แล้วเวลาก็ผ่านไป
ทุกอย่างที่จางไป
ต่างคนต่างแยกย้าย
ไม่กี่ปีต่อมา
วันนึงเพื่อนก็โทรมาผม
และเย็นอีกวัน...
ผมก็ไปงานศพของแม่เพื่อน
คนที่เคยอยู่ในวงวันนั้น
แม่ของเพื่อนประสบอุบัติเหตุบนถนน
มันด่วนมาก
ผมไม่รู้จะพูดอะไร...
ไม่รู้จะปลอบเพื่อนยังไง!
เพื่อนคนนั้นบอกผมว่า....
"บ้านที่คิดจะซื้อให้แม่ก็ยังไม่ได้ซื้อ"
"ยังไม่เคยพาแกไปเที่ยวดีๆกินดีๆเลย"
"กูไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้หว่ะ"
เค้าพูดไปมองรูปแม่ไป
น้ำตาซึม....
เค้าพูดกับผมว่า....
กูไม่รู้ ไม่รู้เลยจริงๆ...
"มันเร็วเกินไป"
แล้วก็พูด วนไปวนมาแบบนั้น
ผมนึกถึงเคสรุ่นพี่เมื่อหลายปีก่อน
ที่เค้าเตือนและหงุดหงิด
ก่อนเดินออกจากวงไป
ณ ตอนนั้นผมเริ่มเข้าใจว่าทำไมเข้าโมโห
และรู้ส่าทำไมพวกเราไม่ควรโกรธเค้า
ตรงกันข้ามเรากลับต้องขอบคุณเค้า
ที่ยอมถูกพวกเราเกลียด
"เพื่อให้เราคิดได้"
ผมคิดว่ามันคงไม่มีใครเฉื่อย
กับชีวิตได้หรอก...
ผมคิดในใจว่าถ้าทุกคนตะหนักว่า
"พ่อแม่อาจจะไปวันไหนก็ได้"
และอาจจะมีเวลาไม่กี่วัน
"ให้เราได้อยู่กับเค้า"
ผมเชื่อทุกคนไม่มีทางเฉื่อย
แต่คงทำให้ดีที่สุด
พยามทุกวิธีทางแน่นอน
"ใช่มึงอะเด็ก"
แต่พ่อแม่มึงนับถอยหลังทุกวัน
มึงรอได้
"แต่พ่อแม่มึงรอได้รึเปล่าล่ะ?"
(เค้าพูดพี่เค้าผุดขึ้นในหัว)
"มันเร็วเกินไป"
(เสียงของเพื่อนพูดประโยคนี้อยู่ข้างๆ)
1ในDreamlistของผมตอนเรียนจบคือ
ผมหาเงินเลี้ยงแม่ให้ได้ในวันนึง
แต่1ในข้อนึงของdreamlist
ที่ผมเขียนเพิ่มขึ้นมาคือ
ไม่ใช่แค่เลี้ยงแม่ได้ในวันนึง
แค่ผมจะต้องสำเร็จให้ไวที่สุดด้วย
เพราะเราไม่รู้ว่า
วันไหนเค้าจะไม่อยู่กับเรา
ก็ทำให้ไวที่สุด
แล้วใช้เวลากับเค้าให้คุ้มค่า
"ใช่มึงอะเด็ก"
แต่พ่อแม่มึงนับถอยหลังทุกวัน
มึงรอได้
"แต่พ่อแม่มึงรอได้รึเปล่าล่ะ?"
จริง!
(ผมคิดตามคำพูดนั้น)
และจริงๆเราไม่รู้เลย
ใครจะไปวันไหน
หรือาจจะเป็นตัวเราก็ได้
แล้วถ้าเราไปล่ะ?
พ่อแม่เราจะอยู่ยังไง?
เค้าจะอยู่ดีหรือเปล่า?
นับแต่วันนั้นชีวิตผมไม่เคยท้ออีกเลย
ตอนจะท้อ
ตอนเหนื่อย
ตอนอยากจะผลัดผ่อนการลงมือทำออกไป
"ใช่มึงอะเด็ก"
แต่พ่อแม่มึงนับถอยหลังทุกวัน
มึงรอได้
"แต่พ่อแม่มึงรอได้รึเปล่าล่ะ?"
คำพวกนี้ผุดขึ้นมาตลอด
หลายปี
จนชีวิตดำเนินมาถึงวันนี้
ผมค่อนข้างพอใจ
ผมเชื่อว่า
วันนี้ผมทำได้ดีระดับนึง
ได้ดูแลแม่ดีอย่างที่ตั้งใจ
ผมคิดว่าตัวผมทำได้โอเค
และจะยิ่งดีขึ้นไป
เพราะแม่คือพลังใจให้ผมดีขึ้น
จริงๆวันนี้เป็นวันดี
ผมไม่ได้อยากพูดเรื่องนี้
ให้คนที่อ่านรู้สึกไม่ดี
จริงๆไม่อยากนำมาเล่าเลยด้วยซ้ำ
ผมต้องโทษทุกคนด้วยถ้าผมพูดเรื่องนี้
แล้วทำให้บางท่านคนกระทบอารมณ์?
แต่เมื่อวานมีคนถามผมว่า
ผมทำยังไง
ผมถึงกล้าตั้งเป้าหมายใหญ่ๆ
แล้วผมทำยังไง
เวลาผมมีเป้าหมายแล้ว
ไม่ท้อ ไม่เหนื่อย
และเป็นมืออาชีพลุกขึ้นไปทำได้ตลอดเวลา
แม้จะไม่มีอารมณ์ในบางครั้ง
จากคำถาม
ที่ตอนแรกผมคิดว่าน่าจะไม่เล่าเรื่องนี้
แต่คิดไปคิดมา
เรื่องนี้มันตรงคำถาม
และมันคือสิ่งที่ผมคิด
แล้วเปลี่ยนชีวิตผมมาแล้ว
ก็น่าจะเป็นความจริงที่เป็นประโยชน์
ก็ควรจะพูดมัน...
ผมนึกย้อนหลัง
ย้อนกลับไป
ก่อนที่จะมาเป็นทุกวันนี้
ผมนึกถึงอะไรที่ทำให้ผมเป็นคนแบบนี้
ผมเริ่มเปลี่ยนตอนไหน?
และอะไรทำให้ผมตั้งเป้าหมายใหญ่
ตั้งแต่เรียนจบเลย
และอะไรที่ทำให้ผมfocus
มันได้ตลอดเวลา
ผมนึกย้อนหลังไปเรื่อยๆ...
"มันเร็วเกินไป"
(เสียงของเพื่อนผมในงานแม่ของเค้า)
"ยังไม่ได้ทำอะไรให้แม่เลย"
"ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้"
(เสียงเพื่อนพูดวนไปวนมาตลอดงาน)
"ใช่มึงอะเด็ก"
แต่พ่อแม่มึงนับถอยหลังทุกวัน
มึงรอได้
"แต่พ่อแม่มึงรอได้รึเปล่าล่ะ?"
(เสียงของรุ่นพี่ก่อนที่เค้าจะ
เดินฉุนเฉียวออกจากวงไป)
A10(เอเท็น)
Prince of Sales
"สังคมแห่งความเป็นไปได้"