การเมืองสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นเกมระหว่าง "พ่อของฟ้า" VS อ.อเนก
เพื่อนผมบอกว่า "อเนกพูดอะไรของแม่ง โง่ชิบหาย ขัดกับทุกอย่างที่ตัวเองเคยสอน เสียดายที่หลงอ่านตำราที่คนแบบนี้เขียนมา"
แต่ถ้าเราพิจารณาให้ดี อ.อเนก ไม่ได้โง่ขนาดนั้น แกแค่ทำในสิ่งที่
รู้ว่าทำแล้วได้ประโยชน์สูงสุดในเกมส์นี้
อย่างทฤษฎีที่ผมเคยเสนอไปว่า การเลือกตั้งครั้งนี้แบ่งเป็นสองปีก เอาที่เขาเรียกตัวเองคือ "ฝ่ายผู้รักชาติ" กับ "ฝ่ายประชาธิปไตย" เอาเข้าใจง่ายๆ คือสลิ่มกับแดง อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะดีกรีไปสุดทางขนาดไหน
ในการลงคะแนนครั้งนี้ คนจะเลือกข้างก่อนว่าจะอยู่ข้างไหน จากนั้นค่อยเลือกพรรค
พรรคอย่างเพื่อไทย มีฐานแฟนคลับที่แน่นอน แฟนคลับกลุ่มนี้ไม่มีทางไปเลือกพรรคฝั่งสลิ่ม คนที่อยู่เฉดสลิ่มก็ไม่มีทางเลือกเพื่อไทย ยกเว้นจะคอนเวิร์ด "ตาสว่าง" เสียก่อน
อย่างไรก็ตาม อนาคตใหม่ มีลักษณะพิเศษซึ่งต่างจากเพื่อไทย คือเป็นพรรคที่ดึงคนประเภทที่ไม่สนใจการเมือง คิดว่านักการเมืองเลว ซึ่งอยู่กลางๆค่อนไปทางสลิ่มได้
คิดแบบการตลาด อนาคตใหม่ไปแย่งฐานลูกค้าของพรรคฝ่ายสลิ่ม อย่าง ปชป. ACT พปชร.
ดังนั้นฝ่ายสลิ่มจำเป็นต้องป้องกันการย้ายค่ายของฐานเสียงพวกนี้ วิธีที่ง่ายที่สุดคือพยายามผลักธนาธรให้เป็นควา*แดง ซึ่งสลิ่มไม่มีทางเลือก
ACT เป็นพรรค กปปส. คำพูดของ อเนก ก็เป็นสิ่งที่ฐานสมาชิกอยากฟัง ฟังก์ชั่นของมันคือการปลุก กปปส. ที่หลับอยู่ให้ตื่นขึ้น ออกมาจากศูนย์ปฏิบัติธรรม และพร้อมจะกู้โลกอีกหน
move ของ อ.อเนก กำไรมากๆ คิดว่าอาทิตย์ที่แล้ว มีใครรู้จักบ้างว่า อเนกเป็นใคร? มีพรรค ACT อะไรนี่ด้วยเหรอ
การตอบโต้กลับไปกลับมาระหว่าง อเนก กับ ด้อมฟ้า สร้างการรับรู้ที่มีต่อพรรค ACT ถึงมันจะอยู่ในลักษณะตั้งรับ คือแค่กระตุ้นกลุ่มสมาชิกเดิมให้ตื่นขึ้น ไม่ได้สร้างสมาชิกใหม่ได้เพิ่ม แต่ก็เป็นคะแนนด้านบวกของ ACT
ในทางเดียวกัน ฝ่ายอนาคตใหม่ (Future Forward Party FFP) ก็ได้กำไรจากการตั้งรับการโจมตีของอเนก ด้อมฟ้าแข็งแกร่งขึ้น ได้แย่งชิงพื้นที่สื่อ และได้สร้างการรับรู้ที่มีต่อ FFP (ติ่งกับโอตะมันก็เหมือนแป้งบะหมี่อ่ะ ยิ่งด่ายิ่งนวดยิ่งแน่น)
เป็นการโจมตีกันที่ผลท้ายสุดแล้วเป็น win-win condition ในตลาดการเมือง ทั้ง FFP และ ACT ซึ่งเป็นพรรครองสำหรับเกมนี้ได้ทั้งพื้นที่สื่อและผู้สนับสนุนเพิ่มทั้งคู่ ประมาณเล่นโกะแล้วเมื่ออีกฝ่ายรับ เราตอบโต้ แล้วเติบโตจากกลุ่มเล็กเป็นกลุ่มใหญ่ทั้งสองฝ่าย
คำถามคือนับแต้มจริงๆแล้ว ฝ่ายไหนโกยแต้มได้เยอะกว่ากัน?
ผมเชื่อว่า FFP ค่อนข้างได้เปรียบ
เพราะ ACT เป็นการได้คะแนนเชิงรับ คือปลุกคะแนนเก่าของตัวเองกลับมา ซึ่งผมเชื่อว่าถึงไม่ทำอะไรเลย พอถึงวันเลือกตั้งอย่างไรพวกนี้ก็จะออกมาจากศูนย์ปฏิบัติธรรมแบบงงๆ เหมือนมาจากปี 2557 ถามเพื่อนว่าต้องเลือกใคร แล้วไปกาให้ลุงตู่อยู่ดี
แต่ FFP ดึงคะแนนที่ควรจะเป็นของฝ่ายตรงข้ามมา
วินาทีนี้เมื่อ ทษช. ยังไงก็น่าจะรอดยาก ชัยชนะของฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า "ฝ่ายประชาธิปไตย" อยู่ที่ว่า FFP กับ เสรีรวมไทย ได้คะแนนเยอะขนาดไหน เนื่องจากเพื่อไทยส่งไม่ครบทุกเขต และน่าจะยากมากที่จะได้ปาร์ตีลิสม์เพราะจากกฏิกาของรัฐธรรมนูญนี้ (ส่วนประชาชาตินั้นมีคะแนนที่แน่นอนไม่เพิ่มไม่ลด)
ความหวือหว่าของเกมส์ฝ่ายเพื่อไทยอยู่ที่จะถ่ายคะแนนให้ FFP กับ เสรีรวมไทยยังไงให้พอดี และจะเดินเกมส์ยังไงให้ไม่เสี่ยงสะดุดอะไรเลย
.
.
.
ในสัปดาห์นี้ผมเดาว่าจะย้ายจากพรรครองตีกัน เป็นเกมส์ ทหาร VS เพื่อไทย ในเรื่องงบทหาร
วิธีคิดเหมือนเดิม คือฝ่ายทหารใช้วิธีปลุกสลิ่มฮาร์ทคอร์ให้ตื่นขึ้นมา และสร้างความไม่พอใจในฝ่ายขวาจัด
แต่งบทหารเนี่ย มันไม่ทำให้ใครได้ประโยชน์เลยนอกจากนายพล ดังนั้นเมื่อพิจารณาดีๆในเชิงการเมืองเลือกตั้งมันเป็น Move ที่ยิ่งเดินยิ่งช่วยโฆษณาให้ฝั่งตรงข้ามว่า "จะลดงบทหารนะ" เป็น thank you move
พวกนักการเมืองเพื่อไทยเห็นแล้วว่าเป็นโอกาส ทุกคนแย่งกันออกสื่อตอบโต้เกาะประเด็นนี้กันใหญ่
เดี๋ยวพรรคอื่นๆ จะต้องมาช่วยกระทืบชูนโยบายลดงบทหารขอแต้มด้วยแน่นอน
ยกเว้นจะบิ้วท์มาเพื่อชวนนายพลรัฐประหารอ่ะนะครับ อาจจะได้อยู่
ป.ล. เอ้อ แต่วิธีด่าสาดใส่ตัวคนแบบนี้ของ อ.อเนก มันอาจผิดกฎของ กกต. ได้นะ ลองไปยื่นรอง กกต. ขำๆไว้ดิครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง