หมอปลอม ช่วงนี้ของปีที่แล้ว คือราวๆต้นปี43 ผมเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัย และยังตระเวณหางานอยู่ ซึ่งสายที่ผมจบมานั้นค่อนข้างเป็นสาขาวิชาจับฉ่ายไม่ใช่พวกสเปเชียลลิสต์ที่มีงานมารอ ดังนั้นผมจึงพบกับชะตากรรมตกงานเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมรุ่นทั่วไป น้าชายของผมที่เป็นนายแพทย์มีชื่อเสียงด้านสูตินารี จึงชวนผมให้ไปทำงานด้วย โดยให้เป็นเสมียนประจำคลินิกไปพลางๆก่อน มีหน้าที่อำนวยการทั่วไป รับคนไข้เช็คระเบียนและทำงานไม้จิ้มฟันยันเรือรบทั่วไป ผมทำงานอยู่ได้สักประมาณ ๓ เดือน จนกระทั่งน้าแกเริ่มพอใจ เลยให้เข้าเป็นลูกมือเวลาตรวจรักษาด้วย นานๆครั้งถ้าพยาบาลที่จ้างไว้ไม่พอ คนไข้ที่มาหาน้าผมส่วนใหญ่เป็นคนมีสามีแล้ว หรือคุณน้าคุณป้าแก่ๆที่มาตรวจมะเร็ง ดังนั้นแม้ผมเห็นอะไรไปก็ไม่รู้สึกอะไรขึ้นมา เพราะความรู้สึกสลดสังเวชมีมากกว่า และไม่มีอะไรสวยๆงามๆมาให้ดู แต่กระทั่งวันนั้นก็มาถึง น้าของผมแกปวดท้องเป็นไส้ติ่งกระทันหัน จนต้องเรียกให้รถพยาบาลมารับ และให้ผมปิดคลินิคกลับบ้านได้เลย ขณะที่ผมเก็บกวาดทำความสะอาด และจัดเก็บเวชระเบียนอยู่นั้น ก็มีคนไข้หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งด้อมๆ มองๆอยู่หน้าประตูได้พักหนึ่งแล้ว ก็เปิดประตูเดินเข้ามาในคลินิก เธอแต่งชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง รูปร่างไม่สูงนักและออกจะผอม แต่หน้าอกไม่ใหญ่นักแต่ยังดูสมส่วน ผิวขาว หน้าตาน่ารักมากกว่าสวย ผมยาวสีน้ำตาล เธอดูลังเลนิดหนึ่งจึงเดินเข้ามาถามผมว่า คุณหมออยู่ไหม?” ผีบ้าซาตานที่ไหนก็ไม่รู้ ดลบันดาลให้ผมนึกพิเรนขึ้นมา แนะนำตัวไปว่า “”ผมเองครับ มีอะไรหรือ?”” น้องคนนั้นเลยเล่าให้ฟังว่า บ้านเธออยู่แถวลาดพร้าว แต่มาหาหมอแถวนี้เพราะอายไม่กล้าไปแถวบ้าน (คลินิกน้าผมอยู่แถวเมืองนนท์) และเพื่อนแนะนำว่าคุณหมอ (พี่เขย) เก่ง ปัญหาของเธอก็คือ เดือนนี้เมนส์เธอยังไม่มาเลย เลยกำหนดมาสองอาทิตย์แล้ว ผมก็ถามดูว่าเธอมีอะไรกับใครหรือเปล่า เธอก็ตอบอายๆว่าไม่เคยมี และยังไม่มีแฟน ตอนนั้นผมคิดพิเรนทร์แค่อยากจะดูของดีเธอเล่นเท่านั้นแหละ ไม่ได้คิดอะไรร้ายแรงกว่านั้น ผมจึงบอกให้เธอถอดกระโปรงและกางเกงในขึ้นไปรอบนเตียงในห้องตรวจ จริงๆคลินิคจะมีฉากให้ถอดเสื้อผ้าครับ แต่ผมทำเป็นเฉยเสียไม่เอาออกมากาง (เพราะเก็บไปแล้วตั้งแต่ตอนที่น้าไป ร.พ.) บอกให้เธอถอดต่อหน้าผม โดยแสร้งทำหน้าตาเฉยๆ เหมือนหมอจริงๆ เธอคงรู้สึกอย่างนั้นจึงกล้าถอดแบบเขินๆนิดๆ