ฟังเสวนาที่ธรรมศาสตร์แล้ว ผมอารมณ์ขึ้นหน่อยๆ อยากจะย้ำประเด็นเกี่ยวกับการเมืองที่ผมพูดมาตลอดซ้ำๆ แต่ผมคิดว่ามิตรสหายเสรีนิยมทั้งหลายไม่เข้าใจ และคิดว่าผมบ้า
คือคุณไม่มีทางเป็นประชาธิปไตยได้ ถ้าคุณไม่มีเปลี่ยนชุดความคิดพื้นฐานของชนชาติใหม่
ตอนผมอยู่ในคุก ผมใส่ชุดนักโทษ ผมอยู่ในสภาพตกต่ำแบบประมาณว่าครึ่งมนุษย์ อีกนิดนึงจะเป็นสัตว์ ผู้คนต้องหาคำอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม เมื่อคนที่ไม่รู้จักผมมองเห็นผม เขามีท่าทีผิดไปจากเวลาที่ผมใส่ชุดปรกติ พวกนักโทษต้องหาคำอธิบายสภาวะนี้ของตัวเอง
ผมพบว่ามันมีชุดความคิดพื้นฐานของสังคมสองชนิด เรียกว่าแบบตลาดล่าง กับแบบตลาดบนก็แล้วกัน
.
.
.
แบบตลาดล่างคือ ระบบชุดความคิดแบบวาสนา
คือ ถ้าคุณเกิดมาวาสนาดี ชีวิตคุณจะดีเป็นแพ็คเกจ รวย หล่อ มีอำนาจ มีคนนับหน้าถือตา ถ้าคุณวาสนาไม่ดีก็จะตรงกันข้าม
ทั้งหมดเป็นผลที่มาจากสภาวะความดีที่คุณเคยทำมา เป็นตัวกำหนดคุณภาพวิญญาณของคุณ
หมายความว่าสภาวะภายนอก ทั้งฐานะ หน้าตา รูปร่าง โชค สะท้อนมาจากคุณภาพของดวงวิญญาณภายใน
ถึงขั้น พูดด้วยซ้ำว่าพวกนักโทษเป็นวิญญาณที่ควรจะเป็นสัตว์ แต่มาเกิดในร่างมนุษย์
โดยตรรกะคือ ถ้าคุณเป็นคนดี คุณไม่เกิดมาจนหรอก แต่ถ้าคุณเกิดมาจน โง่ ก็แสดงว่าคุณทำกรรมมา
แสดงว่าสภาพทุกข์ทั้งหลายที่เป็นอยู่ ก็เป็นผลมาจากสิ่งที่คุณเคยทำมา
คนอยู่ในคุก ก็เป็นเพราะกรรมอะไรบางอย่าง ไม่ชาตินี้ก็ชาติก่อน
ไม่ว่าคุณจะโดนอะไร ก็เป็นผลที่คุณต้องได้รับจากสิ่งที่คุณทำ
คุณจะมาเรียกร้องความเท่าเทียม โซเชียลเวลแฟร์ห่าอะไร กรรมคุณทำเองทั้งนั้น ก้มหน้ารับไปดิ
ต่อให้คุณประท้วงว่า ไอ้สัส กูแค่ซวย เพื่อนก็จะมานั่งด่าซ้ำว่ามึงต้องทำกรรมอะไรมาแน่ๆ เลยซวยแบบนี้ ระบบกรรมมันไม่ผิดพลาดหรอกเว้ย
ผมโคตรเกลียด เวลานักโทษปลอบผมว่า "อย่าคิดมา คิดเสียว่าชดใช้กรรม" เท่ากับมานั่งด่าว่า ผมต้องทำอะไรสักอย่างผิดมาในอดีต ไม่ชาตินี้ก็ชาติก่อนดีๆนี่เอง
ในทางกลับกัน ถ้าคุณเกิดมารวย ไม่มีเหตุผล นั่นก็เป็นสิ่งที่คุณสมควรได้รับแล้ว เพราะเป็นผลบุญจากชาติที่แล้ว
คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าคุณได้อภิสิทธิ เพราะนี่คือผล จากสิ่งที่คุณทำในอดีตเอง เหมือนปลูกพืชแล้วกินผลของพืชที่ตัวเองปลูก พวกเขาไม่คิดว่าตัวเองดวงดี เกิดมามีเงิน เพราะมันเป็นผลของชาติที่แล้วที่ตัวเองลงทุนไว้
เมื่อคิดแบบนี้ ถ้าคุณเป็นคนเกิดมารวย เรื่องอะไรคุณจะต้องไปช่วยคนเลว?
โอเค บางทีคุณอาจจะคิดที่จะทำบุญ เพื่อผลในอนาคต
แต่ก็มีความคิดว่าทำบุญกับคนดี ได้บุญมากกว่าทำบุญกับคนบาป บางคนพูดว่าถ้าช่วยคนเลว แล้วคนเลวกินข้าวเราเอาแรงไปทำเลวเราก็ได้บาป
มีครั้งหนึ่งตอนที่ผมบอกว่าผมเอาของเยี่ยมไปแบ่งให้นักโทษที่มันไม่มีแม้แต่แปรงสีฟันจะแปรง เสื้อก็ไม่มีใส่ แต่คนมาเยี่ยมผมไม่พอใจ บอกว่า เขาอยากเอาให้ผมไม่ใช่เอาให้พวกนักโทษ
ผมถามว่า แล้วผมกับนักโทษคนอื่นมันต่างกันยังไง
เขาบอกว่า เพราะผมไม่ได้ทำอะไรผิด แต่นักโทษคนอื่นทำผิดจริงๆ
ผมบอกว่า ผมเนี่ย มีของเต็มล็อกเกอร์จนมันเน่าแล้ว แต่คนอื่นไม่มีกิน เพราะผมเป็นคนดี ส่วนคนอื่นเป็นคนเลวเนี่ยนะ
ถ้าเราแบ่งคนพวกนี้แต่แรกตั้งแต่ตอนมันยังอยู่ข้างนอก มันก็ไม่ต้องไปปล้นคนอื่นกิน แล้วก็ไม่ต้องมาอยู่ในคุก มันจะเข้าใจว่าคนในสังคมเป็นเพื่อนมัน ไม่ใช่ศัตรูที่ต้องแย่งชิง
แต่เราไม่ทำ แล้วต้อนมันจนมุม พอมันมาอยู่ในคุก ก็ต้องรู้สึกอีกว่า สังคมกระทืบเหยียบซ้ำ ไหนๆมันก็เลวแล้ว ทำไมต้องสนใจคนดี โลกแบ่งเป็นสองส่วน โลกของคนดีมีวาสนา กับคนเลว ด้อยวาสนา
ในฐานคิดแบบนี้ คุณจะบอกคนพวกนี้ได้ยังไงว่าคนมันเท่ากัน
ขนาดพวกคุณเรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยแท้ๆ นักโทษธรรมดา กับนักโทษการเมืองยังไม่เท่ากันเลย
แล้วคุณจะบอก คนที่คิดว่าตัวเองเกิดมามีวาสนาได้ยังไง ว่าคุณก็เท่ากับคนที่มันนอนอยู่ตามข้างถนน ไม่ได้ไปโรงเรียน
ชุดความคิดแบบแบบตลาดล่างนี้ ไม่มีทางนำไปสู่ความคิดว่าคนเท่ากัน
เพราะคนแบ่งลำดับชั้นตามวาสนา
รากฐานของประชาธิปไตยคือคนเท่ากัน ถ้าสังคมเราคิดแบบนี้ไม่มีทางเกิดประชาธิปไตย
.
.
.
ชุดตลาดบนคือ เผด็จการโดยธรรม
พวกชนชั้นกลางมีการศึกษาอาจจะปฏิเสธเรื่องชั้นวาสนาจากกรรม แต่แบ่งชั้นคนจากความดี
มีคนดี กับคนเลว
คิดว่า คนเลวในสังคมมีมาก คนดีมีน้อย
ประชาธิปไตยคือเสียงส่วนใหญ่ ปกครองส่วนน้อย
คนเลวมีมากกว่าคนดี ประชาธิปไตยก็ย่อมให้คนเลวปกครองคนดีเรื่อยไป
ฐานคิดแบบนี้ไม่มีทางนำไปสู่ประชาธิปไตยได้
พวกนี้จะเรียกร้องเผด็จการโดยคนดี และปฏิเสธระบบเสียงข้างมากไปตลอดกาล
.
.
.
(มีต่อ)