เมื่อวาน สีจิ้นผิงแถลงเนื่องในวาระ 40 ปีการเปิดประเทศกับปฏิรูปจีน สีจิ้นผิงบอกว่าจะไม่ยอมให้ใครมาสอนจีน คำพูดนี้สะท้อนวิธีคิดทางการเมืองของจีนมาตลอด 30 - 40 ปี ซึ่งชาวโลกจะต้องเข้าใจเรื่องนี้ ถึงจะดีลกับจีนและคู่กรณีของจีนได้ถูก
สีจิ้นผิงบอกว่าจะจีนไม่ยอมเลียนแบบใคร ประเด็นนี้คือเรื่องสิทธิมนุษยชน
นักการเมืองและนักรัฐศาสตร์จีน (เช่นสีจิ้นผิงกับจางเหวยเหว่ย) ล้วนแต่บอกว่า นิยามสิทธิมนุษยชนของจีนไม่เหมือนที่ตะวันตกยัดเยียด คือ
1. สิทธิมนุษยชนตะวันตกให้ค่ากับสิทธิในการแสดงความเห็น เสรีภาพในการทำตามความปรารถนา หรือสิทธิทางการเมืองเสรีนิยม
2. สิทธิมนุษยชนของจีน ให้ค่ากับการกำจัดความยากจน ตราบใดที่ประชาชนยังอดอยาก ตราบนั้นถือว่ายังไม่มีสิทธิมนุษยชน
จีนบอกว่า คนตะวันตกมีสิทธิแสดงความเห็นก็จริง แต่ประชาชนเข้าไม่ถึงทรัพยากรอย่างเท่าเทียม หญิงชายไม่ได้รับเงินเดือนเท่ากัน และไม่มีสิทธิรักษพยาบาลถ้วนหน้า แบบนี้ถือว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่?
มโนทัศน์การเมืองจีนแต่โบราณถือว่า ถ้าประชาชนท้องไม่อิ่มจะเกิดความโกลาหล อาณัติสวรรค์ได้มาจากความผาสุกทางเศรษฐกิจ หากท้องไม่อิ่มอาณัติสวรรค์ก็สั่นคลอน กบฎส่วนใหญ่ในประวัติศาสตร์จีนจึงมักเป็นกบฎชาวนา
เติ้งเสี่ยวผิงจึงต้องปฏิรูปเศรษฐกิจก่อน ทำให้ประชาชนอิ่มท้องจริงๆ ครั้งแรก แต่นั้นจีนก็หมดยุคโกลาหลวุ่นวาย
โลกตะวันตกมองว่า เสรีภาพต้องมาก่อน และรัฐเป็นความจำเป็นที่ชั่วร้าย แต่คนจีนมองว่าความมีเสถียรภาพมาเป็นอันดับหนึ่ง และรัฐเป็นความจำเป็นที่ดีงาม
ตะวันตกกับจีนเดินกันคนละแบบ และจีนเดินแบบนี้มาหลายพันปีแล้ว แต่ตะวันตกจะให้จีนเดินแบบตัวเองให้ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วง ก็คงอยากให้จีนพินาศ
แน่นอนว่า จีนไม่สมบูรณ์แบบและยอมรับว่ายังต้องอุดช่องโหว่อีกมาก เช่น ช่องว่างคนรวยคนจนที่ถ่างมาก
อนึ่ง งานฉลอง 40 ปีการเปิดประเทศ ยังเป็นงานฉลองตั้งเมืองเซินเจิ้นด้วย พูดถึงเมืองนี้ คำว่าเซินเจิ้นในเมืองไทยกลายเป็นไวพจน์กับคำว่าของเก๊ไปแล้ว แต่คนไทยมองเซินเจิ้นและจีนต่ำไป เพราะจีนใช้เซินเจิ้นเป็นเสมือนห้องทดลองการค้าแบบตลาด และทดลองใช้เทคโนโลยีที่จีนเรียนจากต่างชาติ
จีนใช้ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นข้อต่อรอง หากบริษัทต่างๆ อยากจะเข้ามาค้าขายในตลาดใหญ่ที่สุดในโลก (โอกาสทองเหลือเกิน) จะต้องยอมมอบเทคโนโลยีส่วนหนึ่งให้จีน
ในช่วง 40 ปีมานี้จีนพัฒนาแบบก้าวกระโดด ก็เพราะเงื่อนไขนี้ แต่จีนไม่ก็อปปี้แบบดาดๆ เพราะนำเทคโนโลยีมาต่อยอดเป็นของตัวเอง จนกระทั่งพัฒนารถไฟฟ้าความเร็วสูงได้
เซินเจิ้นไม่ใช่แค่แหล่งของปลอม มันคือห้องทดลองเทคโนโลยีของจีน ผลการทดลองย่อมมีของห่วยๆ และมีทั้งของชั้นเลิศ ไอ้ของห่วยนั่นก็ขนมาขายประเทศกำลังพัฒนานั่นเอง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง