คำพูดนี้จริง
ทำร้ายตัวเองน่ะเบาะๆ มาก เป็นแค่การอยากพักผ่อน อยากให้คนอื่นมาดูแล
แต่ความตาย เมื่อตัดสินใจแล้วพวกเราจะสงบและเตรียมการอย่างดี เราจะนั่งพิจรณาอยู่นานถึงเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ ในจุดนั้นเราต้องคิดอย่างจริงจังว่าจะหายใจต่อไปเพื่ออะไร ถ้าคิดไม่ได้คือจบ
พอดีจอมเทียนคิดได้ไง
พอคิดได้แล้วเหมือนโลกพลิกเลยนะ
ฉันจะไม่ทำอะไรที่ฉันไม่อยากทำแล้ว
---
พฤศจิกายนปีก่อนเป็นเดือนสุดท้ายที่ฆ่าตัวตาย
จอมเทียนศึกษายาที่มีขายตามร้านขายยาทั่วไป ไม่ใช่ยาที่จะถูกมองแปลกๆ ถ้าซื้อเป็นจำนวนมาก ไม่ขอเปิดเผยชื่อยาเพราะมีผู้ป่วยเหมือนกันรู้จักจอมเทียนในเฟสเยอะ เดี๋ยวเขาจะเอาอย่าง
ยานั่นทำให้หัวใจของคนปกติล้มเหลวเฉียบพลันได้
จอมเทียนแกะกินไปเรื่อยๆ 60 - 70 เม็ดละมัง
ค่อยๆ สัมผัสทุกความเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างสงบ
จนกระทั่งเขียนหนังสือไม่ได้นั่นแหละ
ร่างกายพังแล้ว มือสั่นตาลายจนเขียนหนังสือไม่ได้
จะลุกขึ้นเดินยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
แค่ยืนก็ทรุดฮวบลงไปอีก
ภาพตรงหน้าบิดเบี้ยว
มันคือความตาย
เมื่อยมทูตมาสัมผัสใบหน้าของเราอย่างอ่อนโยน นั่นแหละเราถึงได้หวาดกลัวเขาเป็นครั้งแรก การที่เขียนไม่ได้ทำให้ฉันกลัวมาก พระเจ้า ฉันเขียนอะไรไม่ได้เลย ฉันควบคุมมือตัวเองไม่ได้ ไม่เอานะ ฉันไม่ยอม
ตอนที่ตื่นขึ้นมีแพทย์ล้อมรอบเตียง จอมเทียนถูกล้างท้อง (ครั้งที่ล้านมั้ง) หน้าอกถูกแปะสายไฟเตรียมพร้อมกระตุ้นให้กลับมาเต้นเต็มที่
"กินเข้าไปจำนวนเท่านั้นจริงหรือเปล่า
คนปกติเขาตายไปแน่ๆ แล้วนะรู้ไหม"
หมอคาดคั้นถามฉัน ถึงกับเชคไปทางร้านขายยา เชคสถานที่ที่ฉันกินยาเข้าไป
ที่ไหนน่ะหรอ ฉันซื้อยาที่หอยู เดินไปกินข้าวเหนียวไก่อักษรที่อยากกิน แล้วก็มานั่งบิยาออกจากแผงกินทีละเม็ด
น้ำหมด โอเค เดินไปห้องสมุดอักษร ที่ๆ ฉันชอบ
เติมน้ำ อ่านหนังสือ กินยาทีละแผงๆ แล้วเก็บซองยาไปทิ้ง ตั้งใจว่าจะไม่ให้สืบได้ว่ากินอะไรเข้าไป
นั่งอยู่ในห้องสมุด มีคนรอบตัวมากมาย ไม่มีใครสังเกตเห็น
ไม่มีใครสังเกตเห็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่กำลังฆ่าตัวตายอย่างสงบ
ฉันทำลายหลักฐานทุกอย่างไม่ให้ตามได้ว่ากินอะไรเข้าไป
หมอน่ะ ถ้าไม่บอกว่างูอะไรกัด เขาก็ฉีดเซรุ่มรักษาให้ไม่ได้
เขาไม่รู้สาเหตุ ฉันก็จะตายไงล่ะ
ฉันทำตามเป้าหมายของตัวเอง คือจะไม่เป็นภาระให้ใคร
เมื่ออาการแย่เต็มที่แล้ว ฉันรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายไปห้องฉุกเฉิน ปิดปากสนิทบอกแค่ว่าปวดหัว เวียนหัวมาก
เหมือนตอนที่ฉันทำร้ายตัวเอง 4, 5 ครั้งหลังๆ ก็ไม่มีใครรู้ ฉันแบกข้อมือโชกเลือดไปหาหมอเอง ไม่ต้องลำบากใคร
จะตายก็ตายโรงพยาบาล ไม่ต้องสร้างตำนานเฮี้ยนให้ที่ไหนเพิ่ม
__
วันนั้น นอกจากอาการเขียนอะไรไม่ได้ที่ลากฉันกลับมาจากความตาย ยังมีนิสิตแพทย์คนหนึ่ง เป็นคนซุ่มซ่ามมาก ทำอะไรก็มือสั่น เขาคุยกับฉัน...
หมอคะ คุณหมอ การที่คุณส่งความห่วงใยไปถึงคนไข้น่ะ มันช่วยชีวิตคนได้นะ
ความห่วงใยจากหมอโก๊ะๆ คนนั้น ส่งมาถึงหัวใจ
ฉันจึงหลุดปากออกไปโดยไม่รู้ตัว บอกแค่เขา ไม่ได้บอกหมอใหญ่
"กินยา ()&^&^$% มา 70 เม็ดค่ะ"
เสียงเรียบๆ ครั้งเดียวประโยคเดียว
เราสบตากัน หมอกระชับมือฉัน เดินออกไปปรึกษาหมอใหญ่ แล้วความโกลาหลก็เกิดขึ้น สายล้างท้องมา เครื่องบ้าบอคอแตกมาเต็ม
หมอคนนั้นซุ่มซ่ามเป็นบ้า สอดท่อล้างท้องไม่ลงจมูกฉัน มาให้ชั้นสอดเองเลยมั้ยหา ชั้นโปรแล้วนะเว้ย
"พี่ก็ป่วย"
หมอบอก ลูบหัวฉัน
"พี่เข้าใจ หมอก็เป็นกันเยอะ ไม่เป็นไรนะ"
เขายิ้มให้ฉัน ฉันจำหน้าเขาไม่ได้แล้ว รู้แค่ว่าอยากเจออีก อยากขอบคุณ ตัวฉันเองและเสียงนุ่มๆ นั่นโอบกอดหัวใจฉันเอาไว้ในคืนที่เฉยชาที่สุด
ท่ามกลางเสียงตื้ดเป็นจังหวะ สลับกับเสียงเตือนว่าหัวใจฉันกำลังร่วงลงให้หมอตกใจเล่นเป็นช่วงๆ ฉันเบื่อ
ฉันมองไปรอบตัว
คุณยายคนนั้น พี่ชายอีกคนที่เป็นโรคหัวใจถูกเข็นมาเตียงข้างๆ และคุยกับฉัน
ฉันเบื่อ
ถ้ามันจะตายเดี๋ยวมันก็ตายเองแหละ พอแล้ว
ฉันขี้เกียจตายแล้ว