Automation Programmer & Engineer ต๊อกต๋อย
Last posted
Total of 1000 posts
Automation Programmer & Engineer ต๊อกต๋อย
>>814 "ขยัน"ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุดในการทำงานว่ะ สิ่งสำคัญคือมึงทำงานได้ถูกใจหัวหน้ามึงหรือเปล่าต่างหาก
การที่เค้าไม่เห็นแวว นั่นก็ชัดเจนแล้วว่ามึงยังทำงานออกมาได้ไม่ถูกใจเค้า
ถูกใจกับถูกต้องมันไม่เหมือนกันนะเว้ย ทำงานถูกต้องแล้วมันต้องถูกใจผู้ใหญ่ด้วยถึงจะเจริญในหน้าที่การงาน
มึงลองสังเกตงานของคนอื่นที่หัวหน้ามึงมักจะชมอ่ะว่าเค้าทำยังไง แล้วมึงลองทำแบบนั้นดูบ้าง ถ้าหัวหน้ามึงเปลี่ยนมาชมมึงแปลว่ามึงมาถูกทางแล้ว
ในสายงานเดียวกัน คนที่จบ ป.โท ควรได้เงินเดือนมากกว่าคนที่จบ ป.ตรี กี่บาท มองในแง่จองวุฒิการศึกษาอย่างเดียวนะ สมมติให้ปสก.ทำงานจริงเท่ากัน
>>819 ขึ้นอยู่กับตำแหน่งเป็นหลัก ค่าวุฒิ ค่าภาษา นี่หลายๆที่ก็ไม่มีให้นะ ตรี โท ทำงานตำแหน่งเดียวกันก็เงินเท่ากันตามโครงสร้างบริษัท ข้อดีจบโท นี่คือลงสมัครตน. แหน่งที่รับโทเท่านั้นได้พวก fast track ไรงี้ เพื่อนร่วมงานกูทำงานไปเรียนไปด้วย ตอนนี้จบโท แล้วไงก็เหมือนเดิม ทำงานตำแหน่งเดิม เงินเท่าเดิม ยกเว้นจะหนีไปสมัครงานที่ใหม่
>>810 1. โม่ง อันนี้กูถามนอกประเด็นเรื่องถ้าบอกว่าลาออกเพราะทำงานวันเสาร์แล้วดูขี้เกียจนะกูเข้าใจที่มึงสื่อเพราะมันจริงแต่คนคงไม่ชอบ กูอยากรู้ว่ากลับกันมีบริษัทเรียกไปสัม แล้วกูถามว่าทำงานวันเสาร์หรือเปล่า อันนี้ดูน่าเกียจไหมวะ จริงๆกูอยากได้งานทีทำ 5 วันแหละเลยถามแม่งเกือบทุกที่โทรมาเลย พอมาเจอประเด็นนี้ กูเลยสงสัยว่ะว่า Hr เขาจะมองแบบเดียวกันไหม ยังไม่ได้งานถามหาวันหยุดดูไม่สู้งานเงี้ย
>>818 กูคิดว่าเค้าไม่เลือกกูเป็นเพราะเค้ายังไม่เห็นความสามารถของกูที่เค้าต้องการด้วย แต่กูก็ไม่เคยมีโอกาสโชว์ความสามารถตรงนั้นเลย
แต่ถึงอย่างนั้นกูก็พยายามในด้านอื่นๆ พยายามมากๆเลยนะ ตอนนี้แม่งเฟลหนักมากจนไม่อยากทำงานแล้ว เหมือนผลของความพยายามไม่เคยตอบแทนกูเลย แล้วกูก็เป็นได้แค่รองคนอื่น แล้วคนที่เค้าเลือกแม่งก็เก่ง แล้วแม่งก็คงจะเก่งขึ้นอีกหลังจากเรื่องนี้จนกูคงไม่มีโอกาสฉายแสงได้แล้วว่ะ เฟล สัส
จริงๆมันก็เป็นสิทธ์ของเรานะ เเต่เรื่องเเบบนี้ควรจะถามตอนมึงไปสัมภาษณ์งานเสร็จเเล้ว หรืออ่านรายละเอียดให้ดีก่อน ไม่ใช่มีHRเอาเบอร์มึงมาจากเว็บสมัครงานโทรมาปุ๊ปมึงถามว่า "ทำงาน5วันปะคับพี่" HRก็คงจะมองลบๆกับมึงละ มึงควรจะมีศิลปะการถามหน่อยเช่น โทรมาเเล้วมาจากบ.ไหน ทำงานตำเเหน่งอะไร คุยไปเรื่อยๆ ผมขอข้อมูลเพิ่มเติมของบริษัทได้ไหม ส่งมาให้ผมทางเมล์ อะไรเเบบนี้เเล้วจะคอนเฟิร์มครับ เเบบนี้ยังฟังดูโอเคกว่า
เเล้วข้อสังเกตง่ายๆบ.ส่วนใหญ่ (ไม่ทุกบ.) ส่วนมากจะเขียนว่าทำงาน5วันในสวัสดิการด้วยซ้ำ หรือไม่ก็วันเวลาทำการของบริษัท
บ.ไหนไม่มีมึงก็ตีไปเลย เเม่งทำงาน6วันเเน่ๆละ ไม่ต้องถามด้วยซ้ำ
>>828 กู 825 นะ ขอบใจมึงมากเพื่อนโม่ง เออก็จริงอย่างที่มึงพูด ก่อนหน้านี้กูเอาสบายใจกูในการถาม ถามแบบเหมือนกูได้งานเเล้ว ทั้งที่แค่เรียกสัมภาษณ์ เพราะสายงานกูมันแบบเฉพาะ หลักๆกูถามเบสิค ก็พวกบริษัทไหน ทำธุรกิจอะไร จำนวนคน สายงานขึ้นตรงเงี้ย เขาก็พอมองออกละว่ากูกังวลเรื่องอะไรถ้าไปทำงานที่นั่นจริงๆ แต่แบบมันก็ลำบากใจอ่ะเพราะที่กูถามมันคือสิ่งที่กูกังวลจริงๆ
หลายครั้งรู้สึกพลาดมาก เพราะตอบตกลงไปสัมเเล้วก็ต้องมาแคนเซิลหลังดูรายละเอียดเเล้วไม่ใช่ทาง วิธีมึงทำให้กูสติมาก็จริง แต่สายงานกูแม่งชอบหาคนแบบเร่ง โทรเรียกวันนั้นขอคอนเฟิร์มทันที ถามว่าสนใจไหมกูสนใจแต่นัดวันสัมเลย กูจะมีเวลาหาข้อมูลก่อนเลือกไหมเนี่ย เลยถามไอ้คำถามที่แสนจะทำให้เขามองลบๆทั้งนั้น หลังจากนี้คงเอาแบบมึงบ้างส่งเมล์ก่อนคอนเฟิร์ม
อันที่จริงกูเคยเจอประเภทคุยจะตกลงไปสัมภาษณ์เเล้วนะ พอขอรายละเอียดทางเมล์ เกรี้ยวกราดใส่กูเฉย อารมณ์ประมาณทำไมต้องส่งเมล์ก็คอนเฟิร์มโทรได้ แล้วต้องการอะไรอีก เลยคิดว่าพวกส่งเมล์ให้ก่อนเนี่ยคือพวกที่ต้องตกลงแน่ใจว่าจะไปสัมภาษณ์แล้วเเน่นอนว่ะ
>>825 ไม่อันนี้เรื่องปกติ ก่อนเข้าทำงาน ถามเรื่องสภาพสภาพแวดล้อมการทำงาน เว้นแต่เขาระบุไว้แล้วนะตอนที่ใบสมัครงาน(ส่วนใหญ่ลงเกือบทุกที) มึงเจ๋อไปถามอีกก็ไม่สมควร ถ้าที่ไหนไม่บอก อยากรู้ก็ใช้คำที่เลี่ยงไปเช่น ที่นี่ทำวันเสาร์ด้วยใช่ไหมครับ? เป็นการถามเพื่อการ confirm ไม่มีผลเสีย แต่ไม่ใช่เขาโทรมาชวนไปสัม มึงยิงแสกหน้าก่อนเลยทำวันเสาร์ไหมที่นี่ ถ้าทำไม่คุยต่อ ก็ไม่ใช่ละ คุยรายละเอียดงานไปก่อน แล้วค่อยๆถามถ้าไม่อยากทำก็ปฏิเสธไป
อย่างกูถ้าที่ไปสัมถิ่นที่มันกันดารหน่อย ไม่ใช่ในตัวเมือง กูถามตลอด ตอนกลางวันแดกข้าวที่ไหน มีร้านข้าวป่าว เพราะกูไม่ชอบห่อข้าวมากินเอง
>>829 มึงเปลี่ยนคำถามนิดเดียวก็ไม่ดูน่าเกลียดแล้ว แทนที่จะถามว่าทำงานกี่วันหรือทำงานวันเสาร์หรือเปล่า ให้ถามว่า "ขอทราบเวลาทำงานปกติของบริษัทด้วย" แค่นี้ก็ไม่น่าเกลียดแล้ว
เทคนิคการถามแบบมีชั้นเชิงคือเวลาถามอะไรให้ถามแบบปลายเปิด แล้วให้ฝ่ายตรงข้ามตอบออกมาเอง จำไปใช้ได้กับทุกงาน
ปกติจะเซ็นสัญญาเข้าทำงานก่อนเริ่มงาน วันแรกของการทำงาน หรือหลังจากเริ่มงานไปแล้ววะ คือ hr ตอบตกลงปากเปล่ากับกูแล้ว ดีลเรื่องเงินเดือนกันแล้ว แต่กูต้องไปเช่าคอนโดอยู่ กลัวสุดท้ายแม่งเบี้ยวละกูจะลำบากเรื่องสัญญาคอนโดอีก
ขอบใจมากโม่ง แต่คำถามของกูคือ ปกติ บ. จะนัดมาเซ็นสัญญาก่อนเริ่มงาน หรือเซ็นสัญญาในวันเริ่มงานเลยวะ
>>813 กู >>812 เองนะ หัวหน้ากูอนุญาติให้ยืดโปรแล้วแหละ แต่ก็ยืดอายุให้พี่เค้าอีกเดือนนึง พี่เค้าก็มาถามกูนะว่ากูอยากให้เค้าอยู่มั้ย กูอ่ะอยากให้เค้าอยู่เพราะเค้าไม่มีปัญหากับใครในทีม อยากให้เค้าปรับตัวกับพิสูจน์ตัวเองหน่อย
แต่มันติดเรื่องเดียวเรื่องผลงานเค้าอ่ะแหละมึง คืองานที่ทำออกมามันไม่สวยจริงๆ(ใช้เวลาเกือบ3วันทำงานตัดต่อ แต่ทำมาแค่กราฟฟิคเปิดไตเติ้ลและเอนเครดิทอ่ะ วิดิโอตรงกลางคือไฟล์ดิบๆไม่แม้แต่จะแก้สีด้วยซ้ำงี้) ตอนนี้กูต้องคอยกำกับกับสั่งแก้ให้ทุกครั้งจนกูไม่มีเวลาทำงานของตัวเอง ถ้ากูได้ตำแหน่งเมเนเจอร์คอยคุมงานอย่างเดียวกูจะไม่ว่าเลย แต่กูเป็นแค่ซีเนียร์อ่ะตอนนี้งานในมือกูก็มี แล้วก็ต้องมาคอยเช็คงานพี่เค้าตลอดอีกเพื่อให้ถูกใจหัวหน้ากับคนนอกทีมที่คอยกัดเค้าอ่ะ เหนื้อยเหนื่อย (ไอ้พี่นอกทีมที่ทะเลาะกับเค้าถึงกับแซวกูว่ากูแบกทีมจนหลังแทบแอ่นแล้วก็มี)
หรือเพราะเค้าทำพวกฟรีแลนซ์กับโปรดัคชั่นใหญ่มาตลอด พอมาเจองานบ.ที่มีแค่ทีมเล็กๆแล้วต้องด้นสด คิดเอาเองเหมือนทำVlogแล้วพี่แกทำไม่เป็นวะ?
อีกอย่างคือมันกำลังมีเด็กใหม่สมัครเข้ามากลางเดือนด้วย กูกลัวว่าเด็กมันจะกดดันกับตกใจที่เข้ามาแล้วเจอคนไม่ผ่านโปรจนต้องออกอ่ะมึง
ออกมอไซจะถูกกว่าค่าเดินทางเยอะปะวะ ปกติไป-กลับก็ไม่ถึงร้อยหรอก แต่ด้วยความอยากได้ ฮรืออ
ถ้ามีอาการเครียดจนกินข้าวไม่ลง กินอะไรก็ไม่รู้รส ต้องไปพบจิตแพทย์เพื่อรักษาอาการเครียดและโดนวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าในระยะเริ่มต้น สาเหตุความเครียดก็มาจากงานและเพื่อนร่วมงานนี่ล่ะ ถ้าเป็นอย่างนี้ควรลาออกจากงานมั้ยวะ แต่ยังไม่มีงานรองรับแล้วก็เงินเก็บมีไม่มากเท่าไหร่นี่สิ กูรู้ตัวเลยว่าถ้าอยู่ที่นี่ต่อไปคงเป็นโรคประสาทแน่ๆ เอาไงกับชีวิตดี
>>841 ลองปรึกษาหัวหน้ารือHRมั้ยว่าถ้ายังไม่อยากออก ขอเงื่อนไขเป็นWork from Home หรือเข้างานแบบพาร์ทไทม์หน่อย ไม่ก็บอกไปเลยว่าขอหยุดพักรักษาตัว (แต่กรณีหลังเหมือนจะได้แค่ระดับหัวหน้า)
แต่เอาจริงๆกูแนะนำว่าถ้ามึงมีอาการมึงต้องพัก อย่าฝืน เพื่อนกูประสาทไปแล้วหนึ่งคนเพราะไม่ยอมหยุด
หัวหน้าเก่าก็กลายเป็นโรคเครียดจนมีลูกไม่ได้ไปแล้วอีกหนึ่ง
>>841 กูเคยมีลูกน้องกากที่นายกูโอ๋แม่งนักหนา กูเครียดกินข้าวไม่ลงเพราะจะเอาแม่งออกก็ไม่ได้ กลับกันคนที่โดนบีบออกกลายเป็นกู กูเครียดมากอยากลาออกอยู่ทุกวันตลอด 2 เดือน ... จนกระทั่งไอ้กากนี่แม่งแสดงความกากให้ทุกคนใน บ. ได้ประจักษ์ บวกกับด้วยความที่แม่งพฤติกรรมก็ไม่ดี แม่งเลยโดนนายกูเล่นจนออกไปแล้ว
โทษทีนะกูช่วยอะไรมึงไม่ได้ว่ะได้แค่มาเล่าเรื่องของกู .. และก็ช่วงที่กูเครียดหนักๆ 2 เดือนนั่นน่ะกูแดกเหล้า + ดูดหรี่หนักมาก กูอยากบอกว่าถ้ามึงยังทนไหวลองทนไปก่อนได้ไหม หาวิธีคลายเครียดที่ได้ผลกับมึง และถ้ามึงโชคดีมึงอาจจะกลับมามีความสุขในการทำงานแบบกูก็ได้
แต่ถ้าอาการมึงหนักเกินเยียวยาจริงๆ อันนี้อยากจะลาออกก็ดีเหมือนกันว่ะ
ควรเตือนเพื่อนร่วมงานที่ดันไปด่าทีมที่คอยช่วยเมเนจงานถ่ายรูปให้ว่าไม่มีความโปรเฟสชันเนล แต่ตัวเองเสือกทำงานถ่ายรูปออกมาได้แย่กว่าเด็กพึ่งจบยังไงดีวะ
กูละคันปากยิบๆอยากถามว่าว่าถ่ายรูปอีเวนท์ห่าอะไรถ่ายมาแต่รูปคนเต็มตัวแทบทุกรูปแล้วต้องไปนั่งครอปออกเพื่อทำรูปครึ่งเนี่ย
>>845 คิดๆอยู่เหมือนกันว่าพี่เค้าคงไม่เหมาะกับทำงานพวกบริษัท ควรไปอยู๋ตามโปรดักชั่นเฮาส์ที่แจกจ่ายงานทำกันตามหน้าที่มากกว่า แต่เจ้าตัวแม่งก็แสดงออกชัดเจนว่าอยากทำงานบ.เพราะสวัสดิการกับความมั่นคงมันดูได้ดีและเยอะกว่าว่ะ กูได้แต่ภาวนาให้พี่เค้าปรับตัวได้และทำผลงานดีๆออกมาให้เจ้านายเห็นซักทีเถอะ
>>847 กูไม่คิดงั้นว่ะ ยิ่งโปรดักชั่นเล็กยิ่งต้องทำได้หลากหลายไม่ใช่หรอวะ ไอ้แบบที่จะทำแต่ไตเติ้ลและเอนด์เครดิตมันก็จะเอาแต่ใจไปหน่อยนะ พวกเนื้อข้างในเนี่ยพี่แกได้รับคอมเม้นท์มั้ย คอมเม้นท์ไปแล้วแก้ไขหรือเปล่า เท่าที่อ่านๆ มากูว่าปัญหามันก็อยู่ที่ตัวเขาทั้งหมดและมึงแบกเขาอยู่จริงๆ นั่นแหละ
>>850 โดนพวกผู้ใหญ่คอมเมนท์ผ่านกูมาว่าไม่มีวิธีทำให้ดีกว่านี้แล้วเหรอ? บอสกูก็ถามอ่ะว่าถึงLongtakeมันจะแก้ยาก แต่ก็น่าจะมีวิธีทำให้มันสวยนะ
กูเลยได้แต่หัวเราะแห้งขอโทษผู้ใหญ่ไปว่ากูผิดที่ไม่ได้ตรวจงานพี่เค้าเอง (แม้ว่าจริงๆแล้วพี่เค้าตัดเสร็จก็ส่งงานเลย ไม่ได้ส่งให้กูดูกับพรูฟก่อนอ่ะ)
พอกูไปถามพี่เค้าว่ามีไอเดียแก้อะไรมั้ยอยากรู้ไอเดีย ก็บอกกูมาว่าก็ไม่มีสตอรี่บอร์ดมาให้เค้าอ่ะเลยทำอะไรเพิ่มให้ไม่ได้ (แต่พี่มีโปรไฟล์ทำงานกองถ่ายมาหลายปี)
ซึ่งไอ้เรื่องไม่มีบอร์ดอ่ะมันเป็นเรื่องปกติของบ.กูที่จะถ่ายวิดิโอมาแบบด้นสดไว้ก่อนเหมือนVlogอ่ะ (คือให้คนพูดพูดไปตามสคริปอ่ะแหละ แต่จะตัดตรงไหนบ้างอันนี้กูก็เอามาคิดกันเอง)
เออกูคงแบกพี่เค้าอยู่จริงๆ หวังว่าโอกาศที่กูขอให้เค้าไปตอนนี้เค้าจะคว้ามันไว้และทำสุดความสามารถละกัน ถ้ายังไม่ได้อีกประเมินครั้งหน้ากูคงต้องทำใจดำแล้วว่ะฮือออ
>>766 กูมาตอบเอง แม่นนะเรา
>>781 ทริคกูนะ ไปสัมฯเถอะแล้วเข้าห้องน้ำ ที่ทำงานดีไม่ดีกูวัดที่ห้องน้ำ
ถึงมึงจะไม่อยากได้งานนั้น ก็เป็นการฝึกสัมฯไปในตัว
>>809 มันไม่เรียกว่าประสบการณ์เลย อย่างน้อยๆ6เดือน สวยๆต้องปีนึง+อะ กัดฟันทำไปถ้ามันได้อะไรติดพอร์ท
>>813 +1 บอกเค้าตรงๆไม่ได้หรอวะ +ให้เค้าเรียมหางานใหม่ด้วยเลย กูเคยโดนตั้งแง่ แต่กัดฟันจะทนต่อสุดท้ายไม่รอดโดนบีบ หางานใหม่เถอะ แล้วเชียร์อัพร้อยครั้ง ก็ไม่เท่ากับคำว่าเดี๋ยวไม่ผ่านโปรครั้งเดียว
>>841 ทำไมไม่หางานใหม่
>>844 +++ ออกแบบไม่มีงาน เครียดกว่าเดิมแน่
>>847 มึงไม่บอกเค้าตรงๆละจะมาภาวนาอะไร เป็นไปไม่ได้หรอก รีบบอกให้เค้าหางานใหม่รอได้ละ เดี๋ยวหาไม่ทัน เค้าก็จะเกลียดมึง
สงสัยว่าถ้าเป็น outsource โดยสถานะเป็นลูกจ้างบริษัท A แต่ไปประจำไซต์ลูกค้าที่บริษัท B
แล้ววันๆเราก็ไม่มีปฎิสัมพันธ์อะไรกับบริษัท A เลยนอกจากเค้าโอนเงินเดือนให้เราตอนสิ้นเดือน
แบบนี้เวลาเขียน resume ว่ามีประสบการณ์ทำงานที่นี่ต้องเขียนยังไงดี
ใครเป็นโปรแกรมเมอร์บ้างครับ ใช้ภาษาไรกันบ้างตอนนี้
มีใครรู้สึกว่าผู้ใหญ่ในออฟฟิซนี่ไว้ใจใครไม่ได้ซักคนเลยบ้างมั้ยวะ
มีปัญหาอะไรก็ไม่รู้จะพูดกับใคร ได้แต่บ่นๆกับเพื่อนด้วยกัน
25แล้วชีวิตยังไม่เข้าร่องเข้ารอยเลยว่ะ ต้องไปเรียนต่อย้ายสาย หาโอกาศเล็กๆจากช่องทางต่างๆ ที่เค้าเปิดให้
อยากมั่นคงให้แม่กูไม่ต้องห่วงกูซักที
บางทีก็ก็ชอบเสียดายอดีต อยากรีเซ็ตใหม่ตั้งแต่เด็ก แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว ทำปจบ.กับอนาคตให้ไม่แย่ก็พอ รู้สึกโชคร้ายจัง
>>856 อย่าคิดมากไปเลย มึงไม่รู้สึกอยู่คนเดียว กูว่าโม่งวัยทำงานเจอปัญหานี้กันหมด ไว้ใจไม่ได้ไม่เท่าไร มึงไม่เจอพวกหักขาเกาอี้ แทงข้างหลังก็ดีแล้ว นี่ไม่นับพรรดการเมือง สงครามเย็น สงครามทรอยด์ อีเหี้ยกูรู้สึกเจ็บหัว อยากลาออกทุกวัน เรื่องแบบนี้ไม่เข้าไปยุ่ง สุดท้ายแม่งก็วนมายุ่งอยู่ดี ดีที่สุดคืออยู่คนเดียว อีดอก
เบื่อเพื่อนร่วมงานเหี้ยๆที่ออฟฟิศวะ ยิ่งกูเงียบๆยิ่งเอาใหญ่ เบื่อจนไม่อยากมาทำงานละเนี่ย หรือกูควรหางานใหม่ดีวะ
เบื่อพวกชอบแปลงสารในที่ทำงานกูว่ะ
กูพูดอย่างแม่งเอาไปพูดกับคนอื่นเป็นอีกอย่างจนงานแม่งมั่วไปหมด
แล้วไอ้คนก่อเรื่องแม่งก็ไม่เคยแก้ปัญหาและไม่เคยปรับปรุงตัว
ถามไรหน่อยว่ะ ปกติเวลาพวกมึงจะสมัครงานนี่ดูพวกผลประกอบการบริษัทปะ
บางบ.พอลองเข้าไปดูเเม่งขาดทุนยับเลย ต่อให้ไปลองสัมเข้าทำงานมันดูสภาพไม่ค่อยจะดีเท่าไร
หรือพวกมึงไม่ดูกันวะ ไปทำ บ.ให้เงิน จบwinwin
>>862 กูดูตลอด นี่จะย้ายงานมาสามปีแล้วยังไม่ได้ย้ายเลย
บริษัทที่กูทำอยู่นี่ก่อนหน้าคือกำไรมาตลอด พอกูเข้ามาขาดทุนร้อยล้าน ไปขอคืนภาษี สรรพากรเข้าทุก3เดือน 6เดือน โดนออดิดก็หนัก บัญชีกูหมกเม็ดมาก ปัญหามีตลอด ประธานจะให้ลงอย่างนึง บัญชีบอกไม่ได้เดี๋ยวติดคุก
โบนัสก็ได้เท่าเดิมนะ ขึ้นไม่ได้เพราะขาดทุน สรรพากรก็ถาม ขาดทุนแล้วทำไมได้โบนัส ก็ตอบไม่ได้อึกอักกันไป
ถ้าคิดว่าได้เงินก็ทำๆไปก็ถูก เพราะมันไม่เจ๊งหรอก เดี๋ยวมันก็กู้นู่นนี่มาโปะ ยิ่งบริษัทญี่ปุ่นไม่ได้เจ๊งกันง่ายๆ ถือว่าเข้าไปหาประสบการณ์มีช่องทางดีๆก็ไปอย่าไปยึดติด
กูค่อนข้างเปิดกว้างเรื่องความหลากหลายทางนิสัยคนนะ แต่มีแบบนึงที่กูไม่ชอบเอามากๆๆๆ พวกพูดเยอะ พูดเยอะในที่นี้ไม่ใช่เจื้อยแจ้วสัพเพเหระนะ ชีวประวัติอะไร แต่มันเหมือนปากดีมากกว่าพูดมากอ่ะ เหน็บบ้าง ข้ามหัวบ้าง คือน้อยมากๆที่เหมือนจะพูดแบบใช้สมองกรั่นกรอง กูแม่งปวดหัวว่ะ จะรับมือกับคนประเภทนี้ยังไงดี บางครั้งกูไม่อยากคุยนะแต่แม่งก็แว้งมาชวนคุยแต่คำพูดแม่งไม่น่าฟังจริงๆว่ะ
>>862 ไม่ดูเลย กูเน้นดูเนื้องาน ระบบ สถานที่กับคน อะไรพวกนี้มากกว่า
แต่ถ้ามันชัดเจนมากว่าบริษัทอยู่ในสภาพร่อแร่จะเจ๊งอยู่รอมร่อก็คงเอามาเป็นปัจจัยตัดสินใจด้วย
งานปัจจุบันกูทำที่บริษัทแห่งนึง ซึ่งในบรรดาเจ้าใหญ่ๆของธุรกิจนี้นับว่าสภาพย่ำแย่ที่สุด ข่าวออกมาก็มีแต่ขาดทุนติดๆกัน
แต่กูเลือกที่นี่เพราะใกล้บ้าน เนื่องานน่าสนใจกว่า ระบบงานดูเป็นเรื่องเป็นราวกว่า คนโอเคกว่าเจ้าอื่น เท่าที่ไปสัมมา
พอเข้ามาข้างในก็เห็นว่าปัญหาใหญ่ที่ทำให้บริษัทันขาดทุนเป็นส่วนอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานกูเลย
แล้วเราก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรไปเปลี่ยนแปลงมันด้วย ถ้าผู้ใหญ่เค้าไม่มีปัญญาแก้ก็เป็นเรื่องของเค้า
แต่เวลาบอกคนอื่นว่าทำงานที่นี่ก็รู้สึกได้นะว่าเค้ามองเราไม่ค่อยดี เพราะภาพลักษณ์บริษัทในสายตาคนทั่วไปมันดูแย่
>>863 บริษัทที่กูเคยอยู่โบนัสเยอะมาตลอดจนกระทั่งกูเข้า 555
อีพวกอยู่มานานในที่ทำงานนี่สันดานส้นตีนเหมือนกันหมดปะวะ เล่นพรรคเล่นพวก ขี้นินทา ชอบกระแนะกระแหน เน็บแนม ขี้เสือก ชอบอวดฉลาด ก้าวก่ายงานคนอื่น คนละแผนกแท้ๆยังเสือกมาได้ กูก็อุตส่าห์อยู่ของกูเงียบๆ แต่พอเยอะๆเข้ากูก็ชักจะหมดความอดทนละเนี่ย อีเหี้ยเอ้ย
กูควรทำยังไงในสถาณการณ์นี้ดี หัวหน้าคนนึงมอบหมายงานให้กูทำ แต่หัวหน้าอีกคนนึงที่ไม่ใช่หัวหน้าโดยตรงดันเอางานอีกอย่างมาให้กูทำ ตอนนี้หัวหน้ากูแม่งโมโหพาลกับคนในแผนกไปหมดล่ะ
บอกกก่อนที่ทำงานกูคล้ายๆโฮมออฟฟิศ แต่ละคนได้รับงานแบบมั่วมาก นึกจะยัดงานแม่งก็ยัดเลย กูเบื่อ แต่มันดีตรงที่ใกล้บ้านนี่ล่ะ อ่อ กูอยู่ตจว.อ่ะนะ
เห็นปัญหา >>870 แล้วนึกถึงเรื่องของตัวเอง ขอระบายหน่อย อัดอั้นมานาน
กูเป็นหัวหน้าแผนกที่เคยเสียเด็กอนาคตไกลในทีมไปเพราะโดนหัวหน้าแผนกอื่นทำแบบนี้แหละ
แม่งแอบเอางานมายัดให้ลูกน้องกูทำแล้วกำชับว่าห้ามบอกใคร เด็กมันไม่อยากมีปัญหาก็เลยก้มหน้าก้มตาทำ
จน performance งานร่วงลงเหว กูก็เสือกไปด่าน้องมันอีกเพราะไม่รู้ น้องแม่งก็ปากแข็งไม่บอกใครจนกระทั่งทำไม่ไหวแล้วลาออกไป
กว่ากูจะรู้ความจริงจากเด็กอีกคนในทีมแม่งก็ผ่านไปอีกครึ่งปี โคตรโกรธความโง่ของตัวเอง
ไอ้หัวหน้าแผนกอื่นที่ก่อเรื่องแม่งก็ลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้เรื่อง แค้นแม่งฉิบหาย
กูขอโทษที่แนะนำอะไรมึงไม่ได้นะ 870 แต่ถ้ากูเป็นหัวหน้ามึง ไอ้หัวหน้าอีกแผนกแม่งเจอกูบวกยับแน่ ควย
>>871 ต้องสร้างวัฒนธรรมฝ่าย ให้ลูกน้องรายงานว่ามีงานอะไรอยู่ในมือบ้าง แล้วมึงเป็นหัวหน้าก็ต้องจัดการให้ดีด้วย
อย่างกูโดนงานนอกงานฝิ่นที่ฝ่ายอื่นฝากทำหรือขอให้ช่วยประจำ กูต้องบอกหัวหน้ากูหมดอ่ะ ไม่งั้นถ้าผลงานของฝ่ายกูดรอป ผลประเมินกูก็ตก ซวยกูอีก
นี่เดี๋ยวกูกำลังจะมีลูกน้องเป็นของตัวเอง ก็เริ่มบอกตัวเองแล้วว่าต้องเตรียมตัวให้ดีเหมือนกัน
รู้สึกเหมือนเป็นคนโง่เลยที่ขยัน รู้สึกว่าความพยายามของกูแม่งโครตน่าตลก พยสยามในงานที่คนไม่ค่อยเห็นความสำคัญ และสุดท้ายเพราะไม่สำคัญเลยถูกยุบมันก็จะแบบ โง่จังวะที่มาให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้
บ่อยจัด หัวหน้าฝ่ายอื่นเอางานมาให้ทำ บอกลูกน้องฝ่ายตัวเองเหนื่อย ทำงานเยอะ น่าสงสาร ช่วยๆกันหน่อย
ขนาดกูบอกงานกูก็เยอะ มีงานค้างอยู่ ยังยัดงานกู
ของมึงยังดี หัวหน้าปกป้องเป็นเดือนเป็นร้อน
ของกูนี่ แจ้งหัวหน้าแล้ว หัวหน้าเฉย ไม่กล้างัดกับอีกฝั่ง ปล่อยให้เขาจิกหัวใช้กูอยู่ร่ำไป ไอ้สัสสสสส
เบื่องาน อยากออก แต่ขี้เกียจหาที่ใหม่ ไปได้ที่ใหม่ก็ไม่รู้จะโชคดีได้งานชิวแถมใกล้บ้านแบบนี้อีกมั้ย
รู้สึกชีวิตอนาคตแม่งดำมืดจัง ได้แต่ทำงานเปื่อยๆเขี่ยๆให้จบไปวันๆ ไม่ได้มีความหวังความฝันอะไรเลย
หาความสุขได้แค่กับอะไรนิดๆหน่อยๆไร้สาระไปวันๆ
>>877 มึงผิดตั้งแต่บ่นว่าอยากออกจากงาน(อยากเปลี่ยนแปลง) แต่เสือกขี้เกียจลงมือทำละ ถ้าเอาแต่นั่งงอมืองอตีนบ่นอยู่แบบนี้ก็จมปลักต่อไปเหอะว่ะ
กูก็เคยเป็นเหมือนมึงนะ เบื่องานเหี้ยๆ แต่งานปัจจุบันมันเซฟโซนมากๆทำเขี่ยๆยังไงก็ผ่านแถมเงินเดือนสูงมาก จนกลัวว่าออกไปวัดดวงกับที่ใหม่แล้วจะไม่คุ้มกัน
แต่ถ้ากูเอาแต่นั่งบ่นไปวันๆ แม่งก็วนลูปไปเรื่อยๆหมดไฟไปเรื่อยๆ มีแต่เสียกับเสีย
ทางแก้ของกูคือพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองกับงานปัจจุบันนี่แหละ กูไม่หางานใหม่นะ แต่พยายามทำงานปัจจุบันให้ดีขึ้น หาอะไรใหม่ๆทำ มันก็มีไฟขึ้น หัวหน้าก็แฮปปี้ที่ลูกน้องแอคทีฟ ครีเอทอะไรใหม่ๆให้องค์กร
>>878 กูรู้แหละว่ามันไม่ถูกหรอก แต่สภาวะเศรษฐกิจแบบนี้กูไม่ค่อยกล้าเสี่ยง
แต่เปลี่ยนแปลงตัวเองทำอะไรครีเอทีฟกับงานที่ทำนี่เลิกหวังได้เลย อย่างมากก็คงศึกษาอะไรเองเพิ่มมากกว่า
หลังๆแนวทางองค์กรมันเปลี่ยน เค้าอยากได้คนประเภทสั่งอะไรก็ก้มหน้าก้มตาทำให้อย่างเดียว
แค่เถียงเค้าว่าที่เค้าวางแผนมาให้มันไม่ดียังไงยังโดนลากเข้าห้องประชุมไปด่าเลย
อันนี้ถามถูกมู้ไหมวะ คือกูอยากรู้ว่าถ้าคิดจะทำงานประจำไปตลอดไม่อยากทำธุรกิจส่วนตัว (ไม่ชอบความเสี่ยง)
คนธรรมดาๆนี่จะสามารถเอาเงินไปลงทุน หรือทำอะไรเเบบง่ายๆได้บ้างวะ สำหรับให้ตัวเองรอดตายตอนเกษียณ เพิ่งกำลังหัดมาศึกษาเรื่องนี้
ตอนหนี้หมด ถึงเวลาเก็บเงินของกูเเล้ว
ทำงานมา4ปีหัวหน้าตำแหน่งขึ้นมาสองขั้นแล้ว ลูกน้องในทีมไม่มีใครขึ้นสักคน เฮ้ออออออ
ไม่มั่นใจว่าถามถูกมู้ไหม คือจะหาบ้าน (เน้นบ้านก่อน อยู่คนเดียวแต่จะเลี้ยงหมาไง...แต่ถ้ามีคอนโดที่โอเคๆก็บอกได้) แบบผ่อนซื้อไม่เกิน 5000-7000/เดือน มันจะมีปะวะ ... คือกูไม่อยากกู้ธนาคารหรือไรงี้อ่ะ กูเป็นฟรีแลนซ์ แต่แค่รู้สึกแบบ อยากย้ายออกจากบ้านไปอยู่คนเดียวเฉยๆ บ้านนี่ก็เช่าเขาอยู่ เช่าเดือนละ 6000 กูเป็นคนจ่ายอยู่แล้ว เลยคิดว่าแทนที่จะเอาเงินจ่ายค่าเช่า กูหาซื้อบ้านแล้วผ่อนเอาดีกว่าไหมไรงี้
มีใครเคยเปลี่ยนหัวหน้าทีชีวิตกลับตาลปัตรบ้างวะ ของกูจากหัวหน้า ช หนุ่มไฟแรง ได้ดีจนไปทำงานที่ ตปท. กลายเป็นหัวหน้า ญ วัยทอง ขี้บ่น
comfort zone แม่งทลายทันที 555
พันธบัตรเวเนซุเอล่าเสี่ยงป่าววะ
ไอ้พวกกระจอกส้มเน่า ควายแดง
พ่อมึงโดนไล่ออกจากสภา แม่มึงก็ไม่ได้เป็น สส
ลุงตู่ของกูชนะแล้ว ไอ้พวกขี้ข้า ขยะสังคม
ลุงตู่ทรงพระเจริญๆๆๆๆๆ ขอเป็นฝุ่นใต้ตีนลุงตู่ทุกชาติไป
ขอถามพี่โม่งหน่อยว่าปกติส่งใบสมัครกับเรซูเม่ไปแล้ว (ออนไลน์) ใช้เวลากี่เดือนเขาถึงจะตอบกลับมา
และใช้เวลากี่เดือนถึงจะเริ่มมีอาการประสาทแดก กลัวไม่มีงานทำ
นี่เพิ่งเริ่มส่งใบสมัครไปวันนี้ แต่ดันเริ่มกังวลใจแล้วซะงั้น ฮืออ
เด็กจบใหม่ใช่มะ ถ้าจบใหม่กูเเนะนำให้ส่งหว่านๆไปเลย ถ้าคิดว่าที่นั่นสามารถไปทำได้
ถ้าบ.ไหนเรียกก็อย่างน้อยไปสัมภาษณ์เอาประสบการณ์ก่อน หลายคนเเม่งไม่เคยสัมภาษณ์พอไปโดนครั้งเเรกก็เละ ไปโดนสัมให้มีประสบการณ์ก่อนเเล้วจะเริ่มเตรียมตัวได้ถูก
ส่งหว่านเหี้ยไร เดี๋ยวนี้ บ เค้าโคข้อมูลกันหมดแล้ว
ตอนเรียกไปคุยมันรู้หมดว่าไอ้เด็กคนนี้ยื่นสมัคร บ ไหนบ้าง
กูอยากรู้เลย เดี๋ยวนี้มีโคข้อมูลกันด้วย? อะไรวะ เพิ่งรู้
ก็ไปเชื่อมัน แม่งก็ฟังมาผิดๆแล้วก็เสริมแต่งมโนของตัวเองเข้าไป
ไม่มีหรอกที่จะสนใจว่าคนสมัครกำลังสมัครที่ไหนอยู่บ้าง เปลือง effort โดยใช่เหตุ โอเค ในระดับสูงๆหน่อยหรืองานเฉพาะด้านอะมี เป็นแบบถามเพื่อน HR ในกรุ๊ปไลน์/แชทเฟสอะไรแบบนั้น ทำไมต้องมี เพราะบุคลากรระดับนั้นมีความจำเป็นต้องเช็คให้รอบคอบไง แต่มาบอกว่าระดับ entry level ก็เช็คนี่มโนมาก สมัครหว่านกันทั้งนั้น เสียเวลามาเช็คข้อมูลของที่อื่นทุกคนวันๆก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว อย่างมากก็ถาม HR/คนรู้จักที่บ.เก่าของคนที่จะเรียกสัมแค่นั้นแหล่ะ
กูขำ รู้ดียิ่งกว่ากูเกิ้ลอีกสัส 555 แบบนี้บริษัทมหาชนเปิดรับ ตน. นึงทีมีคนส่งมาสัก 3-40 คน เปิดพร้อมกันสัก 10 ตน. นี่แม่งเช็คกันตาแตก
ช่วงไม่มีงาน ส่วนใหญ่นี่เขาสมัครหว่านกันทั้งนั้นละ ตอนมีงานทำแล้วอยากเปลี่ยนงานโน้นหยอดทีละที่ สองที่ เฉพาะที่ๆอยากจะทำเท่านั้น
ตอนนี้กูรู้สึกเบื่อเหลือเกินกับความคิดของคนที่กูต้องทำงานด้วย บริษัทกูมีกูทำไอทีคนเดียว ทำทุกอย่าง แล้วทีนี้เขาจะเปลี่ยนระบบerpใหม่ เลยโยนให้กูเป็นหัวหน้าโปรเจค ย้ำว่ากูทำคนเดียว และเป็นไอทีคนเดียว ยูสเซอร์ประมาณ 100 คน มีรีพอร์ตที่ต้องเขียน 100+ จะให้กูเขียนเองทั้งหมด ให้เวลากู 3 เดือน กูเลยบอกว่าให้กูทำทั้งหมดไม่น่าทันต้องมีส่ง บ.คอนเซ้าท์ช่วยบ้าง เขาก็บอกกูมาว่า ก็ทำง่ายๆสิจะได้เสร็จไวๆ นี่คือคำพูดของ ผจกที่เป็นหัวหน้ากูซึ่งไม่มีความรู้เกี่ยวกับไอทีเลย มีบอกให้ทำโอทีได้นะ ให้กูชั่วโมงละ 50 บาท แต่ถ้าทำไม่ถึง 3 ชั่วโมงไม่จ่าย กูนี่ได้แต่อิหยังวะ ย้ำอีกทีว่ากูทำทุกอย่างคนเดียว เป็นไอทีคนเดียวในบริษัท เงินเดือนกูตอนนี้คือ 27k ทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ ที่กูทนอยู่เพราะมันใกล้บ้าน กูควรเทที่นี่แล้วไปหางานใหม่ดีไหมวะ ประสบการณ์กูคือ 7 ปี(ทำมา2ที่) และกูเป็นผู้หญิง ตอนนี้คือพยายามทนกับความคิดของคนที่นี่อยู่ แต่กูเหนื่อยแล้ววะ แต่กูก็มีความคิดเหี้ยๆแว็บเข้ามาในหัวนะว่าจะทนไปก่อนแล้วหางานไปเรื่อยๆ ให้โปรเจคมันเดินไปสักครึ่งแล้วค่อยชิงออก 55555555555 อย่าด่ากูนะ กูแค่ฟุ้งซ่าน
>>901 ในใจกูก็ไม่เชื่อแหละเพราะมันถือว่าละเมิดสิทธินะถ้าเว็บหางานเอาประวัติการสมัครของเราไปปล่อย ถึงความจริงการสมัครหว่านก็ไม่ได้ผิดก็เหอะ บ.จะไปเอาข้อมูลตรงนั้นมาตัดสินอะไรวะ แต่อะกูถือว่าให้ benefit of the doubt จนกว่ามันจะหาอะไรมาอธิบายได้ เผื่อว่ามันเคยเจอแรร์เคส
>>903 มึงรีบหาใหม่ด่วนเลย ไอทีปสก.7ปี 27k นี่ไม่ใช่ละว่ะ
ส่วนค่าโอทีวันธรรมดามันต้องคำนวณจากค่าแรง 1 เท่าไม่ใช่เรอะวะ สมมติ 27,000 ต่อเดือน 40 ชม./สัปดาห์ 4 สัปดาห์ = มึงได้ค่าแรง 168.75 บาท /ชม. นี่คือค่าโอทีของมึง ไม่ใช่ตั้งมาว่าชม.ละ50บาท ถ้าวันหยุดพิเศษๆ ก็1.5-2 เท่าก็ว่าไป ทำไมบ.มึงมากำหนดว่า 50 บาทวะ
>>904 เดี๋ยวได้งานใหม่แล้วกูจะด่ามันก่อนออกนะ
>>905 กูเห็นว่ามันใกล้บ้านวะเลยไม่ได้คิดอะไร มาทำงานนั่งรถมา5นาทีถึง แล้วกูก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินอะไรไง ตอนมาทำแรกๆก็ไม่เท่าไหร่หรอกกูว่ากูไหวไง พออยู่นานเข้าชักกลายเป็นว่าเริ่มไม่ไหว เพิ่มงาน แต่เงินก็เพื่มนะ ทำมาจะสามปีขึ้นมาพันห้าสัส 5555555 เรื่องโอทีนี่เขาบอกว่าสายงานกูขึ้นกับ ผจก.สำนักงาน เลยเป็นตำแหน่งผู้ช่วย(แต่ไม่มีใครช่วยกูสักคนอีเห้) เลยให้ค่าโอเท่านี้ กูไม่รู้ที่อื่นคิดยังไง มีแบบนี้ด้วยเหรอ เพราะงั้นกูเลยไม่เคยได้โอทีกับเขาหรอก เพราะอยู่ไม่ถึง 3 ชั่วโมงสักรอบ ทำฟรีไปอีก แรกๆกูก็ว่าไม่เป็นไร แต่หลังๆนี่ชักเยอะขึ้นๆจนกูคิดว่า ไม่เป็นไรไม่ได้แล้วละ เหมือนโดนเอาเปรียบมากขึ้นกว่าเดิม คือแทนที่กูจะอยู่โอให้ครบ 3 ชั่วโมงเพื่อเงิน 150 สู้กูเอาเวลา 3 ชั่วโมงไปนั่งคุยกะพ่อกะแม่กูที่บ้านยังจะคุ้มกว่าอีก สัส
สรุปกูคงลาออกแหละ นี่ก็เริ่มหางานละ
แต่งเรื่องแล้วสัส ไม่มีจริงหรอกโอที ชั่วโมงละห้าสิบ ถ้ามีจริงโดนประจารออกสื่อไปนานละ
นักเขียนนิยายเยอะชิบหาย
ขอถามตรงนี้นะ เพื่อนโม่งมีวิธีแก้ง่วงตอนบ่ายๆ มั่งมั้ย นั่งทำงานเดิมๆ ซ้ำๆ แล้วง่วงชิบ เดินไปห้องน้ำบ่อยๆ หัวหน้าก็เหล่ กาแฟสำหรับกูไม่ได้ผลแล้ว ขอบใจล่วงหน้า
พนักงานใหม่สมัครตำแหน่งตากล้องและมีเดีย แต่เสือกใช้AEไม่เป็นซักนิดเดียว(PRที่บอกว่าทำเป็น งานก็ออกมาเฉยๆมาก) สักแต่จะถ่ายรูปอย่างเดียวแต่งอแงขอเงินเดือนเยอะชิบหายแม่ง
เวลาตื่นเต้นกูจะชอบพูดมาก เหี้ยสัสสสสสส
คือแบบมะกี้ hr โทรมานัดวันปฐมนิเทศเข้าทำงาน กูก็ดีใจ เลยถามย้ำไปหลายรอบ แบบ ชั้นไหนครับ ชั้นนี้รึเปล่าครับ (ออฟฟิศมีหลายชั้น) คือจริงๆ มันก็ไม่น่าเกลียดหรอก กูว่า hr ก็คงไม่ได้มายด์อะไร แต่ก็แอบคิดว่า เออ กูควรจะโปรกว่านี้ แบบควรจะนิ่งรอฟังทุกอย่างให้ครบถ้วนจนจบความก่อน ถ้าจะวางสายแล้วเขายังไม่พูดก็ค่อยถาม
มาระบายเฉยๆ รู้สึกว่าตัวเองเสียฟอร์มนิดหน่อย
เชี่ยเอ๊ย รับสมัครเด็กใหม่ สัมภาษณ์ผ่านตรวจร่างกายอะไรผ่านหมดแล้ว เหลือนัดมาเซ็นสัญญาจ้าง เด็กเกิดเปลี่ยนใจไม่มาแล้วคร่ะ
ตอน HR ส่งเมล์มาบอกกูนี่ facepalm รัวๆ
คนในออฟฟิศกลิ่นแผ่นอนามัยแรงมาก เมิงมีวิธีรับมือยังไง
แรกๆนึกว่าใส่น้ำหอม เพื่อนกูก็เเซะๆแขวะๆว่าน้ำหอมเหม็น สรุปไม่ใช่เป็นกลิ่นผ้าอนามัยยี่ห้อหนึ่ง กลิ่นมันจะมาหลังจากเขาไปเข้าห้องน้ำ หรือช่วงบ่ายๆ เย็นๆ
แรกๆก็ก็ไม่ไรหรอกคิดซะว่ากลิ่นน้ำหอม แต่พอนึกว่ามันมาจากจิมเขาก็ขมคอขึ้นมาเลย
มีใครทำรัฐวิสาหกิจไหมวะ เช่นพวก การประปา การไฟฟ้า
มันต่างกับราชการไหม รัฐวิสาหกิจเนี่ย เห็นสวัสดิการดีเเต่กูก็ไม่ค่อยชอบระบบราชการซักเท่าไร อยากรู้ว่ามันคล้ายๆกันไหม
เเต่เห็นคนสอบเยอะมากเลยพวกองค์กรเเบบนี้ อาจจะดีจริงๆรึเปล่า
มันมีโบนัสไง ต่างกับราชการเหมือนเป็นเอกชนที่มีความมั่นคงสูงมาก สวัสดิการก็ดี คนสอบเยอะ เข้ายาก เส้นเยอะมากโดยเฉพาะ ตน. สามัญแบบไม่ต้องใช้วิชาเฉพาะในการสอบ
กุมาปรึกษา ขอเล่าให้พวกมึงช่วยวิเคราะห์นะ
คือกุนอกจากเครียดเรื่องส่วนตัว ตอนนี้กุลาออกจากงาน เพราะทนไม่ไหวกับหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานที่เข้ามายุ่งชีวิตส่วนตัวเหลือเกิน ตอนนี้ออกมาแล้วมีความสุขมาก กุหายจากอาการนอนฝันร้าย เครียด ปัญหาอย่างเดียวคือตอนนี้กุยังหางานใหม่ไม่ได้ แต่โอเค กุก็หางานพิเศษทำยังชีพไปก่อนเว้ยแก้ปัญหา รู้สึกผ่อนคลายมาก มันเหนื่อย แต่เงินมันไม่ขาดมือ แต่กุไม่ได้บอกแม่กุเรื่องกุลาออกบอกว่าได้งานใหม่ กุไม่ได้บอกแม่เรื่องงานพิเศษ เพราะแม่ไม่ชอบงานฟรีแลนส์ทุกแบบ (คือกุขับรถส่งของไรงี้อะนะ) พอกุหลอกแม่ไปว่ากุได้งานที่ใหม่นางเลยไม่บ่นอะไรมาก กระทั่งเพื่อนแม่กุเริ่มเป่าหู ว่ากุอย่างนั้นกุอย่างนี้ คือแม่เลยเหมือนแค้น และอยากให้กุได้ดี ชนิดที่ไปอวดเพื่อนตัวเองได้
กุขอโทษที่กุไม่ได้เรื่อง แต่แม่กุอยากให้กุเก็บเงินสร้างบ้าน ซื้อรถ อื่นๆ อีกเพียบเลย ทุกวันนี้แม่มาถามเงินเก็บกุทุกสามวัน ประมาณวางแผนให้กุกู้เงินซื้อบ้าน ประเด็นคือ
กุมีหนี้ส่วนตัว 5 หมื่น ตกงาน เงินเก็บใช้หมดเพราะได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 3 เดือนก่อน ตอนนี้พอเห็นแม่พยายามหาบ้าน แล้วชวนคุยเรื่องการลงทุน กูหดหู่มาก แม่กูเป็นแม่ที่ดี แต่กูไม่ชอบเวลานางอยากเอากุไปอวดเพื่อนเลย กุเจ็บใจที่กุไม่มีเงินเก็บมากพอแถมเพื่อนกุแต่ละคนที่แม่กุชอบเอาไปเปรียบเทียบก็ได้ดีกันหมด กุแย่มากๆ
กุรู้ว่ากุควรหางานประจำ แต่กุว่ากุต้องประบเปลี่ยนชีวิตกูเยอะมากเพื่อเก็บเงินซื้อบ้านว่ะ กูปรึกษาใครรอบตัวไม่ได้เลยเพื่อนโม่ง หมดทางแล้ว พวกมึงมีวิธีเก็บเงิน เก็บทองตั้งตัว ทั้งๆ ที่มีหนี้ 5 หมื่น ตกงาน และ ตอนนี้โดนบีบจากคนที่บ้านมั้ยวะ
>>926 ก็หางาน อืม หางาน ก่อนจะมาคิดว่าจะวางแผนทางการเงินยังไงอันดับแรกที่ต้องคิดคือจะหาเงินยังไง
ได้งานแล้วก็ตามสเตป รายจ่าย = รายได้ - ใช้หนี้ - เงินเก็บ
ทำบัญชีรายจ่ายจะได้รู้ว่าเปลืองเงินไปกับเรื่องไร้สาระอะไรบ้าง
บลาๆๆ
หลักการมันก็พื้นๆแบบที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วแต่ทำไม่เคยได้นั่นแหล่ะว่ะ
คือมึงไม่ได้หมดทางหรอก มึงแค่เครียด หรือไม่ก็ขี้เกียจ
กูตอบแบบไม่โอ๋นะ โตแล้ว วัยทำงาน ชีวิตมึงก็ไม่ได้ผ่านมรสุมอะไรมา ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง บ้านไม่ได้เอาหนี้มาให้มึงรับผิดชอบ มึงควรจะดูแลตัวเองได้ดีกว่านี้
งานแรกทำเดือนเดียวผ่านโปร ออกตอนครบสามเดือน คนจะมองว่ากูไม่ผ่านโปรปะวะ ตอนออกก็เครียดลืมคิดเลย แต่เพื่อนบอกรอให้ครบ6เดือนหรือปีนึงก่อน ส่วนพ่อแม่กูไม่รู้จักโปรอะไรพวกนี้เลย แอบเศร้าๆเคว้งๆว่ะที่พ่อแม่กูดันปรึกษาไม่ได้ ต่อไปกูคงปรึกษาคนอื่นแทนละ ขอบคุณที่นี่ที่ให้กูเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง มีที่คุยเรื่องงานในที่อื่นอีกบ้างปะวะ หรือที่นี่ดีสุดละ
>>926 กูอยากให้มึงเสิร์จ the money coach ในยูทูปแล้วเลือกซักคลิปที่มึงว่าน่าสนใจแล้วเปิดดู สำหรับกูมันคือการเปิดใจเรียนรู้เรื่องการเงินแบบไม่ต้องปวดหัวและปวดใจ(กับหนี้)มาก /ตอนกูเริ่มตามโค๊ชกูมีหนี้บัตรเครดิตรวมทุกใบประมาณแสนสอง ตอนนี้หนี้เหลือแปดหมื่น และสงบใจลงได้มาก มีสติในการจัดการเงินมากขึ้น
พวกมึงมีหนี้ เท่าไรวะ กุอบากรู้ ของกุ 8 หมื่น
>>931 ไม่มีหนี้ แต่ก็ไม่มีเงิน ไม่มีทรัพย์สินห่าอะไรเลย แก่ไปคงได้นอนตายอนาถาตามข้างถนน ถถถ
พูดถึงเรื่องเงิน ค่าไฟเดือนล่าสุด 3500+ ว่ะ ฮ่าๆๆ ช็อคแปร๊บ แต่ก็ทำใจไว้แล้วว่าต้องแพงเพราะแม่งร้อนจริงๆ ช่วงที่ผ่านมาเปิดแอร์ยันเช้าทุกวัน กูลงรายรับรายจ่ายตลอด ปีนี้เป็นปีที่ใช้เงินเปลืองมากจริงๆ ชีวิตกูมีอยู่สองอย่างที่คิดจะทำแล้วไม่เคยทำได้เลย คือ ลดความอ้วน กับ ใช้เงินอย่างประหยัด
>>908 มีจริง บ.ตจว ที่กูเคยทำอะ ส่วนกูไม่ใช่ฝ่ายขายไม่ให้กู เคยนั่งทำจนครบเวลา สรุปทำฟรี
ทำงานมาจะครบปี ยังไม่เจอที่ที่มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์จริงๆเลยว่ะ กูโคตรคิดถึงเสาร์อาทิตย์เลย นี่ทำเกี่ยวกับห้องประชุม งานเสาอาทิตย์ตลอด แต่กูเลือกงานไม่ได้ มีไรก็ต้องทำๆไปก่อน คิดซะว่าอดทนเอาประสบการณ์
ตั้งแต่กูเล่นโม่ง แม่ก็ด่ากูไม่เจ็บเลยว่ะ 555
เข้ามาเสริมภูมิคุ้มกัน
วันจันทร์ บริษัทพวกมึงหยุดกันปะ
ไอด้อลในการทำงานของกูเลย สรุปคือเป็นนักกีฬาดาวรุ่งที่เก่ง ถ้าพยายามอย่างหนักมีสิทธิติด 1 ใน 10 ของโลก
แต่พี่แกไม่เอาว่ะ เลือกเล่นแบบสบายๆรับเงินดีกว่า เกมส์ไหนที่ทำท่าจะแพ้ก็โยนเกมแม่งเลย ฮ่าๆๆๆๆ
เพราะยังไงอันดับปัจจุบันก็ได้เงินค่าลงแข่งสูงอยู่แล้ว จะพยายามให้ติดอันดับโลกทำไมวะ
เล่นเรื่อยๆรับตั้งไปดีกว่า
>>944 ก็คงไม่ถึงขั้นอยู่ได้สบายๆจนเกษียณแบบข้าราชการ และดูไม่ค่อยมั่นคง
ที่ๆกูอยู่คือเป็น outsource ที่งานป้อนมาไม่ค่อยเยอะ แล้วกูอยู่มานานจนเข้าใจภาพรวมระบบแล้ว เลยทำงานได้เร็ว
งานก็ทำเสร็จทัน deadline สบายๆ อยู่ใกล้บ้าน เงินเดือนเรียกได้ว่าก็เยอะพอประมาณแต่ไม่เยอะเวอร์ ส่วนสวัสดิการไม่มีอะไรให้เลย
ด้วยสไตล์งานทำงานหนักหรือขยันไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ก็เลยอยู่เหมือนทำงานไปวันๆ
แต่กูก็กำลังหางานใหม่แล้ว เพราะมันดูไม่ค่อยมีอนาคตหรือช่องทางให้เติบโต เงินเดือนก็ขึ้นน้อยมากจนน่าเกลียด
แถมสไตล์การสั่งงานของลูกค้าเริ่มเหี้ย เหมือนฟังคนข้างล่างน้อยลง บางเรื่องมันไม่ควรทำเราเตือนเพราะหวังดีก็โดนด่า
ปัญหาคือยังไม่มีงานไหนที่ถูกใจเลยนี่สิ
>>944 กูอยู่บ.ญี่ปุ่นเก่าแก่เปิดในไทยมาเกิน 40 ปี ก็มีเยอะนะพวกป้าๆ ลุงๆ ที่อยู่ยันเกษียณโดยไม่ได้เป็นใหญ่เป็นโต เป็นพนักงานระดับปฏิบัติการทั่วไป เค้าก็เลี้ยงยันเกษียณ บางคนก็ทำงานเช้าชามเย็นชามแว้ดผู้ติดต่องานแทบไม่ต่างกับราชการเลย บางคนทำงานดี๊ดีนิสัยดี๊ดีก็มี
กูไม่เคยพอใจกับงานและเงินเดือนตัวเองเลยว่ะ
ไม่รู้เพราะแม่กดดัน เพราะเปรียบเทียบกับเพื่อนข้างบ้าน หรือเพราะตัวกูเอง
15k ตจว ไม่ปรับเงิน
กูก็พยายามมองเพื่อนที่ได้13k หรืองานเก่าได้ 12k ว่าขนาดนี่ก็ดีมากแล้วกับคนที่ทำงานไม่ถึงปี
แต่แม่กูก็มาบอกว่าให้ตั้งใจสอบกพ จะได้ไม่เงินเดือนแค่15k เจ็บว่ะ ทำไมต้องเอากรอบตัวเองมาครอบงำกูด้วย ขรก.แม่งไม่ใช่ทางกูเลย ต้องไปงานอะไรก็ไม่รู้ นาน ร้อน เสียเวลา
>>948 กูนี่อายุ25 เงินเดือน28k กูว่ากุพอใจตัวเองแล้วนะ อาจจะเจ็บใจที่ค่าหอแพง (6k) นิดหน่อย ทีนี้เพื่อนกุเนี่ยเพื่อนกูทำงานสายสุขภาพสตาร์ท40k กันทั้งนั้น ได้ไปเที่ยวสวยๆ กันทุกเดือน ก็รุ้แหละว่าเทียบอาชีพเฉพาะกับพนักงานบ.ไม่ได้ แต่กูก็ยังเทียบน่ะ นอกจากนี้ที่บ้านกูยังยกเรื่องขรก.มาพูดทุกครั้งที่มีโอกาศ ไล่ให้ไปสอบกระทรวงบลาๆๆๆ ตลอดเพราะฝังใจมาแต่เด็กว่าขรก.กระทรวงดูเท่ มั่นคง เป็นใหญ่เป็นโต กุรักแม่กูนะ รุ้แหละว่าอยากให้ได้ดี แต่ไอ้พวกนั้นมันไม่ได้เปิดรับบ่อย กุเปิดเข้าไปดูรายชื่อคนติดสัมทีไรก็เจอแต่นามสกุลดัง ถึงกุสอบติดเข้าไปสัม คิดว่าเขาจะรับใครวะ (ที่พูดงี้เพราะเคยมีปสก.มาแล้วตอนสอบไฟฟ้าตจว. รอบสัมพอดีมีโอกาสได้คุยกับคนอื่นๆ ที่ติดสัมอีก 5 คน กุอาจจะหลงตัวเองก้ได้ แต่คนที่เขาเลือกดูเฉื่อยๆ ไม่มีความคิด กุมั่นใจว่ากุทำงานดีกว่าอ่ะ) กุเลยพอเลยกับขรก.ที่เขาว่ากันว่าเงินดีตอนปลายทาง
โม่ง บ้านกูอยู่ชานเมือง ชานเมืองแบบว่าไกลจาก รฟฟ.สิบกิโล แล้วสิบกิโลนี่ชั่วโมงเร่งด่วน เช้า-เย็น รถติดสาหัสตลอด แถมจะติดขึ้นเรื่อยๆเพราะแถวบ้านกูจะเอารฟฟ.มาลงเพิ่มอีกติดไปยาวๆ5ปีแบบสาหัสกว่าเดิมจากที่มันติดธรรมดาก็เหี้ยพอแล้ว ประเด็นคือกูกำลังจบใหม่ด้วย เห็นหลายๆครั้งคือที่ทำงานสายงานITมักเข้าตัวเมืองฝั่งพระนครตลอด ฝั่งธนฯคือเจอน้อยมาก(ทั้งบางกอกน้อย บางกอกใหญ่) ไม่ตรงสายเฉพาะๆแม่งก็ไม่รับอีก ไม่งั้นก็ไปอีกทีก็แถวลาดพร้าว+เมืองนนท์เลย ทีนี้กูคาดเดาไว้เลยว่าจบใหม่ปุ๊บได้งานปั๊บมันไม่ใช่ว่ากูรับผิดชอบแต่ตัวเอง กูต้องช่วยที่บ้านผ่อนหนี้สารพัดด้วย แน่นอนว่ากูเจียดเงินจากการแบ่งเบาภาระที่บ้านไปเช่าที่ไหนเพิ่มยากมาก กูจะหนีไปตายเอาดาบหน้าตัดความสัมพันธ์กับครอบครัวดื้อๆนี่แม่งพลิกแผ่นดินไล่ทวงบุญคุณแน่นอน ซึ่งปัญหาคือเรื่องการเดินทางนี่แหละ ถ้ากูมีปัญญาหารายได้ถึง2หมื่นต้นๆ มันจะพอเหรอวะ? โม่งซาราลี่แมนบ้านไกลจาก รฟฟ. แล้วที่ทำงานเข้าพระนครหาทางแก้ปัญหานี้กันยังไงอ่ะ?
มีป้าที่ทำงานคนนึงเห็นกูไม่มีแฟนก็ชอบมาแซวกูว่า เป็น(เกย์)ใช่ไหม เป็นใช่ป่าววว
อีเหี้ย กูรำคาญโว้ย ชวนกูคยเรื่องอื่นไม่เป็นรึไง ถ้ากูเป็นแล้วมันจะทำไม หุ้นบริษัทจะตกรึไงวะ อยากจะด่ากลับไปว่าเพราะมีผู้หญิงแบบมึงกูถึงไม่อยากมีนี่แหละ แต่ทำได้แค่หัวเราะแห้งๆ
เรื่องพ่อแม่ไม่พอใจกับลูกไม่รู้เป็นปัญหา asian parents อย่างที่ฝรั่งล้อกันรึเปล่า
กูคิดว่าถึงเงินกูจะไม่ได้เยอะเวอร์ แต่สำหรับคนอาชีพนี้ อายุประมาณนี้มันก็มากพอตัวแล้ว
แต่พ่อแม่กูเค้าอยากให้กูไปเรียนโทเมืองนอก ซึ่งสาย IT ใบปริญญามันสำคัญน้อยลงมากเทียบกับแต่ก่อน
ถ้าไม่ได้จะขึ้นสายบริหารอ่ะนะ ซึ่งมันไม่ใช่ทางกูอยู่แล้ว
แล้วเค้าก็เอาแต่เพ้อว่าจบโทเมืองนอกจะได้เงินเดือนเป็นแสน พูดวนอยู่แค่นี้
กูอธิบายไปหลายรอบแล้วว่ามันไม่ใช่เค้าก็ไม่ฟัง ซึ่งกูเหนื่อยกับเรื่องนี้มากแล้วจริงๆ
เหมือนเค้าคาดหวังกับกูมากจนเวอร์วังโดยไม่ดูฐานเงินเดือนเฉลี่ยของวงการนี้เลย
50k ครอบครัวมึงจะหวังมากกว่านี้ก็ไม่แปลก เยอะมากนะถ้าเทียบกับสายอาชีพอื่น
เซม เอาจริงนะ เงินเดือนเราเองแท้ๆ แต่คนอื่นคาดหวังกว่าตัวเราเองอีก ซึ่งเราโอเคกับเงินแล้วอะ ซึ้งเลยสกิลที่เราควรพัฒนาคือไม่เอาความกังวลคนอื่นมาเป็นความกังวลตัวเองว่ะ
>>952-953 เป็นการทองโลกแบบคนที่เกิดก่อนปี 80-90 อ่ะ ยุคก่อนหน้านี้สื่อบรรเทิงมันยังไม่พัฒนามาก เพราะงั้นการใช้ชีวิตของคนยุคนี้คือมีงานดีๆทพและสร้างครอบครัว แต่งงานมีลูกใช้เวลากับครอบครับ
แต่คนที่เกิดยุค 90 ลงมา สื่อบันเทิงมันพัฒนามากขึ้นเยอะ เกมส์ อินเตอร์เน็ต ดูหนังดูซีรี่ย์ออนไลน์ มังงะ อนิเมะ ศิลปินเกาหลี ไอด้อล
เลิกงานกลับบ้านดูหนังเล่นเกมส์ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่มันจะแปลกในสายตาคนยุคเก่าว่าทำไมโตขนาดนี้อายุขนาดนี้ ยังติดเกมส์ติดการ์ตูน ติดซีรี่ย์เกาหลี ทำไมไม่หาครอบครัว
คนยุคเก่าไม่ได้โตมากับสื่อบันเทิงพวกนี้ เพราะงั้นพวกเขาจะไม่เข้าใจว่าของพวกนี้มันทำให้คนรุ่นใหม่อยู่คนเดียวอย่างมีความสุขมากกว่าการแต่งงานสร้างครอบครัวอีก
แต่อีกซัก 10-20 ปี พอเด็กยุค 90 กลายเป็นประชากรส่วนใหญ่ของวัยทำงาน คำถามพวกนี้น่าจะหมดไปอ่ะ ทำงานแล้วเอาเงินมาซื้อของที่ตัวเองชอบนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้ว
>>957 คือกูพอมีทางที่จะหางานเงินเดือนเยอะกว่านี้อีกได้แหละ แต่ยังไม่ค่อยรู้สึกอยากเสี่ยง
งานนี้มันใกล้บ้านและงานไม่หนักด้วย ถ้าเงินเยอะแต่โดนใช้ทำโอฟรีบ่อยๆกับไกลบ้านก็ไม่คุ้มอยู่ดี
คืองานนี้มันก็มีข้อเสียหลายอย่าง แต่กูอยากค่อยๆดูค่อยๆคิดไปมากกว่าว่าจะเอาไง ส่วนพ่อแม่กูก็เอาแต่พูดเรื่องนี้กดดันกูตลอดเวลา
ที่สำคัญคือกูคิดว่าการเรียนโทไม่ใช่คำตอบเท่าไหร่ กูเองก็ไม่ได้สนใจด้านไหนเป็นพิเศษด้วย
>>958 มันทำยากว่ะมึง เจอหน้ากันทุกอาทิตย์ กินข้าวทีไรเค้าก็พูดแต่เรื่องนี้ ทำหูทวนลมไม่ตอบไปตลอดก็ไม่ได้
อธิบายไปเค้าก็ไม่ฟัง จนวันก่อนกูทนไม่ไหวระเบิดลงไปรอบนึงเค้าก็บีบน้ำตาหาว่ากูเป็นลูกอกตัญญู เริ่มรำเลิกบุณคุณ
คือรู้นะว่าเค้าหวังดี แต่หวังดีแบบยัดเยียดอยู่ฝ่ายเดียวแล้วไม่เคยจะฟังอะไรที่เราพูดเลยนี่มันไม่ไหวจริงๆ
ต่อให้กูไปเรียนโทกลับมาไม่ได้มีเงินเดือนเป็นแสนๆตามที่เค้าคิดว่าจะได้ เดี๋ยวเค้าก็ไม่พอใจอีกอยู่ดี
>>949 ถ้ามึงคิดแบบว่า สอบเข้าไปยังไง ก็แพ้เส้นสาย แล้วตอนมึงไปสัม มึงแพ้คนที่ดูเฉื่อยกว่า เลยคิดว่าตัวเองน่าจะได้ คือมึงชัวร์ได้ไงว่ามึงเก่งกว่าเค้าแน่ๆ ตอนสอบข้อเขียนเขาออาจทำได้ดีกว่ามึง ประวัติการทำงานนู่นนี่นั่น หรือ ตอนสัม เค้าอาจทำได้ดีกว่ามึงก็ได้
แต่ถึงจะพ้เส้นสายจริง กุอยากให้มึงพยายามอีกนะ.มันต้องมีบ้างล่ะสักที่ที่เส้นสายไม่มี หรือมีน้อย ที่จะทำให้มึงสอดแทรกไปได้
>>960 แบบนี้มึงควรไปให้ไกลๆจากพ่อแม่มึงเลย ห่างไปยาวๆสักพัก อาทิตย์นึงบอกไปว่ากลับมาบ้านไม่ได้เดี๋ยวช่วงนี้มีงานทำหนักๆ เรื่องนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่งานมึงละ อยู่กับพ่อแม่มึงนี่แหละ แต่ไม่เข้าใจพ่อแม่มึงว่ามีทุนส่งเรียนได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ? ไปเรียนนอกทีค่าใช้จ่ายสูงสัสๆแถมเป็นล้านเลยด้วยซ้ำ กูเห็นในโม่งมีคนทำสายกราฟฟิกชีวิตชิบหายเพราะพ่อแม่แนะแนวชีวิตให้มาคนนึงละ ไม่รู้ตอนนี้ผูกคอตายคาตึกไปรึยังนะ พยายามหาเรื่องปั่นให้วีซ่าไม่ผ่านดูถ้าชีวิตนี้มึงคิดว่าจะอยู่ไทยไปตลอดกาล แบบนี้พ่อแม่มึงจะมารำเลิกบุญคุณอะไรได้อีก มึงลองถามประชดไปก็ได้ว่างั้นจบนอกจาก ม.ห้องแถวจะเอาไหม? เรียนป.โทออนไลน์เดี๋ยวนี้ก็มี แต่รอเก็บเงินสักสี่ปีก่อนนะเพราะค่าใช้จ่ายก็สูงไรงี้
เสริมไรให้ U of Illinois at Urbana-Champaign มี ป.โทออนไลน์ของcoursera ไปหาๆดูว่ามันเน้นทำทีสิสไรไหม ไปเรียนๆมาสักใบเอาไปแปะกบาลพ่อแม่มึงซะนะถ้าเค้าดื้อชิบหายแบบนั้น หรือถ้ามีป โทออนไลน์ที่ถูกกว่านี้ก็ว่าไป
>>964 อันนี้กูไม่รู้ว่าเค้ากราฟฟิกแบบงานศิลปะวาดรูป ตัดต่อ หรือพวกเล่นใหญ่แบบเรนเดอร์นะ เนื้อหามันออกแนวในโม่งมู้ปรึกษาปัญหา นินทาญาติพี่น้องที่เอาไว้คุย(นินทา)สันดาน นิสัย มารยาท คนในบ้านอ่ะ กูอ่านเจอๆในมู้อยู่ว่ามันทำงานด้านกราฟฟิค ด้านตัดต่อ แล้วมันโดนพ่อแม่รบเร้าให้เรียนต่อนอกป.โทแบบ >>954 >>960 เลย ทีนี้พ่อแม่มันล้มเลิกความตั้งใจปุ๊บมันไม่ได้จะมาทำงานต่อแต่มันมาเปิดธุรกิจเองตามที่คนในบ้านให้ทำแล้วพ่อแม่มันชอบทำให้เสียกิจการและลูกค้าบ่อยๆ แถมยังมารบกวนเงินเก็บสะสมของโม่งคนนั้นจากหลักแสนเหลือแค่2หมื่นอีก สุดท้ายเลยมาปรึกษาโม่งว่าจะผูกคอตายคาชั้นสองของบ้านดีไหม เนื้อหามันไม่ใช่เรื่องทำงานแต่มันคือเรื่องครอบครัวหว่ะ ส่วนเจ้าตัวจะหางานใหม่อะไรยังไงไหมกูไม่รู้แล้ว เลยไปมาบอกเนี่ยแหละว่างานการอะไร ชีวิตยังไงตัดสินใจเอาเอง ซึ่งเรื่องแบบนี้ถ้าเน้นหนักไปทางครอบครัวกูว่าควรไปอีกมู้นะ ไม่ใช่มู้นี้ มู้นี้มันคุยเรื่องไลฟ์สไตล์การทำงาน การเมือง/สังคมในที่ทำงานและเพื่อร่วมงานกับรายได้มากกว่า
ในนี้มีใคนเป็น hr บ้าง ขอปรึกษาหน่อย คือว่ากูเซ็นสัญญาจ้างงานละ แต่นายจ้างตัวจริงไม่อยู่ ไปต่างประเทศ กลางๆ เดือนถึงจะกลับ ตอนนี้ในสัญญาก็เลยมีแต่ลายเซ็นกู กับลายเซ็น hr ที่เป็นพยาน (ไม่มีลายเซ็นนายจ้าง)
เลยอยากทราบว่าแบบนี้คือชัวร์แล้วใช่ไหม ไม่ใช่มีการยึกยักแก้สัญญาอะไรทีหลังนะ
สงสัยว่าเวลามีคนบอกอายุกับเงินเดือนแล้ววพกมึงบอกได้ว่าขนาดนี้คือเยอะหรือน้อยนี่พวกมึงมีหลักเกณฑ์ชัดๆมั้ยว่าอายุเท่าไหร่ควรเงินเดือนเท่าไหร่
กูอยากรู้ว่าของตัวเองเยอะมั้ย แยกตามสายอาชีพได้ยิ่งดี
ทำไมการเป็นคนให้นี่มันทุกข์ใจจังวะ กูเป็นฝ่ายที่ให้อยู่ฝ่ายเดียวตลอด แม่งทั้งเหนื่อย ทั้งท้อ อยากจะเลิก ๆ แม่งไปให้จบ ๆ แต่แม่งก็ทำใจไม่ได้ว่ะ
กุตกงาน กุหางานไม่ได้ กุความสามารถต่ำไป กุได้ 13k 15k.
กุอยากรู้ว่าระดับ 17 อัพ ต้องมีสกิลอะไร เรียนแบบไหน บอกมาหน่อย กุจะฝึกเพื่อให้ได้เงินสูงๆ กุรู้ว่าอาชีพกุมันสายธุรการ มันคงเงินเดือนต่ำๆ แต่กุก็อยากได้สูงอะแต่ไม่รู้ว่าต้องมีสกิลอะไรเพิ่มอีก
เคยคิดว่าถ้ากุได้เงินเดือนแสน กุก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
แต่พอได้มาแล้ว กุก็ยังอิจฉากับเพื่อนที่ทำธุรกิจ หรือค้าขายอยู่บ้าน แล้วได้เงินเป็นแสน แถมได้อยู่กับบ้านตัวเองที่ ตจว.
กุคิดมาตลอดเลยนะว่ากุเป็นคนที่ไม่ค่อยมักมากได้เท่าที่พอใจเมื่อไร ก็พอแล้ว ทึกอย่าง จะไม่ทะเยอทะยาน อยากได้อะไรอีกแล้ว
สรุปกุก็ไม่ต่างกับคนทั่วไป
ทำงานมาปี เงินเดือน 19k กำลังคิดจะหางานใหม่ ใจเคยคิดรอโบนัส 3 เดือนแต่ก็คิดว่าถ้าที่ใหม่ดีกว่าก็คงยอมทิ้งไป สาเหตุที่อยากออก งานเหนื่อยไหม ตอบยากเพราะงานที่กูทำแทบไม่ตรง jd ผู้บริหารไม่สนับสนุนไม่ค่อยอนุมัติเหี้ยอะไร เลยอยากไปโตที่อื่น ให้ได้สกิล มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ที่ทำเหี้ยไรไม่รู้อยู่ แต่ถ้าไปที่ใหม่ก็กลัวจะหนีไม่พ้นต้องเจอปัญหาแบบเก่าๆ เลยลังเลว่ากูควรพอหรือรอต่อไป กูเด็กจบใหม่มีเเต่คนบอกให้สัก 1-2ปี ค่อยไปเอาประสบการณ์ก่อน ไอ้ห่ามองเเล้วอยู่ก็ย่ำอยู่กับที่เเต่งานไม่หนักเงินพอได้ ใจก็อยากลองอีกใจก็ไม่อยากเสี่ยงกลัวไปที่ใหม่แล้วน้ำตาไหลเสียดายเงินโบนัสอีกด้วยโม่ง
เครียดว่ะ ช่วงนี้งานน้อยๆ กูได้แต่อ่านเปเปอร์ ดูคอร์สออนไลน์ ทำโปรเจ็คส่วนตัวไปเรื่อยๆ แล้วก็รับเงินเดือนไปเฉยๆ รู้สึกตัวเองไม่ค่อยมีประโยชน์กับ บ. เลยว่ะ แล้วดูเขาก็ไม่อยากให้ใครในทีมกูลาออก เข้าใจว่าเดี๋ยวงานมันกำลังจะมีมาในไม่กี่เดือนหรอก แต่ช่วงนี้แม่งโคตรเซ็งเลยว่ะ เพราะที่ผ่านมามันยุ่งๆ พอว่างมา 2 เดือน แม่งเหมือนชีวิตเคว้งคว้าง ชวนให้หมดไฟ
มีใครเคยออกจากงานเพราะดันไปชอบคนในที่ทำงานที่เดียวกัน แต่อีกฝ่ายเขาดันมีแฟนแล้วบ้างไหมวะ
คือเงินอาจจะไม่เยอะ แต่งานก็ดีนะไม่หนักมาก แต่พอกูคิดเรื่องเขากับแฟนเขาแล้วกูรู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหวจริงๆว่ะ
ปล. กูกับเขาคุยกันแค่ในที่ทำงานเฉยๆนะ ไม่เคยนัดกันไปเที่ยว
มีงานอะไรที่งานไม่หนักเเล้วจบมาทุกอาชีพก็ทำได้บ้างวะ
คือกูจบวิศวะ เเล้วพอมาลองสัมผัสงานวิศวะ เเม่งไม่ใช่ทางกูเลยว่ะสัส เเล้วเวลามันน้อยมากสำหรับอยากจะทำจ๊อบอื่น
กูมีจ๊อบเสริมงานฟรีเเลนซ์อยู่ไง ทีนี้งานวิศวะบ.ที่ทำเเม่งงานเยอะจริงโอรัวๆ ได้เงินเยอะเเต่กูก็อยากทำจ๊อบเสริมด้วย(เป็นงานที่ชอบ)
กูทำมาสองปีละทีนี้กูเริ่มได้เงินฟรีเเลนซ์พอๆกับเงินเดือน เเถมทำเเค่ไม่กี่วัน กูอยากลาออกเหมือนกันเเต่ฟรีเเลนซ์ก็ยังไม่มั่นคงขนาดนั้น คำถามคือ กูจะหางานประจำที่งานไม่หนักสบายๆ เลิกหกโมงทุ่ม เอาเเบบไม่ต้องเเบกงานกลับมาทำที่บ้านได้บ้างไหมวะ เงินไม่ต้องเยอะ ต้องการเวลากับพลังงานไปลงกับงานฟรีเเลนซ์ ไม่ต้องสายวิศวะก็ได้มีอะไรบ้าง เปิดกะลาให้กูหน่อย ไปทำบัญชีอะไรพวกนี้งานหนักไหม
บัญชีมึงจะตายเอา กุแนะนำประสานงาน ธุรการนะ มันจะจบ ไม่ก็งานประเภทเอกสารล้วนๆ
งานประสานงานธุรการ งานเอกสาร นี่อะไรบ้างอะ พวกcall center อะไรพวกนี้เหรอ ถ้าจะเซิร์จค้นหาต้องเซิร์จว่าไง
ตอนนี้เเพลนโง่ๆเเบบสิ้นคิดของกูคือ พยายามเข้าราชการหน่วยงานที่งานไม่หนักมากให้ได้ จะได้มีเวลาตามที่หวัง
เเต่ถ้าเข้าไม่ได้ก็จะหาเเผนสองเนี่ยเเหละ งานอะไรก็ได้ที่ทำได้สบายๆ จบเป็นวันไป
>>984 เออ งานธุรการนี่แหละไม่หนักแน่นอน อีกงานที่กูว่าไม่หนักด้วยคือ กูว่าคงเป็นพนักงานรายวันตามพวกเทกซ์ไทล์ ตามโรงงานอุตสาหกรรมรายวันหว่ะ อันนั้นคือวันละ300บาท เลิกงานปุ๊บจบตรงนั้นเลย มึงจะสนไหมล่ะ? ส่วนข้าราชการที่ไม่หนักมากสุดๆเลยนะ รู้สึกว่าการปกครองส่วนท้องถิ่นนี่แหละหนักน้อยสุด แต่คนสมัครเยอะสัสๆเพราะรู้กันทั่วว่าสบายง่ายๆ ถ้ามึงจะราชการมึงไปเป็นลูกจ้างชั่วคราวให้เค้าง่ายกว่านะ ไม่ก็ พนง.ราชการก็ได้อยู่
>>980 พี่เพื่อนกุจบวิศวะ แต่ทำงานแบงค์ มันบอกว่ามีตน.ที่เขาชอบจ้างเด็กวิศวะอยู่เว้ย ไม่รู้เอาไปคิดเลขหรือไรเดี๋ยวกูไปถามมาให้ อย่างอื่นก็พวกแอดมิน เซลโค ไฟแนนซ์บางที่ก็ไม่จำเป็นต้องจบด้านนี้ ส่วนมาเก็ตติ้งกูแลดูจะไม่ใช่ทางมึงกูตัดออก งานฟรีแลนซ์มึงทำอะไรวะ ทำไมรายได้ดีขนาดไม่กี่วันเท่าเงินเดือน
มือลั่น กุคิดว่าตน.งานมันล้านแปดเลยนะ แต่เอาที่ดีกว่า 300 ต่อวันเถอะ มึงเองก็เป็นแรงงานมีสกิล ถ้าเอาตามข้อกำหนดของมึงว่า 1.ไม่หนักมาก เลิกหก-ทุ่ม (เทียบบ.ทั่วไปแล้วคือโอ1-2ชม. หรือไม่มีโอถ้าเวลายืดหยุ่น) 2.ไม่หวังเลื่อนขั้น/ก้าวหน้า/โบหนักๆ เพราะยังไงมึงมีรายได้สองทางอยู่แล้วเลยไม่แคร์ตรงนี้มาก มึงลองบราวซ์เอาจากเขตบ้านมึงละนั่งไล่อ่านอันที่ถูกใจดูเลย คนอาจจะถามนิดหน่อยที่จบวิศวะแต่ไม่ทำตามสาย กุงงมากเวลาคนบ่นงานหายาก ที่มีปห.น่ะเพราะคิดว่าเงินสูงไม่เท่าที่หวัง/โบน้อยกันทั้งนั้น แต่ถ้าตัดสองอย่างนี้ไปกุว่างานกลางๆ ไม่หวือหวาทั้งแง่ของการใช้งานเราและรายได้น่ะเยอะจะตาย
เงินเดือนกูตอนนี้ประมาณ 27000 อะ ทำวิศวะบ.ยุ่นมาสองปี อันนี้คือรวมสวัสดิการเสริม ใบกว.+ค่าภาษาTOEIC+ญี่ปุ่น เเล้วนะ(กูได้TOEIC 870, n3)
ทีนี้มันก็บ.ยุ่นอะ งานหนัก โอเยอะ เน้นทำงาน ทีนี้งานฟรีเเลนซ์กูคืออิลลัส ,รับงานแปล รายได้ทำเฉพาะวันหยุดตอนมีงานก็ราวๆ 8000-35000 เเกว่งไปมาตามความที่ไม่มีงาน หรือ ไม่มีเวลาทำงาน บางเดือนเเม่งก็ได้เยอะมากกว่างานประจำกูอีก
คือจะให้กูออกไปทำฟรีเเลนซ์เต็มตัวก็ยังพออยู่ได้เเละคิดว่าหาเงินได้มากกว่านี้ เเต่มันก็ไม่มั่นคงอะมึงเเละกูคิดว่า หางานประจำโง่ๆ เอาเงินเดือนซัก12000-15000 เเต่อยากได้งานที่เติบโตฐานเงินบ้างไปเรื่อยๆตามอายุน่าจะดีกว่าออกมาฟรีเเลนซ์เพียวๆ เสี่ยงเกินไป อนึ่งกูคิดว่ากูยังมีเเรงทำอยู่ จะทำสองงานไปก็ไม่เสียหาย
ที่กูอยากเข้าราชการ ไม่ก็รัฐวิสาหกิจเพราะมันก็โตตามCเเละอายุใช่ปะ สวัสดิการมีเเถมเลิกตรงเวลา ตรงสเปคกูเลย เข้าไปทำงานโง่ๆ หรือไม่โง่ก็ได้ มีงานไม่เป็นไร เเต่ขอเลิกตรงเวลา โอบ้างไม่เน้นโอ ไม่ต้องงานเยอะเเบบต้องกลับมาทำที่บ้านเเบบบ.ยุ่น หยุดเสาร์อาทิตย์ มีความก้าวหน้าทางเงินเดือนพอละ ยิ่งงานไม่เครียดยิ่งดี งานวิศวะเเม่งก็เครียดว่ะ กดดัน เเต่ราชการ,รัฐวิสาเเม่งก็เข้ายากอยู่ เลยเผื่อมองอาชีพที่ไม่ใช้วิชาชีพเป็นทางเลือก อยากหนีวิศวะละ
จะปรับเงินเดือนขั้นต่ำจริงหรอวะ หรือแค่คิด
ถ้าจริงนี่ข้าวกูจานเท่าไหร่เนี่ย
https://www.thairath.co.th/news/business/1519793
กูไม่มีเพื่อนที่ทำงานเลย ซึ่งในชีวิตประจำวันกูแฮปปี้ดีนะ กูชอบอยู่คนเดียว กินข้าวคนเดียว ไม่เม้ามอยกับใครทำงานของกูไป ส่วนเรื่องงานก็คุยประสานงานกับเพื่อนร่วมงานได้ทั่วไปตามปกติ แต่เวลาบริษัทมีอีเวนต์ต่างๆ กูจะประดักประเดิดมาก เพราะกูไม่มีกลุ่มแบบคนอื่น ไม่รู้จะไปนั่งโต๊ะไหนกับใครดี ไม่มีคนทำกิจกรรมกลุ่มด้วย จะไปแจมกลุ่มคนอื่นเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่ก็คือรู้สึกได้อะว่าเค้าก็อยากอยู่ของเค้าเองสนิทๆ กันเนอะ เราคนนอกไปอยู่ด้วยเค้าก็อึดอัด จะทำอะไรตัวคนเดียวแบบในชีวิตประจำวันก็ทำไม่ได้เพราะรูปแบบงานมันบังคับให้ต้องทำร่วมกับคนอื่น ตั้งแต่การนั่งรถบัส นั่งโต๊ะกินข้าว ทำกิจกรรม ฯลฯ
>>994 หาคนที่มีความชอบแบบเดียวกันแล้วชวนคุยมันก็ไม่อยากอะ อย่างกูตอนแรกๆเข้าไปก็ไม่กล้าคุยกับใคร แต่ทำไปซักพักพอรู้ว่าคนนั้นคนนี้มีไลฟ์สไตล์แบบเดียวกับกู เช่นชอบเล่นเกมคอนโซล ชอบไอดอลญี่ปุ่น เกาหลี ชอบดูช่องยูทูปเดียวกัน ชอบรถยนต์ ปรากฏว่ากูก็เข้าได้กลับทุกกลุ่มไม่ยากเลย แต่เผอิญกูเป็นคนติดสื่อบันเทิงทุกรูปแบบอะ เลยกลายเป็นใครคุยอะไรกันกูรู้เรื่องหมด
อีช่อ ล้มเจ้า !! อีช่อ ล้มเจ้า !! อีช่อ ล้มเจ้า !! อีช่อ ล้มเจ้า !! อีช่อ ล้มเจ้า !!
พรรคอนาคตใหม่ ล้มเจ้า !! พรรคอนาคตใหม่ ล้มเจ้า !! พรรคอนาคตใหม่ ล้มเจ้า !!
คนเลือกพรรคอนาคตใหม่ คือพวกล้มเจ้า !! คนเลือกพรรคอนาคตใหม่ คือพวกล้มเจ้า !!
กูเป็นฟรีแลนซ์ ก่อนหน้านี้กูขยันมากๆ รับงานเยอะสุดๆ ชีวิตประจำวันคือ ตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้า อาบน้ำ กินข้าวเช้า อ่านหนังสือดีๆพร้อมจิบกาแฟชมดอกไม้ จากนั้นก็ทำงาน กินข้าวกลางวัน ทำงาน กินข้าวเย็นกับครอบครัว ทำงาน เข้านอน บางวันถ้ามีเพื่อนชวนก็ออกไปเที่ยวบ้าง ชีวิตดูเป็นรูทีนที่สงบสุข แต่จู่ๆกูก็รู้สึกไม่อยากทำงานว่ะ กูค่อยๆลดงานที่รับลง รู้สึกไม่อยากทำงานนั้น ไม่อยากทำงานนี้ กูค่อยๆปฏิเสธ จนสุดท้ายไม่รับสักงานเลยว่ะ ตอนแรกก็คิดว่าขี้เกียจหรือป่าว แต่อาการมันหนักกว่าขี้เกียจอีก คือมันไม่อยากแตะงานเลยอ่ะ ขี้เกียจของกูคือทนๆทำไป แต่นี่คือกูไม่สามารถแตะงานได้เลย กูไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนอ่ะ คิดว่ากูดูแลตัวเองดีแล้วนะ ทั้งการนอนหลับ สุขภาพกาย และความสัมพันธ์กับคนอื่น แต่กูลืมนึกถึงสุขภาพใจไปว่ะ ตอนนี้กูทำตัวเรื่อยเปื่อยเป็นผักมา 2 เดือนละ นั่งดูซีรี่ย์โง่ เล่นเกม กิน ไปเที่ยว ช็อปปิ้ง ผลาญเงินเก็บ มันก็ไม่มีความสุขขึ้นเลยว่ะ แต่ก็ไม่ได้เศร้านะ (กูเคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน อาการมันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้) มันรู้สึกเฉยๆว่ะ เหมือนกูเป็นมันฝรั่งอ่ะ กลวงๆไงไม่รู้ว่ะ มันคืออาการที่เค้าเรียกว่า burn out หรือเปล่าวะ มีใครเคยเป็นแบบกูบ้าง กูควรไปหาจิตแพทย์มะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.