การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมของตะวันตก พัฒนามาจากมีนักปรัชญา นักคิด เกี่ยวกับเรื่องคนเรื่องสังคมความคิดการใช้เหตุผลต่างๆ สั่งสมช้านานจนเป็นยุคเอนไลนเทนที่ส่งเสริมให้คนคิดมากกว่าเชื่อถือจารีตต่างๆ
ซึ่งบ้านเราตามช้ากว่าเค้า มันมีหลักจารีตความเชื่อบางอย่างครอบงำอยู่ ถ้าไม่ใช่คนศึกษาโดยตรง ส่วนใหญ่ก็มาเรียนรู้กันในช่วงยุคโซเชี่ยลที่ความคิดแนวเอนไลนเทนมันกระจายผ่านสื่อนี่ละครับ
ชนชั้นนำของตะวันตกในยุคนั้นที่เชิญชวนให้ประชาชนตื่นรู้ในศักยภาพของมนุษย์และความคิดตนเอง จะมีลักษณะเป็นชนชั้นนำที่เป็นชาตินิยม ด้วยครับ กล่าวคือ มีไอเดียต้องการให้เพื่อนร่วมสังคมเจริญก้าวหน้าเดินไปด้วยกัน เพื่อยกระดับกันไปทั้งประเทศ
ปัญหาที่เราเจอยุคนี้ คือการเคลื่อนย้ายทุนข้ามชาติ เพราะไอเดียอภิชนหัวก้าวหน้ายกระดับประชาชนในสมัยนั้น มันก็เห็นหน้าเพื่อนร่วมชาติกันอยู่ได้แค่นั้น แล้วเขาก็ทำได้สำเร็จก่อน globalization เข้ามา ซึ่งทำให้ทุนกับคนมันย้ายเคลื่อนย้ายได้ตลอด อีลีทหรือชนชั้นนำในยุคโลกาภิวัฒน์นี้อาจมีสำนึกแบบ transnational elite (อภิชนข้ามชาติ) คือเขาอาจไม่ได้มีสำนึกเป็นปึกแผ่นกับประชากรในชาติแล้วไปทะเลาะกับ elite ประเทศอื่นๆ แต่จะมองว่าตนเองสามารถย้ายไปอยู่ที่ใดก็ได้บนโลก
อาจจะมีโซนคนรวยสักแห่งในโลก ที่ไม่มีการเหยียดว่าคุณเป็นคนเชื้อชาติอะไร แต่ตัดสินจากระบบทุน เพราะคนมีปัญญาอาศัยโซนนี้คืออภิชนชั้นเดียวกันในระบบทุนโลก มาหาความร่วมมือหรือเจรจาการค้าการลงทุนดีกว่า ประมาณว่าไม่ได้กลัวหรอกถ้าเป็นสาวไทยแล้วเค้านึกว่ามาขายตัว ชั้นอยู่วิลล่าไพรเวทนี้นะยะ เธอซึ่งเป็นพลเมืองแท้ๆ ยังไม่มีปัญญาซื้อเลย ว่าแล้วก็ไปจิบไวน์กับลูกสาวอีลีทบ้านข้างๆ ที่มาจากเวียดนาม จีนแผ่นดินใหญ่ดีกว่า ว่าจะชวนกันเข้าสปาซะหน่อย พวกผู้ดีเก่าตะวันตกแบบบ้านหลังใหญ่ มีคนรับใช้ แล้วลูกชายลูกสาวไปแต่งงานลูกอีลีทไทย อีลีทจีน อีลีท ASEAN ที่ไปรู้จักกันขณะเรียนมหาลัยชัั้นนำของโลกจะเจอปัญหานี้บ้าง คือคนที่ทำงานให้ตระกูลทำใจไม่ได้ที่จะต้องมารับใช้บริการให้คนจากประเทศโลกที่สาม แต่คอนเซปต์ transnational elite ทำให้สุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับว่า นั่นคืออภิชนคนหนึ่งเช่นกัน ใช้ค่าเงินอยู่ในระบบสากล ไม่ใช่ลูกชนเผ่าใช้เปลือกหอยแบบยุคก่อนล่าอาณานิคม ความเข้มข้นทางสาแหรก (Genealogy) ลดลง แต่ไปวัดความเป็นอภิชนกันที่ทุนแทน
ซึ่ง transnational elite ในยุคโลกาภิวัฒน์ จะรักษาผลประโยชน์ในวงกันเองแบบข้ามชาติด้วย พวกนี้ย้ายตัวเองย้ายเงินทุนทั้งเพื่ออาศัย พักผ่อน ฝากเงิน ลงทุน ถอนทุน ฟอกเงิน หลบซ่อน ทำได้หมด นั่นยิ่งทำให้ซับซ้อนเข้าไปอีก เอาตัวอย่างชัดๆ อีลีทตะวันตกบางคนยอมปิดบริษัทให้คนในชาติตัวเองตกงาน แล้วมาเจรจากับอีลีทไทยขอเปิดบริษัทจ้างงานด้วยค่าแรงถูกกว่า สั่งสมความมั่งคั่งเข้าไปอีก คือมันอยู่ในยุคมองการเลื่อนไหลของทุนก่อนปากท้องคนในสังคมไปแล้ว บางทีไอ้ที่ทำน่ะแค่พอให้คนมีกินประเทศไม่ล่ม ลับหลังบิ๊กดีลระหว่างใครกับใครบ้างทั่วโลกก็ไม่รู้ แล้วผลประโยชน์จะเข้าประชาชนหรือกลุ่ม transnational elite ด้วยกัน?
#มิตรสหายท่านหนึ่ง