Last posted
Total of 760 posts
กูก็อุตส่าห์ไม่ติดเรทแล้วนะมึง 555 แต่อีแบบข้างบนกุยังพอไหว ถือว่าเสียวนี่มันกริยาพื้นฐานนะ ที่กุเจอหนักๆจะเป็นพวก เลียxxดข้าที หรือแบบ ข้าอร่อยxxxจัง เลยว่ะ เอ้าทีนี้รู้กันหมดว่ากุอ่านอะไรมา 555
ว่าแต่ใครมันริเริ่มคำว่าเมียจ้า วะ กุออกเสียงตามในใจแล้วแม่ง... จะขำก็ขำจะขัดก็ขัด นึกถึงแบบพวกกวนตีนลากเสียงจ้า จ้า จ้า ทุกคำแล้วนี่มีความอยากกระทืบเบาๆในใจ 55
นิยายเซินเจิ้นทำไมนางเอกชอบเป็นลูกอนุวะ แล้วเป็นลูกอนุพ่อไม่รัก แต่ทำตัวเปรี้ยวตีนมากอะ
ดูมวยรองไง ดูโดนเหยียดหยามได้ง่าย ขายดราม่าดี
เรื่องใหม่คนแต่งราชบุตรเขยเป็นไงบ้างวะ ใครอ่านในเว็บมาแล้วบ้าง เรื่องนี้มีพระเอกมั้ย ชื่อเรื่องเอาซะเดาทางไม่ถูกเลย 555
ทำไมช่วงอายุนางเอกนิยายจีนเซินเจิ้นแบบยุคปัจจุบันมันน้อยลงเรื่อยๆวะ แล้วแม่งชอบให้เพราะเอกคือตาลุงวัยทำงานอ่ะกุอ่านแล้วมองพระเอกดีไม่ได้เลยชิบหาย เหมือนตาลุงหื่นจ้องล่อสาวม.ปลายอ่ะ
มีเรื่องไหนแซ่บๆแนะนำมั้ยเพื่อนโม่ง
KY ถ้ากูเขียนจีนนี่ควรจะใช้คำจีนผสมแปลไหมวะ เช่นบรรยายใช้องค์รัชทายาท แต่บทสนทนาใช้ ไท่จื่อ แทนตัวเอง เปิ่นหวาง หรือแทน ข้า ไปเลย แบบไหนมันดีกว่ากันวะเริ่มไม่มั่นใจ
ตอนนี้ สนพ.จีน เริ่มจะบ้าจี้ บ.ก.ชอบทับศัพ กุแทบจะเลิกอ่านละ เจิ้นมาตรึม ตลกชิบหาย ฮ่องเต้โกรธสัส เจิ้นจะตัดหัวมัน มึงดู มันไม่ได้ฟิลเหี้ยๆ
แวะมาหย่อนนิยายเรื่องนึงเพราะเห็นว่ายังไม่มีคนรีวิว แต่อ่านแล้วเนื้อหาไม่เลว
ชื่อเรื่อง :
เป็นพระชายาของอ๋องนิทรานั้นช่างยากลำบาก
นางเอกเป็นคุณหนูยุคโบราณธรรมดาๆ ที่... ก็มีเขี้ยวเล็บนิดๆหน่อยๆ จู่ๆวันหนึ่งก็พบว่าพี่สาวต่างมารดาของนางเหมือนจะย้อนกลับมาเกิดใหม่จากอนาคต(?) แถมยังตั้งตัวเป็นศัตรูกับนางอีกด้วย
เรื่องมันจะทำนองมีนางที่ย้อนอดีตมาได้แต่นางที่ย้อนอดีตได้ไม่ใช่นางเอก เสียดสีแนวย้อนอดีตมาแล้วซูชนะทุกสิ่งอ่ะนะ ซึ่งเรื่องมันจะเฉลยว่านางพี่สาวที่ย้อนอดีตมานี่ชีวิตในลูปเดิมอนาถ ในลูปก่อนนางแพ้คุณน้องนางเอกก็เลยแค้น แต่จะลูปไหนๆ นางเอกก็หัวดีกว่าพี่สาวคนนี้น่ะ รอบนี้อาจจะเสียเปรียบที่พี่สาวมีความทรงจำลูปที่แล้วแต่นางก็ฉลาดกว่าโดยพื้นฐาน ทำให้ไม่เพลี่ยงพล้ำง่ายๆ การย้อนอดีตได้ไม่ใช่ทุกสิ่ง ประมาณนั้น
ได้แรงบันดาลใจมากจากเมะ มังงะ หรือเรื่องอะไรอีกรึเปล่าล่ะๆๆๆๆ
ใช่นักเขียนที่ด่าคนอ่านผ่านนิยายว่า "ไอ้พวกขี้อิจฉาดีแต่เห่าหอน" ป่าววะ 555555
แล้วพอคนถามประเด็นลอกมากๆเข้าก็หงายการ์ดซึมเส้้า เซลฟี่รูปกรีดข้อมือให้ดู
จริงๆประเด็นลอกนี่กูว่ายังไม่ชัดขนาดจะเอาผิดได้ เพราะมันออกแนวยำใหญ่มากกว่า มีส่วนที่เป็นไอเดียของนขเองเยอะอยู่นะ ออกแนวแรงบันดาลใจแบบข้นๆ แต่บังเอิญนางข้นหลายเรื่องไปหน่อย 5555555 ตอนนั้นกูอ่านความเห็นของหลายคนแล้วเสียวโดนฟ้องแทน ฟันธงกันจวนเจียนจะหลุดขอบแสดงความเห็นโดยสุจริตอยู่รอมร่อ น่ากลัวฉิบหาย
แต่กูก็เลิกอ่านงานนางเหมือนกัน งานนางเน้นความดราม่ากับสะใจ อ่านเรื่องเดียวกูก็เลี่ยนแล้ว
เอาสูตรอาหารทั้งดุ้นมาใส่นิยายตัวเองนี่แรงบันดาลใจข้นขลั่ก จนสนพ.ต้องไปกดดันเจ้าของสูตรให้ออกมาบอกว่าไม่เป็นไรอนุญาตให้ลอกจย้าาา ถถถถถ
พิมพ์นามปากกา กับคำว่า ดราม่า เจอกระทู้พันทิปด้วยนะ สุดอะ
ล่าสุด นข.แฟนตาซี ลงมาเล่นตลาดจีนเสิ่นเจิ้นด้วยยยยยย
เออกุก็เจอเขียนสองจักรวาลจีนกับแฟนตาซี ละจีนนางเขียนหลายเล่ม+ กำลังคิดอยู่ว่าออกให้ได้ถึงสามสี่เล่มละถึงวางใจค่อยอ่านอีกที
>>648 กุตามอ่านช่วงแรก ๆ มันยำใหญ่จนออกทะเลในความคิดกุ หลัง ๆ เริ่มรู้สึกไม่สนุก แบบหลุดโฟกัสไปไกลมาก แม้นิยายจะเหมือนว่ามาแซะความซูของนางเอกแนวกลับชาติมาเกิด แต่ตัวนางเอกของเรื่องนี้คือซูยิ่งกว่าคนที่กลับชาติมาเกิดอีกอ่ะ
ประเด็นเรื่องลอก กุว่าเดี๋ยวนี้นิยายจีนมันฮิตจนเมิงจะรู้สึกว่าพล็อตจะมีความซ้ำ ๆ คล้าย ๆ กัน ดังนั้นถ้าพล็อตคล้าย กุยังไม่คิดว่าลอกนะ แต่ถ้าแบบว่าก็อบไดอาล็อกหรือประโยคมาแบบแทบจะเทียบตัวอักษรได้ก็นั่นแหละถึงจะเรียกว่าก็อบสำหรับกุ
>>653 ความจริงหนังสือที่เป็นต้นฉบับเขาออกแนว non-fiction ที่ใช้เป็นเรฟฯได้อยู่แล้วน่ะนะ แต่มันควรขอก่อนว้อย
ที่ไม่ควรทำคือเอาทั้งดุ้นมาพาราเฟรสโดยไม่ให้เครดิต มันคือการเอางานคนอื่นมาใช้โดยไม่ขอ ไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจข้นๆด้วย ถ้าขอก่อนแล้วมาเรียบเรียงเอง ให้เครดิตถูกต้องมันจะไม่มีปัญหา อย่างมากก็ดราม่าแค่คนเขียนไม่มีความรู้ เอาภาษาแต้จิ๋วมาปนกับจีนกลางเท่านั้นแหละ
พูดถึงเรื่องเอาแต้จิ๋วปนจีนกลาง อย่างคำว่าฮ่องเต้ ฮองเฮา อ๋อง ฮูหยินงี้มันไม่ใช่จีนกลาง แต่ชื่อตัวละคร ชื่อเมือง ชื่อตัวละครในประวัติศาสตร์ที่กูอ้างอิงมาเขียนเป็นชื่อจีนกลางเงี้ย กูต้องปรับเป็นพวกหวงโฮ่ว หวัง ฟูเหรินไรงี้ตามไปมั้ย กุเริ่มสับสน
>>660 กูเคยคิดแบบมึง แต่เคสที่กูเจอมันแปลกๆนิดนึง คือพล็อตไม่คล้ายเลย คนละไวบ์ด้วยซ้ำ แต่ดันมีเนื้อหาช่วงนึงคล้ายกันมาก แล้วเนื้อหาช่วงนั้นดันเป็นมุก แนวๆเรื่องตลกอะ ตอนนั้นกูยังเด็กน่ะนะ กูก็ฟันธงว่าลอกชัวร์ จนหลังจากนั้นอีกหลายปีกูได้ยินเพื่อนต่างชาติเล่าเรื่องตลกเรื่องนั้นเลย เนื้อหาช็อตที่กูคิดว่าก็อปอะ ซึ่งงานที่กูคิดว่าเป็นต้นฉบับมาจากซีรี่ส์ญี่ปุ่น นิยายที่กูสงสัยว่าลอกเป็นภาษาไทย แล้วเพื่อนกูที่เล่าเรื่องตลกเป็นคนฮอนดูรัส ซึ่งไม่รู้ทั้งภาษาญี่ปุ่นและไทย ไม่เคยดูซีรีส์และอ่านนิยายเรื่องนั้นแน่ๆ แถมยังยืนยันว่าเรื่องตลกที่ฮีเล่ามันเกิดขึ้นจริงๆ เจอมากับตัว ตอนนี้กูเลยไม่ค่อยแน่ใจอะไรแล้ว 5555555555
แต่กูคิดว่าคนที่ลอกไม่มีทางลอกแค่เรื่องเดียว มันจะต้องมีลักษณะแบบเดียวกันในเรื่องอื่นๆด้วย ถ้ามันน่าสงสัยแต่ฟันธงไม่ได้ แล้วงานอื่นๆไม่มีปัญหา กูจะไม่รีบตัดสินอะ
>>662 ฮ่องเต้ ฮองเฮา ฮูหยินอะไรพวกนี้มันกลายเป็นเหมือนคำยืมไปแล้วปะวะ แนวๆด็อกเตอร์ ดยุก มาควิส มาดาม อะไรงี้ ถ้าใช้แล้วเข้าใจง่ายกว่ากูว่าใช้ไปเถอะ แต่ถ้าเป็นชื่อตัวละครแล้วถอดเสียงไม่เหมือนกันมันแปลกๆ เหมือนบอกว่า "เล่าปี่ กวนอู กับจางเฟยสาบานเป็นพี่น้องกัน ตอนหลังได้จื่อหลงกับม้าเฉียวมาเข้าด้วย กลายเป็นห้าพยัคฆ์แห่งจ๊กก๊ก ร่วมกันรับมือเฉาเชาแห่งเว่ยกั๋ว"
>>663 เดี๋ยวนี้ต่อให้ลอกก็ลอกแบบมีชั้นเชิง ไม่ให้โดนจับได้ จะว่าไปวงการนิยายจีนเองก็ลอกกันเยอะเหมือนกัน สำหรับกุถ้าไม่หนักขนาดที่ก็อปมาทุกตัวอักษรหรือไดอาล็อก กุก็ทำใจปล่อยผ่านได้ เพราะเอาจริง ๆ นักเขียนนิยายจีนเสิ่นเจิ้นก็ต้องอาศัยการอ่านนิยายจีนมาก่อนอ่ะ มันยากที่จะไม่มีการอ้างอิงมาเลย
>>663 สิ่งที่มึงเคยเห็น คนอื่นก็อาจจะเคยเห็นเหมือนกัน เคสที่มึงยกมานี่กูว่าถ้าพล็อตโดยรวมต่างกันก็คงบังเอิญจริง คนเขียนบทซีรี่ส์ นขนิยายไทย กับเพื่อนมึงอาจจะเคยเจอเรื่องแบบเดียวกันทั้งสามคน กูเห็นด้วยกับ >>665 ว่ะ ถ้าไม่เหมือนแบบพล็อตคล้ายไดอะล็อกแทบจะลอกกันมาทุกรายละเอียด กูปล่อยผ่าน เห็นหลายเคสละที่กล่าวหาชาวบ้านผิดๆเพราะประสบการณ์ตัวเองน้อยเอง
>>667 เคสของคนนี้กูไม่เถียงเลยมึง ก็เหมือนที่ >>663 บอกแหละ คนที่ลอกไม่มีทางลอกแค่เรื่องเดียว แต่เท่าที่กูตามเสือกมา รายนี้ไม่ได้เหมือนที่ไดอะล็อก แต่เหมือนตรงอิมเมจตัวละคร กิมมิคบางอย่าง กับพล็อตบางช่วงปะวะ ถึงมันจะน่ากังขา แต่จริงๆแล้วมันก็ทำได้แค่บอกว่าเป็นแรงบันดาลใจเข้มๆ ที่กูอยากบอกคือเคสอื่นที่เหมือนแค่บางจุดบางตอนน่ะ ไม่ควรรีบด่วนสรุปเฉยๆ
KY ถ้ามีแผนออกนิยายเสิ้นเจิ้นช่วงเดียวกับงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ควรหยุดก่อนหรือลงชนไปเลยวะ หมวดจีนโบราณมีผลไหม
ถามโม่งสายจีนในนี้หน่อย ถ้าเราเขียนนิยายจีนผสมตะวันตกอารมณ์ ตัวเอกเป็นฝรั่งแต่ไปเรียนวิชาวิทยายุทธจากจีน ในยุคจีนโบราณงี้ เรียนเสร็จกลับไปลุยที่บ้านเกิดในตะวันตก อารมณ์จอมยุทธตบกับอัศวิน, musketeer ไรงี้
แบบนี้เรียกว่านิยายจีนได้เปล่า แล้วมันเคยมีคนเขียนแบบนี้ไหม
แล้วโม่งว่าคนอ่านจะรับได้เปล่าอะ
ของใจโม่งมาก
คือตัวเองมึงไม่ใช่คนจีน แถมเรียนเสร็จละกลับบ้านน่ะ แต่ถ้าเป็นคนจีน เรียนแล้วไปหาเรื่องตีกันมนตะวันตก ก็ยังว่านิยายจีนนะ555 อยู่ที่บทตัวเองมั้ง
>>671 เคยอ่าน เงาแค้นกุหลาบมรกต ของสยาม เป็นนิยายจีน ตลค.เป็นฝรั่ง มีชื่อฝรั่ง ผสมจีน หลายอย่างมีความฝรั่งจีนๆ เสื้อผ้าก็ฝรั่ง เซ็ตติ้งคือยุคสงคราม แบบเป็นเมืองสมมติขึ้นมาเลย กูอ่านยังงงๆว่าตกลงมันจีนหรือไรกันแน่ มันเป็นจีนที่เป็นฝรั่งอะ แต่สนุกนะเนื้อเรื่องเข้มข้น ใดๆคือกุว่าคนอ่านรับได้หมดแหละ ถ้ามันสนุก อ่านแล้วลุ้น
>>671 ถ้าตามคห.กู มันจะขึ้นกับสถานที่ๆดำเนินเรื่องว่ะ ถ้าเกิดตบตีกันในจีนก็คงเรียกจีนเสิ่นเจิ้นได้มั้ง ฉากเป็นที่ไหนก็แนวนั้น ทำนองลิเกฝรั่งอ่ะมึง
แต่ใดๆคือมันต้องเรียกนิยายแอคชั่นมากกว่าไหมวะ เน้นความมันส์ของสองสายวิชามาปะกันไรงี้
เรื่องสไตล์นี้มีอยู่แล้วแหละ คนอ่านที่อยากอ่านแอคชั่นรับได้อยู่แล้วถ้าสนุก
บบรพ.ยืนระยะยาวให้ได้สักห้าปีก่อนอะค่อยเทียบ พพ.
เชียร์บบรพ.จริงๆ หรือหาตีนให้เค้าวะ 55555
แนวจีน แต่นางเอกเป็นฝรั่ง หัวทอง และเป็นตัวเอกด้วย แต่80%เรื่องเกิดในจีน แบบนี้ ยังอ้างว่าเป็นแนวจีนได้ไหม แล้วโม่งเคยเห็นแนวนี้ไหม
นิยายจีนเสิ่นเจิ้นโคตรเฟื่องฟูเลย แต่มู้ทำไมกริบ ไม่มีเรื่องจี๊ดๆ บ้างเลยใช่มั้ยวะ
ขอความเห็นหน่อยค่ะ เล่ห์มารน่าซื้ออ่านไหมราคาค่อนข้างสูง ใครเป็นพระเอกค่ะ
คนไทยเขียนแนวแบบทะลุไปเป็นนางร้าย นางร้ายย้อนอดีตนี่ส่วนใหญ่เหี้ยวะ ตรรกะพังอะ บางเรื่องแม่ง ชาติก่อนมึงแม่งเหี้ยแสนเหี้ย ทำตัวเอง เบลมทุกอย่าง ยกเว้นตัวมึง
>>681 เห็นด้วยกับ >>682 มีแต่แบบนี้ซะเยอะ วันก่อนสุ่มๆมาเรื่องนึงแนวทะลุมิติไปในนิยายแต่ไม่ได้เป็นนางร้าย บอกว่าบรรดาศักดิ์อ๋องเป็นชื่อ สถาการณ์คือเป็นนักอ่านนิยายมาก่อนแล้วเคยเห็น(บรรดาศักดิ์)อ๋องในเรื่อง แล้วบอกเป็นชื่อที่เคยเห็นในนิยายแต่ไม่คิดมากคงเป็นชื่อซ้ำมั้ง ละยุคโบราณแม่งมีหมอดูดูดวงโดยใช้ไพ่ด้วย แต่อันหลังกูไม่ค่อยคิดมากเพราะก็ตามสไตล์นิยายทะลุมิติ ไม่ได้บอกชัดเจนว่ายุคไหนไม่อิงปวศ. แต่บอกบรรดาศักด์อ๋องเป็นชื่อนี่กูว่าไม่ได้จริงๆ
กันหน่อยเดี๋ยวมู้หมดอายุ
เพิ่งอ่านชายาอ๋องหลับจบ อยากถามว่ามีแนวนี้อีกมั้ยที่แบบไม่ย้อนเวลา ไม่สวมร่างเกิดใหม่ แต่ฉลาดด้วยตัวเองอะ
ไม่เข้าใจว่าไปเอาการเรียกขวบปีแทนว่าหนาวมาจากไหนกัน บางเรื่องใช้เกลื่อนมากเหมือนสมัยโบราณไม่มีคำว่าปี
>>691 กุเจอในนิยายไทย และนิยายจีนบ้าง แต่ลักษณะการใช้ไม่ใช่ใช้แทนขวบปีอย่างที่เจอเกลื่อนตอนนี้ แต่เป็นการใช้ในเชิงเปรียบเปรย เช่น "ได้ผ่านมาถึง 14 หนาวแล้ว เจ้าก็ยังไม่โตขึ้นสักนิด" อะไรพวกนี้
ของไทยถ้าจะว่าไป เห็นคำว่าพรรษามากกว่า ก็ถือว่าสมเหตุสมผลเพราะอากาศบ้านเรามันเห็นฝนง่ายกว่าเห็นหนาว
กุเลยงง ว่ามันเริ่มมาจากไหน หรือกูอ่านมาน้อยไปเอง เลยไม่เคยเจอกันแน่
หนาวเดียวที่กูน่าจะเป็นตัวอ้างอิงคือเนื้อเพลง สิบแปดฝน สิบแปดหนาว~ เก่าและแมสสุดเท่าที่นึกได้ละ
ขวบปีน่าจะมาจาก 岁月
ที่จริง 岁 ตัวเดียวมันแปลว่าขวบ
月 แปลว่าเดือน
แต่ 岁月 อยู่ติดกันแปลว่าปี/ขวบปี
岁月不我待 แปลว่า วันเวลาไม่เคยรอใคร
山中无甲子,寒尽不知年 ในภูเขาไร้ปฏิทิน* เหมันต์หนาวสิ้นไม่รู้ปี (จากเรื่องไซอิ๋ว)
*เจี๋ยจื่อ ปฏิทินแบบกิ่งฟ้าก้านดิน
มันไม่มีอะไรแปลตรงตัว แต่แปลออกมาเพื่อสื่อความหมาย
ส่วนหนาวมาจากไหน กูไม่รู้ว่ะ เห็นแต่ในเซินเจิ้นกับนิยายไทยโบราณสมัยกรุงแตก
สรุปไม่มีนิยายจีนที่ใช้หนาวนับอายุจริงๆเหรอวะ แล้วพวกเซินเจิ้นนี่มายังไง ใครเขียนมาตอบที
>>698 กระไร อันใด ดอก นี่พอจะเจอในนิยายแปลจีนเก่าๆอยู่นะ แต่ไม่ได้ใช้ถี่มาก เซินเจิ้นกับแปลจีนใหม่ๆบางเรื่องอันใด เยี่ยงไร กระไรแม่งทุกประโยค ใช้ อะไร บ้างก็ได้นะ อะไรก็คำโบราณเหมือนกัน
แต่ดอกหนาไม่ได้จริง อยู่ในนิยายไทยยังเลี่ยนเลย มาเป็นนิยายจีนยิ่งผิดที่ผิดทาง
ถามเฉยๆว่าถ้าอยากเขียนแนวจีนโบราณ จำเป็นต้องพล็อตแน่น เกมการเมือง ชิงบัลลังก์ ทำการค้า วางแผนอะไรกันตลอดป่ะวะ กูอยากเขียนแนวสโลว์ไลฟ์เฉยๆ ท่านหญิงนอนอืดเอื่อยในตำหนักกินขนมจิบชาไปวันๆแบบเรื่อยเปื่อยเฉยๆ พออ่านแนวจีนโบราณทีไรแม่งต้องมาพร้อมพลังซูอะไรพวกนี้ตลอด กูเหนื่อย และกูไม่ฉลาดพอที่จะเขียนแนวชิงอำนาจด้วย
แต่แนวผักมันเยอะเลยยกมาเฉยๆ
>>706 ทำไมถึงคิดว่าดูถูกคนอ่าน อยากอ่านแนวชิงอำนาจก็ไปอ่านเรื่องที่เขาโชว์เหนือโชว์ฉลาดในด้านเกมการเมืองเถอะ คนเราก็ใช่ว่าจะอยากอ่านอะไรเข้มๆใช้สมองกันตลอดนี่หว่า ทีแนวเจ้าหญิงยุโรปแม่งก็มีเรื่องเรื่อยๆเปื่อยๆไปวันๆเหมือนกัน ทั้งที่ฝั่งนั้นก็รบกันอุตลุต ฆ่ากันชิงอำนาจเยอะไม่แพ้ฝั่งจีน ไม่เห็นจะมีใครบ่นว่าเขียนแนวนี้คือการดูถูกคนอ่านแบบที่มึงบ่น
>>708 กุว่ามันน่าจะเจอแบบที่เซตติ้งอีหยังวะ จิ๊กโฉ่วผสมปลาร้ามาเยอะมั้งมึง (กุก็เจอโคตรบ่อย) แบบในวังมันก็มีระบบระเบียบส่วนนึงที่คนอ่านนิยายจีนมาจะคุ้นเป็นพื้นขนบอยู่ พอเอาไปปรับให้เป็นคอมเมดี้สโลว์ไลฟ์มันก็อาจจะยากนิดหนึ่งว่าชงยังไงถึงจะสนุกกลมกล่อมแต่ไม่ขาดความสมเหตุสมผลน่ะ
ถ้าเขียนดีๆ มันก็สนุกแหละ คนอ่านชอบอะไรเบาๆกันอยู่แล้ว ที่เคยเจอแล้วคิดว่าเข้าข่ายสโลว์ไลฟ์ส่วนมากมันจะต้องมีพันโครงสร้างอำนาจอยู่หน่อยๆ แบบทำนองให้รู้ว่าสนมนี่มาจากฝ่ายนึง เลยหมั่นไส้ สนมนี่ ฮ่องเต้ติดคสพ.เครือญาติกะคนนี้เลยลืมตาหลับตาข้าง แต่นอกนั้นก็เฮฮารักๆใคร่ๆ ไปตามเรื่องตามราว
องค์หญิงฝรั่ง องค์หญิงญี่ปุ่นยังสโลไลฟ์ได้ องค์หญิงจีนทำไมจะสโลไลฟ์ไม่ได้วะ พวกแนวพีเรียดย้อนยุคมันก็ไม่ใช่ว่าจะเครียดชิงอำนาจตบตีกันตลอดเวลานี่หว่า แนวองค์หญิงฝรั่งพวกเกาะมันเอามาเขียนเรื่อยๆเปื่อยๆตั้งเยอะไม่เห็นมีใครจับผิดห่าไร รู้ลำดับอำนาจกับเส้นสายแค่นี้ก็เขียนได้ละ ลูกดยุคลูกคิงลูกจักรพรรดิที่พ่อรักและตามใจหนักมาก อยากนอนกินมาการองไปวันๆพ่อก็ไม่ว่า ลูกท่านอ๋องลูกฮ่องเต้อยากนอนกินถังหูลู่ไปวันๆก็ต้องทำได้เหมือนกัน
สมมุติยุคเอาน่ะ
>>713 นิยายจีนโดยคนจีนแท้ๆก็ใช่ว่าจะเขียนตามขนบเป๊ะๆ บริบท ยุคสมัยก็ไม่อิงห่าไรเลย กำหนดเซ็ตติ้งใหม่ อิงจากโลกจริงบ้างแต่ก็สร้างเป็นเซตติ้งตัวเอง เหมือนอีเกาะอีเกาที่เอาเซตติ้งท่านดยุคขุนนางฝรั่งนั่นนี่มาสร้างโลกของตัวเอง ไม่ใช่ว่าจะเอาตามปวศ.ไปซะทุกอย่าง
สรุปคือจะเขียนอะไรก็เขียนไป แค่ไม่มีอะไรแปลกปลอมขัดตามากๆแบบที่ใส่ชุดจีนกรุยกรายยุคต้าถัง ใช้ดาบรบกันบนหลังม้า แต่ดันมีรถไฟฟ้ากับเครื่องบิน f16 โผล่มาในเรื่องก็พอแล้ว
>>717 อีเกาะนี่แทรกวัฒนธรรมมันลงไปตลอดไม่ว่าจะเซ็ตติ้งไหนอะ พ่อบ้านดำยุควิคตอเรียยังให้ใช้ตะเกียบแดกข้าวหน้าเนื้อกันเลย กินข้าวก็ตบมือไหว้ โค้งหัวสุมิมาเซน เซตติ้งไฮสคูลขุนนางฝรั่งก็โรงเรียนม.ปลายญี่ปุ่นดีๆนี่เอง มีเบนโตะอาหารกลางวัน เซตติ้งจีนมันยังทำไข่ม้วนกินกันเลย แต่ถ้ามันไม่ขัดตามากก็ปล่อยๆไปไม่ซีเรียส
>>719 555 เออ แต่กุก็ขัด+ขำทุกครั้งนะ โดนเฉพาะอีพวกทะลุแฟนตาซีต่างโลกไปธีมยุโรป แต่คนท้องถิ่นกลับบ้านมายังมีกลับมาแล้ว/ กลับมาแล้วเหรอคะ จากนั้นก็กินอาหารฟูลคอร์สดื่มไวน์แบบฝรั่งด้วยการตบมือว่าทานล่ะนะ สำนวนการพูดก็จะเน้นขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ สไตล์ปุ้นๆ ชัดเจน
แต่ก็แหละ งานสัญชาติข้ามเซตติ้ง มันก็จะมีพวกนี้เสมอแหละ บางอันข้ามไหวก็ขำๆ อันไหนขัดไปเกินก็ปิดวางเอา 555
>>720 ถ้าเป็นอีเกาะเขียนวัฒนธรรมพวกนี้ลงไปในงาน กูจะมองว่ามันจงใจใส่ลงไป กูมีวัฒนธรรมแบบนี้และอยากเผยแพร่ แม้เซตติ้งจะเป็นขุนนางยุโรปก็ตาม แต่อีฝรั่งที่เขียนเซตติ้งญี่ปุ่นแต่เขียนให้ใส่รองเท้าเดินในบ้าน ใส่รองเท้าขึ้นเตียง เอาวัฒนธรรมหรือค่านิยมแบบฝรั่งๆมายัดใส่เอเชีย กูดันมองแม่ง weeb ชิบหาย เพราะฝรั่งความไม่รู้เรื่องโลกภายนอกมันสูง คิดว่าโลกหมุนรอบประเทศมันเลยดูมีเสร่อสูงกว่าป่ะวะ 555555555
เซ็ตติ้งฝรั่งวัฒนธรรมชาวเกาะนี่มันจงใจไม่ใช่เหรอ เป็น genre นึงในวงการบ้านเขา มันต่างจากฝรั่งที่พยายามญี่ปุ่นแต่ไม่เนียน หรือพยายามจีนแต่โป๊ะนะ
ยังมีใครเล่นมู้นี้อยู่มั้ยย ช่วยแนะนำนิยายปกสวย ๆ ให้กุหน่อย เดี๋ยวนี้นิยายจีนเซินเจิ้นส่วนใหญ่มีแต่ปกตัวละครหน้าเบี้ยว เนื้อเรื่องดีแต่เห็นปกแล้วกุหมดแรงอ่าน
นิยายจีนนี่มันจำเป็นต้องเขียนชื่อพวกผักผลไม้เป็นภาษาจีนด้วยเหรอวะถึงจะได้ฟีลจีน แบบนางเอกทำกับข้าวที ยกผักแบบชื่อจีนมาทั้งสวน มันนึกไม่ออกในแว่บแรกว่ามันคืออะไรอ่ะ นี่กูอ่านนิยายหรือหนังสือเรียนภาษาจีนวะ
กูคิดเหมือนคนหมู่มากว่ะ มันได้ฟีลจีนดี มีอะไรให้ครุ่นคิด ว่ามันแปลว่าอะไรวะ พวกสามเค่อ สี่เค่อก็ด้วย ถ้าอ่านเจอท่านพี่ข้าอยากกินตะขบ น้อยหน่า มังคุด กูว่ามันตลกอะ
คำวิจารณ์ของนักอ่านบางคนนี่เมินๆไปก็ได้นะ ไม่อยากให้นักเขียนนักแปลไปอ่านเลย ขืนบ้าจี้ทำตามคุณภาพได้ตกกันหมด พวกนี้บางทีอ่านมาแต่นิยายกากๆ พอมาเจองานดีๆสำนวนดีๆก็ไปว่าเค้าเพราะตัวเองไม่เคยเจอ
ไม่เอาแบบอาหมีก็พอละ
>>736 ขอตอบแทนละกันนะ ข้อในที่นี้คือข้อปล้อง แบบข้อนิ้ว ข้อไม้ไผ่ ข้อโซ่ ไม่ใช่โจทย์ข้อ 1 2 3
ทีนี้นาฬิกาแดดจีนแบบโบราณเนี่ย มันแบ่งหนึ่งชั่วยาม (2 ชั่วโมง = 120 นาที) ออกเป็นแปดส่วน เรียกว่าเค่อ คนแปลบางคนเขาก็เลยแปลคำว่าเค่อตัวนี้เป็นข้อยาม เพราะดูตามนาฬิกาจีนแล้ว มันก็เป็นข้อๆ นั่นแหละ กูคิดว่านักอ่านที่โวยวายอาจจะไม่ทันได้นึกว่าข้อมันแปลแบบนี้ได้ด้วย เลยฟันธงก่อนเลยว่านักแปลแปลผิด
อันนี้น่าจะมีรูปนาฬิกาแดดจีน มึงลองดู
https://www.youtube.com/watch?v=GgGqcgpF3i8
>>736 เออ บอกไว้ก่อนว่า >>737 เนี่ย กูเดาเอาแล้วลองไปหารูปนาฬิกาแดดดูเองนะ ไม่ได้ไปเจอคำอธิบายตรงไหน คิดว่ามันไม่ใช่คำเฉพาะที่มีอยู่แล้วในภาษาไทย แค่คนแปลพยายามใช้ภาษาไทยอธิบายนี่แหละ ส่วนตัวกูอ่านแล้วก็เข้าใจเลย มองว่ามันเดาไม่ยาก แต่รู้สึกว่าเพื่อนๆนักอ่านบางคนมีปมเขื่องว่ะ คิดว่าตัวเองอ่านมาเยอะ เก่งกว่านักแปล พอเจอศัพท์ที่ไม่รู้จักก็ตัดสินเลยว่าเขาแปลผิด แทนที่จะลองเดาหรือลองถามดูก่อน
>>738 ขอบคุณมากมึง ทีแรกกูนึกว่าหน่วยวัดความยาวแบบวัดก้านธูป 1 ก้านธูปมันประมาณ 1 ชั่วโมง 1 ข้อยามเลยน่าจะราวๆ 15 นาทีป้ะนะ แต่คิดอีกทีข้อมันก็เล็กเกิน น่าจะน้อยกว่า 15 นาที เลยเดาว่าคงไม่ใช่ 555
เรื่องคำแปลอะไรกูไม่ได้ติดนะ กูชอบแบบแปลไทยด้วย กูเบื่อทับศัพท์ในบางทีที่มันเยอะเกิ๊น แต่ข้อยามนี่บอกตรงๆ กูเดาไปไม่ถึง เพราะช่องเวลากูไม่ได้เรียกข้อน่ะ หลายคนก็น่าจะเดาไม่ถูกเพราะไม่ใช่ปกติใช้กัน จริงๆ การบัญญัติศัพท์ใหม่มันก็ไม่แปลก แต่ถ้าคนทั่วไปไม่คุ้นชินหรือปกติไม่ได้ใช้กับสิ่งนี้ทางคนแปลน่าจะอธิบายไว้หน่อย หรือมันเป็นจุดเล็กๆ ที่ไม่ค่อยสำคัญก็ไม่รู้
รอเพื่อนโม่ง 732 มาอธิบายอีกที เผื่อมีข้อมูลชัดๆ กว่านี้ ขอบคุณ 737 738 มากจ้า
ข้อยามกูว่าประหลาดเกิน เค่อเนี่ยกูจำได้ว่า 15 นาทีแล้ว ใช้กันทั่วไป ข้อยามนี่คือบัญญัติศัพท์ใหม่แปลเองปะวะ ถ้ามึงไม่ได้โด่งดังระดับ น.นพรัตน์ อย่าหาทำเลย ไอ้บัญญัติศัพท์อะ โดยเฉพาะถ้าศัพท์มึงมึงใช้เองคนเดียว คนแปลคนอื่นไม่มีใครเอาด้วย มันยิ่งแป๊ก
ถ้ามึงอยากแปลมากก็มั่น ๆ แปลไปเลย 15 นาที ทุกคนเข้าใจ ถึงจะไม่ตรงต้นฉบับนิดหน่อยแต่ก็ยังโอเคกว่าข้อยามนะกูว่า
ส่วนก้านธูปแม่ง ครึ่งชม. 2 เค่อ มันคนละเวลากันเลยอะดิ
ปล. นักแปล "บางคน" ที่มึงว่ามันมีกี่คน ใครบ้างวะ เพราะกูไม่เคยเจอสักครั้งเลย.......
ปล.2 กูลองกูเกิลดูเผื่อว่ากูโง่เอง ไม่เคยเห็น ไม่เจอเลยว่ะ จนกูเกิล "ข้อยาม" แบบมี "" ถึงเจอในโพสต์กูกูอันเดียว มีคนมาเมนต์ว่า "ขอบคุณค่ะ ตกลงอ่านว่าเค่อนะคะ สงสัยมานานอ่านเรื่องแปลบางเรื่อง ข้อยามนี่มันข้ออะไร" เรียกได้ว่าเป็นศัพท์ที่ไร้คนใช้แบบสุด ๆ
>>740 จำได้ว่าแต่ก่อนเมืองยิ้มใช้กันเยอะอยู่นะ พวกรุ่นเจินหวน หงส์กรีดปีก แนวๆนั้น จะว่าบัญญัติศัพท์ใหม่ก็ไม่เชิง กูว่ามันคือคำประสม เป็นการอธิบายโดยใช้คำไทยนี่แหละ ข้อ+ยาม ลุ่นๆเลย ไม่ใช่คำเฉพาะ แค่อ่านแล้วก็ดูความหมายของคำ แค่นั้นเลย แต่นักอ่านรุ่นหลังๆไม่พยายามทำความเข้าใจแล้วไง นักแปลก็โดนด่าจนต้องเปลี่ยนเป็นเค่อกันหมด แล้วพอเปลี่ยนหนึ่งคำ คำอื่นๆก็ตามมา ทำไมแปลว่าคืบ วา ศอก ทำไมไม่ฉื่อ จั้ง ชุ่น ทำไมแอปเปิ้ล ทำไมไม่ผิงกั่ว แล้วนักแปลก็ตามใจไง ใครจะอยากโดนด่า จริงปะ แล้วก็ลงท้ายด้วยมาด่านักแปลในโม่งบนนี่ไงว่าทับศัพท์ทำไม
กูเจอเรื่องที่ใช้ข้อยามล่าสุดเมื่อสี่ห้าปีที่แล้วมั้ง ช่วงที่แนวสนมตบกันในวังบูมๆอะ หลังๆพอเริ่มปลูกผักปลูกหญ้าเป็นหมอนั่นนี่ก็ไม่เจอละ แต่มีช่วงนึงเจอบ่อยจริง
เอาคำมาประสมกันเป็นคำใหม่มันก็คือสร้างคำใหม่อะเน้อ เป็นคำเฉพาะไว้เรียกเศษส่วนของโมงยาม ในที่นี้คือ 1/8 ชั่วยาม(จีน) ตามความหมายของคนแปล
กูว่ามันไม่เกี่ยวกับอ่านมากอ่านน้อย เกี่ยวกับอ่านถูกเล่มมากกว่า ไม่มีใครอ่านหนังสือได้ครอบคลุมไปหมดหรอกมึง แต่ทีนี้ ข้อยาม ที่เป็นประเด็นเนี่ยน่าจะไม่ได้ใช้กันทั่วไปขนาดที่เห็นปุ๊บก็เดาได้ อย่างแรก ข้อ ในแง่ที่นับเป็นหน่วยวัด ปกติมันเป็นหน่วยความยาวไม่ใช่หน่วยเวลา หรือถ้าเอาตามข้างบนอธิบายคือข้อ ปล้องของนาฬิกาแดด ส่วนใหญ่คนเขาก็ไม่เรียกไอ้ช่องๆ ที่แบ่งหน้าปัดออกเป็นส่วนว่า ข้อ กันนะมึง (ขออ้างอิงข้างบนไว้ก่อน เพราะยังไม่ชัดเจนว่ามันมาจากหน้าปัดนาฬิกาแดดหรือมาจากไหนกันแน่) แล้วพูดถึงเวลาในนิยายจีนก็ไม่ใช่ส่วนใหญ่จะนึกถึงหน้าปัดนาฬิกาไงมึง มันจะไปนึกถึงที่คุ้นชินอย่าง โมง ยาม ชั่วน้ำเดือด ก้านธูปอะไรพวกนี้มากกว่า แน่นอนว่ามีคนหัวไวเดาได้ง่ายๆ แต่โดยพื้นฐานแล้วการแปลมันต้องถอดความให้ถูกความหมาย ได้อรรถรส เข้าใจได้เป็นส่วนใหญ่นะ ส่วนที่เฉพาะเจาะจงก็น่าจะอธิบายกันไว้นิดนึง นักอ่านส่วนมากไม่ค่อยคิดซับซ้อนหลายชั้นกับเรื่องพื้นๆ อย่างหน่วยเวลาอะมึง ซึ่งจะโทษว่านักอ่านไม่ขวนขวายทำความเข้าใจเลยมันก็ไม่ถูกสำหรับกรณีนี้นะ ส่วนกรณีอื่นๆ ก็แล้วแต่เหตุการณ์ไป
ขอยกตัวอย่างหน่อย อย่าง ฆาตกาม ที่รงส์ วงศ์สวรรค์ ประสมเป็นคำใหม่ขึ้นมาเอง อ่านแล้วก็เข้าใจได้ว่ามาจาก ฆาตกร กับ กาม รวมแล้วหมายถึงนักฆ่าข่มขืน คือมันเข้าใจได้โดยศัพท์ ในขณะที่ ข้อยาม จะมีกี่คนที่เข้าใจว่ามันเป็นเวลากี่นาที กี่วินาที เป็นส่วนเท่าไหร่ของชั่วยาม
เรื่องใช้คืบ ศอก หลา แทนหน่วยจีนเลย อันนี้มันต้องดูนะว่ามันเทียบหน่วยกันแล้วออกมาถูกต้องแค่ไหน ขนาดจิน กิโลกรัมจีน ปริมาณมันยังไม่เหมือนชาวบ้านเค้าเลย ส่วนตัวกูเจอคำทับศัพท์อังกฤษในนิยายจีนโบราณก็สะดุดนะ แต่ถ้าเป็นแปลไทยที่มีคำไทยอยู่แล้วอย่างน้อยหน่า ลิ้นจี่ นี่เฉยๆ แฮะ อย่างดอกไม้อะไรงิ กุก็ชอบแปลไทย ยกเว้นคนละสายพันธุ์ที่ไม่มีในไทยแล้วมันเทียบยากก็ทับศัพท์ไปก็ได้ ทั้งนี้กูว่าขึ้นอยู่กับวิจารณญาณนักแปลด้วยว่าจะเลือกยังไง นักอ่านบางจำพวกที่เรื่องเยอะก็ไม่ต้องตามใจไปหมดก็ได้ (ว่าแต่นี่มู้จีนเสิ่นเจิ้นป้ะ กูคุยผิดมู้ไหมเนี่ย)
เรื่องนักอ่านขี้โวยวายกูเห็นอยู่ เห็นใจนักแปลด้วย ในกรณีคำศัพท์ที่มีความหมายแน่ชัด ค้นได้อยู่แล้วกูเข้าข้างนักแปลนะ แต่กับ ข้อยาม นี่กูมาถามเพราะไม่เข้าใจจริงๆ เลยอยากรู้ว่าเดิมเรามีใช้คำนี้กันมั้ย เผื่อจะได้จดจำไปใช้บ้าง
>>745 เรื่องไหนบ้างเหรอ กูจะได้พลิกไปดูมั่งว่ามันอยู่ตรงไหน เพราะกูไม่เคยเจอจริง ๆ นี่ก็ว่าอ่านมาเยอะพอควรแล้วนะ เผลอ ๆ ที่เป็นไปได้คือกูเคยเจอจริงแต่สมองอ่านเป็นชั่วยามไปดื้อ ๆ ก็เป็นไปได้ เข้าใจเวลาผิดเป็นแปดเท่าไปเลย
แต่มีในเจินหวนใช่มะ เรื่องนั้นกูก็อ่าน ทำไมจำไม่ได้วะว่าเคยเจอ เดี๋ยวไปอ่านอีกรอบ
แต่หน่วยน้ำหนักจีนนี่เมื่อก่อนมันแปลเป็น ตำลึงหรือชั่งปะวะ แบบ สี่ตำลึงปาดพันชั่ง แต่กูก็ไม่รู้หรอกว่า ตำลึง กับ ชั่ง มันหนักเท่าไหร่กันแน่ แค่จำไปว่า อืม ๆ มันเป็นหน่วยน้ำหนักจีนนะ 5555 ซึ่งกูก็ว่ามันไม่ได้ทำให้กูเก็ตขึ้นมาได้เลยว่ามันหนักเท่าไหร่
ว่าแต่แล้วอันไหนคือ "จิน" วะ......
ส่วนหน่วยความยาว ฉื่อ/เชี๊ยะ/ศอก นี่กูว่ากูได้หมดอะ เอาให้มันเหมือน ๆ กันทั้งเรื่องแล้วกัน
กูโตมากับนิยายกำลังภายในยุคเก่าเลย ซึ่งทับศัพท์กันแบบสะบั้นหั่นแหลก ฉายาชาวยุทธ์ยังทับศัพท์ คนฉายามังกรทองนี่อย่าหวังเลยนะว่าจะแปลเป็นมังกรทอง ต้องแปลเป็น กิมหลงค่า แล้วถ้าแก๊งมีมังกรห้าสี มึงก็จำไปดิว่าสีไหนคือคำไหน
แล้วจู่ ๆ นักแปลก็เกิดการเปลี่ยนวิธีมาแปลเป็นภาษาไทยหมดทุกอย่าง ซึ่งกูก็ปรับตัวแล้วอ่านตาม
จนตอนนี้เหมือนจะย้อนกลับไปวันวานนิดหน่อย ทับศัพท์มากขึ้น (แต่เป็นจีนกลางแทน) กูก็เลยไม่รู้สึกอะไรอะนะ
>>750 กูเข้าใจเลย แล้วเมื่อก่อนท่านนักแปลก็ชอบวงเล็บคำแปลฉายาไว้ให้แค่คำแรกคำเดียวด้วย ที่เหลือแต้จิ๋วไปสิ ตอนกลับมาอ่านจีนกลางกูก็มึนไปพักนึงเหมือนกัน 5555 แต่กูก็ชอบที่เค้าแปลออกมาสละสลวยนะ อ่านแล้วโบร๊านโบราณดี
คำจินนี่ครึ่งโลจีนกูใส่มาเป็นตัวอย่างเฉยๆ น่ะ ถ้าทำให้งงกูขอโทษด้วย แต่อย่างหน่วยวัดแบบจีนกูก็ยังอยากให้ทับศัพท์ไปนะ มันกะระยะง่ายกว่าเวลาอ่าน อันนี้สำหรับกูน่ะ ซึ่งจะยังไงก็แล้วแต่นักแปล แต่ส่วนอื่นๆ ที่แปลได้ก็อยากให้แปลแหละ มันอ่านแล้วได้อารมณ์กว่าน่ะ ในความรู้สึกกู
>>750 เท่าที่เข้าใจ จิน คือ ชั่ง ปะวะ แล้วก็มีอีแปะอีกอัน เดี๋ยวนี้เห็นคนแปลว่าเฉียนหรือเหวินอะไรนี่แหละ หวังว่าคงไม่มีใครโวยนักแปลที่ใช้คำว่าอีแปะนะเว้ย 55555555
เดี๋ยวนี้คงเพราะมีโซเชียลมั้ง กูเห็นนักอ่านนักวิจารณ์ตั้งข้อสงสัยกับคำศัพท์เยอะมาก บางคนก็ช่างหัวมันเถอะ แต่บางคนตั้งข้อสังเกตน่าสนใจนะ กูเคยอ่านบล็อกของนักรีวิวคนนึง เขายกคำว่า "ทรยศรานพระคุณ" มา บอกว่าไม่เคยเห็นคำว่าราน พอไปเปิดรบฑก็บอกว่ามันแปลว่าตัดกิ่งไม้ เพราะงั้นควรใช้คำว่า "ลาญ" มากกว่าหรือเปล่า กูก็งงว่าเดี๋ยวนี้เขาไม่ใช้แล้วเหรอวะ รานพระคุณ รานน้ำใจ อะไรเงี้ย แต่ที่เขาพูดมาก็ถูก หรือสมัยก่อนมันอุปมาพระคุณกับน้ำใจว่าเป็นกิ่งไม้กำลังงอกงาม แต่คนไปตัดมัน อะไรงี้เหรอวะ
>>752 รานน้ำใจเคยเห็นในหนังสือเก่า สมัยเดียวกับพวกมูลบทบรรพกิจนู่น ส่วนใหญ่เป็นกลอน ข้อยามก็จากหนังสือเก่าเหมือนกัน ของไทยนี่แหละ รู้สึกจะดรุณศึกษามั้ง ปกติมันก็ใช้กันประปรายมาเรื่อยๆจนถึงเมื่อยี่สิบสามสิบปีก่อน แต่พอยุคนิยายวัยรุ่นมีอีโมจิฮิตกัน ศัพท์พวกนี้ก็หายไปเลย ถ้าเจอหนังสือเล่มไหนที่ใช้คำพวกนี้อยู่ก็ยินดีด้วย มึงเจอของแรร์ หมดรุ่นนี้ก็น่าจะหมดแล้วละ
เพื่อนโม่ง ช่วงนี้อ่านไรกันบ้างอ่า
ไม่ได้เข้ามานานเพราะมูฟจากวงการเสิ่นเจิ้นไปทั้งอ่านเขียน กำลังจะกลับมาเลยแวะส่องโม่งถึงกับหาห้องไม่เจอ555 ในนี้เองก็ซบเซาสินะ
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.