Fanboi Channel

เราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ทุกวัน
วันนี้เราเรียนรู้อะไรใหม่ๆ บ้าง เอามาแชร์กันครับ
จะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี ไร้สาระหรือมีประโยชน์ หรือเรื่องอะไรก็ได้ทั้งนั้น

กูเรียนรู้ว่าการพิมพ์ด้วยเสียงเเม่งสบายจริง เเต่ก็ต้องมาตามลบ เหนื่อยพอๆกับพิมพ์เอง ควย

https://www.thispersondoesnotexist.com/

กูเพิ่งรู้ว่าคลีโอพัตรา ไม่ใช่คนอียิปต์

>>4 อ้าว

>>4 อ้าว

>>4 อ้าว

ที่พวกมึงอ้าวนี่คือรู้อยู่แล้ว หรือเพิ่งรู้เหมือนกัน

>>4 แล้วคนที่ไหน

>>9 Cleopatra VII belonged to the Macedonian Greek dynasty of the Ptolemies, their European origins tracing back to northern Greece.

Through her father, Ptolemy XII Auletes, she was a descendant of Ptolemy I Soter, founder of the Ptolemaic Kingdom of Egypt.
While Cleopatra's paternal line can be traced through her father, the identity of her mother is unknown.
She was presumably the daughter of Cleopatra VI Tryphaena (also known as Cleopatra V Tryphaena), the cousin-wife or sister-wife of Ptolemy XII.

>>4 เป็นอะไรที่ขัดตากูมากเวลาการ์ตูนชอบวาดคลีโอพัตราเป็นคนดำ
จริงๆคนอียิปต์ทั้งโบราณและปัจจุบันก็ไม่ใช่คนดำด้วยซ้ำ คนแค่ชอบเหมาว่าทวีปแอฟฟริกา = คนดำ

>>11 เหมือนมองเป็นเอกลักษณ์ไปแล้วมั้ง
เหมือนบางคนคิดว่าคนใต้ตัวดำทุกคนนั่นแหละ

วันนี้กูเรียนรู้ว่าขีดจำกัดกูโคตร unlimit กูเเปลงาน30หน้าเสร็จในวันเดียว กูจะอ้วก

>>11 ที่ไหนวะที่วาดเป็นคนดำ

วันนี้ (เมื่อวาน) กูได้เรียนรู้ว่า นอกจากการที่หงส์แดงได้แชมป์พรีเมียร์จะทำให้โลกไม่สงบแล้ว
การที่โมบาย BNK48 ได้อันดับ 1 ของวง ก็ทำให้โลกไม่สงบเช่นกัน

>>15 ไม่เอาเฌอปรางเป็นเซ็นเตอร์ กัปตีนห่วยๆ

ตอนนี้หน้าร้อนเเล้ว

วันนี้ได้รู้ว่ามีกระทู้วันนี้ได้รู้ว่าอยู่ในโม่ง

เพิ่งรู้นะเนี่ย

เรียนอังกฤษมาสิบปี พึ่งจะรู้อันนี้
In general, “if he was” and “if he were” are both correct, but in different contexts. “If he was” is used to refer to things that actually happened, while “if he were” is used to refer to things that may happen. Though they may have once been totally interchangeable, they’ve developed their own meanings.
https://oneminuteenglish.org/en/if-he-was-or-if-he-were/

to love what I have been studying for 4 years :(

>>20 กูได้เรียนรู้ว่ามีโครงการแบบนี้เกิดขึ้นด้วย ชอบหว่ะ

เพิ่งรู้ว่า กทม ทรุดปีละ 1 เซนติเมตร และ อีก 50 ปี กทม จะเป็นเมืองใต้น้ำ

คนกรุงเทพจะเป็นชาวแอตแลนติส

ตลก เห็นชนชั้นกลางค่อนล่างมโนว่าทรุดมาตั้งแต่ก่อนต้มยำกุ้ง ทรุดจริงป่านนี้บ้านเก่าๆชั้น1คงจมไปแล้ว
ต่อให้จริงถ้ามันไม่ฉับพลันแบบเขื่อนก็อดแธมแตกแค่ถมถนน-รีโนเวทอาคารตรงนู่นบ้างตรงนี้บ้างวนๆไปก็ไม่ท่วมแล้ว

>>25 มึงควรไปดูที่ ม.รามคำแหงนะ พวกตึกบางตึก ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงสมัยเป็นศูนย์จัดแสดงสินค้านานาชาติ(คล้ายศูนย์ประชุมสิริกิตติ์ในตอนนี้นะ) แล้วมึงจะมั่นใจเหรอว่าพื้นทรุดคือคิดไปเอง? เอาตึกเวียงคำกับเวียงผานี่คือทรุดแบบเป็นเมตรแล้วนะมึง ทรุดจนตัวเหี้ยเข้าไปอยู่กันได้อ่ะคิดดู ส่วนราม2ไม่ต่างกันเท่าไหร่เลย

กูพึ่งรู้ว่าการนั่งโง่ในสวนสาธารณะ แม่งสร้างความสุขได้ เหอะๆตอนนี้อากาศยังสบายๆอยู่ถ้าร้อนเมื่อไหร่คงไม่ฟินแล้วแหละ

>>27 ที่กูเคยอ่านมา เขาว่าการอยู่กับธรรมชาติมันช่วยให้อารมณ์ดี จิตใจสงบ และผ่อนคลายอ่ะ เวลาไปนั่งโง่ๆริมทะเลก็เช่นกัน เพราะธรรมชาติมันบำบัดสุขภาพจิตได้อ่ะ

>>28 ถามเป็นความรู้หน่อยนะเพื่อนโม่ง สมมุติถ้ากูไม่ได้ไปนั่งโง่ แต่เอาหนังสือไปอ่านงี้อ่ะ มันจะได้ผลลัพท์เหมือนกันป่ะ?

>>29 ไม่เหมือนสิ ตัวมึงจดจ่อกะเนื้อหาในหนังสือ

>>29 เอาหนังสือไปอ่านแล้วต้องการสภาพแวดล้อมให้โฟกัสกับหนังสือ กับไปนั่งโง่ๆริมทะเล ริมระเบียงตึกเงียบๆดูวิวคนเดียวหรือนั่งในห้างภูเขาละเห็นวิวจากยอดเขาอ่นแบบสุดลูกหูลูกตามันต่างกันหว่ะ ถ้าต้องการแบบใจสงบๆเลยคือเอาร่างไปรับบรรยากาศนะ

กูพึ่งรู้คำว่าสลับฟันปลาในการขับรถก็วันนี้เลย กูงงมาห เพราะจำได้แม่นตอนเรียนขับรถที่ ตจว แม่งไม่มีสอนนะ กูสอบได้คะแนนเต็มออกคนแรกของห้องด้วย พิเข้ากทมมานั่งดูคลิปช่อง 7 เห็นคอมเม้นเต็มเลยว่าพวกไม่สลับฟันปลามันเห็นแก่ตัว กูเหวอเลย เพราะไม่เคยได้ยิน

>>32 อันนั้นมันด่าคนแช่ขวา

กูพึ่งรู้ว่ามีงี้ด้วย วันนี้กินอาหารตามสั่งร้านประจำสั่งพิเศษ50บาทเหมือนเดิม เเต่พอจ่ายตังป้าเเกขอเป็น55กูก็งงเเต่ก็หยวนๆให้ไปคือไม่ได้เป็นเเบบนี้ทุกวันนะอยากถามว่าโม่งเคยเจออะไรเเบบนี้มั้ยอยากรู้เพราะอะไร เพราะถ้าครั้งหน้ากูเจออีกบ่อยๆคงได้ไปซื้อเบอร์เกอร์เซเว่นเเดกเป็นข้าวเเทน

>>34 เคยนั่งวิน ก่อนนั่ง50 หลังส่งมาละคิด 150ไหมล่ะ? นั่นล่ะความเหี้ยของพ่อค้าแม่ขายขี้คด ถ้ามึงเจอแบบนี้ในละแวกที่ทำงานมึงมึงควรบอกเพื่อนร่วมงานเปลี่ยนร้านเถอะ ส่วนกูที่พักมีโซนระเบียงทำกับข้าวได้หว่ะ ทุกวันนี้เลยพกกล่องข้าวมากินแทน ร้านตามสั่งข้างทางนะ ที่กูเข็ดแล้วสามข้อ
-สกปรก เสี่ยงท้องเสีย
-เสี่ยงไม่อร่อย เพราะคนขายบางคนแดกเหล้าไปละมาทำงานต่อ
-เสี่ยงรอนานหรือเราสั่งอาหารไปมันไม่เอาลูกค้าแบบเราก็มีถ้าบางร้านมันเอาแต่ฟู้ดเดลิหรือคิวเยอะ
ไม่คุ้นทาง ไม่มีเวลา กูถึงจะฝากท้องกับที่แบบนี้ แต่เอาเข้าจริงถ้าบ้านกับที่ทำงานไม่ใช่จากรังสิตไปสมุทรปราการทุกวันกูก็ทำกับข้าวกล่องมากินเองอ่ะนะ

>>35 ไอ้ร้านที่กูโดนคือเขาไม่ได้ขอเเบบนี้ทุกครั้งไงบางวันก็ราคาปกติ ไอ้กูก็เป็นพวกใจอ่อน เลยไม่รู้ว่ายังไงเเน่เพราะถ้าจะเเดกหัวกูจริงๆคงไม่คิดเพิ่มเเค่5บาท เเต่ก็นั่นเเหละร้านตั้งอยู่ใกล้หน้าหมู่บ้านกูเดินผ่านบ่อยถ้ากูไปถามว่าทำไมเพิ่มเเล้วเเม่งเกิดไม่พอใจเดี๊ยวเเม่งอาจจะเอากูไปนินทาให้เเม่ค้าเเถวนั้นฟังอีกถ้ามันนิสัยเเบบนั้นอะนะ
พรุ่งนี้จะลองสั่งพิเศษอีกรอบ ถ้าขึ้นราคาอีกกูคงไม่กินละหาเเดกเซเว่นเอา

>>36 อห. เชี่ย แค่ราคาไม่แน่นอนนี่กูก็ไม่สั่งและไม่มาเป็นลูกค้าอีกต่อไปละ แค่ราคายังชักดาบใส่ได้ คุณภาพอาหารจะขนาดไหน กูเคยใจอ่อนกับของพวกนี้นะ แต่พอรู้ว่าใจแข็งขึ้นมาได้กูก็ไม่เอาแล้ว กับตัวมึงเองเจอข้อเสียเยอะกว่าข้อดีนะนั่น จริงๆมึงจับจังหวะร้านเซเว่นได้ก็ไม่เลวนะ บางช่วงถ้าป้ายเหลืองเยอะก็โคตรเยอะเลยเว้ย เรื่องแบบนี้อย่าใจอ่อน งานบริการ งานร้านอาหาร ถ้าไม่ได้บอกอะไรก่อนว่าราคามันขึ้นเนี่ย กูถือว่าเบี้ยวทั้งนั้น และร้านอาหารสมัยนี้งอกขึ้นหนักกว่าเดิมเพราะเป็นขี้ข้าเขาก็โดนเอาเปรียบ มึงในฐานะผู้บริโภค อำนาจมึงมากกว่าอยู่แล้วอย่าไปกลัว
ปล. แถวบ้านกูเคยมีร้านขายผักสดทำตัวแบบนี้แหละ ไม่ถึงสามเดือนต้องยกแผงออกทั้งพวงเพราะให้มาตรฐานราคากับลูกค้าไม่เหมือนกัน ยิ่งพ่อค้าแม่ขายย่านนั้นมาเจอเองนี่เรื่องเสียๆหายๆยิ่งแผ่วงกว้าง คนไม่มาซื้อเลย

>>37 ก็อย่างว่าอะกูใจอ่อนเอง ตอนเเรกเเม่งไม่เป็นนะไอ้ราคาขึ้นลงเนี่ยเเต่เพราะกูมากินบ่อยมั้งจะว่าไปเเม่งไม่ได้ทำเเบบนี้เเค่กูเเม่งทำกับคนอื่นด้วย เเต่กรณีกูต่างกับของมึงตรงที่ดันเสือกทำข้าวอร่อยเเล้วพิเศษให้เยอะนี่เเหละ ว่าเเต่เซเว่นป้ายเหลืองนี่กูพึ่งเคยได้ยินไปอยู่ใหนมาวะกูมีวิธีเช็คมะกี่โมงป้ายเหลือง

ทำไมคนเราต้องใช้สมองด้วย ถ้าไม่ใช้สมองก็จะทำผิดพลาด

>>38 ช่วงไหนป้ายเหลือง .... แต่ละสาขามีช่วงเวลาแปะไม่เหมือนกัน มึงต้องสังเกตุแถวบ้านมึงดู ช่วงกลางเดือนกับปลายๆเดือนมักจะมีลดเพราะคนไม่ค่อยซื้อ(เพราะเงินเดือนไม่ค่อยออก)จนสต๊อกเสี่ยงจะเสีย และมักแปะช่วงเวลาที่คนทำงานกันหมด จาก ปสก. กูลองตามหาป้ายเหลืองมา5-6สาขาในละแวกนะ และที่สำคัญ พยายามหาของป้ายเหลืองในสาขาใหญ่ๆ สาขาเล็กๆที่ไม่กว้างมากนัก ป้ายเหลืองมักจะน้อย

คำว่า Rishi เทียบเป็นไทยคือฤาษี ส่วน Sunak ก็คือสุนัข...

โดนโม่งห้อง karma หลอกว่าเจลล้างมือใช้แทนเจลหล่อลื่นได้
สัสเอ้ยยยย โคตรแสบ

TIL กูดีใจที่ในที่สุดFacebookก็ให้อะไรคืนมาบ้าง ก่อนสร้างบัญชี มันจะมีระบบมาแจ้งเลยว่าใน30วันมันจะลบบัญชีเราไหม ซึ่งกูกลับมาลองใช้อีกรอบก็พบว่าตอนนี้ถึงมันจะแบนกูไปแต่ก็ยังไปขอข้อมูลที่เราเคยติดตาม กดไลค์ หรือpostตามกลุ่มที่เคยบันทึกไว้ได้ด้วย ซึ่งมันดีมากเพราะเวลากูไปสร้างเฟสใหม่จะได้อ้างอิงได้ว่าควรไปติดตามอะไรที่ไหนยังไงดี
อีกอันที่ได้เรียนรู้เลยคือ ถ้าเกิดถูกเฟสสั่งปิดบัญชีไม่ว่าจะบอทหรืออะไรก็แล้วแต่ ให้รีบลอกอินเข้าไปโหลดข้อมูลจากเฟส แล้วหาพวกโพสต์ที่มึงเคยโพสต์ไว้เพื่อเชคipล่าสุดกับที่ผ่านๆมา จากนั้นรีเน็ตให้ไม่ชุดเลขipตรงกับที่เคยใช้บนเฟสให้มากที่สุดแล้วสมัครใหม่ ใช้เมล์ใหม่ เพราะระบบจดจำipชุดเดิมเวลาสมัครเฟสมาใหม่ไปแล้ว หรือทางที่ดีกว่านี้ ให้เว้นระยะ 2-3วันไปเลยละค่อยกลับมาสมัครใหม่

https://www.youtube.com/watch?v=cq8GyLrEuAk

บนplatform mrt คือแพลตฟอร์มยกระดับมันมีสถานีนึงออกแบบมาเหี้ยมาก เลวร้ายจนแบบว่าคนพิการ หรือถือของหนักไม่สามารถเดินทางบนพื้นชานต่ำหรือพื้นราบได้แบบไม่มีสะดุดถ้ามึงไม่เสียเงิน17บาท กล่าวคือ ลิฟต์2ตัวอยู่คนละฝั่งของถนนและตั้งคนละฟากของประตูกั้นแพลตฟอร์ม ถ้าอยากใช้ลิฟต์2ตัวนี้โดยไปจากลิฟต์ตัวแรกและไปลิฟต์ตัวที่2 มึงต้องเสีย17บาทเว้ย ใช่ เพราะมันต้องแตะบัตรเข้าแพลตฟอร์มแล้วแตะออกอีกฟาก กูไม่มั่นใจว่า ที่ BTSคิดโหดกว่านี้อีกไหมแต่MRT คิด17บาท .... คือการเป็นคนพิการในประเทศนี้เหมือนรัฐบาลและภาคเอกชนผลักไสให้สุดทางก็คงเป็นการเอาไปเข้าห้องรมแก๊สทั้งนั้นเลยหว่ะ

อีนี่แม่งไม่ได้แคร์ไม่ได้สนใจเป็นห่วงคนอื่นเลย ไม่คิดจะแคร์จะให้ว่าเขาแม่งเหนื่อยแทบปางตาย สนใจแต่ตัวเอง อีเหี้ย แค่ยังคิดแต่ว่าเขามันเหี้ย แใ่ง

เวลาจะช่วยเหลือคน ถ้ามันไม่อยากช่วยขนาดนั้นมึงก็อย่าช่วย เกลียดกุมากนักก็บอก