Last posted
Total of 1000 posts
>>790 สงสารมึงว่ะ เข้าใจเลย กูเจอประจำ ยืมเงินนิดหน่อยตีเนียนไม่คืน ไปกินข้าวด้วยกันกูออกไปก่อน ดูบิลส่วนของตัวเองดิบดี แต่สุดท้ายก็เนียนไม่จ่าย แต่พอดีกูมาโดนตอนโตแล้ว เงินเดือนเยอะกว่าพวกเด็กๆ กูเลยไม่ทวง ให้ไปเลยถือว่าเปย์ในฐานะเจ๊ เอาจริงกูสายเปย์อยู่แล้วโดยสันดาน แต่บอกเลยพวกนั้นแม่งพลาด เพราะน้องที่นิสัยดีๆ ยืมแล้วคืน กินข้าวด้วยกันเสร็จรีบจ่ายรีบโอน หลังจากนั้นมันจะได้รับการเปย์จากกูเยอะกว่านั้นมากๆๆๆ ได้กินของดีๆ แพงๆ จากกู 555 (บอกแล้วกูสันดานชอบเปย์) แต่ใครนิสัยเสียทำตีเนียน บรัยส์ค่ะ จบที่ครั้งเดียวกูไม่เข้าใกล้อีกเลย
สำหรับกูถ้าเลี้ยงคือเลี้ยง ถ้าให้คือให้ พวกน้องๆ ส่วนมากรู้ดีถึงความเป็นอาเจ้สายเปย์ของกู แต่พวกมาหน้าด้านตีเนียนทำมึนนี่รับไม่ได้จริงๆ
จะว่าไปแล้วเพราะปีนี้มีโควิด รายจ่ายส่วนภาษีสังคมกูประหยัดไปอื้อเลย
กูเลิกกับแฟน กูเหมือนตายทั้งเป็น
ปีนี้โควิด บริษัทกูงดจัดงานทุกอย่าง ทั้งงานปีใหม่ งานเที่ยวประจำปี งาน CSR งานกีฬาสี (งดชุมรุม+ลดคอสต์ไปในตัว) กูโคตรรรดีใจแฮปปี้มีความสุขอยากให้งดแม่งทุกปีงดแบบนี้ตลอดไป
โคตรเบื่อเพื่อนร่วมงานเห็นแก่ตัวกะเจ้านายเชี้ยๆที่คอยให้ท้ายพวกมันมาก
วันไหนกูได้ดิบได้ดีจะกลับมาเหยียบหน้าพวกมึงเรียงตัวเลย ฟวยยย (...จะมีวันนั้นไหมวะ เวรเอ้ย)
ร้านกูที่ทำซูชิแม่งเริ่มละ มาทำสาขาฝั่งธน รายได้แม่งต่างลิบลับกับฝั่งสาขาในตัวเมืองที่คนมาแดกพรึ่บพรั่บจนไม่มีปัญหาเรื่องทำยอดร้าน นี่แม่งเรียก พนง.ครัวระดบสูงๆไปคุยรายหัวเพื่อปรับฐานลงเลยสัส หวังว่าแม่งคงไม่ตัดincentive เบี้ยขยันทิ้งนะ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องโควิดกับอาหารทะเลนี่จะแบบดีกว่านี้มาก อย่างน้อยๆก็เส้นยาแดง นี่คือเลวร้ายเลย คนลาออกไปแล้วก็งดรับคนเข้ามาใหม่ งานปีใหม่งดจัดยาวๆ(คืนงบจัดเลี้ยงเข้า สนง.) ปิดร้านแต่ละที เปิดร้านแต่ละรอบ หืดขึ้นคอทุกคน ใครลาป่วย ลางาน ลากิจ ชิบหายวันนั้นกันสนุกสนาน ............................ถึงงั้นก็รู้สึกว่าร้านชาบูที่ทำงานเก่าแม่งน่าจะบัดซบกว่าเยอะถ้าเจอสภาวะแบบนี้ เพราะแม่งขายชาบูแทบไม่ออก ร้านซูชิยังดีที่มันมีเวอร์ชั่นซื้อกลับบ้านไปแดกได้ ขายให้ลาลามูฟ แกร๊บ โกเจก พาไปซื้อกลับบ้านแดกได้ตลอด ตราบใดที่ไม่ปิดศูนย์การค้า/เล่นจนพวกไรเดอร์เข้าห้างไม่ได้เลยเพื่อมาสั่งซูชิแดกก็มีงานทำ
กำลังเริ่มศึกษา excel ที่ใช้งานหลักๆในที่ทำงานต้องรู้เรื่องอะไรบ้างรบกวนแนะนำหน่อย
https://twitter.com/Minibun123/status/1343187936670433286?s=19
กำลังเป็นกระแส เพื่อนโม่งมีความเห็นว่าไงกันมั่ง ขอความเห็นพร้อมโปรไฟล์ด้วยก็ดี กูอยากรู้ว่าช่วงวัย+อาชีพมีผลต่อความเห็นมั้ย หรืออยู่ที่ทัศนคติทางเมืองเป็นหลัก
>>799 กุเป็นเด็กซิ่วกำลังเตรียมสอบใหม่ กูคิดว่าถ้าไม่มีงานทำแต่มีเงินใช้ไม่เดือดร้อนพ่อแม่ ก็ไม่จำเป็นต้องไปฟังเขา แต่ยังแบมือขอเงินจากเขาใช้อยู่ เขาก็มีสิทธิที่จะไล่ให้เราไปหางานนะ เห็นด้วยว่าถ้าการเมืองดีก็คงไม่โดนกดแบบนี้ แต่มันทำไงได้คนเราต้องกินข้าวไม่ใช่กินอุดมการณ์
>>799 กูคนเอามาถามความเห็นเองนะ แยกเม้นเพราะน่าจะยาว
30ต้นๆ มนุษย์เงินเดือน
กูว่าข้อมูลมันน้อยไป ถ้ามาบ่นแบบนี้ในโม่งกุคงถามโปรไฟล์เพิ่มเหมือนหลายคนในทวีต ม. คณะ เกรด คะแนนสอบภาษาได้เท่าไร พอร์ตที่ว่าใส่ไปเยอะนั่นยัดอะไรไปบ้าง(เยอะไปมันล้น เค้าไม่อ่าน) สมัครไปเยอะแค่ไหน ตำแหน่งอะไร เรียกเท่าไร ตอนสัมเป็นไง บลาๆๆ เพราะพวกนี้มันมีผลหมด แต่ดูท่าเจ้าตัวไม่อยากเปิดเพราะเป็นแอคฉอดด้วย อืม เคร
กูแปลกใจทุกครั้งที่มีคนโปรไฟล์ดีมาบ่นว่าหางานยาก ในโม่งนี่ก็ด้วย อาจเพราะสายงานกูเกียรตินิยมมันจะมาพร้อมกับความสามารถในการนำเสนอตัวเองเสมอ เลยไม่เคยเจอใครหางานไม่ได้แบบนี้
>>801 งงตรงที่ว่าไม่อยากเอาความสามารถไปใช้กับเงินเดือน 12,000 แต่ยอมไปทำพาร์ทไทม์ 4,000 แทน ทั้งๆที่สามารถไปรับงาน 12,000 ก่อน แล้วพอหางานที่ฐานเงินเดือนสูงกว่านี้แล้วค่อยย้ายก็ได้ อันนี้อารมณ์เหมือนหนักไม่เอาเบาไม่สู้ ส่วนเรื่องคะแนนโทอิกโทเฟลนี่เฉยๆ เพราะในคณะที่กูเคยเรียนคะแนนพวกนี้ถือว่าเป็นเรื่องมาตรฐานอยู่แล้ว (กูเรียนสัตวะ กำลังจะซิ่วไปหมอ) แต่ข้อมูลต้นเรื่องคือให้มาน้อยมาก เกรดดีแต่ถ้าม.ธรรมดาไม่ได้มีชื่อ กับพอร์ตล้นแต่ถ้าข้อมูลในพอร์ตไม่ตรงกับที่เขาต้องการ ก็ไม่แปลกที่จะไม่ได้งานไหมอ่ะ
>>799 เห็นบอกเลิกใช้เงินที่บ้านมาเป็นปีแล้ว ทำไมไม่ย้ายออกจากบัานวะ จะฟูมฟายเป็นคนบ้าอยู่ทำไม กูล่ะงง กูก็เป็นคนนึงที่เข้ากับคนในบ้านไม่ได้นะ เรียนจบก็ออกมาอยู่คนเดียว(จากกันด้วยดี เดือนนึงไปกินข้าวกันสองสามครั้ง) สำหรับกู การจะปฏิเสธพ่อแม่ ว่าพ่อแม่ได้ คือการที่มึงต้องตัดขาดจากเขาทุกอย่างอะนะ ไม่ใช่อยู่บ้านเดียวกัน แดกน้ำที่เขาจ่ายแล้วยังด่าเขา ถ้าอยู่กันไม่ได้ก็ออกมา แยกย้าย จบ
อายุ 26 อาชีพพนักงานบริษัท ที่บ.กำลังเผชิญวิกฤตโควิด
กู >>801 อีกแล้ว
https://twitter.com/Minibun123/status/1343539048552386560?s=19
- ทำกิจกรรม
- เป็นเหรัญญิก
- แสดงละครเวที
- เชิญอาจารย์ม.ดังมาเสวนา
4 อันข้างบนนี่ not worth mentioned นะ
- เคยเขียนบทความได้ลงเดลินิวส์ อันนี้โอเคเลย ถ้าเป็นงายสายสื่อสารมวลชนหรืออักษร
- ผ่านคัดเลือกเข้างาน UN ต้องดูก่อนว่างานอะไร ถ้าไม่เกี่ยวกับสายงานที่สมัครก็ไม่จำเป็นต้องใส่พอร์ต
https://twitter.com/KAYlIlIlIlIlIlI/status/1343526299776602123?s=19
- เหมือนน้องเค้าจะทวีตบอกแต่ลบไปแล้ว แต่ก็พอรู้ล่ะว่าม.ธรรมดา คณะธรรมดา
https://twitter.com/Minibun123/status/1343585888463306754?s=19
- เกรดธรรมดา ค่อนไปทางแย่
มีอีกหลายทวีตที่เพิ่งระเบิดออกมา กำลังเครียด
กูดูเป็นพวกขี้เสือกนะเนี่ย แต่กูอยากรู้ข้อมูลเพื่อจะแนะนำให้ถูกอะ แบบนี้คือเห็นเลยว่าน้องเค้าเข้าใจอะไรผิดไปมากๆ เค้าติดกับดักโซเชียล อยู่ใน echo chamber ของ #ถ้าการเมืองดี แบบที่เด็กเจน Z มักเป็นกัน แต่เค้าเห็นโลกมาน้อยมาก เค้าไม่ได้เก่งขนาดนั้น ไม่ได้มีความสามารถมากขนาดนั้น และสายงานเค้าไม่ได้เงินเดือนดีขนาดนั้น ซึ่งที่เค้าไม่รู้น่ะไม่ผิด ที่ผิดคือความมั่นใจตัวเองของเค้า และเค้าไม่คิดจะรับฟัง
ใครเรียบเรียงคำพูดได้ดีก็ช่วยอธิบายให้น้องเค้าเข้าใจหน่อยละกัน นี่กูใจดีผิดปกติมากนะเนี่ย ปกติเจอเด็กมั่นหน้าแบบนี้ด่ายับไปแล้ว
>>799 สมัยกูเป็นเด็กเห่อหมอยกูก็คิดงี้อ่ะ คิดว่าโลกมันสวย ตัวเองเก่ง จบมาต้องได้เงินเดือนเยอะๆ แต่ความจริงคนเก่งๆเค้าหางานเงินเดือนเยอะๆได้อยู่แล้ว ส่วนคนกลางๆไปหมดโลกมันก็ไม่ได้สวยขนาดนั้นอ่ะ ต้องหัดยอมรับความจริงด้วย
ปล.กูว่าเค้ามีปัญหาเรื่องการเขียน resume ป่ะ ถ้ายัดทุกอย่างไปหมด hr เค้าก็ไม่อยากอ่านอ่ะ เอาแค่อันที่ปังแล้วก็ตรงสายงานก็พอ ไม่ใช่สักแต่ยัด แล้วเห็นบอกว่าหางานมาตั้งแต่มีนา ถึงตอนนี้ยังหางานทำไม่ได้ก็ควรกลับมาคิดทบทวนตัวเองใหม่แบบแรงๆได้แล้วอ่ะ
ทวิตมีไว้บ่นอยู่แล้ว สมัยก่อนคนก็บ่นแต่แค่ไม่ได้พิมพ์ลงทวิตให้คนเขาไปเสือก แคหมาด่า
แล้วกุขำพวก ชาวเริ่มต้นที่ตัวเองทุกอย่างมากกว่า เราควรพัฒนาตัวเองไม่เถียง เงินเดือนไม่มีทางเยอะทุกอาชีพก็ปกติในระบบเผลศรษฐกอจแบบตลาด แต่โครงสร้างเศรษฐกิจไทยมีปัญหาจริงๆ
>>803 เห็นด้วยกับมึง ตราบใดที่ยังอาศัยบ้านแม่อยู่เขาก็มีสิทธิ์ การเมืองมันเหี้ยก็จริง แต่มึงต้องรอด แม่ก็คิดว่าลูกกูต้องรอด จะอยู่งอมืองอตีนไม่ทำงานไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่ได้ คนตกงานเต็มบ้านเต็มเมืองเขาก็ปรับตัวกัน ทำอะไรได้ก็ทำไปก่อน หยิบจับขายขนมส้มตำไปพลาง แม่มันควรจะน้อยใจมากกว่ามั้ยว่าลูกที่กูคิดว่ามันเก่งทำไมมันเอาตัวรอดในสังคมไม่ได้ จะอยู่เป็นปลิงเกาะไปจนกูตายมั้ย กูตายแล้วมันจะเอาตัวรอดได้มั้ย
กูน้อยใจที่ตัวเองต้องทำงานที่ไม่ชอบต้องทำงานหนักเพื่อที่จะได้อะไรซักอย่างนึง ในขณะที่เพื่อนได้ทำงานที่ชอบรายได้ไม่เยอะทำขำๆแต่ได้ทุกอย่างเพราะเกิดมาในครอบครัวคนรวยซินะ
หลังจากผ่านชีวิตการทำงานมาประมาณ 8 ปี เปลี่บนงานมา 3 ที่ กูค้นพบว่าทำงานที่ไม่ได้ชอบแต่ก็ไม่ได้เกลียด รายได้ดี สวัสดิการดี มั่นคง สิ่งแวดล้อมที่ทำงานดี มีอนาคต คือคำตอบที่ดีที่สุดละ
ต่อให้ชอบงานแค่ไหน ขึ้นชื่อว่างานยังไงก็มีปัญหา เอาสิ่งที่ชอบมาทำเป็นงาน ดีไม่ดีจะเกลียดสิ่งที่เคยชอบไปเลย... แต่งานที่เกลียดนี่ก็ไม่ไหว บั่นทอนจิตใจเกิน
>>816 โอเค งั้น condition ของมึงคือการได้ทำงานที่รักก่อนตายสินะ งั้นจะไปสนใจอะไร ก็มุ่งทำไปเลย อย่ามานั่งบ่นเพ้อพกชะตาชีวิต ถ้าไม่เริ่มสักทีเอาแต่บ่น เมื่อไหร่จะได้ทำวะ ถึงไม่มีเงิน ไม่มีแดกก็ใช้ความสุขที่ได้จากการทำงานที่ชอบนั่นแหละแดกไป ในเมื่อนี่คือเงื่อนไขก็ต้องทำให้ได้
>>820 นั่นแหละที่ต้องการถ้าครอบครัวรวย กูก็ไม่สนห่าไรหรอก อยากทำไรก็ทำ55555
กูก็จะทำละแหละครอบครัวกูด่าไง ดึงดราม่าจะให้กูทำงานตรงสายที่เรียนมา
ในขณะที่เพื่อนกูรับงานชิวๆ เหนื่อยก็ไม่รับบ้าง แต่ครอบครัวซัพพอร์ตไม่บ่นไม่ด่า มีเงินใช้
ถ้าบ้านกูรวยเท่าเพื่อนกูกูทำไปนานละ ครอบครัวกูจะไม่บ่น และกูก็ไม่ต้องโดนบังคับให้ทำห่าไรที่ไม่ชอบ แถมมีแดกอีกต่างหาก
>>822 กูแค่เปรียบเทียบให้ดูเฉยๆว่าบางคนใช้ชีวิตชิวๆได้ อยากทำไรก็ทำ ชีวิตวัยรุ่นก็ได้ใช้เต็มที่ไม่เคยต้องเรียนหนักแบบกู เรียนจบไปยังสบาย เพราะบ้านรวยยังไงล่ะ ในขณะที่กูทำไรไม่ได้ โดนครอบครัวบังคับเพราะไม่รวย เรียนหนักตั้งแต่เด็ก กว่าจะยันจบก็30 ดูซิกูเสียเวลาแค่ไหน
>>823 เสียเวลาหรือไม่อยู่ที่ชุดความคิดอะนะ บ้านกูก็ไม่รวย เรียนหนักมั้ย อืมม ไม่รู้จะใช้คำว่าหนักได้หรือเปล่า แต่กูมีความตั้งใจ หาข้อมูลเรื่องรายได้ของแต่ละอาชีพตั้งแต่ยังเรียน แล้วก็เดินตามทางที่วางแผน ขวนขวายทุกอย่างที่ทำได้ กูไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเสียเวลา กูคิดว่ามันท้าทาย และกูก็ภูมิใจในตัวเองทุกวันนี้ ส่วนเรื่องที่ชอบ กูก็เก็บไว้เป็นงานอดิเรก ไม่ได้เอามาทำเป็นงาน
ทำคอนเท้นด่าคนแล้วรวยแบบ อตตป.
หัวหน้าไม่ให้ลาออกหวะ แบบรั้งโคตรๆ กูจะชิ่งไม่ไปทำงานเลยดีปะวะ
ไอ้เรื่องทำอะไรที่ชอบนี่ตอนนี้กู 20 ปลายๆละ รู้สึกเหมือนสิ่งที่ชอบแม่งกลายเป็นสิ่งที่เกลียด แต่ก็ต้องฝืนทำเพื่อเงินยังไงไม่รู้ว่ะ 555
ตอนนี้ทำงานมา 8 ปี เพิ่งเปลี่ยนงานครั้งที่ 2 กำลังจะเริ่มงานใหม่หลังปีใหม่ สถานะกูตอนนี้คือรายได้ดี แต่สวัสดิการ+ความมั่นคงแทบไม่มีเลย
ขอตัดบทเลยละกัน
จบใหม่ทำงานมาได้สัก7-8เดือนละแต่ไม่ค่อยชอบงานเลยถ้าสมมติไปหางานอื่นที่ชอบ/ชิวขึ้นแต่เงินลดลงพอสมควรนี่โอเคมะ ภาระยังไม่มีแค่อยากลองทำอะไรไปเรื่อยๆก่อนจะหาที่อยู่แบบยาวๆอ่ะ
+กำลังคิดว่าอยากย้ายไปทำพวกรัฐวิสาหกิจอยู่ เอกชนเงินเยอะแต่งานหนัก+ไม่ชอบอีก เงินลดลงเกือบครึ่งอ่ะถ้าไป(สายคอม)
คิดว่าไงกันมั่งครับเพื่อนๆ
https://twitter.com/pkradat/status/1344091759006031872?s=21
ไหนบอกคนไทยขี้เกียจ
>>839 ตราบใดที่พวกมรึงเป็นแค่ลูกจ้าง ทำงานหัวหมุนหามรุ่งหามค่ำก็loserหมดแหละ ว้าย เจ้านายนอนสบายพวกมึงก็อยู่ทำOTไป คนที่กูอิจฉาจริงมีแค่พวกไม่ต้องทำอะไรแล้วสบายมีเงินใช้เท่านั้น ไม่ใช่พวกเอาเวลาชีวิตมาแลกเงินแบบพวกมึงหรอก ไม่ต้องมาเล่าว่างานอย่างนู้นอย่างนี้ ตราบใดที่มึงต้องทำงานหนักไม่ว่าจะรายได้มากแค่ไหน กูไม่อิจฉาหรอกนะ ชิ่วๆๆๆ ทง
เสริมอีกนิด กูมีเพื่อนที่ทำงานที่เดียวตั้งแต่จบใหม่จนปัจจุบัน 8 ปี มันบ่นเรื่องงานตลอดแต่ก็ไม่กล้าออกเพราะอายุมากแล้วหางานยาก จะเปลี่ยนสายงานก็ยาก กลัวไม่รู้ไปทำงานที่ใหม่จะเจออะไรบ้าง ฯลฯ เพราะมันไม่เคยมีโอกาสได้ลองทำงานอื่นเลยนอกจากงานปัจจุบันที่ทำอยู่ แถมก็ไม่รู้ว่าที่มัน suffer กับงานปัจจุบันนี่เพราะงานมันแย่จริงหรือแค่คิดว่ามันแย่เพราะไม่เคยมีตัวเปรียบเทียบ เพราะทุกงานมันก็มีปัญหาหมดนั่นแหละ เหมือนมันเป็นคนไม่รู้จักโลกภายนอกไปเลยอะ
>>840 จากที่กูเคยทำประเทศเกาะในยุโรปมานะ ที่ตปท.จะไม่ค่อยมีวันหยุดนักขัตฤกษ์(พิมพ์ยากชิบหาย)เยอะเท่าไทยนะ เรียกว่าน้อยมากๆ ปีนึงประมาณ7-8วัน มันเลยมาหนักเอาที่วันหยุดholidayส่วนตัวนี่แหละ ตอนกูทำ(จูเนียร์)มีวันหยุด 16 วันก็ไม่ถือว่าเยอะอะไรน่ะนะ ไม่ได้หยุดยาว 30 วันขนาดนั้น
>>849 ส่วนที่กูรู้ของญี่ปุ่นคือเค้าไม่มีลาป่วยลากิจลาๆๆๆโน่นนี่นั่นแบบของไทย (ของพี่ไทยบางคนลาป่วยล่อเข้าไปปีละ 30 วัน เหมือนกลัวขาดทุนถ้าใช้ไม่ครบโควตา) เค้ามีแต่ paid leave กับ leave without pay ไปเลย เพราะงั้นจำนวนวันของ paid leave เลยเยอะกว่าพักร้อนของไทยหน่อย ถ้าลาป่วยก็ใช้ paid leave เอานี่แหละ
ถามหน่อยว่าโม่งที่อายุใกล้ 30 หรือเพิ่งเลย 30 ใหม่ๆมีใครเปลี่ยนจากฟรีแลนซ์/พนักงานสัญญาจ้างที่เงินเยอะๆมาเป็นพนักงานประจำกันบ้างมั้ย
ตอนนี้กูเป็นโปรแกรมเมอร์ อายุใกล้ 30 แล้ว เป็นพนักงานสัญญาจ้าง ยังรู้สึกว่าถ้าต้องเปลี่ยนจริงๆทำใจกับเงินที่หายไปไม่ค่อยได้
ตอนเรียนจบใหม่ๆเคยเป็นพนักงานประจำอยู่พักนึง รู้สึกสวัสดิการหลายอย่างจะใช้จริงๆก็เงื่อนไขการขอเบิกก็จุกจิกมาก
แล้วก็ไม่ชอบระบบประเมินพนักงานด้วย กูเลยไม่ชอบการเป็นพนักงานประจำเท่าไหร่
เรื่องความมั่นคงเห็นพ่อแม่หรือเพื่อนที่เป็นประจำชอบพูดเชียร์กันว่าดี แต่ก็เห็นพนักงานประจำโดยเลย์ออฟกันเป็นว่าเล่นอยู่ดี
อาชีพนี้ ศก. ไม่ดีก็หางานประจำยากขึ้นเรื่อยๆด้วย พวกมึงคิดว่าไงกันมั่ง
>>854 กูแหละ เปลี่ยนจากสัญญาจ้างมาทำประจำตอน 30 แต่ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาทำประจำอะไรหรอก พอดีว่าเงินเดือนน้อยลงแต่ได้สวัสดิการ+allowance กลายเป็นว่า total income เพิ่มขึ้น ยังไม่รวมโบนัสอีกต่างหาก ก็เลยรีบเอา สวัสดิการบ.กูเบิกง่ายอยู่นะ ไม่จุกจิก ส่วนความมั่นคงก็ไม่มีหรอกอย่างที่มึงเข้าใจอะถูกแล้ว พนักงานประจำก็ตกงานได้ง่ายๆ ไม่ต่างกัน แต่มี career path มีโอกาสเติบโต ตอนประเมินก็จะเครียดๆ หน่อย 555 ตอนแรกไม่ชินเหมือนกันเป็นสัญญาจ้างที่เก่าไม่มีประเมินเกรด เค้าก็แค่ต่อสัญญาไปเรื่อยๆ
>>854 กูเปลี่ยนจากฟรีแลนซ์เป็นประจำตอน 29 ยอมรับเลยว่าชีวิตตอนนี้มั่นคงขึ้นเยอะ จากที่คิดว่าการมีบ้านแม่งยากชิบหาย ตอนนี้มีบ้านแล้ว(อายุ 34) แต่มันก็เพราะตัวกูก่อน 30 ที่เละเทะเองโดยเฉพาะเรื่องเงิน มันเลยเห็นความต่างชัดเจน ส่วนตัวคิดว่าเป็นสัญญาจ้างก็ดี ถ้ามึงสามารถดูแลตัวเองได้ มีวินัยในการจัดการเงินตัวเอง ทำประกันเอง ก็ไม่จำเป็นต้องแคร์เรื่องสวัสดิการมาก
เออ พวกโปรแกรมเมอร์มาละ ขอถามด้วยเลยละกัน ในอนาคตกูอาจจะได้เริ่มงานสายนี้แบบ ปสก 0 เลยหว่ะ เพราะจะจบ ป.ตรี ก็อายุปาไปจะ30แล้ว(เพราะที่ผ่านมาเก็บเงินเพื่อสอบเข้ามหาลัยปิดโดยตลอด) แถมวุฒิจบมาไม่ตรงสายด้วย(เป็นสายแนวMISหรือสารสนเทศการจัดการ) เวลาหางานมันจะหือขึ้นคอไหมวะ?
>>857 ถ้าอยากหางานง่ายขึ้น มึงควรจะเขียนโปรแกรมได้บ้างไม่มากก็น้อย
เมื่อก่อนเคยรู้จีกคยที่มูฟจากสายเคมีมาเป็นโปรแกรมเมอร์ เริ่มจาก0เหมือนกัน เห็นบอกว่าไม่ได้หางานยากขนาดนั้น แต่ก่อนเริ่มหางานเขาก็ฝึกเขียนมาพอสมควรนะ แต่ถ้าใกล้30แล้วอันนี้กูไม่แน่ใจ
และที่สำคัญคือถ้าหางานได้แล้วที่น่าจะเจอแน่ๆคือสถานการณ์ที่เราฝีมือสู้เด็กไม่ได้ อย่าไปน้อยใจนะ พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ อาชีพนี้แม่งหยุดเรียนรู้ไม่ได้จริงๆ
>>857 กูว่ามึงยังไม่เห็นภาพว่าสายงานด้านไอทีมีตำแหน่งหน้าที่อะไรบ้างเลยเข้าใจว่าต้องเป็น programmer เท่านั้น
https://m.pantip.com/topic/31930621?
https://www.blognone.com/node/32678 อ่านเม้นให้หมด อันนี้หลากหลายมุมมองดี
นี่กูหาคร่าวๆนะ อันที่ broke down ถึงตำแหน่งความรับผิดชอบในทีมหาไม่เจอ ที่จริงควรรู้อันนั้นก่อนด้วย
แต่ที่อยากเตือนคือ โดยรวมแล้วงานสายไอทีไม่ว่าจะตำแหน่งอะไรก็ตามต้องการความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ประมาณนึง คือกูว่ามึงดูไม่ใช่คนกระตือรือร้นมากพอน่ะ อายุเริ่มเยอะแล้วด้วย อยากให้คิดดีๆก่อน ศึกษาให้เยอะว่าจะไปทางไหน ความรู้มันอัพเดทไว ไม่งั้นทำไปไม่กี่ปีก็จะรู้สึกว่าตามคนรุ่นใหม่ไม่ทันและเหนื่อย กูเองก็เริ่มล้าตั้งแต่เข้าเลข 3 แต่ก็ยังทู่ซี้มาได้เรื่อยๆอยู่
ถ้าเงินเดือนเท่ากัน ความมั่นคงเท่ากัน พวกมึงจะย้ายไป บริษัทใหญ่ๆชื่อเสียงป่าววะ
พรุ่งนี้จะไปเริ่มงานใหม่แล้ว เครียดว่ะ
>>861 แล้วแต่คนชอบ เป็นกูไปแบบไม่คิด เพราะเคยทำมาทั้งสองแบบ กูไม่ถูกจริตกับบ.เล็กๆ ที่ง่ายๆสบายๆแต่อะไรแม่งก็มั่วเละเทะยุ่งเหยิงไปหมด กูชอบบ.ใหญ่ระบบระเบียบกฎเกณฑ์ชัดเจน JD ชัดเจนไม่มั่ว ส่วนเรื่องเงินเดือนปกติบ.ใหญ่เงินเดือนมันต้องน้อยกว่าอยู่แล้ว ถ้าเทียบแบบปัจจัยอื่นเหมือนกันเป๊ะหมดนะ เพราะบ.เล็กมันไม่มีแรงดึงดูดอื่นใดนอกจากต้องเอาเงินมาล่อ
>>865 กูค่อนข้างสลับกับมึงเลยแฮะ รู้สึกว่าบ.เล็กมีช่องให้กูโตได้มากกว่า บ.ใหญ่ที่เคยเจอมา จะขยับได้เหมือนต้องรอให้ข้างบนเขาโปรโมทแล้วที่ว่างก่อน ถึงจะขึ้นไปเสียบได้
อีกอย่างคือบ.เล็กที่กูเคยทำมาเกือบทั้งหมดก็ทำงานเป็นระบบนะ แค่อาจจะตัดบางขั้นตอนทิ้งถ้าเทียบกับบ.ใหญ่ เพราะไม่มีคนทำในโรลนั้น อาจจะเป็นเพราะตอนกูไปสัมกูถามสแกนตลอดด้วยมั้ง ประมาณว่า flow การทำงานปกติเป็นยังไง ที่บ.ใช้ tool อะไรช่วยในการ manage งานบ้าง
แนะนำเด็กจบใหม่แบบกูที่เกรด2.00 จบวิทย์คอมมา กูต้องเตรียมตัวอะไรบ้างวะ ภาษา การลงทุน
เพิ่งรับราชการได้ปีเดียวก็เบื่อแล้วว่ะ มีวิธีให้อยู่ได้ยันเกษียรปะ
ถามหน่อย ถ้าบริษัทให้คอมประจำตำแหน่งเป็นโน๊ตบุค เอากลับไปใช้ที่บ้านได้ แล้วกูเอามาทำโปรเจกส่วนตัวหลังเลิกงาน บริษัทจะถือว่าเป็นเจ้าของโปรเจกนั้นของกุป่าววะ
>>869 ถ้าจะถามเรื่องหางานก็ภาษาก่อนเลยอันดับแรกเป็นใบเบิกทาง อย่างน้อยควรฟังให้เข้าใจ พูด เขียนให้พอรู้เรื่อง บางที่ที่ไม่ใช่บ.ใหญ่ ๆ แต่เป็นของต่างชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองเหมือนเรา ถึงไม่เป๊ะ grammar ก็พอจะคุยกันรู้เรื่องอยู่ แต่ถ้าทำกับเจ้าของภาษาก็อาจจะต้องเข้มขึ้น ไม่มั่นใจไปลองเรียน ลองสอบ TOEIC ไรพวกนี้ดู
ส่วนเรื่องเกรด ถ้าไม่สมัครบริษัทคนไทยรึบ. ใหญ่ ก็มีโอกาสที่เขาจะเรียกไปลองทำข้อสอบ สัมภาษณ์อยู่พอสมควรนะ แต่มึงต้องเข้าใจด้วยว่าทำไมตัวเองถึงได้เกรดแค่นั่น ขาดตกบกพร่องตรงไหน ก็ไปเติมคุณบัติมาเท่าที่ทำได้
เคยอบรมอะไรไหม ? ทำงานอะไรพิเศษพอที่จะเอามาเป็นประสบการณ์ได้รึเปล่า ?
เริ่มต้นแค่นี้ก่อน
คือกูเพิ่งได้งานใหม่เดือนที่แล้ว เซ็นสัญญาเรียบร้อย รอเริ่มงานกุมภา แต่ช่วงนี้ฮอตจัดๆ recruit โทรมาหาบ่อยมาก เย็นวันนี้ระหว่างขับรถกลับบ้านมีคนโทรมา 2 ที่ ใน linkedin อีก 1
อยากถามว่า ทำไมพอกูได้งานใหม่แล้วถึงได้ฮอตขนาดนี้วะ อันนี้งงจัดๆ บางงานน่าสนด้วย เสียดายยย
มีใครทำงานสาย dev แล้วเจอพวกข้ามสายมาทำงานด้วยวะ กุอยากรู้พวกมึงเจออะไรมั่ง
อย่างของกุ กุเจอมาจากวิศวะIE พื้นฐานคอมแม่งไม่แน่น แรกๆแม่งยังไม่รู้จัก linux ไม่เก็ทเรื่อง cloud แต่ยังดีที่เป็นพวกไฟแรง
ไปนั่งประกบ ป้อนความรู้รัวๆ เจ้าตัวก็ไม่ได้ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว สนุกดี เหมือนปั้นเด็กอะ(ซึ่งกุก็แก่กว่าแม่งแค่ปีเดียว) พอเห็นแม่งเก่ง กุก็แอบภูมิใจอยู่นะ
เหนื่อยใจ
ช่วงนี้ควรซื้อคอนโดไหมวะ ถ้าซื้อ ควรซื้อก่อนเมื่อไหร่ (เพราะราคาลงอยู่ เดี๋ยวโควิดหายมันพุ่ง)
***ซื้ออยู่เอง ราคา1.6-1.7m กูรับราชการ เงินเดือน 18k ไม่มีหนี้ ปล.ห้องนี้แม่งน่าจะถามได้สุดละ
>>879 เคยเจอคนนึงจำไม่ได้ว่ามาจากสายไหน แต่ไม่ไหวเลย ศึกษาด้วยตัวเอง แต่ไม่เข้าใจแม้แต่คอนเซ็ปต์ของการเก็บค่าด้วยตัวแปล คือให้ทำข้อสอบเขียน output ออก console เป็นรูปปิรามิดโง่ๆที่ทุกคนต้องเคยเจอก็คงสอบตก จนปัญญาจะสอน แล้วก็ไม่ผ่านโปรออกไป
>>885 เปลี่ยนมาสาย dev นี่ง่ายนะ แต่ต้องรับให้ได้ว่าเงินเดือนก็จะเริ่มใหม่ด้วย ส่วนใหญ่สายนี้ entry level จะมีข้อสอบให้ทำอยู่แล้ว
>>882 เออกูก็เพิ่งซื้อบ้านมือสองไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้ดอกเบี้ยพิเศษ 2กว่า กูเล็งบ้านทำเลระแวกนั้นมานานเกินปีแล้ว ก็ช่วงโควิดนี่แหละที่ทำให้มีบ้านราคาถูกกว่าปกติโผล่ออกมา มึงเป็น ขรก ไม่มีหนี้ แล้วมีเงินเก็บมั้ย ลำพังเงินเดือนอย่างเดียวค่อนข้างน้อยนะ กุค่อนข้างห่วงตรงนี้ ถ้ามีงานเสริมก็ดี กุไม่แน่ใจเรทยอดผ่อนต่อเดือนของปัจจุบันนี้นะ แต่มึงลองสมมติเป็นเลขกลมๆ ว่าถ้าต้องผ่อนคอนโดเดือนละ 8,000 แล้วเหลือกินใช้หมื่นนึง มึงไหวมั้ย ประมาณนั้น
ถ้าพวกมึงต้องเสียเวลาเรียนต่ออีก 2 ปี(ปวส.) เพื่อความก้าวหน้าของตำแหน่งพวกมึงเอาปะ
Bitkubเงินเดือนประมาณเท่าไรรู้ป่ะ
เป็น นศ.ฝึกงานแต่ต้องเสี่ยงทำงานบริเวณที่มีแรงงานต่างด้าวชุกชุม อยาก WFH อ่ะ ฮือ
กูรู้สึกตัดสินใจพลาดสุดในชีวิตเลยวะเพื่อน,พี่โม่ง กูเรียนจบวิศวะไฟฟ้ามาจบอายุ23 เเต่ทีนี้เรียนจบมาก็ไม่ได้จะทำงานเลย กูไปทำฟรีเเลนซ์(สายงานอื่น)เเละก็ยังทำมาจนถึงทุกวันนี้ รายได้ประมาณ15k-60kประมาณนั้น เเต่เฉลี่ยๆเดือนนึงทำก็25k-30k ก็ค่อนข้างชอบเเหละคนละสาย (เป็นงานศิลปะ,แปลภาษาจิปาถะ)
เเต่ประเด็นคือกูอายุ25ปุ๊ป(ปีที่เเล้ว) กูเพิ่งเริ่มหางานตอนมกรา กุมภา มีนาปุ๊ปโควิดเเดก จบเลยกู งานที่หาคือจะกลับไปลองทำวิศวกรดูเพราะยังไม่เคยทำ จนตอนนี้อายุ26ปีนี้โควิดก็ยังไม่มีทีท่าจะหมดไป เผลอๆอายุ27ถึงจะเริ่มปกติ กูอยากรู้ว่าอายุ27คือกูเเทบหมดหวังเเล้วใช่ไหมวะกลับไปทำสายงานที่เรียนจบมา
จริงๆฟรีเเลนซ์ที่ทำอยู่มันก็อยู่ได้นะ ช่วงโควิดกูไม่โดนกระทบด้วย รายได้น้อยลงบ้างเเต่รวมๆคือเดิมๆเเต่ก็เเอบเสียดายว่ะ ยังไม่ได้ลองทำ บวกกับเผลอๆถ้ากูไปลองทำงานวิศวะที่เรียนจบ(ตอนสมัยเรียนรู้สึกเฉยๆไม่ได้ชอบมากนัก) อาจจะชอบหรือน่าลองทำก็ได้ หรืออาจจะได้เงินมากขึ้น สองช่องทางเลย
เฮ้อ มองเพื่อนๆเเม่งเงินเดือนขึ้นเอาๆ กูที่รายได้เท่าเดิมเพราะยังหาช่องทางทำรายได้เพิ่มไม่ได้ รู้สึกตันว่ะ(ฟรีเเลนซ์ที่ทำมันมีข้อจำกัดเรื่องเวลา ปริมาณงานที่ทำได้ ต่อให้ลูกค้าเพียบก็ทำไม่ทันนั่นเเหละ) งานประจำยังได้ฝึกสกิล ได้ลองทำงานจริงๆ กูที่จะ27เเล้วยังรู้สึกเป็นเด็กน้อยอยู่เลย
ปล.27ที่ว่านี่คือประสบการณ์ไม่มี(ไม่เคยทำงานประจำ) ฝึกงานก็ไม่เคยอีก(ที่มหาลัยไม่บังคับ เเละตอนนั้นกูก็ไม่ได้ฝึก พลาดมาก)
กูก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากมีพวกใบเซอเก็บไว้ ใบกว.วิศวะไปสอบมาเก็บ ปั้มtoeic ตอนอายุก็สอบได้800 ถ้า27ยังพอจะหาได้กูทำอะไรเพิ่มดีวะให้ดูเเบบมีโปรไฟล์น่าเรียกไปสัมภาษณ์บ้าง
>>901 +1 อายุ 27 ไม่มีประสบการณ์เลยก็ยังหางานได้ พวกบริษัทเล็กๆ ยังรับอยู่ (บ.ใหญ่อาจจะไม่เอาแล้ว) แต่มึงต้องทำใจว่าสถานะมึงจะเทียบเท่าเด็กจบใหม่ เพื่อนร่วมงานหรือรุ่นน้องอยู่ในตำแหน่ง engineer / senior engineer กันแล้ว ในขณะที่มึงเข้าไปเป็นแค่ junior engineer ต้องรับให้ได้ อย่าอีโก้ อาจจะโดนเด็กชี้นิ้วสั่งงานก็ต้องทำ
พรุ่งนี้ต้องเข้าออฟฟิซเพราะคอมบริษัทมีปัญหาแล้ว IT บริษัทแม่งอิดออดไม่ยอมทำให้ตั้งแต่วันศุกร์ เหี้ยจริงๆ
งานที่รับเรซูเม่อิ้งนี่สกิลอิ้งต้องอยู่ในขั้นสื่อสารได้ใช่มะ เพราะภาษานี่ไม่ถึงกับสื่อสารได้แต่พอฟังรู้เรื่องนะ ถ้าเป็นในชีวิตประจำวันแต่ถ้าเจอศัพท์ใหม่ในที่ทำงานมึนตึ๊บ เลยถามไว้ก่อนไม่กล้ายื่น
>>907 อันนี้แล้วแต่บริษัทว่ะ กูเคยส่งไปละโดนบอกให้ทำเป็นภาษาไทยใส่เวิร์ดไปด้วย 555 กูก็ทำให้นะ ในใจก็คิดว่า บ.นี้ท่าจะไม่ดีละ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เรียกกูไปสัมอยู่ดี แต่เห็นด้วยกับมึงนะว่าสำหรับคนที่ ภาษาอังกฤษ "พอได้" ยังไงก็อยากให้ทำ resume เป็นภาษาอังกฤษเสมอ และอยากให้เช็คแกรมม่าให้ถูกต้องพอสมควร อย่างน้อยๆ ใช้ tool ช่วยเช็คอย่าง GG translate หรือ Grammaly หน่อย มันฟรีก็ใช้ๆ ไปเถอะ จะได้ดูโปรๆ และตัวเองก็ได้เรียนรู้เองด้วย อย่าเพิ่งไปกลัวว่ายังสื่อสารไม่ได้ เพราะการที่เอาตัวเองไปในจุดที่ต้องสื่อสารภาษาอังกฤษนั่นแหละที่จะทำให้ฝึกจนได้นั่นแหละ
>>906 อย่าเพิ่งกลัวไปก่อนมึง ตอนกูเจอสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษครั้งแรกอย่างตื่นเลย ล่กจัดตะกุกตะกักมาก ละก็ไม่ได้งานด้วยตอนนั้น 555 แต่ถ้าไม่เริ่มในวันนั้น จนวันนี้กูก็จะยังไม่กล้า ปัจจุบันนี้กูก็ยังไม่พูดอังกฤษปร๋อหรอกนะ แต่สื่อสารได้ใช้ทำงานกับฝรั่งได้แล้ว มันภูมิใจนะเว้ยว่า เชี่ย จริงๆ กูก็ทำได้นี่หว่า เพราะงั้นมึงอย่าเพิ่งกลัวไปก่อน ท้าทายตัวเองบ้าง หน้าที่เราคือทำให้เต็มที่ หน้าที่ตัดสินว่าทำได้หรือไม่ได้ ดีหรือไม่ดี ปล่อยให้คนอื่นตัดสินไป เราอย่าเพิ่งไปตัดสินตัวเองก่อน
แค่คอมมึงต่อไวไฟไม่ได้ ก็เปิดกูเกิ้ลหาในมือถือมึงดิเว้ย กูเกลียดจริงๆเลยนะ พอรู้ว่าพอซ่อมคอมเป็นนิด ๆหน่อยๆ ก็โยนมาให้กูทำเนี่ย กูไม่ใช่ช่างซ่อมคอมนะไอ้สัส
วันนี้กูทำงานพลาด เพราะช่วงนี้งานเยอะ+เวลาเร่ง ตกลงกับคนที่ทำข้อมูลต่อว่า ทางนั้นจะช่วยตรวจสอบให้อีกครั้ง
แต่พอถึงเวลา ทางนั้นไม่ตรวจอีกรอบ ส่งต่อข้อมูลเลย แล้วครั้งนี้มันมีจุดผิดขึ้นมาจริงๆ
กูยอมรับว่ากูผิดเอง มันหลุดตากูไปจริงๆ ทั้งๆที่กูเช็คแล้ว
ตอนนี้รู้สึกแย่มากเลยว่ะ เพิ่งเคยทำงานผิดครั้งแรก แต่รู้สึกเหมือนกลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือในสายตาคนอื่นไปเลย กูสลัดเรื่องที่ทำพลาดออกจากหัวไม่ได้เลย
กูหมดสัญญางานที่เก่าแล้วเบินเอ้าสัด ว่าจะแก็ปเยียร์ซักปีพักตัวเอง เรียนเขียนโค้ดไปพลางๆ แต่เห็นเขาว่าถ้ามีแก็ปเยียร์จะโดนตั้งคำถามว่าทำไมถึงไม่หางานใหม่หรือทำให้หางานยากกว่าเดิม อันนี้จริงป่ะวะเพ่อนโม่ง
ลาออกดีมั้ย เงิน vs สุขภาพจิต? เริ่มหาจิตแพทย์ตั้งแต่ทำงานที่นี่มา
ถูกเรียกไปสัมภาษณ์หลังจากตกงานมาหลายเดือน แต่ดูที่ตั้งแล้วเดินทางลำบากชิบหาย เพราะไม่มีรถไฟฟ้าผ่าน อยู่ซอยลึก ต่อรถเมล์หลายต่อ กูไม่มีรถส่วนตัวเพราะที่ทำงานเก่าอยู่ติดรถไฟฟ้าเลย แถมคอนโดกูก็อยู่แนวรถไฟฟ้าอีกเหมือนกัน กูควรปฏิเสธการสัมภาษณ์ไปดีมั้ย เพราะถึงจะได้งานก็จริงแต่เดินทางไปลำบาก ให้กูไปเช่าหออยู่ใกล้ๆ คอนโดกูก็ยังผ่อนอยู่ เหมือนมีค่าใช้จ่ายเรื่องที่อยู่สองทางอะ แต่อีกใจก็ลังเลเพราะมันเป็นที่แรกที่เรียกกูมาหลังส่งเรซูเม่ไปหลายที่แล้วไม่มีที่ไหนตอบกลับ
>>918 เป็นกูจะลองไปก่อน เสนอเงินเดือนแบบบวกเพิ่มค่าเดินทางไปด้วย ถ้าคนที่สัมเขาดูแฟร์ๆ ก็บอกไปด้วยก็ได้ว่าเสนอเงินเผื่อค่าเดินทางไป บางที่เขามีบวกสวัสดิการค่ารถให้นะ ถ้าสัมแล้วรู้สึกอยากทำที่นี่จริงๆ กูอาจจะเลือกย้ายที่อยู่หรือซื้อมอเตอร์ไซค์ก็ได้ ก็เอาส่วนต่างค่าเดินทางนั่นแหละผ่อนไป
ถามโม่งมีความรู้ด้านกฏหมายธุรกิจ
ในกรณีที่ต้องเป็นตัวแทนที่บริษัทมอบอำนาจไปขึ้นศาล (ทั้งในฐานะ โจทก์ จำเลย หรือ พยาน) เนี่ย
มันจะมีผลผูกพันธ์อะไรกับตัวพนักงานมั้ย ถ้าหลังจากนั้นไม่ได้เป็นพนักงานบริษัทนั้นแล้วก็ตาม
คือจากสถานการโควิดนี่แม่งมีโอกาสสูงที่จะถูกฟ้องร้องมากมาย เพราะมีปัญหากันเต็มไปหมดทั้งกับลูกค้า จนไปถึง ลูกค้าของลูกค้า
ใจตอนนี้กูว่าจะลาออกแน่แต่กะว่าจะรอบริษัทปรับโครงสร้าง ซึ่งน่าจะต้องมีการเลย์ออฟ หรือเซ็นสัญญาใหม่
แล้วรอออกตอนนั้น เผื่อจะได้รับเงินชดเชยเลิกจ้าง แทนที่จะออกเองแล้วไม่ได้อะไรเลย
แต่กลัวจะมีเรื่องต้องไปเป็นตัวแทนขึ้นศาลก่อนแล้วออกมาแล้วยังมีผลผูกพันธ์ติดตัวนี่แหละ
เลยยังลังเลว่าถ้าต้องถูกให้ไปขึ้นศาลจะลาออกก่อนเองเลยดีมั้ย
ขอปรึกษาเรื่องงานหน่อยมึง
คือกูเคยทำกราฟฟิค(อินเฮาส์)แล้วลาออกมา2ปีละ ตอนนี้อายุ 35กลับมาต่างจังหวัดมาอยู่บ้าน
งานที่ต่างจังหวัดไม่มีกราฟฟิคเลยมาทำแผนกธุรการที่บ.นึงแถวบ้าน ได้หมื่นกว่าๆ
งานที่นี่เป็นงานกึ่งบัญชีมึงมีพี่บัญชีคอยทำอีกที
กูไม่มีความรู้ด้านบัญชีเลย ก็พยายามทำความรู้จักกับเอกสารต่างๆนาๆ
ปรับตัวมาได้ปีกว่าๆแล้ว แต่กูไม่มีความสุขในการทำงานเลยมึง
กูเหมือนไม่รู้อะไรเลยงานที่ทำไปบางทีแจ้งเจ้านายไม่ครบก็โดนด่าเรื่องความรับผิดชอบไปเนืองๆ
มันก็หลายครั้งแหละที่โดนเค้าตำหนิอะ บางเรื่องมันเป็นเรื่องระกว่างทางของงานอะเลยไม่แจ้ง
ทำบัญชีก็ไม่ได้ ไม่ได้จบมาทางนี้
(งานทางด้านบช.ต้องใช้คนจบทางนี้โดยตรง)
ตอนนี้คือไม่รู้แล้วว่าต้องทำยังไงต่อ ไปทางไหนก็ไม่สุดซักทาง เพื่อนโม่งมีคำแนะนำมั้ย
หรือมีที่ๆไหนรับปรึกษาเรื่องงานบ้าง กูยังอยากทำงานต่อนะแต่มันเหมือนเราไม่ค่อยมีความจำเป็นสำหรับบริษัทอะ
ทีแรกกูกูว่าจะ gap year นะ แต่หลังจาก gap ไปได้ 4 เดือนกูก็เลิก กลับไปทำงานเหมือนเดิม คือก็มีเงินเก็บคำนวนไว้แล้วว่าพอ+มีสำรองเหลือไว้อีกค่อนข้างเยอะ แต่เวลาจะใช้เงินทีแม่งกังวลชิบหาย เหมือนมันต้องคิดเยอะกว่าตอนที่มีเงินเข้าทุกสิ้นเดือน สุดท้ายทนไม่ไหว กลับไปทำงาน แถมตอนสัมภาษณ์เหมือนอำนาจการต่อรองเราไม่ได้เยอะเท่ากับตอนสัมภาษณ์แบบตอนที่มีงานทำอยู่ด้วย
งานที่ทำทุกวัน ก็ไม่ได้มีความสุขมากนัก แต่มันได้เงินดี แลกกับสุขภาพเพราะงานแม่งเครียด เอาเวลาไปเกือบหมด นี่คือชีวิตของคนส่วนมากรึเปล่าวะ
>>927 ตาม >>928 ว่า ทุกงานมันก็ไม่ได้เครียดหมด ส่วนตัวเคยผ่านงานที่เครียดมาก เครียดสุดๆ นอนไม่ค่อยหลับ หลับบางทีก็ฝันเรื่องงาน โทรศัพท์ดังจะจิตตกไว้ก่อนว่างานเข้าหรือเปล่า งานท่วมหัวทำงานจนดึกดื่น นอกเวลางานก็เผลอคิดเผลอกังวลเรื่องงาน
แต่งานปัจจุบันก็ไม่ได้เครียดขนาดนั้นแล้ว มีความสุขดี นอนหลับเต็มอิ่ม ไม่ต้องคิดเรื่องงานนอกเวลา ส่วนมากเลิกตรงเวลา มีโอทีบางนานๆ ที work life balance ดีขึ้นมากมาย มีความสุขดีตามประสา มีเงินใช้ มีงานทำไม่ว่างจนฟุ้งซ่านและเครียด
>>927 และกูว่าคนส่วนไทยมากไม่ได้เครียดเรื่องงานขนาดนั้น ส่วนมากน่าจะเครียดเรื่องเงินไม่พอใช้ เรื่องส่วนตัว เรื่องความรัก เรื่องครอบครัว หรือเรื่องอื่นๆ มากกว่า เพราะคนไทยส่วนมากไม่ได้เอาชีวิตไปผูกขาดหรือทุ่มเทกับงานขนาดนั้น น้อยคนที่จะทำดึกดื่น ส่วนมากทำให้พอพ้นไปวันๆ คนไทยเสียสุขภาพก็ไม่ใช่เพราะเรื่องงานอีก ส่วนมากที่เป็นโรคกันทุกวันนี้ก็เพราะกินหวานกินมันมากไป กินเหล้ามากไป ไม่ออกกำลังกายซะมากกว่า
ถามเรื่องคำถามสัมภาษณ์ได้ปะวะ กูเคยไปสัมบริษัทต่างชาติละเขาให้ตอบข้อดีข้อเสียของประเทศไทยกับประเทศแม่ มันควรจะตอบยังไง ตอนนั้นกูคิดไม่ออกเลยนอกจากเรื่องคนกับอาหาร แน่นอนว่าไม่ผ่าน
ไอ้สัส พึ่งเย็นวันศุกร์ไปเมื่อไม่นาน ตอนนี้กลางคืนวันอาทิตย์แล้ว อีกไม่ถึง10ชั่วโมงต้องกลับไปทำงานที่เรารักอีกแล้ว T T
ง า น ที่ รั ก เ ร า
สวัสดีวันจันทร์
อยากวาร์ปกลับบ้านไปนอนอืดแล้ว
>>919 >>919 กูไปสัมมาละ ออกจากบ้านตอนหกโมง ถึงที่ทำงานสิบโมงกว่า ทันเวลานัดสัมแบบฉิวเฉียด ถ้ากูได้ที่นี่จริงกูคงต้องออกตั้งแต่ตีห้า รถติดแบบชิบหายวายวอดแถมรถเมล์ก็ไม่ค่อยจะมี คือกูรอรถเมล์คันที่มันผ่านทางนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงอะกว่าจะได้ขึ้น กูน่าจะต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับจากที่ทำงานร่วมๆแปดชั่วโมงเลย สุขภาพกายและสุขภาพจิตกูคงไม่ไหวถ้าเดินทางนานขนาดนั้น ที่ทำงานเก่ากูเดินทางแค่ครึ่งชั่วโมงเองด้วยรถไฟฟ้าน่ะ เงินเดือนก็ไม่ต่างจากที่ทำงานเก่ากูเท่าไหร่ แถมไม่มีสวัสดิการอะไรน่าสนใจด้วย กูโบกมือบ๊ายบายที่นี่ดีกว่า
เพื่อนโม่งมีใครเคยกังวลเรื่องทัศนคติหรือความคิดที่เพื่อนร่วมงานมองเรามั้ยวะ ;-; กับเพื่อนร่วมงานที่สนิทไม่มีปัญหาเรื่องนี้นะ แต่เวลาต้องทำงานกับคนที่แค่รู้จัก ไม่ได้สนิท หรือคนเพิ่งเคยเจอกัน กุจะชอบคิดว่าถ้ากุทำแบบนี้หรือพูดแบบนี้ไป เค้าจะมองกุยังไง คิดไปคิดมาก็กลายเป็นกังวลง่ะ
burnout ว่ะ สัดๆ
เหนื่อยอะไรไม่รู้ ไม่อยากทำงาน
ทำงานของตัวเองยังไม่เครียดเท่างานที่ต้องทำกับคนอื่น เห้ออออออ
พวกมึงมีวิธีบอกหัวหน้าว่าเขาแบ่งงานไม่แฟร์ยังไงบ้างวะ คือทีมกุน่ะมีสามคน งานก็มีสามชนิด ปกติกุกะเพื่อนก็สลับกันทำงานคนละชนิดคนละเดือนวนลูปไป ทีนี้มีโปรเจคต์ใหม่เข้ามา หน.เขาก็จัดให้กูดูคนเดียวเลยเพราะว่ากูละเอียดสุดในสามคน(เขาว่างี้) มันมีปห.เยอะด้วย ต้องแก้เฉพาะหน้าแต่เจอบ่อยๆ ก้จะจำได้ มีแพทเทิร์นอยุ่ว่าต้องแก้ไง เขาบอกไว้เข้าที่ละจะให้สอนเพื่อนทีหลัง แต่ผ่านมาสองปีละเขายังไม่เปรยถึงการสอนเพื่อนเลยว่ะ ทุกวันนี้กุต้องทำงานหลักและก้อีโปรเจคต์เหี้ยนี่คนเดียว คนอื่นเวลาเปลี่ยนเดือนก้ยังมีช่วงสบายบ้าง ส่วนกุนั้นหัวฟูตลอด กุเคยเปรยๆว่าในเมื่อปห.ของโปรเจคต์ทางไอทีเขาไม่มีแพลนจะแก้ให้ งั้นก้เริ่มสอนเลยดีมั้ย เผื่อกุลาจะได้ไม่ต้องทิ้งงานไว้ให้กุกลับมาทำ เขาก้อ้อมแอ้มแค่บอกว่าไว้หาโอกาสทำพาวเวอร์พ้อยมาสอนนะ เขาก้อยากรุ้ด้วยเผื่อช่วย back up แต่ผ่านมาหลายเดือนละเขาไม่เคยพูดถึงอีกเลย ใจกุน่ะอยากจะขอคุยตรงๆ อีกทีว่าได้เวลาส่งงานนี้แล้วสลับกันทำได้ยัง หรือมีเหตุผลอะไรถึงต้องปกป้องเพื่อนไม่ให้เจอความยากลำบาก แต่ยอมให้กุลำบากคนเดียวได้(คือพูดดีๆ แหละแต่เนื้อหาทำนองนี้) แต่รุ่นพี่กุบอกว่ามันจะดูไม่ดี ถ้าจะพูดจริงๆต้องเลือกใช้คำพูดดีๆ เลย
>>593 กู >>553 กูหายไปนานมาก ไม่รู้มึงจำได้ไหม เฮ้ย ดีใจด้วย /เอามือตบบ่า เห็นว่าเริ่มงานใหม่ต้นปี กูเดาว่าตอนนี้มึงน่าจะเริ่มทำงานละ เป็นไงบ้างวะ ส่วนกูตอนนี้ยังทำที่เดิม เพิ่มเติมสัมภาษณ์ออนไลน์555 เซ็งมากกูคือพื้นที่สีแดงโควิดจากบ่อน แม่ง หวังว่าโควิดจะหายไวไว ทุกวันนี้กูร่อนรีซูเม่ทุกวัน ให้เขาเรียกสักที ขอให้เป็นวันดีๆกับงานที่ดีตั้งแต่ต้นปีนะเว้ย
>>947 สำหรับกูคิดว่าตำแหน่งเดียวกันงานไม่ได้จำเป็นต้องปริมาณเท่ากันนะ แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องผลตอบแทนเท่ากันด้วย ถ้ามึงคิดว่างานมึงหนักกว่าก็ใช้มันเป็นเหตุผลในการต่อรองเงินเดือน ถ้ามองผลลัพธ์ที่ผลงานยังไงให้คนที่ทำได้ทำไปมันเสี่ยงน้อยกว่าให้คนไม่รู้งานมาเริ่มศึกษาอ่ะ ถ้ามึงมีคุณค่ามากกว่าเพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันแปลว่ามึงก็ต้องมีสิทธิ์ต่อรองได้ กูว่าต่อรองเรื่องรายได้จะดีกว่า
>>949 เข้ามานอนยันกับความเห็นนี้
>>947 กูเคยประสบปัญหาตำแหน่งมีคนเดียวทำงานนอก JD เยอะมาก จิปาถะก็เยอะ พอถึงเวลาถ้าเราคิดว่าเราทำงานได้เยอะ คือบอมึงไม่ต้องจ้างหลายตำแหน่งอ่ะ ทำงานได้โอเค ก็ลองไปเรียกเงินเดือนเพิ่มดู ตอนแรกกูก็กลัวนะว่าจะแบบคิดไปเองป่าววะว่ากูก็ทำงานใช้ได้ แต่ต้องบอกว่าขอให้มึงมั่นใจในตัวเองเข้าไว้ถ้าตั้งใจทำงาน สร้างคุณค่าให้บอได้ ลองเรียกดู เรียกไม่ได้ก็ถือว่าได้บอกปัญหาเรื่องงานให้เขาทราบ เรียกได้ก็กำไร สู้ ๆ มึง
เบื่อโปรเจ็คเมเนเจอร์ที่ทำตัวเป็นเมสเซนเจอร์จัง ไม่บรีฟเฮียไรเลยส่งแต่ไฟล์ดิบจากลูกค้ามาให้ ปล่อยให้คนทำต้องตีความเอาเอง เสียเวลาจัง
ช่วงนี้รู้สึก burnout กับงานอยู่ แต่ก็ติดโปรเจคถึงช่วงกลางมีนา
ตั้งแต่เข้ามาคือเหมือนเอามาแทนตำแหน่งขาด transfer งานวันเดียว
และตอนนี้ก็อยู่ช่วงโปรเจคนี่แหละ เลยคิดว่ายังไปไหนไม่ได้เร็วๆ นี้
ถ้าหลังโปรเจคนี่จบแล้วหางานใหม่ไปเลยดีมั้ยวะ
ช่วงนี้ก็ดูๆ งานเก่ากับงานอื่นๆ อยู่ Headhunter ก็เริ่มติดต่อมาเจ้าสองเจ้าละ
ที่บ้านต้องโกรธแน่ถ้ารู้ว่าลาออก
>>948 ขอบคุณมาก ตอนนี้ก็เริ่มงานใหม่แล้วแหละ งานใหม่ก็ดีนะ เข้ามาได้แป๊ปเดียวก็ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆเยอะแยะเลย
คนในทีมก็ช่วยเหลือดี แต่ว่าการเมืองนอกทีมดูจะแรงอยู่ ก็ปกติตามประสาบริษัทใหญ่ๆแหละ ต้องทำใจ
อีกอย่างก็เข้ามาแล้วเจอ tool ที่ไม่เคยใช้เยอะมาก ต้องใช้เวลาปรับตัวเยอะ
ก็แอบกลัวอยู่เหมือนกันว่าหัวหน้าเค้าจะมองว่าทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรมั้ย เพราะกูก็อายุงานเยอะแล้ว แต่หลายๆเรื่องยังต้องให้น้องช่วย
ขอให้มึงได้งานใหม่เร็วๆนะ
มีใครไม่ได้จบพวกคอม แต่มาทำงานสายไอทีบ้างวะ แบบชอบโค้ดเลยเรียนเองมาเรื่อยๆประมาณนี้
ในอนาคตสายไอทีจะล้นตลาดไหม ช่วงนี้คนย้ายสายเยอะมาก ใกล้จบแล้ว ตรงสาย ร่อนใบสมัครไปหลายที่แล้วยังเงียบกริบ ใจคอไม่ดีเลย ไม่รู้จะปรึกษาใครดีด้วย 😅
อันนี้กูสงสัยเฉยๆ อาชีพสาย IT มันมีอะไรน่าดึงดูดให้คนสายอื่นจะต้องอยากย้ายสายมาทำขนาดนั้นเลยหรอ
คงไม่ใช่ว่าไปเชื่อโฆษณาของสถาบันสอนเขียนโปรแกรมหลอกคนเจ้านั้น (ที่เคยเอามาโทรลเล่นกันจนเป็นมีมในโม่งกัน) ใช่มั้ย
>>958 กูคนนอกสายไอทีนะ ถ้าเอาจากความคิดดู
- เงินดีกว่าสายอื่นๆ
- รองรับอนาคต
- ภาพลักษณ์ดูเป็นงานสมัยใหม่ ทำแล้วเท่ดูเป็นคนรุ่นใหม่ไรงี้
- มีโอกาสเติบโตได้มาก เห็นพวกที่ได้ไปทำงานตปท.ส่วนมากที่รู้จักก้สายนี้ทั้งนั้น
ย้ำว่าเป็นความรู้สึกนะ กูรู้ว่าของจริงมันไม่สวยหรูเหมือนคิดหรอก ซึ่งกูคิดว่าคนนอกสายน่าจะมองงานไอทีแบบนี้กันเกือบหมดละนะ
เมื่อไหร่จะวันเสาร์
>>954 ส่งกำลังใจให้มึงนะเพื่อนโม่ง เรื่องงานก็ค่อยๆเรียนรู้ไป ตาม kpi เข้าไว้เพื่อนยังไงก็รอด หัวหน้าเห็นเราพยายามมีพัฒนาบ้างก็คงไม่ว่าอะไรหรอกมึง ตอนนี้ทีมดีมีชัยไปกว่าครึ่งละ เริ่มต้นปีได้ดีมากสหาย ขอบคุณสำหรับคำอวยพร งานมีเรียกมา 2-3 ที่ แต่ว่ากูก็เอาที่สนใจและคิดว่าไปแล้วน่าจะดีกว่าเดิมจริงๆ เอาไว้ได้ใหม่กูจะมาบอกมึงที่นี่แน่นอนสหายโม่ง
>>958 สำหรับกูนะ (กู >>956 ) เรื่องความชอบมาเป็นอันดับแรก ต่อมาก็เรื่องเงิน จริงๆ กูหัดเขียนเว็บหัดทำเกมง่อยๆ มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ซึ่งอะไรพวกนี้มันมิกซ์กันระหว่างศิลป์กับลอจิก แล้วกูเลือกเรียนต่อไปทางศิลป์ก็จริง แต่ความสนใจกูมันก็ยังอยู่แบบนั้นแหละ แต่ก็ทำเป็นงานอดิเรกไป จนวันนึงที่รู้สึกว่าเงินเดือนตัวเองมันตัน ระหว่างอยู่สายงานเดิมแต่เถิบไปเป็นเมเนเจอร์ ไปทางบริหาร หรือจะเปลี่ยนสายงานไปทางไอที คือกูยังรู้สึกสนุกกับการลงมีทำตัวงานมากกว่าจัดการปัญหาระหว่างงานเงินคน กูก็เลยเลือกเปลี่ยนสายงานน่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่กูสามารถเปลี่ยนได้เลยเป็นเพราะกูไม่เคยทิ้งการทำเว็บเลย ยังคงดีไซน์เองโค้ดเองมาตลอด เลยมีสกิลพอจะเปลี่ยนได้อ่ะ
>>958 >>957 ถ้าให้มองแบบกว้างๆ นะ ความต้องการของสายงานนี้มันเยอะขึ้นเรื่อยๆ และคำว่าไอทีแม่งก็ครอบคลุมกว้างขึ้นเรื่อยๆ โปรแกรมก็ใช่ สัญญาณมือถือก็ใช่ โรบอทใช่ IoT ทั้งหลาย ไม่ต้องดูที่เรื่องตำแหน่งงานก็ได้ ดูจากชีวิตประจำวันพวกมึงอ่ะว่ามีเรื่องเกี่ยวกับไอทีวนอยู่เต็มไปหมดและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย บางที่เขาบอกว่าสกิลเกี่ยวกับไอทีจะเป็นพื้นฐานที่ทุกวิชาชีพต้องมีนะ เดี๋ยวนี้ทำเอกสารทำบัญชีมึงก็ต้องใช้ระบบได้นะ พนักงานต้อนรับต้องใช้ระบบจองได้นะ แล้วเบื้องหลังระบบพวกนั้นมีคนทำงานมากมายทั้งนั้น ยิ่งตอนนี้กระแสการเก็บดาต้ามาแรง ต่อให้ธุรกิจไม่ทำเองก็ต้องจ้างคนอื่นเขาทำเพื่อตามโลกให้ทัน ต่อให้บางเทคโนโลยีตายไปก็จะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ผุดขึ้นมาอีก กูว่ายังไงงานสายไอทีก็ยังเพิ่มขึ้นและต้องการคนมากขึ้นตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าสกิลมึงถึงตามที่เขาต้องการหรือเปล่า
>>962 ขอบคุณมากนะ ขอให้ได้งานเหมือนกันนะ T_T
>>965 ขอบคุณที่มาตอบค่ะ เรื่องสกิลนี่สำคัญมากจริงๆ แหละ คนเก่งๆ จ่ายค่าตัวกันแพงจริงๆ
ตอนนี้รู้สึกเสียใจที่เลือกภาคคอม สมัยนี้เห็นเรียนคอร์สกันเดือนสองเดือนก็สมัครงานได้แล้ว (ตัดภาพมาที่กูเรียน 4 ปี...) รู้สึกว่าเป็นสายที่ชอบและใช่อยู่หรอก แต่บ้านกูฐานะไม่ดี มีหนี้สิน ถ้าไม่ได้งานดีๆ ชีวิตกูจบเห่แน่ หวังว่าจะมีโอกาสดีๆ เข้ามาบ้างนะ เพื่อนโม่งคนอื่นๆ ก็ด้วยนะ T_T ขอให้ผ่านช่วงแย่ๆ แบบนี้ไปได้ด้วยดีทุกคน
ปกติแล้ว hr โทรไปถามประวัติจากที่เก่ากันมั้ยวะ พอดีวันนี้กูได้รับโทรศัพท์จากที่ทำงานเก่าที่แรกที่เคยทำ เขาบอกว่าวันนี้บ.นี้โทรมาถามว่ากูเคยทำงานที่นี่จริงมั้ย ทำเมื่อไหร่ ได้เงินเท่าไหร่ กูก็ตกใจดิ มึงโทรไปที่แรกเลยเหรอ ถ้าที่ล่าสุดยังพอเข้าใจนะ แต่เล่นโทรไปที่แรกเลยทั้งที่มันผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว กูไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับพวกการเงินอะไรด้วย แค่สงสัยว่าทำไมตรวจเช็คเข้มขนาดนั้น
>>966 กูเรียนสายอื่นมาแล้วเสียใจมากที่ไม่ได้เลือกภาคคอมไป งานกำลังมาแรงเลย สายที่กูเรียนอยู่ไม่ต้องจบมาตรงสายก็เป็นได้ barrier to entry ต่ำมาก ตอนนี้กำลังพยายามดีดตัวเองไปสายคอมอยู่แต่ยากจังอ่ะ กูว่าเรียนเดือนสองเดือนได้งานเลยนี่ต้องเทพมาก ๆ ไม่ก็ต้องโม้มาก ๆ แน่ ๆ ฮือ
>>958 แค่มึงเขียน ja... (สมัยนี้ react ก็ได้) เป็น มันก็แทบจะการันตีว่าจะไม่ตกงาน และงานที่มีก็เงินโอเคไปจนถึงดีและดีมาก(ขึ้นกับความสามารถ)
>>957 สาย it ล้นตลาดนี่ คำถามนี้กูโดนคนรอบตัวถามมาตั้งแต่สมัยอยู่ม.ปลายแล้ว ปัจจุบันก็อย่างที่เห็น ตำแหน่งงานสายนี้มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และ variation ก็แตกออกไปเรื่อยๆ
เรื่องสายไอทีล้นตลาดอ่ะ กูว่ามันแล้วแต่สายนะ อย่างโปรแกรมเมอร์นี่หากันทุกวันยังไม่ได้คนเลยบางที เด็กไอทีจบมาไม่อยากเขียนโปรแกรมผันตัวไปเป็น SA บ้าง BA บ้าง ย้ายมาทำ data บ้าง
ปัญหาของที่หาโปรแกรมเมอร์ไม่ได้คือกูรู้สึกว่าหลายๆบริษัทจะเอาคนเก่งๆแต่ไม่สู้เงินว่ะ
>>968 กูว่าอาจจะเป็นเพราะโฆษณาแหละมึง สู้ๆ นะ เป็นกำลังใจให้
ปกติแล้วคนที่หางานได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบนี่ได้งานช่วงเดือนไหนกันคะ สมัครไปแล้วมีทั้งหายเงียบไปเลยและต้องรอผล ขอคำแนะนำหน่อยได้ไหมคะว่ายังขาดอะไรไปถึงยังไม่โดนเรียกสัมภาษณ์ เพื่อนๆ คนอื่นโดนเรียกกันไปตั้งนานแล้ว
สมัครงานเน้นสาย dev ค่ะ โปรไฟล์คร่าวๆ เรียนวิศวะคอมอินเตอร์ (ได้ทุนเรียนฟรี) เกรด 3.9x โทอิค 9xx มีทำกิจกรรมชมรม มีแนบพอร์ต เรื่องปสก.ทำงานยอมรับว่าไม่แข็ง ส่วนใหญ่เป็นโปรเจคตอนเรียน แต่ที่ไปฝึกงานมาฟีดแบ็กก็ถือว่าดีเลย
ปรึกษาอาจารย์มาหลายท่านแล้วยังหาคำตอบไม่ได้เลยค่ะ ไม่รู้ว่าปัญหามาจากตรงไหน ลองเปลี่ยนรูปแบบเรซูเม่หลายๆ แบบและยื่นใหม่แล้ว ยอมรับว่าคาดหวังสูงและสมัครแต่บ.ดังค่ะ แต่คนอื่นๆ เขาก็ได้งานกัน เลยคิดว่าตัวเองก็อาจจะมีสิทธิ์ด้วย ท้อมาก :( สิ้นหวังมากๆ กะจะไปทำราชการแทนแล้ว
>>976 ใจเย็นๆ ช่วงวิกฤติแบบนี้หลาย บ.เองยังตั้งตัวไม่ถูกเลย มันก็มีแหละที่เปิดรับสมัครงาน แต่เชื่อว่าไม่กว้างเท่าตอนไม่มีวิกฤติ แถมคัดเลือกกันเข้มข้นกว่าเดิมด้วย บางทีแม่งเป็นเรื่องของกลัวการเรียกค่าตัวแพง เรื่องของจังหวะของดวง ไม่มีเหตุผลไหนจะเอาตอบให้มึงรู้สึกสบายใจขึ้นได้ ได้แต่เป็นกำลังใจให้นะ (แต่ถ้ามึงหลงไปทำราชการมึงจะสิ้นหวังมากกว่านี้ 555)
>>976 กูทำงานโปรแกรมเมอร์อยู่ เรื่องเขียนเรซูเม่อะไรงี้แนะนำไม่ค่อยได้
แต่สงสัยตรงคำว่า บ. ดัง ที่มึงว่าน่ะ ไม่แน่ใจว่า บ. ดังแบบที่มึงอยากได้คือแบบไหน
แบบบริษัทดังๆของสาย IT ที่ชอบมีชื่อเป็นสปอนเซอร์ตามงาน event มั้ย หรือหมายถึงบริษัทใหญ่ๆที่คนทั่วไปรู้จัก
ถ้าแบบแรกนี่กูไม่ค่อยรู้มาก แต่ตามงาน event (ซึ่งส่วนมากเค้าเป็นสปอนเซอร์งานก็จะมีบูทรับสมัครงานอยู่แล้ว) ไม่รู้ว่าวิธีนี้จะดีกว่ามั้ย
แต่ถ้าแบบสองหลายๆบริษัทเริ่มรับ outsource (ส่วนมากเป็นสัญญาจ้าง) มากขึ้น ถ้าไม่ยึดติดกับการเป็นพนักงานประจำอาจจะลองทางนี้ดู
หรือบางคนก็อาจจะเริ่มจากการเป็นสัญญาจ้างก่อน แล้วถ้ามึงผลงานดีเค้าถูกใจค่อยไปหาลู่ทางขอเปลี่ยนเป็นประจำทีหลัง
ช่องทางนี้คงต้องเริ่มจากสมัครงานตามบริษัทที่ทำธุรกิจ outsource แทน หรือไปสร้าง profile + upload resume ไว้ใน jobsdb ก็ได้
พวกนี้เค้าคอยดูเวลามีคนมาอัพข้อมูลอยู่แล้ว ถ้าใส่เบอร์ไว้แล้วเค้าคิดว่า match มึงกับประกาศรับคนของลูกค้าที่เค้ามีได้เค้าก็จะโทรมาหามึงเลย
แล้วพอเค้าโทรมามึงเดี๋ยวเค้าก็จะบอกมึงเองว่ามีลูกค้าเจ้าไหนบ้าง แล้วมึงก็ค่อยเลือกเอาว่าบริษัทไหนที่มึงโอเค
คำแนะนำอีกอย่างนึงที่อาจจะพูดง่ายแต่ทำยาก คือพยายามอย่านอยด์ถ้าสมัครไปแล้วเค้าไม่ติดต่อกลับ หรือสัมภาษณ์แล้วไม่ผ่าน / เจอคนแย่ๆ
ไม่ผ่านก็หาที่ใหม่ไปเรื่อยๆ พวกบริษัทดังๆส่วนมากมันใหญ่อยู่แล้ว บางทีทีมนึงเค้าไม่อยากได้มึงก็อาจจะมีอีกที่อยากได้ก็ได้
ปล. มึงลองไปถามใน >>>/tech/8162/ อีกที่ไว้เผื่อก็ได้ เผื่อมีคนทำงานสายนี้คนอื่นไม่เห็นตรงนี้ แล้วจะให้คำตอบดีๆกับมึงได้
ได้งานแล้ว แต่เงินเดือนน้อยกว่าที่เก่าราวๆ 7000 แถมทำงานวันเสาร์อีก ถ้าลดลงสองสามพันก็ยังโอเค แต่นี่ไม่มีสวัสดิการอะไรให้เลยนอกจากประกันสังคม ทำงานวันเสาร์ เดินทางไม่ลำบากรถเมล์ต่อเดียวถึงแต่รถติดสัส กูควรปฏิเสธดีมั้ยวะ หรือทำๆไปก่อนงานหายาก
>>979 แล้วแต่ circumstances ของมึงเลยอะ รีบมั้ย มีเงินใช้หรึอเปล่า มีภาระอะไรมั้ย อายุเท่าไหร่ คิดว่าโปรไฟล์ตัวเองอยู่ในระดับไหน
กูเคยยอมลดเงินเดือนเพราะต้องการเปลี่ยนสายงาน กูมอง career path ระยะยาว (รู้ว่าเค้าไม่มีทางมีใครให้เงินเดือนเท่าหรือมากกว่าเดิมได้อยู่แล้ว เพราะมาสายนี้กูคือมือใหม่ แค่ได้โอกาสก็บุญ) แล้วกูก็คิดว่ากูตัดสินใจไม่ผิด ทุกวันนี้กูกลับมาได้เงินเดือนมากกว่าสมัยก่อนหลายเท่า
แต่ถ้าเงินเดือนลดแบบไม่มีเหตุผล เป็นกูไม่เอานะ กูไม่รีบ และกูคิดว่ากูยังพอมีทางเลือกอยู่ แต่ถ้ากูรู้ตัวว่ากูไม่มีทางเลือก มีภาระ ไม่มีตังค์จะใช้แล้ว โปรไฟล์ไม่ได้โดดเด่นพอจะไปแข่งกับใคร แบบนี้ก็คงยอมเอางานนี้ไปก่อน
>>980 ภาระไม่มี หนี้สินก็บัตรเครดิตอย่างเดียว ไม่มีค่าเช่าบ้านหรือค่าผ่อนรถ มีเงินเก็บพอจะอยู่ได้แบบไม่ต้องทำงานไปอีกปี แต่กูก็ไม่อยากใช้เงินเก็บมากไปกว่านี้แล้วไง อะไรๆมันก็ไม่แน่นอน เป็นไปได้ก็อยากได้งานมากกว่าจะได้มีเงินเข้ามาแบบชัวร์ๆ แต่มาเจอเงื่อนไขทำงานวันเสาร์กูก็ไม่โอเคว่ะ กูมีตารางที่ตายตัวในวันเสาร์อยู่แล้ว คือกูรับจ็อบสอนพิเศษเล็กๆน้อยๆน่ะ ชม.ละ 300 สอนประมาณ 4-5 ชั่วโมง ถ้าให้ทำงานวันเสาร์กูต้องเลิกสอน รายได้ในส่วนนี้ก็จะหายไป แถมยังได้เงินน้อยกว่าที่เก่าอีก
ที่จริงกูก็มีไปสัมหลายที่ มีที่ที่ให้เงินดีกว่าและหยุดส-อ ด้วย แต่ที่นี่มันตอบรับกูมาเร็วกว่า แถมบีบให้กูตัดสินใจอีกว่าจะทำมั้ย ตอบรับมาภายในสิ้นเดือนนี้นะ กูเลยว่ามันกระชั้นชิดไป แถมแม่งหมกเม็ดไม่ยอมบอกกูตอนสัมด้วยว่าทำงานวันเสาร์ มาบอกตอนโทรมาแจ้งว่าสัมภาษณ์ผ่านแล้ว ให้ไปตรวจร่างกายบลาๆ แล้วก็แจ้งเวลาทำงานจ-ส วันอาทิตย์อาจจะไม่ได้หยุดบ้างเพราะต้องสลับกันมาดูงานที่ออฟฟิศ กูอยากปฏิเสธนะ แต่แม่งยังไม่มีที่ไหนตอบรับมากูเลยสองจิตสองใจนี่ล่ะ
วันนี้wfhนอนอยู่บ้านดีๆมีประกันโทรมาว่ะ มันเป็นประกันที่มาจากบัตรเครดิตอะกูเพิ่งสมัครไป
เหมือนแรกจะมันจะถามเกี่ยวกับพวกบัตรแต่ไปๆมาๆดันให้สมัครประกันซะงั้น แต่กูดันอึนๆตอบตกลงไป
พอจะโทรกลับแม่งไม่รับสายเลยว่ะ จะยกเลิกยังไงวะ
ขอบคุณมากที่มาตอบ กูโทรไปปฏิเสธแล้วล่ะ ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้งานแต่กูเอาความสบายใจไว้ก่อน ถ้ามันหยุดส-อ กูก็ยังพอถัวๆไปได้นะ แต่นี่เล่นได้เงินน้อยกว่าเดิมแล้วยังทำงานวันเสาร์อีก แถมไกลบ้านกูด้วยอะ ถ้านั่งรถเมล์ก็ 2 ชั่วโมง+เพราะแถวนั้นไม่มีรถไฟฟ้าผ่าน ไปกลับใช้เวลา 4 ชั่วโมง คิดทางไหนก็ไม่คุ้มเลยไม่เอาดีกว่า
กูเพิ่งโดนเลย์ออฟมา สิ่งที่ควรทำขั้นต่อมาคือการสมัครงานแต่อยู่ดี ๆ ก็เสือกกลัวการสมัครงานขึ้นมาซะอย่างนั้น กลัวแบบไม่กล้ากดสมัครอ่ะ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ว่ากดไปแล้วเค้าจะโทรมาเรียกไปสัมซะที่ไหน กดสมัครไปแล้วก็ร้องไห้ไม่กล้าไปสัม รู้สึกจิตตกมาก ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ไม่รู้ว่ากลัวอะไรกับการสมัครงาน
>>992 มึงโดนทำลาย self esteem มา กูก็เคยเป็นตอนโดนเลย์ออฟ ในหัวกูมีแต่คำถามว่ากูไม่ดีตรงไหนถึงไม่ถูกเลือกให้ทำงานต่อ กูมันห่วยใช่มั้ยเขาถึงไม่เอากูไว้ เคยเจอ hr ถามทำนองว่าทำไมกูถึงออกจากที่เก่า กูบอกว่ากูโดนเลย์ออฟแม่งถามต่ออีกว่างั้นคุณก็ทำงานไม่ดีสิ เขาถึงไม่เอาคุณ กูเลยกลัวการสัมภาษณ์งานไปพักใหญ่ๆเลย เป็นถึงขนาดไม่กล้ากดไปสมัครที่ไหนเพราะคิดว่าตัวเองไม่ดีพอที่จะทำงาน ให้โปรไฟล์ห่วยๆของกูไปผ่านตา hr นี่แม่งทำให้เขาเสียเวลาซะเปล่าๆ จิตตกไปเป็นเดือน กูเคยมาบ่นลงโม่งด้วยเรื่องนี้ 5555555 แต่พอคิดว่าตัวเองยังตายไม่ได้ ยังต้องหาเงินกินข้าว ผ่อนคอนโด กูยังไม่ได้ไปที่ที่อยากไปเลยก็มีแรงฮึดขึ้นมาเอง ตอนนี้ก็ได้งานทำแล้วนะ
สู้ๆมึง ไปชาร์ตแบตพักผ่อนสมองแล้วกลับมาลุยต่อ ตอนนี้ก็กดสมัครไปก่อนเถอะ ให้เขาเรียกไปสัมพบเจอผู้คนบ้าง อย่าอยู่คนเดียวหรือไม่ก็หางานอดิเรกทำจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ไปอัพเกรดสกิลการทำงานหรือหาคอร์สเรียนเสริมออนไลน์ก็ได้ เผื่อมึงจะพบทางที่ถนัดแล้วไม่ต้องไปสมัครงานอีก เป็นกำลังใจให้มึงกลับมาเข้มแข็งไวๆ แล้วก็ท่องเอาไว้ว่าเรามีดีเว้ย
>>991 หมายถึงรูดผ่อนของสินะ
>>992 พักหน่อยมั้ย อาการหนักอยู่นะ ร้องไห้ไม่กล้าไปสัมภาษณ์เนี่ย... ถ้าโดนเลย์ออฟช่วงปกติก็ไม่แปลกนะที่จะถูกมองว่าเป็นคนไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรเลยโดนเขี่ยทิ้ง แต่โดนเลย์ออฟช่วงโควิดนี่ถือว่าปกติมากๆ น่าจะมีแต่คนเห็นใจมากกว่า ไปพักให้เต็มที่แล้วกลับมาหางานใหม่ ถ้าบ้านมึงไม่ได้รวยล้นฟ้า ยังไงมึงก็ต้องหางาน มึงหนีไม่ได้หรอก เพราะงั้นมึงก็ต้องสู้ เว้นแต่บ้านมึงรวยมากนอนกระดิกตีนเฉยๆ ทั้งชีวิตก็อยู่ได้ อันนี้ก็แล้วแต่ แต่ถึงยังไงต่อให้รวยกูก็เชียร์ให้ทำงาน ขืนอยู่เฉยๆ มึงจะยิ่งดิ่งไปเรื่อยๆ
>>992 กอดนะมึง ตั้งหลักจนกว่าสบายใจค่อยเริ่มใหม่ กูก็รู้สึกแบบมึงนะ เพราะไปสัมมา แล้วทำได้ไม่ดี รู้สึกหน้าชากับบางคำถามด้วย พอสัมเสร็จ กูสงสัยว่าหรือกูไม่ดีพอจริงๆวะ ดาวน์ไป 2-3 วันแต่พอที่ใหม่เรียกสัม ก็ฮีลขึ้นมานิดหนึ่ง รอบนี้จะพยายามทำให้ดี มาสู้ไปพร้อมกันนะ
ถ้ามีครูที่ประสาทแดกมากๆ มาจุ่นจ่านกับมึงบ่อยๆ มึงจะหนียังไงอ่ะ น่ารำคาญมาก
>>957 กูว่ายากนะที่สาย it จะล้นตลาด แถมตอนนี้น่าจะขาดตลาดอยู่พอสมควรด้วย ขอยกตัวอย่างใกล้ตัวสุดก็กูเอง เมื่อปีที่แล้วช่วงเดือน9-10 ด้วยความที่บ.ที่กูทำอยู่มันปิดตัว กูเลยมีเวลาว่างไปไล่เดินสายสมัคร-สัมภาษณ์ดู รวมๆเกือบ10ที่ โดยทุกที่กูเรียกเงินเดือนเท่ากัน ซึ่งสูงกว่า skill ที่กูมี แต่กลายเป็นว่าแม่งรับทุกที่เลย บางที่ตอนสัมกูตอบเรื่อง technical หลายๆอย่างไม่ได้ด้วยซ้ำ แถมมีแค่2ที่ที่ต่อเรื่องเงินเดือน นอกนั้นให้ตามที่ขอเลย
กู >>992 นะ ขอบคุณพวกมึงมาก ๆ เลยนะ >>993 >>994 >>995 กูก็โดนเลย์ออฟเพราะโควิดจริง ๆ นั่นแหล่ะ TT คนโดนให้ออกกันเป็นร้อย แต่ถึงอย่างนั้น self-esteem กูก็เหลวแหลกอยู่ดี วันก่อนมี hr โทรมาถามว่าทำไมออกจากที่เก่า หน้าชาเลยอ่ะ ปากได้แต่ตอบไปเบา ๆ ว่าโดนเลย์ออฟ รู้สึกเหมือนมึงเลยว่าเรานี่ไม่ดีพอที่จะทำงานป่าววะ ไปทำงานแล้วจะผ่านโปรไหม สารพัดความคิดด้านลบ คิดว่าจะให้เวลาตัวเองเยียวยาจิตใจสักหน่อยแล้วค่อยเริ่มสมัคร ขอบคุณพวกมึงทุกคนมากนะ สู้ไปด้วยกันนะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.