ไม่มีประกันสังคม มีข่าวเค้าจะเยียวยาไหมวะ กูทำงานขายของห้างรายวัน
Last posted
Total of 1000 posts
ไม่มีประกันสังคม มีข่าวเค้าจะเยียวยาไหมวะ กูทำงานขายของห้างรายวัน
พรุ่งนี้ยังต้องเข้าออฟฟิซกันป่ะ หรือได้ work from home แล้ว
เว็นสัญญาเริ่มงานไปแล้วกับบ.จองโรงแรมชื่อดัง เริ่มงานมิ.ย. แต่ตอนนี้covidแม่งหนักขึ้นเรื่อยๆเลยว่ะ กุมีสิทธิ์โดนยกเลิกสัญญาไหมวะเสียวสัส
เด็กฝึกงานช่วงนี้ยังโดนให้เลิกฝึกงานเลย
เครียดว่ะ หางานไม่ได้ เรียนจบจะครบปีละ เมื่อก่อนไม่น่าเลือกมากเลย
เกลียดพวกที่แม่งไม่อยากจะสอนงานนี้แหละ เวลากุถามไปเพราะกุไม่ชัวร์ว่าต้องทำยังไงก็มาด่าทำไมไม่จำ เอ้า กุก็จำไม่ได้ไง ถึงถามถามแล้วก็ไม่ยอมตอบ แล้วงานมันจะเดินไหม
กูเกลียดการสั่งงานแล้วบอกว่าด่วน คือมึงไม่คิดมั่งหรอวะว่าเอกสารมันเยอะอ่ะ แม่งเป็นเหี้ยไรเวลาเยอะแยะไม่บอกล่วงหน้า ต้องมาขอตอนจวนตัว สัส
มีใครยื่นผ่อนผันบัตรเครดิตของธนคารกรุงเทพไปมั่ง
สัส น่ารำคาญ จะเอาเหี้ยไรนักหนา คนนึงจะเอาอีกอย่าง อีกคนจะเอาอีกอย่าง กูทำไม่ถูกแล้วโว้ยยยยยยยยยย อยากได้ที่ถูกใจมึงทำเองเลย อีแก่
ก็ได้แต่มาระบายในนี้ล่ะนะตัวกูก้มหน้าทำต่อไป เฮ้อออออออออออออออ
กูเพลียรุ่นพี่โยนงานมาก ชอบหายหัวเวลางาน โผล่มาตอนเอาหน้า มาโมเมว่าตัวเองเป็นคนทำทั้งหมด
อาทิตย์ก่อน พอนายสั่งงานมาก็แอบทักส่วนตัวมาใช้กูต่อเลยจ้า กูเลยรับปากไป ถ้างานเราเสร็จจะดูให้น้า
พอถึงเวลา อ้าว ทำไงดีอ่า ไม่ได้ลืมนะ แต่ยังเคลียร์งานตัวเองไม่เสร็จเลย
ห้ะ ต้องส่งเย็นนี้แล้วเหรอ สงสัยพี่ต้องเอาไปทำเองพลางๆก่อนเนอะ เดี๋ยวไม่ทัน
กะว่าจะทำอย่างงี้ไปซักสามสี่ครั้ง ถ้ามันไม่โดนเด้ง คงปรับปรุงตัวได้เนอะ
ทำไมบ.ผู้หญิงมันตอแหลจังวะ รำคานอีสัด
อยู่ๆก็โดนที่ทำงานเทว่ะ เศร้า
ค่ายสีแดง นึกว่าแค่งานส่งของหมูๆ แม่งเจอทั้งจดหมายมาเป็นหอบทุกวัน กว่าจะคัดแยกเสร็จ รถส้มแม่งออกส่งกันแต่เช้าแล้ว พวกกูยังยืนเสียบจดหมายอยู่เลย ไหนจะต้องพิมพ์เข้าระบบเองทุกชิ้น กลับมาต้องแท๊กงาน ส่งเงิน ทำสถิติ และงานอื่นๆที่ได้รับมอบยังกับพนักงานออฟฟิศ
สวัสดี เรามีเรื่องอยากปรึกษาถ้าผิดกระทู้ขอโทษด้วยนะ เป็นเรื่องงานนี่ละ
คือว่าตอนนี้เราเรียนจบบัญชีมาแล้วทำงานอยู่สำนักงานบัญชี ตอนทำงานเราตั้งใจทำมากเลยจนเวลาผ่านไปไวมากๆ แต่งานเรากลับคืบหน้าน้อยมากๆ หรือก็คือเราทำงานช้านั่นแหละทั้งๆที่เราตั้งใจทำมากๆ ไม่อู้ ไม่แอบเล่นมือถือ มาทำแต่เช้าก่อนเวลางาน และพยายามทำตอนพักเที่ยงให้เยอะที่สุดก่อนกินข้าว แล้วรีบกินเร็วๆมาทำงานต่อ แต่เทียบกับคนอื่นแล้วก็ยังช้าอยู่ดี สุดท้ายเจ้านายเรียกเราไปแจ้งว่าเราไม่ผ่านโปรนะ เราก็โอเคถามเขาว่าเราถึงสิ้นเดือนนี้แล้วออกใช่ไหมหรือออกวันนี้ เขาถามว่าแล้วแต่เราเลย เราบอกว่างั้นขอทำถึงสิ้นเดือน เพราะ เรายังอยากทำต่อ เรายังไม่อยากหางานใหม่ตอนนี้ เขาก็โอเคให้ทำต่อเลยยังไม่ต้องออกสิ้นเดือนนี้ แต่ว่าจะลดเงินเดือนเราจากระดับปริญญาตรีเป็นปวช.แทน เพราะ ปริมาณงานที่เราทำมันได้น้อยมากๆ แต่คือลดจากเดิมมา 1000 นึงแค่นั้น เจ้านายถามเราว่าโกรธหัวหน้าที่ไม่ให้ผ่านไหม เราก็ไม่โกรธเพราะเข้าใจ เขาก็โอเคไม่ว่าไร
แต่เรื่องของเรากับหัวหน้าจริงๆไม่ค่อยโอเคกันเท่าไร เพราะ เราเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่เจอปัญหาในงานเราถามเขาตลอดนะ ละก็พูดสุภาพตลอดแบบพูดคะค่ะไรงี้ แต่เหมือนคนอื่นจะไม่พูดกัน เราไม่กล้าพูดแบบนั้นเพราะกลัวมันดูลามปาม เพราะงั้นเลยน่าจะเหมือนทำให้มีระยะห่างกันระหว่างเรากับหัวหน้า หัวหน้าเองก็ดูไม่ถูกชะตาเราเท่าไร เหมือนจะรำคาญๆ พอถามอะไรไม่ค่อยอธิบายถ้าไม่จำเป็นแต่จะบอกให้เอาเอกสารมาแยกไว้เดี๋ยวเขาทำเอง เราก็โอเค อีกอย่างที่ทำเราน้อยใจมากๆคือเขาไว้ใจให้งานกับน้องที่มาทำงานก่อนเราไม่กี่อาทิตย์ที่จบปวช. เรามั่นใจเลยว่าความรู้บัญชีเราดีกว่าน้องแน่ๆ เพราะน้องยังไม่รู้เลยว่าธรรมชาติของบัญชีแต่ละหมวดมันควรอยู่ฝั่งไหน แต่น้องคุุยเก่ง ตลก เวลาทำอะไรพลาดทุกคนจะหัวเราะแล้วบอกวิธีอย่างเต็มใจเสมอ น่าอิจฉามากๆสำหรับเรา อย่างปิดภาษีซื้อขายรายเดือน หัวหน้าไม่เคยยอมให้เราทำเลย ทั้งๆที่เราทำได้ เรามั่นใจ มันโคตรง่ายและเบสิคมาก แต่เขากลับให้น้องคนนั้นทำทั้งที่น้องทำผิดและไม่เข้าใจ ในขณะที่ถ้าเราทำผิด(เรื่องอื่นนะไม่ใช่ปิดซื้อขายอันนั้นเราไม่เคยทำผิด)เขาจะเสียงเข้มกับเรา ดุเรา แบบรู้สึกเลยว่าเขาโกรธ หงุดหงิด แม้สุดท้ายแล้วเราจะไม่ได้ผิดเขาก็จะไม่พูดอะไรให้เรารู้สึกดีเลย(เขาบอกเอกสารอยู่ที่เราให้เราหาดีๆอย่าโทษเขา เราพยายามหาแล้วแต่เราจำได้ให้เขาไปแล้วสุดท้ายก็เจอที่เขาจริงๆ) เรารู้สึกถึงความสองมาตรฐานนี้มากๆ โดยเฉพาะมีครั้งนึงเรากับน้องปวช คีย์งานร่วมกัน น้องทำผิดมากระทบเดือนเราจนเราต้องตรวจหานาน เขากลับบ่นแค่เราทำนาน ส่วนของน้องแค่ให้ไปแก้ตามที่บอก ไม่ดุ ไม่โมโห ไม่หงุดหงิดเลย เราอิจฉาน้องมาก มากจริงๆ แต่เราไม่สามารถทำตัวตลหฃก เฟรนลี่แบบน้องได้ ตอนมาทำงานตั้งแต่วันแรกจนปัจจุบันเราทำได้แค่ยิ้มตลอด ใครให้ช่วยอะไรก็ช่วย หรือต่อให้ใครไม่ขอให้ช่วยถ้าเราช่วยได้ก็ช่วย จนล่าสุดหลังจากคุยกับเจ้านายเราพยายามพูดเยอะขึ้นจากเงียบๆ แต่กลับกลายเป็นว่าพอหัวหน้าได้ยินเราพูดเขาดูจะหงุดหงิดมากกว่าเดิม เราคงไม่ใช่สำหรับเขา เขาไม่ถูกชะตาเราจริงๆ นึกแล้วน้ำตาจะไหล เศร้ามากๆ ทำได้แค่อดทนจริงๆ
ที่เราอยากปรึกษาคือเราอยากถามว่าเราควรอดทนทำที่นี่ต่อไปนานแค่ไหนดี เราเหนื่อยใจมากกับปัญหานี้ที่ทำงานทั้งเรื่องที่เราทำช้าและหัวหน้าไม่ถูกชะตากับเรา เราอยากออกจากงานแต่ออกไปไม่รู้จะทำอะไรที่ได้หยุดเสาร์อาทิตย์และไม่ไกลบ้านมากนัก หมายถึงหลังข่าวโควิดซาลงไปนะยังไม่ออกตอนนี้
ลักษณะของเราคือเราเป็นคนทำอะไรช้า แบบที่เราไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมถึงช้า แต่เรามั่นใจว่าเราเป็นคนขยัน ตั้งใจ อดทนได้ ชอบทำอะไรให้มันเรียบร้อยๆ เราถนัดงานปราณีตแบบงานฝีมือมาก แต่มันน่าจะใช้หางานไม่ได้โดยเฉพาะที่เราอยากหยุดเสาร์อาทิตย์
แล้วเราควรแก้ไขอะไรไหม ถ้าออกจากงานนี้ไปควรทำอะไรดี
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะ
ใครอ่านจบ เราขอร้องช่วยตอบเราหน่อยนะ เรารู้สึกเหงาเคว้งคว้างมากเลย จะว่าไงดี เหมือนอยากได้รับความสนใจ ถ้าๆม่ติดเรื่องโควิดเราว่าเราอยากลองพบจิตแพทย์เครื่องบุคลิกของเราแล้วละ มันคงเป็นที่บุคลิกเราทำให้คนรูู้สึกรำคาญไม่ก็หงุดหงิด ตอนมัธยมกับมหาลัยเองเราก็รู้สึกว่าหลายๆคนบางครั้งก็รำคาญ บางคนเหมือนอึดอัด ไม่อยากยุ่งกับเรา เราเคยถามแล้วนะว่าเพราะอะไร ทุกคนก็หัวเราะบอกว่าเราคิดมากเอง เราเคยถามมาสองครั้งเป็นแบบนี้สองครั้งทั้งมัธยมและมหาลัย และเราคิดว่าที่ทำเองคงน่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน แบบว่ากลายเป็นทุกคนอาจจะอึดอัดขึ้นถ้าเราไปถาม เราเลยทำเฉยๆยิ้มๆเหมือนไม่รู้สึกอะไร ไม่ว่าหลายๆครั้งมันน่าน้อยใจมาก เราควรทำยังไงดี
>>593
เราไม่ค่อยเข้าใจที่เธอบอกว่า เรายังอยากทำต่อ เรายังไม่อยากหางานใหม่ตอนนี้, ควรอดทนทำที่นี่ต่อไปนานแค่ไหนดี, เราอยากออกจากงานแต่ออกไปไม่รู้จะทำอะไร คือ เจ้านายแจ้งว่าไม่ผ่านโปรแล้ว เธอจะทำอะไรต่อได้อีกเหรอ นอกจากออกน่ะ (อันนี้สงสัยจริงๆ) ถ้าเป็นเราคงออกไปตั้งแต่วันที่คุยกับเจ้านายจบแล้วแฮะ เพราะเท่าที่ฟังดูถ้ายังอยู่นี่คงบั่นทอนจิตใจอะ เขาได้บอกเหตุผลที่ให้ไม่ผ่านหรือเปล่า บางทีมันอาจจะมีเรื่องอื่น(แอบคิดว่าหัวหน้าคงมีส่วนร่วมในการประเมินพนักงานด้วย) ยังไงถ้าได้รู้มุมมองของผู้ใหญ่ว่าบกพร่องตรงไหนน่าจะเอามาปรับปรุงได้นะ
เรื่องทำงานช้า คงต้องลองมองหรือลองถามคนอื่นที่ทำงานคล้ายๆ กันว่า เขาทำยังไงถึงทำให้งานเสร็จไวๆ ลองดูงานที่เสร็จแล้วว่าที่ไว เพราะเขาลดขั้นตอนหรือมีบางอย่างที่มหาลัยสอน แต่ที่นี่ไม่เคร่งหรือเปล่า ไม่รู้จะว่าไงดี เหมือนเธอจะแบบเพอร์เฟคชั่นนิสหน่อยๆ แต่บางงานมันอาจจะไม่ได้เป๊ะขนาดนั้น ที่เขาต้องการคืองานพอใช้ แต่ต้องการความไวระดับนึง ไม่จำเป็นต้องปราณีตมาก
เรื่องหัวหน้าไม่ถูกชะตาด้วย ก็อยากให้ใจเย็นๆ หมายถึง มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่จะมีคนไม่ชอบเรา ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้เขา มันอาจจะดูเหมือนตอบปัดๆ แต่ถ้าเธอไปใส่ใจกับคนอย่างงี้เธอก็จะเครียด หาทางออกไม่ได้นั่นแหละ ถ้ามีความรู้สึกแบบ อยากให้เขาใจดีกับเราเหมือนที่ใจดีกับคนอื่นบ้าง ก็จะยิ่งร้อนรนนะ พยายามไม่ต้องเข้าไปยุ่ง แล้วก็อย่าทำอะไรให้โดนเล่นงานได้น่าจะดีกว่า (หวังว่าต่อไปจะเจอหัวหน้าที่ดีกว่านี้นะ)
ที่ทำงานเราก็มีทั้งคนทำงานช้า แล้วก็คนที่ไม่ถูกกับหัวหน้าที่ต้องเซ็นงานเหมือนกัน แต่เท่าที่ดูที่ทำงานเราที่เจอ เป็นประเภทไม่สนใจว่าใครจะว่าไงอะ เลยดูไม่ค่อยเครียด ยังไงก็ต้องทำใจว่าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่เวิร์คแล้ว ไปที่ใหม่จะทำยังไงต่อดีกว่า ไม่ใช่สายบัญชีเลยแนะนำไม่ได้แฮะว่าควรจะทำงานไหนต่อดี แต่เป็นกำลังใจให้ล่ะกัน
>>594 เราบอกกับเจ้านายว่าอยากทำต่อ เพราะ เรายังไม่อยากออกตอนนี้ ด้วยเรื่องโรค เศรษฐกิจ ถ้าออกต้องหางานยากแน่ๆ เจ้านายเขาบอกเราว่าปกติไม่ค่อยมีใครโดนยอมลดเงินเดือนแบบเรา ส่วนใหญ่คือออกเลย ถ้าเราไม่คิดมากอะไรจะทำต่อก็ได้ ก็คือลดให้ทำสเกลงานปวชแทน เราไม่โอเคหรอกเอาจริงๆ แต่เราไม่อยากให้มีปัญหาเลยบอกว่าโอเค แค่ได้ทำงานต่อก็ดีใจแล้ว เขาเลยยังให้ทำต่อบอกว่าจะช่วยรับมาฝึกไว้ก่อนสักครึ่งปีไม่ก็ปีนึงแล้วแต่พัฒนาการของเรา เป็นสัญญาลมนะไม่ได้เซ็นอะไร
ละก็หัวหน้ามีส่วนเรื่องประเมินงาน เขาเป็นคนประเมินเลยแหละว่าผ่านหรือไม่ผ่าน แต่เจ้านายเขาเรียกคุยแยกเรากับหัวหน้าเลยไม่รู้ว่าคุยอะไรกันบ้าง
ส่วนเรื่องที่ถามว่าควรทนต่อไปแค่ไหนดีคือเราลังเลว่าถ้าทนอยู่ไปสักหน่อยมันอาจจะเป็นการฝึกให้เราทำงานเก่งขึ้น อยู่กับคนอื่นได้ดีขึ้น เรื่องโรคกับเศรษฐกิจอีก แต่ด้วยจิตใจเราอยากออกมันตั้งแต่สิ้นเดือนนี้เลย ชั่งน้ำหนักแล้วถ้าออกมันคงเอาแต่ใจเกินไป เพิ่งมาคิดได้นี่ละ
ส่วนเรื่องที่ถามว่าออกแล้วควรทำงานอะไรดี เพราะ เราก็คิดว่าหรือเราอาจจะไม่เหมาะกับบัญชี ถ้างั้นใครมีงานที่หยุดเสาร์อาทิตย์อย่างอื่นนอกจากบัญชีแนะนำไหม
ขอบคุณมากๆนะที่ตอบเรา รู้สึกดีขึ้นเยอะมากๆเลย
กูโดนประเมินให้ไม่ผ่านโปรและให้ออกสิ้นเดือนนี้เหมือนกัน เขาบอกให้กูเคลียร์งานให้เสร็จก่อนออก แต่ก็ยังเอางานใหม่มาสุมให้กูเรื่อยๆจนกูประเมินแล้วว่าสิ้นเดือนนี้กูคงทำไม่ทัน และเขาก็ไม่ได้รับใครเพิ่มด้วย พอกูบอกไปตรงๆว่ามันไม่เสร็จหรอกถ้าพี่ยังจะเอางานมาให้เรื่อยๆอยู่แบบนี้ เขาก็ด่ากูเป็นเชิงว่าไม่มีความสามารถในการจัดการ มิน่าถึงไม่ผ่านโปร ทั้งด่าทั้งดูถูกสารพัด
กูควรทำไงดี อีกสองวันกูก็จะออกจากที่นี่แล้ว แต่ก็ไม่อยากทิ้งงานที่ทำไม่เสร็จว่ะเพราะคงไม่มีใครในออฟฟิศมาทำต่อจากกูได้แน่ๆ ตำแหน่งกูมันเป็นสเปเชี่ยลลิสต์ที่เพิ่งเปิดรับ มันก็จะเฉพาะทางหน่อยๆ หรือกูควรจะช่างแม่ง ทำเท่าที่จะทำได้ จากนั้นเป็นไงไม่ต้องสนแล้ว กูออกแล้วนี่ จริงๆโกรธนะที่โดนพูดแบบนั้น แต่ก็รู้สึกผิดว่ะที่ทำงานไม่สำเร็จ
ต่อหน่อย พอดีเมื่อกี้ร้อน
บ.เอางานมาเพิ่มให้คนที่มึงกำลังจะเลิกจ้างเขา ไม่เหี้ยไปหน่อยเหรอวะ ทำตัวเหี้ยๆกับลูกจ้างแบบนี้ มึงก็ไม่ต้องไปสนใจมันแล้ว
เครียดว่ะ รู้สึกว่าทำงานอยู่บนความกลัว ไม่เคยสบายใจเลย แบบส่งงานทีนึงก็กลัวว่าจะโดนด่า กลัวงานไม่ถูกใจ กลัวโดนผิดหวัง กลัวถูกหาว่าไม่เก่งพอเปลืองเงินเดือน
คือกุอยู่กับความรู้สึกแบบนี้มาหลายเดือนแล้วอ่ะ ส่งงานทีถ้าเค้าอ่านแต่ไม่ตอบนี่ก็จะคิดไปไกลเลย ทั้งๆที่เป็นวันเสาร์ อาทิตย์ก็สงบใจไม่ได้ ทำให้เวลาวันหยุดก้ไม่มีความสุข มีแต่กังวลจนหมดแรง ทำไงดี
>>596 เขารับมึงมาแค่ให้จัดการงานที่มึงทำอยู่แล้วถีบหัวส่งเปล่าวะ
ลองคิดดูดีๆ รับ specialist มาทำตำแหน่งที่ไม่เคยมี คือมันต้องเข้ามาปูพื้นฐานตำแหน่งนี้ใช่ไหมล่ะ แล้วอะไรคือไม่ผ่านโปร ยิ่งมีมึงอยู่คนเดียวในบริษัท เดี๋ยวนะ บริษัทจะเล่นตัวได้เรอะ
มึงเงินเดือนเท่าไหร่ล่ะ ที่ว่าไม่ผ่านโปร
ที่ทำงานกูเงียบสัดๆ ว่างจนจะนั่งตบยุงแล้ว แต่เจ้านายก็ยังให้มาทำงาน6วันเหมือนเดิมนะ กูคือมานั่งหายใจทิ้งมาก อึดอัดชิบหาย บางทีอยากถามเจ้านายว่ามันคุ้มค่าแอร์เหรอ ให้กูหยุดแบบไม่รับเงินเดือนก็ได้ กูอึดอัด
>>602 จริงๆเค้าก็ให้กำลังใจนะ แต่กูรู้สึกเหมือนเค้าก็ผิดหวัง เค้าเอือม เค้าไม่อยากจ้างกุแล้วอ่ะ เหมือนเค้าคาดหวังว่างานอะไรที่ให้กู มันจะต้องเพอเฟกให้มุมเค้า และถ้าไม่ดีพอเค้าก็จะบอกตรงๆเลยแหละว่ากูต้องพัฒนานะ กูต้องทำให้ดีกว่านี้ แล้วมันก็ทำให้กูกลัวมากขึ้นทุกวัน
ไม่รู้ดิ ช่วงแรกกูรู้สึกมันไม่กดดันเท่านี้อ่ะ ตอนนี้รู้สึกเหมือนเค้าไม่อยากจะหวังกับกุแล้ว ทั้งๆที่กูก็พยายามหนักมาก แต่พอมันต้องอยู่กับความกลัวทุกครั้งที่ต้องส่งงาน บางทีก็ทำให้กูอยากลาออกไปเลย เหมือนว่ากูรับไม่ได้ที่อาจจะกลายเป็นคนไร้ค่าของบริษัทอ่ะ เหมือนอยู่ๆก็รู้สึกแบบกูแม่งไม่เอาไหน กูคงไม่เติบโตไปกว่านี้ หมดไฟไปเลย
>>601 30k ก็ตามประสบการณ์กับค่าตำแหน่งนั่นล่ะ ก่อนหน้านั้นเขาจ้างแบบเอาท์ซอสท์ตลอด แล้วบริษัทพวกนั้นเงื่อนไขการแก้งานหรือการทวงงานมันลำบากไปสำหรับเขามั้ง แถมยังจ่ายแพงอีกต่างหาก เขาเลยมาจ้างอินเฮาส์ของตัวเองดีกว่า จะได้แก้งานได้ไม่จำกัด สั่งงานได้รวดเร็วเพราะเป็นคนใต้บังคับบัญชาโดยตรง ให้งานเช้า บ่ายจะเอาไรงี้ เรื่องนี้กูเจอบ่อยมาก ไลน์สั่งงานไว้ตอนดึกๆ ตอนเช้ามาทวงกูละ คือจะให้กูทำดึกๆเดี๋ยวนั้นเลยเหรอ พอกูบอกว่าไม่ทำงานที่บ้านเขาก็ไม่พอใจว่ะ กูเลยคิดว่านี่เป็นสาเหตุที่กูไม่ผ่านโปรป่ะวะ 55555555555
แต่ประสบการณ์ทำงานของกูที่ผ่านมาไม่เคยไม่ผ่านโปรนะ เพิ่งมีที่แรกนี่ล่ะที่กูไม่ผ่านโปร
>>595 เราว่า ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเงิน ออกมาเลยตอนนี้ ถือว่าให้ช่วงกักตัวโควิดได้พักผ่อนก่อน ไม่ต้องไปทำที่เดิมแล้วเพราะที่นี่ไม่สามารถให้คำตอบอะไรที่จะทำให้เธอรู้สึกสบายใจหรือทำผลงานให้ดีขึ้นได้ ระหว่างนี้ก็หางานใหม่ไปด้วย งานบัญชีนี่แหละ เพราะฟังดูเธอก็น่าจะมั่นใจในความรู้ด้านบัญชีของตัวเองอยู่ เดาว่านี่น่าจะเป็นงานแรก ให้โอกาสตัวเองได้ไปลองงานที่ใหม่ก่อนตัดสินใจว่าตัวเองเหมาะหรือไม่เหมาะกับสายงาน มันพูดยากว่าปัญหาตอนนี้มันเกิดจากอะไรกันแน่ คิดว่าถ้าได้ไปเจอหัวหน้าที่ดีๆ แฟร์ๆ คุยกันตรงๆ ได้ก็อาจจะแก้ปัญหาทั้งงานและความมั่นใจเรื่องความสัมพันธ์ การเข้าสังคมของเธอได้ จากโม่งแนะนำอะไรได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ดูแลสุขภาพใจด้วยนะเป็นห่วง
>>606 สารภาพอีกอย่างคือเราแอบๆคิดว่ารัฐบาลอาจจะสั่งให้ทุกกิจการหยุดทำงานในเร็วๆนี้ เลยกลัวว่าถ้าเราออกมาก่อนเขาให้หยุดกิจการแล้วจะเสียดายอะ เพราะ ออกมาอยู่บ้านเฉยๆไม่ได้เงินกว่าจะหางานใหม่คงอีกสักพัก แต่ถ้ากิจการถูกสั่งให้หยุดทำงานเราก็ได้อยู่บ้านเฉยๆเหมือนกัน แต่อาจได้เงินจากพวกประกันสังคมกับที่ทำงาน เลยกะอยู่ดูไปก่อนอะ แบบว่าเห็นแก่เงินแหละ ._.
ตอนนี้เราคิดว่าถ้าหมดวิกฤตโควิดเมื่อไรเราจะขอออกแน่ๆ เผื่อที่อื่นเราอาจจะโชคดีเจอหัวหน้าที่ใจดีกว่านี้สักหน่อยอย่างที่เธอบอก ขอบคุณนะ คุยด้วยแล้วรู้สึกดีมากเลย ดีจริงๆที่นึกถึงบอร์ดนี้ เราหายเครียดขึ้นเยอะมาก สงสัยเพราะอัดอั้นมานาน 5555
ส่วนเรื่องความรู้บัญชีเรามันเบสิคมากๆ ต้องเรียนรู้ให้มันชินกว่านี้อะ เหมือนอยู่กึ่งกลางระหว่างคำว่ามีความรู้กับไม่มีความรู้ จะว่ามีก็มีแต่ก็มีไม่มากพอ เลยคิดๆอยู่ว่าหรือจะเปลี่ยนสายดีนะ แต่ก็อยากหยุดเสาร์อาทิตย์ มันจะเปลี่ยนเป็นอะไรได้อีก นึกไม่ออกเลยลองถามดู นอกจากบัญชีก็นึกออกแค่พวกเซลล์ที่เขารับกันเยอะแล้วหยุดเสาร์อาทิตย์เหมือนกัน เคยลองสมัครด้วยละ แต่เขาไม่รับเพราะเราดูไม่ค่อยเหมาะ แถวบ้านที่ทำงานมีไม่ค่อยเยอะด้วย น่าจะลงเอยที่บัญชีเหมือนเดิมแค่เปลี่ยนที่แทน แล้วก็เธอเดาถูกด้วย ที่เราทำที่นี่เป็นที่แรกเลยสำหรับสายบัญชี จริงๆไม่เชิงที่แรก แต่เราเคยฝึกงานก่อนจบมา ๒ เดือนกว่าๆ แต่งานที่ฝึกงานมันเป็นเหมือนงานฆ่าเวลาแบบเรียงเอกสาร ยกของ ถ่ายเอกสาร เลยไม่ค่อยได้อะไรเท่าไร เลยไม่รู้จะนับเป็นการทำงานดีไหม หลังจบเราก็ทำพวกร้านอาหารฆ่าเวลาอยู่ 6-8 เดือน สนุกมากเลยแต่หยุดวันเดียวเงินเดือนน้อย เลยลองหางานบัญชีแล้วได้ที่ปัจจุบันนี่ละ
>>605 บริษัทจ้างมึงมาทำงาน 7 ชั่วโมง ไม่ใช่ 24 ชั่วโมง
ในสาย software
ถ้ามึงกลัวว่าที่ส่งไปจะผิด
สิ่งที่ทำได้คือ test ซะ เขียน test ครอบไว้
อย่างน้อยก็ส่วนคำนวณ
ไม่มีใครไม่ผิด คนไม่ผิดคือคนที่ไม่ทำอะไรเลย หรือปัดความผิดให้พ้นตัว
แค่เรียนรู้จากความผิดพลาด
มึงเขียนอะไรได้บ้าง ส่ง resume มาให้กูดูมะ
พรุ่งนี้วันจันทร์อีกแล้ว ไปๆมาๆสำหรับกู work from home แม่งเหนื่อยกว่าทำงานเข้าออฟฟิซซะอีก
เพราะโดนตามงานตลอดเวลา ไม่เหมือนเข้าออฟฟิซที่ช่วงพักหรือเลิกงานทิ้งคอมไว้ออฟฟิซคือเป็นเวลาพักจริงๆ ไม่มีใครมากวน
มีใครหางานช่วงนี้ไหมวะเเล้วหาได้ไหม
>>610 กูก็ไม่ชอบ wfh ว่ะ เปิดแอร์ก็เปลืองไฟ ไม่เปิดก็ร้อน อยู่บ้านไม่มีสมาธิ เก้าอี้นั่งไม่สบาย เมื่อยหลังหนักกว่าเก่า แถมเส้นแบ่งของที่บ้านกับที่ทำงานหายไป กลายเป็นว่าดึกดื่นก็โทรตามงาน เช้าก็โทรจิกงาน สู้ไปออฟฟิศดีกว่า พักก็คือพัก ไม่ได้หลอมรวมทุกอย่างไว้แบบตอนทำงานที่บ้านขนาดนี้
ทำใจไว้ซะ เค้าว่าพอหมดวิกฤติโควิดแล้ว เทรน wfh จะมาเพราะบ.พอได้ลองให้พนักงาน wfh แล้วรู้เลยว่าประหยัดงบไปเยอะ มันคือการผลักภาระค่าใช้จ่ายส่วนนึงให้พนักงานไปแบกเอาเอง ทั้งค่าไฟ ค่าเช่าที่ ค่าเน็ต
ยิ่งอยู่หอค่าไฟอลังการงานสร้าง
>>616 ถ้า wfh แล้วมันได้ productivity เต็มประสิทธิภาพ กูยอมนะ เพราะกูประหยัดเวลาบนท้องถนนไปได้เยอะมาก สบายสัสๆ จากปกติกูต้องตื่น 05.30 เพื่อแหกตาฝ่ารถติดไปทำงาน ทุกวันนี้กูตื่น 07.30 อาบน้ำใส่ชุดอยู่บ้านหน้าไม่ต้องแต่ง 08.00 พร้อมทำงานละ รวมๆ กูมีเวลาชีวิตมากกว่าเดิม 4 ชั่วโมง (เช้า 2 ชม เย็น 2 ชม) ค่าไฟเพิ่มขึ้นนิดหน่อยไม่ใช่ปัญหา ประหยัดน้ำมันขับรถไปทำงาน ประหยัดค่าแต่งหน้าแต่งตัว เน็ตบ้านกูก็ติดอยู่แล้ว กูว่า wfh 4 วันแล้วเข้าไปประชุมเจอหน้าเจอตากันซักอาทิตย์ละวันพอ จะลดเงินเดือนกูนิดหน่อยกูยังยอมเลยเอ้า
แต่ตอนนี้ปัญหาของกูคือระบบมันไม่พร้อมมากๆ เข้าได้แค่บางส่วน อีกหลายส่วนเข้าไม่ได้ ไอ้ที่เข้าได้ก็ช้าอีก มันเลยติดขัดไปหมด
อีกอย่างกูว่าถ้า wfh กันมากขึ้น ลดการเดินทาง น่าจะช่วยลดโลกร้อนลดการใช้ทรัพยากรด้วย
เศร้า + เครียดชิบหายเลยหวะ ตัวกูเป็นพวกไม่รอบคอบ เวลาทำงานรีบๆ เลยมักพลาดโดนหัวหน้าดุบ่อยๆ
แต่แรกๆกูก็รับได้แหละคิดว่ากูคงเปลี่ยนซักวัน แต่แม่งไม่เปลี่ยนเลย ทำมา 2 เดือนละพอพยายามรอบคอบงานแม่งก็ออกมาช้า
เริ่มคิดว่าเหนื่อยละ เหี้ยเอ้ยวันนี้ทำงานอยู่บ้านไม่อู้ยังเสือกทำพลาดไปจุด เมือวานก็พลาด แม่งอะไรวะเนี่ย
เศร้าไม่ใช่เพราะถูกด่านะ แต่แม่งสมเพสตัวเอง ไอเหี้ย
กู >>596 วันนี้พี่หัวหน้ากูและเจ้าของบริษัทมารุมกดดันกูว่ากูต้องเคลียร์งานให้หมดก่อนออกให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะโดนหักเงินเดือนเพราะทำงานเสียหาย กูบกพร่องต่อหน้าที่การงานที่ทำให้งานไม่เสร็จ จะให้กูอยู่ออฟฟิศจนดึกเพื่อเคลียร์งาน(แต่ไม่จ่ายโอที) ไม่เสร็จห้ามกลับไรงี้ มันเป็นความรับผิดชอบของกูก็ต้องทำให้เสร็จให้ได้ กูเลยตอบยิ้มๆไปว่าเราเจอกันแค่นี้ดีกว่า อย่าให้ไปเจอกันอีกทีที่ศาลแรงงานเลย เขาเลยยอมถอยไป แต่ประสบการณ์สามเดือนที่ไม่ผ่านโปรคงไม่ต้องเขียนลงเรซูเม่ใช่ปะวะ แค่นี้ก็ไม่มีใครรู้ว่ากูเคยทำงานที่นี่น่ะ
เอาจริงๆกูก็ใจหายที่ต้องตกงานนะ แต่ก็โล่งใจด้วยเหมือนกัน แค่นี้ก็ไม่ต้องทนความปสด.ของเจ้านายแล้ว ทนอีกวันก็เป็นไทจากที่นี่แล้วว่ะ
>>626 มึงทำถูกแล้ว เยี่ยมมาก ขนาดไม่ได้โดนเองยังรู้สึกสะใจแทน
wfh นี่สวรรค์ของกุชัดๆ เลย ปกติกุชอบการทำงานเป็นฟรีแลนซ์อยู่แล้ว แต่กลับเข้ามาระบบงานประจำเพราะสภาพเศรษฐกิจ พอได้ wfh นี่เหมือนลิงโลดอ่ะ คอมกุ สภาพแวดล้อม อินเตอร์เน็ตกุพร้อมอยู่แล้ว แค่เสียค่าไฟเพิ่มแต่ลดค่าเดินทางไปได้เยอะ ยอมแลก ดีจริงๆ ว๊อยยย..
ผิดๆ สามเดือน
ตอนนี้กูเริ่มสนุกกับ wfh ละ ไอเท็มที่อยากได้ตอนนี้คือไฟเซลฟี่ว่ะ เวลาประชุมหน้าหมองไม่โอเคร ถถถ
เริ่มมีข่าวในวงบ.กูว่าจะมี unpaid 6 เดือน ก็ได้แต่คิดว่าเออยังดีกูยังมีเงินเก็บล่ะวะ
>>637 ก็ไม่ทำไง no work no pay เหมาะกับคนที่มีเงินเก็บ อยากพักผ่อนพอดี ชอบงานปัจจุบันไม่อยากหางานใหม่เลยไม่ลาออก แต่ต้องมั่นใจด้วยว่าบริษัทให้ leave without pay เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันไม่มีงานให้ทำจริงๆ ไม่ใช่ว่าสถานะทางการเงินง่อนแง่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แบบนี้ควรเผ่น
ถ้าบ.กูเสนอให้สมัครใจ leave without pay ซักเดือนแบบไม่หักประเมิน กูจะรีบเอาเลย แต่ 6 เดือนนี่นานไป๊ กูว่าบริษัทมันเตรียมเจ๊งเลยบีบให้ออกแบบไม่จ่ายชดเชยป่าววะ
>>638 มีส่วนที่บ.อยากบีบให้ออกน่ะแหละ เพราะ 6 เดือนก็นานชิบหายจริงๆ แถมโดนเฉพาะคนที่ไม่มีโปรเจ็คลงคือเก็บคนทำงานไว้บางส่วนด้วย
แต่ด้วยสภาพปัจจุบันหลังจบโควิดก็น่าจะซึมยาวๆไปเป็นปี นักวิเคราะห์บางท่านบอกเอาไว้ว่าปีหน้าเตรียมตัวเจอเกรทดีเปรสชั่น+วิกฤติจำนองบ้านแบบตอนซัพพรามอเมริกาแต่สเกลรอบนี้คือเกิดทั่วโลกได้เลย
คงหางานที่ได้เงินดีแบบปัจจุบันไม่ได้แน่ๆ ผมเลยคิดว่าอาจจะยอมรับข้อเสนอ unpaid 6 เดือนไปอ่ะนะ
พวกมึงว่าทำงานธนาคารมีสิทธิ์โดนleave without payหรือโดนบีบให้ออกไหมวะ เศรษฐกิจแบบนี้ กูแอบกังวล
พรก.ฉุกเฉินประกาศใช้ถึงสิ้นเดือน ไม่รู้เดือนหน้าจะเป็นไงต่อไป จะได้กลับไปทำงานตามปกติมั้ย
น่าจะหนักกว่าเดิม มีคน Super Spreader แค่คนเดียวก็แย่แล้วนี้ยังเจอคนที่ 2 ที่ผ่านด่านกักกันโรคระดับประเทศได้ด้วยการแดกยาพารา
ที่ไปตายบนรถไฟอะ ทั้งโบกี้ไม่เหลือ แถมไอ้ทั้งโบกี้นี้ย้ายไปนั่งโบกี้อีก กูตีไปว่าทั้งคันเลย
แต่ Ultimate Spreader ที่แท้จริงคือหน่วยงานราชการวะ ไม่ปิด ไม่เลิกรับคน แถมด่านระดับประเทศยังถูกหลอกได้ด้วยพาราเม็ดเดียว
แล้วไอ้เครื่องสแกนโง่ ๆ อันละ 4-500 แต่อัพราคาเป็นสามสี่พันจะเหลือเรอะ มันต้องมีหลุดบ้างละวะ
ทั้งหมดนี้ต้องโทษระบบคัดกรองของไทย
ทำงานราชการ บ่นโควิท บ่นความปลอดภัยตัวเอง คือก้าวร้าวผู้ใหญ่วะ 5555
ผู้ใหญ่ไม่ทำเหี้ยอะไร อยู่ที่ปลอดภัย พวกมึงอย่าบ่นนะคร้าบบบ
แดกยาลดไข้ผ่านด่านตรวจ ทริกนี้ใช้กันตั้งแต่อู่ฮั่นหนีเที่ยวแล้ว แถมยังนิยมในหมู่ผีน้อยกลับไทย
กูแปลกใจรถไฟมากกว่า ไอตัวโยนขนาดนั้น ให้ขึ้นได้ไง ทั้งที่เป็นอาการที่ต้องระวัง
จริง แดกยาลดไข้ให้ตรวจผ่านนี่ง่ายมาก เคสรถไฟนี่กูโกรธมากอ่ะ ทั้งมาจากต่างประเทศ ทั้งอาการชัดเจน ยังปล่อยมาได้ตั้งแต่สนามบินยันรถไฟ เหี้ยจริง สิ้นหวังสัสๆ กูอยู่บ้าน WFH อาทิตย์ที่สองยังประสาทจะแดก คนที่ต้องทำงานหน้าความเสี่ยงเค้าจะยิ่งขนาดไหน พวกจิตสำนึกต่ำตมในสังคมไทยแม่งเยอะจริง ใส่หน้ากากไว้ใต้คางบ้าง ห้อยไว้ที่หูบ้าง ป่วยก็พยายามปกปิด มีประวัติเสี่ยงก็ปกปิด เซ็งชิบหายที่ต้องเกิดมาร่วมโลกกับไอ้พวกต่ำตมทางจิตสำนึกพวกนี้
อายุ 26 ละยัง lost ไม่รู้จะทำงานสายไหนที่ใช่กะตัวเอง งานที่ผ่านมาคือฝืน ละตอนนี้กำลังว่างงานหาใหม่ด้วย ใครก็ได้แนะนำที
>>640 https://thaipublica.org/2020/03/kkp-research09/
ธนาคารมีสิทธิ์เละ ถ้าไม่ผ่อนปรนให้ลูกหนี้
กู >>626 หลังจากออกมานอนดมฝุ่นกับไวรัสได้สองวัน บ.เก่าก็โทรมาง้อให้กลับไปทำงานเพราะไม่มีใครสามารถทำงานต่อจากกูได้จริงๆ แต่พอวันนี้กูเข้ามาคุยเรื่องเงื่อนไข รายละเอียดว่าจะให้กูทำอะไรยังไงบ้าง พูดง่ายๆคือจะจ่ายเงินจ้างกูยังไง จะจ่ายเป็นเงินเดือนหรือเป็นจ็อบๆ แต่โดนบอกว่าจะไม่จ่ายเพราะกูไม่สามารถรับผิดชอบงานให้จบภายในระยะเวลาจ้างงานได้ และจะฟ้องกูด้วยว่ากูทำให้เกิดความเสียหายที่งานไม่เสร็จ ถ้ากูจะสู้คดีควรทำไงบ้าง ศาลแรงงานเขามีทนายให้มั้ย กูไม่มีตังจ้างทนายแพงๆอะ แต่จะให้กูทำฟรีนี่ฝันไปเหอะ
>>654 ปล่อยให้มันฟ้องไป หรือถ้าขี้เกียจไปต่อล้อต่อเถียงในศาลก็บอกมันว่าการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับลูกจ้างทำได้กรณีเดียวคือลูกจ้างผิดสัญญาจ้าง หรือระเบียบ เกี่ยวกับการลาออก
ถ้าเจ้านายเซ็นใบลาออกให้มึงเองแสดงว่ามึงไม่ได้ทำผิดระเบียบอะไร การอนุมัติให้ลาออก แม้จะยื่นผิดระเบียบนั้นจึงถือว่าใช้บังคับได้ชอบด้วยกฎหมาย
ปัญหาจะเกิดถ้าเจ้านายมึงยังไม่เซ็นเท่านั้นถึงจะอ้างว่ามึงขาดงานโดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายได้
กูว่ามึงก็คงไม่คิดจะทำงานกัเจ้านายมึงต่ออยู่แล้ว งั้นก็เรียกค่าทำงานให้หนักๆ
โปรแกรมเมอร์ช่วงทำอยู่บ้านนี่กูไม่เห็นแม่งจะสบายกว่าอยู่ออฟฟิตเลย
เหมือนงานจะเยอะขึ้นด้วยมั้งเนี่ยไอสัส แถมจะอู้แบบอยู่ออฟฟิตไม่ได้เพราะต้องส่งรีพอตว่าทำอะไรไปบ้างทุกวัน
>>654 กูถามนะ ยังไม่ผ่านโปร มันจ่ายอะไรให้มึงสักแดงรึยัง อยู่ๆจะมาบอกว่างานที่ทำแม่งไม่เรียบร้อยนี่ไม่ใช่นะ ไม่ผ่านโปรนี่คือเค้ามีจ่ายอะไรไหม ถ้าแม่งแบบไม่จ่ายท่าเดียวแถมยังตื๊อให้มึงมาทำงานอีก แบบนี้คือหน้าหีละ
https://moneyhub.in.th/article/fail-trial-period/
ปล่อยให้ฟ้องไปอีกเสียงแบบที่ >>655 บอกอ่ะ ดูซิว่ามันจะเอาอะไรมาฟ้องมึง ส่วนมากศาลแรงงานคุ้มครองคนทำงานมากกว่านายจ้าง สำรองเงินไว้หมื่นนึงซะเผื่อมีค่าจุบจิบเล็กน้อย
>>657 บ.จ่ายเงินเดือนของเดือนมีนา เป็นเงินเดือนงวดสุดท้าย แต่ไอ้ที่เรียกกูกลับมาทำใหม่คือจะไม่จ่ายไง เพราะอ้างว่ากูทำงานไม่เสร็จในระยะเวลาที่ตกลงไว้ในช่วงสามเดือนไม่ผ่านโปร ยังไงก็จะบังคับให้กูทำให้เสร็จให้ได้ท่าเดียว กูเห็นว่าคุยไม่รู้เรื่องก็เลยบอกไปว่าจะฟ้องร้องก็เอา แต่ถ้ากูชนะคดีกูฟ้องกลับนะ หาตังกินข้าวในช่วงตกงาน แล้วกูก็ออกจากบริษัทกลับบ้านเลย ไม่สนพวกแม่งด้วย เสียเวลานอนดูเน็ตฟลิกซ์จริงๆไอ้ห่า
>>658 คืองี้ กูแปะรายละเอียดให้ละ ต้องรู้ก่อนว่าอีตอนที่มึงออกมาอยู่บ้านสองวันเนี่ย มึงได้หนังสือเลิกจ้างงานติดไม้ติดมือมารึยัง หรือมึงออกมานี่คือเสมือนว่ามึงลาออกมาเอง ถ้าดุ่มๆมาลาออกเองเนี่ย อันนี้กูว่ามึงเสียเปรียบครึ่งนึงละนะ จากที่กูไปตามหาอ่านๆมาเกี่ยวกับการไม่ผ่านprobationเนี่ย มันเลยหัวหมอมาเรียกมึงไปทำงานอีกแบบไม่จ่ายตังค์หน้าด้านๆได้ไง ยังไงก็เถอะ มึงไม่ควรไป เพราะใครอยากจะไปทำงานให้ฟรีๆวะ ปญอ.
>>658 อนึ่งคือ มึงเล่ามายังไม่หมดนะ ถ้าเรื่องราวเป็นไปแบบที่ >>655 บอกคือ มีเจ้านายเซ็นอนุมัติให้มึงออกด้วย กูว่าอันนี้มึงคงไม่มีเกี่ยวดองกันกับที่นี่แล้วหล่ะ แต่ยังไงก็เถอะ ขอถามเลยว่าตั้งอยู่ส่วนไหนใน กทม. วะ? เขตไหน ซอยไหน มึงใบ้ๆมาหน่อยดิ เผื่อว่าจะระวังไม่ไปหางานละแวกนั้น ที่เคยเจอโม่งมาประจานก็สุขุมวิท 27ละย่านนึง
>>658 ถูกแล้ว ให้มันฟ้องไป ซึ่งตามความเข้าใจของกูคือมันจะฟ้องมึงข้อหาอะไรหรอ? มันฟ้องไม่ได้ ดีแต่ขู่ไปอย่างงั้น เรียกอดีตพนักงานมาทำงานให้ฟรีก็ไม่ได้ มึงลาออกก่อนผ่านโปร บ.ก็ไม่ต้องเสียค่าชอดเชยอยู่แล้วมันยังจะมาเรียกร้องอะไรอีก ปกติการลาออกเนี่ยตามกฎหมายแค่พูดปากเปล่าก็มีผลแล้วไม่ต้องรอให้นายเซ็น ไอ้ที่บอกล่วงหน้ารอให้นายอนุมัตินี่มันเป็นเรื่องของมารยาท แต่ไอ้ บ.ที่มันทำกับมึงแย่ๆ นี่ไม่ต้องมารยาทกับมันนักก็ได้
>>658 อย่างแรก มึงยังไม่ใช่พนักงานประจำ แจ้งแล้วก็ออกได้เลยไม่ต้องรอ 1 เดือน อย่างสอง ถ้าบริษัทมันแจ้งว่ามึงไม่ผ่านโปรแล้วมึงก็ไม่ใช่พนักงานของเขาแล้ว มันไม่มีสิทธิในการเรียกมึงกลับไปทำงาน
ถ้าเจอขู่ฟ้องก็ปล่อยให้ฟ้องไป ข้อหาก็ไม่พ้นละเลยหน้าที่จนทำให้บริษัทเสียหายหรอก แต่มึงว่าบริษัทจะเอาอะไรมาพิสูจน์ว่ามึงไม่ได้งานอะ แล้วถ้างานมัน overload อย่างที่มึงบอกจริงๆ เพราะบริษัทก็ต้องชีแจงให้ศาลฟังอีก มึงละเลยยังไง แล้วก่อให้เกิดความเสียหายยังไง
>>660 หนังสือเลิกจ้างอะไรไม่มีเลยว่ะ พ้นวันที่ 31 มีนากูก็ออกมาเลย ไม่ได้ถืออะไรติดไม้ติดมือมาทั้งสิ้น ถ้าเป็นแบบนี้ต้องทำไงวะ
>>661 กูเล่าหมดแล้ว คือกูไปทำงานที่บ.นี้เป็นเวลา 3 เดือน แล้วสิ้นเดือนกุมภาฝ่ายบุคคลก็เรียกกูไปคุยบอกว่ากูไม่ผ่านโปรนะ เจ้านายไม่พอใจในผลงาน และฝ่ายบุคคลเอาใบลาออกมาให้เซ็น กูก็โอเครับทราบ เซ็นๆใบลาออกไปเพราะกูเองก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ จากนั้นหัวหน้า(คนละคนกับเจ้านาย)กูก็มาถามว่ากูเหลืองานในมือมีอะไรบ้าง กูก็ทำลิสต์ว่ากูเหลืออะไร เขาก็บอกให้เคลียร์ให้จบก่อนออก กูก็ทยอยทำตามนั้น แต่มันก็จะมีเรื่องนั่นนี่เข้ามาแทรก เดี๋ยวก็โยนงานนั่นนี่ที่เป็นงานใหม่ให้กูจนงานเก่ากูก็ไม่เสร็จ พอกูบอกว่าพี่โยนงานมาให้แบบนี้งานเก่ากูจะไม่เสร็จเอานะ ก็ได้รับคำตอบให้กูเอากลับไปทำที่บ้านสิ ซึ่งกูไม่ทำงานที่บ้านไง ทำไมกูต้องทุ่มเวลาที่เหลืออยู่ให้กับบ.ที่ให้กูออกด้วยวะ เขาก็ไม่พอใจจนมารุมกดดันกูในวันสุดท้ายของการทำงาน แต่กูก็ยักไหล่ไม่แคร์ กูออกแล้วนี่ พ้นจากวันที่ 31 ไปกูก็ไม่ใช่พนักงานมึงแล้ว
ทีนี้วันที่ 2 เมษาหัวหน้าเขาโทรตามกูให้กลับมาทำงาน บอกไม่มีใครทำต่อได้ จะให้กลับมาช่วย กูคงโลกสวยเกินไปที่คิดว่าเขาจะจ่ายเงินจ้าง พอเข้าไปเจรจาว่าจะให้ทำไงต่อ ก็กลายเป็นกูต้องทำงานที่กูค้างอยู่ให้เสร็จให้ได้ ไม่งั้นจะฟ้อง และจะไม่จ่ายเงินจ้างกูใดๆทั้งสิ้น กูก็เออ มึงอยากฟ้องฟ้องเลย นี่ก็ปรึกษาทนายแล้วเหมือนกัน เขาบอกคล้ายๆพวกมึงนี่ล่ะ ท่าทางกูจะต้องเตรียมขึ้นศาลแรงงานแล้วมั้งแบบนี้
หัวหน้ากับเจ้านายนี่มันต่างกันยังไงวะ กูงง เจ้านายของมึงนี่หมายถึงเจ้าของบริษัทปะ?
แต่กูว่ามันขู่เฉยๆ แหละ เพื่อฟลุ๊กเจอเด็กโง่ขี้กลัวให้หลอกใช้ฟรี ถ้ามันฟ้องจริงนี่โง่ถึงโคตรโง่อะบอกเลยกูไม่เห็นหนทางที่มันจะชนะเลย ปกติกฏหมายแรงงานมันเข้าข้างลูกจ้างมากกว่าอยู่แล้ว กูเคยเจอเหี้ยสุดๆ แบบเหี้ยจนไม่รู้จะว่าไงยังเสือกชนะนายจ้างก็มี สงสารนายจ้างชิบ แต่ของมึงนี่ไม่เข้าข่ายเลย
ใครตอนนี้หางานใหม่แล้วได้บ้าง โคตรเก่งอะ
เออ กูกับน้องๆเพื่อนร่วมงานเจอเรื่องเหี้ยๆมาเหมือนๆกันละ นายจ้างจ่ายค่าจ้างวันนี้เว้ย(ทุกๆต้นเดือน) ทีนี้เนี่ย แม่งจ่ายไม่ครบจ้า เงินเดือนที่ควรได้เดือนนี้ พนง. หลายคนแม่งเงินหายไปเป็นพัน บางคนหายไปครึ่งนึง ทั้งๆที่โดนเรียกมาทำงานเยอะกว่ากูมากๆ แต่เงินเค้าได้ไม่เท่าไหร่เอง คือ เข้าใจนะว่าแกงค์พวกกูแบบพาร์ทไทม์อ่ะ แต่มาจ่ายไม่ครบแล้วนิ่งเฉยแบบนี้คือไม่โอเคหว่ะ
>>663 กูสนใจเคสนี้ว่ะ คือถ้านายจ้างมันพิสูจน์โดยการบอกว่าให้งาน >>664 ไป แล้ว >>664 ทำไม่เสร็จเลยทำให้เกิดความเสียหาย ทีนี้>>664 มัต้องพิสูจน์ยังไงวะว่าได้งานมาแบบ overload ทั้งๆที่แจ้งออกไปแล้ว
หรือถ้านายจ้างแม่งหัวหมอยัดคดีให้ >>664 ไปเลยว่าอยู่ๆก็ไม่มาทำงานโดยไม่ได้แจ้งออกจึงทำให้งานเสียหาย แบบนี้จะสู้ไง
เพราะอย่างว่า >>664 มันไม่ได้เอาเอกสารลาออกอะไรกลับมาเลย เรื่องแจ้งออกอีกฝ่ายก็แค่บอกว่าไม่จริงก็พิสูจน์ไม่ได้แล้วเพราะมันปากเปล่า ไหนจะเรื่องโยนงาน ถ้าทางนั้นบอกไม่ได้โยนงานให้ โม่งก็ไม่มีไพ่แล้วอ่ะ แต่ทางนู้นแม่งมีข้อมูลในการจ้างงานโม่งอะ
>>671 มีไลน์สั่งงานทั้งในเวลาและนอกเวลาทำงาน(ประมาณสามสี่ทุ่ม) พอจะเป็นหลักฐานได้มั้ยวะ มีบันทึกการทำงานประจำวันที่ต้องส่งรายงานทุกวันอีก ว่าวันนี้ได้งานอะไรมาและทำถึงไหน กูมีไฟล์ก็อปปี้เก็บไว้และลงในฐานข้อมูลกลางของบริษัทด้วย ส่วนเรื่องไม่ผ่านโปรทางฝ่ายบุคคลเอาเอกสารการประเมินผลให้กูอ่าน และมีจั่วหัวว่าให้ทำงานต่อถึงวันที่ 31 มีนา มีลายเซ็นเจ้านายและผจก.กำกับ ถ้าพวกแม่งจะทำลายเอกสารทิ้งกูก็ไม่รู้จะพูดไงละ
กำลังจะจบ เช็นสัญญางานit บ.จองโรงแรมชื่อดังไปละ เริ่มงาน มิ.ย. แต่โควิดแม่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆว่ะ กุมีสิทธิ์โดนเขายกเลิกสัญญาป่ะวะ กุควรหาที่ใหม่ไว้สำรองไหมเพื่อนๆ
เขาว่ากูงานดรอป อารมณ์กูก็ดิ่งไปเลย ฮืออออ
>>678 เข้าใจเลย ของกูคือตอนเข้ามาแรกๆกูแบบใช้แรงจากที่ว่างงานมาทำแบบโหดสัสมาก(ทำแค่เวลางานนะ) งานออกมาแบบเร็ว
แต่พอนานๆไปมันเหนื่อย งานหลังๆก็เลยช้าลง แต่เหมือนเจ้านายจะอยากให้กูบูทตลอดเวลาซึงมันทำไม่ได้ เดี๋ยวนี้กูบูททำได้แค่วันจันทร์เพราะพักเต็มที่
แต่วันอื่นๆงานจะช้า แม่งโดนว่าเรื่องงานช้าตลอด กูก็อยากบอกนะว่าหมดแรงแต่บอกไม่ได้ เหี้ยเอ้ยน่าทำแบบชิลๆ ตอนเข้ามาแรกๆ
SEO มันเรียนเองได้ใช่มั้ยอะ อยากทำเป็นช่วงว่างๆนี้ จะได้เอาสกิลไปสมัครงานได้
พึ่งย้ายมาใหม่ได้เดือนครึ่งยังไม่พ้นโปร แต่เหมือนจะโดนบีบออกหวะ
เพราะ งานน้อยลงมาก ลดลงครึ่งนึงเลยมั้ง คนเก่าๆ รับมือสบายๆ
บางทีก็เบื่อๆ ท้อๆ ยังไงไม่รู้ว่ะ ก็รู้ละนะว่าในสถานการณ์แบบนี้มีงานทำยังได้เงินเดือนเต็มก็บุญแค่ไหนแล้ว
กูกำลังจะเรียนจบในอีกไม่เกิน 1 เดือนนี้แหละ ตอนนี้ทำ part time อยู่ที่นึงมาได้เดือนกว่าๆ เป็น start up เล็กๆพนักงานไม่เกิน 10 คน แต่กูรู้สึกไม่ค่อยโอเคเลยว่ะ คนน้อยไม่มีคนสอนงาน ได้ทำในสิ่งที่ไม่ได้อยากทำเท่าไหร่ กูควรออกดีมั้ยวะ
พวกยาเสพติดที่กินเเล้วโหมงานได้มีจริงมั้ย อยากลองอะ
สิ่งที่ต้องบอกตัวเองตอนนี้คือ อย่าอายทำกิน
ก่อนหน้านี้ประมาณสองเดือนที่แล้ว กูลองหาสมัครงานแบบยังมีงานประจำทำอยู่ โดยอัพเงินจากที่ปัจจุบันประมาณ 30% แล้วก็ได้ไปสัมภาษณ์งาน บ.ที่น่าสนใจมา บ.นึง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เอากู ซึ่งตอนนั้นกูก็โอเคเพราะงานเดิมก็ยังมีทำอยู่ วาร์ปมาปัจจุบัน สถานการณ์โควิดทำให้กูรู้สึกไม่ค่อยโอเคกับ บ.เดิม แล้ว บ.ที่น่าสนใจนั้นเขาก็ลงประกาศรับสมัครงานอีกแล้ว ตำแหน่งเดิมกับที่กูเคยสมัคร -ปรึกษา- กูควรจะส่งใบสมัครไปอีกรอบดีมั้ย โดยเรียกค่าตัวเท่ากับที่ได้รับจากที่เดิมเลย แบบว่าลดค่าตัวแล้วขอโอกาสใหม่อีกที กูไม่อายนะที่จะไปสัมภาษณ์อีกรอบแล้วยอมรับว่าขอลดค่าตัวเองครับ แต่มันควรหรือเปล่าวะ ในเมื่อเขาเคยปฎิเสธกูมาแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะเรื่องเงินหรือเขาประเมินว่าสกิลกูไม่ถึงกันแน่
เป็น IT ราชการ ออกตอนนี้ยังหางานได้ไหมวะ ถามเผื่ออนาคต ด้วย
เหมือนไอ้พวกผู้บริหาร มันมีความคิดบรรเจิด ว่าจะเปลี่ยนตำแหน่งไอทีทุกคน ให้ไปทำอย่างอื่น เราจะได้พนักงานที่ทำไอทีได้ ควบสองตำแหน่ง
ไม่ต้องเสียตังเพิ่ม เย้ แล้วตำแหน่งที่แม่งจะเปลี่ยน คือแม่งต้องรู้กฏหมาย ทำมั่ว ๆ เสี่ยงติดคุกอีก ซึ่งกูไม่อยากทำ เลยคิดว่าถ้าโดนวันไหน
แล้วให้ใครช่วยไม่ได้ ก็คงออกวันนั้นละ ปวดหัวสัดตอนนี้
ตอนนี้ยังหางานได้อยู่ไหมวะ ช่วงโควิด
นายกูแม่งไปรับงานที่ตัวเองไม่มีความสามารถมากพอ เหตุผลที่ได้งานนี้ก็เพราะสนิทกับคนญี่ปุ่นที่เป็นผู้ว่าจ้าง และช่วงนี้มันมีโควิดคนญี่ปุ่นเลยบินเข้ามาทำงานในไทยไม่ได้ นายกูเลยได้งานไปแบบงงๆ
เริ่มงานวันแรกงานล่าช้าไปอย่างงดงามตามที่กูคาด เพราะนายกูไม่ถนัดงานประเภทนี้อยู๋แล้วแต่เสือกไปรับมา วันที่สอง งานคืบหน้าไปได้ดีเพราะผู้รับเหมา บ. อื่นเขาเข้ามาทำงานวันนี้งานเลยเสร็จไวมาก วันที่สามงานก็เสร็จไวเหมือนวันที่สอง วันที่สี่กับวันที่ห้า สาหัสสัดๆ เพราะนายกูเป็นหัวหน้าคุมงานแต่เสือกให้คำแนะนำคนงานไม่ได้ คุยโทรศัพท์อย่างต่ำวันละสองชั่วโมงเพื่อปรึกษากับคนญี่ปุ่น บอกให้คนงานหยุดทำงานก่อน ส่วนตัวเองไปคุยโทรศัพท์ คุยเป็น ชม. ก็ยังไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อดี พวกคนงานก็เซ็งเพราะเขาอยากทำงานให้เสร็จ และทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองแก้ปัญหาได้แต่เสือกถูกห้ามไม่ให้ทำ
(วันที่สองกับวันที่สามงานไปได้ดีเพราะฟังคำแนะนำของผู้รับเหมารายอื่น วันสี่กับวันที่ห้าเป็นควยไรไม่รู้อยากโชว์พาว?เลยออกคำสั่งเองทุกอย่าง แต่ด้วยความกากไม่รู้งาน งานก็เดินแบบเอื่อยเฉื่อย กูก็โมโหให้คำแนะนำไปก็เสือกไม่ฟัง)
สรุป กูเบื่อนายกูชิบหายเลยว่ะ เคยเถียงเรื่องปัญญาอ่อนที่สุดเลยคือตอนที่เติมน้ำมัน มันมีข้อความโฆษณาว่าถ้าเติม B20 ครบ ... บาท จะได้น้ำขวดใหญ่สองขวด แม่งไม่เข้าใจนึกว่ารถกำลังเติมน้ำมัน B20 อยู่ กูก็อธิบายไปดิครับ ว่านี่ครับมันมีข้อความว่ากำลังเติม E20 อยู่ และดูที่หัวจ่ายก็รู้แล้วว่ารถเติมน้ำมันอะไรอยู่ แม่งก็หงุดหงิดที่ตัวโชว์โง่ หาเหตุผลปัญญาอ่อนบอกว่า " ถ้ามีข้อความที่่มีคำว่า B20 คนอาจจะงงว่ากำลังเติมอะไรอยู่" กูก็บอกไปอีก ก็บอกแล้วว่ามันมีข้อความว่า "กำลังเติม E20 อยู่" (ผิดที่แม่งเป็นยุ่นเลยอ่านไทยไม่ออก) แม่งก็ปัญญาอ่อนอืก บอกกูว่าเอ๊ะรู้จักน้ำมัน B20 ด้วยเหรอ .... กูนี่แบบ กูเถียงกับควายอยู่ป่าววะ ถ้าไม่รู้เรื่องก็หุบปากและปล่อยให้ Staff คนไทยทำงานไปเหอะ งานเหนื่อยยังต้องมาเจอนายปัญญาอ่อนอีก
ท้อ...จัง...
แง เหนื่อยว่ะโม่งกุอยากจะร้องไห้
กุตั้งใจทำงาน พยายามพัฒนาตัวเอง แต่งานกูไม่เคยออกมาพอใจหัวหน้าเลย กุอยู่ในจุดที่เริ่มท้ออ่ะ เหมือนพยายามไปก็ไร้ความหมาย แล้วแม่งเสือกเศรษฐกิจไม่ดี คนกำลังตกงาน กูเองถ้ายังโดนประเมิณต่ำแบบนี้อยู่ซักวันต้องตกงานแน่ๆ แต่อีกใจก็คิดว่าเค้าคงไม่ไล่กุออก เค้าคงแค่ดองกุไว้
คือกุควรหางานใหม่ไปเลยดีมั้ยวะ ถ้าให้เลือกระหว่างโดนดองไม่เห็นค่า กับไปหางานใหม่พร้อมความเสี่ยงหลายอย่างในยุคนี้ กูควรเลือกอะไรดี หรือควรสู้ต่อไปในที่เดิมให้เค้าชอบงานกูให้ได้ดี มันดันทุรังมั้ย
>>706 ช่วงนี้ทนไปก่อน เศรษฐกิจเหี้ยมาก บริษัทเจ๊งยับ คนตกงานเป็นแสนตอนนี้ (เผลอ ๆ เกิน) มีงานทำได้เงินเดือนตอนนี้ทนไปก่อน อย่างน้อยอึดอัดใจยังทนได้ แต่ถ้าตกงานแล้วไม่มีเงินนี่นรกกว่านะ ค่าบ้าน ค่าข้าว ค่านู่นนี่ อดทนไว้ก่อน รอสถานการณ์ดีขึ้น ค่อยว่ากันใหม่
แต่ถ้าประเมินดูแล้วไม่ไหวจริง ๆ อยากออก ตอนนี้ก็ลองมองหางานใหม่ไว้เลย ยื่นพอร์ตยื่นเรซูเม่ไปเรื่อย ๆ มีอันไหนเรียกไปสัมก็ไป ได้ไม่ได้ก็ค่อยคิดว่าจะเอาไง
เป็นสงกรานต์ปีแรกที่ต้องมาทำงาน รู้สึกแปลกใหม่บอกไม่ถูก
อยากย้ายงานเหมือนกัน แต่สถานการณ์ตอนนี้กลัวไปที่ใหม่แล้ว เขาจะบีบไม่ให้ผ่านโปร
กูเริ่มงาน 1มีนา โดนบีบอยู่วะ เย็นนี้กะว่าจะไปบอกและว่าออก
เข้างานช่วงนี้น่ากลัว เหมือนเอาเวลาผ่านโปร 4-6 เดือนมาหลอกให้มึงทำงานให้ แล้วให้ตกโปร ไม่ต้องเสียค่าชดเชย แถมได้งานฟรีๆ
โดนให้ออกครั้งแรกในชีวิตเว้ยยยยย
ฟิวมันเป็นยังงี้นี่เองสัสสสสส
ลูก 2 เมีย 1 กูเอาไงดีเนี่ย
ยังดีมีกองทุนสำรอง+ประกันสังคม น่าจะยื้อไปได้ซักครึ่งปี หางานใหม่ไปแต่ทำใจแหละว่าคงได้เงินไม่ถึงครึ่งงานที่ทำอยู่
งานพวกมึงเป็นงานที่ง่ายขนาดใครเข้ามาก็ทำได้ภายในทันทีหมดเลยเหรอ งานกูเข้ามา 6 เดือนแรกนี่ไม่ต้องหวังงานอะไรจากเด็กมันเลย ถือว่าจ้างเด็กมันมาเรียนงานด้วยซ้ำ แถมกลัวมันลาออกจะตายห่า
ไม่รู้ปีนี้จะยังได้โบนัสหรือเปล่า ถ้าได้จะได้น้อยลงแค่ไหน หรือเลวร้ายสุดคือจะมีโอกาสโดนเลิกจ้างหรือเปล่า (ตอนนี้ที่บ.ยังไม่มีใครโดนและทุกคนได้เงินเดือนเต็มตามปกติ) จะ DCA หุ้นก็ลังเล ไม่แน่ใจว่าควรสำรองเงินสดให้ได้เยอะที่สุดหรือเปล่าในสถานการณ์แบบนี้ เงินมีนะ แต่แค่จะซื้อมือถือใหม่ยังไม่กล้าเล้ย - -* คนเดือดร้อนจนไม่มีเงินจะใช้ก็ส่วนนึง แต่คนที่ไม่ได้รับผลกระทบก็กลัว ไม่กล้าใช้เงินไปด้วย
ตอนนี้กูเป็น outsource อยู่ มีคนเสนอให้ย้ายหัว แต่ต้องซื้อคอมใหม่มาใช้ทำงานของตัวเอง
กูเริ่มงานได้เดือน 7 คิดส่วนต่างเงินแล้วกว่าจะถอนทุนค่าคอมคืนก็ต้นปีหน้า ตอนแรกก็กะว่าโอเค
ตอนนี้ก็เริ่มกลัวๆละ เดี๋ยวตกงานแล้วต้องมาผ่อนคอมที่ไม่ได้จะใช้อีกนี่โคตรซวย
>>720 กูไม่กล้าซื้อมือถือใหม่เหมือนกัน ตอนแรกรอลุ่นที่เล็งราคามันตกอีกหน่อย ตอนนี้ชักไม่กล้าละ
จริงๆแล้วถ้าส่งพอร์ตไปแล้วเค้าตอบกลับมาว่า ประสบการณ์ยังไม่พอ อยากได้ซีเนียร์ ไรแบบนี้ มันแปลว่างานมึงยังไม่เจ๋งพอป่ะวะเพื่อนโม่ง
คือกูแอบคิดว่าถ้าพอร์ตกูโครตเทพ ต่อให้อายุงานน้อยใครๆก็ต้องอยากได้อยู่แล้วป่ะ ที่เค้าไม่เอาเพราะงานไม่ได้มาตรฐานที่เค้าต้องการแต่ปฎิเสธกลับมาแบบนุ่มๆรึเปล่า
กุอายุงานเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ส่งไปที่ไหนถ้าไม่เงียบก็ตอบแบบนี้หมดเลย กูเลยคิดว่างานกูน่าจะไม่ดีพอป่าววะ
เปรี้ยวออกงานมาตอนกุมภา มีนาหางานไม่ได้ มีโรคระบาดอีก แถมบ้านกูตอนนี้ปิดแยกตำบล บริษัทปิดชั่วคราวบาน เรื่องออกมารับคนไม่ต้องถาม กูจะบ้าตายแล้วววววว
ถ้าไม่ผ่านโปรนี่ไม่ได้เงินหรอวะพี่โม่ง จากโม่งนักศึกษาปี3
เศรษฐกิจเเบบนี้มีงานทำน่าจะดีอยู่รึเปล่า หรือว่ากลัวเสียเวลา3-4เดือนที่ทำไป
ช่วงนี้มีคนติดต่อมาให้สมัครตำแหน่งที่ตัวเองสนใจหลายที่อยู่ แต่ว่ากลัวว่าในเศรษฐกิจแบบนี้จะหลอกเราไปทำงานแล้วให้ไม่ผ่านโปรเนี่ยแหละว่ะ คือกุก็อยากลงหลักปักฐานแล้วไง ถ้าต้องออกที่ปัจจุบันที่ทำมานานเพื่อไปโดนเตะออกจากที่ใหม่ที่ทำ 3-4 เดือน มันก็ไม่โอเคนะเว้ย
มันขะเป็นไปได้ป่ะวะแบบนี้ ในสายเทคโนโลยีอ่ะ กูควรลองไปสัมภาษณ์มั้ย
>>729 ควรลองนะ ยิ่งถ้าตำแหน่งที่สนใจอะ อย่างน้อยการสัมภาษณ์ก็เป็นการให้โอกาสตัวเองได้รู้จักกับบริษัทนั้นด้วย ถามคำถามที่อยากรู้ ดูความมั่นคงของ บ โอเคไม่โอเค ถ้าไม่ชอบก็ยังปฏิเสธได้ แต่ถ้าไม่สัมภาษณ์ก็คือปิดโอกาสให้ตัวเองไม่เจอที่ใหม่ๆที่อาจตอบโจทย์ตัวเองมากกว่า
>>729 เดี๋ยวๆๆ งานที่น่าจะทำแบบนั้นได้มันมีแค่งานไร้สกิลป่าววะ มึงอย่าอ่านโม่งแล้ววิตกจริตมากเกิน ถ้างานที่ต้องใช้สกิลและบริษัทไม่ได้เหลือขอสัสๆ มันไม่ทำอะไรประสาทแดกแบบนั้นหรอก พูดตรงๆ นะ บางทีกูอ่านโม่งกูก็แอบคิด พวกมึงต้องไปสมัครงานบริษัทที่มันง่อยเบอร์ไหนอ่ะถึงเจออะไรแบบนั้น ตอนสมัครได้ดูชื่อเสียงดูงบการเงินบริษัทมั้ย ดูความมั่นคงบ้างป่าว หรือบ.ห้องแถวสตาร์ทอัพง่อยๆ รับก็รีบเอาหมด
กูเห็นด้วยกับ >>730 ไปลองสัมภาษณ์ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ มันมีหลายเรื่องเลยที่จะต้องดู เช่น ความมั่นคงของบริษัท เนื้องาน attitude ของเจ้านาย รายได้ สวัสดิการ มึงอย่าเพิ่งปสดตั้งแต่ยังไม่ได้ไปสัมภาษณ์
ใครทำงานช่วงกลางคืนบ้าง ผลเป็นยังไง
รู่้สึกแต่ละประเทศจะเริ่มให้เปิดห้างร้านนะ รัฐบาลน่าจะทนแรงกดดันไม่ไหว
เลขคนติดโควิดเดี๋ยวค่อยไปเมคๆเอา
ถ้าไม่มี cluster ใหม่ super spreader ใหม่ ต้นเดือนพ.ค.หลายอย่างน่าจะกลับมาเปิดตามปกติ แต่ยังต้องใช้ชีวิตแบบระวังๆ กันอยู่ ใส่หน้ากาก แยกกินข้าว พยายามเว้นระยะห่าง
เเล้วหางานได้ไหมช่วงนี้
WFH จนติดนิสัยขี้เกียจไปแล้ว ไม่อยากตื่นเช้า แต่งหน้า แต่งตัว ทำผม ฝ่ารถติดไปทำงานเลย นี่ถ้าไม่ติดว่าบ้านจนคงไปลาออกละ ถถถ อยู่บ้านสบายเหลือเกิน แต่ชีวิตจริงของคนธรรมดาที่ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองก็ต้องอดทนทำงานกันต่อไป
มีบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวรับกูเข้าสัมภาษณ์งาน กูเคยส่งใบสมัครไปนานละแต่เค้าเพิ่งตอบกลับมา
ทีนี้กูงง ในเมื่อช่วงนี้โควิดมันแรงแล้วทำไมบริษัทท่องเที่ยวถึงยังเปิดรับสมัครคนวะ
บ กูแม่งให้กลับไปทำที่ออฟฟิตละหวะ มึงว่ากูควรเซฟงาน หรือเซฟชีวิตดีวะ
เออกุก็เห็นอะโกด้าประกาศรับสมัครงานตลอดเวลาจริงๆ นั่นแหละ
>>739 กูนึกว่าตัวกูมาพิมพ์ เออกูคิดแบบมึงเลย ตั้งแต่ WFH มาชีวิตดีมาก ไม่ต้องตื่นเช้าไปยืนเบียดบนรถไฟ ไม่ต้องแต่งตัวหน้าก็ไม่ต้องแต่ง บราก็ไม่ต้องใส่ให้อึดอัด มีเวลาทำข้าวเช้ากินด้วย ไม่ต้องเสียเวลานั่ง small talk กับเพื่อนร่วมงาน คอนคอลก็คุยแต่เนื้องานไม่เม้าท์ แต่ข้อเสียก็นั่นแหล่ะค่าไฟขึ้น + คอนคอลแม่งทั้งวัน กูไม่อยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิศแล้วเนี่ย บอกตรง ๆ วัน ๆ หนึ่งไปทำงานออฟฟิศนี่เหนื่อยตั้งแต่เดินทางละ พักเที่ยงลงมากินข้าวคนเยอะชิบหาย ไม่มีสงบสุขเลยแม้แต่น้อย
>>757 พอมาแบบนี้แล้วกูกลับชอบมากกว่าแฮะ คือเราจัดสรรค์เวลาเองได้ ช่วงไหนงานไม่มีก็ไปทำอย่างอื่นได้ ถ้าอยู่ออฟฟิศคือใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์มากเพราะต้องทำให้เหมือนมีงานตลอดเวลา คืองานกูมันจะมี period ที่ต้องรอข้อมูลรอ feedback อ่ะ ตอนนั้นอ่ะจะว่าง อยู่บ้านกูก็เอาเวลารอไปทำอย่างอื่นที่มีสาระมากกว่าได้ บางวันงานไม่มามาทีตอนดึกงี้กูก็ยังโอเคนะ เพราะแบบตอนเช้าเราพักไปแล้วไง ถ้าอยู่ออฟฟิศคือก็นั่งโง่ทั้งวันพอจะเลิกงานงานค่อยมาอ่ะ ก็ต้องดูว่าหลังจากนี้มันจะมีคละ ๆ ระหว่างเข้าออฟฟิศกับ WFH มั้ย กูว่า WFH เพียว ๆ เลยหายากว่ะ
อยาก wfh จากบ้านนอก (จริงๆ คือทำงานแบบ remote สินะ) จะได้ไม่ต้องมาเช่าคอนโดอยู่ ตอนนี้ wfh แบบออกนอก กทม.ไม่ได้ นายบอกว่าเผื่อต้องมีเรียกให้เข้ามาประชุมด่วน แต่ wfh มาเดือนนึงแล้วยังไม่มีเหตุให้ต้องเข้าออฟฟิศเลย ค่าไฟเดือนนี้ก็แพงฉิบ แต่ถ้าแลกกับค่าเดินทางไปออฟฟิศก็ยอม สบายกว่ากันเยอะ นี่ถ้าเดือนหน้าต้องเข้าออฟฟิศแล้วนี่เศร้าเลย
งอแงด้วยคนดิ ไม่อยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิศแล้ว ค่าไฟขึ้นเดือนละ 3000 กูก็ยอม ลดเงินเดือนกูอีกหน่อยก็ยังได้ ไม่ต้องแต่งหน้าแต่งตัว ไม่ต้องแหกตาตื่นแต่เช้าเพื่อเผื่อเวลาฝ่ารถติด ถ้าให้ WFH อาทิตย์ละ 4 วันแล้วเข้าออฟฟิศไปประชุมหรือเคลียร์เอกสารอาทิตย์ละวันจะสวรรค์มากๆๆๆ
มีใครในนี้ทำงานประจำไป+ขายออนไลน์ไปด้วยบ้าง ช่วงนี้กิจการขายออนไลน์เป็นไงบ้างอะ
ตำแหน่งกูทำกราฟฟิกในบริษัท แล้วทีนี้งานบางตัวแม่งยาก กูต้องการเวลาหลายวันในการทำเพราะกูทำอยู่คนเดียว คืออยากทำมันออกมาให้ดีอ่ะ
แต่ตัวบริษัทมันมีวัฒนธรรมที่แบบงานเร่ง รีบ ยิ่งเร็วยิ่งดี เค้าจะพยายามให้ทำงานแบบที่เร็วและคุณภาพดี ไม่ต้องลูกเล่น ไม่ต้องหวือหวา ขอเร็วเป็นความสำคัญอันดับหนึ่ง ถ้าได้ทั้งเร็วทั้งมีลูกเล่นยิ่งดี แต่เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอางานทั้งเร็วทั้งคุณภาพสูงเพราะกูทำคนเดียว เพราะงั้นงานที่ออกไปเลยมีแต่งานเรียบๆที่ใครๆก็ทำได้ เอามาใส่พอร์ตไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะมันธรรมดาเกินไป
กูก็อึดอัดใจนิดหน่อยเพราะส่วนตัวอยากทำงานให้ดีแบบพวกมืออาชีพระดับโลกบ้าง อยากทำแบบนั้น อยากลองแบบนี้ แต่เวลามันไม่มีให้กู กูจบงานในวันสองวันไม่ได้อ่ะ แต่กูก็เข้าใจเจ้าของบริษัทเพราะบางกระแสถ้าไม่รีบตับมันจะไม่ทัน จะมามัวประณีตก็จะไม่ทัน เครียดว่ะแบบนี้ พอทำงานเกินสามวันก็เริ่มแบบเครียดละ โดนด่าแน่ บลาๆ
เอาไงดีวะ ควรลาออกมั้ย กูอยากทำงานให้ดีที่ทำแล้วตัวเองยังกลับมานั่งชื่นชมได้ ตอนนี้กูประณีตงานแบบนั่นไม่ได้เลย ไม่มีเวลา บางทีเพื่อทำให้ทันกูต้องทำงานยันสี่ทุ่ม เงินก็ไม่ได้ ก็รู้สึกว่าไม่ควรทำเสียเวลาชีวิตตัวเอง แต่ถ้าทำเสร็จไม่ทันก็เหมือนกูผิดอีก
>>764 กูอยู่ agency ครบวงจรนะ เห็นใจมึงอ่ะ บางทีเวลากูบรีฟก็สงสาร creative เหมือนกันเพราะงานมันรีบมากแล้ว budget มักจะมีจำกัด มันเลยต้องหาวิธีลดทอนขั้นตอนงานให้ได้งานออกมาไวที่สุดและถูกที่สุดอ่ะ ส่วนเรื่องลดต้นทุนจ้างเคยอยู่ที่นึงมาจ้าง 20K ทำ 5 ตำแหน่งพร้อมกัน เจ้าของก็ออกแนวคนจีนขี้งกอ่ะนะ ทุกวันนี้ออกมาแล้วสบายใจ
>>768 ก็เคยทำอินเฮาส์ รีบเหมือนกัน ยิ่งเวลากระแสอะไรมายิ่งต้องปั่น แปลว่าใดๆในโลกไม่มีที่ไหนให้เวลาปราณีตงานสินะ ที่เห็นงานเทพๆนั่นคือเพราะมีทีม รีบแค่ไหนก็ทัน
เพราะงั้นทางแก้ก็คือต้องหาที่ที่มีทีมใหญ่ๆจะได้ไม่ต้องมัลติทาส์กทำทุกส่วนคนเดียวทั้งหมด อย่างน้อยถ้ามีทีมก็น่าจะมีเวลาโฟกัสงานกับปราณีตงานได้ในระดับนึงมั้ง ใช่ป่ะ
มีเรื่องอยากบ่น
กูอายุ 25 ถูกที่ทำงานย้ายมาให้ประจำที่ออฟฟิศใหม่ จากเดิมที่อยู่แถวๆ อโศก ตอนนี้มาบางแค
กูมีปัญหาอยู่ว่า ปกติกูเช่าคอนโดอยู่ใกล้ที่ทำงานเดิม นั่งรถไฟฟ้าสถานีเดียวถึง แต่พอย้ายที่ทำงานมาบางแค ซึ่งไม่ไกลจากบ้านนักก็เลยมีตัวเลือก 2 ทาง 1.เช่าคอนโดใหม่อยู่แถวๆนั้น 2.ซื้อรถขับจากบ้านไปที่ทำงาน
ประเด็นคือ ถ้ากูซื้อรถ กูก็จะต้องกลับมาอยู่บ้าน และไม่สามารถพาสาวมาเย็ดได้อีก แต่ถ้าเช่าคอนโดก็ดูเหี้ยไป บ้านอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานมาก เช่าไปก็เหมือนโยนเงินทิ้ง
เอาไงดีวะ
กูขอนอกเรื่อง ใครมี ลิ้งเชิญเข้าเว็บ kami47 กุขอที
>>771 มึงซื้อคอนโดใกล้ๆ บ้านนั่นแหละ แต่ถ้าติดรถไฟฟ้าก็จะดีไม่ต้องซื้อรถ กุเชียร์คอนโดมากกว่ารถนะ ไม่น่าเกลียดหรอกก็บอกที่บ้านไปว่าอยากมีทรัพย์สินของตัวเองบ้าง เรื่องพาสาวมาเย็ดแม่งกุไม่เห็นว่ามันผิดตรงไหนเลย เป็นกุกุก็อยากมีที่ของตัวเองอิสระยังไงก็ได้ เรื่องลำดับความสำคัญเนี่ยชีวิตใครชีวิตมันเว้ย กุว่าไอ้ความเห็นจักรยานนี่สิ้นคิดกว่าอีก ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรที่มึงว่ามาเลย
>>771 ถ้าปัญหามีแค่พาสาวมาเย็ดไม่ได้ให้เลือกอยู่บ้านแล้วเปิดโรงแรมเย็ดหรือไม่ก็ไปบ้านสาวแทน
แต่ถ้าปัญหาคืออยากมีพื้นที่ของตัวเองก็ซื้อคอนโด
ถ้าจะเช่าคอนโดที่อยู่ใกล้บ้านเพื่อหาสาวเย็ดกูว่าสิ้นคิดที่จะลงเงินเดือนละหลายพันกับแค่ประโยชน์นิดเดียว ถ้าคิดว่าได้อยู่ด้วยก็เลยเช่ากูก็ว่าสิ้นคิดอยู่ดีที่จะจ่ายเงินค่าที่พักอาศัยทั้งๆที่มีทางเลือกที่ไม่ต้องจ่าย
แต่ถ้ามีปัญหาอยู่กับคนที่บ้านไม่ได้ควรซื้อไปเลย เพราะไม่ว่าผ่านไปกี่ปีๆมึงก็คงไม่กลับบ้าน แล้วจะจ่ายค่าเช่าทำไม
สรุปคือไม่ซื้อก็อยู่บ้าน เรื่องเช่าคงไม่ต้องมั้ง เว้นแต่แนวโน้มงานมึงอาจถูกย้ายไปที่อื่นอีกอันนี้ค่อยเช่า
กูโดนออกเด็กที่แผนกถามกูว่ามีเลี้ยงส่งไม้ กูก็ซึ้งน้ำใจบอกเลี้ยงอะไรอ่ะ
มันสวนมา ไม่ๆหมายถึงพี่จะเลี้ยงอะไร...ไอ้เด็กเหี้ย
เดือนนี้ WFH ทั้งเดือน เทียบรายจ่ายแบบ month on month กับปีก่อน รายจ่ายลดลงไป 30k ก็อย่างว่าอะนะ ปกติเดือนเมษาคือเดือนแห่งการหยุดยาว กิน เที่ยว ช็อป ปีนี้กลายเป็นว่าต้องอยู่บ้านทุกวัน ออกไปแมคโครวีคละครั้งแค่นั้น เจ็บใจอย่างเดียวคือน้ำมันช่วงนี้ถูกชิบหาย แต่ทั้งเดือนกูยังไม่ได้เติมน้ำมันเล้ยแม่งยังเหลือเกินครึ่งถัง อย่าเพิ่งขึ้นซะก่อนนะเว้ย
wfh แม่งดีแบบแปลกๆแฮะ เงินเดือนลดก็จริง แต่เงินเก็บเพิ่มซะงั้น
ต่อ...
ขนาดเติมกาชารัวๆ ยังใช้เงินต่อเดือนน้อยกว่าปกติมาก ทั้งๆที่ปกติแทบไม่ได้เติมกาชาเลยแท้ๆ
เงินเดือน 800,000 เดือนนี้ได้ใช้ไป 500,000 เอง เฮ้อ เหลือตั้ง 300,000 จะเอาไปไว้ไหน
สรุปว่าต่อพรก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน แต่ไม่เลื่อนวันหยุด ไม่รู้บริษัทกูจะเอาไงต่อแฮะประกาศ WFH ถึงสิ้นเดือน จะต่อตามพรก.หรือว่าจะให้กลับไปทำงานที่ออฟฟิศเหมือนเดิม
>>783 ของกูได้เท่าเดิม แต่บอกเลยว่าถ้าสมมุติภาวะปกติมีให้สมัครใจ WFH สัปดาห์ละ 3 วันแล้วลดเงินเดือน กูเอาคนแรกเลย รายจ่ายลดไปเยอะ มีเวลานอนมากขึ้น คือแม่งดีไปหมด อีก 2 วันเข้าไปเคลียร์พวกงานเอกสารกับเข้าประชุม (ประชุมออนไลน์บางทีมันก็ไม่ค่อยได้ดั่งใจเท่าไหร่) กูว่านี่ควรเป็น new normal ได้แล้ว งานไหนจำเป็นต้องทำหน้างานก็ทำเหมือนเดิมไป แต่งานไหนที่ทำได้ควรทำมากๆ ลดรายจ่ายบริษัท ลดรายจ่ายพนักงาน ลดปัญหารถติดกทม. กูว่าดีโคตรๆ
ปกติกูเป็นพวกเสียเงินกับการออกไปโต๋เต๋กินข้าวกับกินเหล้านอกบ้านประจำ ช่วงนี้เลยประหยัดไปเยอะมาก
ค่าแอร์ทนร้อนเอาไม่ยอมเปิด (จริงๆคือไม่ได้ล้างแอร์มานานแล้วขี้เกียจเรียกเค้ามาล้างช่วงนี้ด้วย เลยไม่อยากเปิด)
ค่ากาชาก็ลดเพราะเล่นอยู่เกมเดียว แล้วมีของที่อยากได้เกือบหมดแล้ว ของใหม่ๆที่ออกมาช่วงหลังไม่ค่อยโดนใจ
เสียดายตรง store มันเพิ่มจะมาลดราคาของเพราะเงินบาทแข็งช่วงต้นเดือนนี่เอง
>>792 เออว่ะ ไม่ได้ล้างแอร์เลย แต่ก็เปิดแม่งทั้งวันเลย ค่าใช้จ่ายกูไม่ค่อยลดเท่าไหร่ว่ะ ไม่ได้เทียบกับปีที่แล้ว(ย้ายที่อยู่มามันเปลี่ยนหลายอย่าง)แต่เทียบกับเดือนที่แล้วก็คือพอๆ กันเลย ค่ารถกลายมาเป็นค่าไฟแทน กูต้องลดๆ การสั่งของกินมาละ พวกแกร๊ปแพนด้าทั้งหลาย ไปไปมามาแม่งมาเปลืองตรงนี้แหละ
กูเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน ค่าไฟขึ้น แต่เทียบกับคชจ.อย่างอื่นก็รายจ่ายลดไปเยอะอยู่ดี ปกติหลังเลิกงานกูชอบไปกินข้าวกับเพื่อน ส่วนส.อ.ก็ไปห้างกับครอบครัว สรุปออกบ้านแม่งเกือบทุกวัน ค่าน้ำมันรถปกติจ่ายอยู่ประมาณเดือนละ 5000-6000 เดือนนี้ทั้งเดือนยังไม่ได้เติมน้ำมันเลย ค่ากินหายไปเยอะมากๆๆ เพราะอดแดกปิ้งย่าง ซูชิ ซาชิมิ ฯลฯ ส่วนพวก delivery ไม่ค่อยได้สั่งอะ เพราะมันไม่อร่อยเหมือนตอนกินที่ร้านทำใหม่ๆ รสชาติดรอปไปเยอะ ช่วงนี้เลยทำกินเองไปก่อน
ทดลองงานครบ 3 เดือนเเล้ว...
นี่คือเดือนที่ 4
ไม่ได้บอกว่าจะรับเราเข้าทำงาน
เเต่ยังส่งงานมาให้ทำ
เราก็ไม่ได้ถาม
เงินเดือนเดือนนี้เข้าเเล้ว
เเละเงินเดือนยังเท่ากับช่วงทดลองงาน
เเต่เพิ่มมา ๑๕๐ บาท
อะไรวะนิ่?
เมื่อกี๊กำลังทำงานอยู่ ปิดเลย หมด'รมณ์มาก
เคยไปสัมภาษณ์งานที่หนึ่งเมื่อปีที่แล้ว เขารับด้วยนะแต่ต้องปฏิเสธไปเพราะได้ที่อื่นแล้วและที่นี่ตอบกลับมาช้าด้วย ปีนี้ตกงานเลยไปให้บ.จัดหางานช่วยหางานให้ และบ.หางานก็เขาก็เสนองานของบ.นี้มา เป็นบ.ที่กูเคยปฏิเสธไปเมื่อปีที่แล้วนั่นล่ะ คำถามคือบ.นี้เขาจะยังรับกูมั้ยวะ ไม่ใช่เห็นชื่อกูเลยเก็บเข้าแบล็คลิสต์ไม่รับเข้าทำงานไปแล้วนะ 555555555
อยากรู้ว่างานสาย marketing นี่ควรเรียกเงินเดือนประมาณเท่าไหร่ดีอะ แบบกำลังจะย้ายสายงาน
ตอนจบตรีจบสายเกษตรมา ไปอยู่ในฟาร์มในบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง 2 ปี ไม่ชอบ เลยต่อโทบริหาร ทีนี้อยากเปลี่ยนไปสาย marketing
ทีนี้มีเพื่อนที่เรียนโทด้วยกันชวนไปทำบริษัทมัน แบบมันกำลังหาคนพอดี (แต่คนละแผนกกับมันนะ มันเลยไม่รู้ฐานเงินเดือน ป.โท เหมือนกัน) ตำแหน่ง assistant marketing manager น่าจะแนวๆดู product ของแบรนด์ ที่จะเอามาทำตลาดในประเทศไทยอะ กูควรเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ดีวะ ที่เก่า 20k นิดๆ แต่อันนี้คือกูจะเปลี่ยนสายงาน ประสบการณ์จากที่เก่าไม่รู้เขาจะนับเปล่า
toeic ประมาณ 800+-
>>806 ตำแหน่งมันเป็นแค่หัวโขนอ่ะ เงินเดือนขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนของบริษัทนั้น ๆ ถ้าเพื่อนมึงบอกเรนจ์ให้ได้ (เรนจ์ตำแหน่งพวก asst manager อ่ะ) ก็จะช่วยให้การเรียกเงินเดือนเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น กูเคยทำ associate marketing ที่นึงมาสตาร์ทที่ 20K อันนี้โคตรจูเนียร์เลยนะ ตอนเป็นมิดได้อยู่ที่ 30K อันนี้น่าจะประมาณ 40-50K อ่ะ แต่ขึ้นอยู่กับบริษัทแล้วก็ประสบการณ์ของมึงด้วย ถ้าบริษัทข้ามชาติให้เยอะมาก แต่ถ้ามึงไม่มีประสบการณ์แต่จบตรงสายมาอาจจะโดยต่อรองเงินอยู่
แต่ให้แนะนำคือลองถามเรนจ์เงินเดือนจากเพื่อนมึงก่อน ไม่ต้องแผนกเดียวกันก็ได้แค่ให้พอรู้เรนจ์เงินคร่าว ๆ ที่บริษัทนี้จ่ายไหวก่อน
>>807 อันนี้กูว่าเยอะไปหน่อยเพราะกูไม่มีประสบการณ์ตรงสาย
>>808 แผนกเพื่อนกูมันมีแต่สาย tech เฉพาะทางไปเลย กูเลยไม่รู้จะเทียบยังไง manager น่าจะได้ซัก 80k แต่เทียบยากอีก เพราะที่กูจะเข้านี้มันเป็น marketing แล้วก็เหมือนเป็นแค่ assist กูว่ามันก็อาจจะไม่ได้เยอะเท่าสายเทคนิคด้วย แต่ก็ว่าจะลองขอซัก 40k ดู เผื่อต่อรองด้วย
>>806 เปลี่ยนสายงาน ปกติก็ได้ค่าประสบการณ์นิดหน่อยแต่ไม่ได้เต็มเท่าคนที่มาจากสายตรง ว่าแต่เปลี่ยนสายงานเป็น asst mgr ได้เลยเหรอวะเนี่ย กูเปลี่ยนสายงานตอน 28 กูต้องไปนับหนึ่งที่สตาฟใหม่เลย แต่เงินเดือนโอเคเพราะได้ค่า N1 กับ TOEIC เลยไม่ซีเรียสกับตำแหน่ง แค่เค้าให้โอกาสก็ขอบคุณมากแล้ว ตำแหน่งต่ำดีตรงไม่กดดันดีด้วย ส่วนเรื่องฐานเงินเดือนก็แบบที่อีกโม่งบอก สภาพบริษัทสำคัญกว่าชื่อตำแหน่งเยอะ สตาฟสายงานเดียวกันกูยังเจอมาแล้วตั้งแต่ 15k-70k (อาจจะมีคนได้มากกว่านี้ก็ได้ แต่เอาเท่าที่กูรู้ละกัน) บ.ที่มีกำลังจ่ายสูงอยากได้คนสเปคเทพเค้าก็เปย์ไม่อั้น บ.ที่กำลังจ่ายต่ำและไม่ได้ต้องการ requirement อะไรมากมาย เค้าก็จ่ายน้อย เอาแค่พอทำงานได้ ไม่ได้ต้องการคน outstanding
กูเข้าใจแล้วว่ามีหัวหน้าห่วยๆ นี่มันเป็นยังไง เมื่อก่อนกูคิดว่าอยากจะลาออกให้มันจบๆ ไป แต่ตอนนี้คิดว่าถ้าหัวหน้าโดนไล่ออกไปมันน่าจะจบเรื่องแถมช่วยชีวิตอีกหลายคนได้ง่ายกว่าเยอะ
ยอดประกันสังคม คือ
เราจ่าย150 ได้คืน 600
ส่วน บ.จ่ายแค่ 600 ใช่ปะ
กูทำงาน7วัน สงสารแฟนกูว่ะ จะได้แต่งไหมวะ กลัวเขาทิ้งกูจัง 30กว่าๆทั้งคู่แล้วด้วย เขาเป็นหมอ แต่กลายเป็นว่า กูงานยุ่งกว่าหมอ เชื่อกูไหมตอนนี้กูเพิ่งเลิกงาน(เอาเอกสารมาเคลียที่บ้าน) แล้ว8โมงเช้ามีประชุมอีก นอนละนะเพื่อนโม่ง ดีนะแดกทั้งโสม แดกทั้งถั่งเช่า โด๊ปสารพัดยา ไม่งั้นกูคงตายไปแล้ว
มีหนี้ก็สู้กันไปนะเพื่อน
กูถามพวกมึงหน่อย พวกมึงทนนาย ปสด เห็นตัวเองเป็นสูญกลางจักรวาลกันได้นานแค่ไหนกันวะ กูอยู่มาได้แค่ 6 เดือน อยู่ต่อไม่ไหวขอลาออกไปเรียบร้อยละ (ตำแหน่งกูมันใกล้ชิดกับนายมากเจอ ปสดทุกวันจนกูทนไม่ได้จริงๆว่ะ)
>>819 ใช่แล้ว
>>820 ทำงานเป็นผู้สอบบัญชี มี CPA แล้ว ทำที่บริษัท Big4 แห่งหนึ่ง กะว่า ซัก 37-38(ตอนนี้อายุ32 ทำงานหนักแบบนี้ มาตั้งแต่23แล้ว) ตั้งใจจะลาออกไปทำสายการเงินบริษัทอื่น แล้วจะรับจ๊อบเสริมเซ็นงบเองไปด้วย อีกประเด็นคือ อยากสอบ CFA ให้ผ่านอีก 2เลเวลก่อน ตอนนี้ได้แค่เลเวลแรกอยู่
ทุกวันนี้ ทนเพราะ เงินมันดีล้วนๆ แล้วบริษัทก็สวัสดิการดี ร่างกายก็ห่วงนะ ได้แต่บอกตัวเองว่า ทนอีกหน่อย พยายามกินของดีๆ ยาดีๆอยู่ตลอด
มาเเชร์ประสบการณ์เมางานกันเถอะ
งานเผากับงานคุณภาพ คุณจะเลือกอะไร
ส่งเร็วงานเผา ส่งช้างานคุณภาพ
งานตามมาตรฐาน ส่งทันตามเวลา
เป็นนายจ้าง เอาส่งทันตามกำหนดที่สั่ง
งานที่ได้ จะเผาหรือคุณภาพ ให้เป็นเรื่องของการประเมินเงินเดือน โบนัส และอาจรวมถึงการต่อสัญญา
ถ้าไม่มีกำหนดเวลาอะ
มึงเคยคิดกันไหมว่าความรู้ที่เรียนสมัยมหาลัยแทบไม่ได้เอามาใช้งานจริงได้เลย
ตกงานยื่นประกันสังคมไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว เดือนนี้เงินยังไม่เข้าเลยว่ะ โทรไปสอบถามที่ไหนได้บ้างวะ ไอ้สายด่วนกรมการจัดหางานหรือเบอร์โทรประกันสังคม กูโทรทีไรไม่เคยว่างเลย
กูเกลียด WFH ที่แม่งคิดว่ากูจะต้องพร้อมทำงานตลอดเวลาแม้จะเป็นวันหยุดว่ะ ล่าสุดตอนเย็นบอกว่าให้ทำงานไว้โพสลงเว็บวันวิสาขด้วย เหี้ยเอ๊ยยยยยย นี่วันหยุดนะโว้ยยยยย
จบมาแทบไม่ได้ใช้ความรู้สมัยมหาลัยเลย เหมือนงานมันใช้ common sense และสกิลการบริหารจัดการมากกว่าอ่ะ พวก hard skill ไปเรียนหน้างานเอา
ปกติเวลาสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ เตรียมตัวกันมั้ยอะ นี่พูดได้แต่ยังแกรมม่าร์ไม่เป๊ะ กลัวเตรียมไปแล้วจะไม่ธรรมชาติ
กูจะบ้าตาย ไม่ไหวแล้ว คือคนทำงานชุ่ยแบบชุ่นชิบหายขนาดนี้มันมีตัวตนอยู๋ในโลกได้ไงวะ หรือกูควรบอกให้มันไปเช็คสมองอ่ะ บอกอะไรไปไม่เคยฟังเลย ต้องให้กูยืนดูแม่งทำงานเหรอถึงจะได้อย่างที่สั่งอ่ะ รู้งี้แม่งกุน่าจะเอางานให้คนอื่นแต่ต้น แม่ง
เป็นเหี้ยไรนักหนาวะ
วางตัวยังไงดีวะ ถ้าเราแก่ กว่าผู้จัดการ และแก่กว่าคนในทีม ต้องเรียกผู้จัดการว่าอะไรวะ คือ กูกำลังจะได้เข้าไปทำงาน ในบริษัท big4 กูเปลี่ยนสายงาน จากวิศวะ เพราะกูเบื่องานนี้ เลยไปบัญชี ราม เพิ่งจบปีนี้ แล้วกูก็ อายุ 34 แล้ว เข้าไป คงเป็นแค่ จูเนียร์กับพวกเด็ก 22 23 แล้วผู้จัดการเหมือนจะเพิ่ง 28 เอง เด็กกว่ากู6 ปี กูควรเรียก หรือ วางตัวยังไงดีวะ ทั้งกับผู้จัดการ และ เด็กในทีม กูควรแทนตัวเองว่าอะไรดี แล้วเรียกเขาว่ายังไง อส เอ้ย กดดันกว่างานวิศวะที่กูเคยทำอีก
อยากทำงานสายภาษี big4 รับคนยากไหม
ลืมถามไป มึงเป็นผู้ชายสินะ สินะ
ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงต้องแทนตัวเองว่าพี่แหละ แม่งไม่มีทางเลือก
ออกจากงานประจำมานาน ปีที่ห้าแล้ว หลังจากทำมาสิบกว่าปี ออกมาเป็นฟรีแล้น
แต่กูฝันบ่อยๆว่ากลับไปทำงานที่บริษัทเดิม กลับไปออฟฟิศ มันมีอะไรติดในใจกูป่าววะ
พวกคุณใครมีเพื่อนร่วมงานที่มีอะไรกันกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นมั่งปะ งงมั้ย อย่างผมมีเพื่อนร่วมงานเป็นรุ่นพี่คนนึงที่มีอะไรกันกับรุ่นน้องอีกคนนึงแบบเนี้ย ตอนรู้เรื่องนี้มันมีความรู้สึกแปลกๆว่ะ ตอนนี้ยังwfhกันอยู่ คิดอยู่เนี่ยตอนเปิดออฟเวลามองหน้าทั้งคู่ความรู้สึกผมต่อทั้งคู่น่าจะไม่เหมือนเดิมรึเปล่าไม่รู้
มีเพื่อนโม่งคนไหนทำงานที่การีน่าบ้างมั้ย น่าสมัครงานมั้ยครับ
ตำแหน่ง อายุ และ เงินเดือนเท่าไหร่ กันบ้างวะเพื่อนโม่ง
อายุ 32 เงินเดือน 8000 ก่อนโควิด หลังโควิด 0 บาท ขอ 5000 ไม่ได้ ไม่เคยปลูกอะไรแต่เสือกเป็นเกษตรกร
ตอนนี้กำลังหาต้นไม้ดี ๆ กับเชือกเหนียวๆ สักอัน
ขอคำแนะนำหน่อย พึ่งทำงานที่แรก ตอนนี้เวิคฟอมโฮม ลาออกควรแจ้งยังไงอะ ไม่ได้เข้าออฟฟิตเลย
ตอนแรกจะออกตั้งแต่ก่อนโควิดระบาดหนักๆ แต่ทนทำไปก่อน ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้วอะ
พนักงานราชการไม่ได้สวัสดิการรักษาพยาบาลเหมือนคนที่บรรจุใช่มั้ย
ถ้ารู้จัก HR เป็นการส่วนตัว จะทำให้เรามีโอกาสถูก HR เลือกไหมวะ ตอนนี้กูวางแผนจีบ HR บริษัทนึงอยู่ เพื่อประโยชน์ของตัวกูในอนาคต แก่กว่ากูตั้ง 8 ปี
กูว่ามันเอาฮา มันจะจีบพี่เขาละพอดีไปรู้ว่าพี่เขาเป็น HR เลยมโนว่าจะมีโอกาสได้เข้าทำงาน บ.เขา เหมือนจีบแม่ค้าละได้กินหนมฟรีขำๆ
ทักไลน์มาที ใจกูก็หล่นไปอยู่ตาตุ่ม
พวกเจ้านายที่มีอายุ เวลาเห็นเด็กขอเงินเดือนเยอะ ๆ คิดยังไงกัน
ไม่ต้องมีอายุก็ได้ แค่แก่กว่าก็พอ
>>887 ถ้าโปรไฟล์สมราคาก็ไม่รู้สึกอะไร ก็คิดว่าเออ เด็กมันเก่ง แต่ถ้าเรียกเกินตัวก็คิดว่าเด็กมันก็ต้องเรียนรู้ต่อไป ไม่ใช่แค่เด็กหรอก ผู้ใหญ่บางคนก็ไม่รู้ราคาตลาดถ้าไม่ได้อยู่ในวงการ กูได้ญี่ปุ่น+อังกฤษ ปกติสมัครแต่บ.ญี่ปุ่นก็จะรู้ range เงินเดือนอยู่แล้วว่าระดับตัวเองจะได้ประมาณเท่าไหร่ มีหนนึงเคยไปลองสมัครบ.ไทยที่รับตำแหน่งญี่ปุ่น กูเรียกไปถือว่าค่อนข้างต่ำด้วยซ้ำ ปรากฏว่า HR มันขำกูว่ะ บอกว่าเรียกมาได้ไงขนาดนี้ กูก็ขำๆ กลับบอกแล้วแต่ละกัน รู้สึกผ่านไปชาติกว่าก็ยังประกาศรับสมัครอยู่ คิดว่าป่านนี้ HR คนนั้นคงพอรู้ราคาตลาดของตำแหน่งนี้แล้วล่ะนะถ้ามีคนไปสมัครเยอะๆ
ไม่น่าจะถูกมู้รบกวนขอถามนะ ถ้าค้างจ่ายบัตรเครดิตและโดนระงับบัตร มีคนโอนเงินมาให้ ยอดเงินนั้นจะเข้าบัตรมั้ย
>>891 โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ที่ผูกกับบัตรเครดิตนั้น? ตั้งให้ตัดเงินอัตโนมัติไว้? ปกติถ้าตั้งตัดเงินมันจะมีรอบตัดของมันอยู่นะ ไม่ใช่แบบมีเงินปุ๊บหักจ่ายบัตรเครดิตเลย แต่ถ้าค้างจ่ายนาน ธ.มีสิทธิฟ้องอายัดเงินมึงได้ แบบเงินเดือนเข้าปุ๊ปหักเลย แต่เดาว่ามึงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกมั้ง
>>892 ขอบคุณนะ นี่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแบบนี้อะไม่เคยใช้บัตรเครดิต เป็นเรื่องของพ่อ พ่อลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 5000 ไปแต่ใส่เลขบัญชีออมทรัพย์และบัญชีนั้นเพิ่งมาโดนระงับเพราะค้างชำระบัตรเครดิต แต่ล่าสุดพ่อไปปรับสมุดบัญชีมามียอดเข้า 10000 ทั้งนี้ไม่มีการแจ้งเตือนทางอีเมลหรือ sms ว่าโอนสำเร็จแล้ว สถานะในเว็บ เราไม่ทิ้งกันยังรอการทบทวนสิทธิ์ ยังไม่อนุญาตให้เปลี่ยนบัญชีธนาคาร เลยงงว่าบัญชีโดนระงับ เงินมันเข้าได้ด้วยหรอ
>>890 ถูกต้อง แต่ถึงจะแตกต่างกันยังไงมันก็มี range คร่าวๆ ของมันอยู่
ซึ่งจะได้ในช่วงไหนของ range ก็ขึ้นกับสภาพบริษัท / requirement ปลีกย่อย / ฯลฯ อีกทีอย่างที่มึงเข้าใจ
แต่ถ้าเรียกสูงกว่า range ของเลเวลตัวเองไปมากๆ ก็อาจจะโดนคนคิดว่าไปเอาความมั่นใจ(ผิดๆ)มาจากไหน
>>893 รู้แค่ว่าถ้าบัตรเครดิตกับบัญชีออมทรัพย์เป็นธนาคารเดียวกัน แล้วไม่จ่ายหนี้บัตรเครดิต ทางธนาคารมีสิทธิ์หักเงินจากบัญชีออมทรัพย์ได้เลย ตามกฎหมายว่าด้วยการหักลบกลบหนี้ ซึ่งมีระบุไว้แล้วในเอกสารสมัครบัตรเครดิตที่เซ็นไป แต่ผู้สมัครจะได้อ่านหรือไม่นั้นอีกเรื่อง
ขอปรึกษาหน่อยสิเพื่อนโม่ง กูกำลังคิดว่านิสัยกูไปไม่ได้กับงานที่อยากทำรึเปล่า คือกูอยากทำด้านมาร์เก็ตติ้ง แต่หลายๆครั้งเค้าบอกว่ากูไม่เหมาะเพราะกูดูขี้อาย พูดไม่เก่ง อันที่จริงคือกูเป็นตอนสัมภาษณ์เพราะกูแบบไม่ค่อยมั่นใจอ่ะ ประกอบกับเกร็งๆ+เครียดกลัวไม่ผ่าน กูควรทำไงดีวะ
>>899 งาน marketing มีหลายแบบ แต่ในความคิดกูไม่ว่างานอะไรก็ตาม คนที่ดูมีความมั่นใจ พูดจาฉะฉาน ไม่ขี้อาย ยังไงก็ได้เปรียบกว่า ความจริงการสัมภาษณ์งานกูว่ามันชิลล์กว่าเวลาต้องพรีเซนต์ใหญ่ๆ เยอะเลยนะ ถ้าแค่นี้ยังเกร็งน่าจะลำบาก น่าจะฝึกฝนให้ตัวเองมีความมั่นใจกว่านี้
พูดถึงเรื่องขี้อายพูดไม่เก่ง ในฐานะเด็กมหาลัยที่กำลังจะจบ ขอถามพี่ๆ โม่งว่าจะมีผลต่อการทำงานมากหรือเปล่าคะ
ตอนนี้เรียนวิศวะคอม รู้สึกว่าตัวเองไม่พร้อมสำหรับสังคมการทำงานจริงๆ พยายามพัฒนาตัวเองเรื่องการเข้ากับคนอื่นจริงจังมา 3 ปีแล้วก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย รู้สึกว่าตัวเองมีปัญหากับการเข้าสังคมและการทำงานเป็นทีมมากๆ
โดยส่วนตัวคิดว่านี่เป็นสกิลสำคัญที่เรายังขาดอยู่ตอนนี้ ผู้ใหญ่ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเราเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าพูดสิ่งที่ตัวเองคิด
มีวิธีแก้ปัญหาตรงนี้ไหมคะ พอจะมีแนวทางไหมว่าควรพัฒนาด้านนี้ยังไงบ้าง
>>905 ไม่ถึงขึ้นหางานไม่ได้หรือทำงานไม่ได้หรอกนะ ก็ทำได้แหละ แต่อาจมีข้อจำกัดทำให้เสียโอกาสในบางงานไป หรืออดไปได้ไกลเท่าที่ควรจะเป็น ทำงานเป็นทีมก็อาจจะโดนเอาเปรียบ เดี๋ยวมาทำงานจริงก็คงได้ค่อยๆ เรียนรู้ไปเอง ประสบการณ์จะทำให้เราเปลี่ยนไป ทำให้เราต้องปรับตัว เรียนรู้เพื่อ survive นี่นับจากวันที่จบใหม่จนถึงวันนี้รู้สึกตัวเองนิสัยเปลี่ยนไปเยอะ
>>899 กูทำงาน marketing แล้วกูขี้อาย ไม่ชอบคุยกับคน แต่เหมือนที่ >>903 บอก งาน marketing มีหลายแบบ แบบที่ไม่ค่อยต้องพูดจากับใครก็มีอย่าง social media marketing ซื้อ programmatic ads อันนี้ก็อาศัยความรู้เฉพาะทาง แต่ไม่ต้องจิ๊จ๊ะมาก
จับมือนะมึงกู self-esteem ต่ำเหมือนกัน พยายามจะเพิ่มตรงนี้อยู่เหมือนกัน มาพยายามไปด้วยกันนะ
>>906 >>908 ขอบคุณพวกมึงมากๆนะ รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง ฮึบๆ คือกูอ่ะสนใจแบบพวกเขียน content หรือลงโฆษณาอะไรพวกนี้แหละ จะว่าไป social media ก็น่าเข้าข่ายอยู่ ส่วน self esteem นี่กูไปคิดมาแล้วกูว่าจะลองไปหาหมอดูง่ะ
>>909 กู 899 นะ เพื่อนกูก็จบไม่ตรงสาย แต่ก็เข้าไปทำสายนี่ได้เพราะเคยมี ปสก ฝึกงาน กูเองก็มีบ้างที่เรียกไปสัม แต่ก็น้อยเพราะสุดท้ายมันก็มีคนที่ดีกว่ากูอยู่ดี แต่กูคิดว่าถ้าเค้าถามคำถามมึงเกี่ยวกับสิ่งที่มึงสมัคร แล้วมึงตอบได้ นั่นก็โอเคส่วนนึงแล้ว
งานที่ท้าทายมีโอกาสทำเร็จไหม
ส่วนใหญ่เห็นล้มเหลวตลอด คนทำหนี ปฏิเสธงานกันหมด ไม่มีใครอยากทำ
ตกงานเพราะโควิดว่ะเพื่อนโม่งกอดกุทีย์ ;___;
เงืนเดือน 1400 ค่าห้องรวมทุกอย่าง 6500 มีข้าวเช้า เกินตัวไปไหม?
คือจะแดกแต่ข่าวเช้าจริงเดะ ค่าห้องก็ล่อไปละ 40% ของเงินเดือน
ช่วงนี้ headhunter บน LinkedIn แอคทีฟกันใหญ่เลย ใครรองานอยู่อย่าเพิ่งหมดหวังนะ สู้ๆ กันหน่อย
เบื่อจังเลย ทำไงถึงจะหายเบื่อได้ งานประจำทำซ้ำซาก ตอนนี้กูหมดไฟมากๆ ทำไงดีวะขอคำแนะนำหน่อย
https://skift.com/2020/05/18/bookings-agoda-cuts-1500-workers-in-asia/
เริ่มงานเดือนหน้า จะรอดไหม
อยากลองทำงานรูทีนมั่งว่ะ กี่ชั่วโมงต่อวันเหรอ ปัญหาในงานมีอะไรบ้าง
กูเป็น outsource ทำงานให้บริษัทใหญ่แห่งนึง แล้วทีนี้ลูกค้าเค้าบอกกูว่าบริษัทกูหักค่าหัวคิวเยอะ
เค้าเลยเสนอว่าอยากเปลี่ยนหัวมั้ย แล้วเค้าก็หามาให้ที่นึง ซึ่งจะได้เงินเดือนเพิ่ม 5000 แต่ต้องซื้อคอมมาทำงานเอง
ซึ่งกูก็คิดว่ายอมซื้อใหม่ก็ได้ เพราะคอมบริษัทมันห่วยมาก ถือว่าเพื่อคุณภาพชีวิตเพราะของใช้ทำงานทุกวัน
เท่าที่ลองเอาชื่อบริษัทมา search ไม่เจอข้อมูลเลย เดาว่าน่าจะบริษัทเล็กๆ
แต่กูก็ไม่ติดอะไรนะตราบเท่าที่เค้าจ่ายเงินเดือน เพราะไม่ได้ทำงานด้วยกันโดยตรงอยู่แล้ว
กลายเป็นตอนนี้เริ่มรู้สึกกลัวๆแล้วว่าควรย้ายดีมั้ยวะ กลัวย้ายไปแล้วมีปัญหา ยิ่งช่วงนี้หางานใหม่ยากด้วย
ถ้า บ มั่นคงก็น่าย้ายนะ
ตอนนี้เจอปัญหาพี่ที่ทำงานออกไปแล้ว แต่ยังไม่ปล่อยมือจากงาน หน้าที่ของนางแต่เดิมคือเป็นฝ่ายติดต่อประสานงานกับ outsource ซึ่งตอนนางจะออกก็พากูเข้าไปแนะนำแหละว่ากูจะเป็นคนมาดูตรงจุดนี้ต่อ หัวหน้ารับรู้ทุกคนรับทราบ
แต่พอถึงช่วงที่จะนัดติดต่อส่งงานกัน นางชิงตัดหน้ากูเข้ามาถามคนในกลุ่มไลน์ กูนี่แบบ wtf ทำงี้เลยหรอวะ กูงี้เฟลมาก คือมึงไม่อยากทิ้งงานนี้ใช่มะ ถึงมาทำตัวเป็นไม้กันหมาแบบนี้
เจอแบบนี้หัวหน้าก็เริ่มมองว่ากูไร้ความสามารถ ไม่แอคทีฟ กูควรทำไงดีวะ
>>949 ขนาดกูอ่านที่มึงพิมพ์แค่นี้กูยังมองว่ามึงไร้ความสามารถและไม่แอคทีฟเลย ทั้งที่ปกติเวลาฟังใครเล่าอะไร คนที่เป็นฝ่ายเล่าจะดูดีที่สุด ถ้าถามว่าควรทำไงก็ควรเลิกคิดว่าใครจะปล่อยมือไม่ปล่อยมือ หน้าที่มึงมีอะไรให้รีบทำ วาง schedule แล้วรายงานให้เรียบร้อย จะได้ไม่มานั่งบ่นว่าใครตัดหน้า
ลองโพสหางานในกลุ่มเฟสบุ้คเจอพวก fingo ห่าเหวอะไรทักกันมาเกือบร้อยคน ที่เหลือก็มีแต่ขายตรงหาดาวไลน์ ทำไมมันเหี้ยยังงี้วะ555
มึง กูเป็นคนที่ห่วยมากในเรื่องงาน คือถ้ากูมาประสานงานหรือต้อง manage งานให้ใครกูเหลวเป้วมาก กูชอบรับผิดชอบงานของตัวเองพอ แบบยังไงดีล่ะ กูเป็นพวกอินโทรเวิร์ตแบบสุดๆ แล้วกูได้งานใหม่ที่กูเจอเด็กจบใหม่ที่ทำงานคล่องมากแบบเป็นที่พึ่งให้กับคนในทีมได้ และเจอคนที่อายุเท่ากันที่เหมือนเป็นรองหัวหน้าของทีม กูนี่แบบ ถถถถถถถ กูรู้นะว่างานที่กูทำอยู่ไม่ใช่แนวกู (กูเลือกเพราะสัญญาจ้างระยะสั้น เงินเยอะ บวกกับจะอดตายเพราะโควิด) แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้กูรู้สึกเฟลไง มันเพราะความไม่คล่องงาน ไม่มีปฏิสัมพันธ์ด้วยที่รวมๆแล้วทำให้กูไม่เป็นมืออาชีพเลย จบงานนี้ กูอยากไปทำงานที่กูชอบละแม้เงินจะน้อยกว่า กูไม่อยากรู้สึกเสียดายเวลาและเสียความมั่นใจแบบนี้แล้ว
>>947 จริงๆกูเดาเองว่าเพราะโควิดนี่แหละ ลูกค้าถึงยื่นข้อเสนอนี้ให้ เค้าน่าจะต้องจ่ายให้เจ้านี้น้อยลง
แต่กูได้เงินเพิ่มเพราะเค้าคิดส่วนต่างน้อยลงมากด้วย
แล้วกูก็ไม่ค่อยกล้าปฏิเสธลูกค้า เพราะกลัวว่าเค้าจะมองว่าค่าตัวกูแพงไปไม่คุ้มสำหรับช่วงต้องประหยัดเลยไม่จ้างต่อ
ถ้าย้ายไปแล้วมีปัญหาก็ซวยอีกเหมือนกัน ถึงลูกค้าเค้าจะดูเต็มใจช่วยกู แต่ด้วยระบบขององค์กรแล้วกลัวว่าปัญหาขึ้นมาจริงๆมันจะแก้ได้ช้าน่ะ
>>948 เรื่องความมั่นคงกูว่าอยู่กับลูกค้าล้วนๆเลยน่ะ บริษัทพวกนี้เค้าเป็นแค่คนกลาง
หัวหน้าพยายามยื่นข้อเสนอทุน บ เรียนโทให้ แต่กลัวทำงานไปเรียนไปไม่ไหว ใครเคยทำงานไปเรียนโทไปบ้าง
กูพึ่งโดนเลย์ออฟมา เพราะโควิท ไปต่อไม่ถูกเลยแม่งเอ๊ย
มีใครเคยไปทำงานไม่กี่วันละลาออกบ้าง
นี่เคยทำวันที่ 3 แล้วแจ้งขอออก (ได้กลับบ้านทันที) แต่มีที่นึงเข้ามาวีคเดียว แจ้งออกแล้วต้องรอ affective อีก 2 เดือน
แล้วอยากออกแต่ไม่ได้ออกมีมั้ย
หน่วยธุรกิจ มันคนละอย่างกับคำว่า ผู้ประกอบการ ในทางเศรษฐศาสตร์หรอครับ?
งงมากเลยครับ สับสนกับคำว่าหน่วยธุรกิจ ชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นหน่วยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ แต่กลับไม่ได้หมายถึงผู้ประกอบการ เพราะผู้ประกอบการจัดอยู่ในหน่วยครัวเรือนซะอย่างงั้น แล้วอย่างงี้หน่วยธุรกิจมันแตกต่างกับคำว่าผู้ประกอบการอย่างไรครับ
ส่วนมากบ.ญี่ปุ่นในไทยไม่อนุญาตให้ทำสีผมแรงๆ รึปะ? หรือว่าไม่ใช่แค่บ.ญี่ปุ่น
>>980 ใช่ปะ รู้สึกเหมือนกันว่าบ.ญี่ปุ่นจะแนวหัวดำสูทดำกันหมด พอดีไปอ่านในคู่มือกฎบริษัทดูแล้วไม่มีระบุเรื่องผมเอาไว้เลย แต่เรื่องเสื้อผ้ารองเท้ามีกฎนะ ซึ่งก็เรียกได้ว่ากฎค่อนข้างเคร่งมากๆ เท่าที่ดูพวกรุ่นพี่ในที่ทำงานก็ทำสีผมอ่อนสุดคือน้ำตาลสว่างแค่นั้น งั้นเราก็เอาประมาณนี้ละกัน เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
ทำไมห้องน้ำมันเป็นเซฟโซนของที่ทำงานจังวะ
กูมีปัญหามาก wfh แล้วโฟกัสไม่ได้ งานไม่เดินเลยวะ
ถ้างานที่อยากทำเรทรายได้ต่ำนี่ควรทำมั้ย มีแพชชัน ไม่อยากทำสายที่เรียนจบมาแล้ว
สภาพเริ่มย่ำแย่จนคิดว่าสุขภาพจิตสำคัญกว่าเงินแล้ว
เป็นมึงจะทำไงถ้าลูกค้าให้โจทย์มาแบบเน้นฟังก์ชั่นเป็นหลัก ความงามเป็นรอง มึงเลยออกแบบที่ฟังก์ชั่นเน้นๆแล้วค่อยใช้ความงามต่อ ทุกๆการจัดวางล้วนมีเหตุผล แต่ลูกค้าก็บอกมึงว่า นี่มันไม่ใช่ ไม่สวย แล้วก็เข้ามาจัดเองใหม่หมดเลยในแบบที่มึงเห็นแล้วมึงก็รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างแม่งมั่วไปหมดไม่เห็นแม่งจะตามฟังก์ชั่นตรงไหน แต่ลูกค้าบอกนี่แหละดี ซึ่งทั้งหมดที่กุเล่ามาคืองานประจำเลี่ยงไม่ได้และมึงจะต้องทำงานนี้อีกหลายปีแน่นอน
คำถามคือ ลาออกไปเลยดีมั้ยวะ
>>984 วันก่อนฟังสัมภาษณ์ เคน The Standard ที่ลาออกมารับเงินเดือนต่ำเพื่อทำงานที่ชอบ (จิ๊กโก๋การเงิน ep ไรซักอย่างในยูทูป) ประเด็นที่อยากฝากไว้ก็คือ ก่อนจะออกเก็บเงินสำรองฉุกเฉินเอาไว้ให้มาก ตั้งเวลาเลยว่าจะลองไปทำสิ่งที่ชอบนานแค่ไหนเพื่อพิสูจน์ว่ามันเหมาะกับเรามั้ย เก็บเงินฉุกเฉินไว้ใช้ชีวิตได้แบบไม่ลำบากซักปีนึง ก็ออกมาทำได้นะ (จริงๆ กูเคยบอกกับตัวเองไว้ว่าเก็บฉุกเฉินซัก 6 เดือน แต่สถานการณ์ตอนนี้มันคาดเดาอะไรไม่ได้ ซักปีนึงพอได้อุ่นใจ)
ทุกวันนี้กูเชื่อในเงินนะ กูไม่ได้อยากจะรวยมหาศาลเป็นเศรษฐีอะไร แต่เงินทำให้ชีวิตมีตัวเลือกขึ้นมากจริงๆ อย่างได้เลือกทำงานที่ชอบโดยไม่มีปัญหาการเงิน ครอบครัวไม่ขัดสนนี่แม่งก็มีความสุขแล้วนะ ทุกวันนี้ก็เลยศึกษาเรื่องการเงินใหญ่เลย เริ่มเชื่อแล้วว่าอิสรภาพทางการเงินเราสร้างได้จริงๆ (แต่ใช้เวลาหน่อยนะ)
มีคนถามในมู้ใหม่แล้ว ปิดมู้นี้ให้ละกัน
ปิดสิเมลอส
อยากเป็นนีทต่างโลก
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.