Last posted
Total of 1000 posts
พึ่งส่ง Resume ไม่มั่นใจว่าHr ได้เปิดเมลดูรึเปล่า พอดีกูส่งไป 2 รอบ ด้วย เพราะรอบแรกเหมือนเข้าไม่เห็นมั้ง พอส่งไปรอบ 2 ตอบกลับมาทันทีเลย แล้วกูเคยสมัครที่นี้มาแล้วรอบ 1 ไม่ถึง 3 วันเข้าโทรให้มาสัมภาษณ์งาน
แล้วถ้ากูส่งเมลไปเตืนเขาอีกรอบจะโอเคเปล่าวะ
>>574 กูพึ่งส่ง เรซูเม่ไปไม่ถึงอาทิตย์ แล้วเงียบ
พอกูส่งไปรอบ 2 ทางนั้นเขาตอบทันที ตอนนี่กูรอเขาเรียกสัมภาษณ์ แต่นี้จะครบ 7 วันแล้วยังเงียบ
แล้วกูเคยสมัครกับ บ.นี้ ประมาณปีที่แล้ว 3 วันเขาก็เรียกกูสัมภาษณ์แล้ว
ตอนนี้กูกังวลที่เขาไม่โทรมา กูอยากจะส่งเมลไปอีกรอบ เผื่อเมลกูตกไรงี้ มันจะโอเคปะวะ
ร่อนไปบ้างละ ยังไม่มีที่ไหนโทรเรียกสัม หรือตอบเมลเลย ต้องร่อนอีกกกก
สัมมาที่นึงดูดีนะ แต่ในความรู้สึกกูเค้าเป็นแนวแบบอยากได้คนมี passion อะไรงี้อ่ะ
ซึ่งตัวกูรู้สึกว่า passion อะไรมันไม่เหลือแล้ว อยากทำงานง่ายๆสบายๆแล้วไปใช้เวลากับพลังงานทำอะไรอย่างอื่นมากกว่า
ตกงานแล้วโว้ย ฮือออออ ในที่สุดก็วนมาถึงคิวกู
>>571 วันสัมภาษณ์งานเป็นวันที่กูจะยอมลำบากหนึ่งวัน กูจะแต่งตัวให้เรียบร้อยที่สุดชนิดที่ไม่ว่าใครมองก็คือเรียบร้อย เพราะคำว่าเรียบร้อยของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะไปเจอคนสัมแนวไหน (ยกเว้นว่ามึงปักธงไว้แล้วว่าจะไม่ขอทำงานกับคน conservative เกินเหตุ อันนี้ก็แล้วแต่) เพราะกูไม่อยากจะมาเสียใจทีหลังเด็ดขาดว่ารู้งี้.....บลาๆๆ พอดีกูทำสายญี่ปุ่นด้วย สายนี้คือเคร่งสุด สูทต้องมี สีต้องดำ
คัชชูนี่กูก็กัด ติดกันกัดยังไงก็กัด ใส่ยี่ห้อดีและแพงแค่ไหนก็กัด กูอาศัยแปะปลาสเตอร์ยาที่เท้าไว้ก่อนเลย ซึ่งแม่งก็กัดอยู่ดี แต่ช่างมัน ทนได้
ถ้าไม่ชอบงานที่ทำอยู่ตอนนี้ซึ่งมันได้เงินเยอะกว่าที่อื่นเยอะ ละไปสมัครที่อื่นที่ได้เงินน้อยกว่าแต่ดูjob descriptionละดูจะตรงกับความสนใจเรามากกว่านี่โอเคมะ ละจะตอบเขาตอนสัมว่าไรดีอ่ะถ้าสมัครไป
กูเป็นคนเหี้ย แต่หงุดหงิดใจมากที่บริษัทที่กูใฝ่ฝันอยากทำงานด้วยติดต่อเพื่อนกูเรื่องสัมภาษณ์กับเงินเดือนก่อน ในขณะที่กูต้องรอยันปีหน้า (เขาให้วันที่ตายตัวมา) ทั้งที่ hr เขาติดต่อกูมาก่อน และกูมั่นใจว่าโพรไฟล์กูดีกว่าแน่ๆ ทั้ง technical skills และภาษา แง เฮ้อ คงต้องตัดใจสินะ :( ที่กูทุ่มเทมาตลอดมันเพื่ออะไรกันวะเนี่ย
นั่งหา พาร์มไทม์ทำกูไปเจอพวกงานเฝ้าบูท ทำ ตั้งแต่ห้างเปิด-ปิด ได้ 650 ยังมีคนสมัครหรอวะ กูสงสัย
>>584 บอกไปตามตรงนั่นแหละ สำหรับกูคำตอบว่าตรงความสนใจก็สมเหตุสมผลนะ
>>585 มึงไม่ได้เหี้ยซะหน่อย ก็ผิดหวังอ่ะ อย่าโทษตัวเองมากเดี๋ยวมันสะสมแล้วเป็นปัญหาใจ ช่างแม่ง บ.นั้น อนาคตมึงอาจจะไปได้ไกลกว่าเพื่อนโดยไม่ต้องโตกับ บ.นี้ก็ได้ใครจะรู้ สู้ๆ มึง เดินหน้าต่อ
>>586 ณ สถานการณ์ทุกวันนี้กูว่ามีคนทำแน่นอน ดีกว่าไม่มีรายได้เลย ตอนนี้มันแย่จริงๆ อะไรทำได้ก็ทำไปก่อน
>>583 กูผู้ชาย เป็นคนนึงที่ปักธงแล้วว่าจะไม่ทำงานกับคน/บริษัทที่จู้จี้จุกจิกเรื่องชุดพนักงานเกินไป
เดี๋ยวนี้เวลาสัมคือกูใส่เสื้อเชิ๊ตที่ไม่มีลายหรือลายน้อยหน่อย กางเกงยีนดำ รองเท้ากีฬาสีไม่ฉูดฉาด ไม่ใส่สูท ไม่ใส่เนคไทด์
ส่วนมากเค้าก็โอเคกันนะ แม้แต่สัมงานแบงค์ที่เค้าแต่งตัวเนี้ยบๆกันหน่อย อาจจะด้วยอาชีพกูโดยทั่วๆไปมักไม่แต่งตัวเนี้ยบกัน
ตอนสัมครั้งแรกในชีวิตเลยกูแต่งตัวเนี้ยบมาก แบบใส่สูท เชิ๊ตไม่มีลาย ใส่เนคไทด์ รองเท้าหนัง แล้วเจอคนสัมเค้าเห็นชุดแล้วขำเลยแอบฝังใจนิดนึง
หลังจากนั้นลาออกหลังผ่านมา 4 ปี กูสัมก็แต่งตัวเหมือนเดิมแต่ไม่ใส่สูทแล้ว
งานที่ทำอยู่ปัจจุบันเจอพี่คนสัมเค้าเห็นแล้วตกใจ ถึงขนาดถามว่าคุณต้องแต่งตัวแบบนี้มาทำงานหรอ
ตอนนั้นกูก็เครียดเลยแบบกลัวบอกไปตรงๆว่าแต่งเรียบร้อยเพราะมาสัม เดี๋ยวจะกลายเป็นโดนมองว่าสร้างภาพไรงี้มั้ย แตเค้าก็ดูไม่อะไร
>>589 แล้วแต่สายงานแหละอย่างที่บอก อย่างกูสายญี่ปุ่นเพียว สมัครแต่บ.ญี่ปุ่น (ประเภทบ.ไทยแต่มีความเป็นโลคอลสูง คนไทยเป็นใหญ่ กูก็ไม่เอานะ ไม่ชอบ) เพื่อนกูทำสายไอทีบริษัทฝรั่ง เห็นว่ามันใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ไปสัมด้วยซ้ำ ส่วนของกูน่ะเหรอ ยิ่งเรียบร้อยเต็มยศเท่าไหร่คนญปยิ่งประทับใจ ปลื้มกูสุดๆ กูไม่มีปัญหาเรื่องเสื้อผ้าเลยไม่ว่าที่ไหนจะเคร่งแค่ไหน ถ้าไม่บังคับกูก็แต่งชิลล์นะ แต่ถ้าบังคับมากูก็แต่งได้ ไม่เคยเดือดร้อนกับการต้องแต่งตัวเรียบร้อย เพราะกูจะไปมีปัญหากับเรื่องอื่นในงานซะมากกว่า ถถถ
>>553 กู >>534 นะ ตอนนี้ก็ได้งานใหม่แล้ว WFH ได้เยอะพอสมควร
ก็กลัวเรื่องบรรยากาศงานมันจะเครียดอยู่หน่อยๆ เพราะตอนสัมนี่คุยกันยาวชั่วโมงกว่าๆโดยไม่มีการคุยเล่นอะไรเลย
แต่ก็ช่างมันละ ไม่คิดเยอะ ลองๆไปดู ตอนนี้ยังไม่ได้เซ็นสัญญา กว่าจะไปเริ่มก็ปีหน้านู่น
ไม่รู้กูใจอ่อนไปมั้ยที่รอเริ่มปีหน้า เพราะอยากให้งานปัจจุบันมันเรียบร้อยแล้วค่อยไป แต่ก็คุยกับเค้าไปแบบนั้นแล้ว
กุกำลังออกจากงานเก่า แต่โดนกดดันว่า ทำไมไม่เคลียร์งานค้างๆให้เสร็จก่อนไป คือแม่งไม่ทันจริงๆหวะ แล้วกูเก็บคำพูดมาคิดอีก
สุดจะทนกับเจ้านายแล้ว แม่งเอ๊ย จะลาออกหางานใหม่ตอนนี้ก็ยากอีก กูต้องทนเหรอ
ยังอยู่ในช่วงโปรนะ ทำตำแหน่งที่ไม่เหมาะกับตัวเองเลยว่ะ อึดอัดมากต้องพูดคุยกับคน ตามทวงงานจากคนอื่น ยิ่งเป็นintrovertจัดๆจะบ้าตาย ตอนนี้ไปหาจิตแพทย์ได้ยามากิน ควรทำต่อไปมั้ยวะ
รู้สึกเฟลว่ะ สัมภาษณ์งานแล้วเจอคำถามวัดไหวพริบง่ายๆดันตอบไม่ได้ เพราะตกใจไม่คิดว่าจะเจอคำถามแนวนี้
มาคิดคำตอบดีๆออกก็ตอนสัมจบแล้ว
ตกงานมา4เดือนแล้ว เครียดฉิบหาย มีออฟเฟอร์จากรีครูทมาก็ตอบรับหมดแต่ไม่มีที่ไหนเรียกสัมภาษณ์เลย
>>603 เค้าเปิดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ารูปนึง แล้วบอกว่าสี่เหลี่ยมนี้มีพื้นที่ 40 ตรม. ถามว่าจะรู้ได้ยังไงว่ากว้างเท่าไหร่ ยาวเท่าไหร่
ไม่รู้คำตอบที่กูนึงออกจะใช่ที่เค้าอยากได้ป่าวนะ แต่คำตอบที่คิดได้คือกะคร่าวๆว่าอัตราส่วนระหว่างด้านกว้างกับด้านยาวเป็นเท่าไหร่
แล้วเราก็สามารถหาความยาวด้านกว้างได้จาก สูตร กว้าง x ยาว = พื้นที่
เช่นสมมุติด้านยาวยาวเป็น 2 เท่าของด้านกว้าง ก็จะเป็น กว้าง x 2 กว้าง = 40
แก้สูตรออกมาก็เป็นประมาณ กว้าง = 4.47, ยาว = 4.47x2 = 8.94
Resume ไม่ผ่าน กี่เดือนส่งอีกรอบอะ
ตกงานมาสี่เดือนแล้ว สมัครเว็บรีครูททุกเว็บ รับออฟเฟเอร์ทุกอันแม่งยังไม่ได้สัมเลย กำลังจะเป็นบ้า
ถ้ามีบริษัทหนึ่งเปิดรับพนง เรื่อยๆ แล้วกูไม่ผ่าน แล้วถ้ากูส่งใบสมัครอีกรอบเขาจะด่ากูในใจปะวะ พอดีอยากได้งานนี้จริงจัง
ถามคนหางานสายญี่ปุ่น บริษัทรีครูทตัว P สีแดงๆ ที่ไปฝากรับสมัครงานตามเว็บรีครูทอื่นทำไมถึงเขียนคอนแทคให้ติดต่อแยก ต้องโทรไปหาคนรับผิดชอบเท่านั้นเหรอเรซูเม่ถึงจะถึงบริษัท เมลไป กดสมัครไปงี้ไม่ถึงใช่มั้ย
กฎของการเป็นหัวหน้า คือต้องโดนลูกน้องเหม็นขี้หน้าเหรอวะ ฮ่าฮ่า
เพิ่งทำมาได้6เดือนหลังจบใหม่ แต่ไม่มีความสุขเลยอ่ะครับ งานมันก็ได้เงินดีนะแต่ทำๆไปละบอกไม่ถูกอ่ะแต่เหมือนทำละยิ่งdepressedขึ้นทุกวัน ควรออกมาพักไหมอ่ะหรือยังไงดี เคยมีแผนว่าอยากลองขอทุนไปตปท.อยู่แต่ไม่รู้จะได้ป่าว มีใครมีคำแนะนำป่ะครับ ใจนึงก็อยากออกมาพักมาสมัครทุนเลย
ว่างงานมานานยังไม่เคยทำงานบริษัทเลย พรุ่งนี้กำลังจะไปสมัครที่ใหม่ ตอนนี้20กลางๆ ก่อน30ควรมีเงินเก็บแค่ไหน อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่
ให้กำลังใจกุหน่อย
ตกงานมานานห้าหกเดือน พรุ่งนี้มีนัดสัมภาษณ์ว่ะ แต่บอกตรงๆว่าฟีลกูหดหู่มาก ช่วงเวลาที่ผ่านมาไปสัมภาษณ์คือไม่ได้ซักที่เลย พยายามปรับปรุงการพูดก็แล้ว ปรับคำพูด ปรับบุคลิก แต่ก็ยังไม่ได้ซักที่ บางทีโดน hr ด่าหรือเหน็บแนมมา แบบว่ากูโดน layoff ไง แล้วเขาก็พูดเหยียดๆประมาณว่าถ้ากูเก่งจริงบ.เก่าคงเอากูไว้ไม่เชิญกูออกหรอก ตอนนี้ความมั่นใจก็หดหายหมดจนกลายเป็นว่ากลัวการสัมภาษณ์งานไปเลยอะ ทำไงถึงจะเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้วะ กูเฟลหนักมาก
เก็บกันเดือนละเท่าไหร่ มีรายได้อื่นจากอาชีพเสริมไหม
อีกสองเดือนจะไปฝึกงานที่บริษัทประกันภัยรถยนต์ อยากได้คำแนะนำ ควรวางตัวอะไรยังไงบ้าง ไม่เคยทำงานมาก่อนเลยกลัวจะไปปล่อยไก่ หรือไปโชว์โง่ตอนฝึกงานแล้วเค้าจะด่าไปถึงมหาลัย
ตอนนี้กูอยู่ตจว.เพราะโดนเลย์ออฟ แต่หางานในกทม.ปริมลฑลเหมือนงานก่อนๆ รีครูทถามว่าถ้าจะสัมฯต้องนัดกี่วันล่วงหน้า กูขออาทิตย์นึง เพราะต้องหาตั๋ว มันนานไปจนบริษัทตัดกูออกปะวะ เพราะกูได้งานแมชต์ให้รีครูทส่งประวัติไปเยอะมาก แต่ยังไม่มีบ.ไหนเรียกสัมเลย
วันนี้ศุกร์สิบสาม
ไปลงประวัติใน linkedin แล้วมีฝรั่งติดต่อมาหาว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากธนาคาร...อยู่ที่ลอนดอน กูมีญาติที่ตายห่าไปเมื่อหลายปีก่อนแต่ทิ้งเงินในบัญชีไว้หลายล้านดอลลาร์อยู่ ถ้าไม่มีคนไปแสดงความเป็นญาติ เงินจะโดนธนาคารอายัด นางเห็นนามสกุลกูเหมือนกับอีคนที่ตายเลยมาบอกว่าเรามาแบ่งเงินกันมั้ย นางจะเดินเรื่องเอกสารให้เอง คือกูรู้ว่าแม่งหลอกชัวร์ๆแหล่ะ แต่นี่มันการหลอกในรูปแบบใหม่เหรอวะ เงินตั้งหลายล้านถ้าเป็นเรื่องจริงน่าจะมีญาติไปแสดงตัวกันให้พรึ่บนะ ใครเคยเจอแบบนี้บ้างวะ
เป็นพนงเข้าใหม่จะ 4 เดือนแล้ว เพื่อนร่วมงานยังไม่ลากเราเข้ากรุ๊ปไลน์ที่ใช้อยู่เลยอะ ฮือออออออ
เครียดว่ะ จบมาตั้งแต่ปีที่แล้วอยู่บ้านว่างๆ อยากไปฝึกงานเพราะอยากเปลี่ยนสายทำงานจากที่เรียน แต่บ.ส่วนใหญ่รับแต่พวกนักศึกษากับคนเพิ่งจบ กูรู้สึกตัวช้าไปมั้ย
ไม่เห็นภาพตัวเองจะทำบอที่เข้าใหม่ได้นานเลยว่ะ เดือนสองเดือนไม่เกินนี้คงได้ลาออก
อยู่ๆ ก็มีงานด่วนตอนเย็นวันศุกร์ ขอก่อนเช้าวันจันทร์ น่าจะกินเวลาทั้งเสาร์อาทิตย์
วันนี้นั่งทำไปเรื่อยๆ แล้วก็งีบไปตอนหัวค่ำ
แม่งฝันว่าแก้งานต่อ โทรไปประสานงาน ย้ายไฟล์เป็นตุเป็นตะ ตื่นมางงชิบหาย กูทำอะไรถึงไหนแล้วเนี่ย
เลยมานั่งเอ๋อๆ ย้อนความจำตอนตีสอง
อยากถูกหวยงวด 16 นี้ รางวัลที่หนึ่งสองใบ กูจะกลับไปแก้บนที่เหนือ แล้วก็กลับมาลาออกจากงานซะเลย พอและ กูหมดความสนุกและ
ทำงานไปก็ได้คำตอบว่ากูอยากเป็นคนว่างงานที่รวยมาก เป้าหมายอนาคตอะไรไม่มีอีกแล้ว
มะรืนสัมภาษณ์งานหลังจากตกงานมาเกือบครึ่งปี กูไม่มั่นใจอะไรเลย กูเป็นสายภาษาแต่ไม่ได้ใช้มาเท่ากับเวลาที่ตกงาน กูฝ่อไปหมด
หมดแรงเดิน ไหว้พระบนของานใหม่ที่ไหนได้บ้าง พระพรหมปะ ใครรู้
อะ ดูดวงที่ไหนแม่นๆด้วย
กูมีนัดสัมภาษณ์งานว่ะ ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ เท่าที่ฟังหน้าที่หลักคือช่วยงานฝ่ายบุคคลเลย แบบนัดสัมภาษณ์ ทำเงินเดือน งานธุรการทั่วไป แต่ประเด็นคือกูไม่เคยทำงานเกี่ยวกับฝ่ายบุคคลเลยแม้แต่นิดเดียว กูทำงานสายไอทีมาตลอด ประวัติที่กูลงไว้ในเว็บหางานก็ไม่ใช่สายธุรการซักนิด แล้วกูตงิดๆที่บริษัทที่โทรมาคือบ.ขายประกันว่ะ กูจะโดนหลอกไปทำงานขายประกันป่ะวะ ถ้าแม่งหลอกกูไปทำงานขายประกันกูจะเคืองสัสๆ
>>649 เท่าที่ฟังดูน่าจะอยากได้คนมาทำเอกสารเข้าระบบมากกว่านะ ทั้งโปรไฟล์ เรื่องภาษี เรื่องวันลา น่าจะต้องมีระบบจัดการเยอะ หาคนมีหัวทางไอทีจะได้เรียนรู้ระบบไวมั้ง ที่ออฟฟิศก็กำลังมูฟจากเอกสารกระดาษให้เข้าระบบทั้งหมด ต้องมาเรียนรู้ระบบใหม่ ต้องจัดการเอกสารเยอะมาก สงสาร HR เหมือนกัน
อยากรู้ว่าทำไมเด็กที่เกรดสูงๆ ถึงไม่เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างที่คิด ตอนนี้กูกำลังจะเรียนจบและหางานอยู่ สมัครที่เดียวกัน แต่เพื่อนที่เกรด 2-3 ต้นๆ โดนเรียกสัมและได้งานกันหมดแล้ว (บ.อินเตอร์ชั้นนำ) ในขณะที่กูและเพื่อนที่เกรด 3.95++ สมัครที่ไหนไปก็เงียบกริบ ทั้งที่ไม่ได้มีแค่เกรด ภาษาก็ได้ ประสบการณ์ทำงานก็มี กิจกรรมนอกเวลาเรียนก็แน่น สกิลก็ครบตาม requirement
ท้อแท้ว่ะ เหมือนตั้งใจเรียน ตั้งใจเก็บโพรไฟล์มาสูญเปล่าเลย ในขณะที่คนอื่นเรียนๆ เล่นๆ ก็จบไปได้เงินเดือนมากกว่ากู 2 เท่า เฮ้อ เมื่อไรจะได้งานกับเขาบ้างว้าาาา
>>656 บริษัทพวกนี้เป็นเหี้ยอะไรกันวะ อะไรหาคนสมัครงานตรงๆไม่ได้จนต้องใช้วิธีหลอกคนมาฟังก่อนเผื่อเคลิ้มเลยหรอ ทำเป็นพวกขายตรงไปได้
กูก็เคยเจอไปสัมงาน IT แถวพหลโยธิน ในตึกนั้นมีออฟฟิซบริษัทประกันอยู่ชั้นเดียวกับบริษัทที่กูไปสัมพอดี
มันเอาคนมายืนดักหน้าลิฟท์แล้วถามว่ามาสัมภาษณ์งานรึเปล่า พอบอกว่าใช่เพราะนึกว่าเป็นบริษัทที่กูสมัครงาน
มันก็ยัดใบกรอกประวัติใส่มือแล้วพากูเข้าออฟฟิซมันเลย พอเห็นว่าไม่ใช่บริษัทที่กูมาสัมกูเลยรีบบอกว่าผิดบริษัทแล้วเดินหนี
ขนาดบริษัทเล็กๆ โฮมออฟฟิศ มันยังมีการเมืองภายในได้เหรอวะ หนีไม่พ้นจริงๆ เหนื่อยกับงานพอแล้ว ยังมาเหนื่อยกับคนอีก
ไม่เคยอยู่บริษัทนานถึง1ปีเลย นานสุดก็10เดือน ล่าสุดบริษัทที่ทำมา4เดือนเข้าขั้นวิกฤตจะให้เราอยู่ต่ออีก 2 เดือน ขอออกสิ้นเดือนหน้าเลยได้ปะ ไม่มีแรงใจทำงานต่อละ
>>659 เพื่อนเอ๋ย เล็กใหญ่มึงหนีไม่พ้นหรอก ต่อให้มึงไม่เลือกข้าง จะมีความพีคเหี้ยๆที่มึงตกกระไดพลอยโจรไปกับฝั่งไหนฝั่งหนึ่ง ตราบใดที่มึงยังเป็นตัวเล็กตัวน้อย ทำงานกับคนเยอะๆ แต่ที่จริงมันก็ทำได้นะถ้างานมึงไม่ต้องยุ่ง ไม่ต้องแคร์ใคร ใช้ชีวิตโดดเดียวผู้น่ารักไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเอาความคิดเห็นกูนะไม่ค่อยเวิค ถ้าถามว่าเพราะอะไร เพราะถ้ามึงอยู่ในสังคมที่พวกชั้นไม่ใช่พวกแก งานของพวกแก ชั้นไม่แคร์ หรือแม้แต่มึงจะไม่ยืนข้างใครก็เท่ากับว่าตัวตนคนจาง priority มึงจะเป็นท้ายๆ พร้อมกับการต้องตามจิกงาน มึงจะสยองมาก กลับกันถ้าตำแหน่งมึงแข็งแรง และยิ่งใหญ่ในระดับหนึ่ง วันนั้นละมึงถึงจะถือว่าได้เป็นผู้ลอยตัวเหนือดราม่าต่างๆที่แท้จริง /นี่อาจจะเป็นคหสต ที่กูเจอมา กูก็ยังหวังว่าตัวเองจะเจอโรงงาน no การเมืองซำเหมอๆ
มึงกูขอกำลังใจหน่อยกูตกงานมา 8 เดือน ตอนนี้กูเพิ่งได้งาน แต่สภาพสังคมแย่มาก ซึ่งใจกูอยากออกแต่ถ้าออกตอนนี้กูจะไม่มีแะไรแดกทันที
กูอยากได้กำลังใจ
เครียด ทำไมทุกอย่างที่กุมองว่าสวย หัวหน้ากูมองว่าไม่สวยทุกที
จบใหม่ทำงานได้6เดือนแต่รู้สึกไม่ชอบวานเลย อยากเปลี่ยนสายแต่ต้องไปบ.อื่นที่เงินน่าจะน้อยกว่านี่ควรทำมะ ว่าจะหาๆละอาจจะออกเดือนหน้าไม่ก็ต้นปีหน้าเลย ตอนนี้ทำละไม่มีความสุขเลยอ่ะ depressขึ้นทุกวันถึงเงินมันจะดีก็เถอะ
รู้รำอิเจ้ปากมากที่ co-working Space ว่ะ ไอ้เหี้ย พูดอยู่ได้ไม่หยุด เสียงก็ดีง แถมแหลมอีกน่ารำคาญเหี้ยๆเลย เมื่อไหร่จะหุบปากวะ
โดยทั่วไปถ้ายื่นเรซูเม่ไปแล้วเขาไม่ตอบกลับมาประมาณกี่วันจะถือว่าเขาไม่เอาแล้วดี ซัก2อาทิตย์ปะ?
ร่อนเรซูเม่ไปหลายที่ละ แต่ไม่มีที่ไหนติดต่อกลับมาเลย ;-;
เปลี่ยนงานเพราะที่ทำอยู่ไม่ชอบ แต่ได้เงินเดือนลดลงมากๆแบบลดลง30-50% มีใครเขาทำกันไหมอ่ะ ตอนนี้อยากลองเปลี่ยนไปทำสายที่ชอบดู
>>677 ถ้าเป็นสายที่ชอบ แล้วที่ลดลงไปจะไม่ถึงกับเดือดร้อนเรื่องเงิน เราว่าก็ทำได้นะ บางทีงานที่เงินดีมันก็เสียสุขภาพจิตได้
ขอกุบ่นบ้าง เงินเดือนกูระดับนึงแล้วก็ไม่รู้จะเปลี่ยนไปไหนให้มันขึ้นอ่ะ คนที่บ้านกุแม่งเอาแต่บอกให้เปลี่ยนงานๆ เพราะเงินเดือนไม่ขึ้นซะที
กุถามจริง คนที่วันๆนั่งกระดิกตีนอยู่บ้านแม่งมีหน้ามาบอกให้คนอื่นหางานใหม่หรือไปต่อรองเงินเดือนด้วยเหรอ เป็นเหี้ยไรวะ
>>678 อ่าวกลายเป็นปัญหาครอบครัวเฉย ใจเย็นมึง ถือว่าเพราะเขาหวังดีกับมึงก็เลยอยากออกความเห็นนั่นแหละ แต่มันจะเป็นความเห็นที่งี่เง่าหรือน่าเก็บเอาไปคิดก็เป็นมึงเองนั่นแหละที่ตัดสินใจ เขามาบังคับอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
กูเคยมีรุ่นพี่ตำแหน่งเดียวกันที่คุยกันอย่างเปิดใจได้ ก็มีคุยกันเรื่องเงินเดือนตันเพดานด้วย ถ้ายังอยู่ที่เดิมกูมองว่าไม่มีทางที่จะขึ้นไปได้กว่านี้ ตัวกูพยายามจะหาเพิ่มให้ได้ จนย้ายงาน ย้ายสายงาน เงินเดือนเพิ่ม กูก็รู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจถูก ในขณะที่พี่เขารู้สึกพอใจในเงินเดือนเท่านั้นแล้วอยู่ต่อไปเรื่อยๆ มันไม่มีใครถูกใครผิดเว้ย แล้วแต่ใครจะเลือกตัดสินใจ ชีวิตตัวเอง และกูก็คุยกับเขาเรื่องนี้ด้วยความหวังดีจริงๆ
กูเฟลว่ะ เริ่มงานใหม่มาเดือนนึงแล้ว ทีแรกกูโอเคกับเพื่อนในกลุ่มนะแต่หลัง ๆ กูเริ่มเหนื่อย ๆ กับการแสดงออกที่ตรงไปตรงมาของเพื่อน ๆ ในกลุ่ม คือคุยกันแบบรู้เลยว่ามีกรุ๊ปไลน์ที่ไม่มีกูอยู่ด้วยคุยต่อหน้ากูเนี่ยแหล่ะ มีแชทส่วนตัวกันเคยมีโทรหากันแต่กูไม่เคยมีส่วนร่วมด้วยเลย กูก็รู้ตัวนะว่าไม่ใช่คนชอบพูดไลฟ์สไตล์อาจไม่ตรงกัน แต่พอมาฟังเขาพูดสิ่งที่รู้กันเองกูก็อดเฟลไม่ได้ว่ะ ทำยังไงกับความรู้สึกนี้ดีอ่ะ
ทำใจ ส่วนนึงก็ต้องยอมรับว่าอาจจะเป็นเพราะนิสัยของมึงเองที่เข้าสังคมไม่มากไม่พอ หรือเข้ากับเขาไม่ได้เอง
สังคมในที่ทำงานไม่เอาปัญหาส่วนตัว หรือนิสัยส่วนตัวกระทบเรื่องงานได้ถือว่าประสบผลสำเร็จแล้ว
ต้องทำงานกี่ปี สมัครใหม่ถึงจะไม่ขอดูทรานสคริปวะ กูอาย F 3 ตัว วิชาหลัก
แล้วแต่ที่อะ ปกติ 5 ปีก็ไม่สนแล้ว แต่ บ. ใหญ่ๆบางที ก็เคร่งอยู่ ถ้ารู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนเรื่องผลการเรียน ก็หาผลงานระหว่างทำงานมากลบแทน เ
>>681 บางทีเพิ่งจบมาไม่นานอาจจะยังปรับตัวไม่ได้นะ จากที่เคยมีเพื่อนในรุ่นเยอะๆ ถึงเวลาที่ต้องมาโฟกัสตัวเองแทน กูขอเล่าไว้เป็นแง่มุมนึงแล้วกันในฐานะที่สิบปีแล้วก็ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ สำหรับกูเพื่อนร่วมงานกับเพื่อนเรียนต่างกันอยุ่นะ มึงไม่จำเป็นต้องสนิทใจกันก็ได้ อาจจะมีเพื่อนที่สนิทนอก บ.แค่คนสองคน กับเพื่อนใน บ.แค่รักษามารยาท ร่วมงานกันได้ มองการทำงานเป็นหลัก ใครที่ไม่ใช่ไทป์เดียวกันไม่สนิทกันก็สคิปๆ ไปก็ได้ ถ้าใช้ชีวิตคนเดียวได้อ่ะมึงจะสบายตัวขึ้นเยอะเลย ประหยัดเวลาได้เยอะ ไม่ค่อยมีเรื่องจุกจิกมากวนสมอง เอาเวลาไปโฟกัสกับสิ่งที่ให้ความสำคัญมากกว่าแล้วเวลามีปัญหาชีวิตอยากระบายหรืออะไรก็ไปหาเพื่อนสนิทเอา หรือแฟน หรือครอบครัวก็ได้ เพื่อนร่วมงานสำหรับกูนี่สายสัมพันธ์ไม่ได้ลึกขนาดนั้น
>>681 สังคมที่ทำงานมันไม่ใช่สังคมใช้ชีวิตร่วมกันแบบเพื่อน อย่าไปยึดติดมาก กูนี่เข้าแผนกมาทีหลัง ทุกคนแอดเฟส มีตั้งไลน์กรุ๊ปกัน มีกูคนเดียวที่ไม่มีคนแอดเฟส ไม่ได้อยู่ในกรุ๊ปไลน์กรุ๊ปแชทเฟส ผ่านมาจะสองปีแล้วก็ยังไม่ได้แอดไม่ได้เข้า 5555 มึงมีกลุ่มเพื่อนนอกบริษัทมั้ย ถ้ามี ก็คิดว่ามาทำงานเป็นเพื่อนทางธุรกิจ เลิกงานมึงก็ไปอยู่ในสังคมเพื่อนก็ได้
>>682 >>685 >>686 ขอบคุณทุกคนมาก กูก็พยายามไม่ใส่ใจอะไรมากมันอาจเป็นแค่การเฟลระยะแรก กูอาจยังแค่ปรับตัวไม่ได้อย่างที่ว่ามันเลยเหงา ๆ แต่ล่าสุดยิ่งซึม พรุ่งนี้วันเกิดเพื่อนคนนึงแต่เขาชวนกูคนสุดท้ายเหมือนชวนตามมารยาทแต่พอกูบอกว่าไปได้เขาก็ทำตกใจกันแบบไม่คิดว่ากูจะไปจริง ๆ แล้วถ้ากูไปรถที่ซ้อนกันไปได้เลยจะไม่พอกูก็อิหลักอิเหลื่ออีก เฮ้อออ
สุดท้ายเพื่อนกลุ่มนี้ของกูก็คงกลายเป็นเพื่อนรักษามารยาทจริง ๆ ก็ได้เพราะไลฟ์สไตล์แนวคิดไปคนล่ะทางจริง ๆ
ทำไมต้องทำงานวะ? กูอยากมีที่ซัก 100 ไร่ จะปลูกผักปลูกป่าทำนาเลี้ยงสัตว์แบบวิถีพอเพียง
กูรู้สึกไม่มั่นใจเวลาเขียนรีซูเม่เลยว่ะ
กูคือกูมีวุฒิทั้งกฎหมายและบัญชีนะ แต่ดันทำงานธุรการในมหาลัยฯ เป็นงานหลัก ทำมา 4 ปีพอจะหางานใหม่แม่งไม่กล้าเขียนอะไรลงไปเลยว่ะ เพราะงานที่กูทำมันจับฉ่ายจนไม่ได้พึ่งสกิลอะไรที่กูเรียนมาเท่าไร ที่พอทำได้คือให้คำปรึกษาด้านกฎหมายกับทำบัญชีปิดงบซึ่งเมื่อเทียบกับคนที่ทำงานสายตรงแล้วมันดูด้อยกว่าเยอะเลย
หมดปีนี้กูก็ต้องหางานใหม่ละ เพราะสัญญากูกับมหาลัยจะหมด แต่กูยังไม่รู้เลยว่าจะไปทางไหนได้ต่อดีในเมื่อกูไปไม่สุดซักทาง
อายุ 26 แต่ไม่เคยทำงานที้ไหนถึง 1 ปีเลย มีเหตุให้ต้องออกบริษัทก่อน ไม่บอเจ๊ง บอห่วย ก็ออกเอง
ไม่ได้เข้าโม่งนานมาก ตอนนี้กุตกงานเพราะบอปิดไล่คนออก เครียดชิบหายเลยเพื่อนโม่งTT
มีใครที่ปีก่อน บ. ปิดตัว อุตส่าห์หางานใหม่ได้ ปีนี้มาเจอโควิดอีกระลอกแบบกูบ้างวะ (กูออกเองนะ แต่ถ้าอยู่ต่อก็ได้ซองขาวแหละ)
พวกมึงอยากได้งานหรือพวกมึงอยากได้เงิน
อยากทำงานที่บริษัทเดิมแต่ได้เวินเยอะๆอ่ะ ทำไงวะ
โควิดระลอกสองจะมา กูยังหางานใหม่ไม่ได้เลย ;;
มนุษย์เงินเดือนฐานภาษี 20 ซื้ออะไรลดหย่อนกันบ้าง เท่าที่อ่านดูไม่ค่อยมีใครเชียร์ SSF เลย
กูไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้เท่าไหร่ รู้แต่ LTF ที่ซื้อไว้ปีก่อนๆ ของตัวเองตอนนี้ขาดทุนแดงเถือก 555
RMF นี่กำไร คงซื้อเหมือนเดิมแต่คงไม่เยอะ มันช่างนานเหลือเกินกว่าจะ 55
ส่วนประกันนี่ซื้อเต็ม max แล้ว PVD หักเต็ม max แล้ว ช็อปดีมีคืน 30k ครบแล้ว
ขอเสียงคนไม่ได้หยุดวันนี้หน่อยฮะ
7 10 11 ไม่ได้หยุดซักวันเลย เย้!!
เคยแปะไปในมู้นินทาญาติละ ขอมาแปะในนี้ด้วยละกัน
มือบอนไปเปิดเมสเสนเจอร์ของแม่ เห็นแม่คุยกะพี่สาวเพราะนางลงสตอรี่มีมเด็กจมน้ำ เนื้อความประมาณว่าพ่อแม่อุ้มชูแต่ลูกคนเล็ก (aka กู) แล้วนางที่เป็นลูกคนโตปล่อยจมน้ำตายห่าเป็นโครงกระดูก
แม่ถามพี่กูว่าแซะแม่เหรอ พี่กูก็บ่นประมาณว่าทีกับกูพ่อแม่โคตรสปอยล์ ไม่ว่าอะไรกูเลย ทีนางปล่อยให้ไปไหนมาไหนเอง แม่กูตอบนางว่าไม่ใช่ว่าเค้าไม่เคี่ยวกู เค้าก็มีเตือน แล้วเค้าก็บอกพี่กูว่าไปไหนมาไหนเป็นจะได้ไม่ต้องห่วง ละพี่กูนางก็ตัดบทว่าขก.พูดเรื่องกูละ
ละช่วงนี้ประจวบเหมาะเรื่องกูเพิ่งจบใหม่ด้วย ที่บ้านเองก็แปะงานที่รับสมัครเข้าเฟซกูรัวๆ แต่กูไม่กล้าไปสมัครงานที่ไหนเลย กูยอมรับว่ากูไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนมาไหน เพราะพี่กูนางเคยมีคดีเก่าเรื่องหนีออกจากบ้านไปเอาผัวหลายรอบได้ เลยทำให้พ่อเคี่ยวกูเรื่องออกจากบ้านจนกูไปไหนไม่เป็น กูรู้ว่าที่กูเป็นอยู่แม่งเหี้ยนะ แต่กูจะทำยังไงให้กูออกมาจากความรู้สึกนี้ได้อะ มีหลายงานที่กูอยากไปลองทำ แต่พอกูมองพ่อ กูก็ไม่อยากบอกอะไรเค้าเลย กูกลัวโดนด่า แต่กูก็ไม่อยากเป็นภาระโง่ๆ ที่บ้านแล้ว
>>717 >>720 คือไม่ได้กลัวพลาดหรอก แต่ที่กูบอกว่ากลัวโดนด่าหมายถึงมันเป็นปมในใจแต่เด็กที่สลัดไม่ออกน่ะมึง พ่อกูเลี้ยงทั้งพี่ทั้งกูแบบเคี่ยว ด่าแรงๆ พูดแรงๆ แต่พี่กูทนไม่ไหว แหกคอกไปก่อนจนใช้ชีวิตเป็น ถึงจะไม่จบป.ตรีก็เถอะ
ส่วนกูเป็นคนเล็กที่เห็นพี่เป็นแบบนั้น เห็นพ่อแม่เสียใจตอนที่พี่กูหนีออกจากบ้านไปหลายๆ รอบ เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อเคี่ยวกูมากกว่าเดิม จะไปไหนมาไหนต้องรายงานให้ละเอียด มีพยานหลักฐาน บางทีก็ได้ไป บางทีก็ไม่ได้ไป แล้วแต่อารมณ์เค้าที่ไม่รู้ว่าอารมณ์ไหน ร้ายแรงสุดคือเคยด่ากูที่ขอเพื่อนไปงานหนังสือกะเพื่อนสาว+LGBTQ ว่าไปหาผู้ชายด้วยซ้ำ ทั้งที่ตอนนั้นอยู่แค่ ม.3 หรือจะตอน ม.1 ที่ไปซื้อขนมตรงข้ามรร.ยังด่าได้ว่าเถลไถล (ย้ำว่าหน้ารร.แบบข้ามถนนไม่ถึง 100 ม.) ถ้าเอาแบบล่าสุดเลยก็คือตอนปี 3 ไปเดินฟิวเจอร์รังสิตกะเพื่อน (บ้านอยู่แค่เซียร์รังสิต) ยังโดนด่าเลยว่าไปทำไม รวยนักเหรอ มีเงินนักเหรอ ทั้งที่แค่ไปเดินกินแอร์เฉยๆ จนตอนนี้กลายเป็นว่ากูทรอม่าเรื่องนี้จนสลัดไม่ออก
แต่ยังไงก็จะพยายามนะ หวังเหมือนกันว่ากูจะมีความกล้าพอที่จะสลัดความกลัวทิ้งไปบ้าง ขอบใจพวกมึงนะ
ตอนเด็กพ่อแม่ที่บ้านเราก็เคร่งนะ เราอยู่หญิงล้วนตลอด พ่อแม่ไปรับไปส่ง ไปเที่ยวห้างกับเพื่อนนี่คือพ่อแม่ก็ไปเดินห้างเดียวกันรอ มีแต่เพื่อนผู้หญิงแต่เค้าก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี กลัวมีเพื่อนของเพื่อนมาด้วยไรงี้ เกิดมาไม่เคยไปค้างบ้านเพื่อน ไม่เคยมีเพื่อนผู้ชาย วันไหนนึกครึ้มใจแต่งตัวสวยหน่อยจะโดนด่าว่าใจแตก จะหาผัวเหรอ สมัยนั้นก็รู้สึกแย่นะ เครียด หดหู่ ว่าทำไมเขาไม่ไว้ใจเรา ทำไมต้องด่าแรงทั้งที่เราไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลย ทั้งที่เราอะโคตรจะเด็กดีเด็กเนิร์ดเลย แต่พอโตมาก็เข้าใจอะนะ ส่วนมากที่ท้องในวัยเรียนนี่ก็เด็กดีทั้งนั้น (เพราะถ้าเด็กที่เวลสูงจริงๆ มันไม่ค่อยพลาดท้องหรอก) คนเป็นพ่อเป็นแม่ มันก็ห่วงแหละ แต่วิธีการแสดงออกจะผิดหรือถูกก็อีกเรื่อง พ่อแม่ไม่ใช่เทวดาจะได้ทำสิ่งที่ถูกต้องทุกอย่าง
ร่ายมายาวจะบอกว่าแต่พอโตมาเราก็หายนะ ไม่เก็บมาเป็น trauma พอเราโตถึงวัยทำงาน รับผิดชอบตัวเองได้ เขาก็ยังเป็นห่วงแหละ ยังบ่นๆๆ แต่ก็ปล่อยมากขึ้น (นี่ยังอยู่บ้านพ่อแม่) แค่เวลาจะไปไหนหรือกลับช้าก็โทรบอกไลน์บอกหน่อย ไปกินข้าวกับเพื่อนก็จะถ่ายรูปส่งไลน์ให้เขาดูว่าแก๊งหญิงล้วนนะ ไม่ต้องห่วง เรื่องจะสลัดออกหรือไม่สลัดออกมันอยู่ที่ใจเรานี่แหละ ถ้าเราเก็บเอาเรื่องในอดีตมาคิดย้ำๆๆ เรื่อยๆ เราก็ไม่มีวันสลัดออกไปได้
>>726 ยกเว้นว่าถ้าพ่อแม่ยังอาการหนักเหมือนเดิมไม่หาย โตแล้วยังไม่ยอมผ่อนเลเวลลงเลย อันนี้แนะนำให้หางานไกลๆ แล้วย้ายไปอยู่คอนโด/หอพัก เช่นกัน แต่ต้องเป็นงานที่ดีมากแบบองค์กรดีมาก เงินเดือนดีมาก เอาให้เขาหาข้ออ้างโต้แย้งไม่ให้เราไปไม่ได้อะ ไม่งั้นเขาอาจจะห้ามไม่ให้ไปทำอยู่ดี
มีใครเป็นเหมือนกุมั่ง ตั้งแต่เข้าเดือนนี้มาไม่มีอารมณ์จะทำงานเลย
กูเป็นฟรีแลนซ์ และกูขี้เกียจมาตลอด แต่เดือนนี้แม่งขี้เกียจเป็นพิเศษ
ไม่รู้ถามใครดี กำลังจะหางานใหม่เพราะกูไม่โอกับระบบการทำงานของที่เก่า แถมโดนโยนงานเกินตำแหน่งไปอีก แล้วถ้าตอนสัมงานเขาถามว่าทำไมถึงออกจากงานเดิม ปกติควรพูดหรือไม่ควรพูดตามความจริงวะ กลัวโดนมองเหมือนว่าปรับตัวเข้ากับองค์กรไม่ได้ แต่ระบบการทำงานที่เก่ากูมันเละเทะสัดๆ ในสายตากูจริงๆ…
เล่าต่อ กุไปสัมที่ใหม่เพราะที่เก่าไม่โอเคเหมือนกัน บอสเผด็จการมาก กุก็เล่าตรงๆเลยว่ากุโดนอะไรมาบ้างเขาก็เข้าใจละก็ได้งานนะ
ตอนนี้ยังตกงานอยู่ ทุกอย่างแม่งเงียบมาก ไม่มีคนโทรมาออฟเฟอร์งาน ไม่มีคนเรียกสัม ควรทำใจแล้วรอเปิดหลังปีใหม่ใช่มั้ยวะ หรือจะมีโควิดอีกกูควรทำใจยาวๆ แทน
ปีนี้งานพวกมึงเป็นยังไงกันบ้าง มีโควิดเข้ามาธุรกิจยังสบายดีกันอยู่ไหม
ของกูไม่เลย ต้องทำทุกวิถีทางให้รอด ลูกค้าบอกอยากได้งานพรุ่งนี้ก็ต้องได้ ไม่มีปากมีเสียงอะไรเลย ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำ ๆๆๆๆ รับใช้เป็นทาสของทุนนิยมไป หยุดยาวก็ไม่ได้หยุดเพราะมีงาน วันลาเหลือเป็นกระบุงก็ใช้ไม่ได้เพราะมีงานพูดแล้วก็จะร้องไห้ เหนื่อยชิบหายเลยอ่ะ ตายไปจะสบายกว่าไหมนะ
กูรู้แหล่ะว่ามีงานยังไงก็ดีกว่าไม่มีงาน แต่ตอนนี้กูชักไม่มั่นใจแล้ว.....
>>739 กูไม่ใช่เจ้าของธุรกิจ กูเป็นลูกจ้าง ตกงานได้กำลังจะครึ่งปี ทำฟรีแลนซ์เล็กๆน้อยๆ จ๊อบละสองสามพัน 2-3งานต่อเดือน บางเดือนก็ไม่มี ที่ยังพออยู่ได้เพราะอยู่บ้านไม่มีค่าใช้จ่าย อาศัยกินข้าวกับครอบครัว
ตอนแรกอาศัยเงินชดเชยว่างงานด้วยนิดหน่อย ตอนแรกก็นั่งๆนอนๆ ถือว่าพักกายใจ แต่ตอนนี้หางานมาเข้าเดือนที่ 4 แล้ว ยังไม่ได้สัมที่ไหนเลย ตอนนี้หวังกับปีหน้าอย่างเดียว
>>739 บ.ที่กุทำอยู่เป็น บ.ลูก ก็โดนหนักเหมือนกัน ด้วยประเภทธุรกิจที่เน้นต่างชาติ แต่ดีที่พื้นฐานดีมีเงิน เจ้าของ บ.แม่มีเงินมากพอจะพยุงพนักงานได้ไม่มีใครโดนเลย์ออฟ ช่วงต้นๆ วิกฤติงานหนักขึ้นอย่างเห็นชัดเพราะกุทำฝั่งออนไลน์ ต้องอุ้มฝั่งออฟไลน์ไปด้วยให้ได้ ตอนนี้งานส่วนของกูเบาแล้ว แต่ส่วนของคนอื่นยังลุกเป็นไฟอยู่(พวก dev) ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์มากพอจะเปลี่ยน ไม่สิ เพิ่มลู่ทาง คือวิกฤติช่องทางเดิมทำเงินไม่ได้แล้วแต่ยังลงทุนกับส่วนอื่นเพิ่ม คาดหวังกับกลางปีหน้าว่าไอ้ที่ทำขึ้นใหม่นี้จะไปได้สวย ถ้าไม่สวย.. ก็หนาวๆ ร้อนๆ กันละทีนี้
>>739 ไม่ค่อยดี กูทำงาน IT เป็น outsource ให้บริษัทใหญ่แห่งนึง คือก่อนหน้านี้กูก็เบื่อๆอยู่แล้ว
ศก. ไม่ดี ยอดขายตก คนประสาทแดกกันไปทั้งบริษัท การวางแผนงานเละเทะ ทั้งที่บางอย่างคิดให้ดีๆก่อนจะสั่งงานมันทำให้เค้าได้งานเร็วกว่านี้เยอะ
คนข้างบนก็กดดันคนข้างล่างให้ทำงานเยอะๆเร็วๆลูกเดียว หีออืออะไรไม่ได้ มีเรื่องให้ประสาทได้ทุกวัน
กูเคยไปพูดขัดหัวหน้าตอนเค้าจะเอางานมาใส่เพิ่ม เค้าเลยเกลียดขี้หน้ากูไปเลย mind set ของทีมกลายเป็นการปั่นงานลวกๆให้มันเสร็จๆไปอย่างเดียว
สุดท้ายเลยลาออกแล้วหลังอยู่มา 4 ปี ซึ่งสำหรับคนเป็น oursource ถือว่านานสัสๆ เปิดปีใหม่มาก็ไปทำที่ไหม่เลย
ก็ใจหายนะ เสียดายเพื่อนร่วมงานที่นี่บางคน ความใกล้หอพัก WFH ได้เยอะ ฯลฯ แต่กูทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
>>739 หลายคนแม่งบอกแย่งั้นงี้ มุมกูที่ทำงานเด็กเสิร์ฟมาก่อนและมาทำครัว ในธุรกิจร้านอาหารบอกเลยว่ามีมิติต่างกัน พวกร้านที่เป็นบุฟเฟ่ต์ ชาบู สุกี้แบบไม่มีทำอาหารจานเดียวมาก่อน/ทำอาหารส่งให้แกรบ ฟู๊ดแพนด้า ไม่ได้มาก พวกนี้คือรายได้ตกมากๆ ยอดขายหายฮวบ แล้วแม่งจะเริ่มกดขี่แรงงานละ แล้วกดรายได้หนักชิบ หัวหน้าแม่ง ปสด. มาก ทำงานอยู่ๆเจอข้อผิดพลาดโดนใส่อารมณ์ซะงั้น งงมาก ร้านเก่าที่กูเคยทำนี่คือช่วงวันแม่ วันนักขัต คนทำประจำไม่ได้สองแรง คนทุกก่ะเลิกสามทุ่มทั้งนั้น ปิดร้านสามเดือนช่วงกักตัว คนที่ทำเด็กเสิร์ฟตกงานชัดๆเลย ส่วนพวกทำครัวต้องเดินทางแบบมีเงินบ้างไม่มีบ้าง แถมต้องมาลุ้นหวยกับนรก ขสมก ที่ออกนโยบายประสาทแดกๆใส่คนเดินทางตอนไปทำงานอีก อีกพวกที่กูตกใจว่าเขาไม่ค่อยเดือดร้อนหนักคือพวกร้านที่ตามสั่ง ลูกค้าแดกเป็นจานๆไป มีร้านแบบซื้อมาใส่กล่องแล้วกลับไปกินที่บ้าน ซึ่งเป็นร้านยุ่นที่กูทำทุกวันนี้ ไม่รู้ว่าในสายตาของคนที่บริหารร้านมันคือขาดทุนหรือเข้าเนื้อ ทุกๆวันได้ปิดยอดหลักแสนบ่อยๆ ทำซูชิแล้วไม่เจอไล่เบี้ยหนักๆบ้าๆบอๆแบบร้านชาบูที่กูเคยทำ คนครัวแม่งกดดันน้อยมากถ้าเกิดว่าไม่ทำอาหารแล้วลูกค้าแดกไม่ได้ หรือปิดร้านไม่เรียบร้อย(กูปิดร้านช้า เพราะดูความเรียบร้อยแทบทุกจุดของครัว แต่ช้าน้อยกว่ารอง ผจกที่แม่งปิดยอดนานสัส เที่ยงคืนยังไม่ได้กลับ) HRมีนโยบายหัวสมัยใหม่พอตัว คนจากofficeคือทำตัวสลิิิ่มน้อยมาก ทุกคนคุยได้ เน้นพูดคุยแก้ปัญหา ..........ไม่รู้เพราะกูรับผิดชอบเฉพาะแผนกตัวเองเท่านั้นไหมเลยเป็นงี้ ถ้าเป็นแผนกพวกครัวร้อน ครัวซาซิมิ กูอาจจะมาบ่นแบบพวกมึงก็ได้55555+ สรุปคือ ทำงานครัวแม่งไม่ค่อยกระทบหนัก ทำแคชเชียร์ก็ด้วย เพราะอาหารต้องทำให้คนแดก บ.ต้องหาคนมาคิดเงิน แต่ที่ไม่มีจะแดกคือพวกบริการ เด็กเสิร์ฟ
ปล. ร้านชาบูก่อนหน้าเปิดมา7ปี ทุนจดทะเบียนร้อยล้าน ร้านซูชิที่กูทำเปิดมา4ปีทุนจดทะเบียน 4ล้าน ไม่รู้ว่าทำไมทำร้านอันหลังแม่งรู้สึกว่าเค้ามีปัญญาจ่ายเงินให้ พนง.ร้านมากกว่าร้านชาบูจีนก่อนหน้าไม่รู้นะ ข้ออ้างงดจ่ายสองแรง ไม่จ่ายโอเกินเวลาสัสๆห่าไรไม่มี
มืดมนชิบหาย นี่มันมู้โม่งซาลารี่แมนหรือมู้เรื่องสยองวันศุกร์วะเนี่ย
กุไม่สนิทกับใครในที่ทำงานเลยเพราะมีแต่คนแก่กว่าหลายปี กุก็ชวนคุยไม่เก่ง เงียบๆหงิ๋มๆทำตัวไม่ค่อยถูก หรือกุยังไม่ชินสังคมทำงานวะ เพิ่งจบมาปีเดียว เหงาสัส มีวิธีเปลี่ยนให้ตัวเองเป็นคนเฟรนลี่จ๋าๆมั้ยวะ
>>748 งานแรกกูก็รู้สึกแบบมึง มีแต่คนแก่กว่าแล้วทีมกูทีมเล็กมาก มีกันอยู่แค่ 3 คน แต่ 3 คนนี้อ่ะไม่คุยกันเลย เค้ามุ่งหวังแต่จะทำผลงานอย่างเดียวไม่ค่อยมีการสร้าง relationship อะไรหรอก คำแนะนำคือมันแล้วแต่สังคมจริง ๆ ว่ะมึง แต่ก่อนกูคิดว่ากูแม่งเป็นเหี้ยอะไรวะ ทำไมเข้ากับคนไม่ได้ ทำไมชวนคุยไม่เก่ง ทำไมคุยแล้ว dead air พอกูย้ายงานอ่ะเลยพบว่าปัญหามันคืออยู่ที่เราคลิกกับสังคมเขาไหมด้วย และเขาอยากคุยเพื่อสร้างความสัมพันธ์มั้ย ถ้าเป็นแบบที่ทำงานแรกกูอ่ะ ให้ตายยังไงก็ไม่ดีขึ้นหรอกเพราะเค้าไม่ได้อยากมาสร้างความสัมพันธ์อะไรกับกูเลย
สู้ ๆ นะมึง เป็นกำลังใจให้ กูรู้ว่ามันรู้สึกแย่มาก ๆ ช่วงเปลี่ยนผ่านจากวัยเรียนที่แสนสดใสมาวัยทำงานที่แสนมืดมน มันจะช็อคบ้างแต่อย่าขออย่างเดียว อย่าโทษตัวเอง ออกมาหาสังคมที่เหมาะกับเราข้างนอกดีกว่า
จะคุยกับไอ้หัวหน้างานที่ชอบเอาชนะยังไง อธิบายอะไรแม่งก็ไม่ฟัง ตัวกูต้องถูกเท่านั้น เหี้ย เบื่อพวกพรรค์นี้หว่ะ
https://m.pantip.com/topic/40387707?
คนที่จบเกียรตินิยมหางานกันยังไงวะ กูนี่สมัครไปหลายที่ก็เงียบกริบ เพื่อนที่โดนเรียกสัมภาษณ์มีแต่เกรด 2 - 3 ต้นๆ ทั้งนั้น
เซ็งว่ะ คือกูตั้งใจเรียนเพราะอยากได้งานดีๆ เจอแบบนี้ ก็ไม่ต้องเสียเวลาเสียแรงเรียนเป็นบ้าเป็นหลังก็ได้มั้ง รู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ที่ลำบากลำบน ในขณะที่เพื่อนที่โดดเรียนเป็นประจำ คะแนนก็เกาะมีน ได้งานดีๆ เงินเดือน 4-5 หมื่นกันหมดแล้ว
ตอนนี้กูไม่ไหวแล้วว่ะ เครียดจนลบโซเชียลทุกอย่างทิ้งหมดเลย ชีวิตกูมันพังชิบหาย พ่อแม่ก็กดดันจะให้เรียนต่ออยู่นั่นแหละ อีเหี้ย ตั้งแต่เกิดมากูรู้สึกว่ากูไม่เคยได้ใช้ชีวิตเลย เพราะที่บ้านโคตรจน อยากหลุดพ้นจากชีวิตจนๆ ใจจะขาดแล้วถึงได้อยากรีบทำงานไง
อยากให้มีใครสักคนเข้าใจกูจัง แต่แค่มองไปรอบตัว ยังหาคนที่จนเท่ากูไม่ได้เลย ไม่น่ามาเรียนคณะไฮโซเลยอีเหี้ย ทนไม่ไหวแล้วนะเว้ย
>>751 มึงลองร่อนไปบริษัทใหญ่ๆดังๆ ดูมั้ย กูจบเกียรติ1นะ ที่แรกปฏิเสธกูเพราะเกรดกู บอกว่ากูไม่อยู่นาน กูเลยลองร่อนไปบ.ค่อนข้างมีชื่อ กูก็ได้งานเลย ช่วงนี้มีเรื่องโควิดหรือบ.ไม่รับคนใหม่เพราะเศรษฐกิจด้วย หรือรับก็รับพวกคนที่เขาคิดว่าต่อรองได้ง่ายกว่า ไม่ใช่เพราะมึงไม่ดีหรอก
กูกำลังจะเปลี่ยนงานใหม่ ต้องเริ่มงาน 1 ก.พ.
แต่บริษัทเก่ากูเค้าจ่ายโบนัสตอนสิ้นเดือนม.ค.
ถ้ากูแจ้งลาออกล่วงหน้า 30 วันตามระเบียบ ซึ่งก็คือแจ้งลาออกภายในสิ้นเดือนนี้ กูยังจะมีหวังได้โบนัสมั้ยวะ อยากได้โบนัส ทำไงได้บ้างอ่า แง
>>754 ปกติได้นะ ยกเว้นทุกคนยันหัวหน้าในบริษัทจะเกลียดมึง แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องทำใจไว้ เพราะโบนัสมันไม่ใช่ข้อตกลงแต่เป็นเงินพิเศษ
>>751 คือปกติบริษัทใหญ่มันมีแต่จะสกรีนเกรดนะ 2.5+ บ้าง 3+ บ้าง ยิ่งตำแหน่ง fast track ผช ผจก. อะไรงี้บางทีมันก็รับเด็กจบใหม่พวกนี้เอา toeic 850+ เกรด 3.5+ หรือต้องจบ ป.โท เป็นอย่างน้อยนะ พวกเกรดน้อยๆนี่หมดสิทธิสมัคร
มีบริษัทเล็กจริงๆ ตน.งานโง่ๆไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรมาก พวกนี้เพราะเขาจ่ายไม่ไหว จ่ายได้ 12k - 15k พวกนี้ turn over rate จะสูง เข้า-ออกกันภายใน 6 เดือน มักจะรับคนเกรด น้อย - ปานกลาง แต่ดูแล้วมันเข้ากับคนง่าย บ้านอยู่ไม่ไกลมาก มันจะได้ไม่รีบลาออก
แต่ข้อมูลมึงน้อยเกินอะพูดยาก จบอะไรมา ม.ดังไหม ที่ 1 ในรุ่นเลยรึเปล่า ก็ไม่บอก
พอจะมีงานไรบ้างวะ ที่วัดที่ตัวงานเลย ไม่ได้วัดที่จำนวนชั่วโมงที่มึงนั่งแช่ในออฟฟิต
พึ่งเริ่มงานที่ใหม่ได้ไม่กี่วัน พรุ่งนี้บ.ประกาศwfhซะแล้ว รู้สึกกังวลยังไงไม่รู้แฮะ
อาจจะเพราะกูเป็นพวกที่รู้สึกว่าช่วงเริ่มงานใหม่ๆ เรื่องบางเรื่องคุยกันแบบเจอหน้าจะรู้เรื่อง/ทำความเข้าใจได้ดีกว่าละมั้ง
เห้อ สู้ๆนะตัวฉัน
อยากได้ความเห็นมีคุณภาพแนะนำดิสคอร์ด
บ.กูอยู่แถวแสมดำ พม่าเยอะมาก พนักงานก็ยอะมาจาก ตจว.มากมาย ไม่ให้พนักงาน WFH ช่วงหยุดปีใหม่ที่พนักงานกลับบ้านเกิดเยอะๆ พวกหัวหน้านั่งเครียดว่าถ้าให้กักตัวก็คือให้พนักงานหยุด อิหยังวะ
อยากให้ บ.ประกาศหยุดเหมือนชาวบ้านเขาจังไหนๆก็จะหยุดยาวอยู่แล้ว ปิด14วันไปเลยดีกว่าไหม ยิ่งอยู่แหล่งที่มีแรงงานพม่าเยอะด้วยแถมมีพนักงานบางคนไปพื้นที่เสี่ยงมาวันนี้ก็มาทำงานปกติ ตอนทำงานก็รำคาญถอดแมสออกบ้าง มาคุยน้ำลายกระเด็นใส่กู กูไม่อยากพูดตรงๆว่ารังเกียจ
ขอกำลังใจหน่อย วันนี้กูโดนเลย์ออฟ คนโดนกันเยอะมาก บรรยากาศโคตรหดหู่ คนร้องไห้อยู่ทุกหัวมุมห้อง YY
ไปสัมงานแต่ถามน้อยมาก เน้นอธิบายว่าจะให้เราทำอะไรนี่คือจะรับหรือไม่รับวะ งง
ตกงานยาวแน่กู ตอนนี้ยังไม่มีงานเลย
ปีนี้เป็นปีที่แพลนภาษียากชิบหาย ประกันเลิกซื้อเพิ่มเลยเพราะกังวลกลัวปีต่อๆ ไปไม่มีส่ง (ที่ซื้อไว้แล้วก็ยังส่งต่อไป)
SSF RMF ก็ลังเลว่าจะซื้อเยอะแค่ไหนดี ซื้อไปแล้วบางส่วน แต่จะซื้อมากกว่านี้ก็กังวล
สถานการณ์แบบนี้ตกงานได้ทุกเมื่อ กอดเงินสดไว้ก่อนดีมั้ย แต่ภาษีแม่งก็อ่วมสัสๆ
หรือว่าจะซื้อๆ แม่งไปก่อน ถ้าเกิดตกงานเงินหมดค่อยขายผิดเงื่อนไข ให้มันปรับไป โอ๊ยย เครียดสัส
>>780 PVD กูก็เต็ม max 15% มาตลอดเพราะชอบมาก ได้ทบจากบริษัทอีกคุ้มสุดๆ SSF กับ RMF เงินโดนขังยาว แต่พอลองไปศึกษาดูการขายผิดเงื่อนไขก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรมาก ก็คืนส่วนที่ได้ลดหย่อนให้เค้าไป + เสียภาษีกำไร (แต่ช่วงนี้กูขาดทุน 555) ความจริงกูก็แบ่งเงินสำรองฉุกเฉินที่มีสภาพคล่องไว้เยอะอยู่นะ แต่พอสถานการณ์แบบนี้มันก็อดกังวลไม่ได้ว่าลงทุนเยอะไปป่าววะชักเสียวๆ ทุกปีจัดเต็มแม็กซ์ตลอดพยายามกดฐานภาษีลง แต่ปีนี้กดไม่ไหวจริงๆ
เป็นฟรีแลนซ์เจอคนตามงานทำตัวเยี่ยงไลฟ์โค้ชเลยว่ะ กระตุ้่นกูอยู่นั่น อยากได้งานเร็วๆแต่ไม่ใช่งานด่วน ถถถถถถถถถถ
ยังไม่ บ.ไหนไม่ wfh มั่ง ของกุเริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้
กูมีญาติที่ไปสถานที่เดียวกันและวันเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ แต่ญาติกูก็ไปทำงานปกติไม่ต้องกักตัว กูเองก็อาศัยรถญาติคนนี้ไปฝึกงาน ตัวกูเองก็คงไม่ต้องกักสินะ
ทุกคนขอฮาวทูทวงเงินแบบไม่น่าเกลียดหน่อย กูเป็นเด็กใหม่แล้วมีพี่มาขอยืมเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ แก้ขัด แบบ 50-100 บอกเดี๋ยวคืนตอนเที่ยงแต่ผ่านเที่ยงมาหลายวันแล้ว เคยเกริ่น ๆ พี่ก็แบบเออใช่ๆเดี๋ยวให้แล้วก็เงียบต่อไป กูจะทวงยังไงต่อดีสำหรับพี่เขาอาจเป็นเงินเล็กน้อยที่ให้กันได้เลยแต่แมร่งเยอะสำหรับกู จะพูดบ่อย ๆ ก็กลัวโดนว่าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยด้วย
>>790 สงสารมึงว่ะ เข้าใจเลย กูเจอประจำ ยืมเงินนิดหน่อยตีเนียนไม่คืน ไปกินข้าวด้วยกันกูออกไปก่อน ดูบิลส่วนของตัวเองดิบดี แต่สุดท้ายก็เนียนไม่จ่าย แต่พอดีกูมาโดนตอนโตแล้ว เงินเดือนเยอะกว่าพวกเด็กๆ กูเลยไม่ทวง ให้ไปเลยถือว่าเปย์ในฐานะเจ๊ เอาจริงกูสายเปย์อยู่แล้วโดยสันดาน แต่บอกเลยพวกนั้นแม่งพลาด เพราะน้องที่นิสัยดีๆ ยืมแล้วคืน กินข้าวด้วยกันเสร็จรีบจ่ายรีบโอน หลังจากนั้นมันจะได้รับการเปย์จากกูเยอะกว่านั้นมากๆๆๆ ได้กินของดีๆ แพงๆ จากกู 555 (บอกแล้วกูสันดานชอบเปย์) แต่ใครนิสัยเสียทำตีเนียน บรัยส์ค่ะ จบที่ครั้งเดียวกูไม่เข้าใกล้อีกเลย
สำหรับกูถ้าเลี้ยงคือเลี้ยง ถ้าให้คือให้ พวกน้องๆ ส่วนมากรู้ดีถึงความเป็นอาเจ้สายเปย์ของกู แต่พวกมาหน้าด้านตีเนียนทำมึนนี่รับไม่ได้จริงๆ
จะว่าไปแล้วเพราะปีนี้มีโควิด รายจ่ายส่วนภาษีสังคมกูประหยัดไปอื้อเลย
กูเลิกกับแฟน กูเหมือนตายทั้งเป็น
ปีนี้โควิด บริษัทกูงดจัดงานทุกอย่าง ทั้งงานปีใหม่ งานเที่ยวประจำปี งาน CSR งานกีฬาสี (งดชุมรุม+ลดคอสต์ไปในตัว) กูโคตรรรดีใจแฮปปี้มีความสุขอยากให้งดแม่งทุกปีงดแบบนี้ตลอดไป
โคตรเบื่อเพื่อนร่วมงานเห็นแก่ตัวกะเจ้านายเชี้ยๆที่คอยให้ท้ายพวกมันมาก
วันไหนกูได้ดิบได้ดีจะกลับมาเหยียบหน้าพวกมึงเรียงตัวเลย ฟวยยย (...จะมีวันนั้นไหมวะ เวรเอ้ย)
ร้านกูที่ทำซูชิแม่งเริ่มละ มาทำสาขาฝั่งธน รายได้แม่งต่างลิบลับกับฝั่งสาขาในตัวเมืองที่คนมาแดกพรึ่บพรั่บจนไม่มีปัญหาเรื่องทำยอดร้าน นี่แม่งเรียก พนง.ครัวระดบสูงๆไปคุยรายหัวเพื่อปรับฐานลงเลยสัส หวังว่าแม่งคงไม่ตัดincentive เบี้ยขยันทิ้งนะ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องโควิดกับอาหารทะเลนี่จะแบบดีกว่านี้มาก อย่างน้อยๆก็เส้นยาแดง นี่คือเลวร้ายเลย คนลาออกไปแล้วก็งดรับคนเข้ามาใหม่ งานปีใหม่งดจัดยาวๆ(คืนงบจัดเลี้ยงเข้า สนง.) ปิดร้านแต่ละที เปิดร้านแต่ละรอบ หืดขึ้นคอทุกคน ใครลาป่วย ลางาน ลากิจ ชิบหายวันนั้นกันสนุกสนาน ............................ถึงงั้นก็รู้สึกว่าร้านชาบูที่ทำงานเก่าแม่งน่าจะบัดซบกว่าเยอะถ้าเจอสภาวะแบบนี้ เพราะแม่งขายชาบูแทบไม่ออก ร้านซูชิยังดีที่มันมีเวอร์ชั่นซื้อกลับบ้านไปแดกได้ ขายให้ลาลามูฟ แกร๊บ โกเจก พาไปซื้อกลับบ้านแดกได้ตลอด ตราบใดที่ไม่ปิดศูนย์การค้า/เล่นจนพวกไรเดอร์เข้าห้างไม่ได้เลยเพื่อมาสั่งซูชิแดกก็มีงานทำ
กำลังเริ่มศึกษา excel ที่ใช้งานหลักๆในที่ทำงานต้องรู้เรื่องอะไรบ้างรบกวนแนะนำหน่อย
https://twitter.com/Minibun123/status/1343187936670433286?s=19
กำลังเป็นกระแส เพื่อนโม่งมีความเห็นว่าไงกันมั่ง ขอความเห็นพร้อมโปรไฟล์ด้วยก็ดี กูอยากรู้ว่าช่วงวัย+อาชีพมีผลต่อความเห็นมั้ย หรืออยู่ที่ทัศนคติทางเมืองเป็นหลัก
>>799 กุเป็นเด็กซิ่วกำลังเตรียมสอบใหม่ กูคิดว่าถ้าไม่มีงานทำแต่มีเงินใช้ไม่เดือดร้อนพ่อแม่ ก็ไม่จำเป็นต้องไปฟังเขา แต่ยังแบมือขอเงินจากเขาใช้อยู่ เขาก็มีสิทธิที่จะไล่ให้เราไปหางานนะ เห็นด้วยว่าถ้าการเมืองดีก็คงไม่โดนกดแบบนี้ แต่มันทำไงได้คนเราต้องกินข้าวไม่ใช่กินอุดมการณ์
>>799 กูคนเอามาถามความเห็นเองนะ แยกเม้นเพราะน่าจะยาว
30ต้นๆ มนุษย์เงินเดือน
กูว่าข้อมูลมันน้อยไป ถ้ามาบ่นแบบนี้ในโม่งกุคงถามโปรไฟล์เพิ่มเหมือนหลายคนในทวีต ม. คณะ เกรด คะแนนสอบภาษาได้เท่าไร พอร์ตที่ว่าใส่ไปเยอะนั่นยัดอะไรไปบ้าง(เยอะไปมันล้น เค้าไม่อ่าน) สมัครไปเยอะแค่ไหน ตำแหน่งอะไร เรียกเท่าไร ตอนสัมเป็นไง บลาๆๆ เพราะพวกนี้มันมีผลหมด แต่ดูท่าเจ้าตัวไม่อยากเปิดเพราะเป็นแอคฉอดด้วย อืม เคร
กูแปลกใจทุกครั้งที่มีคนโปรไฟล์ดีมาบ่นว่าหางานยาก ในโม่งนี่ก็ด้วย อาจเพราะสายงานกูเกียรตินิยมมันจะมาพร้อมกับความสามารถในการนำเสนอตัวเองเสมอ เลยไม่เคยเจอใครหางานไม่ได้แบบนี้
>>801 งงตรงที่ว่าไม่อยากเอาความสามารถไปใช้กับเงินเดือน 12,000 แต่ยอมไปทำพาร์ทไทม์ 4,000 แทน ทั้งๆที่สามารถไปรับงาน 12,000 ก่อน แล้วพอหางานที่ฐานเงินเดือนสูงกว่านี้แล้วค่อยย้ายก็ได้ อันนี้อารมณ์เหมือนหนักไม่เอาเบาไม่สู้ ส่วนเรื่องคะแนนโทอิกโทเฟลนี่เฉยๆ เพราะในคณะที่กูเคยเรียนคะแนนพวกนี้ถือว่าเป็นเรื่องมาตรฐานอยู่แล้ว (กูเรียนสัตวะ กำลังจะซิ่วไปหมอ) แต่ข้อมูลต้นเรื่องคือให้มาน้อยมาก เกรดดีแต่ถ้าม.ธรรมดาไม่ได้มีชื่อ กับพอร์ตล้นแต่ถ้าข้อมูลในพอร์ตไม่ตรงกับที่เขาต้องการ ก็ไม่แปลกที่จะไม่ได้งานไหมอ่ะ
>>799 เห็นบอกเลิกใช้เงินที่บ้านมาเป็นปีแล้ว ทำไมไม่ย้ายออกจากบัานวะ จะฟูมฟายเป็นคนบ้าอยู่ทำไม กูล่ะงง กูก็เป็นคนนึงที่เข้ากับคนในบ้านไม่ได้นะ เรียนจบก็ออกมาอยู่คนเดียว(จากกันด้วยดี เดือนนึงไปกินข้าวกันสองสามครั้ง) สำหรับกู การจะปฏิเสธพ่อแม่ ว่าพ่อแม่ได้ คือการที่มึงต้องตัดขาดจากเขาทุกอย่างอะนะ ไม่ใช่อยู่บ้านเดียวกัน แดกน้ำที่เขาจ่ายแล้วยังด่าเขา ถ้าอยู่กันไม่ได้ก็ออกมา แยกย้าย จบ
อายุ 26 อาชีพพนักงานบริษัท ที่บ.กำลังเผชิญวิกฤตโควิด
กู >>801 อีกแล้ว
https://twitter.com/Minibun123/status/1343539048552386560?s=19
- ทำกิจกรรม
- เป็นเหรัญญิก
- แสดงละครเวที
- เชิญอาจารย์ม.ดังมาเสวนา
4 อันข้างบนนี่ not worth mentioned นะ
- เคยเขียนบทความได้ลงเดลินิวส์ อันนี้โอเคเลย ถ้าเป็นงายสายสื่อสารมวลชนหรืออักษร
- ผ่านคัดเลือกเข้างาน UN ต้องดูก่อนว่างานอะไร ถ้าไม่เกี่ยวกับสายงานที่สมัครก็ไม่จำเป็นต้องใส่พอร์ต
https://twitter.com/KAYlIlIlIlIlIlI/status/1343526299776602123?s=19
- เหมือนน้องเค้าจะทวีตบอกแต่ลบไปแล้ว แต่ก็พอรู้ล่ะว่าม.ธรรมดา คณะธรรมดา
https://twitter.com/Minibun123/status/1343585888463306754?s=19
- เกรดธรรมดา ค่อนไปทางแย่
มีอีกหลายทวีตที่เพิ่งระเบิดออกมา กำลังเครียด
กูดูเป็นพวกขี้เสือกนะเนี่ย แต่กูอยากรู้ข้อมูลเพื่อจะแนะนำให้ถูกอะ แบบนี้คือเห็นเลยว่าน้องเค้าเข้าใจอะไรผิดไปมากๆ เค้าติดกับดักโซเชียล อยู่ใน echo chamber ของ #ถ้าการเมืองดี แบบที่เด็กเจน Z มักเป็นกัน แต่เค้าเห็นโลกมาน้อยมาก เค้าไม่ได้เก่งขนาดนั้น ไม่ได้มีความสามารถมากขนาดนั้น และสายงานเค้าไม่ได้เงินเดือนดีขนาดนั้น ซึ่งที่เค้าไม่รู้น่ะไม่ผิด ที่ผิดคือความมั่นใจตัวเองของเค้า และเค้าไม่คิดจะรับฟัง
ใครเรียบเรียงคำพูดได้ดีก็ช่วยอธิบายให้น้องเค้าเข้าใจหน่อยละกัน นี่กูใจดีผิดปกติมากนะเนี่ย ปกติเจอเด็กมั่นหน้าแบบนี้ด่ายับไปแล้ว
>>799 สมัยกูเป็นเด็กเห่อหมอยกูก็คิดงี้อ่ะ คิดว่าโลกมันสวย ตัวเองเก่ง จบมาต้องได้เงินเดือนเยอะๆ แต่ความจริงคนเก่งๆเค้าหางานเงินเดือนเยอะๆได้อยู่แล้ว ส่วนคนกลางๆไปหมดโลกมันก็ไม่ได้สวยขนาดนั้นอ่ะ ต้องหัดยอมรับความจริงด้วย
ปล.กูว่าเค้ามีปัญหาเรื่องการเขียน resume ป่ะ ถ้ายัดทุกอย่างไปหมด hr เค้าก็ไม่อยากอ่านอ่ะ เอาแค่อันที่ปังแล้วก็ตรงสายงานก็พอ ไม่ใช่สักแต่ยัด แล้วเห็นบอกว่าหางานมาตั้งแต่มีนา ถึงตอนนี้ยังหางานทำไม่ได้ก็ควรกลับมาคิดทบทวนตัวเองใหม่แบบแรงๆได้แล้วอ่ะ
ทวิตมีไว้บ่นอยู่แล้ว สมัยก่อนคนก็บ่นแต่แค่ไม่ได้พิมพ์ลงทวิตให้คนเขาไปเสือก แคหมาด่า
แล้วกุขำพวก ชาวเริ่มต้นที่ตัวเองทุกอย่างมากกว่า เราควรพัฒนาตัวเองไม่เถียง เงินเดือนไม่มีทางเยอะทุกอาชีพก็ปกติในระบบเผลศรษฐกอจแบบตลาด แต่โครงสร้างเศรษฐกิจไทยมีปัญหาจริงๆ
>>803 เห็นด้วยกับมึง ตราบใดที่ยังอาศัยบ้านแม่อยู่เขาก็มีสิทธิ์ การเมืองมันเหี้ยก็จริง แต่มึงต้องรอด แม่ก็คิดว่าลูกกูต้องรอด จะอยู่งอมืองอตีนไม่ทำงานไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่ได้ คนตกงานเต็มบ้านเต็มเมืองเขาก็ปรับตัวกัน ทำอะไรได้ก็ทำไปก่อน หยิบจับขายขนมส้มตำไปพลาง แม่มันควรจะน้อยใจมากกว่ามั้ยว่าลูกที่กูคิดว่ามันเก่งทำไมมันเอาตัวรอดในสังคมไม่ได้ จะอยู่เป็นปลิงเกาะไปจนกูตายมั้ย กูตายแล้วมันจะเอาตัวรอดได้มั้ย
กูน้อยใจที่ตัวเองต้องทำงานที่ไม่ชอบต้องทำงานหนักเพื่อที่จะได้อะไรซักอย่างนึง ในขณะที่เพื่อนได้ทำงานที่ชอบรายได้ไม่เยอะทำขำๆแต่ได้ทุกอย่างเพราะเกิดมาในครอบครัวคนรวยซินะ
หลังจากผ่านชีวิตการทำงานมาประมาณ 8 ปี เปลี่บนงานมา 3 ที่ กูค้นพบว่าทำงานที่ไม่ได้ชอบแต่ก็ไม่ได้เกลียด รายได้ดี สวัสดิการดี มั่นคง สิ่งแวดล้อมที่ทำงานดี มีอนาคต คือคำตอบที่ดีที่สุดละ
ต่อให้ชอบงานแค่ไหน ขึ้นชื่อว่างานยังไงก็มีปัญหา เอาสิ่งที่ชอบมาทำเป็นงาน ดีไม่ดีจะเกลียดสิ่งที่เคยชอบไปเลย... แต่งานที่เกลียดนี่ก็ไม่ไหว บั่นทอนจิตใจเกิน
>>816 โอเค งั้น condition ของมึงคือการได้ทำงานที่รักก่อนตายสินะ งั้นจะไปสนใจอะไร ก็มุ่งทำไปเลย อย่ามานั่งบ่นเพ้อพกชะตาชีวิต ถ้าไม่เริ่มสักทีเอาแต่บ่น เมื่อไหร่จะได้ทำวะ ถึงไม่มีเงิน ไม่มีแดกก็ใช้ความสุขที่ได้จากการทำงานที่ชอบนั่นแหละแดกไป ในเมื่อนี่คือเงื่อนไขก็ต้องทำให้ได้
>>820 นั่นแหละที่ต้องการถ้าครอบครัวรวย กูก็ไม่สนห่าไรหรอก อยากทำไรก็ทำ55555
กูก็จะทำละแหละครอบครัวกูด่าไง ดึงดราม่าจะให้กูทำงานตรงสายที่เรียนมา
ในขณะที่เพื่อนกูรับงานชิวๆ เหนื่อยก็ไม่รับบ้าง แต่ครอบครัวซัพพอร์ตไม่บ่นไม่ด่า มีเงินใช้
ถ้าบ้านกูรวยเท่าเพื่อนกูกูทำไปนานละ ครอบครัวกูจะไม่บ่น และกูก็ไม่ต้องโดนบังคับให้ทำห่าไรที่ไม่ชอบ แถมมีแดกอีกต่างหาก
>>822 กูแค่เปรียบเทียบให้ดูเฉยๆว่าบางคนใช้ชีวิตชิวๆได้ อยากทำไรก็ทำ ชีวิตวัยรุ่นก็ได้ใช้เต็มที่ไม่เคยต้องเรียนหนักแบบกู เรียนจบไปยังสบาย เพราะบ้านรวยยังไงล่ะ ในขณะที่กูทำไรไม่ได้ โดนครอบครัวบังคับเพราะไม่รวย เรียนหนักตั้งแต่เด็ก กว่าจะยันจบก็30 ดูซิกูเสียเวลาแค่ไหน
>>823 เสียเวลาหรือไม่อยู่ที่ชุดความคิดอะนะ บ้านกูก็ไม่รวย เรียนหนักมั้ย อืมม ไม่รู้จะใช้คำว่าหนักได้หรือเปล่า แต่กูมีความตั้งใจ หาข้อมูลเรื่องรายได้ของแต่ละอาชีพตั้งแต่ยังเรียน แล้วก็เดินตามทางที่วางแผน ขวนขวายทุกอย่างที่ทำได้ กูไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเสียเวลา กูคิดว่ามันท้าทาย และกูก็ภูมิใจในตัวเองทุกวันนี้ ส่วนเรื่องที่ชอบ กูก็เก็บไว้เป็นงานอดิเรก ไม่ได้เอามาทำเป็นงาน
ทำคอนเท้นด่าคนแล้วรวยแบบ อตตป.
หัวหน้าไม่ให้ลาออกหวะ แบบรั้งโคตรๆ กูจะชิ่งไม่ไปทำงานเลยดีปะวะ
ไอ้เรื่องทำอะไรที่ชอบนี่ตอนนี้กู 20 ปลายๆละ รู้สึกเหมือนสิ่งที่ชอบแม่งกลายเป็นสิ่งที่เกลียด แต่ก็ต้องฝืนทำเพื่อเงินยังไงไม่รู้ว่ะ 555
ตอนนี้ทำงานมา 8 ปี เพิ่งเปลี่ยนงานครั้งที่ 2 กำลังจะเริ่มงานใหม่หลังปีใหม่ สถานะกูตอนนี้คือรายได้ดี แต่สวัสดิการ+ความมั่นคงแทบไม่มีเลย
ขอตัดบทเลยละกัน
จบใหม่ทำงานมาได้สัก7-8เดือนละแต่ไม่ค่อยชอบงานเลยถ้าสมมติไปหางานอื่นที่ชอบ/ชิวขึ้นแต่เงินลดลงพอสมควรนี่โอเคมะ ภาระยังไม่มีแค่อยากลองทำอะไรไปเรื่อยๆก่อนจะหาที่อยู่แบบยาวๆอ่ะ
+กำลังคิดว่าอยากย้ายไปทำพวกรัฐวิสาหกิจอยู่ เอกชนเงินเยอะแต่งานหนัก+ไม่ชอบอีก เงินลดลงเกือบครึ่งอ่ะถ้าไป(สายคอม)
คิดว่าไงกันมั่งครับเพื่อนๆ
https://twitter.com/pkradat/status/1344091759006031872?s=21
ไหนบอกคนไทยขี้เกียจ
>>839 ตราบใดที่พวกมรึงเป็นแค่ลูกจ้าง ทำงานหัวหมุนหามรุ่งหามค่ำก็loserหมดแหละ ว้าย เจ้านายนอนสบายพวกมึงก็อยู่ทำOTไป คนที่กูอิจฉาจริงมีแค่พวกไม่ต้องทำอะไรแล้วสบายมีเงินใช้เท่านั้น ไม่ใช่พวกเอาเวลาชีวิตมาแลกเงินแบบพวกมึงหรอก ไม่ต้องมาเล่าว่างานอย่างนู้นอย่างนี้ ตราบใดที่มึงต้องทำงานหนักไม่ว่าจะรายได้มากแค่ไหน กูไม่อิจฉาหรอกนะ ชิ่วๆๆๆ ทง
เสริมอีกนิด กูมีเพื่อนที่ทำงานที่เดียวตั้งแต่จบใหม่จนปัจจุบัน 8 ปี มันบ่นเรื่องงานตลอดแต่ก็ไม่กล้าออกเพราะอายุมากแล้วหางานยาก จะเปลี่ยนสายงานก็ยาก กลัวไม่รู้ไปทำงานที่ใหม่จะเจออะไรบ้าง ฯลฯ เพราะมันไม่เคยมีโอกาสได้ลองทำงานอื่นเลยนอกจากงานปัจจุบันที่ทำอยู่ แถมก็ไม่รู้ว่าที่มัน suffer กับงานปัจจุบันนี่เพราะงานมันแย่จริงหรือแค่คิดว่ามันแย่เพราะไม่เคยมีตัวเปรียบเทียบ เพราะทุกงานมันก็มีปัญหาหมดนั่นแหละ เหมือนมันเป็นคนไม่รู้จักโลกภายนอกไปเลยอะ
>>840 จากที่กูเคยทำประเทศเกาะในยุโรปมานะ ที่ตปท.จะไม่ค่อยมีวันหยุดนักขัตฤกษ์(พิมพ์ยากชิบหาย)เยอะเท่าไทยนะ เรียกว่าน้อยมากๆ ปีนึงประมาณ7-8วัน มันเลยมาหนักเอาที่วันหยุดholidayส่วนตัวนี่แหละ ตอนกูทำ(จูเนียร์)มีวันหยุด 16 วันก็ไม่ถือว่าเยอะอะไรน่ะนะ ไม่ได้หยุดยาว 30 วันขนาดนั้น
>>849 ส่วนที่กูรู้ของญี่ปุ่นคือเค้าไม่มีลาป่วยลากิจลาๆๆๆโน่นนี่นั่นแบบของไทย (ของพี่ไทยบางคนลาป่วยล่อเข้าไปปีละ 30 วัน เหมือนกลัวขาดทุนถ้าใช้ไม่ครบโควตา) เค้ามีแต่ paid leave กับ leave without pay ไปเลย เพราะงั้นจำนวนวันของ paid leave เลยเยอะกว่าพักร้อนของไทยหน่อย ถ้าลาป่วยก็ใช้ paid leave เอานี่แหละ
ถามหน่อยว่าโม่งที่อายุใกล้ 30 หรือเพิ่งเลย 30 ใหม่ๆมีใครเปลี่ยนจากฟรีแลนซ์/พนักงานสัญญาจ้างที่เงินเยอะๆมาเป็นพนักงานประจำกันบ้างมั้ย
ตอนนี้กูเป็นโปรแกรมเมอร์ อายุใกล้ 30 แล้ว เป็นพนักงานสัญญาจ้าง ยังรู้สึกว่าถ้าต้องเปลี่ยนจริงๆทำใจกับเงินที่หายไปไม่ค่อยได้
ตอนเรียนจบใหม่ๆเคยเป็นพนักงานประจำอยู่พักนึง รู้สึกสวัสดิการหลายอย่างจะใช้จริงๆก็เงื่อนไขการขอเบิกก็จุกจิกมาก
แล้วก็ไม่ชอบระบบประเมินพนักงานด้วย กูเลยไม่ชอบการเป็นพนักงานประจำเท่าไหร่
เรื่องความมั่นคงเห็นพ่อแม่หรือเพื่อนที่เป็นประจำชอบพูดเชียร์กันว่าดี แต่ก็เห็นพนักงานประจำโดยเลย์ออฟกันเป็นว่าเล่นอยู่ดี
อาชีพนี้ ศก. ไม่ดีก็หางานประจำยากขึ้นเรื่อยๆด้วย พวกมึงคิดว่าไงกันมั่ง
>>854 กูแหละ เปลี่ยนจากสัญญาจ้างมาทำประจำตอน 30 แต่ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาทำประจำอะไรหรอก พอดีว่าเงินเดือนน้อยลงแต่ได้สวัสดิการ+allowance กลายเป็นว่า total income เพิ่มขึ้น ยังไม่รวมโบนัสอีกต่างหาก ก็เลยรีบเอา สวัสดิการบ.กูเบิกง่ายอยู่นะ ไม่จุกจิก ส่วนความมั่นคงก็ไม่มีหรอกอย่างที่มึงเข้าใจอะถูกแล้ว พนักงานประจำก็ตกงานได้ง่ายๆ ไม่ต่างกัน แต่มี career path มีโอกาสเติบโต ตอนประเมินก็จะเครียดๆ หน่อย 555 ตอนแรกไม่ชินเหมือนกันเป็นสัญญาจ้างที่เก่าไม่มีประเมินเกรด เค้าก็แค่ต่อสัญญาไปเรื่อยๆ
>>854 กูเปลี่ยนจากฟรีแลนซ์เป็นประจำตอน 29 ยอมรับเลยว่าชีวิตตอนนี้มั่นคงขึ้นเยอะ จากที่คิดว่าการมีบ้านแม่งยากชิบหาย ตอนนี้มีบ้านแล้ว(อายุ 34) แต่มันก็เพราะตัวกูก่อน 30 ที่เละเทะเองโดยเฉพาะเรื่องเงิน มันเลยเห็นความต่างชัดเจน ส่วนตัวคิดว่าเป็นสัญญาจ้างก็ดี ถ้ามึงสามารถดูแลตัวเองได้ มีวินัยในการจัดการเงินตัวเอง ทำประกันเอง ก็ไม่จำเป็นต้องแคร์เรื่องสวัสดิการมาก
เออ พวกโปรแกรมเมอร์มาละ ขอถามด้วยเลยละกัน ในอนาคตกูอาจจะได้เริ่มงานสายนี้แบบ ปสก 0 เลยหว่ะ เพราะจะจบ ป.ตรี ก็อายุปาไปจะ30แล้ว(เพราะที่ผ่านมาเก็บเงินเพื่อสอบเข้ามหาลัยปิดโดยตลอด) แถมวุฒิจบมาไม่ตรงสายด้วย(เป็นสายแนวMISหรือสารสนเทศการจัดการ) เวลาหางานมันจะหือขึ้นคอไหมวะ?
>>857 ถ้าอยากหางานง่ายขึ้น มึงควรจะเขียนโปรแกรมได้บ้างไม่มากก็น้อย
เมื่อก่อนเคยรู้จีกคยที่มูฟจากสายเคมีมาเป็นโปรแกรมเมอร์ เริ่มจาก0เหมือนกัน เห็นบอกว่าไม่ได้หางานยากขนาดนั้น แต่ก่อนเริ่มหางานเขาก็ฝึกเขียนมาพอสมควรนะ แต่ถ้าใกล้30แล้วอันนี้กูไม่แน่ใจ
และที่สำคัญคือถ้าหางานได้แล้วที่น่าจะเจอแน่ๆคือสถานการณ์ที่เราฝีมือสู้เด็กไม่ได้ อย่าไปน้อยใจนะ พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ อาชีพนี้แม่งหยุดเรียนรู้ไม่ได้จริงๆ
>>857 กูว่ามึงยังไม่เห็นภาพว่าสายงานด้านไอทีมีตำแหน่งหน้าที่อะไรบ้างเลยเข้าใจว่าต้องเป็น programmer เท่านั้น
https://m.pantip.com/topic/31930621?
https://www.blognone.com/node/32678 อ่านเม้นให้หมด อันนี้หลากหลายมุมมองดี
นี่กูหาคร่าวๆนะ อันที่ broke down ถึงตำแหน่งความรับผิดชอบในทีมหาไม่เจอ ที่จริงควรรู้อันนั้นก่อนด้วย
แต่ที่อยากเตือนคือ โดยรวมแล้วงานสายไอทีไม่ว่าจะตำแหน่งอะไรก็ตามต้องการความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ประมาณนึง คือกูว่ามึงดูไม่ใช่คนกระตือรือร้นมากพอน่ะ อายุเริ่มเยอะแล้วด้วย อยากให้คิดดีๆก่อน ศึกษาให้เยอะว่าจะไปทางไหน ความรู้มันอัพเดทไว ไม่งั้นทำไปไม่กี่ปีก็จะรู้สึกว่าตามคนรุ่นใหม่ไม่ทันและเหนื่อย กูเองก็เริ่มล้าตั้งแต่เข้าเลข 3 แต่ก็ยังทู่ซี้มาได้เรื่อยๆอยู่
ถ้าเงินเดือนเท่ากัน ความมั่นคงเท่ากัน พวกมึงจะย้ายไป บริษัทใหญ่ๆชื่อเสียงป่าววะ
พรุ่งนี้จะไปเริ่มงานใหม่แล้ว เครียดว่ะ
>>861 แล้วแต่คนชอบ เป็นกูไปแบบไม่คิด เพราะเคยทำมาทั้งสองแบบ กูไม่ถูกจริตกับบ.เล็กๆ ที่ง่ายๆสบายๆแต่อะไรแม่งก็มั่วเละเทะยุ่งเหยิงไปหมด กูชอบบ.ใหญ่ระบบระเบียบกฎเกณฑ์ชัดเจน JD ชัดเจนไม่มั่ว ส่วนเรื่องเงินเดือนปกติบ.ใหญ่เงินเดือนมันต้องน้อยกว่าอยู่แล้ว ถ้าเทียบแบบปัจจัยอื่นเหมือนกันเป๊ะหมดนะ เพราะบ.เล็กมันไม่มีแรงดึงดูดอื่นใดนอกจากต้องเอาเงินมาล่อ
>>865 กูค่อนข้างสลับกับมึงเลยแฮะ รู้สึกว่าบ.เล็กมีช่องให้กูโตได้มากกว่า บ.ใหญ่ที่เคยเจอมา จะขยับได้เหมือนต้องรอให้ข้างบนเขาโปรโมทแล้วที่ว่างก่อน ถึงจะขึ้นไปเสียบได้
อีกอย่างคือบ.เล็กที่กูเคยทำมาเกือบทั้งหมดก็ทำงานเป็นระบบนะ แค่อาจจะตัดบางขั้นตอนทิ้งถ้าเทียบกับบ.ใหญ่ เพราะไม่มีคนทำในโรลนั้น อาจจะเป็นเพราะตอนกูไปสัมกูถามสแกนตลอดด้วยมั้ง ประมาณว่า flow การทำงานปกติเป็นยังไง ที่บ.ใช้ tool อะไรช่วยในการ manage งานบ้าง
แนะนำเด็กจบใหม่แบบกูที่เกรด2.00 จบวิทย์คอมมา กูต้องเตรียมตัวอะไรบ้างวะ ภาษา การลงทุน
เพิ่งรับราชการได้ปีเดียวก็เบื่อแล้วว่ะ มีวิธีให้อยู่ได้ยันเกษียรปะ
ถามหน่อย ถ้าบริษัทให้คอมประจำตำแหน่งเป็นโน๊ตบุค เอากลับไปใช้ที่บ้านได้ แล้วกูเอามาทำโปรเจกส่วนตัวหลังเลิกงาน บริษัทจะถือว่าเป็นเจ้าของโปรเจกนั้นของกุป่าววะ
>>869 ถ้าจะถามเรื่องหางานก็ภาษาก่อนเลยอันดับแรกเป็นใบเบิกทาง อย่างน้อยควรฟังให้เข้าใจ พูด เขียนให้พอรู้เรื่อง บางที่ที่ไม่ใช่บ.ใหญ่ ๆ แต่เป็นของต่างชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองเหมือนเรา ถึงไม่เป๊ะ grammar ก็พอจะคุยกันรู้เรื่องอยู่ แต่ถ้าทำกับเจ้าของภาษาก็อาจจะต้องเข้มขึ้น ไม่มั่นใจไปลองเรียน ลองสอบ TOEIC ไรพวกนี้ดู
ส่วนเรื่องเกรด ถ้าไม่สมัครบริษัทคนไทยรึบ. ใหญ่ ก็มีโอกาสที่เขาจะเรียกไปลองทำข้อสอบ สัมภาษณ์อยู่พอสมควรนะ แต่มึงต้องเข้าใจด้วยว่าทำไมตัวเองถึงได้เกรดแค่นั่น ขาดตกบกพร่องตรงไหน ก็ไปเติมคุณบัติมาเท่าที่ทำได้
เคยอบรมอะไรไหม ? ทำงานอะไรพิเศษพอที่จะเอามาเป็นประสบการณ์ได้รึเปล่า ?
เริ่มต้นแค่นี้ก่อน
คือกูเพิ่งได้งานใหม่เดือนที่แล้ว เซ็นสัญญาเรียบร้อย รอเริ่มงานกุมภา แต่ช่วงนี้ฮอตจัดๆ recruit โทรมาหาบ่อยมาก เย็นวันนี้ระหว่างขับรถกลับบ้านมีคนโทรมา 2 ที่ ใน linkedin อีก 1
อยากถามว่า ทำไมพอกูได้งานใหม่แล้วถึงได้ฮอตขนาดนี้วะ อันนี้งงจัดๆ บางงานน่าสนด้วย เสียดายยย
มีใครทำงานสาย dev แล้วเจอพวกข้ามสายมาทำงานด้วยวะ กุอยากรู้พวกมึงเจออะไรมั่ง
อย่างของกุ กุเจอมาจากวิศวะIE พื้นฐานคอมแม่งไม่แน่น แรกๆแม่งยังไม่รู้จัก linux ไม่เก็ทเรื่อง cloud แต่ยังดีที่เป็นพวกไฟแรง
ไปนั่งประกบ ป้อนความรู้รัวๆ เจ้าตัวก็ไม่ได้ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว สนุกดี เหมือนปั้นเด็กอะ(ซึ่งกุก็แก่กว่าแม่งแค่ปีเดียว) พอเห็นแม่งเก่ง กุก็แอบภูมิใจอยู่นะ
เหนื่อยใจ
ช่วงนี้ควรซื้อคอนโดไหมวะ ถ้าซื้อ ควรซื้อก่อนเมื่อไหร่ (เพราะราคาลงอยู่ เดี๋ยวโควิดหายมันพุ่ง)
***ซื้ออยู่เอง ราคา1.6-1.7m กูรับราชการ เงินเดือน 18k ไม่มีหนี้ ปล.ห้องนี้แม่งน่าจะถามได้สุดละ
>>879 เคยเจอคนนึงจำไม่ได้ว่ามาจากสายไหน แต่ไม่ไหวเลย ศึกษาด้วยตัวเอง แต่ไม่เข้าใจแม้แต่คอนเซ็ปต์ของการเก็บค่าด้วยตัวแปล คือให้ทำข้อสอบเขียน output ออก console เป็นรูปปิรามิดโง่ๆที่ทุกคนต้องเคยเจอก็คงสอบตก จนปัญญาจะสอน แล้วก็ไม่ผ่านโปรออกไป
>>885 เปลี่ยนมาสาย dev นี่ง่ายนะ แต่ต้องรับให้ได้ว่าเงินเดือนก็จะเริ่มใหม่ด้วย ส่วนใหญ่สายนี้ entry level จะมีข้อสอบให้ทำอยู่แล้ว
>>882 เออกูก็เพิ่งซื้อบ้านมือสองไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้ดอกเบี้ยพิเศษ 2กว่า กูเล็งบ้านทำเลระแวกนั้นมานานเกินปีแล้ว ก็ช่วงโควิดนี่แหละที่ทำให้มีบ้านราคาถูกกว่าปกติโผล่ออกมา มึงเป็น ขรก ไม่มีหนี้ แล้วมีเงินเก็บมั้ย ลำพังเงินเดือนอย่างเดียวค่อนข้างน้อยนะ กุค่อนข้างห่วงตรงนี้ ถ้ามีงานเสริมก็ดี กุไม่แน่ใจเรทยอดผ่อนต่อเดือนของปัจจุบันนี้นะ แต่มึงลองสมมติเป็นเลขกลมๆ ว่าถ้าต้องผ่อนคอนโดเดือนละ 8,000 แล้วเหลือกินใช้หมื่นนึง มึงไหวมั้ย ประมาณนั้น
ถ้าพวกมึงต้องเสียเวลาเรียนต่ออีก 2 ปี(ปวส.) เพื่อความก้าวหน้าของตำแหน่งพวกมึงเอาปะ
Bitkubเงินเดือนประมาณเท่าไรรู้ป่ะ
เป็น นศ.ฝึกงานแต่ต้องเสี่ยงทำงานบริเวณที่มีแรงงานต่างด้าวชุกชุม อยาก WFH อ่ะ ฮือ
กูรู้สึกตัดสินใจพลาดสุดในชีวิตเลยวะเพื่อน,พี่โม่ง กูเรียนจบวิศวะไฟฟ้ามาจบอายุ23 เเต่ทีนี้เรียนจบมาก็ไม่ได้จะทำงานเลย กูไปทำฟรีเเลนซ์(สายงานอื่น)เเละก็ยังทำมาจนถึงทุกวันนี้ รายได้ประมาณ15k-60kประมาณนั้น เเต่เฉลี่ยๆเดือนนึงทำก็25k-30k ก็ค่อนข้างชอบเเหละคนละสาย (เป็นงานศิลปะ,แปลภาษาจิปาถะ)
เเต่ประเด็นคือกูอายุ25ปุ๊ป(ปีที่เเล้ว) กูเพิ่งเริ่มหางานตอนมกรา กุมภา มีนาปุ๊ปโควิดเเดก จบเลยกู งานที่หาคือจะกลับไปลองทำวิศวกรดูเพราะยังไม่เคยทำ จนตอนนี้อายุ26ปีนี้โควิดก็ยังไม่มีทีท่าจะหมดไป เผลอๆอายุ27ถึงจะเริ่มปกติ กูอยากรู้ว่าอายุ27คือกูเเทบหมดหวังเเล้วใช่ไหมวะกลับไปทำสายงานที่เรียนจบมา
จริงๆฟรีเเลนซ์ที่ทำอยู่มันก็อยู่ได้นะ ช่วงโควิดกูไม่โดนกระทบด้วย รายได้น้อยลงบ้างเเต่รวมๆคือเดิมๆเเต่ก็เเอบเสียดายว่ะ ยังไม่ได้ลองทำ บวกกับเผลอๆถ้ากูไปลองทำงานวิศวะที่เรียนจบ(ตอนสมัยเรียนรู้สึกเฉยๆไม่ได้ชอบมากนัก) อาจจะชอบหรือน่าลองทำก็ได้ หรืออาจจะได้เงินมากขึ้น สองช่องทางเลย
เฮ้อ มองเพื่อนๆเเม่งเงินเดือนขึ้นเอาๆ กูที่รายได้เท่าเดิมเพราะยังหาช่องทางทำรายได้เพิ่มไม่ได้ รู้สึกตันว่ะ(ฟรีเเลนซ์ที่ทำมันมีข้อจำกัดเรื่องเวลา ปริมาณงานที่ทำได้ ต่อให้ลูกค้าเพียบก็ทำไม่ทันนั่นเเหละ) งานประจำยังได้ฝึกสกิล ได้ลองทำงานจริงๆ กูที่จะ27เเล้วยังรู้สึกเป็นเด็กน้อยอยู่เลย
ปล.27ที่ว่านี่คือประสบการณ์ไม่มี(ไม่เคยทำงานประจำ) ฝึกงานก็ไม่เคยอีก(ที่มหาลัยไม่บังคับ เเละตอนนั้นกูก็ไม่ได้ฝึก พลาดมาก)
กูก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากมีพวกใบเซอเก็บไว้ ใบกว.วิศวะไปสอบมาเก็บ ปั้มtoeic ตอนอายุก็สอบได้800 ถ้า27ยังพอจะหาได้กูทำอะไรเพิ่มดีวะให้ดูเเบบมีโปรไฟล์น่าเรียกไปสัมภาษณ์บ้าง
>>901 +1 อายุ 27 ไม่มีประสบการณ์เลยก็ยังหางานได้ พวกบริษัทเล็กๆ ยังรับอยู่ (บ.ใหญ่อาจจะไม่เอาแล้ว) แต่มึงต้องทำใจว่าสถานะมึงจะเทียบเท่าเด็กจบใหม่ เพื่อนร่วมงานหรือรุ่นน้องอยู่ในตำแหน่ง engineer / senior engineer กันแล้ว ในขณะที่มึงเข้าไปเป็นแค่ junior engineer ต้องรับให้ได้ อย่าอีโก้ อาจจะโดนเด็กชี้นิ้วสั่งงานก็ต้องทำ
พรุ่งนี้ต้องเข้าออฟฟิซเพราะคอมบริษัทมีปัญหาแล้ว IT บริษัทแม่งอิดออดไม่ยอมทำให้ตั้งแต่วันศุกร์ เหี้ยจริงๆ
งานที่รับเรซูเม่อิ้งนี่สกิลอิ้งต้องอยู่ในขั้นสื่อสารได้ใช่มะ เพราะภาษานี่ไม่ถึงกับสื่อสารได้แต่พอฟังรู้เรื่องนะ ถ้าเป็นในชีวิตประจำวันแต่ถ้าเจอศัพท์ใหม่ในที่ทำงานมึนตึ๊บ เลยถามไว้ก่อนไม่กล้ายื่น
>>907 อันนี้แล้วแต่บริษัทว่ะ กูเคยส่งไปละโดนบอกให้ทำเป็นภาษาไทยใส่เวิร์ดไปด้วย 555 กูก็ทำให้นะ ในใจก็คิดว่า บ.นี้ท่าจะไม่ดีละ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เรียกกูไปสัมอยู่ดี แต่เห็นด้วยกับมึงนะว่าสำหรับคนที่ ภาษาอังกฤษ "พอได้" ยังไงก็อยากให้ทำ resume เป็นภาษาอังกฤษเสมอ และอยากให้เช็คแกรมม่าให้ถูกต้องพอสมควร อย่างน้อยๆ ใช้ tool ช่วยเช็คอย่าง GG translate หรือ Grammaly หน่อย มันฟรีก็ใช้ๆ ไปเถอะ จะได้ดูโปรๆ และตัวเองก็ได้เรียนรู้เองด้วย อย่าเพิ่งไปกลัวว่ายังสื่อสารไม่ได้ เพราะการที่เอาตัวเองไปในจุดที่ต้องสื่อสารภาษาอังกฤษนั่นแหละที่จะทำให้ฝึกจนได้นั่นแหละ
>>906 อย่าเพิ่งกลัวไปก่อนมึง ตอนกูเจอสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษครั้งแรกอย่างตื่นเลย ล่กจัดตะกุกตะกักมาก ละก็ไม่ได้งานด้วยตอนนั้น 555 แต่ถ้าไม่เริ่มในวันนั้น จนวันนี้กูก็จะยังไม่กล้า ปัจจุบันนี้กูก็ยังไม่พูดอังกฤษปร๋อหรอกนะ แต่สื่อสารได้ใช้ทำงานกับฝรั่งได้แล้ว มันภูมิใจนะเว้ยว่า เชี่ย จริงๆ กูก็ทำได้นี่หว่า เพราะงั้นมึงอย่าเพิ่งกลัวไปก่อน ท้าทายตัวเองบ้าง หน้าที่เราคือทำให้เต็มที่ หน้าที่ตัดสินว่าทำได้หรือไม่ได้ ดีหรือไม่ดี ปล่อยให้คนอื่นตัดสินไป เราอย่าเพิ่งไปตัดสินตัวเองก่อน
แค่คอมมึงต่อไวไฟไม่ได้ ก็เปิดกูเกิ้ลหาในมือถือมึงดิเว้ย กูเกลียดจริงๆเลยนะ พอรู้ว่าพอซ่อมคอมเป็นนิด ๆหน่อยๆ ก็โยนมาให้กูทำเนี่ย กูไม่ใช่ช่างซ่อมคอมนะไอ้สัส
วันนี้กูทำงานพลาด เพราะช่วงนี้งานเยอะ+เวลาเร่ง ตกลงกับคนที่ทำข้อมูลต่อว่า ทางนั้นจะช่วยตรวจสอบให้อีกครั้ง
แต่พอถึงเวลา ทางนั้นไม่ตรวจอีกรอบ ส่งต่อข้อมูลเลย แล้วครั้งนี้มันมีจุดผิดขึ้นมาจริงๆ
กูยอมรับว่ากูผิดเอง มันหลุดตากูไปจริงๆ ทั้งๆที่กูเช็คแล้ว
ตอนนี้รู้สึกแย่มากเลยว่ะ เพิ่งเคยทำงานผิดครั้งแรก แต่รู้สึกเหมือนกลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือในสายตาคนอื่นไปเลย กูสลัดเรื่องที่ทำพลาดออกจากหัวไม่ได้เลย
กูหมดสัญญางานที่เก่าแล้วเบินเอ้าสัด ว่าจะแก็ปเยียร์ซักปีพักตัวเอง เรียนเขียนโค้ดไปพลางๆ แต่เห็นเขาว่าถ้ามีแก็ปเยียร์จะโดนตั้งคำถามว่าทำไมถึงไม่หางานใหม่หรือทำให้หางานยากกว่าเดิม อันนี้จริงป่ะวะเพ่อนโม่ง
ลาออกดีมั้ย เงิน vs สุขภาพจิต? เริ่มหาจิตแพทย์ตั้งแต่ทำงานที่นี่มา
ถูกเรียกไปสัมภาษณ์หลังจากตกงานมาหลายเดือน แต่ดูที่ตั้งแล้วเดินทางลำบากชิบหาย เพราะไม่มีรถไฟฟ้าผ่าน อยู่ซอยลึก ต่อรถเมล์หลายต่อ กูไม่มีรถส่วนตัวเพราะที่ทำงานเก่าอยู่ติดรถไฟฟ้าเลย แถมคอนโดกูก็อยู่แนวรถไฟฟ้าอีกเหมือนกัน กูควรปฏิเสธการสัมภาษณ์ไปดีมั้ย เพราะถึงจะได้งานก็จริงแต่เดินทางไปลำบาก ให้กูไปเช่าหออยู่ใกล้ๆ คอนโดกูก็ยังผ่อนอยู่ เหมือนมีค่าใช้จ่ายเรื่องที่อยู่สองทางอะ แต่อีกใจก็ลังเลเพราะมันเป็นที่แรกที่เรียกกูมาหลังส่งเรซูเม่ไปหลายที่แล้วไม่มีที่ไหนตอบกลับ
>>918 เป็นกูจะลองไปก่อน เสนอเงินเดือนแบบบวกเพิ่มค่าเดินทางไปด้วย ถ้าคนที่สัมเขาดูแฟร์ๆ ก็บอกไปด้วยก็ได้ว่าเสนอเงินเผื่อค่าเดินทางไป บางที่เขามีบวกสวัสดิการค่ารถให้นะ ถ้าสัมแล้วรู้สึกอยากทำที่นี่จริงๆ กูอาจจะเลือกย้ายที่อยู่หรือซื้อมอเตอร์ไซค์ก็ได้ ก็เอาส่วนต่างค่าเดินทางนั่นแหละผ่อนไป
ถามโม่งมีความรู้ด้านกฏหมายธุรกิจ
ในกรณีที่ต้องเป็นตัวแทนที่บริษัทมอบอำนาจไปขึ้นศาล (ทั้งในฐานะ โจทก์ จำเลย หรือ พยาน) เนี่ย
มันจะมีผลผูกพันธ์อะไรกับตัวพนักงานมั้ย ถ้าหลังจากนั้นไม่ได้เป็นพนักงานบริษัทนั้นแล้วก็ตาม
คือจากสถานการโควิดนี่แม่งมีโอกาสสูงที่จะถูกฟ้องร้องมากมาย เพราะมีปัญหากันเต็มไปหมดทั้งกับลูกค้า จนไปถึง ลูกค้าของลูกค้า
ใจตอนนี้กูว่าจะลาออกแน่แต่กะว่าจะรอบริษัทปรับโครงสร้าง ซึ่งน่าจะต้องมีการเลย์ออฟ หรือเซ็นสัญญาใหม่
แล้วรอออกตอนนั้น เผื่อจะได้รับเงินชดเชยเลิกจ้าง แทนที่จะออกเองแล้วไม่ได้อะไรเลย
แต่กลัวจะมีเรื่องต้องไปเป็นตัวแทนขึ้นศาลก่อนแล้วออกมาแล้วยังมีผลผูกพันธ์ติดตัวนี่แหละ
เลยยังลังเลว่าถ้าต้องถูกให้ไปขึ้นศาลจะลาออกก่อนเองเลยดีมั้ย
ขอปรึกษาเรื่องงานหน่อยมึง
คือกูเคยทำกราฟฟิค(อินเฮาส์)แล้วลาออกมา2ปีละ ตอนนี้อายุ 35กลับมาต่างจังหวัดมาอยู่บ้าน
งานที่ต่างจังหวัดไม่มีกราฟฟิคเลยมาทำแผนกธุรการที่บ.นึงแถวบ้าน ได้หมื่นกว่าๆ
งานที่นี่เป็นงานกึ่งบัญชีมึงมีพี่บัญชีคอยทำอีกที
กูไม่มีความรู้ด้านบัญชีเลย ก็พยายามทำความรู้จักกับเอกสารต่างๆนาๆ
ปรับตัวมาได้ปีกว่าๆแล้ว แต่กูไม่มีความสุขในการทำงานเลยมึง
กูเหมือนไม่รู้อะไรเลยงานที่ทำไปบางทีแจ้งเจ้านายไม่ครบก็โดนด่าเรื่องความรับผิดชอบไปเนืองๆ
มันก็หลายครั้งแหละที่โดนเค้าตำหนิอะ บางเรื่องมันเป็นเรื่องระกว่างทางของงานอะเลยไม่แจ้ง
ทำบัญชีก็ไม่ได้ ไม่ได้จบมาทางนี้
(งานทางด้านบช.ต้องใช้คนจบทางนี้โดยตรง)
ตอนนี้คือไม่รู้แล้วว่าต้องทำยังไงต่อ ไปทางไหนก็ไม่สุดซักทาง เพื่อนโม่งมีคำแนะนำมั้ย
หรือมีที่ๆไหนรับปรึกษาเรื่องงานบ้าง กูยังอยากทำงานต่อนะแต่มันเหมือนเราไม่ค่อยมีความจำเป็นสำหรับบริษัทอะ
ทีแรกกูกูว่าจะ gap year นะ แต่หลังจาก gap ไปได้ 4 เดือนกูก็เลิก กลับไปทำงานเหมือนเดิม คือก็มีเงินเก็บคำนวนไว้แล้วว่าพอ+มีสำรองเหลือไว้อีกค่อนข้างเยอะ แต่เวลาจะใช้เงินทีแม่งกังวลชิบหาย เหมือนมันต้องคิดเยอะกว่าตอนที่มีเงินเข้าทุกสิ้นเดือน สุดท้ายทนไม่ไหว กลับไปทำงาน แถมตอนสัมภาษณ์เหมือนอำนาจการต่อรองเราไม่ได้เยอะเท่ากับตอนสัมภาษณ์แบบตอนที่มีงานทำอยู่ด้วย
งานที่ทำทุกวัน ก็ไม่ได้มีความสุขมากนัก แต่มันได้เงินดี แลกกับสุขภาพเพราะงานแม่งเครียด เอาเวลาไปเกือบหมด นี่คือชีวิตของคนส่วนมากรึเปล่าวะ
>>927 ตาม >>928 ว่า ทุกงานมันก็ไม่ได้เครียดหมด ส่วนตัวเคยผ่านงานที่เครียดมาก เครียดสุดๆ นอนไม่ค่อยหลับ หลับบางทีก็ฝันเรื่องงาน โทรศัพท์ดังจะจิตตกไว้ก่อนว่างานเข้าหรือเปล่า งานท่วมหัวทำงานจนดึกดื่น นอกเวลางานก็เผลอคิดเผลอกังวลเรื่องงาน
แต่งานปัจจุบันก็ไม่ได้เครียดขนาดนั้นแล้ว มีความสุขดี นอนหลับเต็มอิ่ม ไม่ต้องคิดเรื่องงานนอกเวลา ส่วนมากเลิกตรงเวลา มีโอทีบางนานๆ ที work life balance ดีขึ้นมากมาย มีความสุขดีตามประสา มีเงินใช้ มีงานทำไม่ว่างจนฟุ้งซ่านและเครียด
>>927 และกูว่าคนส่วนไทยมากไม่ได้เครียดเรื่องงานขนาดนั้น ส่วนมากน่าจะเครียดเรื่องเงินไม่พอใช้ เรื่องส่วนตัว เรื่องความรัก เรื่องครอบครัว หรือเรื่องอื่นๆ มากกว่า เพราะคนไทยส่วนมากไม่ได้เอาชีวิตไปผูกขาดหรือทุ่มเทกับงานขนาดนั้น น้อยคนที่จะทำดึกดื่น ส่วนมากทำให้พอพ้นไปวันๆ คนไทยเสียสุขภาพก็ไม่ใช่เพราะเรื่องงานอีก ส่วนมากที่เป็นโรคกันทุกวันนี้ก็เพราะกินหวานกินมันมากไป กินเหล้ามากไป ไม่ออกกำลังกายซะมากกว่า
ถามเรื่องคำถามสัมภาษณ์ได้ปะวะ กูเคยไปสัมบริษัทต่างชาติละเขาให้ตอบข้อดีข้อเสียของประเทศไทยกับประเทศแม่ มันควรจะตอบยังไง ตอนนั้นกูคิดไม่ออกเลยนอกจากเรื่องคนกับอาหาร แน่นอนว่าไม่ผ่าน
ไอ้สัส พึ่งเย็นวันศุกร์ไปเมื่อไม่นาน ตอนนี้กลางคืนวันอาทิตย์แล้ว อีกไม่ถึง10ชั่วโมงต้องกลับไปทำงานที่เรารักอีกแล้ว T T
ง า น ที่ รั ก เ ร า
สวัสดีวันจันทร์
อยากวาร์ปกลับบ้านไปนอนอืดแล้ว
>>919 >>919 กูไปสัมมาละ ออกจากบ้านตอนหกโมง ถึงที่ทำงานสิบโมงกว่า ทันเวลานัดสัมแบบฉิวเฉียด ถ้ากูได้ที่นี่จริงกูคงต้องออกตั้งแต่ตีห้า รถติดแบบชิบหายวายวอดแถมรถเมล์ก็ไม่ค่อยจะมี คือกูรอรถเมล์คันที่มันผ่านทางนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงอะกว่าจะได้ขึ้น กูน่าจะต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับจากที่ทำงานร่วมๆแปดชั่วโมงเลย สุขภาพกายและสุขภาพจิตกูคงไม่ไหวถ้าเดินทางนานขนาดนั้น ที่ทำงานเก่ากูเดินทางแค่ครึ่งชั่วโมงเองด้วยรถไฟฟ้าน่ะ เงินเดือนก็ไม่ต่างจากที่ทำงานเก่ากูเท่าไหร่ แถมไม่มีสวัสดิการอะไรน่าสนใจด้วย กูโบกมือบ๊ายบายที่นี่ดีกว่า
เพื่อนโม่งมีใครเคยกังวลเรื่องทัศนคติหรือความคิดที่เพื่อนร่วมงานมองเรามั้ยวะ ;-; กับเพื่อนร่วมงานที่สนิทไม่มีปัญหาเรื่องนี้นะ แต่เวลาต้องทำงานกับคนที่แค่รู้จัก ไม่ได้สนิท หรือคนเพิ่งเคยเจอกัน กุจะชอบคิดว่าถ้ากุทำแบบนี้หรือพูดแบบนี้ไป เค้าจะมองกุยังไง คิดไปคิดมาก็กลายเป็นกังวลง่ะ
burnout ว่ะ สัดๆ
เหนื่อยอะไรไม่รู้ ไม่อยากทำงาน
ทำงานของตัวเองยังไม่เครียดเท่างานที่ต้องทำกับคนอื่น เห้ออออออ
พวกมึงมีวิธีบอกหัวหน้าว่าเขาแบ่งงานไม่แฟร์ยังไงบ้างวะ คือทีมกุน่ะมีสามคน งานก็มีสามชนิด ปกติกุกะเพื่อนก็สลับกันทำงานคนละชนิดคนละเดือนวนลูปไป ทีนี้มีโปรเจคต์ใหม่เข้ามา หน.เขาก็จัดให้กูดูคนเดียวเลยเพราะว่ากูละเอียดสุดในสามคน(เขาว่างี้) มันมีปห.เยอะด้วย ต้องแก้เฉพาะหน้าแต่เจอบ่อยๆ ก้จะจำได้ มีแพทเทิร์นอยุ่ว่าต้องแก้ไง เขาบอกไว้เข้าที่ละจะให้สอนเพื่อนทีหลัง แต่ผ่านมาสองปีละเขายังไม่เปรยถึงการสอนเพื่อนเลยว่ะ ทุกวันนี้กุต้องทำงานหลักและก้อีโปรเจคต์เหี้ยนี่คนเดียว คนอื่นเวลาเปลี่ยนเดือนก้ยังมีช่วงสบายบ้าง ส่วนกุนั้นหัวฟูตลอด กุเคยเปรยๆว่าในเมื่อปห.ของโปรเจคต์ทางไอทีเขาไม่มีแพลนจะแก้ให้ งั้นก้เริ่มสอนเลยดีมั้ย เผื่อกุลาจะได้ไม่ต้องทิ้งงานไว้ให้กุกลับมาทำ เขาก้อ้อมแอ้มแค่บอกว่าไว้หาโอกาสทำพาวเวอร์พ้อยมาสอนนะ เขาก้อยากรุ้ด้วยเผื่อช่วย back up แต่ผ่านมาหลายเดือนละเขาไม่เคยพูดถึงอีกเลย ใจกุน่ะอยากจะขอคุยตรงๆ อีกทีว่าได้เวลาส่งงานนี้แล้วสลับกันทำได้ยัง หรือมีเหตุผลอะไรถึงต้องปกป้องเพื่อนไม่ให้เจอความยากลำบาก แต่ยอมให้กุลำบากคนเดียวได้(คือพูดดีๆ แหละแต่เนื้อหาทำนองนี้) แต่รุ่นพี่กุบอกว่ามันจะดูไม่ดี ถ้าจะพูดจริงๆต้องเลือกใช้คำพูดดีๆ เลย
>>593 กู >>553 กูหายไปนานมาก ไม่รู้มึงจำได้ไหม เฮ้ย ดีใจด้วย /เอามือตบบ่า เห็นว่าเริ่มงานใหม่ต้นปี กูเดาว่าตอนนี้มึงน่าจะเริ่มทำงานละ เป็นไงบ้างวะ ส่วนกูตอนนี้ยังทำที่เดิม เพิ่มเติมสัมภาษณ์ออนไลน์555 เซ็งมากกูคือพื้นที่สีแดงโควิดจากบ่อน แม่ง หวังว่าโควิดจะหายไวไว ทุกวันนี้กูร่อนรีซูเม่ทุกวัน ให้เขาเรียกสักที ขอให้เป็นวันดีๆกับงานที่ดีตั้งแต่ต้นปีนะเว้ย
>>947 สำหรับกูคิดว่าตำแหน่งเดียวกันงานไม่ได้จำเป็นต้องปริมาณเท่ากันนะ แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องผลตอบแทนเท่ากันด้วย ถ้ามึงคิดว่างานมึงหนักกว่าก็ใช้มันเป็นเหตุผลในการต่อรองเงินเดือน ถ้ามองผลลัพธ์ที่ผลงานยังไงให้คนที่ทำได้ทำไปมันเสี่ยงน้อยกว่าให้คนไม่รู้งานมาเริ่มศึกษาอ่ะ ถ้ามึงมีคุณค่ามากกว่าเพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันแปลว่ามึงก็ต้องมีสิทธิ์ต่อรองได้ กูว่าต่อรองเรื่องรายได้จะดีกว่า
>>949 เข้ามานอนยันกับความเห็นนี้
>>947 กูเคยประสบปัญหาตำแหน่งมีคนเดียวทำงานนอก JD เยอะมาก จิปาถะก็เยอะ พอถึงเวลาถ้าเราคิดว่าเราทำงานได้เยอะ คือบอมึงไม่ต้องจ้างหลายตำแหน่งอ่ะ ทำงานได้โอเค ก็ลองไปเรียกเงินเดือนเพิ่มดู ตอนแรกกูก็กลัวนะว่าจะแบบคิดไปเองป่าววะว่ากูก็ทำงานใช้ได้ แต่ต้องบอกว่าขอให้มึงมั่นใจในตัวเองเข้าไว้ถ้าตั้งใจทำงาน สร้างคุณค่าให้บอได้ ลองเรียกดู เรียกไม่ได้ก็ถือว่าได้บอกปัญหาเรื่องงานให้เขาทราบ เรียกได้ก็กำไร สู้ ๆ มึง
เบื่อโปรเจ็คเมเนเจอร์ที่ทำตัวเป็นเมสเซนเจอร์จัง ไม่บรีฟเฮียไรเลยส่งแต่ไฟล์ดิบจากลูกค้ามาให้ ปล่อยให้คนทำต้องตีความเอาเอง เสียเวลาจัง
ช่วงนี้รู้สึก burnout กับงานอยู่ แต่ก็ติดโปรเจคถึงช่วงกลางมีนา
ตั้งแต่เข้ามาคือเหมือนเอามาแทนตำแหน่งขาด transfer งานวันเดียว
และตอนนี้ก็อยู่ช่วงโปรเจคนี่แหละ เลยคิดว่ายังไปไหนไม่ได้เร็วๆ นี้
ถ้าหลังโปรเจคนี่จบแล้วหางานใหม่ไปเลยดีมั้ยวะ
ช่วงนี้ก็ดูๆ งานเก่ากับงานอื่นๆ อยู่ Headhunter ก็เริ่มติดต่อมาเจ้าสองเจ้าละ
ที่บ้านต้องโกรธแน่ถ้ารู้ว่าลาออก
>>948 ขอบคุณมาก ตอนนี้ก็เริ่มงานใหม่แล้วแหละ งานใหม่ก็ดีนะ เข้ามาได้แป๊ปเดียวก็ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆเยอะแยะเลย
คนในทีมก็ช่วยเหลือดี แต่ว่าการเมืองนอกทีมดูจะแรงอยู่ ก็ปกติตามประสาบริษัทใหญ่ๆแหละ ต้องทำใจ
อีกอย่างก็เข้ามาแล้วเจอ tool ที่ไม่เคยใช้เยอะมาก ต้องใช้เวลาปรับตัวเยอะ
ก็แอบกลัวอยู่เหมือนกันว่าหัวหน้าเค้าจะมองว่าทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรมั้ย เพราะกูก็อายุงานเยอะแล้ว แต่หลายๆเรื่องยังต้องให้น้องช่วย
ขอให้มึงได้งานใหม่เร็วๆนะ
มีใครไม่ได้จบพวกคอม แต่มาทำงานสายไอทีบ้างวะ แบบชอบโค้ดเลยเรียนเองมาเรื่อยๆประมาณนี้
ในอนาคตสายไอทีจะล้นตลาดไหม ช่วงนี้คนย้ายสายเยอะมาก ใกล้จบแล้ว ตรงสาย ร่อนใบสมัครไปหลายที่แล้วยังเงียบกริบ ใจคอไม่ดีเลย ไม่รู้จะปรึกษาใครดีด้วย 😅
อันนี้กูสงสัยเฉยๆ อาชีพสาย IT มันมีอะไรน่าดึงดูดให้คนสายอื่นจะต้องอยากย้ายสายมาทำขนาดนั้นเลยหรอ
คงไม่ใช่ว่าไปเชื่อโฆษณาของสถาบันสอนเขียนโปรแกรมหลอกคนเจ้านั้น (ที่เคยเอามาโทรลเล่นกันจนเป็นมีมในโม่งกัน) ใช่มั้ย
>>958 กูคนนอกสายไอทีนะ ถ้าเอาจากความคิดดู
- เงินดีกว่าสายอื่นๆ
- รองรับอนาคต
- ภาพลักษณ์ดูเป็นงานสมัยใหม่ ทำแล้วเท่ดูเป็นคนรุ่นใหม่ไรงี้
- มีโอกาสเติบโตได้มาก เห็นพวกที่ได้ไปทำงานตปท.ส่วนมากที่รู้จักก้สายนี้ทั้งนั้น
ย้ำว่าเป็นความรู้สึกนะ กูรู้ว่าของจริงมันไม่สวยหรูเหมือนคิดหรอก ซึ่งกูคิดว่าคนนอกสายน่าจะมองงานไอทีแบบนี้กันเกือบหมดละนะ
เมื่อไหร่จะวันเสาร์
>>954 ส่งกำลังใจให้มึงนะเพื่อนโม่ง เรื่องงานก็ค่อยๆเรียนรู้ไป ตาม kpi เข้าไว้เพื่อนยังไงก็รอด หัวหน้าเห็นเราพยายามมีพัฒนาบ้างก็คงไม่ว่าอะไรหรอกมึง ตอนนี้ทีมดีมีชัยไปกว่าครึ่งละ เริ่มต้นปีได้ดีมากสหาย ขอบคุณสำหรับคำอวยพร งานมีเรียกมา 2-3 ที่ แต่ว่ากูก็เอาที่สนใจและคิดว่าไปแล้วน่าจะดีกว่าเดิมจริงๆ เอาไว้ได้ใหม่กูจะมาบอกมึงที่นี่แน่นอนสหายโม่ง
>>958 สำหรับกูนะ (กู >>956 ) เรื่องความชอบมาเป็นอันดับแรก ต่อมาก็เรื่องเงิน จริงๆ กูหัดเขียนเว็บหัดทำเกมง่อยๆ มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ซึ่งอะไรพวกนี้มันมิกซ์กันระหว่างศิลป์กับลอจิก แล้วกูเลือกเรียนต่อไปทางศิลป์ก็จริง แต่ความสนใจกูมันก็ยังอยู่แบบนั้นแหละ แต่ก็ทำเป็นงานอดิเรกไป จนวันนึงที่รู้สึกว่าเงินเดือนตัวเองมันตัน ระหว่างอยู่สายงานเดิมแต่เถิบไปเป็นเมเนเจอร์ ไปทางบริหาร หรือจะเปลี่ยนสายงานไปทางไอที คือกูยังรู้สึกสนุกกับการลงมีทำตัวงานมากกว่าจัดการปัญหาระหว่างงานเงินคน กูก็เลยเลือกเปลี่ยนสายงานน่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่กูสามารถเปลี่ยนได้เลยเป็นเพราะกูไม่เคยทิ้งการทำเว็บเลย ยังคงดีไซน์เองโค้ดเองมาตลอด เลยมีสกิลพอจะเปลี่ยนได้อ่ะ
>>958 >>957 ถ้าให้มองแบบกว้างๆ นะ ความต้องการของสายงานนี้มันเยอะขึ้นเรื่อยๆ และคำว่าไอทีแม่งก็ครอบคลุมกว้างขึ้นเรื่อยๆ โปรแกรมก็ใช่ สัญญาณมือถือก็ใช่ โรบอทใช่ IoT ทั้งหลาย ไม่ต้องดูที่เรื่องตำแหน่งงานก็ได้ ดูจากชีวิตประจำวันพวกมึงอ่ะว่ามีเรื่องเกี่ยวกับไอทีวนอยู่เต็มไปหมดและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย บางที่เขาบอกว่าสกิลเกี่ยวกับไอทีจะเป็นพื้นฐานที่ทุกวิชาชีพต้องมีนะ เดี๋ยวนี้ทำเอกสารทำบัญชีมึงก็ต้องใช้ระบบได้นะ พนักงานต้อนรับต้องใช้ระบบจองได้นะ แล้วเบื้องหลังระบบพวกนั้นมีคนทำงานมากมายทั้งนั้น ยิ่งตอนนี้กระแสการเก็บดาต้ามาแรง ต่อให้ธุรกิจไม่ทำเองก็ต้องจ้างคนอื่นเขาทำเพื่อตามโลกให้ทัน ต่อให้บางเทคโนโลยีตายไปก็จะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ผุดขึ้นมาอีก กูว่ายังไงงานสายไอทีก็ยังเพิ่มขึ้นและต้องการคนมากขึ้นตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าสกิลมึงถึงตามที่เขาต้องการหรือเปล่า
>>962 ขอบคุณมากนะ ขอให้ได้งานเหมือนกันนะ T_T
>>965 ขอบคุณที่มาตอบค่ะ เรื่องสกิลนี่สำคัญมากจริงๆ แหละ คนเก่งๆ จ่ายค่าตัวกันแพงจริงๆ
ตอนนี้รู้สึกเสียใจที่เลือกภาคคอม สมัยนี้เห็นเรียนคอร์สกันเดือนสองเดือนก็สมัครงานได้แล้ว (ตัดภาพมาที่กูเรียน 4 ปี...) รู้สึกว่าเป็นสายที่ชอบและใช่อยู่หรอก แต่บ้านกูฐานะไม่ดี มีหนี้สิน ถ้าไม่ได้งานดีๆ ชีวิตกูจบเห่แน่ หวังว่าจะมีโอกาสดีๆ เข้ามาบ้างนะ เพื่อนโม่งคนอื่นๆ ก็ด้วยนะ T_T ขอให้ผ่านช่วงแย่ๆ แบบนี้ไปได้ด้วยดีทุกคน
ปกติแล้ว hr โทรไปถามประวัติจากที่เก่ากันมั้ยวะ พอดีวันนี้กูได้รับโทรศัพท์จากที่ทำงานเก่าที่แรกที่เคยทำ เขาบอกว่าวันนี้บ.นี้โทรมาถามว่ากูเคยทำงานที่นี่จริงมั้ย ทำเมื่อไหร่ ได้เงินเท่าไหร่ กูก็ตกใจดิ มึงโทรไปที่แรกเลยเหรอ ถ้าที่ล่าสุดยังพอเข้าใจนะ แต่เล่นโทรไปที่แรกเลยทั้งที่มันผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว กูไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับพวกการเงินอะไรด้วย แค่สงสัยว่าทำไมตรวจเช็คเข้มขนาดนั้น
>>966 กูเรียนสายอื่นมาแล้วเสียใจมากที่ไม่ได้เลือกภาคคอมไป งานกำลังมาแรงเลย สายที่กูเรียนอยู่ไม่ต้องจบมาตรงสายก็เป็นได้ barrier to entry ต่ำมาก ตอนนี้กำลังพยายามดีดตัวเองไปสายคอมอยู่แต่ยากจังอ่ะ กูว่าเรียนเดือนสองเดือนได้งานเลยนี่ต้องเทพมาก ๆ ไม่ก็ต้องโม้มาก ๆ แน่ ๆ ฮือ
>>958 แค่มึงเขียน ja... (สมัยนี้ react ก็ได้) เป็น มันก็แทบจะการันตีว่าจะไม่ตกงาน และงานที่มีก็เงินโอเคไปจนถึงดีและดีมาก(ขึ้นกับความสามารถ)
>>957 สาย it ล้นตลาดนี่ คำถามนี้กูโดนคนรอบตัวถามมาตั้งแต่สมัยอยู่ม.ปลายแล้ว ปัจจุบันก็อย่างที่เห็น ตำแหน่งงานสายนี้มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และ variation ก็แตกออกไปเรื่อยๆ
เรื่องสายไอทีล้นตลาดอ่ะ กูว่ามันแล้วแต่สายนะ อย่างโปรแกรมเมอร์นี่หากันทุกวันยังไม่ได้คนเลยบางที เด็กไอทีจบมาไม่อยากเขียนโปรแกรมผันตัวไปเป็น SA บ้าง BA บ้าง ย้ายมาทำ data บ้าง
ปัญหาของที่หาโปรแกรมเมอร์ไม่ได้คือกูรู้สึกว่าหลายๆบริษัทจะเอาคนเก่งๆแต่ไม่สู้เงินว่ะ
>>968 กูว่าอาจจะเป็นเพราะโฆษณาแหละมึง สู้ๆ นะ เป็นกำลังใจให้
ปกติแล้วคนที่หางานได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบนี่ได้งานช่วงเดือนไหนกันคะ สมัครไปแล้วมีทั้งหายเงียบไปเลยและต้องรอผล ขอคำแนะนำหน่อยได้ไหมคะว่ายังขาดอะไรไปถึงยังไม่โดนเรียกสัมภาษณ์ เพื่อนๆ คนอื่นโดนเรียกกันไปตั้งนานแล้ว
สมัครงานเน้นสาย dev ค่ะ โปรไฟล์คร่าวๆ เรียนวิศวะคอมอินเตอร์ (ได้ทุนเรียนฟรี) เกรด 3.9x โทอิค 9xx มีทำกิจกรรมชมรม มีแนบพอร์ต เรื่องปสก.ทำงานยอมรับว่าไม่แข็ง ส่วนใหญ่เป็นโปรเจคตอนเรียน แต่ที่ไปฝึกงานมาฟีดแบ็กก็ถือว่าดีเลย
ปรึกษาอาจารย์มาหลายท่านแล้วยังหาคำตอบไม่ได้เลยค่ะ ไม่รู้ว่าปัญหามาจากตรงไหน ลองเปลี่ยนรูปแบบเรซูเม่หลายๆ แบบและยื่นใหม่แล้ว ยอมรับว่าคาดหวังสูงและสมัครแต่บ.ดังค่ะ แต่คนอื่นๆ เขาก็ได้งานกัน เลยคิดว่าตัวเองก็อาจจะมีสิทธิ์ด้วย ท้อมาก :( สิ้นหวังมากๆ กะจะไปทำราชการแทนแล้ว
>>976 ใจเย็นๆ ช่วงวิกฤติแบบนี้หลาย บ.เองยังตั้งตัวไม่ถูกเลย มันก็มีแหละที่เปิดรับสมัครงาน แต่เชื่อว่าไม่กว้างเท่าตอนไม่มีวิกฤติ แถมคัดเลือกกันเข้มข้นกว่าเดิมด้วย บางทีแม่งเป็นเรื่องของกลัวการเรียกค่าตัวแพง เรื่องของจังหวะของดวง ไม่มีเหตุผลไหนจะเอาตอบให้มึงรู้สึกสบายใจขึ้นได้ ได้แต่เป็นกำลังใจให้นะ (แต่ถ้ามึงหลงไปทำราชการมึงจะสิ้นหวังมากกว่านี้ 555)
>>976 กูทำงานโปรแกรมเมอร์อยู่ เรื่องเขียนเรซูเม่อะไรงี้แนะนำไม่ค่อยได้
แต่สงสัยตรงคำว่า บ. ดัง ที่มึงว่าน่ะ ไม่แน่ใจว่า บ. ดังแบบที่มึงอยากได้คือแบบไหน
แบบบริษัทดังๆของสาย IT ที่ชอบมีชื่อเป็นสปอนเซอร์ตามงาน event มั้ย หรือหมายถึงบริษัทใหญ่ๆที่คนทั่วไปรู้จัก
ถ้าแบบแรกนี่กูไม่ค่อยรู้มาก แต่ตามงาน event (ซึ่งส่วนมากเค้าเป็นสปอนเซอร์งานก็จะมีบูทรับสมัครงานอยู่แล้ว) ไม่รู้ว่าวิธีนี้จะดีกว่ามั้ย
แต่ถ้าแบบสองหลายๆบริษัทเริ่มรับ outsource (ส่วนมากเป็นสัญญาจ้าง) มากขึ้น ถ้าไม่ยึดติดกับการเป็นพนักงานประจำอาจจะลองทางนี้ดู
หรือบางคนก็อาจจะเริ่มจากการเป็นสัญญาจ้างก่อน แล้วถ้ามึงผลงานดีเค้าถูกใจค่อยไปหาลู่ทางขอเปลี่ยนเป็นประจำทีหลัง
ช่องทางนี้คงต้องเริ่มจากสมัครงานตามบริษัทที่ทำธุรกิจ outsource แทน หรือไปสร้าง profile + upload resume ไว้ใน jobsdb ก็ได้
พวกนี้เค้าคอยดูเวลามีคนมาอัพข้อมูลอยู่แล้ว ถ้าใส่เบอร์ไว้แล้วเค้าคิดว่า match มึงกับประกาศรับคนของลูกค้าที่เค้ามีได้เค้าก็จะโทรมาหามึงเลย
แล้วพอเค้าโทรมามึงเดี๋ยวเค้าก็จะบอกมึงเองว่ามีลูกค้าเจ้าไหนบ้าง แล้วมึงก็ค่อยเลือกเอาว่าบริษัทไหนที่มึงโอเค
คำแนะนำอีกอย่างนึงที่อาจจะพูดง่ายแต่ทำยาก คือพยายามอย่านอยด์ถ้าสมัครไปแล้วเค้าไม่ติดต่อกลับ หรือสัมภาษณ์แล้วไม่ผ่าน / เจอคนแย่ๆ
ไม่ผ่านก็หาที่ใหม่ไปเรื่อยๆ พวกบริษัทดังๆส่วนมากมันใหญ่อยู่แล้ว บางทีทีมนึงเค้าไม่อยากได้มึงก็อาจจะมีอีกที่อยากได้ก็ได้
ปล. มึงลองไปถามใน >>>/tech/8162/ อีกที่ไว้เผื่อก็ได้ เผื่อมีคนทำงานสายนี้คนอื่นไม่เห็นตรงนี้ แล้วจะให้คำตอบดีๆกับมึงได้
ได้งานแล้ว แต่เงินเดือนน้อยกว่าที่เก่าราวๆ 7000 แถมทำงานวันเสาร์อีก ถ้าลดลงสองสามพันก็ยังโอเค แต่นี่ไม่มีสวัสดิการอะไรให้เลยนอกจากประกันสังคม ทำงานวันเสาร์ เดินทางไม่ลำบากรถเมล์ต่อเดียวถึงแต่รถติดสัส กูควรปฏิเสธดีมั้ยวะ หรือทำๆไปก่อนงานหายาก
>>979 แล้วแต่ circumstances ของมึงเลยอะ รีบมั้ย มีเงินใช้หรึอเปล่า มีภาระอะไรมั้ย อายุเท่าไหร่ คิดว่าโปรไฟล์ตัวเองอยู่ในระดับไหน
กูเคยยอมลดเงินเดือนเพราะต้องการเปลี่ยนสายงาน กูมอง career path ระยะยาว (รู้ว่าเค้าไม่มีทางมีใครให้เงินเดือนเท่าหรือมากกว่าเดิมได้อยู่แล้ว เพราะมาสายนี้กูคือมือใหม่ แค่ได้โอกาสก็บุญ) แล้วกูก็คิดว่ากูตัดสินใจไม่ผิด ทุกวันนี้กูกลับมาได้เงินเดือนมากกว่าสมัยก่อนหลายเท่า
แต่ถ้าเงินเดือนลดแบบไม่มีเหตุผล เป็นกูไม่เอานะ กูไม่รีบ และกูคิดว่ากูยังพอมีทางเลือกอยู่ แต่ถ้ากูรู้ตัวว่ากูไม่มีทางเลือก มีภาระ ไม่มีตังค์จะใช้แล้ว โปรไฟล์ไม่ได้โดดเด่นพอจะไปแข่งกับใคร แบบนี้ก็คงยอมเอางานนี้ไปก่อน
>>980 ภาระไม่มี หนี้สินก็บัตรเครดิตอย่างเดียว ไม่มีค่าเช่าบ้านหรือค่าผ่อนรถ มีเงินเก็บพอจะอยู่ได้แบบไม่ต้องทำงานไปอีกปี แต่กูก็ไม่อยากใช้เงินเก็บมากไปกว่านี้แล้วไง อะไรๆมันก็ไม่แน่นอน เป็นไปได้ก็อยากได้งานมากกว่าจะได้มีเงินเข้ามาแบบชัวร์ๆ แต่มาเจอเงื่อนไขทำงานวันเสาร์กูก็ไม่โอเคว่ะ กูมีตารางที่ตายตัวในวันเสาร์อยู่แล้ว คือกูรับจ็อบสอนพิเศษเล็กๆน้อยๆน่ะ ชม.ละ 300 สอนประมาณ 4-5 ชั่วโมง ถ้าให้ทำงานวันเสาร์กูต้องเลิกสอน รายได้ในส่วนนี้ก็จะหายไป แถมยังได้เงินน้อยกว่าที่เก่าอีก
ที่จริงกูก็มีไปสัมหลายที่ มีที่ที่ให้เงินดีกว่าและหยุดส-อ ด้วย แต่ที่นี่มันตอบรับกูมาเร็วกว่า แถมบีบให้กูตัดสินใจอีกว่าจะทำมั้ย ตอบรับมาภายในสิ้นเดือนนี้นะ กูเลยว่ามันกระชั้นชิดไป แถมแม่งหมกเม็ดไม่ยอมบอกกูตอนสัมด้วยว่าทำงานวันเสาร์ มาบอกตอนโทรมาแจ้งว่าสัมภาษณ์ผ่านแล้ว ให้ไปตรวจร่างกายบลาๆ แล้วก็แจ้งเวลาทำงานจ-ส วันอาทิตย์อาจจะไม่ได้หยุดบ้างเพราะต้องสลับกันมาดูงานที่ออฟฟิศ กูอยากปฏิเสธนะ แต่แม่งยังไม่มีที่ไหนตอบรับมากูเลยสองจิตสองใจนี่ล่ะ
วันนี้wfhนอนอยู่บ้านดีๆมีประกันโทรมาว่ะ มันเป็นประกันที่มาจากบัตรเครดิตอะกูเพิ่งสมัครไป
เหมือนแรกจะมันจะถามเกี่ยวกับพวกบัตรแต่ไปๆมาๆดันให้สมัครประกันซะงั้น แต่กูดันอึนๆตอบตกลงไป
พอจะโทรกลับแม่งไม่รับสายเลยว่ะ จะยกเลิกยังไงวะ
ขอบคุณมากที่มาตอบ กูโทรไปปฏิเสธแล้วล่ะ ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้งานแต่กูเอาความสบายใจไว้ก่อน ถ้ามันหยุดส-อ กูก็ยังพอถัวๆไปได้นะ แต่นี่เล่นได้เงินน้อยกว่าเดิมแล้วยังทำงานวันเสาร์อีก แถมไกลบ้านกูด้วยอะ ถ้านั่งรถเมล์ก็ 2 ชั่วโมง+เพราะแถวนั้นไม่มีรถไฟฟ้าผ่าน ไปกลับใช้เวลา 4 ชั่วโมง คิดทางไหนก็ไม่คุ้มเลยไม่เอาดีกว่า
กูเพิ่งโดนเลย์ออฟมา สิ่งที่ควรทำขั้นต่อมาคือการสมัครงานแต่อยู่ดี ๆ ก็เสือกกลัวการสมัครงานขึ้นมาซะอย่างนั้น กลัวแบบไม่กล้ากดสมัครอ่ะ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ว่ากดไปแล้วเค้าจะโทรมาเรียกไปสัมซะที่ไหน กดสมัครไปแล้วก็ร้องไห้ไม่กล้าไปสัม รู้สึกจิตตกมาก ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ไม่รู้ว่ากลัวอะไรกับการสมัครงาน
>>992 มึงโดนทำลาย self esteem มา กูก็เคยเป็นตอนโดนเลย์ออฟ ในหัวกูมีแต่คำถามว่ากูไม่ดีตรงไหนถึงไม่ถูกเลือกให้ทำงานต่อ กูมันห่วยใช่มั้ยเขาถึงไม่เอากูไว้ เคยเจอ hr ถามทำนองว่าทำไมกูถึงออกจากที่เก่า กูบอกว่ากูโดนเลย์ออฟแม่งถามต่ออีกว่างั้นคุณก็ทำงานไม่ดีสิ เขาถึงไม่เอาคุณ กูเลยกลัวการสัมภาษณ์งานไปพักใหญ่ๆเลย เป็นถึงขนาดไม่กล้ากดไปสมัครที่ไหนเพราะคิดว่าตัวเองไม่ดีพอที่จะทำงาน ให้โปรไฟล์ห่วยๆของกูไปผ่านตา hr นี่แม่งทำให้เขาเสียเวลาซะเปล่าๆ จิตตกไปเป็นเดือน กูเคยมาบ่นลงโม่งด้วยเรื่องนี้ 5555555 แต่พอคิดว่าตัวเองยังตายไม่ได้ ยังต้องหาเงินกินข้าว ผ่อนคอนโด กูยังไม่ได้ไปที่ที่อยากไปเลยก็มีแรงฮึดขึ้นมาเอง ตอนนี้ก็ได้งานทำแล้วนะ
สู้ๆมึง ไปชาร์ตแบตพักผ่อนสมองแล้วกลับมาลุยต่อ ตอนนี้ก็กดสมัครไปก่อนเถอะ ให้เขาเรียกไปสัมพบเจอผู้คนบ้าง อย่าอยู่คนเดียวหรือไม่ก็หางานอดิเรกทำจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ไปอัพเกรดสกิลการทำงานหรือหาคอร์สเรียนเสริมออนไลน์ก็ได้ เผื่อมึงจะพบทางที่ถนัดแล้วไม่ต้องไปสมัครงานอีก เป็นกำลังใจให้มึงกลับมาเข้มแข็งไวๆ แล้วก็ท่องเอาไว้ว่าเรามีดีเว้ย
>>991 หมายถึงรูดผ่อนของสินะ
>>992 พักหน่อยมั้ย อาการหนักอยู่นะ ร้องไห้ไม่กล้าไปสัมภาษณ์เนี่ย... ถ้าโดนเลย์ออฟช่วงปกติก็ไม่แปลกนะที่จะถูกมองว่าเป็นคนไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรเลยโดนเขี่ยทิ้ง แต่โดนเลย์ออฟช่วงโควิดนี่ถือว่าปกติมากๆ น่าจะมีแต่คนเห็นใจมากกว่า ไปพักให้เต็มที่แล้วกลับมาหางานใหม่ ถ้าบ้านมึงไม่ได้รวยล้นฟ้า ยังไงมึงก็ต้องหางาน มึงหนีไม่ได้หรอก เพราะงั้นมึงก็ต้องสู้ เว้นแต่บ้านมึงรวยมากนอนกระดิกตีนเฉยๆ ทั้งชีวิตก็อยู่ได้ อันนี้ก็แล้วแต่ แต่ถึงยังไงต่อให้รวยกูก็เชียร์ให้ทำงาน ขืนอยู่เฉยๆ มึงจะยิ่งดิ่งไปเรื่อยๆ
>>992 กอดนะมึง ตั้งหลักจนกว่าสบายใจค่อยเริ่มใหม่ กูก็รู้สึกแบบมึงนะ เพราะไปสัมมา แล้วทำได้ไม่ดี รู้สึกหน้าชากับบางคำถามด้วย พอสัมเสร็จ กูสงสัยว่าหรือกูไม่ดีพอจริงๆวะ ดาวน์ไป 2-3 วันแต่พอที่ใหม่เรียกสัม ก็ฮีลขึ้นมานิดหนึ่ง รอบนี้จะพยายามทำให้ดี มาสู้ไปพร้อมกันนะ
ถ้ามีครูที่ประสาทแดกมากๆ มาจุ่นจ่านกับมึงบ่อยๆ มึงจะหนียังไงอ่ะ น่ารำคาญมาก
>>957 กูว่ายากนะที่สาย it จะล้นตลาด แถมตอนนี้น่าจะขาดตลาดอยู่พอสมควรด้วย ขอยกตัวอย่างใกล้ตัวสุดก็กูเอง เมื่อปีที่แล้วช่วงเดือน9-10 ด้วยความที่บ.ที่กูทำอยู่มันปิดตัว กูเลยมีเวลาว่างไปไล่เดินสายสมัคร-สัมภาษณ์ดู รวมๆเกือบ10ที่ โดยทุกที่กูเรียกเงินเดือนเท่ากัน ซึ่งสูงกว่า skill ที่กูมี แต่กลายเป็นว่าแม่งรับทุกที่เลย บางที่ตอนสัมกูตอบเรื่อง technical หลายๆอย่างไม่ได้ด้วยซ้ำ แถมมีแค่2ที่ที่ต่อเรื่องเงินเดือน นอกนั้นให้ตามที่ขอเลย
กู >>992 นะ ขอบคุณพวกมึงมาก ๆ เลยนะ >>993 >>994 >>995 กูก็โดนเลย์ออฟเพราะโควิดจริง ๆ นั่นแหล่ะ TT คนโดนให้ออกกันเป็นร้อย แต่ถึงอย่างนั้น self-esteem กูก็เหลวแหลกอยู่ดี วันก่อนมี hr โทรมาถามว่าทำไมออกจากที่เก่า หน้าชาเลยอ่ะ ปากได้แต่ตอบไปเบา ๆ ว่าโดนเลย์ออฟ รู้สึกเหมือนมึงเลยว่าเรานี่ไม่ดีพอที่จะทำงานป่าววะ ไปทำงานแล้วจะผ่านโปรไหม สารพัดความคิดด้านลบ คิดว่าจะให้เวลาตัวเองเยียวยาจิตใจสักหน่อยแล้วค่อยเริ่มสมัคร ขอบคุณพวกมึงทุกคนมากนะ สู้ไปด้วยกันนะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.