั่วโมง
กูไม่คิดจะเสี่ยงเอาของที่ไม่มีประโยชน์สำหรับตัวเองออกมาให้มีปัญหาเล่นหรอก

732 Nameless Fanboi Posted ID:o7ovsT0Njh

>>730 บ.กูเหมือนไอเหี้ย >>727 เป๊ะเลย เพิ่มให้ว่าก่อนเข้าออฟฟิศมึงต้องเอาสติกเกอร์แปะกล้องมือถือมึงหน้าหลัง คงจะตอบปัญหามึงได้

733 Nameless Fanboi Posted ID:WpOCpkxmvE

หวงข้อมูลกันขนาดนี้รายได้เท่าไหร่วะ?

734 Nameless Fanboi Posted ID:niG7mTQOj+

>>733 รายได้บริษัทน่ะเยอะ ส่วนรายได้กูน่ะน้อย

735 Nameless Fanboi Posted ID:cmgK4zCz8M

กูเคยทำแบบเดินเข้าออฟฟิต แบบต้องปิดกล้องมือถือนะ แม่งปิดทุกอย่าง ห้ามต่อเน็ต
หน้าห้องมีรปภ. ตรวจเวลาเข้าออก (เชี่ย แม่งลำบากชิบหายเวลาเปิด กูเกิลไม่ได้)

แถมต้องโหมงานหนักไม่เห็นตะวัน ในแง่โอที ผิดกฏหมายเต็มๆ กูทนอยู่นะ แม่งกว่าจะปิดงานได้โต้รุ่ง

แต่เค้าก็จ่ายพอควรอยู่นะ
เงินเดือนเรทใหม่ + ค่าทำงานนอกสถานที่ + เบี้ยเลี้ยงพิเศษ = ปีนั้นตรูเสียภาษี 30%

736 Nameless Fanboi Posted ID:FrPi3lb3Fs

>>735 บอกชื่อบริษัทได้ไหม

737 Nameless Fanboi Posted ID:cmgK4zCz8M

>>736 บอกอ้อมๆ นะ แบรนด์น่าจะอันดับต้นๆ ของโลก
แต่กูไปในฐานนะจ้างงานผ่านเอเจนซี่อีกที

738 Nameless Fanboi Posted ID:VIzOjhZGam

>>737 แบรนด์เกี่ยวกับไรวะ

739 Nameless Fanboi Posted ID:h5qdu2xnWW

บริษัท IT ในซิลิคอนวัลเลย์ น่าจะมีแบบนั้นอยู่ที่เดียวมั้ง

740 Nameless Fanboi Posted ID:iVBLGWVZVv

>>735 ไม่อยากเสียมารยาทแต่เป็นความรู้ไว้นะ รายได้ที่เค้าจ่ายพอควรแบบที่มึงว่านี่เท่าไหร่วะ? กี่K?????

741 Nameless Fanboi Posted ID:nq6zkp+fsT

>>740 ฐาน 30% ถ้าฐานภาษีไทยก็ 2-5 ล้านต่อปี แต่ดูแล้วไม่น่าทำที่ไทยหรอก เอเจนซี่ที่ส่งไปหมู่บ้านซิลิคอนไกล้สุดอยู่ที่ SG อาจจะได้เยอะกว่านั้น เพราะฐานภาษีกว้างกว่า

742 Nameless Fanboi Posted ID:XAvlnnMyr+

ไปต่างประเทศได้เยอะกว่าไทยอยู่ละ

743 Nameless Fanboi Posted ID:fu97.zGLTD

มีใครตามไอมีมที่คุยเกี่ยวกับรายได้ 9000 บ้างไหมวะ? มันคืออะไร กูตามไม่ทัน

744 Nameless Fanboi Posted ID:y9NplEPenV

>>743 tavon kob คนเดิม ไง

745 Nameless Fanboi Posted ID:Lq3dWMGqgX

เวลาพวกมึงทำโปรเจคระยะยาว upgrade project กันมั่งปะวะ อย่างเช่น dev อยุ่ vs2015 พอ 2017 ออก ก็อัพโปรเจคมา vs2017 งี้ หรือ dev vs ไหน vs นั้นไปเลย
*vs = visual studio

746 Nameless Fanboi Posted ID:az5qqqu8GO

>>745 ถ้าทำ project ในบริษัทตัวเอง เป็นกูไม่ upgrade project ให้งานงอกเด็ดขาด มันอยู่ของมันดีๆ ก็ปล่อยมันไป

747 Nameless Fanboi Posted ID:OYlnwd/ToO

>>745 กูสาย Java กูอัพเฉพาะ Eclipse กับ IntelliJ เพราะ IDE สองตัวนี้อัพแล้วไม่ค่อยมีปัญหา
เวลาทำก็ backup workspace ในเครื่องตัวเองไว้ก่อน ถ้าลองอัพแล้วโอเคก็ใช้ต่อ พังก็ช่างมันใช้ของเก่าไปก่อนจนกว่าจะว่างมาดูว่าแก้ยังไง
แต่ NetBeans นี่กูไม่อัพเพราะมันขึ้นชื่อเรื่องอัพแล้วพังอยู่แล้ว แถมไม่ใช่ IDE หลักที่กูใช้ด้วยเลยช่างๆแม่ง

748 Nameless Fanboi Posted ID:q4I.VAfcL.

เคยเขียนโค้ดแล้วไม่มีเอกสารมั่งปะวะ รู้สึกยังไง
แบบ design ก็เอาตามที่ต้องการ ณ เวลานั้น
ฐานข้อมูลอยากเพิ่มไรก็เพิ่ม ณ เวลานั้น
ไม่ได้เตรียมการออกแบบหรือ design อะไรมาก่อนเลย

749 Nameless Fanboi Posted ID:rvPgidbkK8

>>748 บ่อย เหมือนหมาวิ่งงับหางตัวเอง คนที่จะเอาก็ดันไม่เชื่อตามมาตรฐานวิ่งวนอยู่แบบนั้น แดกงบโดยไร้แก่นสาร สุดท้ายเสียเวลาเปล่าว่ะ เป็น project ทำแล้วทิ้ง

750 Nameless Fanboi Posted ID:sVI54luYaa

เวลาออกงานต้องขอใบผ่านงานป่ะวะ ปกติพวกมึงสัมภาษณ์กันเค้าเอาใบผ่านงานป่าว หรือเล่าประสบการณ์ให้เค้าฟังเลย

751 Nameless Fanboi Posted ID:hqJM7FF.zQ

>>748 กูด่าประจำ คนที่ทำงานไม่มีเอกสาร แต่มักจะบอกขี้เกียจ ไม่ยอมทำเอกสารกัน พอถึงคราวถ่ายทอดงานให้คนอื่นก็ไม่มี บางคนอ้างอ่านโค้ดก็รู้เรื่อง พอให้อธิบายโค้ดก็อธิบายไม่ได้อ้ำๆ อึ้งๆ ไปนั่งอ่านเองถึงรู้ว่าเขียนโค้ดเหี้ยๆ เอาไว้มากมาย

752 Nameless Fanboi Posted ID:TXdM+YlR+1

แล้วทำแบบ agile ต้องมีเอกสารปะวะ

753 Nameless Fanboi Posted ID:FRKLA.HSwW

เรียนเขียนโปรแกรมที่ไหนดี

754 Nameless Fanboi Posted ID:jUIHE88DZ/

>>752 มีสิ เยอะด้วย agile เป็นคำพูดให้ดูหรู คำอธิบายจริงสั้นมาก คือ
มุงต้องคุยทำความเข้าใจกับลูกค้าที่งงๆ ให้เสร็จก่อน แล้วมาเขียนโปแกรมทีหลัง
ส่วนโปเกม่อน มุงห้ามอู้ จงรายงานความคืบหน้าทุกวันซะดีๆ เข้าใจ๋

755 Nameless Fanboi Posted ID:3JtpvY69nc

>>752 จะอะไรมึงก็ต้องมีเอกสารอ่ะ มีใครเป็นแบบบริษัทกุบ้างว่ะ โค้ดเสร็จค่อยย้อนกลับมาทำเอกสาร

756 Nameless Fanboi Posted ID:Pm.M.KMjLO

กุยังเด็ก กุเข้าใจว่า agile คือทุกคนทำส่วนไหนก็ได้ ใครว่างมึงก็ไปทำ พวกมึงไม่มีสิทธิ์ว่าง กุเข้าใจถูกปะวะ

757 Nameless Fanboi Posted ID:jUIHE88DZ/

>>756 เปล่า คือมี Master (นายท่าน) จ่ายอาหารให้ โปรเกม่อน อีกทีถ้าไม่แดกก็หวดด้วยไม้ ผิดๆ

สรุปนะ
1. มีคนไปคุยงานกับลูกค้า ไม่ให้โปรแกรมเมอร์รับงานมึนๆ ตรงกับเซล คือให้เป็นสิ่งสุดท้ายที่ลูกค้าต้องการ แบบลูกค้าต้องการผัดกระเพราใส่ไข่ดาวนะ ไม่ใช่หมูทอดกระเทียมใส่ไข่เจียว
2.จากนั้นไอ้คนที่คุยกับลูกค้าจะส่งงานต่อให้ผู้กำกับ หรือเป็นผู้กำกับเองแล้วแต่กำลังทรัพย์ของบริษัท มาสั่งแบ่งงาน เช่น ลูกกระจ๊อก a ไปหุงข้าว ลูกกระจ๊อก b ไปผัดกระเพรา ลูกกระจ๊อก c ไปทอดไข่ ทำเสร็จให้รายงานด้วย ถ้าทำแล้วติดขัด เช่นลูกกระจ๊อก c เปิดเตาแก๊สไม่เป็น ไอ้ผู้กำกับอ้อมึงเปิดเตาแก๊สไม่เป็นเหรอ งั้นมานี่เปิดก้น (ไม่ใช่ๆ) ก็ไปสอน หรือไม่ก็ให้ไอ้ b ไปช่วยหน่อย
3.จากนั้นก็รวมใส่จานส่งให้ลูกค้า
* วิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับทำอาหารตามสั่ง ที่คนครัวคนเดียวผัด 2 จานในเวลาเดียวกัน ไม่งั้นคนทำแม่งอาจจะมึน อาจจะได้กระเพราไข่เยี่ยวม้าใส่ไข่เจียว แทน สุดท้ายลูกค้าบอกกูไม่ได้สั่งแบบนี้ ไล่กลับมาทำใหม่
* ข้อเสียทำทีละ order ถ้าคนเยอะทำหลายๆ order ก็ได้ แต่ลูกกระจ๊อก 1 ตัวมันทำงานได้ทีละอย่าง ดังนั้นถ้าบริษัทมี ไม่กี่คน เช่น เซลขายงาน โปรแกรมเมอร์ ทำงาน ส่งจบแบบนี้เอาระบบ agile มาใช้ไม่ได้แน่นอน เรื่องของเรื่อง เพราะคนเก่งแบบทำได้หลายหน้าที่หายาก แล้วทำงานหลายอย่างยังไงก็มึน สู้ใช้หลายคนหน่อย จัดงานไม่ให้มึน หาคนมาทำงาน งานจะง่ายกว่าแถมเร็วด้วย เพราะโฟกัสทีละงาน แต่เนื่องจากมันใช้หลายคนดังนั้น agile ไม่เหมาะสำหรับทำงานราคาถูกเท่าไหร่

758 Nameless Fanboi Posted ID:Pm.M.KMjLO

>>757 แล้วมันต่างจากวิธีแบบ traditional ยังไงวะสลัมมาสเตอร์

759 Nameless Fanboi Posted ID:jUIHE88DZ/

>>758 ถ้า traditional เดิมมึงเป็นแบบที่อธิบายอยู่แล้ว อันนั้นน่ะคือ agile

760 Nameless Fanboi Posted ID:Pm.M.KMjLO

กูควรเดินไปทางไหนในวงการนี้ดีวะท่าน

761 Nameless Fanboi Posted ID:PYjcxFV+0Z

>>760 แล้วแต่จะเลือกใช้ชีวิตยังไง จะอีโวร่างเป็นสลัมมาสเตอร์ ที่มีค่าพลัง THB เกินแสน แต่หัวล้านวิ่งเข้าโรงบาลบ่อยๆ บางทีต้องแดกยาแก้โรคเครียส หรือจะใช้ชีวิตเป็นโปเกม่อนต่อไปแล้วเปลี่ยนหาสลัมมาสเตอร์ไปเรื่อยๆ จนค่าพลังสูงก็ได้

หรืออีกทางเป็นโปเกม่อนป่า หาแดกเอง ค่าพลังแล้วแต่โซนสู้ด้วยตัวเอง ถ้าเก่งหน่อยค่าพลังก็มากกว่าสลัมมาสเตอร์

762 Nameless Fanboi Posted ID:RaXoQHdKrZ

>>761 สลัมมาสเตอร์ได้เป็นแสนเลยเหรอวะ ไม่เห็นแม่งได้ทำเหี้ยไรเลย

763 Nameless Fanboi Posted ID:PYjcxFV+0Z

>>762 ในมุมมองคนโดนสั่งงานจะมองว่าไม่ทำอะไร หรือเป็นเฉพาะบ.มึงเองหว่า

งานตามจริงมันไม่ได้ทำต่อหน้าโปเกม่อน มันเป็นคนวางแผน กับประสานงานกับลูกค้าที่มึนๆ ว่าอยากแดกอะไรกันแน่
ทำให้ลูกค้ามองเห็นถึงรสชาติที่ชอบ แล้วอยากจะกินเมนูนี้จริง

หรือพูดง่ายๆ ไอ้ตัวนี้น่ะ ต้องรู้ทุกอย่างใน project ว่าจะต้องใช้ชิ้นส่วนอะไรบ้าง มาประกอบให้ออกมาเป็นอาหารเช็ตที่ลูกค้าจะแดก

คือจัดทีมโปเกม่อน กากๆ มาปิด job ได้ ถ้าโปเกม่อนตายหมดก็โดดลงสนามได้ด้วย เพราะมันคือร่างอีโวของโปเกม่อน
บริษัทจ่ายให้คนนี้สูงก็ไม่แปลก เพราะขาดโปเกม่อนไปดักตามป่าได้ แต่ถ้าขาดไอ้ตัวนี้มันจัดทีมโปเกม่อนตบ project ใหญ่ๆ ไม่ได้

764 Nameless Fanboi Posted ID:RaXoQHdKrZ

>>763 ในมุมมองกุคือคนเหนื่อยมันคือโปเกม่อนไง มาสเตอร์แม่งแค่ยืนคุม

765 Nameless Fanboi Posted ID:PYjcxFV+0Z

>>764 ไม่ว่าใครเวลาทำงานก็มองว่า ตำแหน่งตัวกูเหนื่อยสุดทั้งนั้นล่ะ
ถ้าคิดว่าสบายกว่า แนะนำให้ลองทำดูเพราะทำแล้วไม่มีอะไรเสีย เงินเดือนเยอะกว่าด้วยนะ

766 Nameless Fanboi Posted ID:RaXoQHdKrZ

>>765 ต้องมีใบเซอของไรไหมวะ

767 Nameless Fanboi Posted ID:PYjcxFV+0Z

>>766 ไม่ต้องใช้

768 Nameless Fanboi Posted ID:sc7PmWntpN

สลัมมาสเตอร์ก็แล้วแต่คน แล้วแต่บริษัทด้วย ที่กูเจอมาบางคนนี่คือทำงานหนักและสำคัญจริง
บางคนคือมีปัญหาอะไรที่เป็นหน้าที่มันไม่สนใจอะไรซักอย่าง โบ้ยให้คนตลอด ทำอย่างเดียวคือเสนอหน้าเวลานายมาตรวจงาน

769 Nameless Fanboi Posted ID:L.8f2hUtxX

สลัมมาสเตอร์บ.กูก็ดูโคตรเหนื่อยจริง โดนไดเรกเตอร์เรียกไปสั่งสอนบ่อยๆอีก เห็นแล้วกูคิดได้เลยว่าไม่อยากเป็นสลัมมาสเตอร์

770 Nameless Fanboi Posted ID:0DPFYxW2Wr

>>755 บอสัทกุว่ะ รับ requirement จากหัวหน้ามาทีละนิดๆ แล้วค่อยๆ เขียนโปรแกรม เขียนเสร็จก็ไปรับมาอีกนิดละก็ทำต่อ เอกสารเหรอ flow เหรอ ไม่มีหรอก มีอีกทีก็ user manual นุ้นละสัส พอคนอื่นมาต่องานนี่งงชิบหาย

771 Nameless Fanboi Posted ID:yWxIGu.7u6

โปรแกรมเมอร์นี่ตายตั้งแต่อายุยังน้อยทุกคนจริงป่าววะ
ไปอ่านงานวิจัยมาการนั่งทำงานติดกันนานๆเพิ่มอัตราการเกิดโรคทางหลอดเลือดและหัวใจ
แถมนั่งหน้าจอนานๆแม่งก็มีความเครียดอยู่แล้ว ต่อให้เล่นเกมก็เถอะ

772 Nameless Fanboi Posted ID:02/6Tusjra

>>762 คนที่ควรได้เป็นแสนก็มี เก่งจริงๆ จังๆ งานยากนะเว่ย และน่ารำคาญต้องดีลกับลูกค้า

แต่พวกไม่ทำเหี้ยอะไรก็เยอะมาก บางคนก็ชอบสร้างความฉิบหายด้วยการไปคุยอะไรเหี้ยๆ ตกลงเหี้ยๆ กับลูกค้าโดยไม่มีความรู้ เสร็จแล้วก็เอางานพินาศๆ มาให้ในบ.ทำ กูซึ่งเป็นคนทำก็จะด่า ให้ไปคุยมาใหม่ อะไรผิดก็ไปแก้กับลูกค้า ถ้าไปรับปากอะไรมั่วๆ โดยไม่ถามกูก่อนกูก็ด่า กูไม่รู้สึกว่าใครเป็นหัวหน้าใคร ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำให้ดี ไม่ใช่ทำงานบ้าบอคอแตกดีแต่ชี้นิ้วสั่งชาวบ้าน

773 Nameless Fanboi Posted ID:3Mr9xlC8cJ

https://www.testdome.com

774 Nameless Fanboi Posted ID:YcCAabgo63

โปรเจคคนอื่นทำบน visual studio 2015 ถ้ากุเอามาทำเครื่องกุ visual studio 2017 เวลา commit ไป เครื่องคนอื่นที่ push ไป จะติดปัญหาไรป่าววะ

775 Nameless Fanboi Posted ID:AIbYWPHQ5R

พวกมึงมีใครเคยไปงานแนวๆ Hackaton มั้ย คือกูได้ตั๋วมาแล้วกูสนใจอยากไปฟังบรรยาย+ดูบรรายากาศงาน
แต่ให้ไปสุมหัวทำ product ข้ามคืนอะไรนี่กูไม่ค่อยสนใจอ่ะ ส่วนมากคนที่ไปนี่อยู่ทำงานข้ามคืนกับจริงๆเลยป่าววะ
ถ้าฟังบรรยายเสร็จกลับเลยจะน่าเกลียดมั้ย

776 Nameless Fanboi Posted ID:td.wvlXptH

>>775 ในไทยไม่ได้อะไรหรอก มันคืองานสัมมนาทั่วๆ ไป
ส่วนถ้า ตปท. คือไปแดกเบียร์ หาคนงาน กับ connection

777 Nameless Fanboi Posted ID:yAb3Lw2LFy

บริสัดกุ go live มา เดือนกว่า user เปลี่ยน Req ใครเคยเจอประสบการ์ณแบบนี้บ้างว่ะ ปล. ตังไม่ได้เพิ่มนะ เพราะทำให้บริษัทตัวเอง ไม่รู้ผิดที่กุวางระบบไม่ดี หรือ user งี่เงา

778 Nameless Fanboi Posted ID:bn67s1MfAz

>>775 ถ้ามึงพูดอิ้งได้แนะนำbkkhack ได้ความรู้มากกว่าเยอะ

779 Nameless Fanboi Posted ID:63ffIfBe/F

มีเหตุผลอะไรที่พวกมึงใฃ้ svn แทน git หรือ tfs

780 Nameless Fanboi Posted ID:2bq9avpCmo

>>779 ชอบความเรโทรชิคๆคูลๆ

781 Nameless Fanboi Posted ID:CI7chi.1Jn

>>779 งานที่ทำเน้นความลับ และความปลอดภัยสูง เครื่องที่ใช้เขียนโปรแกรม ไม่ได้อนุญาติให้เชื่อมต่อ Internet

782 Nameless Fanboi Posted ID:8fY8OTmLgy

>>779 เพราะบริษัทไม่ไว้ใจลูกจ้าง

783 Nameless Fanboi Posted ID:l93mn0IX/N

>>781 >>782 ไม่เกี่ยวนะ บริษัทเก่ากูเข้มเรื่องข้อมูลมาก (ใช้อินเตอร์เน็ตได้ แต่เปิดได้แค่บางเว็บ)
ก็ยังใช้ git กันเลย แค่ตั้ง server ใช้กันเองภายใน ไม่ได้เอาไปไว้บน server ข้างนอก

784 Nameless Fanboi Posted ID:CI7chi.1Jn

>>783 แล้วแต่บริษัทว่ะ บางบริษัทกลัวขึ้นสมองกลัวว่าเดี๋ยว google , ms , fb มัน track ได้เลยห้ามใช้ git

785 Nameless Fanboi Posted ID:8fY8OTmLgy

>>783 แบบนั้นคือเข้มมากแล้วเหรอวะ

786 Nameless Fanboi Posted ID:RRb.sNNxc1

>>784 ตั้ง server git เองทำเป็น internal ก็รอดแล้วนะ

787 Nameless Fanboi Posted ID:8j6KS5L3da

>>786 มันทำได้แต่ workflow มัยเยอะกว่า svn ไง

788 Nameless Fanboi Posted ID:Uk695OoWbD

พวกมึงเคยออกจากบริษัทเก่าแล้วเค้ามาถามงานที่ราเคยทำบ่อยๆ ป่ะ แบบติดปัญหานุ้นนี่ทำไงจะเช็คยังไง
คือกุออกมาละ ตอนกุออกไม่มีใครมา transfer โปรเจคต่อจากกุเลยอ่ะ กุเลย commit code ล่าสุดให้ก่อนออก พอกุออก เท่าที่ทราบ ก็ยังไม่มีใครดูโปรเจคต่อจากู(สงสัยคนขาด) แล้วทีนี้พอมีปัญหา พี่ที่ทำงานกับกุ(ซึ่งไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ เค้ามีหน้าที่ติดต่อกับลูกค้า) ก็มาถามกุว่านุ้นนี่นั่นแก้ไง ทำไง ช่วยคิดวิธีแก้หน่อย กุก็ตอบๆ ไปตามแต่ที่จะช่วยได้ กุเลยนั่งคิดว่าแล้วบริษัทไม่คิดจะหาโปรแกรมเมอร์มาดูหน่อยเหรอวะ หรือคิดว่าพี่ที่เค้าทำงานสนิทกับกุ เลยให้มาถามกุตลอด คือคนที่มาทำต่อมันก็ต้องมีแกะโค้ดคนเก่าปะวะว่านุ้นนี่นั่นยังไง (ขนาดกุมาทำแรกๆ ยังแกะโค้ดเองแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนไปหลายวัน เพราะตอนนั้นกุถามใครไม่ได้ คนเขียนคนเก่าก็ออกไปแล้ว)
ปล 1. ตอนออกไม่มีใครมา transfer จริงๆ
ปล 2. ระบาย 55555

789 Nameless Fanboi Posted ID:tYUcA.IwSx

>>788 อย่าไปยอม เป็นกูถามกลับตรงๆเลยนะ อย่างน้อยให้โปรแกรมเมอร์คนใหม่มาถามงานมึงยังดูดีกว่า

790 Nameless Fanboi Posted ID:L8mQWEfIdT

>>788 มึงมันเลวไม่ยอมทำคู่มือไว้ ผิดๆ

ทุกปัญหาแก้ได้ด้วยการเก็บเงิน บอกไปว่า คิดค่า support โทรถามก็เก็บเงินครับ
บางทีงานมันไม่ซีเรียสมากจนต้องถามมึงเลยก็ได้เมื่อมึงคิดเงิน ถ้าซีเรียสจริงมึงก็ได้เงิน happy ทั้งสองฝ่าย

791 Nameless Fanboi Posted ID:Zsh9bpSYDp

The IP address has been identified as an open proxy or VPN service and therefore rejected.

792 Nameless Fanboi Posted ID:Zsh9bpSYDp

>>790 กุ >>788 เอง ประเด็นคือไม่มีใครทำเอกสารเลยอ่ะขนาดเอกสาร design, flow ยังไม่มี บริษัทมีแต่โปรแกรมเมอร์ล้วนๆ SA ยังไม่มี โปรแกรมเมอร์ที่มี fullstack ก็ไม่ใช่ สรุปทุกคนโค้ดอย่างเดียวตาม requirement ของ BA (ซึ่งบอกมาทีละนิดๆ โค้ดเสร็จก็ไปถามต่อ) กุเคยได้ยินเจ้าของบริษัทคุยกับ sale ว่าบริษัทเน้นโค้ดไม่เน้นเอกสาร กุนี่อึ้งไปเลย และมารู้ทีหลังว่าพึ่งมีสโลแกน เน้นโค้ดไม่เน้นเอกสารได้ประมาณปีสองปีก่อนกุเข้ามา เอกสารที่มีคือ manual user หลังโค้ดเสร็จ คนที่มาต่อโปรเจค พังงงง

793 Nameless Fanboi Posted ID:6VzG8JJNlO

>>792 งั้นยินดีด้วยที่มึงออกมาได้ เพราะบริษัทลักษณะนี้รอนับเวลาเจ้งอย่างเดียว

*ถ้าถามงานยังไงกูก็แนะนำว่าคิดเงินนะ อย่าทำฟรี

794 Nameless Fanboi Posted ID:1Cd52HwYyb

zukxd6fkxqn.com มันคือเว็บอะไรวะ malwarebytes เตือนทักครั้งที่เข้า firefox

795 Nameless Fanboi Posted ID:6gbC.wx33/

>>794 รู้อย่างเดียวเครื่องมึงติดไวรัสแล้วอาจจะเป็นไวรัสขุดเหมือง ค่าไถ่ หรือยิง ads ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่ง backup ข้อมูลด่วนๆ

796 Nameless Fanboi Posted ID:1Cd52HwYyb

>>795 ติดหรอวะ คือมันแจ้งว่าบล็อกเอาไว้นะ

797 Nameless Fanboi Posted ID:UhtD6s/ayQ

https://twitter.com/denrimo_/status/1035477096481533952
คิดว่าไงมั่ง

798 Nameless Fanboi Posted ID:YtE7tvjpv7

สมาคมโปรแกรมเมอ ทำไมมันชอบดราม่ากันบ่อยจังว่ะ

799 Nameless Fanboi Posted ID:exFU8hHATx

>>797 เด็กทั้งคู่ ทั้งบริษัทที่ไม่ทำตัวเหมือนบริษัท แล้วก็โปรแกรมเมอร์กาก

800 Nameless Fanboi Posted ID:0Lwy4ViDjY

>>799 กูว่าแค่เล่นมุกกันนะ เคยเห็นฝรั่งเล่นมุกแบบนี้มาก่อน แต่ดูเสร่อมาก

801 Nameless Fanboi Posted ID:9dYGSARXuL

ถ้ากูได้sqlแล้วพวกrelational database, data warehouseได้ไม่เยอะมากจะเป็นอะไรปะวะ เรียนพวกนี้ไม่เข้าใจว่ะได้แต่ภาษา

802 Nameless Fanboi Posted ID:ledY3rVcij

>>801 มึงจะไปทำสายไหนละ แต่ถ้ามึงได้ภาษาถือว่ามีชัยไปกว่า 70 เปอเซน

803 Nameless Fanboi Posted ID:p2bgOP/Lyr

>>802 ได้แต่ญี่ปุ่นวะ

804 Nameless Fanboi Posted ID:llnYxHiTrJ

>>803 ถุ้ย กุนึกว่ามึงได้ eng สัด

805 Nameless Fanboi Posted ID:dbDdtzQWrB

>>802 กูหมายถึงว่าได้ภาษาsql engกูก็พอได้อยู่ เพราะอ่านtextbookของฝรั่ง กับฟังที่สอนออนไลน์เข้าใจ อยากทำสายprogrammer ไม่ก็web developer

806 Nameless Fanboi Posted ID:48+CF3td2U

>>805 กุว่าไม่น่ารอด ภาษากุเปิดกูเกิ้ลเอาก็ได้

807 Nameless Fanboi Posted ID:RVMkk0I+8.

หวัดดีครับเพื่อนโม่ง พี่โม่ง เพิ่งเรียนจบมาแล้วแต่รู้สึกไม่อยากทำงานสายที่เรียนมาเลย (อยากทำอะไรที่ใช้สมองมากกว่านี้) เลยอยากเปลี่ยนมาเริ่มต้นใหม่กับทางสาย Developer บ้าง เลยอยากทราบแนวทางที่ถูกต้องพอจะมีโม่งแนะนำได้ไหมครับ ความรู้พื้นฐานก็
-เคยเรียน Java ตอนปีหนึ่งได้แค่พื้นฐานพอถึงประมาณสร้าง Function, For loop, Recursion, ได้ไอเดีย OOP นิดหน่อย
-เคยเขียน chrome extension เล่นๆอันนึง
ลองอ่านๆมาเห็นบอกให้เริ่มต้นเรียนจาก MOOC หรือว่าควรทำอะไร

808 Nameless Fanboi Posted ID:DU8Gh24g62

>>805 งั้นรอด แต่มึงต้องเลือกก่อนว่าจะเป็น frontend หรือ backend หรือ full stack ถ้าให้กุแนะนำ full stack

809 Nameless Fanboi Posted ID:Yylt/JC.s6

ปี4ฝึกงานที่ไหนดีวะระหว่างstart up กับพวกบริษัทกลางใหญ่ ฝีมือกูไก่กามาก

810 Nameless Fanboi Posted ID:N/g6XkkGeS

>>809 startup หรั่ง > บริษัทใหญ่ > บริษัทกลาง > software house

811 Nameless Fanboi Posted ID:y0TXpKDdtN

ระบบถูกสร้างให้โปรแกรมเมอร์ต้องย้ายงานทุกปี

812 Nameless Fanboi Posted ID:vBcbn7.Tsi

ปี 4 ยังต้องฝึกอีกเหรอวะ

813 Nameless Fanboi Posted ID:Q5qWBZ9CC9

>>812 ขึ้นปี 4 ดิ

814 Nameless Fanboi Posted ID:TXrL8tZcK+

เรียน Java เรื่อง Class มาแต่เรียนไม่รู้เรื่อง
อาจารย์ให้ทำการบ้านเขียนตัวอย่าง Class ใน Java มา จะลอกโค้ดนี้ไปส่ง แต่จะแก้ไขยังไงดีไม่ให้อาจารย์จับได้

public class GateApplication {

public static void main(String[] args) {
Gate gate = new Gate();

while (true) {
if (gate.zombieAttemptToEnter()) {
gate.close();
} else {
gate.open();
}
}
}

}

815 Nameless Fanboi Posted ID:4dl6SetS8q

>>814 เรื้อนกระทู้ซอมบี้ก็พอมั้ย

816 Nameless Fanboi Posted ID:fRHWy.6c2o

กูถามหน่อย ไอพวกbackend , frontend , fullstack developer มันหมายถึงพวกทำงานด้านเว็บอย่างเดียวไหมวะ?

817 Nameless Fanboi Posted ID:RX7/7/Ylw5

>>816 ไม่

818 Nameless Fanboi Posted ID:C6DCGFatrr

จะไปหาอ่านพวกเทคนิกการ optimize Code C# ที่เป็นภาษาไทยจากไหนได้บ้าง ที่ไปลองหาดูก็ประมานนี้
https://boxwolf.net/2018/10/optimize-program-by-caching-variables/?fbclid=IwAR1Bd_KcvSYk-QypkovF7nvicsdAEAGJzUCfX9o1MwjRrvo7gLxDYU8R6c4

819 Nameless Fanboi Posted ID:vVE.5fzwy6

ถามหน่อยดิ วิดวะคอมนี่แม่งเขียนโค้ดอย่างเดียวยันเรียนจบป่าวอะพอดีอยู่ปี 1 พี่บางคนบอกใช่บางคนบอกไม่ใช่ คือกูว่าโปรแกรมมันไม่ใช่สำหรับกูเลยอะถ้าโค้ดเป็นหลักยันเรียนจบนี่กูว่าจะซิ่วแต่ถ้าไม่กูว่าจะลองสู้ดู ขอประสบการณ์มาแชร์หน่อย

820 Nameless Fanboi Posted ID:l7ZmGCq/sV

>>819 ถ้าไม่ชอบเขียนโค้ดก็ออกมาเหอะ เหมือนมึงอยากเรียนทำอาหารแต่ไม่ชอบการปรุงอาหารอะ
ว่าแต่มึงเข้าไปวิทคอมตั้งแต่แรกเพราะอะไร? ถ้าไปเพราะชอบคอมกับเกมนี้รีบออกมาเลยนะมึงถ้าทนเรียนไปถึงปี 3-4 แล้วจะเสียดายค่าเทอม

821 Nameless Fanboi Posted ID:REBVRCGcRB

>>820 ใช่ เรียนตกงานอยู่เนี้ย เสียดายเงิน

822 Nameless Fanboi Posted ID:2x4gGGIIn8

วิดวะคอมอะมึงไม่ใช่วิทคอม กูเข้าไปเพราะไม่รู้จะเรียนอะไรละกูชอบอยู่กับคอมแล้วก็ชอบเรียนคณิตแต่พอไปเขียนจริงๆแล้วแม่งกลับรู้สึกว่าไม่ใช่

823 Nameless Fanboi Posted ID:ACSaAL1fH6

ออกดิรอไร อยู่ไปเสียเวลา

824 Nameless Fanboi Posted ID:bi/88EMa7N

>>822 โทดอ่านผิด แต่ยังไงมึงก็ต้องเขียนอยู่ดี กูถึงแนะนำให้ออกถ้าหากไม่ชอบเขียน มันจะเสียเวลาไงมึง
อะไรที่แม่งมีคอมก็ต้องเขียนโปรแกรมหมดแหละ ขนาดคอมธุรกิจยังต้องเขียนเลยแต่อาจจะน้อยกว่าเพื่อน

825 Nameless Fanboi Posted ID:P6S8SUM30s

>>824 กูลองดูเทอมนี้ก่อนละ จบเทอมถ้าแม่งไม่ใช่จริงๆกูค่อยย้ายไปอุสา
ว่าแต่ IT support ก็ยังต้องเขียนโปรแกรมหรอวะ คือกูเขียนได้นะแค่ไม่ชอบ

826 Nameless Fanboi Posted ID:kNawOfxAlK

>>825 ก็ถ้ามึงทำงานจริงๆ IT support ไม่ต้องเขียนโปรแกรมก็ได้
แต่กูหมายถึงเวลลาเรียนไง ทุกวิชาที่แม่งมีคอมอยู่ในชื่ออะต้องผ่านการเขียน แต่ถ้าเป้ามึงคือ IT support ก็ทนๆเขียนไปเหอะหรือย้ายไปสาขาอื่นก็ได้

827 Nameless Fanboi Posted ID:NjrcFZhu5Q

ทำไมเป้าหมายมึงเบสิคจังวะ it support แม่งงานจับฉ่ายสัดๆ

828 Nameless Fanboi Posted ID:kREte8dnrq

ไม่ชอบเขียนโปรแกรมต้องออกว่ะ
กูเตะฝุ่นมาจับการเกษตรกับงาน 6 พันบาทต่อเดือนเนี้ย

829 Nameless Fanboi Posted ID:OWmNSwadoo

เค ขอบใจมากเพื่อนโม่งกูว่าเทอมสองกูหนีไปอุสตาดีกว่า

830 Nameless Fanboi Posted ID:ugQLTE66DJ

It กับ คอมธุรกิจอันไหนหางานง่ายกว่ากันอ่ะ
กูไปเห็นมา it แพงกว่ามากๆเลยล่ะเลยสงสัย

831 Nameless Fanboi Posted ID:kNawOfxAlK

>>830 ขึ้นอยู่กับว่ามึงจะทำงานเป็นอะไร และมึงสามารถโต้รุ่งแก้งานได้ขนาดไหน

832 Nameless Fanboi Posted ID:hF5JSR4SW5

>>831 หนูเขียนโปรแกรมไม่ถนัดอะพี่แต่เรื่องอื่นพอได้นะ

833 Nameless Fanboi Posted ID:M7E/pIjHBr

>>832 เย็ดเก่งไหมครับ? ถ้าเย็ดไม่เก่งมาเรียนการเย็ดทีีโค๊ดสตาร์์ได้นะครับ

834 Nameless Fanboi Posted ID:r+pgvRp7ip

>>831
โต้รุ่งแก้งาน = วางแผนไม่ดี
ปล่อยให้ลูกค้าขอแก้งาน = วางแผนไม่ดี
เขียน code แล้วพัง = วางแผนไม่ดี
แก้ code ช้า = ขี้เกียจไม่ยอมทำความสะอาด code
แก้ bug เยอะ = ขี้เกียจไม่ยอมทำ Automated Testing

837 Nameless Fanboi Posted ID:MJvudclLi6

>>835-836 พวกมึงกลับมากันแล้วเหรอ?

838 Nameless Fanboi Posted ID:KE.YEBQA8u

>>825 เอาตรงๆกูเลยนะ คือถ้ามึงจะเรียนวิดวะคอมเพื่อมาทำit supportมึงอย่าเสียเวลาเรียนเลย โคตรไม่ตรงสาย และ it supportแม่งเป็นสายงานที่สำหรับกูคือไม่ต้องเรียนมาก็ได้อะ ประสบการณ์แม่งสำคัญกว่า

839 Nameless Fanboi Posted ID:nk3ci9d2O4

>>838 รอจบเทอมกูไปอุตสาหการแล้วล่ะ

840 Nameless Fanboi Posted ID:ewp6++RxGT

วิศวคอมเขาไว้ทำงานโรงงานกันเมิงเขียนโค้ดคุมเครื่องจักร

841 Nameless Fanboi Posted ID:pJNMqReW.K

กลุ่มสมาคม นอกจากขายบัตร เข้างานโค้ด มีเนีย ก็ไม่มีสาระอะไรเหลืออีกเลย เต็มไปด้วยดราม่า กับโพสจากเลเวล 1
ส่วนงานขายบัตร ก็พอเข้าใจว่าหารายได้ เพื่อให้สมาคมอยู่รอดต่อไป
หลายคนเขาก็ออกไปตั้งกลุ่มเอง
เช่นกลุ่มโปเกม่อนน้ำใส
กลุ่มชมรมเดฟเจ็บคอ
กลุ่มคนเขียนโปรแกรม
และอีกหลายๆ กลุ่ม ที่แตกตัวออกไป ตั้งสำนักเอง
จุดนี้สะท้อนถึงอะไรหลายอย่างมาก ในฐานะที่ผมเป็นคนหนึ่งที่ก่อตั้งสมาคม โปเกม่อน ไทย ก็พอบอกได้ว่าลึกลงไปแล้ว
มันมีเรื่องการเมือง เข้ามาเกี่ยวข้อง
จะว่ามีระบบเล่นพรรคพวก ก็ไม่ผิดเท่าไหร่นัก
...
สิ่งที่อยากเห็นมาตลอด จนทุกวันนี้ก็ยังอยากเห็น
คืออยากเห็นชีวิตพวกเรา ชาวโปรแกรมเมอร์ ก้าวไปพัฒนาทัดเทียมต่างประเทศ ทั้งด้านความสามารถ โอกาสทางธุรกิจ และสุขภาพ
...
ผมก็เริ่มจากก้าวเล็กๆ เท่าที่ตัวเองทำได้ก่อน
คือทำเว็บไซต์ให้ความรู้ในด้านการเขียนโปรแกรม แล้วก็แต่งตำรา ทำหนังสืออกมา เน้นนำเสนอเชิงปฏิบัติ
แล้วค่อยๆ สร้างชุมชน ให้โปรแกรมเมอร์ได้คุยกัน
ผ่านไปก็เริ่มสร้างงานให้เหล่าโปรแกรมเมอร์ จากการจ้างเป็นฟรีแลนซ์ รับงานเป็นก้อนๆ ค่อยตามมาด้วยการจ้างงานประจำ
...
สังคมเราจะก้าวไปได้ไกลกว่าที่ควรจะเป็น ถ้าหยุดการเล่นพรรคพวก เอาการเมืองมาผสมผสาน หยุดการดราม่า สาดเสียเทเสียใส่กัน
และมีผู้ดูแลที่เป็นกลาง ทั้งเหล่าแอดมิน ผู้ช่วยแอดมิน จนถึงกองเชียร์
...
แม้ไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ ในกลุ่มสมาคม แต่ก็ยังเฝ้ามองอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ อยู่เสมอ
สักวันหนึ่งความคึกคัก การแลกเปลี่ยนความรู้อย่างสนุกสนาน คงกลับมาอีก เหมือนในสมัยก่อน (ตอนที่ดราม่ายังไม่ระบาดหนัก)
...
CEO บริษัท คอนโทรล ซี จำกัด

842 Nameless Fanboi Posted ID:OI+gEM772N

>>840 วิดวะทำงานโรงงาน กะ คุมเครื่องจักรนี่ วิดวะไฟฟ้านะ แทบไม่เห็นคอมอะ

843 Nameless Fanboi Posted ID:QVrpMilUZ5

ขำแปป... กูรูไอที... เกาะกระแส omg แน่นเลย
กูรู ผู้ไร้ผลงาน ทางด้านไอที...มีเพียงบลอก กับอดีตงานต่างๆ ที่เจ้งหมดละเรียบร้อย...
...
อดีต โปเกม่อนหมดแรง ไม่มีแรงเขียนโค้ดแล้ว แต่ดันเปิดสอนเขียนโปรแกรม
...
งงมาก ทำคลิปมาให้กะลังใจทีเดียว แกลบโพสทันทีเลย
...
#โปรแกรมเมอร์เงินล้าน
#ไม่พูดมากเจ็บคอ

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

844 Nameless Fanboi Posted ID:lWoUK+lTtw

>>843 แซะใครวะ ไม่เก็ท

845 Nameless Fanboi Posted ID:QVrpMilUZ5

>>844 nuuneoi

846 Nameless Fanboi Posted ID:+KWctzr.J0

เนยมันเชียร์ zmn หลอกคนซื้อไปรอบนี่นาไหงมาเลีย omg ได้วะ

ส่วนคอร์สเขียนโปรแกรม พูดแล้วกูช้ำใจชิบหาย เคยโดนหลอกไปซื้อ
แม่งมีแต่น้ำเชี่ยๆ เสียดายเวลาชีวิตชิบ ดูไปเจอ "กรุณาทำโจยท์นะครับ จับเวลา" อยากด่าเฮ**
แถมขายโครงแพง รู้งี้กูกดคอร์ทฝรั่ง 300 ดีกว่า

847 Nameless Fanboi Posted ID:Ts2Gdj3Lz8

>>846 ไม่ทำโจทย์แล้วจะเก่งได้ยังไงขอถาม

848 Nameless Fanboi Posted ID:7GndMbIRgL

>>847 เคยหลงซื้อคอส online มันไปคอส อยากขอเงินคืนชิบหาย คอส online ที่ไหนเค้าให้ทำโจทย์นับเวลากัน มีแต่สอนควายๆ แบบไทยเนี่ยล่ะบ้าบา ไม่ได้สอนให้เก่งน่ะ ถ้าดูจบแล้วมีแต่โง่ลง กับล้างสมองให้อวยคนสอน เห้ไม่เห้ มีแต่กล่าวนำบลาๆ ยาวเหี้ยๆ แล้วก็เอ้าทำโจทย์นะครับ... เข้.... แดกเวลาโว้ย

สมุมติ 20 ชั่วโมง คั้นเนื้อมาได้อย่างเก่งไม่รู้จะถึงชั่วโมงหรือเปล่าด้วยซ้ำ เรียนกับมันมีสาธยาาย โคตรพื้นฐาน สอนเขียนโปรแกรมประถมศึกษาเรอะ
กูไม่อยากรู้ซักกะติ๊ด เนื้อหาภาษาที่ใช้เขียนซึ่งเป็นหัวใจหลักจริงๆ โคตรเบบี้ ดูไปดูมา แม่งคนสอนสงสัยเขียนได้แต่ basic โคตรๆ เห้หลายชั่วโมงมันคือ สารคดี เล่าประวัติภาษากับ เรียนพื้นฐานโปรแกรมทั่วไป กับล้างสมองให้อวยคนสอนเรอะ

พอเทียบกับคอสฝรั่งแม่งคนละอย่าง คอสฝรั่งมาเริ่มทำ project ลุยไปเลย a b c เริ่มจากง่ายไปยาก แล้วมันก็เล่าวิธีเขียนวิธีแก้แบบกระทัดรัดจบ แม่งหนังคนละม้วน อันนี้เรียนจบใช้งานจริงได้ ผิดกับคอสไอ้บ้านั่น

849 Nameless Fanboi Posted ID:7u3zb94HRU

>>847 นี่มึงถามจริงๆหรือโทรลวะ?

850 Nameless Fanboi Posted ID:b9.FbL1mwF

จะโม่งแตกมั้ยวะ... กูกลุ้มใจกับน้องใหม่ในทีมมาก ตอนรับเข้ามาบอกเคยทำอะไรมาเยอะมาก
ให้ทำงานจริงๆ syntax พื้นฐานของภาษาที่ใช้ยังเขียนผิดๆถูกๆ
รันแล้ว error message บอกว่าผิดยังไงอยู่ตรงหน้าก็ไม่อ่าน
บอกว่าอย่า commit file ที่ไม่เกี่ยวเข้ามาก็ทำอยู่นั่นแหละ
เรื่องพื้นๆบางอย่าง search หาเองไม่เป็น บอกไม่รู้ว่าต้อง search ว่าอะไร
ลองปล่อยให้ลองทำเองก็เขียนโค้ดมาแบบเละมากซะจนรู้สึกว่าเค้าไม่มีสามัญสำนึกว่าอะไรควรไม่ควรเลย
กูก็แก่กว่าไม่กี่ปี แต่ก็รู้สึกว่าตอนกูเรียนจบใหม่ๆไม่ได้ทำอะไรไม่เป็นเลยขนาดนี้

851 Nameless Fanboi Posted ID:HWibdj2fiW

>>850 เอาหนังสือ Extreme Programming Explained ปาใส่หัวมันให้สลบ
พอฟื้นก็เอา Clean Code: A Handbook of Agile Software Craftsmanship กรอกปากต่ออีกรอบ

852 Nameless Fanboi Posted ID:c6hMt/EN3l

>>849 ถามจริง ๆ ไม่ว่าอยากจะเก่งอะไร ทั้งคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ หมากกระดาน สิ่งที่จะทำให้ฝีมือไปเร็วคือทำโจทย์

853 Nameless Fanboi Posted ID:c6hMt/EN3l

>>848 พื้นฐานมันก็สำคัญไม่ใช่เหรอ

854 Nameless Fanboi Posted ID:QvjVoA9BKF

>>851 Extreme Programming Explained นี่กูยังไม่เคยอ่าน แต่ Clean Code นี่กูไม่รู้ว่าไล่น้องไปอ่านจะได้อะไรมั้ย
ไล่ไปอ่านพวกสรุปวิธีใช้ tool ง่ายๆในเน็ตหรือไปนั่งสอนน้องยังไม่ได้อะไรเข้าหัวเลย

855 Nameless Fanboi Posted ID:HWibdj2fiW

>>853 ถ้าชื่อคอสมันบอกว่า เขียนโปรแกรมพื้นฐาน และความรู้เบื้งต้นไม่ผิด
แต่อันนี้มันไม่ได้บอกว่าคอสพื้นฐานความรู้เบี้องต้นเท่านั้น ไปบอกชื่อคอสว่าเขียนโปรแกรมภาษาxxxx (ไม่มีคำว่าเบื้องต้น)
เหมือนมึงไปซื้อน้ำปลา ได้กระปิ เข้าข่ายหลอกขายเพราะของไม่ตรงปก

856 Nameless Fanboi Posted ID:UgOpm1Rof6

>>855 อย่าไปฟีด มันแค่มาโทรล

857 Nameless Fanboi Posted ID:c6hMt/EN3l

>>855 นี่เรียนคอร์สเดียวกันหรือเปล่านี่ มันก็สอน advance อยู่นะ เราเคยไปเรียนตอนที่ไม่เป็นวิดิโอ พวกหลาย ๆ อย่างมันเป็นพื้นฐานที่ดีมาก แถมงาน production นี่ทุ่มเทจริง ๆ

858 Nameless Fanboi Posted ID:c6hMt/EN3l

ว่าแต่พี่หนูเนยนี่ก็ดูเป็นคนดี ช่วยเหลือสังคมโปรแกรมเมอร์ มีมุมที่คนหมั่นไส้ด้วยเหรอ

859 Nameless Fanboi Posted ID:HWibdj2fiW

โทรหรือเจ้าตัวมาโพสเองว่ะ 555 เอ้า เดี๋ยวตอบให้

>>857 คอสสวะ สอนให้คนมาบูชา มีแต่เอ้าทำโจทย์ นะครับแบบ >>848 พูด เด๊ะ
ยิ่งคอส online มันไม่ควรใช่ป่ะ ส่วน advance ในความหมาดคือระดับอนุบาล? เบื้องต้นขนาดนั้นเด็กๆ หัดเขียนก็รู้แล้วป่ะ

>>858 เคยมีโครงการช่วยเหลือ โดยการหลอกควายไปติดดอยเหรียญ crypto หมดตัวลงไม่ได้ มานักต่อนักแล้วจ๊ะ

860 Nameless Fanboi Posted ID:c6hMt/EN3l

>>859 แล้วยังไงนะที่สอนให้คนมาบูชามาอวยคนสอน อธิบายทีสิ

861 Nameless Fanboi Posted ID:UgOpm1Rof6

ฮี้ กรุบกรับ

862 Nameless Fanboi Posted ID:uQ2iXhTSJ5

>>860 แล้วสอน advance ยังไงหน้าม้าช่วยอธิบายทีสิ

อวยคนสอนเดี๋ยวกูบอกให้ได้
-มาเรียนกับผมแล้วจะทำให้ไม่ต้องไปฝึกเองหลายปี นะจ๊ะ หลักสูตรผมดีเลิศประเสริฐศรี
-เอาเริ่มฝึกโดยการใช้ library ที่ผมคิดเอง(โดยการก็อปชาวบ้าน) เลยนะครับ

แถมอวยตัวเอง ทางอ้อม เป็น jedi ผมจะ feed คนเข้าระบบให้มากที่สุดด้วยการสอนนี่นะจ๊ะ

...แค่อ่านบล็อกมันฝ่านๆ ก็ผะอืดผะอมแล้ว

863 Nameless Fanboi Posted ID:c6hMt/EN3l

>>862 หนูเนยเค้าก็ไม่ได้บอกจะสอน advance แต่แรกป่ะว้า แต่พื้นฐานดีมันก็ต่อยอดไปทำอะไรได้เยอะละ

864 Nameless Fanboi Posted ID:c6hMt/EN3l

สิ่งที่คุณจะได้จากคอร์สนี้
คอร์สอบรมนักพัฒนาแอนดรอยด์ที่จะเปลี่ยนคุณจาก Java Developer ให้กลายเป็น Android Developer พร้อมช่วยให้คุณประหยัดเวลาศึกษาด้วยตัวเอง 1 ปีแล้วไม่รู้ไปถูกทางหรือเปล่า ให้เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมงและไปถูกทางแน่นอน

คอร์สถูกออกแบบมาด้วยความเชื่อที่ว่า ประสบการณ์เป็นครูที่ดีที่สุด จึงเน้นการลงมือทำเป็นหลักพร้อมอธิบายทุกอย่างอย่างเข้าใจง่ายในทุกสิ่งที่ทำ เนื้อหาอธิบายด้วยภาษาง่ายๆและสื่อการสอนถูกออกแบบมาให้เข้าใจง่ายจนรู้สึกเหมือนว่าแอปแอนดรอยด์กลายเป็นของที่จับต้องได้ เพื่อให้สอดคล้องกับระบบการเรียนรู้ของมนุษย์

ความยากของเนื้อหาจะอยู่ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงเลยระดับกลางไป โดยการสอนจะเน้นไปที่ "แก่น" หรือ "Fundamental" ให้สุดท้ายทุกคนสามารถคิดต่อเองได้และสามารถประยุกต์ไปยังงานที่ตัวเองต้องการได้อย่างง่ายดาย

เนื้อหาถูกเรียบเรียงใหม่หมดเพื่อให้เหมาะสมกับการเรียนในแบบออนไลน์ จะใช้การเปรียบเปรยสิ่งต่างๆในแอนดรอยด์เข้ากับวัตถุในโลกจริงเพื่อความเข้าใจง่ายซึ่งมั่นใจมากว่าเข้าใจง่ายและเป็นมิตรต่อนักพัฒนา โดยผ่านการพิสูจน์มาแล้วจากคลาสสอนสดกว่า 20 ครั้ง

==========

อ่านซะ การสอนเน้นที่ "แก่น"

865 Nameless Fanboi Posted ID:HWibdj2fiW

>>863 ไบโพล่าเรอะ >>857 พิมพ์เองแก้เอง 5555+

866 Nameless Fanboi Posted ID:NRgIwf3Cqu

>>865 "โดยการสอนจะเน้นไปที่ "แก่น" หรือ "Fundamental" ให้สุดท้ายทุกคนสามารถคิดต่อเองได้และสามารถประยุกต์ไปยังงานที่ตัวเองต้องการได้อย่างง่ายดาย"

867 Nameless Fanboi Posted ID:HWibdj2fiW

>>857 ??? แถม ระดับกลางไม่ถึงด้วยซ้ำ

Fundamental = X
เขียนเองอวยตัวเองเอง = O

868 Nameless Fanboi Posted ID:uQ2iXhTSJ5

บันเทิงชิบหาย ตัวจริงมาโพสม้าเองเปล่าวะ เอางี้ ย้ายไปห้อง netwatch ไหม เดี๋ยวมีเรื่องแฉ สนุกๆ อีกเยอะ

869 Nameless Fanboi Posted ID:Xh9SvwESO+

พวกที่มาดิสเครดิต NN นี่คือพวกโค้ดสตาที่เจ็บแค้นเพราะตัวเองกลายเป็นมีม่ ๆ ในโม่งเลยหาคนมาระบานใส่สินะ

870 Nameless Fanboi Posted ID:HWibdj2fiW

เหมือนเห็นคน รี router แว๊ปๆ 555+

871 Nameless Fanboi Posted ID:c6hMt/EN3l

>>870 ใครรีเราเตอร์ครับคุณ

872 Nameless Fanboi Posted ID:NRgIwf3Cqu

>>868 ตั้งเลยสิ จะช่วยชี้แจงให้

873 Nameless Fanboi Posted ID:P8ekwKRDfm

>>>/netwatch/6276/ ตั้งละ

874 Nameless Fanboi Posted ID:2F9k9NTsDK

พอละ เลิกเล่นมุขละ...
ที่จริงผมเขียนโปรแกรมเป็น เก่งเอาเรื่องเลยล่ะ...
ที่บอกว่ามือใหม่หัดเขียน ช่วง 2-3 เดือนนี้ เพราะจะหลบดราม่า แต่ ดูละ
ไอ้พวกนี้ก็ดราม่าอยู่ดี
...
สรุป ผมนี่เคยเข้าแข่งเขียนโปรแกรม
ชนะเลิศ อันดับ 1 รายการ bsc contest 2007 จากผู้เข้าแข่งทั่วประเทศ
...
และสอบได้ใบ cer หลายใบ
...
คนเรามีดี ไม่ต้องอวดอ้าง แต่รอบนี้ขอนิดนึง ไม่ไหวกับคนประเภทนี้จริงๆ
เลยต้องตอกสักหน่อย
...
ใครที่อยากได้ความรู้ บางส่วน จากผม ศึกษาได้ที่
www.javathailand.com
www.javathailand2.com
มีสองอันครับ ขอไม่สอนแบบส่วนตัวนะ

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

875 Nameless Fanboi Posted ID:aoY36YL7rd

>>874 กูอุตส่าห์คลิกเพราะไม่เห็นตัว a หลังตัว v

876 Nameless Fanboi Posted ID:7jIdNMbuyi

>>875 มึงอ่านเป็น JapanAudioVideo Thailand ใช่ป่ะ

877 Nameless Fanboi Posted ID:w7tpGGRLGv

>>876 Japanese Animal Video

878 Nameless Fanboi Posted ID:.VOcyYymTi

Justice Animation video

879 Nameless Fanboi Posted ID:6cNGFklQP0

Short Note ตลาด Tech ปลายปี 2018 #ไทยคำอังกฤษคำจัดๆนะ

- ตลาดมือถือกลายเป็นตลาด Consumer เต็มตัวแล้ว แทบไม่มี Innovation มาเกี่ยวข้องละ ถ้าสนใจ Next Era ควรจะ Fade Down จากมือถือได้แล้ว

- Mobile App จบ(ไปนาน)แล้ว จากนี้อยู่ได้ก็แค่แอป ฯ เฉพาะทางที่จำเป็นเท่านั้น แต่ความต้องการ Mobile Developer ก็ยังสูงอยู่ ด้วยเหตุผลบางประการ

- Mobile Games จะยังเติบโตต่อไป แต่ก็จะผูกขาดกับ Publisher เจ้าใหญ่ ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ

- Crytocurrency พิสูจน์ตัวเองระดับหนึ่งแล้วว่าไปไม่รอด คงจะตายไป 99.9% ตามที่คาดไว้ สาเหตุหลักคือ Adoption ไม่เกิดขึ้นจริง

- ใครทำธุรกิจเกี่ยวกับ Cryptocurrency ปรับตัวดี ๆ

- แต่ตัว Store of Value น่าจะมีอย่างน้อยหนึ่งตัว และก็คงหนีไม่พ้น Bitcoin อาจจะใช้จ่ายจริงไม่ได้ แต่คงเก็บมูลค่าได้ คงจะเห็นชัดหลัง Halving ครั้งถัดไป

- Public Blockchain ยังต้องหาตัวเองต่อไปว่าจะไปยังไงต่อ เข้าสู่ Mass Adoption ไม่ได้เพราะยากเกินไป พอคน Mass ใช้ไม่เป็นก็ไม่ใช้กันและมันก็ไม่มีทางเกิด ต้องรอ Generation ต่อไปที่ทุกอย่างง่ายขึ้น อาจจะต้องรอ Crypto Bank เกิด

- แต่ Private Blockchain นี่โตเอา ๆ ทั้งตลาด Enterprise และตลาด B2G ถ้าใครจะจับ Blockchain ควรหันไปทางโน้น ไม่ใช่ Public Blockchain รวยไปหลายรายละฮ้าบบบ

- คาดว่า Public Blockchain น่าจะเหลือรอดแค่ไม่ถึง 10 สาย

- ICO จบแล้ว ต่อจากนี้ถ้าจะมีอะไรรอดก็ STO

- แต่ STO เราคาดว่าน่าจะไม่ขอระดุมทุนจาก Public เท่าไหร่ คงทำเป็น Private Funding กลับเข้าสู่รูปแบบเดิม ก็คือคนทั่วไปน่าจะไม่ได้ลง

- ใครจะทำ ICO Portal คิดดี ๆ ไม่ได้ห้ามทำแต่วางแผนดี ๆ ให้เหมาะสมกับตลาดที่เปลี่ยนไป อย่ายึดเอาโมเดลปีที่แล้วมาทำ เจ๊งชัวร์

- AI เป็น Next Era อย่างเป็นทางการ บอกแล้วบอกอีกและก็ยังจะบอกต่อไป จับ AI ซะแล้วจะรุ่งเรืองในยุคถัดไป

- แม้แต่การเติบโตของตลาดมือถือก็จะผูกกับ AI โดยเฉพาะ Mobile Photography ที่จำนวนเลนส์ยังไม่สำคัญเท่า AI ฉลาด ๆ ถ้า Flagship รุ่นถัดไปของยี่ห้อไหนไม่มี AI มาเกี่ยวข้อง พูดเลยว่าลำบากแล้ว

- ไม่ใช่แต่ Developer ที่ต้องปรับตัว สื่อก็เช่นกัน ถ้าจะยังเล่นแต่เรื่องเดิม ๆ ก็จะจืดละ หันไปเล่นเรื่อง AI แล้วสื่อนั้น ๆ จะโดดเด่นขึ้นมาทันที

- Tensorflow ดูมีภาษีดีสุดในแง่ Production Deployment พี่ Google เค้าวิชั่นดี

- VR ยังหาทางตัวเองอยู่ ด้าน Content Creator ค่อนข้างไม่ชอบที่จะทำ Content VR เพราะถ่ายยากและ Consume ยาก ตลาดนี้จึงไม่โตเพราะ Content ด้วยและตัวแว่นก็ยังใช้งานยากด้วย

- แต่ตลาดที่ Prove แล้วว่าเวิร์คสำหรับ VR คือ Gaming ทั้งแบบ B2C และ B2B2C (ร้านเกม) เสพย์ยากก็เดินเข้าร้านแล้วทุกอย่างก็ง่ายเอง

- AR กลายเป็น Gimmick มากกว่าฟีเจอร์ แต่ก็มีการใช้งานจริงในบางตลาดแล้ว แต่ส่วนใหญ่เน้นไปทาง Entertainment เช่น แต่งหน้า แต่งตัว ก็ไม่ใช่ Everyday Use อยู่ดี พวกส่อง ๆ เล่นเกมมันก็แค่ว้าว สุดท้ายเล่นครั้งเดียวเลิก ต้องหาช่องทางกันต่อไปครับ

ตลาดช่วงนี้มีอะไรเกิดขึ้นเยอะ ปรับตัวกันไปให้ทันนะฮ้าบบบ

880 Nameless Fanboi Posted ID:+3NYfuctIB

สรุปให้ + ความเห็นเพิ่ม

- หมดยุค App กาก แต่ความต้องการ Dev ยังมี เพราะ App ในรูปแบบบริษัทยังมีความสำคัญ ไม่หมดงาน แต่งานงอกเงินเท่าเก่า หรือน้อยลง

- อย่าไปเล่น Crytocurrency ICO ช่วงนี้ รอกลางปีหน้า ถ้าไม่ Fail จะเห็นการ halving ปี 2020
ใครจะซื้อการ์ดจอเล่นเกมก็ซื้อซะ มีเวลาให้ซื้อย่างน้อยไปถึงกลางปีหน้า ส่วน dev ใครจะทำก็ทำไป แต่เงินเดือนจะไม่พาราก้อนเท่าปีที่แล้ว

- หมดยุค VR ตั้งแต่ facebook เท Rift

- AR หลอกแดกได้แป๊ปๆ จบข่าว

- ยุคแห่งการหลอกแดกด้วยคำว่า AI เริ่มขึ้นแล้ว ของจริงมีแค่ไม่กี่เจ้าที่เหลือขยะที่เอาชื่อ AI ไปแปะ

881 Nameless Fanboi Posted ID:d2I6j0X8UA

ถามหน่อยครับเพื่อนโม่ง ปกติงานdev ถ้าเรียกเงินเดือนเรท30-35k นี่ความคาดหวังของบ.เขาจะอยู่ที่ประมาณไหน

882 Nameless Fanboi Posted ID:d2I6j0X8UA

ถามหน่อยครับเพื่อนโม่ง ปกติงานdev ถ้าเรียกเงินเดือนเรท30-35k นี่ความคาดหวังของบ.เขาจะอยู่ที่ประมาณไหน

883 Nameless Fanboi Posted ID:wI53Q8KDkA

crypto นี่มาขาลงแต่ว่าสงสัยว่ามันจะดับสูญไปเลยไหม เพราะเรื่องขุดเหี้ยไรนี่กูไม่ซี แล้วกูไม่สนกับcryptoหน้าใหม่ๆที่ขาดความเสถียรและขาดจุดเด่นด้วยนะ คือ กูคงแลกเปลี่ยนมาเพื่อใช้จ่ายแบบไม่ต้องโดน สคบ. หรือห่าไรตรวจสอบบัญชีย้อนหลังนี่แหละ

884 Nameless Fanboi Posted ID:kS95+1k6uK

>>883 ก็กลับไปเป็นสถานะเดิมก่อนมันบูมไง

885 Nameless Fanboi Posted ID:pDgOhn95mX

>>883 ทั้งซื้อและแลกเป็นเงินโดนหัก​ ณ. ที่จ่าย 15% ตรวจย้อนหลังเหมือนซื้อสินค้าทั่วไป มึงจะใช้ไหมล่ะ

886 Nameless Fanboi Posted ID:AFIvDf.sMt

>>883 แนะนำให้ HODL ไว้นะครับ ฮรี่ๆ

887 Nameless Fanboi Posted ID:ia0vTXvMSb

มีใครรู้จักหรือทำงานบริษัทD-Sci Corปอเรชันที่ทำmytcasมั้ย อยากถามว่าไมงานกาก งบน้อยหรอ

888 Nameless Fanboi Posted ID:enzehIGdBL

>>886 กู HODL ตั้งแต่ 18k แล้วไอ้สันขวาน

889 Nameless Fanboi Posted ID:SvXBYWhssK

var data = Array.apply(null, {length:10000})

ทำไมโค้ดนี้ใน JavaScript เป็นการสร้าง Array เปล่า 10,000 ช่อง

890 Nameless Fanboi Posted ID:QtzqkwoiF/

จะเอาตัวรอดในการทำงานสมัยนี้ จะเก่งด้านเดียวต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องมีความรู้แบบตัว "T"

คือ มีทั้งความรู้รอบตัว/ทักษะด้านอื่น ๆ ที่เอื้อต่อการทำงาน (ทักษะแนวราบ.. หัวของตัว T) และความรู้ที่เชี่ยวชาญของเราเองโดยตรงที่เป็นแนวดิ่ง (แกนลำตัวของตัว T)

ทฤษฎีนี้มีมาหลายปีแล้ว แต่มันเริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ ๆ ๆ ๆ

เช่น วิถีชีวิตของชาวเดฟ..

- จะมาเก่งภาษาใดภาษาหนึ่งหรือแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ต้องรู้ภาษาอื่น ๆ บ้าง

- จะเก่ง coding อย่างเดียวไม่ได้.. ทักษะเกื้อหนุนอย่าง UI/UX, graphic design, database design, admin, network, cloud etc พวกนี้ก็ควรมีวิชาติดตัวเอาไว้บ้าง การมาอ้างว่าผมเป็นแบ็คเอนเดฟ ผมทำฟร้อนท์เอนด์ไม่ได้.. ระวังจะตกงานเอาง่าย ๆ

แล้วนอกจากทักษะที่เสริมวิชาชีพหลักของตัวเองแล้ว ก็ควรใช้เวลาไปพัฒนาทักษะอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับอาชีพหลักติดตัวไว้เป็นทางเลือกในชีวิตบ้างก็ดี

เป็นแรงงานสมัยนี้มันยากนะ แต่มันไม่ใช่เพราะเศรษฐกิจไม่ดี มันเป็นเพราะเราต้องแข่งขันกันมากขึ้นหลายเลเวล ตอนนี้เราต้องแข่งขันกับเครื่องจักรด้วย ไม่ได้แค่แข่งกันเองระหว่างมวลมนุษย์อีกต่อไปแล้ว.. ใครคิดจะย่ำอยู่กับที่ ก็เตรียมเก็บเงินไว้ให้พอใช้ตอนไม่มีงานทำก็แล้วกัน

891 Nameless Fanboi Posted ID:p31.feTVzv

https://web.facebook.com/photo.php?fbid=2553382784704383&set=gm.2437279452952268&type=3
รับสมัครงาน programmer ขาวมาก

892 Nameless Fanboi Posted ID:3HcyY0gWKV

ทำไมruby on railsตามพวกเว็บสมัครงานแม่งรับแต่seniorวะ ไม่เข้าใจ

893 Nameless Fanboi Posted ID:MwkeI.iEu7

>>892 งานด่านงานเร่งงานแพงใช้คนไม่เยอะเอา senior มาคนนึงดีกว่า ใช้ junior หลายคน

894 Nameless Fanboi Posted ID:ExW2irsqSR

กูรู้สึกไม่ชอบความรู้สึกเหยียดผู้หญิงในที่ทำงานของกูเลย แต่ก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปเถียงเค้า
เพราะรับโปรแกรมเมอร์ผู้หญิงมากี่คนๆก็ทำงานห่วยทุกคนจริงๆ
ถึงโดยธรรมชาติผู้หญิงจะสนใจเรื่องเทคโนโลยีน้อยกว่าผู้ชายกูว่ามันก็ไม่ใช่ข้ออ้างว่าเค้าจะทำงานไม่ดีนะ
งานก่อนของกูก็มีผู้หญิงที่ไม่ได้สนใจด้านนี้อยู่ในทีมเยอะ แต่ทำงานออกมาดีกันได้
เหมือนซวยรับคนที่ไม่ตั้งใจทำงานแล้วก็ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบเข้ามามากกว่า

895 Nameless Fanboi Posted ID:IS.0fdOH+.

ก็ไม่เกี่ยวกับเพศจริง ๆ ผู้หญฺงทำงานเก่งมีเยอะ น่าจะอยู่ที่การคัดกรอง

896 Nameless Fanboi Posted ID:sUyjZPZaHV

>>894 ผญ ปัญหาเยอะจริงว่ะ เดี๋ยวดราม่ากับแฟน เดี๋ยวปวดท้องเมน เดี๋ยวไมเกรน กลับดึกบางทีก็ลำบาก

897 Nameless Fanboi Posted ID:NhIrmq5ZZI

>>896 อย่างอื่นไม่รู้แฮะ แต่ในทีมกูพวกดราม่ากับแฟนจนไม่เป็นอันทำงานนี่มีแต่ผู้ชาย...

898 Nameless Fanboi Posted ID:pf50ng5N6Q

นี่กูงงมากกว่าว่าทำไมโปรแกรมเมอร์ ญ ในสายงานนี้มันถึงได้มีสถิติน้อยสัสๆเลย เท่าที่กูเห็นๆมานะ โปรแกรมเมอร์เพศแม่เหมาะกับไปทำงานเชิงสายวิจัยมากกว่า กูเห็นอาจารย์ในภาควิชานี่ผู้หญิงมีส่วนช่วยในการเขียนตำราตีพิมพ์เยอะพอสมควรแต่ว่าต้องระดับเก่งๆมันสมองดีระดับนึงนะ เพราะที่ไม่เก่งไรมาก ดาดๆครึ่งๆกลางๆจะเป็นแบบไอที่โม่งตัวบนๆกล่าวมา แถมบางทีเจอแบบฝีมือกากละรับสภาพสังคมโปรแกรมเมอร์ไม่ได้อีกนี่ก็มี

899 Nameless Fanboi Posted ID:lZ/fjiwUYd

งานมันไม่เป็นมิตรกับการสุขภาพความงามมั้ง

นั่งทั้งวัน แดกจนอ้วน สายตาสั้น เล็บมือไว้ยาวไม่ได้ แถมอยู่นานๆเป็น SJW อีก

900 Nameless Fanboi Posted ID:s7wpYwoS20

>>898 แต่กุว่าน้อยกว่า ผช อยู่ดีว่ะ ส่วนเรื่อง ผญ

อันนี้ส่วนตัวกุนะ ไม่รู้เป็นการเหยียดเพศรึป่าว อะไรที่มันสุดยอด แบบที่ 1 มันต้อง ผช เท่านั้นว่ะ เหมือน ผช มันจะมีแรงขับในการชิงดีชิงเด่นมากกว่า

901 Nameless Fanboi Posted ID:dmO+pt/Xo1

กูดูคลิป “หลักการเขียนโปรแกรมเบื้องต้นจากศูนย์ถึงร้อย” ครบหมดแล้ว ตอนนี้กูกำลังเรียนเขียน C จากเว็บ “Programming.in.th“ ถ้าเรียนจบกูจะเรียน C จากคลิปของ prasertcbs ต่อจนครบ แล้วอยากสร้างเกมง่ายๆที่พอทำได้สักเกมสองเกมเพื่อเป็นการรวบยอดความรู้ทั้งหมดที่เรียนมา จากนั้นกูควรศึกษาเรื่อง oop ต่อหรือเปล่าวะหรือควรทำอะไรต่อไป

902 Nameless Fanboi Posted ID:cd84HGkl8z

>>901 แค่นั้นก็เกินพอ ส่ิงที่มึงควรทำคือลองเขียน project มาซัก 1-2 ตัวก่อน จากนั้นไปดูเครื่อง opp แล้วเอา project เดิมมาเขียนใหม่
ถ้ามึงบ่นกว่า project เดิมที่เขียนไป กาก นั้นคือมึงสอบผ่านแล้ว

เข้าเรื่องอยากเขียน เกมง่ายๆ ไปหา game engine ซักตัวมาลองเล่นดูดีกว่า ไปเอา C มาเขียนทั้งหมด เดี๋ยวมึงได้บ้าตายก่อน คอนเซ็บที่ต้องเล่นกับ time frame คือส่ิงที่ต้องเรียนรู้อันดับแรก

สำหรับ Game engine ถ้าให้แนะนำ แบบใช้ยาวก็ Unity
แต่ถ้ามึงเป็นมือใหม่จริงๆ กูแนะนำให้เริ่มที่ Clickteam Fusion ก่อนจะดีกว่า ถึงพีเจอร์เก่าแล้ว แต่สำหรับทำเกมง่ายๆ ก็เกินพอ อีกอย่างระยะเวลาในการเรียนรู้ engine นี้สั้นมาก ไม่เกินอาทิตย์น่าจะได้เกมง่ายๆ เป็นรูปร่างซักตัว ให้มึงเค้าใจคอนเซ็บ เรื่อง time frame แล้วค่อยโดดไปเล่น Unity ต่อ

903 Nameless Fanboi Posted ID:dmO+pt/Xo1

>>902 ขอบใจมากสหาย

904 Nameless Fanboi Posted ID:BrG.UxdUp4

ทำไมหลังๆ Clang มาแรงจัง

905 Nameless Fanboi Posted ID:sRxc/YBkoG

ถ้ากูอยากได้ web service ที่ fix URL ตายตัวซักที่นึง เวลา request มาแค่ get ง่ายๆอย่างเดียว ไม่ต้องส่ง parameter อะไรเลย
response เป็น json เล็กมากๆที่มีแค่ 2-3 node แต่ว่ากูต้องเปลี่ยน response ได้เองโดยที่ใช้ URL เดิม
จำนวนคนใช้น้อยมากแค่หลักร้อย วันนึง request ไม่กี่ครั้ง มันมีที่ไหนรับ host อะไรพวกนี้ฟรีๆแนะนำบ้างมั้ย

906 Nameless Fanboi Posted ID:eMmhiGKbwA

>>905 firebase ???

907 Nameless Fanboi Posted ID:BgQXx4S8dy

>>906 เคยดูๆอยู่เหมือนกัน แต่รู้สึกว่าที่กูอยากได้มันง่อยมาก
เลยอยากได้อะไรง่ายๆกว่านั้นอีกน่ะ

908 Nameless Fanboi Posted ID:ymsWYG5c0B

127.0.0.1 กับ 0.0.0.0? ต่างกันยังไงครับ

909 Nameless Fanboi Posted ID:vMmQoe1iFF

>>5อยากรุ้ ว่าไอค่อนของโทรศัพของผมเปิดรึว่าปิด

910 Nameless Fanboi Posted ID:QCSweH2hIt

อยากรู้ว่าถ้าทำ web หรือ app แล้วเรามีการเก็บสถิติการใช้งานแบบ anonymous
อย่างเช่นดูแค่ว่าลูกค้าใช้ feature ไหนเยอะน้อย มีคนใช้ประมาณเท่าไหร่
ข้อมูลที่เก็บระบุตัวคนไม่ได้ และไม่ได้เอาไปใช้ยิง ads หรือหาประโยชน์อะไรนอกจากปรับปรุงระบบของเราเอง
ในทาง กม. มันต้องขึ้นบอกคนใช้หรือบังคับให้เค้ากดยอมรับว่ามีการเก็บข้อมูลอะไรงี้ก่อนมั้ย

911 Nameless Fanboi Posted ID:k.+Gabv4Gb

ใครไม่กล้าพูดกับ stakeholder เพื่อนร่วมทีมหรือหัวหน้า ว่า “ไม่รู้เว้ย เอาแบบนี้ละกัน น่าจะเวิร์ค” จำประโยคนี้ไปใช้นะครับ “Information ไม่พอ (ไม่รู้เว้ย) เลยเลือก heuristic (เอาแบบนี้ละกัน) ที่ statistically better (น่าจะเวิร์คกว่า)” ความหมายเดียวกันเป๊ะๆ แต่ดูดีมีหลักการมีความน่าเชื่อถือกว่า

ปล. แต่ให้เลือกของที่น่าจะเวิร์คกว่า (statistically better) จริงๆ นะ ไม่ใช่มโน เพราะเขาตีกลับมาได้นะว่าทำไมถึงน่าจะเวิร์ค

912 Nameless Fanboi Posted ID:t1rS0ogMbH

Database กับ datastructure ต่างกันตรงไหนวะ

913 Nameless Fanboi Posted ID:cvz7zOwa+Z

กูผู้ชายนะ ไม่รู้ว่ากูคิดมากไปป่าว
แต่กูไม่ชอบ meme ที่เอารูปผู้หญิงที่เขียนโปรแกรมประมวลผลรูปหลุมดำ มาตัดต่อล้อว่าเค้าเขียนโปรแกรม hello world อะไรพวกนี้เลยว่ะ
มันยิ่งเป็นการโชว์ว่าวงการนี้แม่ง sexist อย่างที่คนเค้าด่ากันจริงๆ

914 Nameless Fanboi Posted ID:dv8Op0z+yK

มีใครเป็นเหมือนกูมั้ย ทำงานมาเกิน 5 ปี แล้วรู้สึกเบื่องานโคตรๆ ตอนแรกก็คิดว่ากูคงอิ่มตัวกับเรื่องเขียนโปรแกรมนะ
พอได้ลองทำอะไรเล่นขำๆของตัวเอง อย่างลองศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆที่ไม่เกี่ยวกับงานแล้วก็ยังสนุกอยู่
แต่พอต้องทำงานจริงแล้วเบื่อมาก กูไม่เคยอินกับพวก goal ขององค์กรที่อยู่เลย ทำงานก็ถือว่าทำให้ดีตามหน้าที่ไปงั้นๆ
คือก็ไม่ได้ถึงกับทำแบบลวกๆส่ง แต่ก็ไม่มีมานั่งเกลาแก้แล้วแก้อีกอะไรแบบนี้

915 Nameless Fanboi Posted ID:sXmV2f01Ti

>>914 ขก ทำงานนะ บางทีกุก็มีอารมณ์หมดแรง ทำงานไปวันๆเหมือนกัน

916 Nameless Fanboi Posted ID:xAl+ZUlkrJ

>>914 กูยังไม่ได้ทำงานว่ะ แต่มีอารมณ์แบบนี้ตอนทำงานโปรเจค ชอบทำเป็นงานอดิเรกมากกว่า

917 Nameless Fanboi Posted ID:tZhgjgzeIH

จบใหม่ควรเรียกเท่าไหร่วะ

918 Nameless Fanboi Posted ID:.APloOLJ0M

ทุกวันนี้พวกมึงใช้ ภาษา / framework อะไรทำงานกันบ้างวะทุกคน

919 Nameless Fanboi Posted ID:Nsq/B7yUNb

>>918 Java + Spring Framework เป็นงานหลัก นานๆทีมีต้องแก้หน้าบ้านก็ JS + JQuery แต่เป็นแค่ส่วน CMS ง่อยๆที่ใช้กันเองภายใน

920 Nameless Fanboi Posted ID:CkcHM2dvsM

ปกติพวกมึงรับ requirement ผ่าน SA กันป่ะ หรือรับจาก business แล้ว design เอง

921 Nameless Fanboi Posted ID:fe3n8WyWn+

เด็กจบใหม่จะหางาน python ได้ป่ะวะ กุยื่นไปกี่ที่ๆบอกว่ารับ java dev

922 Nameless Fanboi Posted ID:Of24.I1tPD

>>921 หายากมาก จะเจอก็ไปซะชานเมืองหรือ ตจว. จ๋าๆไปเลย มึงต้องไปต่างประเทศเท่านั้นอ่ะถ้าจะหากินด้วยpython ไม่งั้นก็ pantip.com หวังว่าจะยังเปิดรับ บ้านเรายังดักดานกับแค่จาวาอยู่เพราะคอมมูนิตี้ในไทยใหญ่สุด มีตั้งแต่ฉลาดเป็นกรดกับไร้ปริญญาเหมือนSIRNมาทำงานในวงการนี้

923 Nameless Fanboi Posted ID:CcCSMO2txW

>>922 กุว่าที่คอมมูนมันใหญ่เพราะบอสัดใช้เยอะด้วยว่ะ มึงไปดูโปรเจคเก่าๆที่เมนเทนกันมานานส่วนมากก็จาวา ละในเมื่อมันใช้ได้อยู่ บอสัดจะเปลี่ยนทำไมว่ะ

924 Nameless Fanboi Posted ID:zb1VMT+Fgr

>>921 หาที่ทำ ai อะ จะได้ใช้ python

925 Nameless Fanboi Posted ID:C5PJxHODFP

>>921 น้อย แต่มี กูเคยเห็นอยู่

926 Nameless Fanboi Posted ID:SageshG3LG

>>923 เออ อันนี้ก็จริงส่วนนึง

927 Nameless Fanboi Posted ID:FQdabplNiL

>>923 อย่าว่าแต่ java เลย ทุกวันนี้ cobol แม่งก็ยังอยู่

928 Nameless Fanboi Posted ID:WekvmPmxXq

>>927 แต่cobolดีหน่อยตรงที่คนแก่ๆแล้วทำงานกันซะมาก ไม่มีแรงเบียวหรือชุดความคิดวิปริตประหลาดๆแบบพวกjava แต่ถึงงั้นจะให้ไปทำงานภาษาcobolกูว่าคงไม่มีใครไปทำอ่ะ ขนาดป้ายรับสมัครงานทุกวันนี้ยังมีแต่พวกframeworkรัวๆเลย

929 Nameless Fanboi Posted ID:m/aK7U4MHD

ตอนนี้กุ outsource .net ปสก1 ปีครึ่ง ณ ตอนนั้น เงิน 35k + ค่านุ้นนี่นั่น = 38k
ตอนนี้ ปสก 2 ปีครึ่ง พวกมึงว่ากุจะเรียก 50k ได้ป่าววะ หรือถ้าที่เดิมไม่ให้ตามต้องการ ไปหาที่ใหม่มึงว่า โอกาสหายากง่ายแค่ไหน

930 Nameless Fanboi Posted ID:IJzp57pTyP

ประสบการณ์จำนวณปี <> งานที่ทำได้

931 Nameless Fanboi Posted ID:778F5t7zL5

>>929 ก็ลองไปสัมดูดิ ได้อยู่ละ

932 Nameless Fanboi Posted ID:Kcfdcv.VjW

ยังมองไม่ออกเลยว่า LibraBFT จะสเกลเพื่อรับ Transaction per second (tps) เพิ่มได้ยังไง #GeekAlert #ไม่ใช้ภาษามนุษย์นะโพสต์นี้ #เตือนละนะ
.
LibraBFT ถึงจะเป็น Consensus Protocol กลุ่ม BFT ที่พัฒนาขึ้นมาจากตัวแรก ๆ เยอะมาก แต่ก็ยังไม่ใช่ Perfect Solution อยู่ดี (อย่างน้อยก็ใน Approach ปัจจุบัน)
.
BFT ตัวที่โบราณหน่อยแต่ดังก็คือ PBFT (Practical Byzantine Fault Tolerance) เพราะมันง่ายสุด คือให้ทุก Validator คุยกันเลย ทำให้มีข้อความที่ต้องส่งถึงกันถึง n^2 ถึง n^4 แล้วแต่จะออกแบบ (n คือจำนวน Validator) สุดท้าย Big O เลยล่อไป O(n^3) โดยเฉลี่ย ทำให้เวลามี Validator เยอะ ๆ มันเลยอืดลงเรื่อย ๆ ไม่สามารถสเกลได้
.
ในคำว่า Scalability ของโลก Blockchain ไม่เหมือนกับ Scalability ในโลกของ Centralized Server ปกติเท่าไหร่ คือพวก Centralized Server เนี่ยยิ่งเพิ่มเครื่องจะยิ่งรับ Concurrency ได้มากขึ้น แต่สำหรับ Decentralized เนี่ย มันจะยิ่งหน่วงลงเรื่อย ๆ เพราะเครื่องต้องสื่อสารกันมากขึ้น*
.
(*แล้วแต่ออกแบบ แต่ส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น หรือถ้าไม่ใช่ก็จะแลกมาด้วยอะไรบางอย่างเสมอ)
.
BFT ก็พัฒนามาเรื่อย ๆ เพื่อลด Big O ลง อย่าง Tendermint ก็ BFT ที่ O(n^2) และล่าสุด vmware ก็นำเสนอ BFT ที่ประสิทธิภาพดีที่สุดอย่าง Hot-Stuff ออกมา Big O อยู่ที่ O(n) เท่านั้น แปลว่าการเพิ่มเครื่องไม่ได้ทำให้หน่วงขึ้นมากเหมือนอันเก่า ๆ ทุกอย่างเป็น Linear
.
เบื้องหลังของ Hot-Stuff คือเป็น BFT แบบ "Leader-based" ก็คือแทนที่จะใช้วิธีคุยกันด้วยทุก Validator แบบ PBFT ก็เปลี่ยนเป็นให้ทุก Validator มาคุยกับ Leader ซึ่งมีตัวเดียวแทน ข้อความเลยส่งกันด้วย O(n) เท่านั้น
.
และความหมายใน Paper ที่บอกว่า LibraBFT สเกลได้ก็คือ "สเกลจำนวน Validator ได้" ไม่ได้แปลว่าจะเพิ่มจำนวน Transaction per second ได้แต่อย่างใด
.
และพอมองไปยาว ๆ ก็ยังไม่เห็นว่าการโตของจำนวน Validator จะทำให้ระบบมันทำงานได้เยอะขึ้นเลย มีแต่จะช้าลง ๆ ตะหาก
.
ข้อได้เปรียบของ LibraBFT (Hot-Stuff) คือ คิดว่าน่าจะรับได้หลายพัน tps ตั้งแต่แรกแหละ แค่เค้าลิมิตไว้ที่ 1,000 tps ก่อนด้วยเหตุผลหลายประการ แต่สุดท้ายถ้าปลดล็อคมันก็จะมีเพดานของมันอยู่ดี
.
และสเปคเครื่องที่จะรัน Validator Node ได้ก็ถือว่าโหดเหมือนกัน เพราะยิ่งต้องรับ tps ได้มากขึ้น พวก CPU, RAM ก็จะต้องยิ่งสูงขึ้นเร็วขึ้น Harddisk ก็จะยิ่งบวมเร็วขึ้น แปลว่าค่า Maintainance ของ Validator Node ก็จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย ไม่รู้จะถึงจุดที่คนรู้สึกเสียใจที่ตั้ง Validator Node มั้ย
.
เท่าที่พิจารณาดู ช่องทางที่เหมาะสมกับการสเกล tps ก็มีอยู่สอง Approach คือ
.
1) Sharding
.
2) Off-chain Solution
.
ซึ่งก็ยังไม่มีข้อมูลจากฝั่งไหนเลยว่าจะทำมั้ย แต่ก็มีโอกาสที่ Calibra จะทำ ในกรณีนั้นก็จะไม่มีปัญหาเรื่องสเกลละ ตัว Libra ก็คงให้อยู่ 1000 tps ต่อไปได้อีกนาน
.
ไว้รอดูกันต่อไปจ่ะ

933 Nameless Fanboi Posted ID:Kcfdcv.VjW

เรื่อง MVC ต่อจากเมื่อวานหน่อย .... เห็นมีคนแชร์กันเยอะ

ลองมองว่า MVC ไม่ใช่ Design Pattern และไม่ใช่แค่ Architecture Pattern สำหรับอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ

MVC มันเป็น "ปรัชญา" สำหรับ Separation of Concern

1. M = ตัวตนของสิ่งที่ "มัน" เป็น
2. V = ภาพที่ "มัน" ถูกมองเห็น ถูกใช้งาน
3. C = ตัวกลางระหว่าง M, V

สิ่งที่เรามองเห็น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่มันเป็น .... สิ่งที่มันเป็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราใช้และต้องการ .... เราต้องแยกปัจจัยพวกนี้ให้ได้ ไม่ใช่ไปยึดติด

ถ้า M ยึดติดกับ V ก็ไม่ดี ... ถ้า V ยึดติดกับ M ก็ไม่ดี .... ก็ต้องแยกสองอย่างนี้ออกจาก ...

ทางเดียวที่ทำได้ ก็ต้องมี C มาเป็นตัวกลาง .....

อย่าไปยึดติดอะไรกับมันมากนัก ปรัชญาของมันทำให้เรางอก "MVC ภายใน MVC" ได้อีกเยอะแยะมากมาย

เอาหลักการนี้ไปจับกับอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ ..... ลองดูนะ .... เช่น

1. ถ้าเราถือว่าข้อมูลใน DB เป็น "ตัวตน" และ Entity/Model ใน Application เป็นสิ่งที่มันถูกมองเห็น ถูกนำไปใช้ เราก็ใช้ SQL Query (และอาจจะ + ORM) เป็นตัวกลาง ..... เราก็จะไม่ยัด SQL ไปใน Entity/Model เพราะมันคือ View ของ Data ใน DB ... เราก็เขียน Persist layer มาจัดการ

2. ถ้าเราถือว่า Object ใน Application ของเราเป็น "ตัวตน" และ JSON ที่ถูกพ่นออกไปเป็นสิ่งที่มันถูกนำไปใช้ เราก็สร้าง JSON Presenter สำหรับมันในบริบทต่างๆ เป็น View และใช้ตัวกลางอะไรสักอย่างมา Map ไป

อะไรแบบนี้เป็นต้น

MVC มันห่วย ถ้าเรามองมันเป็นแค่ Fixed Architectural Implementation ในบริบทใดบริบทหนึ่ง และมันห่วยเสมอเมื่อบริบทมันไม่ใช่บริบทเดียวกับที่มันถูก Implement มา .....

แต่หลาย Architecture ที่เกิดขึ้น ที่คนบอกว่ามันเจ๋งมากมาย ต้องทำแบบนี้ถึงจะถูก ฯลฯ ก็คือการเอาความคิดแบบ MVC นี่แหละ ไป Refactor แต่ละ Layer ของ MVC .....

ที่เมื่อวานผมเขียน MVC ของ Enterprise มันอยู่ใน Presentation ของ 3-Tier แต่ MVC หลายตัวมันคือ 3-Tier ตรงๆ เลย .... มันก็อีแบบนี้แหละ .... พอ Presentation ของคุณมันใหญ่ มันก็ถูก Refactor ด้วยความคิดแบบ MVC .... แล้วเราก็เรียกมันว่า "MVC Architecture " .... จนกลายเป็นว่า MVC ของเรามันไม่เท่ากัน

ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมันเป็นหลักการ เป็นปรัชญา .... และเป็น Recursive Pattern .... คือมันสามารถ apply ตัวมันเองลงไปใน layer ไหนก็ได้ของตัวเอง .... เพราะแต่ละ layer ของมัน เมื่อมันเริ่มโตขึ้น มันก็จะ self-similar แบบเดียวกับตัวมันเองน่ะแหละ .... นี่คือ Recursive pattern ชัดๆ .....

หรือถ้าจะเอาปรัชญากว่านั้น ก็ถ้าเราถือว่า "สิ่งที่อยู่ในโลกจริงๆ หรือสิ่งที่ User พูดถึง เป็นตัวตนจริงๆ" และ "ข้อมูลใน DB เป็นสิ่งที่มันถูกมองเห็นหรือถูกนำไปใช้ในระบบเรา" .... เราก็จะมี "คนออกแบบระบบหรือคนออกแบบข้อมูล" (เช่นเราน่ะแหละ) หรือ "คนกรอกข้อมูล" เป็น Controller .....

อีกครั้ง:

สิ่งที่เรามองเห็น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่มันเป็น .... สิ่งที่มันเป็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราใช้และต้องการ .... เราต้องแยกปัจจัยพวกนี้ให้ได้ ไม่ใช่ไปยึดติด

ถ้า M ยึดติดกับ V ก็ไม่ดี ... ถ้า V ยึดติดกับ M ก็ไม่ดี .... ก็ต้องแยกสองอย่างนี้ออกจาก ...

อย่าไปยึดติดอะไรกับมันนักเลย ลองมองให้ลึกกว่าเปลือกที่แต่ละ Framework หรือแต่ละ Implementation บ้างก็ดี

934 Nameless Fanboi Posted ID:+JKX6R/6Fc

ทุกวันนี้ Hacker มีเทคนิคที่สุดยอดมากกก
มากซะจนผมคิดว่า app และ web 50%
สามารถ hack ได้ในทางใดทางหนึ่ง
ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะว่า
Developer ไม่รู้ว่าจะ Secure API อย่างไร
.
.
Security ของ API เป็นตัวชี้ชะตาของ app
ถ้า app ไม่ดังก็ไม่เท่าไหร่
แต่ถ้าเกิดดังขึ้นมา มีคนเล่นเยอะหน่อย
มันก็จะมีคนมาลองแฮ็คระบบ
ยิ่งถ้ามีของรางวัลล่อใจ ยิ่งลองของกันสนุกสนาน
ทำโปรแกรมเมอร์หมดอนาคตเลยนะบางที
.
.
โพสต์นี้จะสอนการออกแบบ security ของ API 6 ข้อ
ไม่ได้ strong ขนาด hack ไม่ได้ 100%
แต่ก็ไม่อ่อนขนาด ใครๆก็ hack ได้
และถ้า system ถูก hack ก็ต้องจำกัดความเสียหายได้
และเตือนไว้ก่อนเลยว่า post นี้ยาววววว
.
.
การออกแบบ API ให้คิดไว้เลยว่า โดนแน่ๆ
โดยเฉพาะ API ที่ใช้ร่วมกันระหว่าง mobile และ web app
ยิ่งต้องออกแบบอย่างเข้าใจธรรมชาติของ platform ที่ต่างกัน
.
.
เริ่มจากข้อ 1 สำคัญสุด ให้ใช้ https ทั้งหมดทุก request
เพื่อป้องกันคนเข้ามาแก้ข้อมูล request ระหว่างทาง
ถ้าเรียกมาเป็น http ให้ server reject request เลย
.
.
ข้อ 2 ใช้การ Authen ด้วย accessToken
การสร้าง accessToken ผมจะใช้ JWT ในการสร้าง
JWT = JSON Web Token
ถ้าสนใจ ผมแนะให้เพิ่ม shuffle key ซ้อนเข้าไปอีกชั้น
เพื่อทำให้ไม่สามารถดูข้อมูลใน JWT payload ได้ง่าย
เพราะ spec ของ JWT ใช้ base64encode
ซึ่งสามารถแกะห่อดูได้ง่ายเกิ๊นน
.
.
ใน accessToken ให้เก็บเฉพาะ UID อย่างเดียว
และ UID อย่าเอา ID ของ user มาใช้ตรงๆ
ให้ encrypt ID ให้กลายเป็น string ยาวๆก่อน
อย่าให้ hacker เดา UID คนอื่นได้
อ่านที่ผมเขียนดีๆ encrypt นะ ไม่ใช่ encode
เกิด hacker สามารถปลอม accessToken ได้
ก็ไม่รู้จะปลอมเป็นใครอยู่ดี
เพราะ UID มันเดาไม่ได้ ความน่าจะเป็นสูงเกิน
.
.
JWT จะยังเชื่อถือได้อยู่ถ้ายังไม่โดนโขมย secret key
เมื่อไหร่ก็ตามที่ key โดนโขมย
hacker จะปลอม token ได้ทันที
ให้คิดในแง่ร้ายที่สุดไว้ก่อนว่า มันอาจจะโดนโขมยได้
ต้องมี plan B เอาไว้จัดการเมื่อ key โดนโขมยไปแล้ว
.
.
ถ้า key JWT โดนโขมย จะต้องเปลี่ยน key ที่ฝั่ง server
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ api ทั้งหมดจะส่งค่ากลับว่ายังไม่ได้ login
ทำให้ user ทุกคนถูก logout auto และต้อง login ใหม่หมด
.
.

935 Nameless Fanboi Posted ID:+JKX6R/6Fc

ข้อ 3 การเรียก api จาก app จะต้องมี signature ส่งไปด้วย
signature = SHA256(
accessToken = (userId::clientId) = ใครทำ
endpoint = ทำอะไร
parameters = ทำอย่างไร
nonce = ทำเมื่อไหร่
appId = เรียกจาก app ไหน
==============================
secret = token ลับ
)
.
.
nonce คือเวลาปัจจุบันของ client
ซึ่งจะต้องส่งไปที่ server พร้อมกับ parameter อื่นๆ
ฝั่ง server ตรวจสอบ ถ้า current_time() - GMT(nonce) > 2 นาที
request จะถูก reject เพื่อกัน replay attack
.
.
secret มีประโยชน์ ถึงแม้จะใช้ https ก็ตาม
ถ้า hacker ดักเอา accessToken คนอื่นมาได้
ก็จะปลอมเป็นคนอื่นไม่ได้ถ้าไม่รู้ secret
.
secret จะไม่ส่งทาง network เด็ดขาด
จะฝังไว้ใน app เมื่อ compile แต่ละ version
ถ้า secret ถูกโขมยไปได้จะต้อง update app ใน store
โดย app version เดิมทั้งหมด จะใช้ไม่ได้
ก็ต้องยอม ก็ดันโดนโขมย secret นี่นา
เห็นมั้ยว่าต้องคิดในทางเลวร้ายที่สุดเผื่อไว้ด้วย
.
.
การเรียก api จาก mobile app จะมีข้อดีกว่า web
คือไม่สามารถปลอม request ได้เลย
ถึงแม้จะใช้ accessToken ของตัวเองในการยิง api
เนื่องจากไม่รู้ secret ที่ฝังไว้ใน app
.
.
อย่างไรก็ตาม server ห้ามเชื่อใน request โดยไม่ตรวจค่าอื่นๆ
เนื่องจาก web app สามารถยิง api ได้ด้วย accessToken
โดยไม่ต้องมี secret ลับ
เพราะ web app จะไม่มี secret และถึงอยากมี secret ก็มีไม่ได้
มีไปก็ถูก copy เอาไปใช้อยู่ดี เพราะใช้ javascript เปลือยๆ
.
.
ข้อ 4 เมื่อเรียก api จาก web app จะต้องใส่ accessToken ใน header
อย่าริอาจเอา accessToken ใส่ไว้ใน URL
เนื่องจาก accessToken มันก็คือรหัสผ่านดีๆนี่เอง
URL บางทีก็โดน history ไว้ใน browser
URL บางทีก็โดน copy ส่งให้เพื่อน
และทุกครั้ง URL ก็จะโดน log ไว้เป็น file ไว้ใน server
รอเวลา hacker แหกด่าน server เข้ามาเจอ log เข้าสักวัน
.
.
ข้อ 5 จะต้องมี CSRF_token ใน cookie
ซึ่งต้องถูก generate ใส่เอาไว้มาจากฝั่ง server
CSRF_token อันนี้สำคัญมาก ถ้าไม่มีนี่โจมตีง่าย
แต่ผลกระทบของ CSRF attack นี่รุนแรง
มีไว้เอามาใช้ทำอะไรไปดูที่ข้อ 6
.
.
ข้อ 6 การเรียก api จาก web app จะต้องมี signature ส่งไปด้วย
signature = SHA256(
accessToken = (userId::clientId) = ใครทำ
endpoint = ทำอะไร
parameters = ทำอย่างไร
nonce = ทำเมื่อไหร่
appId = web
================================
secret = CSRF_token
)
signature ต่างกับ mobile app ตรงที่ appId = web เสมอ
และ secret ก็คือ CSRF_token
เอาไว้กัน Cross Site Request Forgery
แปลเป็นไทยคือ web อื่นจะมายิง api ของเว็บเราไม่ได้
เพราะว่า web อื่นจะมองไม่เห็น cookie ของเว็บเรา
ดังนั้นถึงปลอม parameters ได้ แต่ก็ปลอม signature ไม่ได้
เพราะต้องใช้ CSRF_token ในการสร้าง
.
.
ยังมีอีกเยอะที่ต้องทำ แต่ 6 ข้อนี้เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

936 Nameless Fanboi Posted ID:K6V4LxbxwW

สมัย ป. ตรี เรียน optimization theory ผมจำสมการทั้งหมดไม่ได้นะเยอะมากและเป็นวิชาที่ยาก ประกอบกับตอนนั้นติดเกม เข้าเรียนน้อย

แต่ takeaway ที่ใช้ได้จนทุกวันนี้คือ
1. เรา optimize (maximize, minimize) สอง variable พร้อมกันไม่ได้ ในโลกจริงผมพบว่าใช่ เพราะถ้าบอกว่าต้องปรับปรุงของสองอย่างพร้อมกันแล้วของสองอย่างมี correlation ระหว่างกัน หรือมี constraint ที่ใช้ร่วมกัน คนทำงานจะสับสนมาก แล้วพังไม่ได้อะไรเสมอ และมักเป็นสาเหตุของ office politic
2. เรา optimize ได้ก็ต่อเมื่อมี constraint บางอย่างกำกับเท่านั้น

937 Nameless Fanboi Posted ID:2S1nVugyss

โม่ง กูถามหน่อย ไอหนูเนยที่มันชอบเขียนblog ลงทำmediumนี่ืใช่ที่มันเคยเปิดคอร์สกั๊กๆเนื้อหาในudemyป้ะ?

938 Nameless Fanboi Posted ID:olCneOYTHL

>>937 ไม่รู้ว่าจะเรียกกั๊กดีไม้ คือมันมันทำได้แค่นั้น แต่เดิมอีนี่พื้นฐานการสอนมันสอนแบบโรงเรียนกวดวิชา ที่ต้องทำชั่วโมงให้คนเรียนรู้สึกคุ้ม ถ้ามึงไปเทียบคอร์สฝรั่ง แบบแงะ library โมโน่นโมนี่คงสู้ไม่ได้

939 Nameless Fanboi Posted ID:aKZCeSZGEF

>>937 หนูเนยสอนดีนะ ขอปกป้อง

940 Nameless Fanboi Posted ID:jNCz8Hsqj6

>>937 ตัวเดียวกัน แต่กูไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นะ ลูกหาบเยอะ ส่วนเรื่องสอนมันเหมาะกับสอนในห้องให้พวกเริ่มต้นแบบไม่ค่อยรู้มากกว่า สอนออนไลน์จะค่อนข้างยืด แถมหน้ามันก็บังจอไปครึ่งนึงแล้ว หลอนชิบหาย

941 Nameless Fanboi Posted ID:yNOK3bHado

ปกติ outsource .net หมดสัญญาต่อใหม่ อัพเงินกันเท่าไหร่วะ ที่เก่ากุบอกว่า จะเพิ่มให้ไม่ถึง 10,000 เดี๋ยวจะบอกว่าเท่าไหร่งี้อ่ะ
ปล. เงินกุยังไม่ถึง 40k

942 Nameless Fanboi Posted ID:mIegSqGUjM

ไอ้ เควนทิน เบ็ค (Mystertio) ที่ทำตัวเป็นคนดีตอนแรกๆ แม่งจริงๆแล้วเป็นตัวโกง อดีตลูกน้องโทนี่

ตอนมันตาย แม่งยังเฉลยออกทีวี อีกว่า สไปเดอร์แมน คือ Peter Parker โคตรเหี้ย

แถมนิค ฟิวรี่ ในเรื่อง ดันเป็น ทาลอส (สครัล ในเรื่องกัปตันมาร์เวล) ปลอมตัวมา ไม่ใช่นิคจริงๆ อึ้งสัสๆ โคตรเนียน

เพื่อนๆโม่งต้องไปดู Spiderman Far From Home ให้ได้นะครับ

943 Nameless Fanboi Posted ID:Le2xgrTSTs

>>942 มึงจะสปอยทำแมวไร ดีนะกุไปดูมาแล้ว แม่ง 555555

944 Nameless Fanboi Posted ID:5RdjCq8dSn

>>939 แต่หนูเนยมันกากนะ

945 Nameless Fanboi Posted ID:5RdjCq8dSn

หนูเนยคือคนที่แม่งเคยอวยคริปโตชิบหายหลอกคนไปลงทุนตอนนี้เจ๊งไปละ กากสัสๆ

946 Nameless Fanboi Posted ID:HrJLf9cdip

>>945 กูก็ไม่ได้ชอบหนูเนยนะ แต่มันพูดตลอดว่าของพวกนี้มีความเสี่ยงสูง ไม่เคยเห็นมันพูดออกสื่อชวนใครมาซื้อเลย

947 Nameless Fanboi Posted ID:TTJSnlOCDC

>>946 เขียน blog เป็นเรื่องเป็นราวยาวแสรดเหรียนที่มันมีเอี่ยวเป็นที่ปรึกษา แล้วมีเขียนแปะไว้ท้ายนิดนึงว่าความเสี่ยงสูงเนี่ยนะ

948 Nameless Fanboi Posted ID:BbGIT35IH6

อาจารย์เดฟจะเปิดสอนคลาส Math for programmer แล้วนะ ตั้งหน้าตั้งตากดกันให้ดีครับ

949 Nameless Fanboi Posted ID:ECQ0p+868H

>>948 ใครวะ...

950 Nameless Fanboi Posted ID:VwOpt3D.yI

>>949 Dave Rawitat Pulam

951 Nameless Fanboi Posted ID:UbrC+6UOmR

>>948 กุโง่คณิตอยู่เลย แปลกใจมาเป็นโปรแกรมเมอร์ได้ไงวะ 5555

952 Nameless Fanboi Posted ID:UbrC+6UOmR

มึงเคยได้ยินลูกค้าพูดเรื่องเงินเดือนเราในออฟฟิศกันไหม กุนึกว่าเค้าจะไม่รุ้เงินเดือนกุละ กุเป็น contract จะออก
แล้วกุเรียกบริษัท head ไป ลูกค้ากุที่ on site นั่งคุยกับแผนกอื่นแบบเบาๆ แล้วบอกว่า เนี่ย กุจะออกแล้วหมดสัญญา แผนกอื่นก็ถาม เงินเดือนเท่าไหร่ ปรากฏว่าลูกค้า onsite กูรุ้เว้ย ว่ากุเงินเท่าไหร่ เค้าก็คุยกันไปเบาๆ กุก้แกล้งไม่ได้ยินเพราะคุยกับอีกคนอยู่ แล้วเค้าก็ถามกันว่ากุขอขึ้นเงินเท่าไหร่ ปรากฏอีกว่า รุ้เรทเงินกุด้วยว่ากุขอขึ้นเท่าไหร่(ตอนกุขอขึ้นกุไปขอกับ head นะ ไม่ใช้บริษัทลูกค้า) ประเด็นคือพูดกลางที่ทำงาน ใครอยุ่ตรงนั้นแม้มรู้หมด 55555

953 Nameless Fanboi Posted ID:Iz12wsRWH9

>>952 ส่วนมากก็รู้นะ ของกุเวลาจ้าง contract ก็รู้ว่าจ้างเท่าไร บัดเจ็ดมันมาเท่าไหน อีกฝั่งเรียกเท่าไร ถึงบอกว่าจ่ายหัวมึง แต่หัวมึงก็บอกว่าค่าตัวมึงเท่าไรอยู่ดี แต่ที่ไม่ควรคือเอาไปพูดกับคนอื่น แค่นี้แหละ

954 Nameless Fanboi Posted ID:SuRxmAJCEz

>>951 โปรแกรมเมอร์ทั่วๆไปถ้าไม่ได้ทำงานเฉพาะทางบางด้านกูว่าก็ไม่ได้ต้องเก่งคณิตนะ
คณิตบางเรื่องที่แฝงมากับการเขียนโปรแกรมพื้นฐานมันก็ถูกใช้งานในอีกรูปแบบนึง

>>952 กูไม่เคยโดนเอง แต่เคยได้ยินลูกค้ากระซิบคุยกันเรื่องนี้ของคนอื่นในทีม เค้าคงเห็นกูใส่หูฟังอยู่เลคิดว่ากูไม่ได้ยินมั้ง
ประมาณว่าคนนี้ทำงานมาหลายเดือนแล้ว ปสก. หลายปี บริษัทต้นสังกัดก็โม้ไว้เยอะ ค่าตัวไม่ถูก แต่ทำงานไม่ค่อยดี เค้าเลยคุยๆกันรื่องนี้
กูเข้าใจว่าเค้าไม่ได้เห็นเงินเดือนโดยตรงนะ เค้ารู้แค่ว่าค่าตัวที่บรษัทต้นสังกัดเก็บเงินเท่าไหร่ จะให้เงินเดือนพนักงานเท่าไหร่ก็อีกเรื่อง

955 Nameless Fanboi Posted ID:IhQTb3y/8J

ถ้าเก่งชีวะน่ะรุ่งทุกคน

956 Nameless Fanboi Posted ID:EAOWsoZUyH

>>955 เกี่ยวไรกับชีวะว่ะ ไปเป็นนักวิทยาศาสตรืเหรอ

957 Nameless Fanboi Posted ID:3/ULYtps3U

>>956 เท่าี่รู้มา เด็กชีวะ เมืองนอกต้องฝึกเขียนโปรแกรมกันเยอะมาก

958 Nameless Fanboi Posted ID:PMwk5nXsa7

เดี๋ยวนี้อะไรๆ แม่งก็ big data ไงมึง
data จากงานวิจัยทางชีวะมันก็ใหญ่ขึ้น การจัดการ/วิเคราะห์ ต้องปรับตาม
ถ้าไม่เอาเด็กชีวะมาเรียนคอม ก็เอาเด็กคอมมาเรียนชีวะ ซักอย่างล่ะวะ

959 Nameless Fanboi Posted ID:Q/2Z5QGSa3

เพื่อนกูไปทำทาง neuroscience ช่วยแพทยสมองทำวิจัย
เงินเดือน 350 k ละ

961 Nameless Fanboi Posted ID:ThGS5Rkdg4

หัวหน้าบอกว่าเราทำงานไม่ดี มีทางเลือกคือให้ลาออกเองซึ่งจะไม่เสียประวัติ หรือจะให้ไล่ออกแล้วรับเงินชดเชย จะเอาไงดี

962 Nameless Fanboi Posted ID:PCXMDrY4u2

>>961 เงินไม่ใช่ประเด็นนะ ควรพิจารณาตัวเองก่อนว่าเป็นอย่างที่เขาบอกจริงไหมแล้วปรับปรุงตัวซะ เห็นหลายคนละหัวไม่ได้แต่มาเขียนโปรแกรม แทนที่งานจะไวขึ้นก็กลายเป็นตัวถ่วงทีม แถมทำให้งานช้าลงอีก

963 Nameless Fanboi Posted ID:++VEmEwDjz

นั่งอ่าน FB feed พบว่าคนในสังคมรอบตัวผมส่วนมาก เข้าว่า การ Coding โดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์นั้นเป็นอย่างไร ดีอย่างไร และดีกว่าการสอน Coding โดยเริ่มจากการ "เขียนโค้ดในคอมพิวเตอร์" อย่างไร

ผมเองก็เขียนไปโพสท์หนึ่งเมื่อคืน ถึงจะไม่ได้เปิด public ส่วนหนึ่งเพราะผมขี้เกียจเจอกระแสสังคมแบบไม่จำเป็น

หลายคนอาจจะคิดว่าพวกนี้เป็น "ไดโนเสาร์" ที่เคยเรียนมาแบบนั้นมานานมาแล้ว และคิดว่าเด็กสมัยนี้ยังต้องเรียนแบบสมัยตัวเอง ..... หลายคนคิดว่ามันคือการเขียนโค้ดแบบเขียนในคอมพิวเตอร์ ลงกระดาษ .....

แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย

พวกนี้เข้าใจว่า Coding คือ Algorithmic Problem Solving ... และการเริ่มที่การเขียนโค้ดในคอมพิวเตอร์ นี่อาจจะเป็นอุปสรรคเสียด้วยซ้ำ ....

ในมหาวิทยาลัย วิชาสำคัญอย่าง Data Structures, Algorithms หรือวิชาอย่าง Problem Complexity Analysis ตลอดไปจน Theory of Computation นั้นไม่ถูกให้ความสำคัญ ทั้งคนเปิดสอนและคนเรียน

คนสอน ถึงอยากจะเปิดสอนก็เปิดสอนไม่ค่อยได้ เพราะไม่ค่อยมีคนเรียนหรอก ... ถ้าเป็นวิชาบังคับก็รอดไป แต่ถ้าเป็นวิชาเลือกนี่ ..... ผมเคยเปิดนะ มีคนลง 3 คน ... ปีต่อๆ มาก็เปิดไม่ได้ ... เพื่อนผมบางคนที่เก่งระดับสากล จะเปิดวิขานี้ก็ยังไม่มึคนลงเลย

จะไปเปิดวิชาพวกนี้ไปทำไมกัน ไปเปิดวิชาพวกสอน Syntax ภาษาโปรแกรมดีกว่า .... เด็กลงเยอะดี คิดว่าเอาไปทำงานได้เลย

จริงๆ แล้วจะเรียนภาษาโปรแกรมอะไรมา จะรู้ library แค่ไหน แต่ถ้าเรื่อง Algorithmic Problem Solving อ่อนแอแล้วล่ะก็ ....​ สุดท้ายก็ทำได้แต่งานระดับพื้นๆ

มันเหมือนกับเรียนภาษาไทย แต่ไม่เคยเรียนเรื่องโครงสร้างของการแต่งวรรณกรรม มันเหมือนกับเรียนกดคีย์เปียโน แต่ไม่เคยเรียนดนตรี ..... อาจจะเรียนเล่นดนตรี แต่ไม่เคยเรียนศาสตร์ของดนตรี หรือการสื่อสารด้วยดนตรี

อาจจะอ่านหนังสือได้ อาจจะฟังเพลงได้ อาจจะเขียนหนังสือลอกหนังสือเล่มอื่นได้ อาจจะเล่นเพลงได้ .....

แต่แต่งวรรณกรรมล่ะ? แต่แต่งเพลงล่ะ?

แล้วคิดว่าจริงๆ แล้ว Value มันอยู่ตรงไหนได้บ้าง? ..... เขียนโค้ดโปรแกรมแบบเดิมๆ ตลอดไปแค่เปลี่ยนภาษา? .... แค่ Maintain โปรแกรมที่คนอื่น (ต่างชาติ) เขียนมาแล้วตลอดไป?

หรือว่าจะทำ Innovation ใหม่ๆ ได้เพราะว่าเราแก้ปัญหาเป็นระบบ?

เห็นว่ามันมีได้หลากหลายมาก .... แต่การเขียนโค้ดในคอมพิวเตอร์เร็วเกินไป ทำให้เราโฟกัสกับปลายเหตุมากกว่าสิ่งที่สำคัญจริงๆ ที่แก่นของมัน

เอาจริงๆ แล้วทุกวันนี้ ผม "Coding​ โดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์" นะ .... ผมใช้กระดานกับชอล์ค กระดาษกับปากกา ...​ และผมไม่ได้เขียนโค้ดแบบเดียวกับที่ผมเขียนโปรแกรม แต่ผมเขียนโครงสร้างของปัญหา เขียนนิยามของปัญหาต่างๆ และกลไกในการแก้ปัญหาพวกนี้อย่างเป็นระบบ .... และถ้าเป็นไปได้ ผมจะพิสูจน์ correctness ของมัน และเงื่อนไขต่างๆ ของพวกมันเสมอ ...

ทีมงานผมต้องสื่อสารกับผมแบบนี้รู้เรื่อง ต้องอ่าน Mathematical Models และ Computational Structures ต่างๆ ออก

อีกครั้ง การโฟกัสไปที่ "การเขียนโปรแกรมในคอมพิวเตอร์" เป็นอุปสรรคกับการสร้างคนในวงการนี้ด้วยซ้ำไปครับ

อย่าเอาสองเรื่องนี้ไปเท่ากันเลยครับ

ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่ช่วยกันชี้แจงคนละไม้คนละมือครับ

แถมภาพ น้องในทีม Product Owners ของผม กำลังอธิบายแบบจำลองของปัญหาบางอย่าง และการแก้ปัญหา ให้ทีมงานฟัง

ป.ล. แยกกันให้ออกนะครับ การที่เราเข้าใจเรื่องนี้ และเห็นด้วย ไม่ได้แปลว่าเราเป็น "พวกของฝั่งการเมืองบางฝั่ง" ครับ .... เพื่อนผมหลายคนนี่ไม่เอารัฐบาล คสช. ต่อมาถึงรัฐบาลประยุทธ์ชัดเจนมาก แต่เราแยกแยะกันออก ...... บางคนเอาธงด่ารัฐบาลไว้ก่อน คิดว่ารัฐบาลโง่ไว้ก่อน ล้าหลังไว้ก่อน ..... ฯลฯ แยกแยะด้วยนะครับ

964 Nameless Fanboi Posted ID:++VEmEwDjz

อ่ะ กลับมาโลกความเป็นจริงกัน ......

ปัญหาของการเรียน Algorithmic Thinking หรือ Algorithmic Problem Solving ของบ้านเรา มันก็จะเป็นเรื่องเดียวกับการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ครับ

คณิตศาสตร์ ..... กลายเป็นวิชาท่องสูตร วิชาคำนวน วิชาที่เราจะต้อง execute การคำนวนตามลำดับของการคำนวนอะไรบางอย่างโดยที่ไม่รู้ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องคำนวนแบบนั้น .... กลายเป็นการท่องจำ execution sequence มากกว่าเข้าใจ logical chain of reason และการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์

(แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ นี่ฟังดูยาก แต่จริงๆ แล้วเราอยู่กับเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เริ่มเรียนนะครับ เริ่มจาก "จำนวนและตัวเลข" ครับ ... ตัวเลขมันคือ abstraction/model ของจำนวน .... ดังนั้นเราหาเหตุผลกับตัวเลข มันก็จะนำไปใช้กับจำนวนของสิ่งต่างๆ จริงๆ ได้)

เราไม่สนใจ Language of Mathematics เลย ...... เราไม่เคยรู้ว่ามันมีด้วยซ้ำ .....

เหมือนกับเรียนดนตรีด้วยการท่องจำตัวโน๊ตทั้งเพลง หรือเรียนดนตรีด้วยการฝึกแต่เทคนิคการเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ โดยไม่เรียน "ความเป็นดนตรี" เลย .....

เราพลาดมหาศาลกับการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ..... ผมเห็นว่าทางออกหนึ่งของเราก็คือ การเรียน Algorithmic Problem Solving นี่แหละ ที่จะทำให้เราคิดอะไรเป็นเหตุเป็นผลกันมากขึ้น เหมือนกับที่เราควรจะทำได้เมื่อเรียนคณิตศาสตร์ ...

คณิตศาสตร์บ้านเรามันโดนทำลายไปหมดล่ะครับ จะกลับไปแก้มันตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว

ผมได้แต่หวังอย่าให้การเรียน Algorithmic Problem Solving กลายเป็นการท่องจำวิธีการแก้ปัญหา กลายเป็นการท่องจำ Sequence of Instructions ตายตัว โดยไม่เข้าใจแบบจำลองของปัญหาต่างๆ ... ไม่ว่าจะใช้หรือไม่ใช้คอมพิวเตอร์ก็ตาม

สิ่งที่ทำให้ผมพอจะหวังในแง่ positive กับเรื่องนี้ได้ ก็คือ จริงๆ แล้วภาคการศึกษาของเราตื่นตัวพอสมควรในเรื่องนี้ คนที่เข้าใจมันจริงๆ ช่วยกันหลายคนอยู่ในการสอนคนที่จะต้องไปสอน (ครู) ในภาคส่วนต่างๆ ช่วยกันอบรมช่วยกันอะไรหลายอย่าง ......

สุดท้ายมันคงไม่กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ซ้ำรอยกับคณิตศาสตร์

แถมครับ หนังสือดีๆ เล่มเล็กๆ อ่านคืนเดียวจบ ..... ลองอ่านหน้าแรกได้ครับ

965 Nameless Fanboi Posted ID:++VEmEwDjz

เรียนโค้ดดิ้งโดยไม่ต้องมีคอมพ์ได้มั้ย ?
.
ส่วนตัวตอนสมัยยังเด็ก ที่บ้านไม่ค่อยมีเงิน จะซื้อคอมพ์ใช้นี่ไม่ต้องหวัง แต่ตัวเองก็อยากเขียนโปรแกรมเป็นมาก ก็เลยต้องใช้วิธีออกแบบโปรแกรมลงกระดาษ แล้วค่อยไปลงโค้ดที่ห้องคอมพ์โรงเรียน
.
และก็ได้รู้ตอนนั้นว่าที่เขียนลงกระดาษกับที่เขียนลงตีพิมพ์มันคนละศาสตร์กัน
.
เรื่องแรกที่อาจต้องแยกให้ออกก่อนเลยคือ "Coding" กับ "Problem Solving" มันเป็นคนละศาสตร์กันโดยสิ้นเชิง
.
ศาสตร์ของการแก้ปัญหา (Problem Solving) เป็นเรื่องของการคิด การวางแผน การวิเคราะห์ ตรรกศาสตร์ ฯลฯ ส่วน Coding เป็นการลงมือเขียนโค้ดเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ออกมา
.
Problem Solving ไม่จำเป็นต้องใช้คอมพ์ มีวิชาที่ใช้สอนกันมาตั้งแต่สมัยชาติปางก่อนอย่าง Flow Chart สมัยนี้ก็ยังถือว่ามีประสิทธิภาพอยู่ ช่วยสอนวิธีการคิดเป็นขั้นเป็นตอนได้เป็นอย่างดี เขียนบนกระดานได้เลย สอบด้วยกระดาษก็ได้ อันนี้เห็นด้วย
.
แต่พอมาเรื่อง Coding ... มันเป็นเรื่องของการใส่โค้ดเข้าไปเพื่อดูผลลัพธ์ ไม่ต้องแก้ปัญหาอะไรก็ได้ โปรแกรมแรกที่เราเขียนคือเอาโปรแกรมภาษาเต่ามาวาดรูปกังหันลมบนจอคอมพ์ หมุนไปหมุนมา ไม่ได้ใช้ตรรกศาสตร์อะไรทั้งสิ้น แต่ที่ต้องใช้คือ ... คอมพ์
.
ถ้าให้เทียบกับการเย็บผ้า ก็เหมือนว่าเรียนเย็บผ้าแต่ไม่มีเข็มกับด้ายนั่นแหละ บอกให้เขียนการเย็บในกระดาษเอานะ ก็เรียนได้นะ แต่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
.
แต่ถ้าเปลี่ยนไปสอนเรื่องการด้นถอยหลังมีวิธีคิดยังไง การเย็บแบบซ่อนตะเข็บทำได้ยังไง อันนี้โอเค สอนในกระดาษได้ เอาไปคิดต่อได้
.
ดังนั้นคงต้องไปแยกแยะให้ได้ก่อนว่าตกลงอยากจะสอนโค้ดดิ้งหรือสอนการคิดแก้ปัญหากันแน่ คนละเรื่อง คนละศาสตร์ คนละเทคนิค
.
แต่ถ้าสุดท้ายจะสอนโค้ดดิ้งจริง ๆ แล้ว การไม่มีคอมพ์มันสอนแล้วหวังผลอะไรไม่ได้หรอกครับ
.
จะว่าไปราคาเรือดำน้ำลำนึงนี่ซื้อคอมพ์แจกโรงเรียนทั่วประเทศได้เป็นล้านเครื่องเลยนะ
.
อันนี้สอนในกระดาษกันได้อยู่ครับ ไม่ต้องใช้คอมพ์

966 Nameless Fanboi Posted ID:Xl9F4fJr90

ทำไมมึงไม่ไปโพสใน >>>/tech/6362/

967 Nameless Fanboi Posted ID:B/E.iltyNe

>>966 ขอโทษที เมากระทู้

968 Nameless Fanboi Posted ID:ndfV1gAlDP

ไอ้พวก ไอพี เขารู้ได้ไงว่าบ้านที่ไหน
อย่างไอ้ 192.168.1.1

969 Nameless Fanboi Posted ID:cVAGPUBpTF

>>958 โดนอยู่ เจอให้ทำชีวะ นั่งน้ำลายยืดเลย

970 Nameless Fanboi Posted ID:LPx4Q8INY+

>>968 นั้น ip วงแลน แต่ isp รู้ว่าเราเล่นจากที่ไหนจริงๆ ส่วนเว็บเช็คมันไม่ค่อยตรง

971 Nameless Fanboi Posted ID:tF6oPXjxhV

https://www.facebook.com/groups/647718825333067/permalink/2121722874599314/

มีคนหมิ่นโค้ดสตาร์ของเราครับ

972 Nameless Fanboi Posted ID:wZksFd+ued

พวกมึง Outsource .net ปสก 2 ปีครึ่ง ฝีมือทั่วไป เงินเดือนเท่าไหร่กันแล้ววะ กุ 45k มากหรือน้อย

973 Nameless Fanboi Posted ID:Hx+wsW9dcE

>>972 น้อย 80k ปกติอย่างต่ำ

974 Nameless Fanboi Posted ID:T9iUOUdZaD

>>973 โคตรเยอะ

975 Nameless Fanboi Posted ID:Kt9GBqDydo

>>973 มึงนึกว่าที่นี่เป็นซิลิก้อนวัลเล่เหรอวะ

976 Nameless Fanboi Posted ID:yyEyG5RlDN

>>972 ถ้าพูดได้แต่ไทยก็ประมานนั้นแหละถ้า eng ได้ก็ทำ 80k ได้

977 Nameless Fanboi Posted ID:q3+oOiUIk2

เพื่อนโม่ง​ ตอนนี้สายวิศวะคอม​ หรือ​ It สายไหนน่าเรียนกว่ากัน​ มีงานรองรับมากกว่า

978 Nameless Fanboi Posted ID:Gk6y+Kbd.E

>>977 ไม่เทพชีวะก็ตกงานหมดล่ะสมัยนี้

979 Nameless Fanboi Posted ID:t+.sevoi5R

>>978 ยังไงวะ?

980 Nameless Fanboi Posted ID:vdFNpXkUQa

>>978 ยิ่งเทพ neuro นะ ยิ่งหางานสบาย รายได้กระฉูด

981 Nameless Fanboi Posted ID:qJ.IJny966

พวกมึง
เวลาเขียนหน้าเว็บพวก html ต้องไม่ควร bind script หรือชื่อ function ต่างๆ ไปตรงๆ ใช่ไหมวะ กุเห็นเว็บใหญ่ๆดังๆ เคยกด f12 ไปดู เหมือนเค้าเขียน class ไว้ แล้วไปเขียนการทำงานใน class script อีกที กุเข้าใจถูกป่าว แล้วชื่อ class แม่งก็เขียนแบบชื่อไม่สื่ออ่ะ แบบไม่รู้เรื่อง แต่โปรแกรมเมอร์เค้ามี doc เรื่องชื่อแปลกๆ กันเอง (ชื่อแปลกเอาไว้ให้คนอื่นอ่านไม่ค่อยออกเวลามาแกะเว็บ) กุเข้าใจถูกป่าววะ ตอนนี้กุเขียนเว็บแม่งใส่ชื่อ function แล้ว bind กับ html ไปตรงๆ เกือบทุกอันเลย คือเวลาแกะดูแล้วเปลี่ยน html นุ้นนี่นั่น เว็บมันทำงานแปลกๆ หรือกรณีนี้ควรไปเช็คฝั่ง backend
อย่างบางเว็บของ google กุเหนเค้าใส่ html ประมาณนี้อ่ะ <span class="VfPpkd-Q0XOV"><div class="VVsfQ"></div></span>
กุควรเปลี่ยนวิธีดีไหม

982 Nameless Fanboi Posted ID:g963aIIwH9

เพราะมึงมันโง่ไม่ยอมเรียนกับโค้ดสตาร์

983 Nameless Fanboi Posted ID:kH3MVzvu7u

ทำไมพวกมึงต้องไปแขวะโค้ดสตาร์อะไรนี้วะ กูไม่รู้บอกกูที

984 Nameless Fanboi Posted ID:2ldHxp.g./

>>983 เพราะมันลงโฆษณาว่าเรียนจบแล้วออกไปหางานเงินเดือน 30k+ กุก็เห้นมันโฆษณามานานตั้งแต่กุเริ่มทำงานใหม่ๆ แล้วนะ นี่ก็หลายปีแล้ว กุก้อไม่เคยเข้าไปดูหรอก แต่เห็นคนชอบแขวะประจำ

985 Nameless Fanboi Posted ID:pPD1LZ+09P

>>983 เพราะมึงไม่เข้าถึงความเป็นโค้ดสตาร์ไง

986 Nameless Fanboi Posted ID:K5IFc0yFCJ

เห็นคนแชร์เรื่องสัมภาษณ์งานในสมาคมอะไรซักอย่าง ทำให้อยากเขียนสิ่งนี้ขึ้นมาเลย

ชีวิตนี้ ผมสัมภาษณ์งานไม่ผ่านเยอะมากเลยนะ น่าจะเยอะกว่าที่หลายคนคิดไว้

แต่สุดท้าย เวลามันใช่ มันใช่ของมันเอง

ตอนที่ผมเข้า Taskworld ใหม่ๆ ใช้ Git เป็นงูๆ ปลาๆ มาก Javascript build รวมกันยังไงก็ไม่รู้ คนอื่นเขา Grunt เขา Webpack ของเราที่ทำมาตลอดยังแค่ใช้ script มารวมๆ กันอยู่เลย เขียน React ก็ไม่เคย ตอนนั้นได้งานทำ SPA มาคือเขียน Framework SPA เล็กๆ เอง เพราะไม่รู้จัก React

ที่อื่นจะไม่รับก็ไม่แปลก จะบอกว่าไม่เชี่ยวชาญพอก็เถียงไม่ได้แหละ

แล้วสุดท้าย ก็น่าประหลาดใจที่มันเป็นที่ๆ เหมาะกับตัวเองในช่วงชีวิตตอนนั้นมากๆ มันมีเคมีที่เข้ากัน และทั้งผมทั้งบริษัทก็ได้เติบโตจากกันและกันมากมายมหาศาล

=============================

ถ้าเรามองจากมุมของคนที่ออกแบบสัมภาษณ์ ไม่แปลกเลยที่จะหาวิธีการพัฒนาให้มันแฟร์ขึ้น แม่นยำขึ้น ดีขึ้น

แต่ถ้าเราเป็นคนสัมภาษณ์ ก็อยากจะให้มองมันอย่างเข้าใจ

บางปัจจัยอย่างเราอาจจะท้องเสียวันนั้นพอดี คนสัมภาษณ์อาจจะรีบร้อนวันนั้นพอดี หรือแม้แต่บริษัทมีปัจจัยอะไรซักอย่างให้อยู่ดีๆ ต้องรัดเข็มขัด ตัด Headcount ที่จะรับเพิ่ม ทั้งๆ ที่กำลังจะรับอยู่แล้ว ก็เกิดได้

บางทีมันไม่มีใครผิดใครถูกหรอก หรือเปล่าประโยชน์ที่จะไปหา

มันก็แค่ไม่ใช่เวลาไม่ใช่โอกาส ก็แค่นั้น

=============================

ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า กฎแรงดึงดูดมีจริงนะ

ผมเป็นคนที่ออกความเห็นเยอะ เขียนอะไรเยอะ

คนชอบก็มี คนไม่ชอบก็มี พูดมากขนาดนี้ คนหมั่นไส้ก็คงมีเยอะแน่ๆ

บางคนมาเห็นความเห็นแล้วจะตัดโอกาสของเราไม่อยากร่วมงานกับเรา ไม่อยากให้โอกาส คิดว่าแบบแนวคิดของเราไร้สาระ ตัดโอกาสทิ้ง เกิดขึ้นได้มั้ย ก็คิดว่าเกิดขึ้นได้

แต่ชีวิตมันกินทุกโอกาสไม่ได้

และการที่เราเลือกที่จะเป็นตัวเอง แสดงความเป็นตัวตน ก็จะนำพาโอกาสที่ใช่เข้ามาหา และผลักโอกาสที่ไม่ใช่ออกไป

ผมเชื่อว่า โอกาสที่ใช่ จะยอมรับความเป็นตัวเรา และทำให้เราดึง Best version ของตัวเองออกมาได้ โอกาสที่ใช่ จะรู้สึกอุ่นใจกับตัวตนของเรา

โอกาสที่ไม่ใช่ จะไม่ยอมรับความเป็นตัวเรา จะรู้สึกว่าตัวตนของเราไม่เหมาะกับเขา จะอึดอัดกับความเป็นตัวตนของเรา

มันเป็นธรรมดาของโลกนี้ ไม่ได้มีใครผิดใครถูก มันแค่เข้ากันไม่ได้

สัมภาษณ์งานก็เหมือนกัน ถ้ามันไม่เหมาะ เวลามันไม่ใช่ โอกาสไม่ใช่ มันก็ไม่ได้ ก็แค่นั้นแหละ

=============================

อยากให้กำลังใจน้องๆ หรือเพื่อนๆ พี่ๆ ที่อาจจะกำลังย้ายงาน

วันนี้เราสัมภาษณ์ไม่ผ่าน เราอาจจะคิดว่า มันต้องมีใครผิด ไม่ฉันผิด ก็อีกคนผิด ไม่ฉันแย่ ก็บริษัทแย่ พยายามอธิบายด้วยแนวคิดผิดถูก

ความผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดา ผมผ่านมาเยอะนะ

แต่จริงๆ โลกมันซับซ้อนกว่านั้น เป็นสีเทามากกว่านั้น

อยากให้เชื่อมั่นว่าสุดท้ายโลกจะหาสิ่งที่ใช่เข้ามาหาเรา ผลักสิ่งที่ไม่ใช่ออกไปจากเรา

กฎแรงดึงดูดมีจริงเสมอ ผมเชื่อ และก็ผ่านมาแล้ว

ย้อนกลับไปคิดก็ขอบคุณโลกนี้ที่สุดท้ายพาโอกาสที่ใช่เข้ามาในชีวิต ผลักโอกาสที่ไม่ใช่ออกไป มันอาจจะเป็นโอกาสที่ใช่ของคนอื่น เป็นโอกาสที่ดีในสายตาคนอื่น แต่ไม่ใช่ของเรา

แต่กฎแรงดึงดูดจะทำงานได้ดี เราต้องมั่นคง ต้องมี Integrity คอยพัฒนาตัวเองในแนวทางที่ตัวเองเป็นอยู่สม่ำเสมอ จนความเป็นตัวตนชัดเจนขึ้น

ถ้าเราไม่มี Integrity ไม่มีความชัดเจน หลอกลวงไปเรื่อย ทำตัวเฉไฉไปมาต่อโลกนี้ โลกจะเลือกให้เราไม่ถูก กฎแรงดึงดูดก็จะงง ไม่รู้ว่าจะดึงอะไรเข้ามา โลกก็จะดึงดูดสิ่งต่างๆ เข้ามาในชีวิต อย่างมั่วซั่วสะเปะสะปะไปหมด ให้เราเสียเวลาปวดหัว

ความไม่ชัดเจนนั้นอาจจะเกิดจากความไม่มั่นใจในตัวเอง หรืออาจจะเกิดจากเจตนาที่หลอกลวง ผมมิอาจตัดสินว่ามาจากเจตนาใด

แต่ผมเชื่อว่า โลกนี้จะงง สรรหาพื้นที่ให้คุณไม่ถูก กฎแรงดึงดูดจะสับสน ดึงดูดสิ่งต่างๆ เข้ามาอย่างมั่วซั่วเละเทะ ถ้าคุณไม่มีความชัดเจน

ชีวิตช่วงไหนที่ผมสับสนกับตัวเองมากๆ โอกาสต่างๆ ที่เข้ามาก็จะสับสนมาก พอๆ กับความสับสนภายในจิตใจ

ผมถึงเชื่อในกฎแรงดึงดูด

และก็อยากเตือนด้วย

ถึงแม้จะเชียร์ว่า ให้เป็นตัวตนของตัวเอง แต่ก็อย่าให้ความเป็นตัวเรามันไม่ได้ไปบดบังคนอื่น Abuse คนอื่น

ว่าการทำให้ตัวเองเด่นโดยกดคนอื่นให้ด้อย โยนความผิดให้สิ่งรอบข้าง โดยอ้างว่านี่คือความเป็นตัวตน ฉันไม่แคร์ วางตัวเหนือกว่า มันไม่น่ารักนะ

มันผลักโอกาสต่างๆ ออกไปนะ มันจะดึงดูดคนที่คิดว่า "การกดคนอื่นเพื่อให้ตัวเองเด่นเป็นธรรมดาโลก" เข้ามาในชีวิตนะ

แสดงความเป็นตัวตนในกาลเทศะและเวลาที่เหมาะสม ไม่กดคนอื่นลงเพียงเพื่ออยากขับเน้นตัวเองให้เด่นขึ้น

ทั้งให้กำลังใจและก็เตือนสตินะ

987 Nameless Fanboi Posted ID:HtSfFE/JRk

Bloc pattern เป็นไงบ้าง ดีไหม

988 Nameless Fanboi Posted ID:vjnoRKJO66

Stack overflow ลุกเป็นไฟ
ไอ้ห่า genderpolitic ไปถึงไหน พังถึงนั่น

989 Nameless Fanboi Posted ID:/DjWmyGu27

>>988 ไหน

990 Nameless Fanboi Posted ID:/DjWmyGu27

ใครเป็นแฟนขับอาจารย์
กบถาวร แห่ง ชวาไทยแลนด์บ้าง

991 Nameless Fanboi Posted ID:+EJzVOdDlt

ชมรมโปรแกรมเมอร์ใสๆไม่กินมาม่าหายไปไหน

992 Nameless Fanboi Posted ID:I2P6cl4lEI

>>991 ยังอยู่นี่

993 Nameless Fanboi Posted ID:eK0YGGVmck

>>990 จานกบแกเน้นขาย pos นะเว้ย รวยเปนล้าน 555555

994 Nameless Fanboi Posted ID:neGvcK8gdk

>>991 ของกูหายไปแล้วอ่ะโม่ง กรุ๊ปมันปรับค่าใหม่เหรอวะ?

995 Nameless Fanboi Posted ID:HVicbMJ9.0

ใครเคยทำ dtac มั่งวะ โบนัสเค้าได้กันกี่เดือน

แต่กุเหนป้ายโฆษณา เหมือนเค้าตัดโบนัสเปน ไตรมาส รึป่าววะ แล้วได้เยอะไหมแต่ละไตรมาส

996 Nameless Fanboi Posted ID:0RNYDuGECh

>>995 บริษัทนี้รับโปรแกรมเมอร์เป้นพนักงานประจำแล้วหรอวะ แต่ก่อนเห็นใช้วิธีจ้าง outsource อย่างเดียว

997 Nameless Fanboi Posted ID:Grr4VztTBo

>>996 ตอนนี้ก็ยัง outsource อยู่

998 Nameless Fanboi Posted ID:dO567pmOBR

โค้ดสตาร์ทำให้เน็ตเหี้ย

999 Nameless Fanboi Posted ID:dO567pmOBR

ควยถอกเย็ดแม่แอดมินกะเทยควายควยโค้ดสตาร์

เย็ดแม่แอดมิน หัวยควย แอดมินเย็ดกะเทยหัวควย

หัวควยกาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
หี
หี
หั
หี
หี
หี
หี
หี
หี
หี
หี
หรี
กะหรี่หน่อแต่ดหัวควยอิเล็กทรอนิกส์

1000 Nameless Fanboi Posted ID:dO567pmOBR

ควยถอกเย็ดแม่แอดมินกะเทยควายควยโค้ดสตาร์

เย็ดแม่แอดมิน หัวยควย แอดมินเย็ดกะเทยหัวควย

หัวควยกาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
กาพี้
หี
หี
หั
หี
หี
หี
หี
หี
หี
หี
หี
หรี
กะหรี่หน่อแต่ดหัวควยอิเล็กทรอนิกส์

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.