บรรยากาศที่ผมจำได้ไม่เคยลืมก็คือ บ้านญาติที่กรุงเทพ ผมอยู่ชั้นล่าง ทั้งบ้านมีผมคนเดียว พายุฝนกำลังพัด ฟ้ากำลังมืด เเละผมดูช่อง7อยู่
เป็นบรรยากาศที่ชิลล์สุดๆ เเล้วบรรยากาศที่คุณจำได้ไมาเคยลืมล่ะ
Last posted
Total of 136 posts
บรรยากาศที่ผมจำได้ไม่เคยลืมก็คือ บ้านญาติที่กรุงเทพ ผมอยู่ชั้นล่าง ทั้งบ้านมีผมคนเดียว พายุฝนกำลังพัด ฟ้ากำลังมืด เเละผมดูช่อง7อยู่
เป็นบรรยากาศที่ชิลล์สุดๆ เเล้วบรรยากาศที่คุณจำได้ไมาเคยลืมล่ะ
อีกหนึ่งบรรยากาศที่ผมชอบก็คือ ล่าท้าผีในที่รกร้าง
กับเพื่อนอีกเป็นโหล ความกงความกลัวอะไรไม่มี ตั้งเเคมป์นอนกันก็นอนหลับอะตอนนั้น 5555555 คิดถึงจัง
ชอบบรรยาการตอนใกล้เช้า กับใกล้ค่ำในที่ๆตัวเองไม่คุ้นเคยที่สุด
เคยนั่งรถไปต่างจังหวัดกับย่าตอนสิบขวบ ตอนนั้นใกล้ค่ำแล้วกูนั่งกินขนมมองข้างทาง ท้องฟ้าสีส้ม มองบ้านที่ไม่คุ้นเคยไปเรื่อยๆจนฟ้ามืด
ตื่นตี5-6มาตักบาตรกับป้าที่นครปฐม แล้วฝนก็ตกหนักมาก จนใกล้เที่ยงแล้วฟ้าก็ยังมืดครึ้ม ถ้าไม่ดูนาฬิกาไม่รู้แน่ๆกว่าจะเที่ยงแล้ว อากาศแบบนั้นนอนห่มผ้าสบายมากเลย
เมื่อเร็วๆมานี้จะชอบมองบ้านร้าง ตึกร้าง หรือสนามเด็กเล่นร้างๆที่มีหญ้ารกๆ มองแล้วรู้สึกเหงาๆ อยากจะลองไปนั่งชิงช้าตรงนั้น
ผมเคยเอาเสื่อไปนอนที่สวนหลังบ้านผม ในที่ที่ผมเคยเดินเล่นประจำ เเต่พอผมไปนอนเล่น มันก็เป็นการเจอมองมุมใหม่ไปเลย น่าหลับจริงๆ
บรรยากาศตอนนั่งเล่นคอมที่บ้าน เมื่อหลายปีมาแล้ว เป็นช่วงหยุดยาวหลายเดือนก่อนขึ้นมหาลัย ตอนนั้นไม่รู้คิดยังไง ตอนนั้นย้ายคอมจากปกติอยู่แทบจะกลางๆบ้านที่ชั้น1 ขึ้นไปไว้ชั้น2 ตรงข้างๆมีหน้าต่างแบบมีมุ้งลวดหันหน้าไปทางหลังบ้าน แล้วหลังบ้านกูคือมีต้นไม้เยอะ มองออกไปร่มรื่นมาก แถมช่วงนั้นมันหน้าฝนพอดี ฝนตกบ่อย มึงนึกภาพนั่งเล่นคอมข้างๆหน้าต่างที่ข้างนอกฝนตก มองออกไปเห็นต้นไม้ แถมลมที่พัดเข้ามาตอนฝนตกยังเย็นมากๆ แถมมาด้วยกลิ่นที่ติดมาเป็นกลิ่นฝน กลิ่นดินตอนฝนตก แล้วก็กลิ่นต้นไม้ตอนฝนตก นั่งเล่นคอมชิลๆแบบไม่ต้องกังวลอะไร เพราะสอบตรงได้มหาลัยแล้ว
ตอนนี้ทำงานแล้ว ไม่ค่อยได้กลับไปบ้าน แต่คิดถึงบรรยากาศตอนนั่งเล่นคอมชิลๆตรงนั้นมากเลย
เลิกเรียนตอนบ่าย รีบกลับบ้านมานอน เปิดเพลงนี้เเล้วดูดกาแฟเย็น https://www.youtube.com/watch?v=adJKvjES8Ic เพราะหลังจากช่วงนี้ชีวิตก็ไม่เหมือนเดิมเเล้ว
ก็ตอนไปทะเลกับพ่อแม่ตอนเด็ก เราคงเด็กมากๆจำได้ว่าไปทะเลแล้วหลับในรถตื่นลืมตาขึ้นมามองผ่านกระจกรถเห็นท้องฟ้าที่มีต้นสน2ข้างทางปกคลุม เรามีความสุขมากๆเลย และจำได้ว่าความจำนี้เป็นความจำตอนที่ช่วงอายุน้อยที่สุดในชีวิตแล้ว แต่ตอนนี้มันช่างเลือนลางเหลือเกิน
ปัจจุบันเดือนก่อนหรือวันก่อนเราไปทำอะไรมาเรายังจำไม่ได้เลยความจำเราแย่มาก :(
ขึ้นรถเเม่กลับบ้าน เพราะไปเดินขบวนตอนฝนตก เเละครูประกาศให้กลับบ้านได้
ฟ้าครึ้มๆ กลับบ้านไปเล่น
สมัยปวชหว่ะ เรียนเทคนิครอบบ่าย แต่เลิกไวบ่ายๆเย็นๆ ฝนตก ขี่มอไซค์ซ้อนสามอัดกับเพื่อนมา ไฟดับทั้งเมือง ฝนตก
แปลกนะ กูก็จำได้ไม่ลืม
เรื่องที่สอง ไปรับน้องที่ทะเลหว่ะ ตอนนั้นเป็นรุ่นพี่แก่เลย แค่มาดูน้อง ไม่ได้มาคุม
ลงทะเล เล่นน้ำลอยคออยู่อย่างนั้นตั้งแต่เย็นพระอาทิตย์ตกจนมืดค่ำ เป็นไม่กี่ครั้งที่ได้ลงทะเลตอนกลางคืน
แล้วก็ไม่เคยมีโมเม้นต์นั้นอีกเลย
นอนกับพ่อ ได้คุยอะไรกันจนดึกเลย มีเรื่องให้คุยทุกวัน55555555 พ่อชอบเปิดวิทยุช่องพระเทศตอนนอน บรรยากาศฝนตกพรำๆ อากาศเย็นๆ เฮ้อ คิดถึง
ตอนเด็กๆ บ้านกูเป็นพื้นปูนเปลือย พื้นเลยค่อนข้างเย็นสบายแม้ตอนหน้าร้อน
นอนอ่านการ์ตูนเล่มโปรด มีขนมขบเคี้ยวกับน้ำอัดลมอยู่ใกล้มือ เปิดเพลงที่ชอบคลอไปเรื่อย
เป็นบรรยากาศที่กูโคตรชอบ
ตอน ม.ต้น โดนเพื่อนแกล้งที่โรงเรียน ได้แต่รอกลับบ้าน เพื่อมาคุยกับพี่สาวที่เจอในเน็ต ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยได้ยินเสียง แต่เป็นช่วงเวลาที่โคตรดีเลย นั่งกด refresh รัวๆ รอนางตอบใน Dek-D ไม่รู้นับเป็นบรรยากาศได้ไหม แต่ปัจจุบันมันไม่มีอะไรแบบนั้นอีกแล้ว
ดูการ์ตูน ดูพวกอุลตร้าเเมน ขบวนการหลายสี ด้วยเครื่องเล่น DVD คนเดียว ตอนฝนตก ตอนเย็น ๆ
>>17 ทำไมไม่ได้ติดต่อกันอีกวะ
ของกูคล้ายๆกับมึงเลย เมื่อตอนม. ต้นกูเล่นเกม ตอนนั้นมีปห ที่รร ค่อนข้างเยอะเลยไปพิมระบายในเกม เพราะไม่รู้จะระบายที่ไหนแล้ว มีพี่คนนึงให้คำปรึกษา กูน้ำตาไหลคาคอมเลย แต่ตอนนั้นกูไม่มีเฟส โทรศัพท์ก็ไม่มี กูจะทำการบ้านที่รร. หลังจากเลิกเรียนกูจะได้เข้าเกมเลย เพื่อแชร์เรื่องราวที่เจอมาในรร. คุยกันทุกวันเกือบๆปี จนกระทั่งวันนึงพี่เค้าก็ไม่ออนเกมอีกเลย กูเลิกเล่นเกมแล้ว แต่ยังเข้าเกมอยู่เวลาเดิมเพื่อจะดูว่าเค้ากลับมายัง แต่ก็ไม่เลย แต่ก็ขอบคุณเวลาที่ผ่านๆมานะ พี่ช่วยได้เยอะเลย
ตอนเด็กๆเวลาพ่อไปรับส่งโรงเรียนจะเอารถไปจอดในวัดซึ่งลานจอดติดมีท่าติดกับแม่นํ้าเจ้าพระยา มีต้นไม้ใหญ่กว่าตึก3-4ชั้นหลายต้น แล้วตอนนั้นมันไม่ค่อยมีคน กูชอบนั่งฟังเสียงนกกาเหว่า(ร้องทีดังทั้งวัดเพราะเงียบมาก) มีฝูงนกแก้วป่ามาบ้าง แล้วก็เสียงลมต้นไม้ในวัดตอนนั้นมาก บางทีกูก็ชอบเดินในที่ชุมชนข้างวัด มีคนนั่งตกปลาบ้างแต่มันสงบ เงียบ อย่างมากก็เสียงกระดิ่งของจักรยาน สมัยนั้นมือถือฝาพับยังไม่มีเลย
ตอนฝึกทหารมีวันนึงได้ไปผูกเปลนอนบนยอดเขา ดาวโคตรสวย
บรรยากาศที่กูอยู่ในสวนหลังบ้าน นอนมืดๆ เเล้วมองไปที่บ้านตัวเองที่เปิดไฟสว่าง ในหัวกูนึกว่า ทำไมครอบครัวกูเหงาจัง
ตอนเด็กๆประมาน6-7ขวบกุอยู่บ้านต่างจังหวัด ตื่นเช้ามาลงไปกินขนมปังปิ้งที่พ่อทำกับดูการ์ตูนช่องเก้า แค่นั้นเลย
ตอนอยู่ประถม ตื่นเช้าๆเเม่จะพากูขับรถไปตลาด หาไรอร่อยๆกิน สักสิบโมงก็กลับบ้าน เย่
ตอนฝนตก
ตกตอนเช้า นอนสบาย
ตกตอนบ่าย ฟ้าครึ้ม อากาศเย็น อารมณ์ร่ม
ตอนกลางคืน ชิลๆ ดูหนังฟังเสียงฝน
ตลอด12เดือน กูรอหน้าฝนอย่างเดียว อารมณ์ดีทำอะไรก็ดี สบายๆชิลๆ
ตอนเป็นเด็ก พวกมึงไม่กล้าไปไหนปะ ต้องมีพ่อเเม่อยู่จุดๆหนึ่งถึงจะกล้าไป ของกูไม่กล้าลงจากเตียงเพราะกลัวผีใต้เตียง เเต่ถ้ามีคนอยู่ตรงครัว กูก็จะเซฟมาก ลงได้ตามสบาย
>>29 กูกลัวห้องครัวบ้านตัวเอง เพราะมันเป็นทางเดินยาว แสงไฟจากห้องโถงสว่างไปไม่ถึงสุดทางเดินของห้องครัว (ง่ายๆคือถ้าไม่เปิดไฟครัว เราจะมองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่สุดทางเดินเลย) แล้วตอนที่กดสวิตช์รอไฟเปิดติด มันจะกะพริบสองสามทีก่อนสว่าง ไอ้จังหวะกะพริบนี่แหละที่กูกลัวมีผีโผล่มาจากมุมมืดนั้น
ตอนที่เป็นเด็กๆ ชอบเล่นตากฝน น้ำฝนเกาะอยู่บนใบไม้ก็เขย่าๆ ต้นให้มันตกลงใส่ตัวเอง แล้วฝนก็ตกอีก อากาศเย็นสดชื่น มีแต่กลิ่นอายธรรมชาติ มีสะพานเล็กไม่สูงมากทอดไปอีกทางตรงที่มีน้ำขัง ต้นใบบัวบกงอกเต็มทางเดินเลยมั้ง (แต่ตอนนี้ไม่มีละ) คิดถึงว่ะ พอโตมากูก็ไม่อยากตากฝนอีกแล้ว ทั้งที่ตอนเด็กๆ ให้ตายยังไงก็ต้องออกไปลุยฝนให้ได้ ฟ้าจะร้องก็ยังวิ่งแจ้นออกไปตัวเปียกฝนข้างนอก
อยู่ๆกูก็อยากเล่นบาคุกันอ่ะ นึกถึงตอนเด็กๆ ไม่มีปญ. ซื้อ ตอนนี้กูอยากซื้อซัก20ตัวมานั่งเล่น แม้กูจะโตเป็นควายเเล้วก็เถอะ
อันนี้ไม่ใช่บรรยากาศ เเต่เป็นรสชาติของไก่ทอดร้านหนึ่งในโรงเรียนสมัยประถม เเละผงเขย่าที่กูไม่รู้ว่าคือรสอะไร อยากเเดกอีกจังโว้ยยยยยย คิดถึง
นอนฟังวิทยุเพลินๆตอนฝนตก เเล้วผล็อยหลับไป
กูทำได้ไงวะ
ตอนเด็กๆไม่น่าเกิน10ขวบ ปิดเทอมไปอยู่บ้านย้ายที่ตจว. ทุกเช้าตื่นมากินข้าวเช้านั่งดูการ์ตูนจะมีเสียงกระดิ่งจากคนขายไอติมเข็นรถผ่านมาหน้าบ้าน
อยู่บนตึกสูงๆในต่างถิ่นต่างเเดน น่านอนชะมัดดดดด
ได้เข้าไปเล่นเกมที่เคยเล่นในสมัยก่อน
นอนบถไฟตู้นอนทั้งวัน อื้มมมม
ใกล้ถึงสงกรานแล้ว กูคงได้ไปนอนหลังกระบะไปตจว. ไม่ได้ไปกับรถส่วนตัวนานมากแล้ว จำได้เมื่อตอนเด็กๆนอนหลังกระบะไปตอนกลางคืนหนาวมากกก ตอนเช้าลมพัดเย็นสบาย เเวะเซเว่นแทบจะตลอดทาง แล้วก็ไปหลงในกทม เกือบ2วันไหนจะรถติดอีก
ตอนเด็กเผลอหลับไปบนโซฟาละพ่อมาอุ้มขึ้นบันไดพาไปนอน อบอุ่นหัวใจมาก ;-;
นั่งรถจากมุมหนึ่งของประเทศไปยังอีกมุมหนึ่ง มองคนทุกคน บ้านทุกหลัง ที่ทุกไร่ ตึกทุกตึก หาไอเดีย มโนภาพข้างใน
เมืองโล่งๆตอนกลางคืน อากาศเย็นๆ เดินเล่นอยู่คนเดียว เหมือนทั้งโลกมีเเค่เรา โคตรฟินอะ พวกมึงควรลองทำบ้างนะ กูยังไม่เจอพวกรถลาดตระเวน
เเนะนำเลย เปิดโลกมาก
คืนนี้ลมเอื่อย ๆ ถนนโล่งเหมือนเดิม เเต่คราวนี้เดินถนนสายอื่น ชิลมากครับ ขอเเนะนำเลย ประสบการณ์เเบบนี้นาน ๆ ทีจะมีสักครั้ง
ตอนได้ดูดิจิมอนภาคใหม่ เหมือนได้กลับมาเจอเพื่อนเก่าอีกครั้ง
นอนบนพื้นไม้ที่บ้านดูฝนตกพรำๆ
ปั่นจักรยานกับเพื่อน ขิงกันเรื่องปั่นจึปล่อยมืได้ เอาขวดพลาสติกไปใส่ในล้อให้เสียงดังเพื่อความเท่
นั่งขี้เเบบท้องเสียในห้องน้ำตอนฝนตกหนัก เสียงลมฝนกลบหมด กลิ่นไอดินก็ช่วยกลบ ความฟินจากรูตูดของกูหลั่งไหลออกมาทั้งคืน
คิดถึงฤดูฝนอากาศเย็นๆครึ้มๆลมแรงๆไม่มีแดด กลิ่นก่อนฝนตกก็ดี รู้สึกสงบสุข
บรรยากาศที่ไม่มีโควิด
คิดถึงกลิ่นหอมๆ ของควันจากใบไม้ใบหญ้า คิดถึงบรรยากาศเคลิ้มๆ หลังจากที่เราที่สูบมันเข้าไปแล้ว ความรู้สึกมันเหมือนได้เปิดโลกใหม่ ที่ไม่มีใครเคยค้นพบมาก่อน เสียดายที่กะลาแลนด์ยังไม่เปิดรับสิ่งใหม่ๆแบบนี้ซะที
อันนี้ก็ตราตรึงนะ ตั้งเเต่เด็ก จนถึงตอนนี้ยังทำได้
จำได้ว่าพ่อกูเคยพาไปบ้านไม้ชั้นเดียวเก่า ๆ ที่อยู่ในสวนที่ดินของพ่อ ในชนบท เเละเอาตีนเหยียบหน้ากูให้กินยา โดยมีไอ้เด็กสองคนที่เป็นเด็กเเถวนั้นนั่งดูอยู่ (กูไม่เเน่ใจสุด ๆ ว่ามันจริงหรือกูเเค่มโน เเต่มันติดสมองกูมานานมากเเล้ว)
เเล้วก็ที่พ่อกูจับกูมัดไว้กับต้นไม้ในสวนหลังบ้านตอนกลางคืน กูเห็นเเสงไฟจากบ้านอยู่ไกล ๆ เเม่งติดตาอะ (อันนี้กูก็ไม่เเน่ใจว่าเกิดขึ้นจริงรึเปล่า เเต่มันติดอยู่ในหัวกูมานานมาก)
บรรยากาศสงกรานต์ปีที่แล้วที่เดินออกไปข้างนอกตอนตี3 ตอนเดินผ่านแสงไฟสีเหลืองริมถนนมีรถขับผ่าน2-3คันแล้วมีแค่นั้นจริงๆผ่านไปแล้วไม่มีอะไรเลยถนนเงียบทั้งหมดมองไปมีแต่แสงไฟของตึกกับไฟริมทางเป็นบรรยากาศที่ลืมไม่ลงจริงๆ
บรรยากาศในเกมจับแมลง
สัส ปลดเคอร์ฟิวส์แล้วเหรอ จะเดินเงียบ ๆ ในเมืองคนเดียวซะหน่อย
>>62 โหดสัส หาที่มาที่ไปได้มั้ยวะว่าทำไม
กูเคยมีเรื่องตราตรึงแบบนี้เหมือนกัน เป็นภาพจำอยู่ในสมองกูคือรุ่นพี่ประถมผู้หญิงยืนคร่อมกูและกำลังถอดกางเกงใน (กูผู้หญิง อยู่อนุบาล) แล้วหลังจากนั้นภาพก็ตัดกูจำไรไม่ได้อีกเลย มารู้อีกทีคือแม่เล่าให้ฟังว่ากูไปฟ้องครูว่าโดนปั๊มปิ๊ (ฮาศัพท์) แล้วหลังจากนั้นเป็นไงก็ไม่รู้แล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดนถอดเกงไนรึเปล่า หรือไปถึงขั้นไหน โดนอะไรบ้าง ภาพสุดท้ายคือรุ่นพี่ถอดเกงในแล้วกูก็หลับตาปี๋เลย จำไรไม่ได้อีก ความทรงจำตอนนั้นหายไปหมดแล้วก็ไม่กล้าถามแม่ด้วย มัน awkward ไงไม่รู้
>>62 >>66 ของกูก็มีนะ
มันไม่แน่ใจว่าเคยเกิดขึ้นจริงหรือกูฝันหรือกูมโนขึ้นมาเอง มันยังคงตราตรึงมาตั้งแต่เด็กๆ
คือกูอยู่ในห้องอนุบาลที่โรงเรียน(อยู่ใกล้บ้านกูเป็นรรเล็กๆมีเทียมป.6) จำได้ว่ามันจะมืดละมีแสงสลัวๆ แต่ยังมองเห็นอ่ะน่ากลัวมากสำหรับกูในตอนนั้นกูนั่งข้างชั้นเก็บของเล่น แล้วพี่กูก็เดินเข้ามาเอาหินไล่ปากับเพื่อน2คนแล้วกูวิ่งหนีออกมาล้มหน้าห้องแต่พวกพี่เค้ายังตามมาลากขาไปสนามเด็กเล่นทิ้งไว้หน้าชิงช้า แล้วกูนอนตะแคงนิ่งๆมองพวกพี่เค้าเล่นชิงช้ากันอยู่ จำได้แม้กระทั่งความเจ็บ เคยลองถามพี่ดูแล้วเราเคยไปที่รร ตอนหัวค่ำหรือหัวรุ่งมั้ย แต่พี่เค้าบอกว่าไม่เคยเลย แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันทุกวันนี้มันถึงมีความทรงจำนั้น
>>62 >>66-67
กูก็เคยมีความทรงจำที่ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่าเหมือนกัน
บ้านกูมี 2 หลัง หลังนึงเป็นบ้านของพ่อแม่กูเอง ชั้นเดียว ปูน ชุ่ยแต่อยู่ได้ ส่วนอีกหลังเป็นของบรรพบุรุษ อยู่หน้าบ้าน เดิน 10-20 ก้าวก็ถึง บ้านไม้ ห้องน้ำอยู่หน้าบ้าน และห้องใหญ่โล่ง ๆ ที่ไม่มีอะไรเลย
กูจำได้ว่าคืนนึง กูกับแม่กูไปนอนที่บ้านไม้หลังนั้น
แล้วกูก็จำได้ว่ากูวิ่งกลับมาบ้านปูน กลับมาเห็นพ่อกับพี่สาวปิดไฟดูทีวีช่องกนกอยู่
ทุกวันนี้กูถามแม่ แม่ก็บอกว่าไม่เคยพาไปนอน แล้วแม่กูก็ไม่มีทางปล่อยให้กูเดินกลับคนเดียวมืด ๆ แบบนั้นหรอก เพราะกูเด็กมาก
บรรยากาศตอนนั่งกินข้าวต้มกับเพื่อนตอนมัธยม นั่งดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันตอนรอรถกลับบ้าน คุยนู่นนี่ไปเรื่อย คงเป็นช่วงที่สบายใจที่สุดละมั้ง
รถไฟฟรีตอนกลางคืน กับมาม่ารสต้มยำ
หนาว ๆ เผ็ด ๆ อาโหร่ยยยยย
( ที่นั่งเบียดเสียดมาก นอนไม่ได้เลย )
ออกไปวิ่งที่ริมแม่น้ำ บรรยากาศมืดๆ ลมพัดเย็นๆเหมือนฝนจะตก ใส่หูฟังฟังเพลงฝรั่ง ได้กลิ่นนมปั่นลอยมา วิ่งไปจมไปกับความเศร้า
กางเต็นท์นอนกับเพื่อนในป่าหลังบ้าน ไกลจากบ้านประมาณครึ่งกิโล
เอาไฟติดตามต้นไม้รอบ ๆ ตั้งแคมป์ทำไรกินกัน คุยเรื่อยเปื่อยกับเพื่อน นอนเด็ดหญ้าเด็กใบไม้ เฮ้อออ คิดถึง พวกมึงนึกภาพตัวเองนอนในป่าใต้ร่มไม้ออกไป โคตรฟิน
สมัยเด็ก วันหยุดได้อยู่บ้าน ตื่นเช้า ฟ้าครึ้มเหมือนฝนจะตก อากาศเย็นสบาย แม่ทำอาหารอยู่ในครัว กูก็เปิดทีวีพร้อมกับเล่นเกม คิดถึงว่ะ
เพิ่งนึกได้เพราะวันนี้ตื่น 6 โมงเช้าในรอบ 2 ปี แถมฟ้าครึ้ม
มันเป็นภาพจำที่กูไม่เคยลบออกไปจากหัวได้เลยวะ
เจอกับผู้หญิงคนนึงในวันแรกของเปิดเรียน ตั้งแต่วันนั้น จนถึง วันนี้ 11ปีผ่านไป เธอยังอยู่ในใจไม่เคยหายไปไหนเลย ไม่ว่าจะพยายามลบออกไปแค่ไหน เริ่มต้นใหม่กับใคร แต่สุดท้าย ก็ไม่สามารถมูฟออนจากเธอคนนี้ได้เลย...
วันที่มีความสุข ตื่นมาจะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ ไม่ต้องคิดมากไม่ต้องเกรงใจใคร
กูเคยนอนที่โรงแรมแห่งหนี่ง ข้างล่างมีตลาดนัดคนเดิน Street food คนเยอะมาก กูนอนสามารถปิดไฟนอนได้โดยไม่ต้องกลัวอะไรเลย อบอุ่บชิบหาย
วันนี้ฝนตกหนักมาก ลมพัดมาจากทางเหนือ ไฟรายทางดับหมดเลย อย่างมืด เลยออกไปเดินเล่น ลมเย็น ๆ ฟินจริง ๆ
แต่ทำไมรถถึงออกมาวิ่งเยอะกว่าปกติก็ไม่รู้ นี่ตีสองนะ
อยากตายแต่บอกใครไม่ได้
สมัยเด็กๆบ้านพักอยู่ในสวนแถวทะเลสาปตอนนั้นเลยปั่นจักรยานไป ตอนกลางคืนสงบอากาศดีมากๆ ดวงจันทร์สะท้อนบนผิวน้ำ มันสงบนิ่ง อิ่มเอม คิดถึงจัง
นั่งอยู่แล้วมีลมพัด มองออกไปเห็นหิ่งห้อยในสวน
ตอนนั้นนั่งๆอยู่แล้วเขาก็เอามือมาจับ
ไปโรงเรียนตอนตีห้า มืดตึ๊ดตื๋อ เลยไปเล่นเสียวแถวๆ ห้องน้ำ แล้วก็แถวหลังตึก จน 7 โมงเช้าโน่นกว่าฟ้าจะสว่าง กว่านักเรียนจะเริ่มมา
แล้วก็แอบปีนตึกไปนั่งบนชั้นบนสุด ชมวิว รับลมเย็น พอถึงเวลาเข้าแถวก็ไป
บรรยากาศโลกช่วงที่ไม่มีโควิด
นั่งรถไฟฟรีตอนกลางคืน คนน้อยมาก บนรถไฟตอนกลางคืนมีของขายน้อย เป็นครั้งแรกที่ได้ซดมาม่าคัพรสต้มยำ ลมเย็นดี วิวสวย เห็นไฟจากบ้านคนอยู่สุดลูกหูลูกตา ไอ้ประตูโกดัง (ที่เอาไว้ปิดหน้าต่าง) แม่งเปิดปิดยากฉิบหาย ในหลอดไฟก็มีแต่ฝุ่น (อยากเห็นบรรยากาศรถไฟตอนที่ปิดไฟเหมือนกันนะ ทุกคนบนรถไฟคงนอนกันสบาย) มีอีกหลายอย่างบนรถไฟที่เล่าไม่หมด
บรรยากาศใน รร.ตอนเช้ามากๆ เมื่อ13ปีก่อน ....เวลาผ่านไปไวชิบหายเลย ในช่วงตอนเช้าๆที่แม่งไม่มี นร.พอๆกับตอนเย็น บรรยากาศที่มาแล้วสัมผัสกับอากาศเย็นๆช่วงเช้า ไม่ต้องเร่งรีบอะไร เหมือนเป็นช่วงนึงที่ปลดลปล่อยตัวเองออกจากความเครียดทั้งหมดเลย ตึกที่แม่งไม่มีความวุ่นวายของ นร.ในชั้น เดินไปอาคารไหนก็ไม่ต้องกลัวครูจะมาตามนั่นนี่ ถ้าเดินไปสำรวจได้หมดใน รร.โคตรกว้างๆนี่ได้ก็น่าทำมาก เสียดายกับเรื่องหลายๆอย่างที่ตัวเองยังไม่ได้ลองทำในตอนนั้นด้วยซ้ำ เป็นช่วงที่ถ้ากูตื่นและมาทันเวลานี้ได้แม่งเหมือนได้รางวัลชีวิตตัวเองด้วย เป็นรางวัลที่พ่อแม่ไม่เคยมีปํญญาจะให้กูได้ด้วยซ้ำ
ปล. อิจฉาพวกมึงที่เวลาคิดถึงเรื่องพวกนี้แล้วมึงสามารถอบอุ่นใจ สุขใจไปกับมันได้ตลอด กับกูแม่งทำไมหาไม่เจอเลยวะบรรยากาศแบบนี้ เพราะในตอนนั้นมันก็มีเรื่องปวดใจให้กูคิดทุกครั้งเลย
>>99 คือยังไงวะ? จะบอกว่าเป็นบรรยากาศแนวหน่วงๆเหรอ? หรือยังไงอ่ะ? คือส่วนมากกูมีแต่อะไรแบบนี้หว่ะ 5555 อีกอันที่กูจำได้ตอนเรียน ม.ต้น ก็น่าจะเป็นงานวันคริสมาสต์ประจำรร. กับวันกีฬาสี สองวันนี้คือแม่งสนุกมาก เรียกได้ว่ากูอยากให้ รร.กูมีแบบนี้ไปแม่งทุกๆวันอ่ะ ทุกวันนี้ รร.นั้นแม่งทำระบบห่าไรไปแล้วไม่รู้จนบรรยากาศควาสนุก อิสระที่เคยมีในวันกีฬาสีแม่งหายเกลี้ยงเลย กลายร่างเป็นแต่ประชุมเชียร์ เข้าแถวเหมือนทหาร .... คือรุ่นน้อง รร. นี้หลังจากนั้นต้องอิจรุ่นกูอ่ะ
>>101 บรรยากาศประมาณเนี้ยๆ https://www.baosamong.com/pic-liminal-spaces/
>>102 ถ้ามึงสัมผัสแบบกูละเป็นสัมผัสแรก(แบบแนวๆว่ามึงจบ ป.6 จาก รร.เก่า มาขึ้น ม.ต้น รร.นี้) มึงจะรู้สึกไม่liminal แสงแดดที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ อากาศเย็นสบายๆก้บฟ้าครึ้มๆและเสียงนกร้องไปมาเรื่อยๆมันไม่ทำให้มึงวังเวงเลยเว้ย ไหนจะคนที่ดูเงียบแล้วเริ่มพลุกพล่านอีก สิ่งที่กูไม่ชอบอย่างเดียวในตอนนั้นคือบรรยากาศแบบนี้อยู่ไม่นาน สักพักเข้าห้องเรียน วิชานึงครูสั่งงานมาสี่ห้าอย่าง อีกวิชาเดาๆไปต่อว่ามันจะสั่งอะไรอีก มา รร.ละเหมือนเป็นสิ่งที่กูจะรู้ได้ว่าต่อไปก็คงลาจากบรรยากาศดีๆนี้แล้วเข้าroutine ที่กูไม่ชอบต่อไป
มีช่วงนึงที่ไปเรียนต่างจังหวัดแล้วเครียดมาก เพราะเข้ากับสังคมที่นั่นไม่ได้ จากเป็นคนร่าเริงก็เศร้าตลอดเวลา ทุกเย็นจะไปเดินออกกำลังกายที่สวนริมแม่น้ำ ใส่หูฟัง แล้วฟังเพลงอยู่สองสามเพลงซ้ำๆ ช่วงเย็นๆลมพัด ฟ้ามืดๆ เสียงรถติดรอบข้าง เสียงเด็กนักเรียนคุยกันในลานนม ไม่ว่าผ่านไปกี่ปี เวลาบังเอิญได้ยินสามเพลงนี้ ทั้งบรรยากาศเย็นๆ อารมณ์เศร้าๆ กลิ่น เสียง ภาพ จะตีขึ้นมาเลย
>>104 กูก็เข้ากับเด็กตจวไม่ได้เหมือนกัน กูไม่เข้าใจสังคมแม่งเลยซักอย่าง ความคิดชาวบ้านๆ ไม่มีกิจกรรมทําแบบเด็กกทมที่วันๆไปนู่นนี่ได้ ก็เลยวันๆก็นั่งจับวงคุยนินทากัน แบบเป็นพวกคิดติดลบมาก ปสด กูก็เป็นlonewolfมาตลอดจนได้กลับทาเรียนกทม
พอขึ้นมหาลัยจําได้เลย เจอพวกเด็กตจว กูนี่หนีเลยอันดับแรก เคยลองเปิดใจแล้ว ไม่ว่ามาจากจังหวัดไหน ภาคไหน ก็คุยไม่พ้นเรื่องผัวๆเมียๆ เรื่องชาวบ้าน จริงๆ แล้วการศึกษาไม่เท่ากันแม่งเรียนช้าอีก น่ารำคาญชิบ กูนี่หนีออกมาเลย ไปหาคบกับเเ็กแนวๆเท่ๆดีกว่า สบายใจสัส
>>107 ไม่ใช้แบบนั้นมีง กูเนี่ยเป็นเด็กบ้านนอก ไปเรียนต่างจังหวัดที่เจริญกว่า แล้วสังคมลูกคนรวยอ่ะมึง หน้าตาดี จัดฟัน ถือไอโฟนไรงี้55 แต่กูมาจากที่ที่ไม่มีกิจกรรมอะไรทำเหมือนที่มึงบอกแหละ กูเลยไม่มีเรื่องคุยกับเค้า หน้าตาก็เห่ย นิสัยเนิร์ดๆเรียนอย่างเดียว แต่เค้าดูมีไลฟ์สไตล์ มีตังค์ไปเที่ยวนู่นนี่กัน มีอะไรให้ทำ พอได้อ่านของมึงก็เลยพอเข้าใจแหละว่าเค้าคงมองกูเหมือนมึงนี่แหละ😅
สมัย 2011-2012 ยูทูบไทยมีแต่คลิปกลายเป็นตำนานในเวลาต่อมา คลิปเอาชีวิตรอดในคืนแรกฮิตมาก แล้วก็อย่างอื่นอีกเยอะ ทั้งพากย์นรก ซ้บนรก แคสเกม อินโนเวชั่นแมน รายการใหม่ ๆ ใหญ่ ๆ เก่งเจ๋ง
>>107 ถ้าไม่คุยเรื่องผัวๆเมียๆ เรื่องชาวบ้าน นี่ปกติมึงคุยไรกันวะ เรื่องเรียน งานอดิเรกเหรอ? แต่ส่วนตัวกูว่าเรื่องผัวๆเมียๆแม่งเป็นอะไรที่ พอคุยแล้วไม่ค่อยเดดแอร์เท่าไหร่เวลาเจอกันใหม่ๆอ่ะนะ ถ้ามีทอปปิคที่น่าชวนคุยกว่านี้ก็แนะนำที เพราะกูก็รู้สึกเหมือนกันว่าคุยเรื่องชาวบ้านก็ไม่ค่อยสร้างสรรค์เท่าไหร่5555555555
>>104 มึงนี่แปลกหว่ะ ทำไมกูเข้ากับคนพวกนี้ได้นะ คือ สมัยกูขึ้น ม.ปลายต้องมาใน รร.ใหม่ที่แอบกันดารนิดๆนะ แต่สภาพคืออำเภอเมืองอ่ะ มีตลาดสด มีธนาคาร มีเซเว่น ผู้คนแอบเฟรนลี่ คุยง่าย แล้วเรื่องผัวๆเมียๆไม่ใช่เรื่องหลักมากเวลาคุยกับกูนะ ส่วนมากคือเรื่องเรียน อนาคต ความฝัน ดูดวง เรื่องตลก บลาๆ คุยจนหลับได้อ่ะคิดดู5555+ ..... จริงๆนะ มันอยู่ที่ระดับชั้นด้วยมั้ง กูอยู่ห้องคณิต อังกฤษนี่คือเบียวๆบ้างบางเวลา แต่ห้องแบบวิทย์ คณิต นี่สองสามห้องสูสีกับเด็กในเมืองกรุงได้เลยอ่ะ คือมันมีความขยัน มีความกระตือรือร้นในงาน ในความรู้มากสุดของสายชั้นแล้ว ....
>>110 คุยอดิเรกอ่ะมั้ง แบบมองโลกบวกมั้งสัส แบบไปเที่ยว ไปต่างประเทศ เรื่องศิลปะ ดนตรี คุยเรื่องประวัติศาสตร์ เกร็ดความรู้เรื่องทําอาหาร เรื่องปลูกต้นไม้ คุยเรื่องลงทุนคริปโต การเมือง การต่างประเทศ เรื่องเทคโนโลยี เรื่องการบริหารงาน ไม่รู้ดิ สังคมที่กูอยู่มีแต่คนฉลาดก็คุยอะไรที่มันวิชาการมั้ง มึงอาจจะมองว่าเนิร์ดๆ แต่มันก็ไม่ใช่อ่ะ กูก็ไปปาร์ตี้มีสังคมอีกคลาสหว่ะ กูไม่เคยเห็นพวกนักธุรกิจที่กูไปคุยเขาต้องมานั่งนินทาผัวๆเมียๆเลย
>>112 คือโลกนี้มีอะไรให้น่าสนใจอีกเยอะแยะ น่าเบื่อจะคายกูไม่ได้อย่กรู้ซักหน่อยว่าใครไปทําเหี้ยอะไร24/7 แล้วคุยแต่เรื่อลบๆด้วย สมัยตอนกูเรียนตจวกูจะเป็นซึมเศร้าเลย เครียดสัส โดนเพื่อนอัดๆเรื่องนินทาชาวบ้านซึ่งกูไม่อยากต้องมาทนฟัง จนตอนหลังกูเลิกยุ่งกับทุกคน หนีสอบเข้ารรกลับกทมอ่ะ
ไม่ได้อยากจะแบ่งแยกอะไร แต่กูคิดว่าสังคมมันแตกต่าวหน้ามือเป็นหลังมือจริงๆ ทั้งเรื่องฐานะทางการเงิน เรื่องการศึกษา
>>108 เนิร์ดอย่างมึงกูยังคุยสนุกกว่าอีก อ่ะกูเจาะจงเลยสัส กูเรียกคนกลุ่มนี้ว่าสก๊อย ทั้งการเสพย์สื่อ การฟังเพลง การใช้แสลง เรื่องรสนิยมแม่งเขี่ยในสำหรับสายตากู เช่นการเปิดเพลงสายย่อโง่ๆ คุยเรื่องผัวๆเมียๆ กินแต่กมูกระทะสกปรก มุกควายๆบูมเมอร์2-3บาท ห่าลูกคนรวยก็จริงแต่รสนิยมหลักสิบ มีเยอะแยะกูรู้จุกคนเยอะลูกกํานัน ลูกนายกเทศบาล อบจ ที่ใหญ่ๆอต่วตัวที่มึงบอกว่าดีๆนี่แม่งแฟชั่นสก๊อยชิบหาย
คือไอพวกนี้มันมีที่อยู่ห้องเรียนเก่ง พวกเด็กตั้งใจเรียน ขยันทำกิจกรรมด้วย แต่กิจกรรมก็จะไม่พ้นทําอะไรควายๆ รับน้องเต้นควายๆโง่ๆ รับอบอำนาจนิยม ความคิดโบราณๆ การทำผิดามเลียนแบบไม่มีหัวคิด โง่ตําตมชิบหาย
มากทมก็เหมือนอีกโลกเลยอ่ะ สิ่งที่มึงมองว่าดีว่าดูรวยเขาขรรมกัน cringeกันอ่ะ
เหอะ แล้วโรงเรียนดังๆในตจว แม่งจะขยันทําตัวเองให้ผ่านการประเมินจะได้ติดอันดับประเทศ แม่งหน้าไหว้หลังหลอกทั้งนั้น ครูและผอเอาแต่ไปทําประเมินควยๆแต่การเรียนการสอนกาก แล้วก็ได้แต่ติดป้ายเชยๆยกยอเด็กปญออะไรไป
รรกทมไม่ทีเห็นทีเลยอ่ะ แบบสังคมมันเอื้อยต่อการเรียนรู้มากกว่าเยอะ ครูก็เก่งกว่า แต่ทุกคนก็ไม่พ้นเรียนพิเศษอยู่ดี แต่มันได้ไปติวเรียนสดก็ได้เจอสังคมเพื่อนต่างรรด้วย คนเก่งแบบขอทุนไปเมืองนอกแล้วอ่ะ ในขนาดที่ตจวเพิ่งพยายาทจะเข้ามในกทม อารมณ์ก็จะประมาณนี้
>>110 มอต้นสังคมเด็กโปกก็มีนินทาครู เรื่องผัวเมีย การ์ตูน เกม คอม มือถือ ต่อยตี คนนั้นคุมโซนนี้ คนนี้เด็กแก๊งนู้น แต่งรถมอไซค์ บลาๆ อันนี้ที่พอจะจำได้นะ พอเข้ามอปลายสังคมเด็กเมืองก็มีเรื่องเซเลปรร. อนาคต เรียนต่อ ทุน ซีรี่ส์เกาหลี โลกโซเชี่ยล กระแสสังคม การเมืองแบบวอนนาบี กูซึ่งย้ายมามอปลายแบบหัวเดียวกระเทียมลีบและชื่นชอบมังงะ อนิเม เกมออฟไลน์ ปวศโลก สงคราม ไม่มีที่คุยในสังคมเลยสึส
กลับไปบ้านลุงที่ญี่ปุ่น วันนั้นลุงพาไปสวัสดีเยี่ยมญาติๆทั้งวันจนล้ากันทุกคนตอนกลับเลยซื้อข้าวกล่องมากินแต่นี่อยากกินอะไรร้อนๆเลยขอออกไปกดโซบะหยอดเหรียญเอาที่ตู้ใกล้ๆบ้าน ตอนเดินออกไปก็เกือบๆห้าทุ่มแล้วแต่หิมะยังไม่ตกเลยเดินอ้อมนิดหน่อพร้อมอากาศที่ค่อยๆหนาวขึ้น หิมะตกมาเบาๆ เสียงมันเงียบไปหมดได้ยินแค่เสียงใบไม้และลมเบาๆ อากาศเย็นมากๆเกือบติดลบ แต่คืนนั้นมีความสุขมากๆจนขอบคุณชีวิตเลย
>>118 อันนี้น่าอิจฉาสัส .... ที่เอามาเล่านี่ผ่านมากี่ปีแล้ววะ? เห็นบอกว่าสังคม ตจว. ญี่ปุ่นนี่แม่งจะชิลล์มากๆ มันจริงไหมวะ? กูรู้สึกว่าญี่ปุ่น ตจว. ดูยังไงๆก็ยังมีอะไรๆดีกว่า ตจว. ไทยยังไงอยู่นะคือ ในท้องที่แบบชนบทยังดูมีน้ำ-ไฟ มีความเจริญ มีธุรกิจชุมชนให้เราอุดหนุนได้ไรงี้อ่ะ ....เสียอย่างเดียว คนที่นั่นแม่งถูกกดดันจากทุกอย่าง แม้กระทั่งภาครัฐที่พยายามรีดเลือดปูจนคนรุ่นใหม่ๆกับรุ่นกลางๆคือเป็นฮิกกี้ ไม่ทำส้นแตดไรแทนเพราะทำอะไรไปก็เจอขัดแข้งขัดขาสารพัดกับนโยบายยุ่นด้วยกันเอง
>>119 เหมือนต่างจังหวัดของไทยแหละแต่บ้านจะอยู่ห่างๆกัน มีทุ่ง มีป่า ให้ดูเล่นระหว่างทาง แต่ที่ต่างชัดเจนเลยคือเค้าจะไม่สุงสิงกัน ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักหรือไม่สนิทนะ แต่เค้าจะเคารพความเป็นส่วนตัวไง ไม่มีมาซุบซิบๆแอบมองบ้านใครบ้านมัน แต่ถ้าปลูกอะไรได้ก็จะเอามาแบ่งกันกินตลอดๆ ลูกชายบ้านใหนไปทำงานในเมืองกลับมาก็เอาผักเอาอาหารมาให้ทำหม้อไฟกินกัน ฟีลแบบนี้กูชอบมากๆเลยล่ะ
บรรยากาศที่กูตื่นเต้นกับเช้าวันใหม่
ได้ทำงานในฝัน ที่บ้าน ตื่นเช้ามาออกกำลังกาย เสร็จแล้วก็อาบน้ำ ทำงาน 3-4 ชั่วโมง เก็บอุปกรณ์ ไปออกกำลังกายอีกรอบ อาบน้ำ ขึ้นห้องมาเล่นเกม ดูหนัง นอน
ไม่อยากจะเชื่อว่าตอนนั้นกูไม่รู้ตัวว่ากูกำลังใช้ชีวิตในฝันของตัวเองอยู่
นี่มาเช่าหอพักย่านภาษีเจริญ เป็นหอมีระเบียงที่กูเอามาโมเป็นครัวกับซักล้างเบาๆ ทิศทางระเบียงตรงกับทิศใต้ มองเห็นตึก ธ. UOBสูงๆได้เลย ซึ่งกูเดาว่าในบริเวณ 1 กม. มันคงสูงสุดในละแวกแล้วหล่ะ มันมีเย็นโพล้เพล้นึงที่กูหยุดจากงานวุ่นๆ1วัน ลองมาตากลมที่ระเบียงนี่แบบได้ฟีลครัวแถมวิวเมืองมาก ห้างซีคอนบางแคที่เปิดไฟแสงสีรับคนเลิกงาน รถไฟฟ้าที่วิ่งรับส่งคนไปมา ข้างล่างพม่ากำลังเข้าซอยกลับห้องแถวใกล้ๆโรงงาน เด็กนักเรียนกับผู้ใหญ่พากันกลับบ้าน หาบเร่ขายของช่วงโพล้เพล้ทำมาหากินขวักไขว่ แสงสีร้านค้าช่วงหัวค่ำที่เปิดขึ้นมาตอนฟ้ามืดแต่คนยังไม่หลับใหลไปไหน มันดูมีชีวิตชีวามากทั้งๆที่มลพิษก็มีแต่รู้สึกถูกสะกดตาสะกดใจบอกไม่ถูกเลยถึงจะเป็นฟีลชานเมืองที่ไปย่านสีลม ย่านสยาม หรือแถวๆถนนวิทยุนี่ก็เหมือนเอามาเทียบไม่ได้เพราะมีเสน่ห์ของมันแบบบอกไม่ถูกจริงๆหว่ะ หรือเพราะห่างหายจากฟีลนี้ไปนานเพราะโควิดวะ 55555
>>120 หืม มึงเคยอยู่ตจว.แบบนั้นจริงๆหรอเอาจากใจว่าจริงๆหรอถ้าแบบที่มึงพูดมานี่คือมึงโชคดีมากเลยนะ สังคม ตจว.ที่กูเจอเลยนะกูเจอกับตัวเลยนะคือแม่งแข่งกันขิงลูกมากเลยนะจ้ะ ลูกส่งเงินมาเท่านั้นเท่านี้ได้ดิบได้ดีบลาๆอะไรที่จะยกข่ม ส่วนไร่สวนเนี่ยไม่ได้มีแดกทั้งปีถ้าแห้งกรังก็ปลูกไรไม่ขึ้นซื้อแดกตามตลาดไม่ก็เข้าเซเว่นแล้วจ้า แล้วอีกเรื่องคือถ้าแม่งมึงทำงานฟรีแลนซ์มึงเตรียมตัวหดเหลือ2นิ้วเลยจ้า แม่งจะเจอขิงแบบสู้คนมีรายเดือนไม่ได้แม้มึงจะมีเงินมากมายมหาศาลจากงานที่มึงทำก็ตาม อ้อยังไม่ได้พูดถึงวัฒนธรรมเรื่องมีลูกเยอะๆเพื่อให้มาเลี้ยงตัวเองด้วยนะ ยิบย่อยชิบหาย
บรรยากาศอ่านหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัยจนถึงตี3เพราะข้างบ้านที่ทำหมูขายเองเชือดหมูทุกๆตี3ของทุกวัน กูสงสารเสียงหมูกรีดร้องไม่ไหว ไม่บางทีทำข้อสอบเพลินจนลืมดูเวลาแล้วได้ยินเสียงหมูร้องคือรู้เลยว่าตอนนั้นตี3แล้ว
>>124 ไอ้มีลูกเยอะๆ นี่แม่งของจริง กูหนีจาก ตจว มาทำงานที่ กทม ได้ 2 ปีแล้วหลังเรียนจบ แล้วกูก็ต้องตกใจ เพื่อนที่ ตจว แม่งลูก 2 แล้ว บางคนก็ลูก 1 คือกูงงมากว่ามึงอายุพึ่ง 24 จะรีบมีลูกไปทำไมวะ ไม่ออกไปใช้ชีวิตให้เต็มที่ก่อนหรอวะ แล้วมีลูกนี่ความรับผิดชอบต้องสูงเหี้ยๆ ด้วยนะ ชีวิตคนทั้งคนอ่ะ แต่ดูจากสภาพแม่งไม่พ้นโตมาเป็นสก้อยกับเด็กแง้นอีก สัสเอ้ย
..................
>>126 กู 124 มาต่อเรื่องลูกเยอะนี่แม่งให้ยาย ย่าเลี้ยงตัวเองไม่พร้อมก็ออกไปหางานทำไม่ก็ไปเป็นผีน้อยแต่กลับมาสร้างบ้านบลาๆๆอะ แม่ ย่า ยาย ภูมิใจลูกหลานส่งเลี้ยงได้ เออกูยอมรับแหละกูเสือกแต่กูไม่ชอบคัลเจอนี้ แม่งกางมุ้งเลี้ยงเด็กๆเป็นสุ่มๆทำให้กูนึกถึงคอก...โอเคไม่พูดละกันเดะท้อคสิกไป อยากเม้าเยอะนึกไม่ออกอยากรู้ไรแถวบ้านกูก็สะกิดมาละกัน เฮ้อ!
>>127 มึงโชคดีมากอาจเป็นเพราะแถบนั้นเปิดการรับรู้ทางมือถือ ทีวี เน็ตเข้าถึงแล้วไรก็ว่าไปดีใจด้วย
>>126 ของกูก็เหมือนมึงเลยหว่ะ เพื่อนที่ กทม. ทุกวันนี้อย่างมากก็แค่มีแฟนแล้ว หรือบางทีคบหาดูใจ ค่านิยมขบวนรถสุดท้ายคืออายุราวๆ30 ไม่งั้นเน้นไม่จริงจังกับใครไปเลย หรือโสดไปเลย แต่ ตจว. นี่คือแม่งกลัวลูกโตไม่ทันใช้กันทั้งนั้น อายุแบบที่ว่ามาคือรีบแต่งรีบทำลูกกันละ ถึงว่าเหอะทำไมพ่อแม่ เพื่อนกูใน ตจว. คือดูเด็กกันมาก ขนาดยายๆตาๆนี่คือเหมือนคนเพิ่งเข้าวัยทอง อ๋อ เรียนจบก็รีบปั๊มลูกเลย ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อนๆกูไม่ได้ท้องช่วงวัยเรียนมัธยมนะ เรียนจบละค่อยมีลูกกัน จะเรียน ป.ตรีไหมก็อีกเรื่องนึง แต่มีงานมีการทำกันส่วนมาก ไม่ได้เกาะพ่อแม่แดก
>>133 ตจวที่ยุ่นก็อาจจะน่ารักจริงมั้ง ไม่รู้ดิไม่เคยอยู่ แต่จากประสบการณ์ของกูที่เคยทำงานที่ยุ่นในตัวเมืองหลังเรียนจบ 1 ปี ปัจจุบันลาออกแล้วกลับมาทำงานที่ไทย ไม่ไหวกับนิสัยการทำงานของคนยุ่นจริงๆ ว่ะ แม่งประสาทแดกชิบหาย หรือกูอยู่ผิดบริษัทไม่รู้ แม่งคงไม่ต่างกับงานราชการที่ไทยเลยมั้ง
Topic has reached inactivity threshold.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.