อยากได้วิธีกำจัดพวกไม่ทำงาน นั่งเลียเจ้านายไปวันๆ ให้พ้นๆไปซะที มีมั้ย
Last posted
Total of 1000 posts
อยากได้วิธีกำจัดพวกไม่ทำงาน นั่งเลียเจ้านายไปวันๆ ให้พ้นๆไปซะที มีมั้ย
>>131 จริง เคยเจอเจ้านายคนนึงชอบคน ๆ นึงที่ขยันเหี้ย ๆ คือมาทำงานทุกวันตั้งแต่ 10.00-00.00 อ่ะ วันเสาร์ก็ยังมา แต่งานไม่ได้เหี้ยอะไรเลย แต่เขาชอบไง พูดอะไรไปก็ไม่ค่อยไปขัดเขาแถมยังดูขยันสุด ๆ อีก กลับกับลูกน้องคนไหนกลับบ้านตรงเวลา ก็จะชอบมาแซะ ๆ ว่ากลับแล้วหรอ ทำไมกลับไว แต่ตอนปากพูดงั้นคือเวลา 20.30 ละนะ นี่ไวตรงไหนวะ
ยังไม่ได้จ่ายภาษีเล้ย..... เฮ้อเศร้า
ในขณะที่กูนั่งทำงาน คนอื่นคุยเล่นสบาย ความยุติธรรมคืออะไร
มีหัวหน้าเป็นพวกตุ๊ดไร้เพศคือนรกที่แท้จริง
อยากลาออกแต่ออกละกุจะเอาอะไรแดก
โดนกดดันจากที่ทำงาน เขาหวังให้เราเก่งมากๆสร้างอะไรให้กับบริษัทได้(บอ startup) รู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติของทุกบอแหละ แต่โม่งๆรับมือยังไง
เมื่อไหร่กูจะได้หยุดนะ วันหยุดชดเชยสงกรานต์ก็ไร้วี่แวว แล้วกูทำงานรัวๆมาตั้งแต่ต้นปี ลากยาวมาถึงตอนนี้ ไม่มีวันหยุดอะไรให้กูเลย ก็รู้นะว่ายังดีที่มีงานให้ทำแต่กูก็เหนื่อยเหมือนกันนะ
ถามหน่อยค่ะ เราเพิ่งได้ n3 มาไม่มีปสก.ทำงานในการใช้ภาษาญี่ปุ่นเลย ที่ผ่านมามีแต่ปสกขายของออนไลน์มาสี่ปี ทีนี้บ.เรียกไปสัมภาษณ์เป็นบ.ไทย แต่ตำแหน่ง Japanese Speaker โดยเปนงานคล้ายๆ ดูแลลค. ประสานงานแปลภาษาญี่ปุ่นจากลค.ให้ฝ่านอื่นๆ ในบ. เค้าถามต้องการเงินเดือนเท่าไรเรากลัวเรียกสูงไปเลยเรียกไป 20000 เราเรียกพอดีหรือน้อยไปหรือเปล่าคะ แนะนำทีค่ะ
มีเพื่อนที่เรียนเอกญป ตอนจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ ได้งานแรกเป็นตำแหน่งแอดมินให้เงิน 25k (n2) เพื่อนบอกว่า 25k เป็นเรทปกติทั่วไปมากเลย ดังนั้นเราคิดว่าเรทที่คุณเรียกยังต่ำไปนะ ยิ่งคุณขายของออนไลน์ด้วยอะที่ผ่านมาทำหลายๆหน้าที่ด้วยตัวเอง คุณไม่ใช่คนไม่มีประสบการณ์ เรียกสูงกว่า 25k ยังได้เลย
>>144 เป็นงาน coordinatior ค่ะ คุยกับลูกค้าให้บริการทั่วไปค่ะ ใช้ศัพท์สุภาพไม่ได้ใช้ศัพท์เฉพาะทางเหมือนล่ามโรงงาน
>>145 พอดีตอนแรกกลัวว่าตัวเองทำแค่ธุรกิจส่วนตัวไม่เคยทำงานบริษัทอย่างเปนทางการ ไม่เคยใช้ภาษาญี่ปุ่น และไม่ค่อยได้ภาษาอังกฤษเลยไม่กล้าเรียกเยอะค่ะ แบบนี้ถ้าสัมภาษณ์ผ่านแล้วค่อยบอกเค้าเรื่องต่อเงินเดือนเพิ่มได้ใช่มั้ยคะ
อีกนิดนึงค่ะ ถ้าไม่มีปสก.การใช้ญี่ปุ่นทำงานเลยแบบนี้ แรกเริ่มควรทำงานแบบไหนก่อนดีคะ ตอนแรกปีนี้อยากไปญป.แล้วคว้า n1 n2 กลับมาให้ได้ แต่ติดโควิดแบบนี้ไม่รู้ชาติไหนจะได้ไปเรียนแล้วค่ะ อายุก็จะ 30 แล้ว ควรทำงานในกทม.พวก coordinator admin ที่ไม่ใช้ศัพท์เฉพาะทางให้สื่อสารให้คล่องแบบมีปสก.ก่อน แล้วค่อยไปสมัครเปนพวกล่ามโรงงานทีหลังดีมั้ยคะ หรือควรที่จะเริ่มงานล่ามเลยดี
>>146 คนเดียวกับ >>>/lifestyle/6915/281-297 สินะ
ขอเงินเพิ่มทีหลังยาก ปกติในเลเวล junior-staff เค้าใช้เงินเดือนเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาด้วย ต้องเลเวลสูงกว่านั้นหน่อยถึงจะมี budget เผื่อไว้ให้ขอเพิ่มได้ ถ้าจะขอเพิ่มให้แจ้งก่อนวันสัมภาษณ์จะดีกว่า
แนะนำเหมือนเดิมว่า ให้มีประสบการณ์ทำงานในประวัติบ้าง ไปสมัครล่ามเค้าจะได้มั่นใจระดับนึงว่าสามารถเข้าใจโปรเซสการทำงานต่างๆได้
>>145 ขายของออนไลน์ไม่นับเป็นประสบการณ์ ยกเว้นว่าจะสามารถพรีเซ้นต์ว่าได้สกิลอะไรที่สามารถนำมาใช้ได้บ้าง ซึ่งพอไม่เคยทำงานประจำเลยก็อธิบายไม่ถูกไง ดูจากที่ถามคือเค้าไม่รู้โครงสร้างการทำงานเท่าไรนะ แล้วก็น่าจะจบแค่ป.ตรี ดังนั้นได้เรตเท่าเด็กจบใหม่ที่เรียนช้าหรือเปลี่ยนสายงาน แบบนั้นก็ถูกแล้ว เรตก็น่าจะ 23-30k ขึ้นอยู่กับเนื้องานว่าใช้ภาษามากแค่ไหน
n3 เรียกสูงมากไม่น่าได้ เพราะสมัยนี้จบใหม่ n2 เยอะแยะ แต่ถ้าเค้าชอบเธอจริงๆ เค้าจะต่อรองเองแหละ เพราะงั้น 25-30k ก็ลองเรียกไปได้ แต่ถ้าเรียกไปแล้ว 20k ไม่ควรไปขอเพิ่มทีหลัง เผลอๆ เค้าจะเทเลยเพราะเนเจอร์คนญี่ปุ่นไม่ชอบคนแบบนี้มากๆ (ยกเว้นว่าคนตัดสินใจจะไม่ใช่คนญี่ปุ่น หรือเป็นคนญี่ปุ่นหัวสมัยใหม่) ถ้าเพิ่งมาเสียใจทีหลังว่าเรียก 20k น้อยไป ให้ลองถามเค้าดูว่าหลังผ่านโปรมี allowance อะไรเพิ่มเติมมั้ย หรือถ้าชอบงานนี้ก็ทำไปก่อนเอาประสบการณ์อย่าเพิ่งคิดมากเรื่องเงิน ไว้สอบ n2 ผ่านค่อยว่ากัน เรียนในไทยนี่แหละ รุ่นน้องเราเยอะแยะไม่เคยไปเหยียบญี่ปุ่นก็สอบผ่าน n2 กัน
คำว่าต่อรองเงินเดือนของญี่ปุ่นคือต่อลงนะ ไม่มีอัปขึ้น ตอนสัมฯบอกว่าขอ 20k พอได้รับแจ้งว่าสัมผ่านเปลี่ยนใจขอ 25k ละกัน แบบนี้เตรียมตัวโดนกาหัวทิ้งได้เลย ยกเว้นกรณีที่บริษัทเค้ามีฐานเงินเดือนตายตัวไว้แล้วว่า n3 จะให้ 25k แบบนี้เค้าจะให้เองไม่ต้องขอ ต่อให้เราไม่รู้ดันเรียกไปต่ำกว่าฐานเค้าก็จะให้เราเท่าฐานไม่ฉวยโอกาสโกงเรา นี่คือข้อดีของบ.ญี่ปุ่น (ไม่นับพวกบ.ขนาดเล็กเพราะไม่รู้ไม่เคยทำ แต่มั่นใจว่าบ.ญี่ปุ่นขนาดใหญ่ส่วนมากแนวนี้หมด)
>>147 ขอบคุณค่ะ
>>148 >>149 ขอบคุณค่า อันนี้เปนบ.ไทยค่ะ ถ้าอย่างนั้นควรแจ้งไปก่อนสัมภาษณ์มั้ยคะว่าอยากขอเพิ่มเงินเดือนที่คาดหวัง แต่ว่าถ้าสัมผ่านแล้วไม่ควรใช่มั้ยคะ
พอดีตอนนี้มีบ.ญี่ปุ่นอีกบ.นึงตำแหน่งล่ามติดต่อมาเรียกสัมต่อเลย เลยลังเลว่าจะทำงานโคก่อนหรือไปงานล่ามเลย งานล่ามก็แอบกลัวศัพท์เทคนิคที่ไม่รู้เรื่อง พูดปกติยังไม่คล่องเลย แต่ก็ยังไม่แน่ว่าเค้าจะรับทั้งคู่หรอกค่ะ 555555 ดูแล้วมีแววไม่ผ่านสูง ยังไงถ้าผ่านจะมาถามอีกรอบนะคะ
>>150 บ.ไทยไม่รู้อะไม่เคยสมัครบ.ไทยเลย สมัครแต่บ.ญี่ปุ่น ส่วนเรื่องงานล่ามก็ลองไปสัมภาษณ์ดู ถ้าไม่มีแววว่าน่าจะล่ามได้เค้าก็ไม่รับเองแหละ ไปสัมภาษณ์ยังไงก็ได้ประสบการณ์สัมภาษณ์ แต่กล้ารับล่ามด้วย N3 แสดงว่าเนื้องานก็ไม่น่าจะยากมาก เพราะตำแหน่งล่ามปกติส่วนมากจะรับที่ N2 ขึ้นไป ลองไปสัมดูก็ได้ งานล่ามก็มีหลายประเภทยากง่ายไม่เหมือนกัน
เรียกเงินเยอะๆไปก่อน จริงๆ
>>152 ญี่ปุ่นนี่เรียกเงินเยอะเว่อแบบที่ตัวเองยังไม่ค่อยมีของจะพรีเซนต์เค้านี่จะถูกกาหัวเอาง่าย ๆ เผลอ ๆ จะไม่ได้งานเลย ให้เรียกแบบดูมีความเป็นไปได้แล้ว on top นิดนึงเผื่อเค้าต่อลงจะดีกว่า
กูเคยเห็นคนเรียกเว่อ แต่คนนั้นคือ n1 +มีประสบการณ์ล่ามมา 10 ปี + อันนี้คือมีสกิลพอจะพรีเซนต์ตัวเองได้ก็เรียกได้แหล่ะ อยู่ที่ว่าญี่ปุ่นจะมองยังไง จะให้มั้ย แต่ถ้าตำแหน่งจูเนียร์แบบ coordinator นี่ไม่แนะนำนะ
ตอนสมัครกับตอนสัมไม่บอกว่าเป็นซีเนียร์ แต่เมล job offer ตำแหน่งซีเนียร์เลย คือปกติหรอ
วัยทำงาน หาแฟนจากไหน เอาเวลาที่ไหนไปจีบสาว ถ้าไม่กินกันเองในบริษัท
อยู่ในช่วงคิดวนอยู่ในหัวว่าออกดีไหมนะ แต่งานระดับกู บออื่นจะรับหรือเปล่า ช่วงเศรษฐกิจแบบนี้จะออกดีไหมนะ กูรู้สึกเหมือนอยู่ที่เดิมแล้วทุกอย่างตายสนิท ดีแค่เพื่อนร่วมงาน แต่งานคือตายไปเลย แนวงานเดิมซ้ำๆเพราะเจ้านายไม่ชอบให้คิดอะไรเอง ต้องตามสั่งเท่านั้น ยิ่งมารู้ว่าเงินเดือนน้อยกว่าเด็กเข้าทีหลังเป็นปีแต่ตำแหน่งเดียวกันก็ยิ่งได้แต่คิดวนไปเรื่อยๆ อ่า...
Youre not alive just to work, pay bills, and lose weight.
ทำไมเดี๋ยวนี้ออฟฟิศชอบทำแบบ open office อึดอัดชิบหาย ไม่มีสมาธิทำงานเลยอ่ะ เงยหน้ามาก็เจอคน หันไปทางไหนก็เจอแต่คน คิดงานไม่ออกเลย เสียงคุยกันอีก มันไม่เหลือพื้นที่ส่วนตัวให้เราบ้างเลบอ่ะ อยากกลับไป wfh แล้ว เห้อ
กูว่าเรื่องสื่อสารมันข้ออ้างบริษัทว่ะ ความจริงคือโต๊ะมีที่ส่วนตัวเยอะมี partition มันกินที่ ทำให้พื้นที่สำนักงานมันต้องเยอะตามไปด้วย
โม่งคนไหนทำงานในธุรกิจที่กระทบหนักจากโควิดมั่ง มีวางแผนอนาคตไว้ยังไงกันบ้าง
ของกูธุรกิจการบินนี่โดนแบบเต็มๆ โดนเป็นรายต้นๆแถมน่าจะเจออาฟเตอร์ชอคไปอีกนานเป็นปี
โชคดีที่บ้านพอมีสมบัติเก่าพอมีอันจะกินอยู่ ถ้าตกงานจริงๆคงพอจะใช้แค่คชจ.ส่วนตัวอยู่ได้นานพอสมควร
ตอนนี้คิดไว้หลายอย่างมาก ถึงจะไม่ล้มแต่ก็คงไม่ก้าวหน้าไปอีกหลายปี
ถ้าออกมาสภาพแบบนี้หางานใหม่คงยาก แต่ก็น่าจะมีลู่ทางใหม่ๆเกิดขึ้นพอสมควร
>>164 สมัยนี้แม่งอะไร ๆ ก็แบบต้องสื่อสาร ๆๆๆๆๆ สื่อสารทั้งนอกงานและในงานอ่ะ คือเหมือนอยากให้คนสนิทกันเลยให้นั่งเป็นโต๊ะยาวแล้วมี notebook คนละเครื่อง จะได้คุยกันง่าย ๆ ไอ้พวกชอบคุยก็ชอบอยู่ละไม่เหงาดี แต่แบบกูจะประสาทแดกแล้วอ่ะ นั่งตรงกลางด้วยแวดล้อมไปด้วยผู้คน คือใส่หูฟังก็แล้วนะ แต่เวลามีคนจะคุยกับเรา เราก็ต้องถอดมาฟังอยู่ดีไง ซึ่งพอมันเป็น open office อ่ะ คนเค้าจะมาคุยกับเรามันก็ไม่ได้มีแต่เรื่องงานละ เรื่องส่วนตัว อยากเม้าท์เค้าก็คุย มันเลยรู้สึกว่าตัวเราต้องพร้อมสนทนากับคนอื่นตลอดเวลาอ่ะ ซึ่งเหนื่อยมาก กูคิดงานไม่ออกเลยอีเหี้ย
แต่ส่วนหนึ่งก็อย่างที่ >>165 บอก แบบ open office โต๊ะยาวโง่ ๆ ตัวนึงกับเก้าอี้หลาย ๆ ตัว ก็นั่งกันได้เยอะล่ะ อัด ๆ กันเข้าไป ถ้าทำคอกใช้พื้นที่เยอะกว่า
กูแม่ง ทั้งๆ ที่งานก็ยังมีทำ(หนักขึ้นอยู่เหมือนกัน) เงินเดือนก็ไม่โดนลด ก็ยังอยากจะออกจากงานว่ะ อยู่ตัวคนเดียวแล้วเหงามาก เฝ้าเพ้อว่าจะไปสร้างเนื้อสร้างตัวอยู่จังหวัดเดียวกับแฟน ยอมลดเงินเดือนตัวเองครึ่งนึงเลยถ้าได้อยู่ด้วยกัน แต่เอาเข้าจริงแม่งกลัวว่ะ เสี่ยงชิบหาย หนี้ธนาคารยังมี แต่ก็สลัดความคิดอยากออกจากงานไปไม่ได้เลย ว้าวุ่นมากจนรำคาญตัวเองอ่ะช่วงนี้
>>170 https://fanboi.ch/801/
ลองไปปรึกษาห้องนี้ดู ขนาดพวกเค้าไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม ไม่มีงาน ยังมีความสุขได้เลย
>>169 ของมึงยังดีนะใส่หูฟังได้ ของกูไม่ได้ว่ะ ผู้ใหญ่ที่นี่ conservative สัสๆ ฟังเพลงไปด้วยทำงานไปด้วยเหรอ ฝันไปเหอะ ความจริงกูก็ไม่ได้อยากฟังเพลงในที่ทำงานเลยนะ เสียงคนคุยกันบ้างก็ยังพอทนไหว แต่ตอนนี้ที่เจอคือคนต่างชาติที่มาใหม่ คุยโทรศัพท์ทั้งวันและคุยเสียงดังมากกกกก โคตรรำคาญและเสียสมาธิ
>>173 งานครีเอทีฟน่าจะฟังได้นะ แต่อย่างงานกูกูเข้าใจได้นะที่ผู้ใหญ่จะไม่ให้ใส่หูฟัง เพราะนั่งๆ ก็จะมีคนเข้ามา consult โน่นนี่นั่น ใส่หูฟังบางทีน้องๆ เดินมาหาก็ไม่กล้าเรียก หรือเรียกแล้วแต่ไม่ได้ยิน แต่กูก็ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงดีกับมลพิษทางเสียงที่เจออยู่ทุกวันนี้ว่ะ รำคาญมากๆๆ
ขออัพเดต >>150 คือไปสัมงาน Coordinator มาแล้วไม่น่ามีปห.อะไร แต่งานล่ามคือโป๊ะมาก คือบ.ยังไม่เสร็จเจ้านายคนญป.เลยนัดสัมร้านกาแฟ พอไปถึงก็ให้เราพูดอะไรก็ได้เราก็แนะนำตัวบลาๆๆๆ เค้าบอกพูดอีกอะไรก็ได้ เราก็ถามเรื่องงานในบ.อะไรงี้ ก็สื่อสารกันปกติดูแล้วน่าจะเวิร์กแต่เค้าดูไม่เปนทางการเราเลยเผลอปล่อยมุขบ้างอะไรบ้าง เค้าก็หัวเราะแล้วก็บอกชิสึเรเน๊เราก็แบบขอโทษค่ะๆ อันนี้ไม่รู้ว่าเค้าซีเรียสหรือป่าว เผลอตัวอะ TT แล้วก็จะเปนคนแมนๆ ลุยๆ หยาบๆ ดูน่ากลัวอะ แบบพูดตรงมาก พูดถึงคนที่เคยสัมให้ฟังว่ามีคนจบฬ.มาสัม พรีเซนต์ตัวเองว่าได้เอ็นสูงอะไรงี้ เค้าก็บอกว่าแต่ถ้าสื่อสารไม่ได้ก็เท่านั้น ต่อให้หัวดีจบมอไรไม่สนอะไม่จำเปนต้องอวด ขอแค่สื่อสารได้เปนพอ เราก็แบบเออออไป นั่นสินะคะบลาๆ คือพอถึงตรงอธิบายเนื้องานในบ. มันเริ่มมีแกรมม่าและศัพท์ที่ฟังไม่ทันเค้าใส่แมสและก็พูดเรวตามปกติของคนญป.มั้ง และตัวเรายังอ่อนด้อยนัก พอจบเค้าก็ถามเข้าใจกี่เปอร์ เราก็บอก 50% เค้าบอกอย่างงี้จะไหวปะเนี่ย เข้าใจแค่นี้เวลาไปแปลให้วิศวะก็คือเหลือ 0% นะ เสร็จแล้วเราก็ถามต่อพยายามบอดว่าเราตั้งใจอยากเรียนรู้และสนใจงานไรงี้ แต่พอเค้าเริ่ทอธิบายลงลึกแบบด้านการตลาด มาเปนผลเปอร์เซนไรไม่รู้เราโง่เลขอยู่ด้วยด้วยไม่รู้เรื่องไปกันใหญ่ เค้าถามว่าเข้าใจปะแล้วเราไม่เข้าใจไงมีอยู่ตรงจุดนึงเค้าเลยอธิบาย แต่เราก็ยังงง เค้าเหมือนต้องอธิบายซ้ำสามสี่รอบ จนเค้าพูดว่าทำไมแค่นี้มึงไม่เข้าใจวะ นี่มันง่ายมากเลยนะเนี่ย เราแบบในใจคืออิแบบเอ้าก็กูไม่รู้ ฮืออออ ไหนบอกไม่เข้าใจให้กูถามเพราะถ้าปล่อยไม่เข้าใจจะแปลไม่ได้แปลผิดๆ ทีงี้เหมือนจะจบละเค้าก็เกบสมุดอะไรเรียบร้อย เค้าถามเข้าใจกี่เปอร์ เราบอก 20% เค้าแบบเค้าบอกโอ๊ย แย่แล้วเนี่ย อย่างมึงจะไหวเร้อ เข้าใจแค่นี้ เราก็แบบ... ถึงตอนนั้นในใจ คือไม่กล้าพูดว่าจะพยายามแล้วอะเพราะเริ่มกลัวจริงๆ ว่าขืนกูไปทำกะเค้ากูจะทำได้มั้ย แค่นี้กูยังไม่เข้าใจเลย ใจกูไปหมดละไม่กล้าทำตัวกระตือรือร้นเท่าไร แต่ก็แบบเก็บอาการค่ะๆ ไป สักพักเค้าพูดศัพท์อะไรไม่รู้มาอีก เราก็งงอีกจ้า เค้าแบบถอนหายใจเฮือกแบบใหญ่มาก แล้วส่ายหน้าเพราะเอาสมุดที่เก็บไปแล้วหยิบมาเขียนให้เราอ่านอีกเราถึงเข้าใจ ก็จบกันไป
พูดตรงๆ คือเปนครั้งแรกเลยอะที่สัมงานกะคนญป. เข้าใจแหละว่านายคนญป. คือมีเปนงี้อยู่แล้ว แต่พอเจอจริงแบบกลับมาร้องไห้เลยอะว่าทำไมกูโง่จัง โดนเค้าถอนหายใจ ส่ายหน้า แล้วด่าเหมือนมึงมันโง่ ง่ายๆ แบบนี้มึงไม่เข้าใจวะ กูนี่กลับมาอ่านหนังสือรัวๆ เลยอะกะว่าคราวหน้ากูต้องเข้าใจกว่านี้ให้ได้ ฮืออออออออออ แล้วคือเค้าก็ไม่ได้ตั้งเกณฑ์รับไว้สูงนะ คือขอเอ็นสามขึ้น ให้เรตเต็มที่ 25000 แต่กูคงไม่ได้หรอก
>>175 คนญี่ปุ่นไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกคน มึงพลาดตรงที่ไปสมัครบ.ไก่กามากกว่าว่ะ กูบอกรุ่นน้องเสมอว่าให้ไปสมัครบ.ใหญ่โต (ถ้าโปรไฟล์ดีพอ) บ.พวกนี้เค้ารู้เลเวลงานตัวเอง รับสมัครตามเลเวล ไม่ใช่ตามความรู้สึกส่วนตัว อคติกับ JLPT เลยรับ N3 ทั้งที่งานยาก (สงสัยกะจะกดเงินเดือน กูบอกเลย) ที่สำคัญบ.ใหญ่โตคนญี่ปุ่นมีประสบการณ์เค้าจะใช้งานล่ามเป็น รู้ว่าพูดยังไงล่ามจะเข้าใจ พี่ล่ามเลขาที่บ.กูเก่งมากๆๆๆๆๆ กูให้ N0 เลยเอ้า 555 (แอดวานซ์กว่า N1) แต่ถึงอย่างนั้น เวลาประธานพูดให้ล่ามแปล เขาก็ปรับโหมดให้ล่ามฟังเข้าใจและแปลได้ ไม่ได้พูดไปตามธรรมชาติแบบเวลาพูดกับ 日本人同士 พวกงานบ.เล็กๆ น่ะเหมาะกับคนที่เทพแล้ว พร้อมจะรับมือกับพวก unprofessional พร้อมจะรับทุกสถานการณ์ แต่ถ้าไม่ ถ้าเราเองนี่แหละที่ยัง 未熟 ซะเอง ควรทำบ.ใหญ่ก่อน ควรไปเรียนรู้ความ professional จากบ.ที่มันเป็นเรื่องเป็นราวก่อน
โม่งพูดญี่ปุ่นฝึกสกิลการสื่อสารกันยังไงบ้างอ่ะ ถ้าไม่ได้มีญี่ปุ่นอยู่ในบอให้พูดด้วย
>>175 บอกเลยจากที่ทำงานบญี่ปุ่นมา เขาจงใจลองเด็กหลายๆประเภทด้วย ว่าเอาจริงๆได้หนักสุดแค่ไหน น่าจะรู้ตั้งแต่ตอนเมิงบอก50%แล้วว่าทำไม่ได้
ยิ่งทำงานโรงงานด้วยแล้วศัพท์เฉพาะทางมีเยอะแน่ๆ ส่วนมากถ้ารับเด็กใหม่เขาจะรู้เลย แล้วปรับการพูดให้เข้ากับเด็กใหม่ ไอ้นี่มันไม่เอาเด็กอยู่แล้ว มันแค่เรียกมาลองสัมดู เชื่อกูสุดท้ายมันก็ไปจ้างพวกโหดๆเก่งๆ ไม่ต้องคิดมาก
พรุ่งนี้วันจันทร์อีกแล้ว...
แงงงง
แงงงง กูต้องนอนแล้วสินะ
>>184 ไม่รู้ว่ะ อันนี้ปสกกูตอนขยายโรงงาน ช่วงแรกๆคนมันไม่เยอะมาก หนักไปทางเด็กไลน์ คนทำเอกสาร/บัญชีเอาแค่ไม่กี่คน พอญปอยากได้ล่ามบชอยากประหยัดก็แนะนำให้หาเด็กจบใหม่ แต่ญปไม่อยากได้ก็แกล้งกวนตีนคนสัมไปเยอะมาก สุดท้ายไม่เอาเลย ไปจ้างล่ามนอก ครั้งละ4-5พัน(แต่จ้างบ่อยมาก) จนสุดท้ายก็ได้จ้างล่ามคนนี้เป็นล่ามประจำ และเงินเดือนแพงมากกก
คือมันมีญปที่คิดว่าไม่ใช่เงินตัวเองอยู่อ่ะ กูจะเอาดีๆ เก่งๆ แพงก็ไม่สน ถ้ามันจะจ้างเก่งๆจริงมันจ้างได้อยู่แล้ว แค่คนไทยไม่ยอมให้จ้าง ก็ต้องเล่นละครกวนตีนกันหน่อย อยากให้สัมกูก็สัม แต่กูไม่เอานะ
เงินเดือนไม่พอแดก ทำอะไรเสริมดีวะ
ทำไมคนในออฟฟิศกูเป็นพวกextrovertเยอะขนาดนี้ อยู่ด้วยนานๆละพลังงานหมด ฮือ
มีใครชอบหลบไปอู้งานในห้องน้ำแบบกูบ้างป่าววะ
เวลากูทำงานแล้วเครียดๆหรือเบื่อๆ บางทีก็หลบเข้าไปแอบหลับในห้องน้ำ ส่วนมากจะพิงหัวกับผนังห้แงน้ำแล้วหลับ แต่วันไหนแม่บ้านทำความสะอาดพื้นเสร็จแล้วยังไงมีใครใช้กูก็เอนหลังนอนเลย พอดีห้องน้ำที่ออฟฟิซกูค่อนข้างกว้างแล้วก็สะอาดอยู่
ห้องพักที่ไม่มีที่จอดรถ(มอไซต์) เพื่อนโม่งหาที่จอดกันยังไง
กูเป็น Introvert กูพอไปกินข้าวนั่งคุยกับเพื่อนที่ทำงานได้ถ้าไม่บ่อยจนเกินไป แต่ถ้าต้องไปเที่ยว ตจว. ค้างคืนรู้สึกมันเยอะไป
ปัญหาคือบางทีเราก็ไม่ได้ชอบทุกคนในทีม แล้วถ้าไปแล้วดันต้องไปนั่งใกล้ๆคนไม่ได้ชอบมันก็ไม่มีอะไรคุยและไม่อยากคุยด้วย
ถามหน่อยนะ รพ.รัฐที่ไหนออกใบรับรองแพทย์ราคาถูกไม่แพงบ้าง จะเอาไปสมัครงาน
ระหว่างรพ.ตากสิน กับ ราชเทวี อะไรถูกกว่ากันหรอ
>>201 เวลานัดกันจะต้องมีตัวฮาตัวจ้อไปด้วย ให้คนนั้นทำหน้าที่เอนเตอร์เทนไปเราจะได้ไม่เหนื่อยต้องคอยหาเรื่องคุย ยิ่งคนไปเยอะเท่าไหร่ยิ่งดีเค้าจะไม่ค่อยมาสนใจอะไรเรามาก ไม่ทันสังเกตว่าเราเงียบ พยายามไหลไปกับบรรยากาศอย่าไปคิดอะไรเยอะแยะ อย่าคิดว่าเบื่อๆๆๆ ทรมานๆๆๆ อยากกลับๆๆๆ ยิ่งคิดมันจะยิ่งตอกย้ำตัวเอง (เมื่อก่อนกูชอบคิดแบบนั้น)
ไปสัมภาษณ์งานมากับผู้บริหารเป็นฝรั่ง ภาษาอังกฤษกูงูๆปลาๆมาก บางทีต้องให้เลขาเขาช่วยแปลว่าเขาพูดอะไร แต่ผู้บริหารเขานิ่งมาก ดูไม่ออกว่าสนใจกูหรือไม่เอากูแน่ๆ แต่คือคุยกันนานมาก ประมาณชั่วโมงครึ่งได้ ถามเกี่ยวกับงานที่ผ่านมาของกู ให้เล่ารายละเอียดลึกๆ กูแก้ปัญหายังไง กูก็ดำน้ำไปตะกุกตะกักไป อย่างน้อยก็ใจชื้นล่ะวะที่เขาไม่บอกว่าพอเถอะ แล้วไล่กูกลับบ้านตั้งแต่กูเดดแอร์กับคำถามของเขาไปหลายรอบ แล้วพวกคำถามแพทเทิร์นในเน็ตคือไม่มีเลย ยิงมาเรื่องงานที่เคยทำกับวิธีแก้ปัญหาล้วนๆ
กูแอบอยากรู้ว่าที่คุยกับกูนานๆนี่คือเขามีวี่แววจะรับกูป่ะ เพราะกูก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าถ้าเขาไม่โอเคในระดับหนึ่งคงไม่คุยกับกูนานขนาดนี้ แต่ก็ไม่ถามเรื่องเงินเดือนที่เรียกหรือบอกสวัสดิการอะไรเลยซักอย่าง กูก็ใจแป้วว่ะ อยากได้งานแล้วอะดิ
>>209 ไม่รู้ดิ กูเข้าไปตั้งแต่สิบโมง ออกมาก็เกือบเที่ยงแล้ว ทีแรกกูนึกว่าจะแค่ครึ่งชั่วโมง แต่แม่งลากยาวมาขนาดนี้คือกูพอมีหวังป่ะวะ บางคนก็ว่าสัมภาษณ์งานนานๆนี่คือเป็นสัญญาณที่ดีว่าเขาสนใจมากๆเลยถามเยอะ แต่บางคนก็ว่าคุยนานๆไม่ดี เหมือนพยายามจะหาชอยส์ตัดคุณออกให้ได้อะ เลยแอบอยากรู้ว่าเขาจะรับกูมั้ย แต่อีกใจก็คิดว่าภาษากูกากเดนขนาดนี้ คนอื่นๆที่มาต้องเก่งกว่ากูแน่ๆคงไม่มาเอากูหรอก แล้วกูก็เดาท่าทางจากผู้บริหารไม่ได้เลยเพราะเขาโคตรนิ่ง ไม่ได้แสดงท่าทีว่าสนใจกูแต่ก็เสือกลากถามกูมายาวนานขนาดนั้น ถ้าไม่สนใจกูจริงๆน่าจะรีบตัดบทแล้วไล่กูกลับไม่ให้เสียเวลาเขาจะดีกว่ารึเปล่าหว่า
report date นี่คือวันเริ่มงานปะโม่ง
อิงจากเอกสารสัญญาจ้าง please submit on the report date
บริษัทกูเป็นบริษัทฝรั่ง แต่ก็มีวัฒนธรรมแบบไทยๆเยอะ (ในทางไม่ดี)
เร็วๆนี้เปลี่ยน CEO เป็นคนอินเดีย แล้วก็เริ่มมี outsource งานไปบริษัทอินเดียผุดขึ้นมา
มีให้สัมภาษณ์พูดเป็นเชิงเหยียดว่าคนอินเดียเก่งเพราะสังคมการแข่งขันสูง พ่อแม่เคี่ยวเข็ญลูก แต่คนไทยไม่เก่ง
กูควรเตรียมย้ายดีมั้ยนะ เพราะกูเป็นพนักงานสัญญาจ้าง โดนไม่ต่อสัญญาก็ไม่ได้เงินชดเชยด้วย
เจองูกับแขกให้ตีแขกก่อน
>>214 บริษัทกูเคยจ้างคนดูระบบ ตอนแรกใช้คนไทย มีปัญหาโทรคุยกันตลอดทุกอาทิตย์ ตลอดเดือนยิ่งสิ้นเดือนคุยเหมือนเป็นแฟนกัน
ตอนหลัง outsource ไปอินเดียเลิกคุยกันเลย เหมือนไม่มีคนดูระบบ กว่าจะติดต่อได้ พอติดต่อได้มันบอกให้ลองรีสตาร์ทเครื่อง เข้าแล้วออกใหม่ ทั้งๆที่มันเป็นที่ระบบ คือเขาทำผิดแต่ไม่รู้ตรงไหนเลยให้แม่งช่วยหา แต่มันไม่ช่วย เจอแม่งกวนตีนใส่ 5555
ไม่ใช่กูนะ คนอื่นในบริษัท
เกลียดอินเดียมากๆๆๆ
กูทำบ.ญี่ปุ่นนะ แต่นานๆ ทีจะต้องดีลกับคนอินเดียบ้าง เกลียดมันชิบหาย ตั้งแต่เจอมายังไม่เคยเจอดีซักคน มีแต่เหี้ยมาก เหี้ยน้อย กักฬระมาก กักฬระน้อยหน่อย ถ่อยและสถุนกว่าเจ๊กอีกเสียง เหยียดเพศนี่สุดๆ (กูผู้หญิง)
>>217 จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว แต่มันออกไปทางเป็นลูกจ้างรายวัน หยุดก็โดนหักตัง ไม่มีสวัสดิการอะไรนอกจากประกันสังคม
และสัญญามันก็มีกำหนดวันสิ้นสุดชัดเจน ถ้าถึงวันหมดสัญญาแล้วเค้าไม่ต่อมันก็ไม่น่าจะได้อะไรชดเชยนะ เพราะในนั้นไม่ได้กำหนด
ส่วนถ้าเค้าให้ออกก่อนหมดสัญญาอันนี้อาจจะพอเรียกร้องอะไรได้อยู่ แต่ก็คงไม่ได้เยอะแบบพนักงานประจำ
กูก็เกลียดคนอินเดีย ไม่เคยเจอแบบทำงานร่วมกันนะเคยแต่โดนจีบ
ตอแรกกูก็เปิดใจไม่ตัดสินใครไปก่อน แม่งตื้อหนักมาก พยายามบังคับให้กูออกไปข้างนอกกับมันให้ได้ พอกูไม่ไปก็มาตัดพ้อใส่กู แฟนกันก็ไม่ใช่ รู้จักก็ไม่รู้จัก จะเอาแต่แชทๆทุกวัน กูบอกไปว่าไม่ชอบแชทก็มาว่ากูอีก
บางคนก็ทำตัวคุกคาม จะมาขอดูนู่นี่ บอกไม่ให้ก็ยังตื้อ ไอควาย มายาทอ่ะรู้จักมั้ย แล้วทุกคนที่เจอคือเป็นปัญญาชนมีการศึกษา วิศวกรเงินเดือนดีแต่ทักษะเข้าสังคมห่วยแตก เอาแต่ตื้อ ควย
>>223 ใช่เลยมึง มันสิ้นหวังตรงที่พวกเหี้ยทุกคนที่เป็นคนอินเดียที่พวกเราเจอมันไม่ใช่พวกกุ๊ยข้างถนนไง มันคือพวกเอนจิเนียร์ พวกระดับปัญญาชนทั้งนั้น อีพวกนี้ยังเดนทรามขนาดนี้ พวกข้างถนนจะขนาดไหน เวลากูเห็นข่าวอินเดียทีไรหดหู่สงสารผู้หญิงอินเดียสัสๆ ความจริงเมืองไทยก็ไม่ได้เท่าไหร่อะนะ พวกสัตว์นรกเหี้ยเดนตายก็เยอะ แต่ยังไงก็ดีกว่าอินเดียแน่นอน ทุกวันนี้แค่ดีลงานเวลาพวกมันมาไทยบ้าง เจอกันที่HQที่ญี่ปุ่นบ้างยังพอทน ถ้าให้กูไป business trip ที่นั่นวันไหนกูคงยอมลาออกอะ
มีพาทไทม์กลางคืนช่วง 20.00-00.00 ที่ไหนให้ทำมั้ย
อยากเอาตีนยีหน้าอีติ๋วนาโป อยากเอาตีนยีหน้าอีติ๋วนาโป อยากเอาตีนยีหน้าอีติ๋วนาโป อยากเอาตีนยีหน้าอีติ๋วนาโป
>>226 ทำเอากูอคติอินเดียไปเลย ตั้งแต่ไอ้เหี้ยขอดูรูปละ กูยังไม่อยากเชื่อว่านี่คุยกับปัญญาชนอยู่ เหมือนคุยอยู่กับเด็กเห่อหมอยเพิ่งรู้จักผู้หญิงแบบพวกคุขี้เงี่ยนยังไงยังงั้น พอมาเจอไอ้ขี้ตื้อกูก็พยายามไม่ตัดสินจากเชื่อชาติ ไม่วายสันดานขี้ตื้อพอกัน
เหมือนสมองส่วนประเมิณสถานการณ์ของแม่งพังอ่ะ เหมือนมันไม่ได้เข้าใจเลยว่าการกระทำของมันโครตยัดเยียด น่ากลัว น่าอึดอัด จะเอาอะไรก็ต้องได้ บอกให้กูทำไรก็ต้องทำ ด่าแสกหน้าไปยังทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น คือบ้านมึงทำงี้กันปกติไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงต่างชาติจะยอมรับเหมืนผู้หญิงชาติมึงนะ
ตอนนี้คือใครสัญชาติอินเดียกูบายหมดอ่ะ เติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้นไม่แปลกที่มายเซ็ทจะเหมือนๆกัน อย่างมึงว่าอ่ะ ถ้าระดับปัญญาชนยังเป็นงี้พวกธรรมดากูคงรับไม่ได้อ่ะ ไหนจะเรื่องวรรณะ ตัวเหยียดเลเหี้ยเอ้ย แต่ยอมรับว่าเทคโนโลยีมึงเก่งจริง
วันนี้อยู่ดีๆ project manager line มาใน group บอกว่าเค้าต้องการรวบรวมข้อมูลว่าไตรมาสที่ผ่านมาใครทำงานอะไรไปบ้าง
คือของบริษัทกูมันจะมีบันทึกย้อนหลังหมดว่าใครทำงานอะไรในระบบแบ่งงานอยู่ แล้วเค้าก็ export ออกมาให้ดู
แล้วบอกว่าใครทำอะไรแต่ไม่ได้ใส่ หรือช่วงไหนไม่มีงานเพราะลาไปไหนก็ให้บอกเค้าด้วยภายในพรุ่งนี้เย็น
เดาว่าน่าจะทำเพื่อคัดคนที่ไม่คุ้มค่าจ้างออก ปัญหาคืองานที่กูทำหลายๆอย่าง เช่นช่วยคนอื่นเรื่องจุกๆจิกๆมันไม่ได้ใส่ในระบบ
ถ้าดูอิงจากของที่ใส่ไว้มันก็จะดูเหมือนงานกูน้อย กูก็เลยกลัวๆอยู่ว่าเค้าจะเอามาอ้างว่ากูทำงานได้น้อยแล้วหาเรื่องให้กูออกมั้ย
แต่อีกใจนึงก็อยากโดนให้ออกให้มันจบๆไปซักที ถึงเงินชดเชยน่าจะได้น้อยกับหางานใหม่ยาก แต่กูก็เบื่องานนี้มากๆจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
>>222 ถ้าสัญญาหมดแล้วไม่ได้ต่อ อดแค่ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างเท่านั้น ค่าชดเชยตามกฎหมาย ถ้าทำงานครบ 120 วันกับนายจ้างเดิม ก็มีสิทธิได้รับ กรณีสัญญาจ้างกำหนดเวลาแน่นอนที่ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายจริงๆมันแคบมาก (คือเป็นการจ้างโปรเจ็คพิเศษในงานที่ปกติกิจการของนายจ้างไม่ได้ทำ ซึ่งเดี๋ยวนี้เลือกจ้างซับกันหมดแล้ว)
ในโม่งมีคนขับ Grab ปะ ทำทั้งวันนี้เกิน 500-600 ปะ
หรือมึงหมายถึงแกร็บแท็กซี่วะ 555555
เพื่อนโม่ง ช่วยกูตัดสินใจเรื่องนี้หน่อยสิ กูหนักใจมากเลย
เมื่อประมาณเดือนเมษากูตกงาน กูก็ร่อนใบสมัครหว่านแหสัมภาษณ์งานไปหลายที่จนได้งานตอนกลางเดือนพฤษภา ปัจจุบันก็ยังทำที่นี่อยู่ การทำงานที่ปัจจุบันค่อนข้างฟรีเรื่องเวลา ไม่มีตอกบัตรเข้าออก แต่ข้อเสียคือกูโดนตามตัวได้ทุกเมื่อ เช่นวันอาทิตย์ก็บอกให้กูเข้าหน้างานหน่อย แต่กูจะมาสลับหยุดวันอื่นก็ได้ไม่มีปัญหา สวัสดิการก็ทั่วๆไปอย่างประกันสังคม การันตีโบนัสหนึ่งเดือน เพื่อนร่วมงานก็นิสัยดีเข้ากันได้ ความก้าวหน้าในอาชีพมีมั้ย...บอกเลยว่าไม่มี เพราะเป็นบริษัทเล็กๆมีพนักงานอยู่ไม่กี่คน ตำแหน่งใหญ่กว่ากูก็เจ้าของบ.แล้ว กูชอบที่นี่เพราะใกล้บ้านด้วย เงินเดือนก็ดีพอสมควร
แต่พอดีวันนี้ทางบ.นึงที่กูไปสัมภาษณ์เมื่อเดือนเมษาตอบรับกูกลับมาแล้วว่าผ่านการสัมภาษณ์งานและนัดไปเซ็นสัญญา เป็นบ.ข้ามชาติใหญ่มาก มีความเป็นระบบระเบียบสูงและไม่เอาเปรียบกัน ความก้าวหน้าในอาชีพการงานสูง มีส่งดูงานต่างประเทศ ด้วยตำแหน่งกูนี่ต้องไปต่างประเทศแน่นอน ในออฟฟิศก็มีคนจากหลายๆประเทศ แต่แน่นอนว่าความกดดันก็สูงด้วย ถ้ากูปฏิเสธอาจจะไม่มีโอกาสแบบนี้เข้ามาในชีวิตเลยก็ได้ ใจนึงกูอยากไป แต่อีกใจก็ไม่อยากทิ้งบ.ที่กำลังทำงานอยู่นี้ว่ะ กูไม่รู้จะไปเจอสังคมที่ดีเท่าที่นี่มั้ย แต่กูก็อยากก้าวหน้าในชีวิตด้วยไง ส่วนเงินเดือนได้น้อยกว่าที่แรกนิดนึงแต่ไกลบ้านกว่า แต่กูคิดว่าอยู่นานๆไปกูคงได้มากกว่าที่แรกแน่นอน
สองที่นี้ให้เงินเดือนเริ่มต้นเกือบๆเท่ากัน แต่บ.ข้ามชาติกูมองว่ากูทำไปน่าจะได้คอนเนคชั่นกับประโยชน์เยอะกว่า แต่กูก็เครียดเพราะถ้ากูรับความกดดันไม่ได้ กูต้องออกแน่ๆ ฝรั่งเขาทำงานโหดเลยใช่มะ กูกังวล
>>242 กูเพิ่ง 32 ตำแหน่งงานคือเมเนเจอร์ทั้งคู่ ต่างกันที่บ.แรกคือกูตันอยู่ตรงนี้แล้ว เงินเดือนคงขึ้นอย่างมากปีละ 1000 ข้อดีคือสบายใจใกล้บ้านไม่เครียด ชิลแบบชิบหายๆ สมมติว่ากูตรวจงานส่งรีพอร์ตเสร็จตอนบ่ายสามกูเดินกลับบ้านไปนอนดูหนังได้เลยไม่ต้องรอให้ถึงห้าโมงเลิกงาน สังคมการทำงานก็ดี ตอนเที่ยงสั่งหมูกระทะหรือปิ้งบาร์บีคิวแดกกันในออฟฟิศได้เลย แต่ข้อเสียก็คืองานแม่งไม่ค่อยเป็นเวลาและไม่เป็นระบบ แน่นอนว่าไม่มีค่าล่วงเวลา ค่ารถ หรือสวัสดิการอะไรให้นอกจากประกันสังคม เรียกหากูในวันหยุดค่อนข้างบ่อยด้วย ถึงจะสลับไปหยุดวันอื่นได้แต่ชอบมาแบบปุบปับไม่บอกล่วงหน้าอะ
ส่วนบ.สองคือบริษัทต่างชาติที่ใหญ่มากและกูยังสามารถโตในสายงานได้อีก ข้อดีคือสวัสดิการดีมาก เงินเดือนต่อให้น้อยกว่าที่แรกนิดนึง แต่กูก็คิดว่าการได้ร่วมงานกับคนต่างชาติแม่งคือประสบการณ์ที่ดีว่ะ แถมทำไปนานๆกูว่าเงินเดือนคงแซงที่แรกไปหลายเท่า ทุกอย่างเป็นระบบระเบียบ มีทุนฝึกอบรมส่งดูงานที่ต่างประเทศอะไรพวกนี้ด้วย กูชอบความชิลของที่แรกนะ แต่กูก็อยากก้าวหน้าและเติบโตได้มากกว่านี้ แค่กลัวจะรับความกดดันไม่ไหวน่ะสิ
เวลาเห็นคนอายุ 30 ต้นๆ เป็นผู้จัดการแล้วบางทีก็สมเพชตัวเองนะ กูยังเป็นสตาฟต๊อกต๋อยอยู่เลย แต่ก็ติดในความสบาย รายได้ทุกวันนี้ก็พอใช้ (ฐานภาษี 20) ทำงานไปตามหน้าที่ ความกดดันไม่สูง หลังเลิกงานคือเลิกเลย 100% ไม่มีใครมารบกวนเรื่องงานนอกเวลางาน ไม่ต้องคิดต้องเครียดเรื่องงาน ติดอย่างเดียวคือมันจะอายๆ หน่อยเวลาเจอคนอายุรุ่นเดียวกันหรือเด็กกว่าเขาเป็นเมเนเจอร์กันหมดแล้ว แต่ถ้าไม่คิดมากก็เรียกได้ว่าโคตรสบาย อีกอย่างกูก็โสดไม่ได้มีภาระอะไรด้วยมั้งเลยขี้เกียจทะเยอทะยาน
ปรึกษาหน่อยตอนนี้อายุ 22 จะซื้อรถมอเตอร์ไซค์คันแรก คราวนี้มีเงินพอซื้อจะมือ 2 ถ้าซื้อมือ 2 ควรเช็คอะไรบ้างและสภาพการใช้งานจะต่างจากมือ 1 มากไหม หรือควรรอเก็บเงินซื้อมือ 1 ไปเลยดีกว่า
>>246 เอาเงินสดที่เก็บไว้ซื้อมือสองไปวางดาวน์มือหนึ่ง ส่วนต่างที่เหลือผ่อนเอาไม่ดีกว่าหรองั้น แต่ถ้าไม่ชอบเป็นหนี้ ขี้เกียจคอยผ่อน มือสองเท่าที่กูเคยซื้อมาก็ดูไม่กี่อย่างอ่ะ(ไม่เชี่ยวชาญ) ขอดูเล่ม ต่อทะเบียนต่อ พรบ.แล้วหรือเปล่า มอไซค์ยังอะไหล่เดิมๆ หรือแต่งอะไรไปบ้าง บางคนดูเลขไมล์ว่าวิ่งน้อยวิ่งเยอะแต่กูไม่ค่อยเก็ตตรงนี้ สำหรับกูถ้าใช้วิ่งมาเยอะแต่มันไม่ได้มีปัญหาอะไรกูว่าโอเคกว่าแบบปล่อยทิ้งไว้ไม่ดูแล / บางเจ้าทำเอกสารโอนลอยไว้ให้ คือมึงเอาไปโอนชื่อเจ้าของรถที่ขนส่งได้ไม่ยาก ถ้าเป็นร้านที่เขารับมือสองมาขายต่ออีกทีส่วนใหญ่เขาจะเช็คสภาพ ทำความสะอาด ช่วยดำเนินเรื่องเอกสารให้ หรือบางร้านเห็นขนาดว่ามีบริการส่งด้วย ก็น่าจะสบายไปเยอะ
ขอไร้สาระหน่อย มีไอเดียพกบัตรอะไรที่ดีกว่าคล้องคอมั้ย ปกติชอบใส่เดรสไปทำงาน ไม่มีปก ไม่มีกระเป๋า คล้องคอแล้วรำคาญ แต่ถ้าไม่คล้องก็ไม่รู้จะพกยังไงดีให้ติดตัวตลอดเวลา เพราะที่บ.จะเข้าออกประตู ใช้ลิฟต์ เข้าห้องน้ำ ปรินท์งาน ต้องแตะบัตรตลอด
ยัดร่องนม
>>250 นึกไม่ออกเลยว่าจะใส่ในแขนเสื้อยังไงไม่ให้มันตกอะ 555 แต่ก็ทำให้คิดต่อยอดได้ว่าใช้กระเป๋ารัดแขนแบบคนออกกำลังกายก็น่าจะเวิร์คอยู่ แต่ต้องมีคนที่ทำงานเห็นแล้วขำแน่เลยว่าทำอะไรของแกเนี่ย 555 ยังไงก็ขอบใจมากนะ
ปัญหาของเราคือคล้องคอแล้วสายมันบาดคออะ ลองมาหลายแบบทั้งหนัง เชือกถัก ผ้า ก็รู้สึกว่ามันระคายเคืองที่คออยู่ดี
ใครเป็นโปรแกรมเมอร์ขอคำแนะนำหน่อย
คือตอนนี้จะเรียนเขียนโปรแกรม เรียนฟรีบนเว็บเนี่ยแหละ ทีนี้เพื่อนชอบบอกว่าเรียนทำไม ให้ไปทำโปรเจคจริงไปเลยเรียนไปก็ไม่ได้อะไร กูอยากรู้ว่ามันจริงป่าววะ คือจะลองทำโปรเจคนะแต่มันก็ว่างเปล่าอ่ะ ไม่รู้จะเริ่มอะไร เขียนอะไร ลอจิคยังไง เหมือนไม่มีอะไรในหัวเลย แต่พอไปเทคคอร์ส เพื่อนก็บอกว่าวิธีนี้ไม่มีประโยชน์อีก ต้องทำโปรเจคจริงแล้วค่อยไปหาว่าทำยังไง คือกูก็สับสน ไม่รู้ว่ามันต้องทำไง
>>254 วิธีเรียนรู้มันมีหลายวิธีอ่ะ วิธีแบบที่เพื่อนมึงบอกก็ใช้ได้แต่มึงต้องชอบทำชอบเขียนจริงๆนะ เพราะมึงจะขยันศึกษาหาวิธีแก้ปัญหาเอามาทำโปรเจคให้ได้ แต่ถ้ามึงไม่ได้ชอบขนาดนั้น แค่สนใจอยากเรียนอยากรู้ หรือไม่มีไอเดียว่าจะเริ่มยังไง ไปเทคคอร์สก่อนก็ได้ให้คนเขาชี้แนวให้แบบนี้จะดีกว่า
มีใครทำกราฟิกปะมันควรจะเงินเดือนเท่าไหร่
>>254 เห็นด้วยกับคำตอบที่ว่าเรียนได้หลายวิธี แต่ละคนก็ชอบก็ถนัดไม่เหมือนกันด้วย ตอนนี้กูก็ฝึกอยู่เหมือนกัน กูซื้อคอร์สจาก udemy ดูไปลองโค้ดตามบทเรียนไปประมาณสิบคลิปจะเริ่มเบื่อ แต่พอจะเก็ทอะไรบางอย่างมาบ้าง กูก็จะเปลี่ยนมาเป็นตั้งโจทย์ให้ตัวเอง ทำอะไรคล้ายๆ กับที่คอร์สมันสอน แต่คราวนี้ไม่ได้พิมพ์ตามแล้ว ละพอติดปัญหาก็ย้อนกลับไปเปิดคลิป หรือไม่ก็เซิร์จหาเอา(เพราะจำไม่ได้ว่าคลิปมันพูดถึงเรื่องนี้ตรงช่วงไหน) ทำไปซักพักจะเริ่มตัน พอเจอว่าแค่นี้มันยังทำแบบที่ต้องการไม่ได้ ก็กลับไปดูวิดีโอในคอร์สต่อ สลับกันไปมาแบบนี้อ่ะ
จะไปสัมภาษณ์งานที่ที่100ของปีนี้ พรุ่งนี้ตอนบ่ายโมงครึ่งทุกคนอย่าลืมชูแขนขึ้นฟ้าส่งพลังให้กูได้งานด้วยนะ
เพิ่งได้งานเมื่อต้นเดือน แต่อยากลาออกแล้วว่ะ เพราะที่ทำงานเดินทางไม่สะดวกมากๆ ตอนสัมภาษณ์คุยกันไว้ว่าให้กูไปประจำที่ออฟฟิศแถวๆทองหล่อ แต่เอาเข้าจริงๆส่งกูไปแถบๆแพรกษาเลย แล้วลง bts ต้องต่อมอไซเข้าซอยลึกมากๆๆๆๆๆๆๆ สองข้างทางเป็นป่าหญ้าสูงท่วมหัว ทีนี้กูเลิกงานกลับบ้านก็สองทุ่มละ ออกมาไม่มีคนเดินให้เห็น ไม่มีบ้านคนเลย ต้องเดินฝ่าป่าหญ้าไปราวๆห้านาทีถึงจะเจอหมู่บ้านคน มอไซก็ไม่มีวิ่งผ่าน แล้วสภาพแวดล้อมการทำงานก็ไม่โอเคซักอย่าง โต๊ะทำงานก็ไม่มีให้กู ต้องหอบโน้ตบุ๊คของตัวเองไปนั่งทำงานห้องประชุมมั่ง หรือโต๊ะว่างๆของคนอื่นที่วันนี้ไม่เข้ามาออฟฟิศมั่ง ของกินหรืออะไรก็ไม่มี แถมห้องน้ำก็อัตคัตโคตร เป็นห้องน้ำรวมชายหญิงอะ เหม็นบุหรี่กับเหม็นคาวมากๆจนกูอยากอ้วก กูอยากลาออกแต่ยังไม่มีงานใหม่รองรับ แถมยังไม่มีบ.ไหนติดต่อมาสัมภาษณ์อีกเลยซักที่ แถมกูอยู่มาจะครึ่งเดือนแล้วยังไม่เอ่ยเรื่องเอกสารทำประกันสังคมให้กูเลยว่ะ แต่จะให้กูอยู่กับสภาพแวดล้อมเน่าๆแบบนี้กูก็ไม่ไหวเหมือนกันล่ะ
>>268 ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืน เรื่องประกันสังคมลองทวงก่อนดูอีกรอบดีไหม
แต่ที่เหี้ยนี่คือให้สูบบุหรี่ในห้องน้ำนี่แหละ ปกติเขาไม่ให้สูบไม่ใช่เหรอวะ ที่เก่ากูถ้ามีคนแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำนี่คือโดนนินทาแบบอยู่แทบไม่ได้อ่ะเพราะหัวหน้าเป็นผู้ชายที่สูบบุหรี่อยู่คนเดียวจากทั้งแผนก ถ้าได้กลิ่นบุหรี่ในห้องน้ำของแผนกนั้นก็รู้ตัวคนร้าย ส่วนแผนกอื่นมันชิลกว่าเสี้ยนตอนไหนก็สูบได้เลยขอแค่ทำงานได้ครบตามออเดอร์ก็พอ
ถามงานญป.หน่อยจิ เห็นบนๆ เคยคุยกัน ลังเลว่าจะทำงานแอดมินที่โรงงานตจว.หรืองานเซลล์โคที่กรุงเทพดีอะ งานโรงงานเค้าก็ดูอยากสอนงานเรา งานเซลโคเค้าก็บอก.เพิ่งตั้งมีโอกาสก้าวหน้าเร็ว เงินเดือนพอกันเพิ่งจบใหม่ไม่เคยทำงานเลย อันไหนจะเป็นใบเบิกทางดีกว่ากันอะ ขอคำปรึกษาหน่อย
ออกจากงานประจำมาสี่ปี ทำฟรีแล้นก๊อกแก๊ก เงินพอกินแต่ไม่พอเก็บ เพราะร่อยหลอลงทุกวัน
อยู่ๆ พี่ที่ทำงานเก่าไปเปิดบริษัทใหม่ แกมาชวนให้ไปทำ และเป็นสายงานเดิมของถนัดกูที่ห่างหายไปพอสมควร
เค้าบอกมึงโตแล้ว ไม่ให้ทำงานแบบเด็กๆแล้วนะ ต้องมาบริหารคน วางแผนงานแล้ว
เชี้ย แผลเก่ากูเลย ตอนทำบอเก่า กูเละเทะมากเรื่องจัดการคน เพราะลูกน้องมีแต่คนโตกว่า กูสั่งอะไรใครไม่ได้เลย ไม่มีบารมี
ปัจจุบันกูรักความอิสระแต่ไม่มีแดก กูรักช่วงเวลาที่กูว่างไปเดินนู่นนี่ ในขณะที่คนอื่นต้องทำงานอยู่ออฟฟิศ
แต่กูไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว มีเมียต้องเลี้ยงมีบ้านต้องผ่อนมีหมอนต้องกอด
เมียกูบอกว่า กูมีศักยภาพมากกว่านั้น ทำไมถึงยังทำงานที่เด็กจบใหม่ ก็ทำได้ (หมายถึงงานฟรีแล้น) นี่เค้าก็ยอมให้กูอินดี้มาตั้งหลายปีแล้ว
กูควรกลับไปทำงานประจำใช่ไหมวะเพื่อนโม่ง
ทำงานแล้วท้อมาก เพราะกุอายุน้อยสุดมนบอคนเลยไม่ค่อยเห็นหัวเหรอ
>>277 กูรู้ตัวเองว่าชอบการทำงานแบบฟรีแลนซ์มากกว่า ที่เคยทำมาช่วงนึงก็คิดว่าพอไปได้ แต่พอคิดว่าอยากมั่นคงขึ้น อยากปลดหนี้บัตร ซื้อบ้าน ก็ฝืนทำประจำมาได้หลายปีแล้ว (เงินเดือนตอนนี้พอผ่อนคอนโดได้ แต่อยากได้บ้าน) ทุกวันนี้ก็อยากออกจากงานประจำอยู่ ชอบเนื้องาน(สายเดียวกับที่ทำฟรีแลนซ์นั่นแหละ)แต่ไม่ชอบวิถีชีวิตเข้าออกออฟฟิศเป็นเวลา ภาระการเงินมันค้ำคอให้ต้องเข้าออฟฟิศอยุ่ทุกวัน ช่วงวิกฤติแบบนี้ยิ่งรู้สึกว่าต้องเกาะงานประจำแน่นเลย ที่รู้สึกได้แน่ๆ ชัดๆ เลยคือแฟนรู้สึกขอบคุณมากที่กูยังมีเงินเดือนช่วงพยุงช่วงที่เขาลำบากอยู่ตอนนี้
สถานการณ์แบบมึง กูว่าไปทำงานกับพี่เขาเถอะ ถ้ามันไม่ถูกจริตจริงๆ จะกลับมาเป็นฟรีแลนซ์ก็ยังได้ แต่อยากให้ลองก่อน อย่าเพิ่งปิดโอกาส อย่างน้อยๆ ก็ทำให้แฟนรุ้สึกว่ามึงเองก็อยากก้าวหน้านะ ให้เขาวางใจในตัวมึงได้ กูเชียร์ให้มึงอดทนทำงานประจำด้วยกัน ทั้งๆ ที่ใจกูก้อยากออกไปเป็นฟรีแลนซ์นี่แหละ
>>278 บางทีก็ไม่เกี่ยวกับอายุแต่เกี่ยวกับการวางตัว ต้องมั่นๆ มีความเป็นผู้นำ
กูหัวอ่อน ฟังมากกว่าพูด เป็นฝ่ายคล้อยตามคนอื่น ถึงจะแก้แล้วแต่ก็ไม่มีใครเห็นหัวเหมือนกัน 555(มีน้ำตาซ่อน)
ทำงานข้าราชการ+เล่นหุ้น vs ทำงานต่างประเทศ vs เล่นหุ้น พอเกษียณแล้วอันไหนมีกินมีใช้มากกว่ากันวะ?
>>283 เซลล์โคโอกาสก้าวหน้าเยอะ หางานใหม่ง่าย รับสมัครกันให้พรึ่บ ถ้ามีประสบการณ์เยอะๆ เก่งๆ อีกหน่อยเงินเดือนสูงลิ่ว แต่เครียด เพราะเป็นงานที่ต้องรองรับลูกค้าและอยู่ตรงกลางระหว่างลูกค้ากับโรงงาน โดนทุกทาง อะไรก็กู มี issue เข้ามามิได้ว่างเว้น ส่วนงานธุรการแนวจุกจิกหยุมหยิม เงินเดือนตัน แต่น่าจะไม่เครียดเท่าเซลส์นะคิดว่า
เจ้านายชอบให้งานกูเยอะมาก เป็นงานที่ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งจริงๆของกูเลยซักอย่าง เหมือนไม่อยากทำไรก็เอามาโยนให้กูทำหมดแล้วทำเหมือนกับว่ามันเป็นหน้าที่กูซะงั้น
คือให้ทำก็ไม่ได้มีปัญหาไรหรอก แต่เค้าทำเฟมืนกับกว่าพวกขี้ๆที่กูตามเก็บกวาดให้เนี่ยไม่มีคุณค่า ทำเหมือนว่ากูว่าง เหมือนกูไม่ได้ทำงานเพราะงานแม่งยิบย่อยจิปาถะมากๆจนเค้าจับใจความไม่ได้ว่ากูทำไรอยู่บ้าง กูทำตั้งแต่งานธุรการ ติดต่อประสานงาน เซล ทำโปรดักซ์ มาร์เก็ตติ้ง คือทำทุกอย่างจริงๆอ่ะ แต่ไม่มีใครมองเห็นคุณค่าเลย เค้าก็ยังไม่เห็นภาพว่ากูทำงาน เหมือนอยากได้ไรต้องได้เลย กูต้องทำเสร็จไปแล้วทั้งๆที่กูต้องมาหัวปั่นอยู่กับอะไรที่เค้าทิ้งไว้เนี่ย กูต้องเก่งขนาดไหนที่จะทำทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์โดยที่เค้าไม่ได้สั่งวะ
แถมไม่ใช่หน้าที่กูด้วยนะแต่ตอนนี้ต้องนำทุกอย่างแล้ว ต้องคิดครอบคลุมทุกอย่างอ่ะ แต่กุเป็นพนักงานธรรมดาไง ถ้าจะให้คิดเองทำเองทุกออย่าง เตรียมงานเสร็จทุกอย่าง ทำทุกหน้าที่ ถ้าทำได้ขนาดนี้กูก็เป็นผู้บริหารไปแล้วป่ะ แล้วทำงานยันดึกต้องตื่นแต่เช้า เกินเวลาทำงานแต่โดนมองเหมือนไม่ทำงาน ไม่มีผลงาน ก็จับฉ่ายขนาดนี้จะให้กูมีผลงานอะไรอ่ะ กูเหนื่อย กูเริ่มหมดไฟแล้ว
ฟรีแลนซ์คุยในนี้ได้มั้ยนะ กูเป็นฟรีแลนซ์มาตลอดจนอายุสามสิบ เวลาเห็นเพื่อนที่ทำงานบริษัทก้าวหน้าไปเรื่อยๆกูก็อดคิดไม่ได้ว่า เอ๊ะ หรือกูเลือกทางผิดวะ แต่พอคิดจะหางานบริษัทก็รู้สึกว่าชอบงานที่ทำอยู่ตอนนี้อยู่แล้ว กูควรไปตามทางของตัวเองต่อไปใช่มั้ย
>>292 พนง.ออฟฟิศมักจะอิจฉาฟรีแลนซ์ ฟรีแลนซ์ก็มีส่วนที่อิจฉาพนง.ออฟฟิศไง เพราะต่างฝ่ายต่างมองแต่ส่วนดีๆของงานที่ตัวเองไม่ได้ทำ กูเป็นฟรีแลนซ์เห็นเพื่อนกูมีลูกน้องคอยเรียกบอสๆ กูก็คิดนะว่าทำไมเพื่อนกูยิ่งใหญ่ดีจังวะ แต่ถ้าถามว่าอยากออกไปจากตรงนี้มั้ยก็ไม่อ่ะ กูแฮปปี้กับการเป็นฟรีแลนซ์ที่สุดแล้ว ถึงบางทีจะอิจฉาเวลาพวกพนง.บริษัทได้โบนัสกันก็เถอะ
โม่งเงียบ ไปเที่ยวกันเหรอวะ
เดือนนี้งานกูเผามากอ่ากกก แต่ใช้เวลา 4 เดือนแรกในการสร้างความเชื่อใจให้เขาไปแล้ว เขาเลยไม่เช็คงานกูเลย เย้ส
วันหยุดยาวผ่านไปไวเหมือนโกหก
คนที่ทำงานกูแม่งเป็นเหี้ยไร พอรู้ว่าทำได้ แม่งจิกหัวใช้กันจัง ขนาดสอนแล้วแม่งก็ยังไม่ทำเอง พอกูบอกไม่ว่างยังมาทำตาเขียวใส่อีก สัส เดี๋ยวแม่ชกให้ตาเขียวซะจริงๆเลย
กูเป็นหัวหน้างานแต่มีลูกน้องทำงานห่วยๆทำงานลวกๆจนงานเสียหายแล้วกูก็ต้องออกหน้ารับผิดแทนมันกับแก้ไขปัญหาให้แม่งตลอด งานตัวเองก็จะทำไม่ทันอยู่แล้ว
ตอนนี้เซ็งจนไม่อยากมาทำงานเลยว่ะ ไม่อยากเห็นหน้าแม่ง เห็นแล้วหงุดหงิด
กูกำลังจะได้เข้าไปทำงานประจำ หลังจากอยู่ทำฟรีแล้นมาพักใหญ่
ก่อนเริ่มงานเค้ามีปาร์ตี้กันหว่ะ ก็ดีได้ไปรู้จักเพื่อนร่วมงานก่อน แต่ไม่ถึงขั้นรู้ว่าใครทำอะไร ใครจะได้ทำกับเราหรอกนะ
แค่คืนแรกก็ทำให้กูนึกถึงเรื่องในอดีตสมัยทำงานประจำ การได้ทำงานร่วมกับคนอื่น ปาร์ตี้สังสรรค์
และอีกเรื่องหนึ่งคือ เพื่อนร่วมออฟฟิศที่เป็นผญ ห่าเอ๊ย เจอคนนึงแล้ว น่ารักดี ไม่รู้มีผัวยัง
รู้จักกันวันแรกก็เห็นตอนเมาเลย ละลายพฤติกรรมกันไวมาก
ต้องขึ้นศาลแรงงานกับนายจ้างเรื่องเลิกจ้างไม่เป็นธรรมว่ะ แต่ถ้าขึ้นศาลแรงงานแบบนี้มันจะเป็นประวัติติดตัวกูป่ะวะ แอบกังวลนิดนึง
กูไปสัมภาษณ์มา สงสัยนิดหนึ่งว่ะ สมัยนี้ requirement สลิปเงินเดือนเป็นเรื่องปกติใช่ไหมวะ
ขอ how to ปฏิเสธไม่ไป outing หน่อย
กุไม่เข้าใจเรื่องลาป่วยเลยว่ะ บางที่พนักงานป่วยแค่วัน2วัน มึงต้องให้เขาดั้นด้นไปเอาใบรับรองแพทย์มาลาเลยหรอวะ เปลืองตังเปลืองเวลาไปหาหมอชิบหาย
>>311 ถ้ากูหัวหน้ามึงในบริษัทกูก็ต้องไปให้ขอ
เพราะมันคือการยืนยันว่ามึงไม่สามารถมาทำงานได้จริงๆ ไม่ใช่แค่อยากจะอู้งาน ซึ่งไอ้การที่มึงขาดงานเนี่ย หมายถึงแผนงานที่กูวางเอาไว้มันรวน ทำให้กูต้องมาลำบากจัดสรรตารางใหม่ ...ฟังดูเหมือนงานง่ายนะ แต่เอาจริงๆ กูต้องคิดหลายตลบและติดต่อหลายคนเพื่อให้มาทำงานแทนมึงที่หายไปนี่ล่ะ
เจ้านายไม่ประสาทแดกคือลาภอันประเสริฐ
ถ้าให้เลือกระหว่าง บริษัทที่อยากได้เรา กับ บริษัทที่เราอยากได้
ในสายงานเดียวกัน ตำแหน่งเดียวกัน (ไอที) จะเลือกอะไรกัน
ปรึกษาเรื่องเลิกจ้างไม่เป็นธรรมหน่อย เมื่อเดือนที่แล้วกูเพิ่งได้งาน ตกลงไปทำงานวันที่ 15 ก.ค. แต่พอผ่านไปจนถึงวันที่ 18 ก.ค. กูทักไปหาเจ้านายในไลน์เพื่อจะคุยแผนงานวันจันทร์ที่ต้องทำ เจ้านายกลับมาบอกกูว่าบริษัทพี่คงไม่เหมาะสมกับน้อง ของพี่มันบริษัทเล็กๆ ส่วนน้องคงเหมาะกับบริษัทใหญ่ที่การทำงานเป็นระบบมากกว่า กูก็งงสิ วันศุกร์ยังดีๆอยู่เลย กูก็ส่งงานอัพเดทให้ตามปกติ มาโดนบอกเลิกจ้างซะงั้น
แล้วกูก็เลยโทรไปถามเขา คุยไปคุยมาเขาก็บอกน้องมีท่าทีเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ พี่ก็ต้องเอาคนที่อยู่กับพี่มานานกว่าไว้ กูก็งงสิว่าเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้คือไร กูเพิ่งไปเริ่มงานได้ 2-3 วันเองนะ ยังจำชื่อกับหน้าตาคนในออฟฟิศได้ไม่หมดด้วยซ้ำ แล้วเขาก็บอกว่ากูก่อปัญหาให้ทุกคนที่ร่วมงานด้วย ถึงจะเป็นปัญหาเล็กๆแต่ถ้าปล่อยไว้มันคงเกิดความเสียหายเยอะขึ้นในการทำงาน เพื่อตัดไฟแต่ต้นลมเลยให้กูออกจะดีกว่า แต่จะจ่ายเงินที่มาทำงานให้สามวันละกัน คราวนี้กูเลยสวนว่าไม่ใช่นะ พี่ต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้ามาด้วยหนึ่งเดือน เพราะที่ผมตกลงทำงานกับบริษัทพี่ ผมก็เสียโอกาสในการสัมภาษณ์กับที่อื่นด้วย เขาก็บอกว่าจะไม่จ่ายค่าล่วงหน้า อยากได้ให้ไปฟ้องเอา แล้วก็ให้ทนายมาขู่กูอย่างงั้นอย่างงี้ว่าคิดดีแล้วเหรอจะฟ้องนายจ้าง น้องจะหมดอนาคตในสายนี้เอานะ ไม่รู้รึไงข้อมูลของ hr เขาถึงกันหมด น้องทำแบบนี้คิดเหรอว่าจะมีคนอยากรับเข้าทำงาน สายงานกูมันก็ค่อนข้างเฉพาะทางนิดๆล่ะนะ เหมือนจะขู่ไม่ให้กูไปฟ้องหรือไปกรมแรงงาน
จากสถานการณ์ข้างบน กูจะทำอะไรได้บ้าง เพราะกูเตรียมเอกสารหมดแล้วอย่างเช่นพวกรีพอร์ตที่กูทำส่งในแต่ละวัน หรือพวกเอกสารในการสั่งงาน ตอนนี้กำลังรอเงินเดือนเข้าในวันพรุ่งนี้ ถ้าไม่เข้ากูก็เตรียมไปกรมแรงงาน และกูก็สงสัยว่าถ้านายจ้างมันไม่ยอมจ่ายแต่เอาไปฟ้องว่ากูละเลยหรือละทิ้งหน้าที่จะทำยังไง ถ้าต้องขึ้นศาลกูไม่มีเงินจ้างทนายซะด้วยสิ
กลัวจบมาไม่มีงานทำจัง มีแต่ข่าวบริษัทถอนฐานการผลิตจากไทย/lay off พนักงาน ทำไมกุต้องมาเกิดยุคนี้ด้วยวะไอ้เหี้ย
>>321 ที่กูกังวลก็คือ ทางนั้นร่ายความผิดกูมายาวมากๆจนกูงงว่าในสามวันที่กูไปทำงานมันมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นขนาดนั้นเชียวเหรอ บางเรื่องแม่งขี้ประติ๋วมากในความคิดกูก็เอามาเป็นประเด็นได้อะ
ตัวอย่างความปสด.ก็เช่น หยิบของเพื่อนร่วมงานโดยไม่ขออนุญาตเจ้าตัวก่อน คือกูหยิบแม็กบนโต๊ะทำงานของเพื่อนร่วมงานคนนึงใกล้ๆมือกูมาเย็บเอกสาร ใช้เสร็จกูก็คืนที่นะ แต่เจ้าของโต๊ะกลับมาพอดี กูเลยบอกเขาไปว่าผมหยิบแม็กที่โต๊ะพี่มาใช้นะครับ ใช้เสร็จก็วางคืนให้แล้วครับ เขาก็พยักหน้านิ่งๆว่ารับรู้ แต่กลายเป็นประเด็นซะงั้น หรือไปหน้างานแล้วปากกาที่กูเตรียมไปไม่ติดเลยขอยืมพี่ที่ไปด้วยกันมาจดหน่อย เสร็จแล้วก็คืนให้ กลายเป็นว่ากูไม่มีความรับผิดชอบ แค่ปากกาก็ไม่รู้จักเตรียมพร้อม แล้วอีกเยอะที่ทำให้กูงงว่ากูทำผิดขนาดนั้นเลยเหรอ กูเฟลมากๆเลย
>>324 กูยังไม่รู้เลยว่ากูไปทำอะไรให้มันไม่ชอบวะ กูคนมาใหม่ก็เจียมตัวสงบปากคำตามประสาอะนะ เพื่อนร่วมงานกูก็ยังจำชื่อได้ไม่ครบเลย แต่กูก็ไปลามาไหว้ตลอดนะ เช้ามาก็ยกมือไหว้ทุกคน กลับก็บอกผมกลับแล้วนะครับพี่ แล้วก็ยกมือไหว้ก่อนกลับด้วย เขากินข้าวไหนกูก็ตามเขาไป ไม่รู้เรื่องก็นั่งฟังไม่ได้เสนอความเห็นเก็บข้อมูลไปก่อนว่าใครเป็นใครมั่ง แล้วก็พูดเรื่องตัวเองนิดหน่อยตอนที่เขาถามว่าเคยทำงานที่ไหน กูก็บอกว่าเคยทำงานที่....มาก่อนครับ เขาก็ถามว่าบ.ใหญ่ขนาดนั้นทำไมถึงลาออกมาล่ะ กูก็แถๆไปบอกว่าที่นี่ใกล้บ้านผมมากกว่าครับ ที่นั่นต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อไปเข้างานให้ทัน เหล่าเพื่อนร่วมงานกูก็บอกที่นี่อยู่กันเหมือนพี่เหมือนน้อง คงไม่จุกจิกขั้นตอนเยอะเหมือนบ.ใหญ่ที่เอ็งเคยผ่านมาหรอกนะ แล้วก็พูดจาออกแนวบ.ใหญ่ไม่ดีอย่างงั้นอย่างงี้ กูก็ครับๆๆ แล้ววันที่ 18 ก็เป็นเรื่องเลยไง ในเหตุผลให้ออกแม่งมีเหตุผลว่ากูไม่เหมาะกับบ.เล็กๆอย่างบ.เขา ควรไปหางานบ.ใหญ่ทำดีกว่า ซึ่งกูไม่ได้พูดจาไม่ดีเกี่ยวกับบ.นี้เลยจริงๆ ใครจะเม้าอะไรกูก็ครับๆอย่างเดียว ไหงมันมาเป็นสาเหตุให้กูต้องออกได้ กูก็ไม่เข้าใจ
แล้วกูก็มาคิดน่าจะมีการใส่ไฟหรือเลื่อยขาเก้าอี้กูป่ะวะ เพราะกูเข้ามาในตำแหน่งที่สูงกว่าเพื่อนร่วมงานคนเก่าๆที่อยู่มานานแล้วขั้นนึง ไม่ได้เป็นตำแหน่งใหญ่โตหรอก กูสมัครมาในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการน่ะ อยู่ได้สามวันยังไม่รู้การเมืองในออฟฟิศหรืออะไรเลย กูต้องระเห็จออกไปซะละ สัสเด้ย
ที่กูกังวลคือแม่งขู่ว่าจะฟ้องกูเรื่องความผิดพลาดเสียหายที่กูทำไว้ ทำให้บ.ต้องเสียเวลา เสียเงินทองโดยใช่เหตุที่ต้องมาตามแก้งานให้คุณ กูก็งงว่ากูไปทำอะไรไว้วะถึงเสียหายร้ายแรงขนาดนั้น เพราะที่กูจำได้ ไอ้งานสามวันที่ทำมามีแต่ไปตรวจหน้างานแล้วส่งรีพอร์ตถึงเจ้าของบ.โดยตรง วันแรกเขาก็โอเคบอกว่าทำงานเรียบร้อยดี แล้วอีกสองวันหลังนี่เงียบเลย กูก็นึกว่าโอเคแล้วอะดิ
เคยคิดจากเหตุผลไหมว่าทำไมถึงโดนไล่แบบไม่สนไม่แคร์ รากเหง้าของปัญหาคือสายที่นายจบมามันไม่เฉพาะทางรึเปล่าวะ?
ไปลองสอบ jlpt ดูไหม จากนั้นก็เริ่มเพิ่มทักษะไปเรื่อยๆ ถ้านายเก่งจริงจนข้ามเลเวลคนไทยไปได้ ชาตินี้ไม่น่าตกงาน นอกจากนี้เราคิดใบcertified ที่มีประโยชนและใช้ทุนน้อยกว่านี้ไม่ออก
>>326 คิดสิ ตอนแรกกูคิดหัวแทบแตกว่ากูทำอะไรผิด กูไม่ดีตรงไหน กูทำอะไรพลาดไปรึเปล่า กูไปขัดขาใครมั้ย หรือกูแสดงทักษะในอาชีพไม่ดีพอ คิดจนนอนไม่หลับอะมึง แต่สายอาชีพกูเฉพาะทางมั้ย....เอาเป็นว่ากูเซ็นแบบก่อสร้างได้ก็แล้วกัน ส่วนภาษาญี่ปุ่นที่มึงเสนอให้กูไปสอบคือกูไม่รู้เรื่องและไม่เคยเรียนว่ะ ถ้าจะเรียนกูต้องใช้เวลาอย่างต่ำกี่ปีถึงจะอ่านออกเขียนได้และพูดได้แบบภาษาอังกฤษ ถ้ากูเริ่มตอนอายุ 36 นี่จะสายไปมั้ย
ฟ้องเลยเมิง เก็บหลักฐานแชทดีๆ อันไหนอัดเสียงได้ก็อัดไปให้ทนายฟัง
กูว่าคนในคนไม่ชอบขี้หน้าเฉยๆอ่ะ เลยบีบออก หาใหม่ที่ถูกกว่า
>>329 รู้ครับว่ามีทาง เคยไปสมัครแล้วด้วย แต่เขาไม่รับไงครับ พวกบ.ญี่ปุ่นสายก่อสร้างเยอะแยะที่คุณบอกน่ะ เอาเจ้าใหญ่ๆที่เอ่ยชื่อไปก็รู้จักก็ไปมาหมดแล้วครับ บางที่ไม่แม้แต่จะเปิดใบสมัครผมด้วยครับ ส่วนภาษาญี่ปุ่นนี่คุณพูดเหมือนทุกคนในประเทศต้องเคยเรียน คือผมไม่ได้เรียนภาษาญี่ปุ่น(โว้ย) จะมาแนะนำให้ไปสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นทำมะเขืออะไรครับ ถ้าแนะให้ไปสอบ cer ด้านภาษาอังกฤษก็ว่าไปอย่างนะครับ พอคิดจะไปเรียนภาษาญี่ปุ่นจนอ่านออกเขียนได้คืออย่างต่ำต้องสามสี่ปีขึ้นไป ถึงเวลานั้นผมอาจจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแล้วก็ได้ครับ
สอบieltsมาได้8.0 ไปสมัครบ.ไรดี ตอนนี้เบื่องานโปรแกรมเมอร์ละเพื่อน อยากทำไรชิวๆมีแนะนำป่ะ
เรียนภาษาญี่ปุ่นช่วงนี้จะดีหรอวะ กูว่าประเทศญี่ปุ่นมันขาลงมานานแล้ว ไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ไหนจะค่านิยมการทำงานเหี้ยๆอีก
>>326 อ่านแล้วน่ารำคาญแปลกๆ ทุกคนในประเทศใช่ว่าจะเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นหรือจำเป็นต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นซักหน่อย แต่มึงเสือกแนะนำให้มันไปสอบวัดระดับญี่ปุ่นเนี่ยนะ เอาไรมาคิดว่าภาษาญี่ปุ่นคือบรรทัดฐานที่ทุกคนต้องเรียน มีแต่พวกคุที่เทิดทูนชาบูอูราญี่ปุ่นเท่านั้นล่ะมั้งที่มีความคิดแบบนี้
แล้วใครว่าใช้ทุนน้อยวะ เรียนภาษามันก็ต้องหาที่เรียน แล้วหาคนญี่ปุ่นคุยด้วย ไม่งั้นเรียนมามันก็แค่ท่องตำราเฉยๆแต่ปฏิบัติจริงไม่ได้ ทุกอย่างมีค่าใช้จ่ายและต้องใช้เวลานานกว่าจะไปถึงจุดนั้น ซึ่งภาระหน้าที่และเวลาของทุกคนก็ต่างกัน จะให้มาโหมเรียนวันละสี่ถึงแปดชั่วโมงมันเป็นไปได้ซะที่ไหน มึงจะมาบอกใช้ทุนน้อยนี่โคตรตอแหล
กู >>325 นะ กูไปยื่นคำร้องกับกรมแรงงานละ เขาบอกว่าจะติดต่อนายจ้างมาสอบถามข้อเท็จจริงต่อไป ส่วนฝั่งนายจ้างก็ยังโทรหากูไม่เลิก ด่ากูสารพัดว่าทำเหี้ยไว้ขนาดนั้นยังไม่ละอายใจแล้วยังคิดจะเอาเงินจากเขาอีกเหรอ จะหน้าด้านไปถึงไหน พ่อแม่ไม่สั่งสอน กูเลยบอกทีแรกก็ละอายใจกับทุกข์ใจแต่ตอนนี้ไม่แล้ว กูจะเอาสิทธิตามกฎหมายของกู ถึงกูเหี้ยจริงแต่ก็ต้องไล่กูออกตามกฎหมายสิวะ แม่งก็ด่ากูมาอีกว่าท้าทายแบบนี้พอตอนขึ้นศาลระวังจะขาสั่นปากดีไม่ออกก็ละกัน กูเลยบอกงั้นพี่ก็ไปพิสูจน์ความผิดผมในศาลได้เลยว่าในสามวันนั้นผมทำอะไรไปบ้าง แล้วทำให้บ.พี่เสียหายต่อทรัพย์สินและความปลอดภัยยังไงบ้าง เล่าให้ครบด้วยนะครับผมจะได้รู้ เพราะกูก็นึกความผิดตัวเองไม่ออกเหมือนกัน กูไปไซต์ เดินวนๆถ่ายรูปรอบๆ ถามงานจากช่างว่าไปถึงไหนแล้วกลับมาเขียนรีพอร์ตส่ง หน้าที่กูก็มีแค่นี้อ่ะ
กูควรใช้ไอ้นี่เป็นหลักฐานขึ้นศาลด้วยมั้ยว่ามีการข่มขู่กูด้วย เผื่อเรียกเงินได้อีก ถ้าจ่ายมาแค่เงินเดือนกูก็ยังพอรับได้แล้วไม่เอาเรื่องเอาราวต่อนะ แต่เสือกมาด่ากูรัวๆแบบนี้แถมไม่จ่ายตังด้วยนี่กูแค้น 555555555555555555
>>339 ขึ้นศาลไม่มีทนายนี่จะเสียเปรียบมากมั้ยวะ กูก็แอบหวั่นๆอยู่นะ ฝั่งนั้นพาทนายมาแล้วรู้กฎหมายหลบหลีกได้ แต่กูไม่มีอะไรเลยนี่สิ
>>342 ควรเก็บหลักฐานที่มึงถูกขู่ไว้ด้วยนะ
บอกตรงบ.มึงไม่แฟร์ ถ้าให้กูมองคือมึงได้เปรียบ ไล่คนไม่ใช่อยู่ๆจะไล่ก็ไล่ ถ้าทำงานเสียหายก็ต้องแจ้ง ต้องมีการออกใบเตือนเป็นหลักฐาน ไม่ใช่อยู่ๆมาไล่ออกเฉยๆทำผิดไรนังไม่รู้เลย การที่มันมาแนวนี้กูมองว่าบริษัทหมกเม็ด
แต่ที่น่ากลัวคือเราไม่รู้ฝั่งนู้นจะเอาไรมาเล่นเรา มันมีฝ่ายกฏหมายด้วยไงมันต้องอ่านเกมขาดกว่าเราอยู่นะ ยังไงกูว่ามึงควรมีทนายว่ะ ทนายฟรีของศาลพวกนี้ก็ยังไง แต่ก็ไม่รู้ว่าแม่งจะทำงานเผามั้ย นอกจากนั้นก็ศึกษากฎหมาย ปรึกษากรมแรงงานด้วยก็ดี เพื่อนกูก็เคยจะฟ้องคอนโดผ่านสคบ. ทางนั้นก็รับปรึกษาอย่างดีเลยนะ
>>342 กู >>339 เอง
ไม่ถึงกับเสียเปรียบหรอก เพราะคดีแบบนี้มันไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ถ้ามึงมีหลักฐานให้ศาลดูได้ว่ามึงไม่ได้ทำอะไรผิด ทนายฝ่ายนั้นก็เล่นมึงยาก
ถ้าฝั่งนั้นเอาหลักฐานมาแสดงได้ว่ามึงทำเสียหายอะไรไว้ มึงก็พยายามเถียงว่่ามันไม่ใช่ความเสียหายร้ายแรงขนาดที่จะเลิกจ้างได้ เดี๋ยวศาลจะพิจารณาเองว่านายจ้างมันเลิกจ้างเป็นธรรมรึเปล่า
อีกอย่างผู้พิพากษาศาลแรงงานมักจะตั้งธงเข้าข้างลูกจ้างไว้ก่อนอยู่แล้ว
ขออย่างเดียว เวลาให้การกับศาล มึงพยายามพูดแต่ข้อเท็จจริง อย่าไปใส่ไข่หรือดราม่าใส่ศาลมาก ศาลจะพาลรำคาญมึงเอา
กูเคยเป็นทนายให้ฝั่งนายจ้าง เจอลูกจ้างไปดราม่าใส่ศาลแบบไร้สาระ แบบว่าวันที่โดนไล่ออกต้องเดินกลับบ้าน เศร้าก็เศร้า เงินก็ไม่มี ฝนก็ตก อารมณ์มิวสิควีดีโอมาเต็ม กูก็แบบอิหยังวะ มึงต้องเดินตากฝนกลับบ้านเป็นความผิดนายจ้างตรงไหน
คือดราม่าพวกนี้ไม่มีผลต่อคำพิพากษาหรอก แต่แม่งทำให้คนอื่นเค้าหมั่นไส้กับรำคาญเฉยๆ ทำให้ตัวมึงดูงี่เง่าด้วย
เข้ามาให้กำลังใจ ขอแอบๆขี้โม้ว่าฝ่ายกฎหมายประจำ บ.ใหญ่ๆ ก็เอาชนะลูกจ้างไม่ค่อยได้กันหรอก
ขอบคุณพวกมึงทุกคนมากสำหรับความคิดเห็น กูนอนรอเจ้าหน้าที่แรงงานโทรตามไปไกล่เกลี่ยกับนายจ้างแล้ว แต่ก็หาเคสทางกฎหมายในกรณีคล้ายๆกูอ่านเป็นแนวทาง มีคนโดนคล้ายๆกูเยอะเหมือนกัน แบบที่ไปทำงานสามวันมั่ง หนึ่งอาทิตย์มั่งแล้วโดนให้ออกเลย ต้องมาเป็นคนตกงานในภาวะแบบนี้แถมต้องมาขึ้นโรงขึ้นศาลมันก็ท้อนะ
>>346 ความเสียหายขนาดไหนที่เป็นมูลเหตุให้โดนไล่ออกได้วะ กูยังไม่ได้จับเงินทองของบริษัท ยังไม่ได้สั่งงานใคร สามวันนี้กูมีหน้าที่แค่เช็คงานว่าตรงตามแบบมั้ยแค่นั้นเอง นึกออกอีกอย่างที่เขาด่ากูมาในสาเหตุการไล่ออกก็คือไปสาย ไม่มีความพร้อมในการทำงาน ไม่รู้เรื่องแบบ สร้างความเดือดร้อนให้กับช่างและผู้ร่วมงาน กูก็ เอิ่มม สามวันจะให้ผมรู้อะไรเยอะแยะล่ะครับพี่ แถมทางนั้นก็บอกพี่มีหลักฐานหมดว่าเราทำอะไรไว้ พี่จะฟ้องคุณกลับก็ได้แค่ยังไม่ทำเฉยๆ อันนี้คือมันหลอกกูหรืออะไร กูงงมาก
กูเป็นเด็กฝึกงานบริษัทแห่งนึงว่ะ ทีนี้เขาชวนกูทำงานต่อที่นี่เลย งานที่ทำน่าสนใจ เงินเดือนโอเคอยู่ แต่กูอะ2จิต2ใจเพราะความฝันกูคือการเป็นฟรีแลนซ์
1.กูไม่อยากทำงานที่ไกลจากบ้าน ยิ่งได้ทำงานที่บ้านยิ่งดี
2.ไม่อยากทำงานเกิน5วันใน1อาทิตย์
3.ถ้าต้องทำงานจากบ้านไกล กูอยากเลิกก่อน5โมงเพราะรถมันติด กูไม่ชอบนั่งรถนานๆ
บริษัทนี้ตอบโจทย์กูไม่ได้ทั้ง3อย่างเลย กูควรไปหางานอื่นดีกว่าใช่ไหมเพื่อน
มันปกติใช่ไหมวะ เป็นเมเนเจอร์ แต่ไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชาสักคน
>>350 ฟรีแลนซ์ ถ้าตามสายงานกูนะ
1.กูไม่อยากทำงานที่ไกลจากบ้าน ยิ่งได้ทำงานที่บ้านยิ่งดี
<< ถ้าไม่มีนายหน้า หาลูกค้าเอง ไปพบลูกค้าเลือกสถานที่ไม่ได้
2.ไม่อยากทำงานเกิน5วันใน1อาทิตย์
<< ฟรีแลนซ์ที่เมเนจเวลาให้อยู่ในกรอบ 8-17 ได้นี่นับหัวได้ งานเร่งงานไม่เสร็จกี่โมงก็ต้องทำ เกิดปัญหาตอนไหนตอนนั้นคือเวลางาน
3.ถ้าต้องทำงานจากบ้านไกล กูอยากเลิกก่อน5โมงเพราะรถมันติด กูไม่ชอบนั่งรถนานๆ
<< ตอบแบบเดียวกับข้อ 1+2 ลูกค้าอยู่ไกลแค่ไหนก็ต้องไป ไม่มีรถส่วนตัวนี่เดินทางนาน+เปลืองค่ารถกว่าเพราะไม่รู้เส้นทาง
เห้อ เพื่อนโม่ง กูพึ่งไปสัมมา ครบ 1 วีคละเงียบกริบเลย ความอดทนของการรอนี่มันทั้งตื่นเต้นเเละผิดหวังไปพร้อมๆกัน
อันที่จริงเขาบอกจะติดต่อใน 2 วีคแหละ แต่ใจกุเสียตั้งเเต่ 3 วันแรกไม่โทรกลับมาละ555 แต่กูจะสู้ สัมภาษณ์ใหม่วนไป มีโม่งคนไหนรอผลสัม นานกว่านี้อีกไหมวะ
>>356 เคยโดนเดือนกว่า มารู้ทีหลังว่าในบริษัทมีเลย์ออฟคนแผนกอื่นแล้ว HR อยากให้รับคนในที่โดนเลย์ออฟก่อน แต่หัวหน้ากูไม่ยอมเพราะ skill คนแผนกอื่นไม่ตรงสาย
เลยยื้อกันนานกว่าจะตกลงกันได้ ระหว่างนั้น HR มีโทรมาบอกว่าขอให้รอก่อนเดี๋ยวจะสัมรอบ 2 เป็นการบอกว่าเค้ายังไม่เทนะ แต่สุดท้ายก็รับเลยไม่ต้องสัมรอบ 2
>>356 กูเคยไปสมัครที่นึงไว้และไปสัมภาษณ์ ผ่านไปเดือนนึงกูก็ทำใจละว่าแม่งไม่ได้ จนกระทั่งกูลืมเรื่องนี้ไปและได้งานอื่น แต่หนึ่งปีต่อมาบ.นี้มันก็โทรมาบอกว่าจะรับกูเข้าทำงาน กูก็งงว่ากูไปสมัครงานกับมันตอนไหนวะ มันก็บอกว่าที่คุณมาสมัครเมื่อเดือนเมษาปีที่แล้วน่ะค่ะ .......อีสัส นานจนกูลืม กูก็ปฏิเสธไปนะเพราะทำงานในออฟฟิศปัจจุบันคือดีอยู่แล้ว
ที่กูงงคือมึงใช้กระบวนการคัดเลือกอะไรของมึง ทำไมถึงนานจังวะ เป็นปีกว่าจะประกาศผลนี่คือไร รอคนเก่าออกแล้วเอากูที่เคยมาสัมภาษณ์เสียบแทนเพราะไม่อยากเรียกคนมาสัมภาษณ์ใหม่เหรอ
>>355 จริงๆก่อนที่บริษัทนี้จะมาชวนให้ทำงานต่อกูก็ว่าจะรับงานที่ไม่ใช่full timeคิดเป็นราย ชม.ไรงี้ไม่ก็งานที่ไม่ต้องเข้าครบ5วัน อารมณ์สายงานกูจะแนวเน้นแก้ปัญหาใช้สมอง กูเลยไม่ค่อยชอบบริษัทที่เคร่งเรื่องเวลาตอกบัตรมากๆแถมวันเสาร์ยังต้องมาทำงาน ไหนจะเรื่องรถติดชิบหายเช้ากูก็ตื่นโคตรเช้าเลิกงานก็กลับโคตรดึก หมดเวลาไป1วันละ อยากมีเวลาดูแลตัวเองบ้าง กูไม่ซีเรียสเรื่องงานยากซีเรียสเรื่องเวลาที่ต้องหายใจทิ้งไปวันๆมากกว่า
>>359 จริงๆวางแผนไว้ว่าพอเริ่มตั้งตัวได้ถึงค่อยไปเปิดร้านเองเล็กๆและเริ่มทำfreelance ที่อยากทำfreelanceเพราะ
1.อยากทำงานที่ตัวเองชอบและค่อนข้างถนัดดู สายงานกูค่อนข้างตรงข้ามกับfreelanceที่อยากทำ
2.กูพอจะมีความสามารถด้านนั้นอยู่บ้าง มีความคิดสร้างสรรค์พอตัว เสียดายถ้าไม่ได้ใช้เลย
ประเด็นคือกูคิดว่าถ้ากูเริ่มจากทำสายนี้เลยกูน่าจะสู้คนที่เขาเรียนมาโดยตรงไม่ไหว ไม่ได้คาดหวังอะไรมากว่าจะยึดเป็นรายได้หลัก (แต่ก็ยังเป็นความฝันที่อยากทำ)
ขอเสียงคนที่ต้องทำงานวันเสาร์หน่อยครับ.....
ตูอิจฉานะงานยุ่งทุกวัน
freelance แม่งไม่มีความแน่นอนเลยกับชีวิต วันไหนไม่มีงานทำก็อยู่ไม่สุข ยิ่งช่วงcovidทำเอาสติเกือบแตก วันไหนงานเยอะก็แทบไม่ได้พัก บางทีอาจเป็นเฉพาะตูก็ได้มั้ง
ถามโม่งตำแหน่งhr ผจก.หรือตำแหน่งไหนก็ได้หน่อย คือกูจบมาทำงานไม่ตรงสายหลายปีละถ้าจะกลับเข้าทำงานในตำแหน่งที่เรียนจบมา เค้าจะรับมั้ยจะมีสอนงานป่ะ
หลังเลิกงานทุกครั้งจะรู้สึกว่างเปล่าๆโหวงๆในใจตลอดเลย เพราะอะไรวะ
>>372 เลี้ยงก็ดี แต่เอาตรงๆ พอกูได้เลี้ยงจริงๆ (เกือบสิบปีแล้ว)ก็ไม่ค่อยกล้าแนะนำให้ใครเลี้ยงเลยว่ะ ทุกวันนี้บ้านเหม็นฉี่แมวชิบ รักมันทุกตัวแหละ แต่เป็นทาสมันจริงๆ นะไม่ใช่มุกตลก ทั้งค่าใช้จ่ายจิปาถะ หยูกยาหาหมอ ที่หนักสุดคือพฤติกรรมเฉพาะแต่ละตัว แมวกูยิ่งแก่ยิ่งดื้อ ทั้งๆ ที่ทำหมันไปตั้งแต่เด็กแล้วนะ ไม่รู้ทำไมตอนแก่มันกร่างฉิบ ฉี่มั่วไปทั่วเลย ฉี่เหมือนหาเรื่องกุอ่ะ ทำจอคอมพังไปจอนึงแล้ว ไม่รู้เป็นบ้าอะไรชอบฉี่ใส่เครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้เย็นกูโดนฉี่แล้วเช็ดฉี่แล้วเช็ดจนขึ้นสนิมแล้วแม่ง กูเคยผ่อนห้องน้ำแมวอัตโนมัติด้วยนะสองหมื่น แบบติดเซนเซอร์เข้าไปทำธุระเสร็จมันจะตักให้เลย ให้ทรายสะอาดตลอดเวลา อิเห้เอ้ย ทรายดีๆ แม่งก็ไม่เข้าไปฉี่ เสือกฉี่ใส่หน้าปัดดิจิตอลของเครื่องจนมันพังไปแล้วเนี่ย กูไม่รุ้จะทำยังไงแล้วจริงๆ ทั้งรักทั้งทุกข์ ระบายซะยาวเลยว่ะ
จบสายภาษาแต่ไม่อยากทำงานที่ต้องพูดกับคนอะ คือต้องเขียนอย่างเดียวนิ?
พี่ที่ทำงานกูแม่งชอบเปิดยูทูปตอนเที่ยงแล้วเปิดซะดัง ขนาดกูใส่หูฟังแล้วยังดังลอดเข้ามาได้ แม่งไม่มีความเกรงใจกันเลย แถมไอ้ที่เปิดมีแต่พวกไลฟ์ขายของกะคลิปเหี้ยไรไม่รู้ มีแต่ด่ากัน
ด่ากูทำไม กูถามดีๆมึงควรตอบให้ได้ดั่งใจกูสิวะ
ไอพวกโง่
วันทำงาน เวลาปกติก็งานออฟฟิศ กลับบ้านก็ทำงานฟรีแลนซ์
เสาร์อาทิตย์ก็งานฟรีแลนซ์ กูจำไม่ได้เลยว่ามีวันไหนบ้างที่กูไม่ต้องทำงาน ได้หยุดแบบอยู่เฉยๆ
ตอนออกจากงานประจำ กูก็ทำฟรีแลนซ์ต่อ
ถึงจะทำวันละชั่วโมงสองชั่วโมง แต่มันก็คือการทำงาน แบ่งเวลาไปทำงาน ไม่มีวันไหนที่ไม่ทำงาน
งานเยอะแบบนี้กูคงรวยแล้วสิท่า ไม่เลยหว่ะ หัวเราะกับชีวิตตัวเอง
วันหยุดผ่านไปเร็วจัง...
เฮ้ออออ
พวกผู้ชายที่ทำงาน 7 วันนี่เอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนอะ เพื่อนนี่ที่เปนผู้ชายบ้างานแบบนี้ได้เมียจากในแอพสองคนละ คุยกันถูกคอเจอนัดเจอละก็คบกัน ก็เห็นคบกันเปนปีๆ กะหลายปีอยู่นะ หรือเพราะพวกบ้างานรู้สึกตัวเองหาแฟนยากพอมีผู้หญิงที่คุยรู้เรื่องเข้าใจเรื่องไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาเลยพยายามรักษาเค้าไว้ดีๆ งี้ปะ
ตอนี้ถ้าไม่ผ่านโปรก็ต้องทำใจละ ;-;
ช่วงนี้งานกูว่างมากเลย มีแววจะโดนปลดมั้ยวะเนี่ย
หัวหน้ากูเป็นเหี้ย คัดแต่คนเก่าที่ทำงานเป็นออกแล้วพวกเด็กใหม่ที่เข้ามาเก็บไว้ ทำงานแม่งก็ไม่เป็นดีแต่ถ่ายเอกสารอะไรๆก็ฝากกูหมด สุดท้ายก็ใช้งานพวกที่เหลือที่ยังพอทำงานเป็นแบบโหม โอทีกูก็ไม่ได้แต่ถ้างานไม่เสร็จด่านะ ไอชิบหายอยากเจ๊งมากมั้งบอเนี้ย เดี๋ยวกูออกแม่ง
ได้ทำตำแหน่งที่ไม่เคยทำ ต้องการตลาด คิดกลยุทธการค้า ตูไม่รู้เรื่อง ไม่ชอบด้วย ควรออกดีมั้ย_
เข้ามาทำงานได้20วัน กูตั้งเป้าแค่ว่าอยากได้เงินเดือนก้อนนี้ แต่ไม่ได้มีความรู้สึกอยากทำเลย
ที่ทำก็ไปก็แค่ ทำให้เค้าพอใจ อยากให้ทำอะไรก็ทำให้
น่าเศร้าชิบห้ายกู
นี่ตีสาม ก็นั่งทำฝิ่นอยู่ นอนดึกแบบนี้ทุกคืน กูร้อนเงินขนาดนี้เลยเหรอวะ
ควย อีเหี้ย ทำงานกากแล้วยังขี้เหวี่ยงอีก อีเวร
คนที่มารับโทรศัพท์หรือตอบแชทเรื่องงานตอนกลางคืนได้แล้วไม่รู้สึกอะไรนี่เก่งจังวะ
นี่ไม่ได้นะ work life balance เสียหมด ต้องทำงานในเวลาส่วนตัวจะปสด
กูเป็น IT เนื้องานรวม maintenance ด้วย urgen case แบบแก้ด่วนดึกดื่นมันก็มีบ้าง ชินแล้ว งานเข้าดึกๆน่ะเซ็งอยู่ แต่ถ้าแค่คุยหรือตอบแชทก็เฉยๆ
เพื่อนโม่งกุทำงานสายธุรการมาตลอดอยากเปลี่ยนสายไปเป็นงานครัวตามร้านอาหาร งานมันเยอะจุกจิกมั้ยวะ พอดีกุสนใจร้านๆนึงร้านที่รับเค้าบอกไม่มีประสบการณ์ก็สมัครได้อ่ะ
อยากรู้ว่าปกติงานบ.ญี่ปุ่นปกติที่ไม่มีโควิดมันเยอะและรับคนเยอะกว่านี้จริงๆ รึเปล่าอะ เราไม่ได้จบญี่ปุ่น แต่ไปติวได้ N2 ก็จริง แต่แค่ทำข้อสอบเก่งอะ พูดไม่คล่อง ไม่เคยไปญี่ปุ่น ไม่เคยทำงาน สัมภาษณ์มาสองเดือนแล้วยี่สิบสามสิบที่หมดค่าเดินทางทั้งในกรุงและตจว.ก็เยอะ ตั้งแต่ปลดล็อคแต่ไม่ผ่านเลย เป็นท้อแล้วอะ เราควรปรับปรุงตรงไหนบ้าง เราเริ่มรู้สึกว่าที่จริงเราโง่เอง มันไม่ได้เกี่ยวกับโควิดเลย
>>415 อ่าน
>>>/lifestyle/6915/137-
>>>/lifestyle/6915/281-
ว่าตรงกับเคสตัวเองมั้ย ถ้าไม่ใช่ก็ลองเล่ามา ตำแหน่งอะไร เรียกเงินเท่าไร บลาๆๆ
>>416 เราลงทะเบียนกับรีครูทไว้แทบจะทุกที่เลยอะ หาเองก็ด้วย ช่วงแรกๆ ไปสัมแทบทุกวันเลย รีครูทโทรมาทุกวัน แรกๆ ไปสัมตำแหน่งล่าม เรียกไป 25k ในเมืองก็เอานอกเมืองก็เอา มี N2 ก็จริง แต่พูดไม่เก่ง ไม่มีประสบการณ์โรงงาน เอาพยายามแสดงความตั้งใจแล้วนะว่าจะพยายามเต็มที่ กำลังฝึกศัพท์โรงงานอยู่เพราะอยากทำที่โรงงาน ปิ๋วตลอดเลย เดือนต่อมาคิดว่าไม่ไหวแล้ว ตำแหน่งอะไรก็เอา ไปสัมทั้งเซลล์ เซลโค แอดมิน เงิน 20k ก็ยังไม่ผ่าน ที่เค้ารับ N4 N5 เงินไม่ถึง 20k ยังไม่ผ่านเลยอะ เราบุคลิกหน้าตาค่อนข้างดี แต่ลุคดูเด็กกว่าอายุดูคุณหนูไม่สู้งานรึเปล่าไม่รู้ เราก็เลยพยามพรีเซนต์ว่าเราไม่มีประสบการณ์แต่พร้อมจะเริ่มเรียนรู้งาน และเราสู้งานกระตือรืนร้นถามตลอดว่างานเปนยังไง ที่เราศึกษามาเปนแบบนี้ใช่มั้ยคะ หนูต้องทำแบบนี้ใช่มั้ยคะ แต่มันก็อาจจะพูดติดๆ เพราะไม่เคยใช้เลย บางที่เค้าก็บอกไม่เปนไรเรื่องภาษาฝึกกันได้ แต่เราดูแอคทีฟร่าเริงซึ่งเปนเรื่องดี แต่สุดท้ายก็ไม่เอาเราอยู่ดี
คือพอเรียนจบแล้วเราก็เรียนภาษาแบบคอร์สอินเทนซีฟทุกวันต่อเกือบ 1 ปี พอจบก็ช่วยพี่ขายของกับเรียนคอร์สแบบตอนเย็นอีกเกือบปี ผ่าน N2 เมื่อปีที่แล้ว
>>417 เอาตรงๆบริษัทญปตำแหน่งเซลโคแอดมินเริ่มต่ำมาก แบบขั้นต่ำสุดเลย พวกเซลโคมันไม่ต้องเอาn2 ไม่จำเป็นต้องใช้เมิง ไปจ้างพวกได้ภาษาอังกฤษแต่ถูกๆก็ได้ พวกนี้15000เองนะ นอกเมืองอาจจะน้อยกว่านี้อีก
ส่วนงานที่ใช้ภาษาเลย ศัพท์โรงงานศัพท์เทคนิคคนไม่เคยเจอก็แปลไม่ออกอีก เขาเลยเอาคนมีปสก(ไม่ต้องเยอะแต่ขอให้มี)
ลองลดเงินเดือนแล้วไปสัมดูสักที่ ถ้าได้ก็น่าจะสาเหตุนี้แหละ
พวกมึง ขอเสียงคนอดทนเพื่อโบนัสสิ้นปีนี้หน่อย เอาจริงไม่รู้ว่าจะได้เท่าไร สักเดือนสองเดือนก็ยังดีสำหรับเศรษฐกิจแบบนี้ อีก 4 เดือน น้ำตานี่ไหลถึงตีนเลยว่ะ
กุมีเรื่องมาเล่าอะ ใครมีไรแชร์ ก็แชร์ให้กุหน่อยก็ดี คือกุเป็นเด็กจบใหม่ เพิ่งเข้าทำงานที่นึงไม่นานมาก ในทีมก็มีคนแบบกุอีก 2-3 คนนี่แหละ ละทีนี้ ปัญหามันคือว่า ในทีม มีพี่คนนึง คือเขาไม่ได้เก่งในงานที่ทีมทำอยู่อะ ละคือเวลาคุยกันด้าน technical พี่แกจะดูง่อยๆ ละทีนี้พอนานๆ เข้า กุสังเกตว่าแกน่าจะเครียดๆ อะ ที่แบบ ตามเด็กไม่ทัน รู้สึกได้ว่าแกน่าจะ depress อยู่ พี่แกเป็นคนนิสัยดีนะ จะเรียกว่าสงสารก็ยังไงอยู่ แต่กุรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่เลยอะเวลาเห็นแก depress แบบนั้น มีวิธีปลอบ หรือทำให้แกอึดอัดน้อยลง อะไรงี้มั้ยวะ
>>419 สถานการณ์แบบนี้กูว่าแค่ยังมีงานนี่คือดี ได้ปรับเงินเดือนคือดีเหี้ย ๆ แล้ว ส่วนโบนัสนี่หวังยากชิบหาย ขนาดบ. กูเคยจ่ายตลอดไม่เคยขาด มีบวกด้วย ปีนี้กลางปีก็ชวดไปแล้ว ปลายปีแม่งก็มีแววจะไม่น่าได้
จะว่าไปกูมีเรื่องสงสัยแฮะ ไอ้การที่เขาไม่จ่ายเพราะภาวะเศรษฐกิจนี่พอเข้าใจ แต่ไอ้การกระสันรีครูทเด็กใหม่นี่เอามาทำอะไรหว่า ที่พอจะมองเป็นเหตุผลในแง่ดีไม่ใช่ว่าล้มเหลวในการบริหารจัดการ เพราะปัจจุบันแค่หาลูกค้ายังยากส์
เครียดแบบแปลกๆ คือกูเป็นมือใหม่กับงานที่ทำมาก แล้วเพิ่งเข้ามาเพื่อฝึกเพื่อเรียนรู้เลย ทีนี้กูก็ไม่เก่งแต่ผ่านมา 2 ปีพยายามหนักมากจนเลเวลอัป คือถ้าเทียบงานเก่ากับใหม่นี่ดูรู้เลยว่ามาไกล โนวฮาวไรก็รู้ขึ้นมาก ทฤษฎีมี ถามได้ก็ตอบได้อาจไม่ทุกอย่างแต่ไม่โง่แน่
แต่เหมือนการที่กูไม่้ก่งมันกลายเป็นภาพจำเจ้านายกูไปแล้วอ่ะ พอกูพูดไรแนะนำไรเค้าก็ไม่เชื่อ ทั้งๆที่สุดท้ายแบบที่กุแนะนำคือถูกแล้ว แล้วเค้าก็จะหาคนอื่นมาทำแทนกูแล้วให้กูไปทำส่วนอื่นแทน กูก็รู้สึกแย่เหมือนพยายามเท่าไหร่เคาก็ไม่เห็น ทั้งๆที่กูอยากทำด้านนี้แต่เค้าอยากให้กูไปทำอย่างอื่นเพราะอย่างอื่นกูทำได้ดีกว่า(กูมาจับอย่างอื่นตอนกุเก่งแล้วไงมันเลยกลายเป็นภาพจำไปเลยว่ากุไม่เก่งตำแหน่งหลัก แต่เก่งงานรอง) ถึงพยายามจะทำงานหลักให้ดีแต่เค้าก็ไม่ให้ทำแล้ว มันก็เฟลชิบหาย กูชอบที่นี่แต่กูไม่อยากโดนเปลี่ยนตำแหน่งเลยอ่ะ ให้ลาออกก็ไม่อยากไป แม่งเอ้ย
พวกเงินเดือนล่าสุดมีผลต่อการสมัครงานใหม่มั้ยอะ คือกูอยากเปลี่ยนสายงานแบบคนละขั้วเลย ทีนี้งานเก่าก็แจ้งรีครูทไปว่าเงินเดือนล่าสุด 40k เพราะก็ทำมาหลายปีแล้ว ทีนี้ไอ้สายงานที่จะไปเริ่มใหม่มันเริ่มที่ 20k ไปสมัครก็จะโดนถามว่ารับได้เหรอเงินน้อย เราก็บอกได้เพราะเรารู้ว่าต้องเริ่มเหมือนเด็กจบใหม่มันคยละสายงาน แต่ก็ยังไม่ได้งานเลย ไม่รู้ว่าเงินเดือนเกี่ยวมั้ยอะ อยากจะไปขอแก้รีครูทให้น้อยลงแต่ก็ไม่ดีใช่ปะมันจะเปนการแจ้งข้อมูลเท็จงี้เห้อออ
จะไปสมัครงานที่ๆหนึ่ง เขาไม่ดูวุฒิ แต่อยากได้พอร์ตฟอลิโอ กูควรเขียนอะไรลงไปดีวะ คือ กูไม่ได้เรียนมหาลัยอะ จบแค่ปวช ความสามารถแถบไม่มี แต่ใจรักอยากจะทำ
พอสัมไม่ผ่านมาสามเดือนหลายสิบที่ทำให้ไม่กล้าไปสัมงานแล้วว่ะ เหมือนรู้ตัวว่ายังไงก็ไม่ผ่าน รู้สึกตัวเองคงเก่งไม่พอจริงๆ สกิลภาษายังห่วยมั้ง ต้องเรียนเพิ่ม แต่ตอนนี้ไม่มีงานก็ต้องขอเงินแม่ เศร้าว่ะ
ทำกราฟิกแล้วมาเกตติ้งให้ก้อปงาน เอาเปนเรฟเฉยๆก้ให้แก้ตามแบบอีเหี้ย ขอให้มึงโดนฟ้องซักวัน
แมร่งกูจะร้อง กูจะทำยังไงกับความรู้สึกตอนนี้ดีคือกูอายมากกูไปสอบที่หน่วยงานราชการนึงแต่ไม่ติด ยายกูรู้แค่ว่ากูไปสมัครงานเขาเข้าใจว่าสมัคร = ได้งานเลย ก็เอาไปโม้กับเครือญาติแล้วก็ระแวกบ้าน พอกูอธิบายว่าไม่ได้งานยายก็เอาไปบอกญาติ พวกเขาก็เอาเรื่องนี้มาแซวกูขำ ๆ แต่กูไม่ขำด้วย
บอให้พนงทำงานถึงเที่ยงคืน แต่ไม่จ่ายOT ไม่มีรถกลับบ้านจ่ายค่าแกรบ แท็กซี่เอง อยากสิไห้ เงินเดือนก็น้อยเสีย
>>438 แบล๊กคอมปานีแบบมึงกูก็เจอนะ แค่ไม่เจอแบบว่าล่อเที่ยงคืน แค่แบบ4ทุ่มห้าทุ่มเฉยๆ แล้วพวกทำประจำนี่นรกกว่าตรงที่ไม่จ่าย2แรงให้ในช่วงวันหยุดพิเศษ วันนักขัตต่างๆไปอีก คือมันไม่ใช่ว่าทำแบบนี้มานานนะ ทำแบบนี้มาปีแรกๆนี่แหละ เสียดายตรงที่แถวบ้านกูคือหางานไม่ได้เลย(กลัวว่าจะคนจะผันตัวไปเป็นโจรกันชิบหาย) จะย้ายงานก็เสี่ยงสัสๆ อิจฉาพวกที่แม่งเก็บเงินมาก่อนหน้าแล้วไม่ค่อยได้ใช้เงินมากๆเลยหว่ะ
Aws solution architect ของไทยเงินเดือนประมาณเท่าไรอ่ะ
เพิ่งไปสัมภาษณ์งานคิดว่าคงไม่ได้แล้วแหละเพราะคุณสมบัติกุยังขาดกับที่เขาต้องการ แต่ก็ถือว่าได้คุยได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับคนอื่ยดี
กูมีคำถามที่ค่อนข้างปสด.จะมาถามพวกมึงหน่อยว่ะ กูตกงานมาตั้งแต่เดือนเมษา ระหว่างนั้นกูก็หาอะไรทำก๊อกแก๊กไปเรื่อยอย่างเช่นขายของกินเล่นเล็กๆน้อยๆที่หน้าบ้าน แบบพวกลูกชิ้นทอด น้ำแข็งไส แล้วก็ขายอาหารออนไลน์ผ่านพวกแกรป ไลน์แมนไรงี้ด้วย รายได้ไม่ได้ดีเป็นกอบเป็นกำหรอก แต่ก็พออยู่ได้ พอจ่ายค่าน้ำค่าไฟกับซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันแบบนิดหน่อยได้ ดีที่กูไม่มีหนี้สินอะไรเยอะแยะ มีแค่ค่าบัตรเครดิตอยู่ประมาณสองหมื่นก็ค่อยๆทยอยจ่าย
สิ่งที่กูได้กลับมาคือเวลาที่อยู่กับครอบครัว และสุขภาพจิตดีมาก กูไม่ต้องตื่นหกโมงรีบอาบน้ำตาลีตาเหลือกไปขึ้นรถไฟฟ้าให้ทันเวลางานแล้ว แต่อาจจะต้องรีบตื่นไปจ่ายตลาดตอนตีห้ารับของมาขาย เตรียมวัตถุดิบ ตอนเย็นๆก็ขายของ แต่กูก็รู้ว่าอาชีพนี้มันเลี้ยงตัวกูกับพ่อแม่ในระยะยาวไม่ได้ว่ะ เช่นจะซื้อรถซื้อบ้านไรงี้ก็คงไม่ไหว ไหนจะเจ็บป่วยมาไรงี้อีก และกูก็ร่อนใบสมัครงานเรื่อยๆ ไปสัมภาษณ์เรื่อยๆ แต่ระหว่างนี้กูก็ไปลงเรียนพวกฝึกอาชีพไว้ กูอยากเปิดร้านเพนท์เล็บน่ะ แต่อยู่ในขั้นเพิ่งเริ่มต้นเรียน กูคิดเอาไว้ว่ากูเรียนฝึกอาชีพเสร็จก็จะไปสมัครงานร้านเพนท์เล็บแบบเป็นลูกจ้างเอาประสบการณ์ก่อนแล้วค่อยเปิดร้านเอง รายได้ก็คงน้อย แต่เพราะกูชอบเลยคิดว่ายังไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับกูในตอนนี้เท่าไหร่
แล้วเมื่อต้นเดือนมีบริษัทที่กูเคยไปสัมภาษณ์ไว้เมื่อเดือนพฤษภาเขาโทรมาตอบรับกูทำงาน ใจนึงกูก็ดีใจนะที่ได้งาน แต่อีกใจกูก็ไม่อยากไปทำว่ะ เพราะกูไม่ชอบสายงานเดิมของกูเลยซักนิด แต่ถ้ากูได้งานนี้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องรายได้อะ เพราะประสบการณ์กูก็ 10ปี+ เงินเดือนดีพอประมาณเลยล่ะ แต่มันเครียดมาก ตอนกูทำงานกูอยากลาออกทุกวันและมันทำให้กูป่วยเป็นโรคซึมเศร้าด้วย ต้องกินยาซึมเศร้าเยอะแยะ แต่ให้กูไปทำสายอาชีพอื่นก็ไม่มีความรู้ที่จะไปทำแล้วว่ะ ถ้าจะเริ่มใหม่ก็ต้องรับเงินเดือนแบบเด็กจบใหม่คือหมื่นห้าเลย พอลองปรึกษาคนที่บ้านดูเขาก็บอกให้กูเลือกความมั่นคงดีกว่า ร้านเพนท์เล็บของกูมันก็ยังไม่เห็นโอกาสและไม่เห็นความแน่นอนว่ะ ทำเป็นอาชีพเสริมไปก่อนก็ได้ เก็บเงินจากงานประจำให้เป็นทุนไว้แล้วพอมันมั่นคงดีแล้วค่อยเปิดร้าน
บ้านกูเขาพูดถูกนะ กูก็เห็นด้วยกับเขา แต่ถ้ากูตอบรับเข้าทำงานประจำมันคงทำให้กูกลับไปเครียดและไปกินยาซึมเศร้าอีก แต่ไม่มีเงินก็เครียดว่ะ สองจิตสองใจมากว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี
>>445 ลองไปทำก่อน ตอนนี้มึงมีเป้าหมายแล้วคือการเปิดร้านทำเล็บ มึงต้องฮึดสู้แล้ว จะต้องเอาเงินจากงานประจำมาเปิดร้านให้ได้ ไม่ว่าปัญหาใน บ.จะเครียดแค่ไหนก็อย่าไปอินมาก อินกับร้านทำเล็บของมึงพอ ที่ทำงานให้เต็มที่ก็เพื่อร้านเล็บของมึงล้วนๆ สู้เว้ย ปล.เพื่อนกูก็ลงคอร์สเรียนเพ้นท์เล็บอยู่ ปัจจุบันก็ยังทำงานประจำเก็บตังค์อยู่นี่แหละ สงสัยจะเป็นร้านคู่แข่งมึงในอนาคตนะ 555
>>445 ไปทำงานบริษัทดูเถอะ อาจจะไม่เครียดมากก็ได้
ไม่ได้จะขัดอะไรนะ แค่บอกไว้ก่อนว่าเพ้นท์เล็บมันอันตราย ทำงานหาเงินเปิดร้านเป็นเจ้าของแล้วจ้างพนักงานมาทำให้ดีกว่า อย่าไปนั่งทำเอง
สารเคมีเยอะมากนั่งดมทั้งวัน กูมีคนรู้จักที่ทำงานฝีมือกับสารเคมีพวกนี้ สุดท้ายช่วงอายุ 50 ต้นๆ แม่งตรวจเจอมะเร็งปอดแล้วไปเลย เป็นคนเหล้าไม่กินบุหรี่ไม่สูบด้วย
>>446 >>447 >>448 กูตอบรับไปทำงานแล้วล่ะ ขอบคุณมากที่ให้คำแนะนำกูนะ กูกะว่าจะทำเพื่อเก็บเงินสร้างร้านแล้ว อย่างน้อยทำตรงนี้ก็รายได้ดีมีสวัสดิการอยู่บ้างล่ะวะ ขอให้มีเงินทุนมาทำร้านแล้วทำท่าจะอยู่รอดก่อน กูคงไม่หวนกลับเข้าไปทำงานสายนี้อีกแล้ว
เอาจริงๆเนื้องานในสายงานกู ไม่ว่าจะทำที่ไหนก็เครียดเหมือนกันหมดว่ะ ยิ่งเป็นบ.เล็กๆคนน้อย งานก็ยิ่งโหลดหนักและต้องทำทุกอย่างเอง อย่างวันนี้กูเข้าไปทำวันแรกก็ได้กลับบ้านสองทุ่มเลยจ้า ถึงบ้านสี่ทุ่มกว่าๆ เพราะงานเร่งจะเอาวันพุธนี้ กูก็ต้องอยู่ทำให้เสร็จเพื่อให้เขาตรวจก่อน ที่กูอยากลาออก เป็นซึมเศร้าก็เพราะงานหนักแถมยังโดนด่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยล่ะ กูเคยต้องกลับบ้านตีสองแล้วต้องมาทำงานแปดโมงเช้าให้ทันติดๆกันเป็นอาทิตย์ด้วย สุขภาพจิตและสุขภาพกายแย่สัสๆอะ ปวดหลัง ออฟฟิศซินโดรม แถมยังต้องมารับมือลูกค้ากับหัวหน้าประสาทแดกอีก
กำลังจะเรียนจบในเร็วๆนี้ว่ะ ตอนแรกวางแผนว่าจะหางานที่ทำเรื่อยๆมีเวลาว่างให้กับตัวเองเพื่อให้มีเวลาติวสอบภาษาอังกฤษอยากไปทำงานที่เมืองนอกไรงี้ แม่กูแย้งกูจะให้เข้าราชการ กูหมดกำลังใจเลยว่ะคิดว่าพอเรียนจบแล้วจะเลือกเส้นทางชีวิตตัวเองได้แล้วนะ อิเหี้ยยยย ไอ้ที่เรียนอยู่ก็ไม่ชอบไม่อยากทำงานสายนี้ด้วย
ขอปรึกษาหน่อยครับเพื่อนโม่ง ตอนนี้ได้งาน2ที่
ที่แรกเป็นบ.เกี่ยวกับการเงิน tech stack ค่อนข้างดี คิดว่าเข้าไปน่าจะได้ประสบการณ์เยอะ ความรู้น่าจะต่อยอดได้เยอะ อนาคาตอาจจะเอาความรู้ตรงนี้ไปทำงานพวกธนาคารได้ ให้เงินเพิ่มจากที่ทำอยู่ตอนนี้นิดเดียว พอผ่านโปรจะได้ เพิ่มอีก 2k
กับที่2 tech stack ระดับมาตรฐาน ไม่ดี ไม่แย่ แต่คิดว่าประสบการณ์กับความรู้อาจจะไม่ได้เท่าที่แรก แต่ให้เยอะกว่าที่แรก 7k (หลังผ่านโปรจะเหลือห่างกัน 5k)
เท่าทีุ่คย environment การทำงานน่าจะโอเคทั้งคู่ เงินปัจจุบันได้อยู่ที่ range40-50 รู้สึกตัดสินใจไม่ถูก ขอคำแนะนำหน่อยครับ
ปล.เหตุผลที่ย้ายเพราะ บ. ที่ทำอยู่ตอนนี้กำลังจะไปต่อไม่ไหว
>>450 ก็ไม่ต้องทำ ถ้าเราจะไม่ทำใครก็บังคับไม่ได้ เพราะเราเป็นวัยที่ไม่ได้อาศัยใครกินแล้ว
กูแม่ก็บังคับงานราชการแต่กูจุดยืนหนักแน่นมาก ไม่ว่ายังไงก็จะทำอย่างอื่น แม่พูดไซโคก็แล้ว ตัดพ้อก็แล้ว เปรียบเทียบกับลูกชาวบ้านก็แล้ว กูก็ชี้แจงๆแล้วก็ยืนยันว่าจะไม่ทำ คือเราวัยทำงานแล้วเว้ย อยู่ในจุดที่นอกจากกฎหมายและเงินก็ไม่มีอะไรที่มีอำนาจเหนือมึงอีกต่อไปแล้ว ยิ่งทำงานนานๆหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ อาจไม่ต้องมากแต่เอาตัวรอดแต่ละเดือนได้ หน้าไหนก็สั่งมึงไม่ได้อีกแล้วกูยืนยัน นอนยัน เอาตีนยันเลย
ที่มึงต้องรับมือคือคำพูดของแม่มึงอ่ะแหละ แต่กูบอกเลยว่าถ้าเราหนักแน่นพอใครหน้าไหนก็สั่งเราไม่ได้ ตอนนี้คนที่จะสั่งมึงได้มีแต่คนที่ให้เงินมึงหรือก็คือเจ้านายน่ะแหละ ถ้าตัดเรื่องความรับผิดชอบและเวลาออกไป วัยทำงานคือช่วงชีวิตที่ดีที่สุดของมนุษย์เลย ถ้ามึงพึ่งพาตัวเองได้ชีวิตจะดีมาก เพราะงั้นก็หางานต่อไปน่ะแหละ หรือจะทำไรที่มันก๊อกแก๊กได้เงินมาบ้างก็ได้ การที่มีเงินจะทำให้มึงมีอำนาจในทางเลือกของมึงเอง
หัวหน้าชอบบอกว่ากูไม่อินกับงาน ไม่แอคทีฟ ยังไม่ใช่มายเซ็ทแบบเจ้าของโปรดักซ์จริงๆที่แบบเจอประเด็นอะไรต้องเล่น ต้องเอามาเป็นคอนเท้น ไรงี้ ทั้งๆที่กูก็คิดว่ากูขยันมากละนะ แบบถึงจะอยู่นอกเวลางาน เวลาเจอประเด็นอะไรในสังคมกูก็จะคิดว่ามันมีอะไรเกี่ยวกับงานบ้าง เล่นไรได้บ้าง ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมในวันหยุด หลายครั้งกูก็ออกไอเดียเสนอเค้า ไปเที่ยวกูยังไปสัมภาษณ์หาปัญหาและดูว่าโปรดักซ์ของกูจะแก้ปัญหาอะไรได้บ้างเลย แต่ทำไมหัวหน้าถึงยังคิดว่ากูไม่แอคทีฟอีกวะ
หรือเพราะว่ากูโง่ กูไม่เก่ง กูคิดได้ไม่เท่าเค้ามันเลยดูเหมือนพนักงานกินเงินเดือนทั่วไปที่ไม่ใช่เจ้าของวะ แบบเหมือนทำงานเสร็จกลับบ้านแล้วก็ไม่ทำงานต่อแล้ว กูว่ากูก็ขยันมากๆแล้วนะ ทำไมกูรู้สึกเหมือนมีแต่กูที่ต้องพยายามให้หนักขึ้นๆๆๆ ทั้งๆที่กูก็ทำงานแทบจะตลอดอยู่แล้ว ทำไมเจ้านายถึงคิดว่ากูไม่แอคทีฟอีกง่ะ หรือเพราะกูไม่ทำงานที่เป็นตัวชิ้นงานในวันหยุดหรอ หรือเพราะเพื่อนกูนั่งปั่นงานที่มันไม่เสร็จในวันหยุดหรอกูเลยดูชิล หรืออะไร เสียใจ
ปรึกษาเพื่อนโม่งครับ เคยเป็นลูกน้องเขามาตลอด วันหนึ่งต้องเป็นหัวหน้า มีลูกน้องแล้ว
ตอนพักเที่ยง แถวออฟฟิศไม่มีอะไรกิน แบบที่เดินไปได้ เที่ยงเลยต้องขับรถไปหากินในตลาด
ควรไปทานข้าวกับลูกน้องด้วยไหม แบบพาไปทุกวัน เลี้ยงทุกมื้อ อะไรแบบนี้
คือกรูเองก็ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะเลี้ยงได้บ่อยๆ น้ำใจหน่ะมี แต่ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือ
ตอนสมัยกรูเป็นลูกน้อง ก็ชอบนะ ที่มีหัวหน้าเลี้ยง แต่พอต้องมาเป็นหัวหน้าเอง เข้าใจในอีกบทบาทหนึ่งเลย
มันต้องยังไง ไปกินด้วยกัน ออกเงินให้ก่อน แล้วให้น้องๆหารคืนอะไรแบบนี้น่าเกลียดไหมวะ
หัวหน้ามือใหม่ หัวใจว้าวุ่น อย่าด่ากูนะ
ก่อนมีลูกน้อง กูตัวคนเดียว ไปกินเที่ยงกับแผนกอื่น ติดรถเขาไป หารกันตลอด กูสบายใจดี
ขอบคุณเพื่อนโม่ง
ถ้าตอบตกลงทำงานกับที่นึงไปแล้ว แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา แล้วเกิดเปลี่ยนใจไม่อยากทำแล้วนี่ในเชิงมารยาทมันแย่มากเปล่าวะ กูจะโดนblacklistมั้ย
เบื่อคนในทีม กูก็เบื่อมัน มันก็เบื่อกู วิธีการทำงาน ความคิด ไม่คลิกกันเลย
มันก็อยากโรเททไปอยู่แผนกอื่น กูก็อยากให้มันไป อยากได้น้องคนอื่นโรเททมาแทน
(น่าจะมีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่คิดตรงกัน) แต่ต่างคนต่างก็ไม่กล้าไปพูดกับนาย ได้แต่น้ำท่วมปาก
ต้องรู้สึกแย่ระดับไหนถึงจะคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับงานที่ตัวเองทำอยู่วะ
ต้องรู้สึกประมาณว่านี่มันอะไร เรามาทำอะไรที่นี่ ทำไมทุกอย่างที่เราทำถึงผิดพลาดไปหมด ทำไมคนอื่นเขาเก่งกันขนาดนั้นแล้วทำไมเราถึงห่วยไม่พัฒนาตัวเองเลย ความรู้ก็ย่ำแย่สู้เด็กจบใหม่ไม่ได้ ทำไมเราถึงโง่ขนาดนี้ เราควรลาออกไปซะแล้วไปกระโดดน้ำตายเพราะความไร้ค่าของตัวเอง ทำงานให้คนอื่นเขาเดือดร้อน
กูก็เป็นเมื่อหลายๆเดือนก่อนออกจากงานว่ะ มันแย่ มันดิ่งไปหมด ตื่นมาต้องบังคับให้ตัวเองลุกออกจากเตียงเพื่อจะไปทำงานทุกวัน รู้สึกหายใจได้โล่งก็ตอนเลิกงาน แล้วก็กลับมาเครียดจนปวดท้องในตอนกลางคืนว่าไม่อยากไปทำงานในวันพรุ่งนี้ เคยพยายามคุยกับหัวหน้าว่าขอย้ายไปแผนกอื่นหรือรับผิดชอบงานส่วนอื่นแทนได้มั้ย เขาก็รับฟังเฉยๆแต่ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้ จนกูลาออกเองในเดือนมีนา และเป็นช่วงโควิดคนตกงานระนาวพอดี แต่แทนที่กูจะกลัวไม่มีงาน กูดันสบายใจมากเลยที่ไม่ต้องไปทำงานแบบนั้นแล้ว ถ้าไม่ติดว่าทางบ้านหรือกูต้องใช้เงิน กูคงไม่กลับไปทำงานในสายงานนี้อีกแล้วว่ะ ทุกวันนี้พยายามบอกตัวเองว่าต้องเก็บเงินเพื่อเปิดร้านทำเล็บให้ได้ แต่ความรู้สึกแย่ๆมันก็ยังติดตามตัวกูมาตลอด และสายงานกูมันก็เครียดและกลับดึกตลอดแหล่ะ จนกูเห็นแววว่ากูคงอยู่ที่นี่ไม่ถึงครึ่งปีแน่ๆ
มีโม่งคนไหนทำงานเอเจนซี่แล้วอยากลาออกบ้างป่ะ กูเบื่อมากเลยสายนี้
>>470 >>471 สายงานออกแบบ ในบริษัทออกแบบแห่งหนึ่ง ที่กลับบ้านตีสองติดๆกันเป็นอาทิตย์และยังต้องมาทำงานให้ทันเวลาเข้างาน สั่งแก้แบบ ล้มแบบ งานจะส่งลูกค้าอีกวันข้างหน้าก็มีปรับแก้ตลอดเวลา แน่นอนว่าไม่มีการจ่ายโอที สุขภาพแย่ ร่างพัง เป็นออฟฟิศซินโดรม สายงานอื่นที่เกี่ยวข้องก็มีแต่ช่วงนี้เขาไม่รับคนไง กูชอบไปออกหน้างานมากกว่านั่งแต่ในออฟฟิศอีก ส่วนที่สุขภาพจิตแย่คือกูโดนสั่งแก้งานซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนประสาทเสีย ทุกครั้งที่แก้จิตใจก็ดิ่งลงเรื่อยๆว่าทำไมเราห่วยแบบนี้ เด็กใหม่ๆเข้ามาก็เก่งกว่ากูร้อยเท่าพันเท่า หัวหน้าก็ชอบด่าว่าอายเด็กมันมั้ย ไม่รู้ผมจะจ้างคุณไว้ทำไมอีกในเมื่อเด็กจบใหม่ยังทำได้ดีกว่า เลยทำให้กูเฟลหนักมากจนเป็นซึมเศร้า จริงๆยังมีอีกเยอะแต่เรื่องก็ราวๆนั้นล่ะ
อยากรู้ว่าจะรู้ฐานเงินเดือนบริษัทที่จะสมัครงานได้ยังไงอ่ะ
>>475 กูใช้วิธีเลือกเงินเดือนขั้นต่ำในเว็บที่สมัครงานว่ะ แบบ....กดเลือกสายงาน แล้วก็เลือกเงินเดือนขั้นต่ำ สมมติต้องการเงินเดือนขั้นต่ำที่ 30000 ก็กดไป 30000 แล้วเว็บมันจะกรองให้จนเหลือบ.ที่ตั้งเงินเดือนไว้ตามนั้นได้ พวกบ.ที่ตั้งเงินเดือนต่ำกว่า 30000 ก็จะไม่ปรากฎขึ้นมาในการค้นหา แล้วมึงก็บวกลบเพิ่มเอาจาก 30000 นั่นดู
>>474 กูว่าสายงานออกแบบนี่รับงานได้กว้างมากเลยนะ มันดิ้นได้ ไม่ได้เฉพาะทางขนาดนั้น ที่ toxic มันคือหัวหน้า(เก่า)มึงมากกว่า ไม่ใช่ทุก บ.ต้องทำงานล่วงเวลานะ อย่างที่กูทำอยู่นี่ก็ออกแบบ สายเว็บ ใครจะอยู่ต่อก็อยู่ ใครงานเสร็จแล้วถึงเวลาเลิกงานก็เด้งออกได้เลย มันคือการบริหารเวลาบริหาร resource ที่ดี แต่บ.เก่ามึงไม่มี ถ้าอยากออกหน้างานมากกว่านั่งออฟฟิศลองเป็น AE มั้ย หรือไปทาง Project Manager แบบว่ารู้ทางฝั่งดีไซน์ด้วยจะได้ไม่ขายงานเกินความสามารถทีม อย่างแรกมึงต้องดึงเอาความมั่นใจในตัวเองของมึงกลับมาก่อน สิ่งที่มึงมีแน่ๆ คือประสบการณ์การทำงาน มึงขายความสามารถมึงไปก่อน บ.จะซื้อไม่ซื้อนั่นอีกเรื่อง ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้ามึงสบายใจจะทำงานของตัวเองไปเรื่อยๆ กูก็ไม่ได้ขัดอะไรนะ
ในที่ทำงานมีแต่คนเล่นชู้กันว่ะ
เอวีแม่งเปลี่ยนสังคมไทยไปมากจริงๆ
ตื่นเช้ามาไม่อยากไปทำงานทุกวันเลยว่ะ เพิ่งจบใหม่ทำงานได้4เดือนเอง ควรเปลี่ยนงานป่ะครับอันนี้ผ่านโปรละ
อยากถอดรองเท้าตอนอยู่ที่โต๊ะทำงานว่ะ ก็คิดว่าเท้าตัวเองไม่เหม็นนะ แต่โต๊ะมันติดๆ กันไม่มีพาร์ทิชั่นแล้วรุ้สึกเกรงใจเพื่อนร่วมงาน ไม่กล้าถอดยังไงไม่รู้ว่ะ
กูคือ >>445 หลังจากกูเริ่มงานไปสองอาทิตย์ เข้าไปก็เจองานด่วนแบบเร่งจะเอาภายในสองวันเลย ซึ่งสองอาทิตย์ที่ผ่านมากูกลับบ้านตีหนึ่งไปทั้งอาทิตย์ มันเป็นอะไรที่กูเกลียดมากตั้งแต่ทำงานอยู่ที่เดิมละ ไอ้เรื่องกลับดึกๆดื่นๆจนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น แถมยังต้องไปทำงานให้ทันเวลาเข้างานด้วย(เข้างานสิบโมง) เพราะเขาเช็คสแกนนิ้วเข้าออกทุกวัน ถ้ากูเข้าสายจะโดนเรียกไปด่า แต่ไม่มีโอทีให้นะ แม้กูจะอยู่ถึงตีหนึ่งก็ตาม ดีที่เบิกค่าแท็กซี่ได้
วันเสาร์ที่ผ่านมาก็ไลน์มาสั่งงานกูบอกว่าจะส่งวันจันทร์ ช่วยทำให้หน่อยได้มั้ย(เป็นประโยคคำสั่ง ไม่ใช่ขอร้อง) และกูมารู้ว่าโปรเจคนี้มันถูกดองไว้เป็นเดือนก่อนกูเข้าไป แต่ดันไม่มีใครทำเพราะเขาลาออกกันยกทีม กูก็ว่าแปลกๆอยู่ที่กูเข้าไปดันเป็นพนักงานคนเดียว ไม่มีใครอีกนอกจากแอดมินธุรการน่ะ มิน่า ทำไมทีมเก่าแม่งลาออกกันหมด
พอกูทำอยู่คนเดียว ทุกโปรเจคแม่งเลยเทมาใส่กูคนเดียวไง แล้วทีนี้กูทำคนเดียวมันก็ช้าใช่มั้ยล่ะ เจ้าของบ.แอนด์ภรรยาเขา ก็เริ่มจะมาด่ากูละว่าทำไมทำงานช้า มันดูไร้ประสิทธิภาพมากเลยนะถ้าเทียบกับประสบการณ์ในเรซูเม่ที่คุณกรอก เขาบอกก็เข้าใจว่ากูทำงานคนเดียวนะ แต่ช่วยเร่งมืออีกหน่อยได้มั้ย กูบอกกูทำเร็วสุดได้แค่นี้ล่ะ เขาก็ดูไม่ค่อยพอใจนะ บอกว่ากูเป็นซีเนียร์แล้วก็ต้องทำงานเร็วและดีกว่าจูเนียร์สิ กูเลยคิดว่าเอาล่ะ สิ้นเดือนนี้เราคงต้องลากันทีสำหรับที่นี่ เพราะกูไม่ชอบการเมเนจเวลาของที่นี่เลย มึงให้กูกลับบ้านตีหนึ่งมาเป็นอาทิตย์เลยนะ
แต่อีกใจนึงก็คิดว่าถ้ากูออกกูจะเอาเงินที่ไหนใช้ เงินเดือนกูก็จัดว่าสูงพอสมควร ในสภาวะแบบนี้คงไม่มีใครอยากจ้างด้วยเงินเท่านี้หรอก แต่กูก็เห็นแววว่ากูจะไม่ผ่านโปรอีกเหมือนกันเพราะกูไปเถียงเขาเรื่องการจัดการเวลาในการทำงานแบบนี้ กูรู้เลยว่ากูไม่ผ่านโปรแน่เพราะท่าทางเมียเจ้าของเขาก็ไม่ได้ชอบกูหรอก เพราะเหมือนกูไปตำหนิเขาว่าทางเขาน่ะจัดการเวลาไม่ดี กูเลยต้องรับภาระหนักขนาดนี้ไง กูควรลาออกก่อนหรือรอให้เขาเชิญออกเพราะไม่ผ่านโปรดีวะ แถมเขาก็มองว่ากูทำงานประสิทธิภาพแย่อีกเพราะเขาเหน็บๆกูมาว่าทำงานไม่คุ้มเงินเดือนที่จ่ายแพงๆเลย
อีกอย่างที่กูเคยเล่าไปว่ากูมีแพลนที่จะเปิดร้านทำเล็บและกูไปลงเรียนคอร์สสอนอยู่ ถ้าออกจากงานตอนนี้กูก็แค่กลับไปแพลนเดิมคือเรียนคอร์สให้จบแล้วไปสมัครงานเอาประสบการณ์ตาามร้านทำเล็บก่อน พอทำคล่องๆหรือทำเป็นแล้วค่อยเปิดร้านเอง เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับกูในตอนนี้เท่าไหร่เพราะกูก็มีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่มากพอถ้าจะเปิดร้านเล็บอยู่ดีว่ะ
>>490 เขาบอกเขาก็กำลังหาคนเพิ่มอยู่ จะให้มาเป็นจูเนียร์ลูกมือกู แต่ยังไม่มีใครเหมาะสม ให้กูใจเย็นๆและทนทำไปก่อน
เกิดแม่งเป็นงี้ไปอีกเดือนกูว่ากูตายก่อนพอดี กลับบ้านตีหนึ่งตีสองทุกวันแล้วยังต้องตื่นมาทำงานให้ทันอีก งานแม่งก็เร่งจะเอาทุกอันจนกูจะประสาทแดกอยู่ละเนี่ย
ไม่มีงานเครียดกว่างานหนักนะ ยิ่งถ้าคนมีครอบครัวหรืออาศัยกับครอบครัว กูเห็นมาเยอะแล้วคนที่ออกช่วงนี้แต่ยังหางานไม่ได้
ครอบครัวตอนแรกอาจจะช่วยซับพอทมึง แต่นานๆเข้าจะกลับลำทับถมแทนเครียดเข้าไปใหญ่
ทนทำไปก่อนนั่นละ แต่ต้องต่อรองกันไป
อีกไม่กี่เดือนกูทำงานครบ 3 ปี รู้สึกหดหู่สัสๆ แหกปากบอกเพื่อนว่าจะออกตั้งแต่ต้นปีจนเพื่อนกูเปลี่ยนงานไป 2-3 ที่กูแม่งยังขี้แพ้อยู่ที่เดิมมาตลอด งานไม่แย่แต่ผู้ใหญ่ไม่ให่ความสำคัญเท่าไรกับสายงาน ทำตามมีตามเกิด แบบดีเสมอตัวชั่วมามึงซวย แต่เพราะไอ้งานไม่แย่ บางทีกูสงสัยว่ากูเคยชินกับการบอกตัวเองว่างานไม่แย่ และอดทนกับมันเพราะแม่งเป็น safe zone ไปแล้วทั้งงาน เงิน สวัสดิการจนไม่กล้าไปเริ่มใหม่เหราะกลัวหนีเสือปะจระเข้ว่ะพูดแล้วก็ท้อใจ หรือการหนีไปปะจระเข้ อาจทำให้ชีวิตกูมีสีสันกว่านี้วะ
>>491 "พรบ.คุ้มครองแรงงาน โดยเฉพาะมาตรา 118 ที่หากพนักงานถูกเลิกจ้างหลังจากทำงานมาได้ครบ 120 วันแล้ว บริษัทจะต้องจ่ายค่าชดเชยอย่างต่ำ 1 เดือน" - ก็ช่วง 120 วันนั่นแหละคือช่วง "ทดลองงาน"
>>494 เท่าที่รู้คือจ่ายเต็มเดือนของเดือนนั้นๆ เฉยๆ นะ แบบให้ออกได้เลยต้นเดือนก็ได้ แต่ต้องจ่ายของเดือนนั้นเต็มเดือน ค่าตกใจไม่ได้มีกำหนดอะไรไว้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บ. >>492 มันไม่มีทางจ้างออกหรอก ไม่มีคนอยู่ทำงานให้แล้ว ถ้าอยากออกก็ต้องออกเอง
กูเพิ่งจบใหม่ทำงานคุมพนักงาน แต่หัวหน้าสั่งให้ใช้มาตรการเอาเก้าอี้ออกไปไม่ให้คนงานนั่งทำงานเพื่อลดการอู้งาน กูรู้สึกว่ามันทำเกินไปว่ะแต่ก็เห็นที่อื่นๆใช้มาตรการแบบนี้ไม่มีใครมีปัญหาอะไรด้วย
บ.ยุ่น รับผลิตชื่อดังที่รู้จักเคยทำนะ แล้วก้ลดเวลาได้นิดหน่อย พอคนสบายมันจะขี้เกียจ ถ้ายืนมันจะ alert กว่า
งาน product ก็งี้ละ มันจะเอาเปรียบคนงานให้มากที่สุด แต่ต้องไม่ถึงจุดที่คนงานหันมาประท้วง
>>495 อารมณ์คล้ายๆกันเลย แต่ของกูใกล้จะ 4 ปีละ เงินกูมองว่ามันก็ดี เกินมาตราฐานของวงการมาพอตัว
แต่ด้วยลักษณะงานแล้วมันควรจะได้มากกว่านี้ถ้ากูจะตั้งใจจะหาจริงๆ
ตอนเข้ามาที่นี่แรกๆกูชอบที่นี่มาก รู้สึกว่าอะไรๆก็ดีไปหมด รู้ตัวอีกทีกลายเป็นว่ากูไม่โอเคกับมันไปแล้ว
แต่มันก็ยังไม่แย่ขั้นสุด ไม่ต้องทำงานยันดึก ไม่ต้องทำงานวันหยุด
มีข้อดีหลายๆอย่างที่ๆอื่นอาจจะหาได้ยากเช่น ได้ WFH ยาวๆ ออฟฟิซใกล้คอนโด ยังพอมีช่วงได้พักอู้งานได้บ้าง
ตั้งใจจะออกต้นหรือกลางปีนี้ แต่เจอโควิดซะก่อนกูก็ไม่ค่อยกล้าไปไหน สัมมาแค่ 3-4 ที่ เจอแต่ห่วยๆกูก็หมดแรงจะหาต่อ
กูก็บอกไม่ถูกว่านี่กูอดทนน้อยไปหรือมากไปกันแน่ ตั้งใจว่าจะออกให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ไม่รู้จะได้ไปมั้ย
เป็นเด็กจบใหม่ คุยโทรศัพท์ต่อรองเงินเดือนกับ HR ให้ฟีลเหมือนเป็นหมูขึ้นเชียงให้เขาเชือด ประสาทจะกินแล้ว TT
การให้เราตอบตกลงยืนยันเข้าทำงาน โดยที่ไม่บอกเงินเดือนเราก่อนนี่ปกติไหม...
ถ้าเป็นการ scout คนก่อนเข้าทำงาน ทำสัญญาปากเปล่ารึเปล่า ตอนไปเซ็นใบยังไงก็ต้องเขียนไว้นะว่าจ้างเท่าไร
เอ้อ ถ้ากูจะหาเด็กฝึกงาน หรือ คนทำงาน กูต้องใช้อะไรบ้างวะ
ปกติจ้างแต่ตัวเองมาตลอดไม่รู้เรื่องเลย พวก เงินเดือน ภาษี ไรงี้ ถ้าจ้างคนอื่นทำไงมั่ง
>>506 ในนามบริษัทหรอ? กูก็ไม่เคยเปิดบ.เองหรอกนะแต่ก็หาๆ ศึกษาอยู่ ปกติมึงต้องมีจ้างบัญชีทำทุกเดือนเพื่อยื่นภาษีอยู่แล้วป๊ะ ก็ลองปรึกษาเขาดูเรื่องการหักภาษี นอกนั้นก็ต้องมีสัญญาจ้างละมั้ง จะมีสวัสดิการประกันสังคมให้พนักงานด้วยมั้ย? แต่ถ้าเด็กผึกงานก็คงไม่ต้อง ถ้าใช้งานจริงจังก็อาจจะมีให้ค่าขนมเป็นเงินสดไป กูมโนล้วนๆ นะ เพ้อทุกวันว่าอยากเปิด บ.เอง
>>508 ร้านมึงจดทะเบียนพาณิชย์อะไรมั้ยล่ะ ส่งภาษีมั้ย เพราะเรื่องภาษีนี่คือค่าจ้างพนักงานก็คือค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในฐานะ บ.มันเอาไปลดหย่อนภาษีได้ไง ถ้าไม่ได้จดไม่ได้เสียภาษีอะไรก็แค่ตกลงกับลูกจ้างว่าจะยังไงรูปแบบไหน จะจ่ายเงินกันยังไง ถ่ายเอกสารบัตร ปชช.ไว้ด้วยเผื่อลูกจ้างขโมยของ
เครียดจังเลยเพื่อนโม่ง ขอปรึกษา(หรือระบายเฉยๆก็ได้)หน่อย
คือก่อนหน้านี้ได้งาน2ที่ ที่แรกได้เงินน้อยกว่าอีกที่นึง แต่คิดว่าน่าจะต่อยอดและน่าจะมีคนเก่งๆให้ไปครูพักลักจำวิชามา ส่วนอีกที่ค่อนข้างชอบenvironment (ตอนวันที่ไปสัมได้มีโอกาสคุยกับคนในทีมที่จะได้ร่วมงานด้วยหลายคน) และได้เงินเยอะกว่าที่แรก
กูอยากทำที่สองมาก แต่ก็ตัดใจเลือกที่แรก และปฏิเสธที่2ไปด้วยเหตุผลว่า อยากได้ประสบการณ์
ตอนนี้เริ่มงานได้2วัน แต่พอเริ่มทำงานจริงกลับไม่เป็นแบบที่คิดเลย จัดการงานกันไม่เป็นระบบ ปริมาณงานที่ต้องทำไม่alignกับตัวtimeline และตัวงานที่เห็นก็คือเน้นเผา และเท่าที่เห็นคือทำงานกันถึงตี1-2เป็นเรื่องปกติ ซึ่งกูรู้สึกไม่โอเคเลย
ซึ่งตอนนี้ยังเห็นที่2ประกาศรับตำแหน่งเดิมอยู่ ถ้าจะโทรไปถามจะน่าเกลียดไหม (เพิ่มเติม ตอนปฏิเสธที่นี่ ปฏิเสธไปอย่างดีๆน่ะ)
ปล. ตอนนี้รู้สึกเสียดายและเครียดมาก น้ำตาจะไหล ฮรืออออออ~ T T
มีใครทำงานธนาคารในสำนักงานใหญ่บ้างมั้ย เราพึ่งได้งานอะอยากรู้ว่าสภาพแวดล้อมการทำงานเป็นยังไงก่อนที่จะเริ่มเข้าไปทำงาน
>>500 มึง กู 495 เองนะ มึงคือกูร่างโคลนอ่ะ เนื้องาน วันหยุด เงิน และแพลนออกงาน
กูรู้ว่าไม่ได้มีกูคิดคนเดียว แต่เจอคนคิดเหมือนกัน ก็มีแรงสู้ต่ออีก 2 เดือนนิดๆ
ขอระบายหน่อย ล่าสุดวันนี้เจอพี่ๆที่ทำงานคุยกับนายญี่ปุ่น แบบคุกเข่าที่พื้น กูกลับมานั่งคิด เฮ้ยยังมีภาพนี้อีกหรอวะ
คืออาจจะมีคนว่ากูก็ไม่ต้องทำ ก็ยืนๆไป แต่มึงคิดภาพทั้งออฟฟิศนอบน้อม นั่งยองคุยงาน
กูรู้สึกว่าอ้าวเห้ย กูเป็นใครวะ เออถ้าถามว่าทำงานมาตั้งนานไม่รู้หรอว่าอะไรยังไง จริงๆก่อนหน้านี้คนประสานงานจะหัวใหม่ๆ สไตล์ฝรั่ง
ปีนี้เปลี่ยนคน พี่แกเล่นคุกเข่าคุย ไอ้คนติดต่องานแบบกู คือยืนยิ้มแห้งเลยว่ะ
ทำงานบริการ เขาถามอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่ แบบกูไม่มีความสามารถห่าไรเลย เรียก 14-16K นี้เหี้ยปะวะ
>>517 บริการแบบไหนวะ? ถ้าทำในร้านอาหารแล้วไม่ใช่ตัวเมือง มึงเรียกขนาดนี้คือเหี้ยนะ ยุคแบบนี้แค่เรียกไปเกินหมื่นเจอปฏิเสธโคตรง่าย
เออ กูมาถามด้วยคน เป็นพวกมึงคือควรเปิดประสบการณ์ใหม่ในการทำงานดีไหม หรือทำงานในจุดที่ตัวเองถนัดดี ตอนนี้MKแถวบ้านเปิดรับงานเสิร์ฟอีก กูกลัวเรื่องทำงานปิดร้าน+วิ่งงานในร้านไม่ทันนี่แหละเพราะสาขาที่ว่ามาใหญ่พอควร ปสก.กูมีตรงงานบริการ อีกงานนึงคือทำซูชิ งานครัว ซึ่งเค้ารับกูไปฝึกแถวสามย่านมิตรทาวน์ก่อนจะมาทำในฝั่งธน(กลัวmanagerสาขานั้นให้กูเข้าก่ะดึกละเริ่มเช้านี่สิ) ตรงนี้ปสกกูน้อยเหี้ยๆ ........................................ปรึกษาคนในบ้านมันก็บอกว่าให้ลองทำอะไรใหม่ๆ อายุยังน้อยอยู่ พวกมึงคิดยังไงวะ
ทำไมคนป่วยแล้วไม่ชอบใส่แมสกันวะ สุดท้ายเป็นกันทั้งทีม เป็นงี้มาหลายรอบละเหมือนไม่เคยเรียนรู้อะไร บางคนก็ใส่มานะแต่ใส่แปป ๆ ก็ถอด แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร นี่ถ้าเป็นโควิดก็คงเป็นกันหมดแล้วมั้ง
>>518 ถ้าเคยทำร้านอาหารแล้วจะไปลอง mk อีกทำไม มันไม่ต่างกันมากนักหรอก อะไรใหม่ๆมันควรหมายถึงงานที่เนื้องานต่างออกไปเลย คนละแบบเลย
ถ้าจะให้แนะนำจริงๆอยากให้แบ่งเวลาไปลงเรียนรามเอาป.ตรี จะได้สมัครงานที่เรตดีกว่านี้ได้ งานบริการพวกนี้มันดักดานนะ โอกาสโตยากมาก
อ่อ อีกแนวที่นึกได้คือเทเลเซล เก่งพอมีโอกาสได้ถึง 2-3หมื่นรวมค่าคอมภายในไม่กี่เดือน บ.ใหญ่ๆที่ระบบดีๆจะมีโอกาสโตเป็นหัวหน้าทีมด้วย
>>520 มาตราการอ่ะมีนะแต่คนแม่งไม่ทำไง 555555 ไม่ต้องถึงโควิดหรอก แค่หวัด/ไข้หวัดใหญ่ คนเป็นมันยังไม่ปิดแมส ทั้ง ๆ ที่มันควรอ่ะ หรือออฟฟิศห้องแอร์ คนก็นั่งติด ๆ กัน เป็นคนนึงก็เป็นเกือบยกทีม แต่เหมือนคนไม่ค่อยแคร์เลย หรือกูนอยด์มากเกินไปวะ แล้วอนามัยคนก็ไม่ค่อยดีอ่ะ ล้างมือก็ไม่ล้าง ไอจามก็ไม่ปิดปาก ถึงได้บอกว่าถ้าโควิดนี่ไม่เหลืออ่ะ จิตสำนึกต่ำขนาดนี้
>>522 มันยังได้อยู่ ตลาดมันเล็กลงแต่ก็ยังมีลูกค้าในกลุ่มนี้อยู่ คนที่ขี้เกียจจะเข้าเวบไปเปรียบเทียบราคาเอง หรือคนที่พอจะรู้ราคาอยู่แล้วและเราสามารถทำราคาที่ถูกกว่าไปเสนอได้
ในแง่ผู้ประกอบการมันเป็น red ocean แล้วล่ะนะ เจ้าใหม่เจ้าเล็กเข้ามาแบ่งส่วนในตลาดได้ยาก แต่ในแง่ลูกจ้างก็ยังหมุนเวียนเข้าออกได้อยู่
มันไม่ใช่งานที่ดีที่สุดหรอก แต่สำหรับคนไม่มีวุฒิมันก็โอเค ก็งานนั่งโต๊ะ ถ้าได้บ.ใหญ่ๆที่เค้าเทรนนิ่งดีมันช่วยยกระดับความสามารถโดยรวมได้ด้วย
>>521 ก็กูไม่ได้จะทำไปตลอดนะโม่ง กูทำเพื่อเก็บเงินเรียน ป.ตรี มหาลัยปิดไปเลยนี่แหละ หรือถ้าไม่ได้ค่อยมาลงราม เคยคุยกับผู้ใหญ่หลายๆคนที่เรียนควบทำงานที่กูไม่อยากรู้สึกตามคือความเหนื่อยเรื่องจัดการเงินหว่ะมึง ถ้าเกิดกูต้องเรียนแล้วห่วงเรื่องเงินไปด้วยเลยไม่โอเคมาก ถ้าทำสักปี2ปีเก็บเงินได้ก้อนที่โตพอจะจ่ายค่าเทอมได้ค่อยว่ากันไป ส่วนรามกูเห็นสภาพการจราจรไม่เว้นแต่ละวันคือเหี้ยมาก ถ้ากูต้องลงตรงนั้นก็ขอทำงานเก็บเงินพอๆกันหว่ะ หาหอดีๆเช่าไปเลย
>>525 ก็ตอนแรกไม่ได้บอกเรื่องนี้ ก็แนะนำไปตามข้อมูลเท่าที่ให้มา ที่แนะนำรามเพราะมันไม่ต้องเข้าเรียนบ่อยๆ มีเวลาให้ทำงานได้มากกว่า
จริงๆเรื่องเรียนมันก็ผิดกระทู้ แต่จะเก็บเงินเรียนต่อ ต่อให้กู้กยศได้ ค่ากินค่าอยู่ที่ให้มามันไม่พอนะ แล้วก็ต้องมีค่าเทอมเทอมแรกก่อน ด้วยเงินเดือนหมื่นนิดๆแบบปัจจุบันจะประหยัดยังไงก็เก็บได้ไม่เยอะมาก อีกสักพักก็หมดต้องมีงานเสริม มองเรื่องงานที่สามารถทำได้ระหว่างเรียนไปด้วยละกัน
>>526 บอกเลย กูคำนวณเผื่ออีกยาวๆอ่ะ ทำไป4ปีให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ที่ผ่านมามีสำรองเงินไว้ก่อนแล้ว ถ้าพูดให้เข้าเรื่องงานนะ สำหรับวุฒิ ม.6 แล้วฝั่งธนนี่แม่งไม่ใช่ว่าเอะอะคือจะรับเข้าทำงานง่ายๆ ช่วงยุคนี้มันต่างจาก4-5ปีก่อนมากนะมึง เลยต้องงานแนวร้านอาหารก่อนไง พวกช่างเชื่อม ช่างตู้ หรือออกแนวสายอาชีพนี่มีรับเอาแต่ ปวช. , ปวส. ส่วนงานนั่งโต๊ะเทเลเซลที่เด่นสุดคือ UOBติดซีคอนบางแค มึงรู้ไหมว่าเดือนนึงประกาศรับทีๆ แล้วบอกตลอดว่ารายได้ 15000-30000 ทำไมคนออกกันเยอะเพราะมันไม่ได้มีเงินเดือนปกติแบบขายสมาร์ทโฟนนะ แล้วฝีมือการขายกุไม่ช่ำ ไม่ได้ทำมาแต่ไหนแต่ไรจ้าาา เคยลองแค่ขายบัตรร้านอาหาร ข้อมูลโปรโมชั่นร้านกูยังตามไม่ทัน ตามไม่แม่นตอนรับออเดอร์ลูกค้าเลยมึง อนึ่ง งานขายแบบเทเลเซล มึงมีทริกอะไรที่จะได้ข้อมูลลูกค้าชั้นสูงๆมาไหม? เจอขายเบอร์ลูกค้ารายใหญ่จากหัวหน้าใหญ่ๆเพื่อให้ทำยอดให้ได้มึงจะทำยังไง?
>>527 นี่คือโกรธ? หรือที่กูพูดมันไม่จริงไม่น่าฟังไม่เข้าหู?
- สำหรับวุฒิ ม.6 แล้วฝั่งธนนี่แม่งไม่ใช่ว่าเอะอะคือจะรับเข้าทำงานง่ายๆ
อืม รู้
- พวกช่างเชื่อม ช่างตู้ หรือออกแนวสายอาชีพนี่มีรับเอาแต่ ปวช. , ปวส.
อืม รู้ อันนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว เลยไม่ได้แนะนำไง
- มึงรู้ไหมว่าเดือนนึงประกาศรับ ---- บลาๆๆๆ ----มึงจะทำยังไง?
อืม รู้
นี่คือคิดว่ากูแนะนำลอยๆแบบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับงานนี้เลย? คิดว่ากูเห็นคนอื่นเค้าอวดว่าเงินดีก็เลยบอกต่อแบบส่งๆ? เห็นเม้นนี้ปะ >>524 คิดว่าคนไม่รู้อะไรเลยจะบอกแบบนี้ได้มั้ย?
- แล้วฝีมือการขายกุไม่ช่ำ ไม่ได้ทำมาแต่ไหนแต่ไรจ้าาา
แล้วไม่คิดจะฝึกฝน? ไม่คิดจะพัฒนาตัวเอง? คิดว่าทำได้แค่นี้ก็เอาเงินแค่นี้ไปวันๆ? รอได้เรียนมหาลัยค่อยให้เค้ายัดความรู้ใส่ในหัวอีกที?
- ข้อมูลโปรโมชั่นร้านกูยังตามไม่ทัน
อืม โง่แหล่ะ จบม.6แล้วได้แค่นี้ถือว่าโง่นะ
- อนึ่ง มึงมีทริกอะไร? มึงจะทำยังไง?
"ถ้าได้บ.ใหญ่ๆที่เค้าเทรนนิ่งดีมันช่วยยกระดับความสามารถโดยรวมได้ด้วย" คิดว่าบอกไปชัดเจนแล้วนะ
อิโก้อะลดลงบ้าง โตแล้วเนอะ
มีใครทำงานเป็นเซลขายของให้โรงงานแมะ
อยากรู้ว่าช่วงนี้ยอดขายเป็นยังไงกันบ้าง
>>516 กู >>500 นะ ขอให้มึงได้งานใหม่เร็วๆนะ ตอนแรกกูก็ชักเนือยๆละแบบอยู่ต่อก็ได้วะ
ช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมามีเรื่องให้กูประสาทแดกเพิ่มอีกหลายเรื่องจนได้ คราวนี้แม่งระดับอยู่ไม่ได้เลย
คงต้องไปจริงๆแล้ว ตอนนี้กูกำลังเปิด jobsdb รัวๆเลย 555
ตอนนี้กูมีปัญหาชีวิตอีกอย่าง คือแม่กูไม่ค่อยสบาย ไม่ถึงกับหนักมาก แต่ก็ต้องมีคนอยู่บ้านด้วย
แล้วพ่อกูก็ยังต้องออกไปข้างนอกบ้างบางวัน ซึ่งก็คงต้องหางานที่ WFH ได้เป็นบางวันอีก
คือรู้แหละว่าช่วงนี้ไม่ควรเรื่องมาก แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ
ไหนจะพ่อแม่กูเป็นพวกช่างดราม่าอีก ถ้ากูเปลี่ยนงานเค้าก็ดราม่าอีกแหงๆ แล้วสภาพจิตใจกูช่วงนี้ก็ไม่ได้พร้อมรับเรื่องพวกนี้อะไรขนาดนั้น
แต่อันนี้กูรู้สึกว่ากูคงต้องทำใจให้ชินๆไป ไม่ได้มีทางเลือกอื่น
>>529 มึงควรเอาประโยคสุดท้ายไปบอกตัวเองนะ รู้ตัวไหมว่าให้คำแนะนำแบบมึงนี่ไม่ได้ช่วยอะไร ถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นเค้าคงมอบส้นตีนให้อ่ะ โง่แล้วมาให้คำแนะนำแบบน้ำเต็มแก้วคือคนแบบมึงชัดๆ
-แล้วไม่คิดจะฝึกฝน? ไม่คิดจะพัฒนาตัวเอง? คิดว่าทำได้แค่นี้ก็เอาเงินแค่นี้ไปวันๆ? รอได้เรียนมหาลัยค่อยให้เค้ายัดความรู้ใส่ในหัวอีกที?
งานไหนถนัดกว่าก็ลองงานนั้นไหม? ทำเป็นเร็วก็ไม่เดือดร้อนเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่งานขายมันเหี้ย ถ้างานมันไม่มีเงินเดือนประจำเลยมันก็ไม่น่าทำไง บาง บ. ไม่ได้บอกชัดๆว่าเงินเดือนประจำมีให้จริงๆไหม เคยทำงานมากี่งานละวะถึงได้มาขิงเป็นไร่เลย?
-อืม โง่แหล่ะ จบม.6แล้วได้แค่นี้ถือว่าโง่นะ
คนแบบมึงมีสมองแต่ไม่รับเหตุผลชาวบ้านมึงก็ไม่ได้ฉลาดกว่าคนอื่นเค้าหรอกนะ สันดานเลยส่งต่อแต่ข้อความที่ออกแนวชิงหมาเกิดไง หน้าที่โปรโมชั่นตามร้านที่กูทำมันมีตำแหน่งหน้าบ้านอยู่อีกทอดให้ทำ งานกูคือเสิร์ฟและรับออดดอร์เป็นหลักๆอีห่า เรื่องพวกนี้ทำบ่อยๆก็พอจำได้ งานแนะนำโปรกูไม่ได้มีโอกาสทำบ่อยๆถ้าเกิดว่าลูกค้าไม่เยอะจริงๆ แล้วฝ่ายการตลาดเปลี่ยนถี่มาก สามวันเปลี่ยน วันนึงก็เจอของใหม่ๆมาแล้ว หัดเข้าใจไว้ด้วยอย่าส่อแต่ความขวางโลก บางทีเมเนเจอร์ไม่ลงข้อมูลแต่หัววันก็มี มาลงเอาตอนที่ พนง. เขาวิ่งงานกันอยู่ใครจะไปตามในไลน์ทันวะ
-"ถ้าได้บ.ใหญ่ๆที่เค้าเทรนนิ่งดีมันช่วยยกระดับความสามารถโดยรวมได้ด้วย" คิดว่าบอกไปชัดเจนแล้วนะ
ไม่ชัดเจน และไม่จริงเสมอไป ให้ยกตัวอย่างก็UOBซึ่งขนาด บ. มันก็น่าจะใหญ่กว่าโลงศพโคตรเหง้ามึงรวมกันสักสิบโลงได้อ่ะนะอีขี้เหยียด ถ้าแม่งดีจริงเค้าไม่รับเพิ่มๆเอาถึงทุกวันนี้หรอก มึงมีอะไรจะบอกไหมว่าเขาอบรมการขายดีจริงๆ? รายได้ที่คนเคยไปทำก็ไม่ได้เงินเดือนนะ ยุคแบบนี้ทำงานฟรีทำการกุศลยังได้เงินเยอะกว่าอีสัตว์
ทิ้งท้ายนะ ไม่ได้ไม่เข้าหู แค่ที่มึงบอกมามีอะไรที่เคยเจอมาแล้วแย้งได้ก็แย้ง โตแล้วแต่สมองยังไร้หัวคิดกับคำพูดดีๆนะมึงอ่ะ พัฒนาการช้ากว่าเด็กเอ๋อจริงๆ มิน่าละเลยมีตรรกะมาตอบโพสต์ได้แค่นี้
>>535
- งานไหนถนัดกว่าก็ลองงานนั้นไหม? ทำเป็นเร็วก็ไม่เดือดร้อนเพื่อนร่วมงาน
เทเลเซลมันเผื่อช่วงเทรนเดือนแรกไว้อยู่แล้วว่าจะยังไม่เก่ง บ.ที่ดี(again)จะยังไม่ด่าพนักงานใหม่ตั้งแต่ช่วงแรก และคนที่เดือดร้อนเพราะเทเลเซลคนใหม่ขายไม่เก่งก็มีแค่หัวหน้าที่ได้ส่วนแบ่งค่าคอม
มนุษย์เงินเดือนน่ะนะ ทำงานให้ดีไม่เดือดร้อนเพื่อนร่วมงานมันสำคัญก็จริง แต่การพัฒนาตัวเองสำคัญกว่า เพื่ออนาคต มองกันยาวๆ ไม่ใช่เอาตัวรอดไปวันๆ
- เคยทำงานมากี่งานละวะถึงได้มาขิงเป็นไร่เลย?
โอเค อยากให้เล่าก็ขอเล่าหน่อยละกัน ไม่เยอะหรอก ถ้านับแค่งานประจำก็ 5 เองมั้ง ไม่ใช่คนเปลี่ยนงานบ่อย เทเลเซลทำมา 2 ที่ รวมๆก็ 5-6 ปีได้ ทำตำแหน่งอื่นที่โคงานกันตลอด ไปนั่งด่าเมเนเจอร์ระดับบนสุดของฝ่ายเทเลเซลต่อหน้า ceo ในห้องประชุมก็ทำมาแล้ว
อ้อ และทั้ง 2 ที่ที่เคยทำนั่น (รวมถึงอีกหลายๆที่ ที่เพื่อนร่วมงานเคยทำและเปลี่ยนงานไปทำ) ดูแลพนักงานเทเลเซลระดับล่างสุดดีกว่าบ.ที่มึงพูดถึง มีเงินเดือนฐานชัดเจน ต่อให้ทั้งเดือนขายไม่ได้เลยก็ยังได้เงินเดือนมากกว่าพนักงานเสิร์ฟ mk แต่ขายไม่ได้เลยติดต่อกันหลายเดือนก็ไม่ผ่านโปรล่ะนะ อันนี้ปกติ
>>536
- มีเงินเดือนฐานชัดเจน ต่อให้ทั้งเดือนขายไม่ได้เลยก็ยังได้เงินเดือนมากกว่าพนักงานเสิร์ฟ mk แต่ขายไม่ได้เลยติดต่อกันหลายเดือนก็ไม่ผ่านโปรล่ะนะ
ก็บอกชัดเจนนะว่าทำงานตรงนี้เพื่อเก็บเงินไปเรียนต่ออีกทอด ไม่ได้ถึงขั้นแบบเติบโตในสายงานตรงนี้ไปยาวๆ เออ เงินมันไต่ได้เยอะมากเข้าใจ เห็นแถวบ้านไม่ได้มี บ. เทเลเซลล์ใหญ่ๆน่าไว้ใจเยอะขนาดนั้นละสันดานขิงด่าคนอื่นอ่ะเลิกเถอะ ที่ทำไปเรฟบนๆนี่คือถ่มน้ำลายขึ้นฟ้ารดหน้าตัวเองชิบหาย
-ทำตำแหน่งอื่นที่โคงานกันตลอด ไปนั่งด่าเมเนเจอร์ระดับบนสุดของฝ่ายเทเลเซลต่อหน้า ceo ในห้องประชุมก็ทำมาแล้ว
สันดานถ่อยกับชาวบ้านเป็นทุนเดิมสินะ กับกล้าบอกมาได้ว่าระดับบนๆก็ไม่เว้น ถึงว่าสิทำไมปล่อยความระยำใส่โม่งมาแบบนึกว่าคนในครอบครัวเลี้ยงดูมาให้เป็นแบบนี้อ่ะนะ วุฒิภาวะต่ำจัง
สุดท้ายพวกมึงก็ทะเลาะกันจนได้ กูตามอ่านอยู่ก็รู้สึกเหมือนกันว่าอยู่ดีๆ แม่งก็เหยียดเฉย แต่ก็นะ ปล่อยๆ มันไปเหอะ สำหรับกูกูคิดว่าเทเลเซลล์ไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้น เอาเวลาไปฝึกสกิลอื่นเหอะ กูว่ามึงทำงานบริการไปด้วยมีโอกาสก็หาเรียนสายบริหาร ไต่เต้าเป็นผู้จัดการสาขากูว่ายังดีกว่า /มองแบบคนนอก ไม่ได้ทำงานบริการ ไม่ได้ทำเซลล์
นึกไปนึกมา ในเมื่อกูก็โม่งอยู่งั้นกูลองเม้นท์ถ่อยๆ บ้าง กูว่าเทเลเซลล์แม่งกระจอก น่ารำคาญชิบหาย แต่ช่างเหอะเดี๋ยวพอคนใช้แอพมากขึ้นเรื่อยๆ พวกแม่งก็อดตายกันไปเอง
>>539 ไม่อยากเหมารวม แต่เห็นการตอบกลับ >>535 >>537 ละคือสื่อเลยว่าวงการนี้แม่งอีนี่คือหนึ่งในความตกต่ำของงานแบบนี้จริงๆ พม่าที่ทำงานร้านกูพูดไม่รู้เรื่องมากนัก ทำงานหน้าร้านต้องโปรโมทงานขายบัตรสมาชิก ขายโปรคอร์สอาหาร ตอนคุยกันปกติเถียงไปมาสันดานยังไม่แย่ขนาดนี้เลย พูดจาใช้เหตุผลดีๆเยอะกว่ามาเหยียดด้วยซ้ำ
เพื่อนโม่ง กูอยากรู้เงินเดือนเพื่อนๆที่อายุ 30-35 อ่ะ ไม่ต้องบอกอาชีพก็ได้ แล้วแต่
ของกูหักภาษาแล้วเหลือ 38000 กว่าๆ โดยประมาณ
แม่กูบอกคนอื่นเค้าได้เงินเดือนจะแสนกันแล้ว กูอยากรู้ว่ามีคนได้เงินเดือนเหยียบแสนเยอะมั้ย
>>529 นี่คือคำแนะนำของคนที่เคนทำงานเซลล์จริงๆเหรอวะ? แค่ตรรกะนี่แม่งก็เพี้ยนละ เหมือนด่าคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูดีนะแต่จริงๆแล้วไม่ ส่วนงานที่เคยทำอ่านที่มันเล่ามาตัวเองยังไม่กล้าก้าวออกจากcomfort zoneเลยเสือกมาโวยวายใส่คนอื่นว่าเค้ากระจอก โง่ ไม่กล้าแบบตัวเองเนี่ยนะ? หลงตัวเองสัสๆ องุ่นเปรี้ยวเหี้ยๆ
กลับบ้านมาเปิดblognoneทุกวันเลย อยากลาออกโว้ยยย
เครียดว่ะ จะเรียนจบปีหน้าแล้วยังไม่รู้จะหางานอะไรทำเลย ที่ๆมหาลัยโคไว้ก็เงินเดือนเหี้ยชิบหาย ได้11-10,000ต่อเดือนเงี้ย ไม่ไหวปะวะ ละงานฝั่งมาเกตติ้งก็ลิสต์คุณสมบัติเยอะชิบหาย ต้องทำโฟโต้ช้อปเป็น ขายของเป็นงี้ มันใช่เหรอ คุยกับผู้ใหญ่เขาก็บอกไม่เลือกงานไม่ยากจน แต่งานแบบนี้กูไม่ควรคิดก่อนเลือกจริงๆเหรอวะ ไอ้เหี้ย
ขอถามโม่งทำงานแล้วหน่อย คิดว่างานสายการเงิน/marketing ที่มีเงินเดือน13-15000สำหรับเด็กจบใหม่จะหายากมั้ย กูเครียดว่ะ ประสบการณ์ฝึกงานกูก็ไม่มีเพราะติดโควิด แต่ที่ผ่านมาก็เคยทำงานพิเศษหลายอย่าง(แนวบริการ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียน) แล้วก็ได้ภาษาแบบสื่อสารได้2ภาษา(ไม่นับอังกฤษ) เกรดเกินสาม
หรือขอแนวทางหน่อยว่าคนจบสายเสดสาด การเงิน สามารถต่อยอดทำอาชีพอะไรได้บ้าง ตอนนี้แม่งเบลอมากเลยว่ะ ที่บ้านก็ไซโคไม่หยุด เพื่อนที่มอก็กรอกหูทุกวันว่าจบไปไม่มีงานหรอก กูจะบ้าตายไอ้เหี้ย
>>534 กู >>516 เรื่องประสาทแดก /ตบบ่า เรื่องเดียวก็แย่แล้ว มาหลายเรื่องกูไม่กล้าจินตนาการเลเวลนั้นเลยว่ะ same กู jobsdb เพือนที่รู้ใจ
กูเชื่อว่าเราจะต้องผ่านสิ้นปี 2020 นี้ไปได้ ไอ้เรื่องดราม่าพ่อแม่โนคอมเม้นเลย อย่างที่มึงว่าถ้าใจยังไม่พร้อมไฟว้ก็อดทนไว้ เพราะเดี๊ยวพาลแย่ทั้งที่ทำงาน ที่บ้านจะแย่เอา ก็นะ อีก 2 เดือนนิดๆ ก็คิดซะว่าใช้ช่วงนี้วางแผน เซฟเงิน เผื่อต้นปีไปเริ่มที่ใหม่ 555 ตอนนี้ก็หาเรื่องที่ดีที่สุดของการมาทำงานที่นี่ พอจะฮึบๆได้สิ้นปีละมั้งนะ
ได้งานใหม่มาอัพเดตด้วยนะ กูจะได้มีแพชชั่นบ้างงง
กูอยากจะเปลี่ยนงานมาพักใหญ่ๆละ รู้สึกเรื่องงานแม่งเดี๋ยวดีเดี๋ยวเหี้ย
บางทีพอมันไม่ค่อยมีอะไรเหี้ยๆเข้ามาซักพักก็เริ่มเนือย มีอารมณ์แบบขี้เกียจย้าย อยู่ไปก่อนละกัน
รู้สึกรำคาญความใจง่ายของตัวเอง ว่าทำไมเจอแค่นี้ก็ใจอ่อนคิดจะทนอยู่ต่อแล้วหรอ
แต่อีกใจนึงก็ไมแน่ใจว่าการที่กูอยากจะย้ายงานในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยปัญหาที่มันแค่เกิดเป็นครั้งคราวนี่มันใจร้อนเกินไปรึเปล่า
>>551 ตอนนี้คนจบตรีมีแต่ออกมาขายของออนไลน์ ไลฟ์กัน เศรษฐกิจมันยังไม่ดีอ่ะ เงินเดือนโดนกดอยู่แล้ว มีคนรู้จักจบเกีรตินิยม ออกมาขายกระเป๋าไว้ขนหมา รายได้ดีด้วยนะไม่ได้ไก่กา แนะนำให้ทำขนม ไม่ก็รับงานจากคนอื่นมาทำ ระวังเว็บพนัน รับงานเป็นจ้อบๆจะได้เลิกง่ายไม่ยุ่งยาก
งานแนะนำก็ สติกเกอร์ ธีมไลน์ ขายขนม ไม่ก็รับงานพับกระดาษ โรงงานบางที่ลูกจ้างเค้าไม่พอ ก็หาคนมาช่วยทำแรงงานตรงนี้ พาร์ทไทม์ร้านเสวนเซ่น เอ็มเคก็เห็นรับสมัครอยู่
ทำไงดีวะเพื่อน ตื่นมาทุกวันอยากลาออกทุกวันเลย งานมันได้เงินดีแต่กุยิ่งทำเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางเลยว่ะ(สายโปรแกรมเมอร์) จบมาทำมาได้5เดือนเองแต่ยิ่งทำเริ่มไม่ชอบขึ้นเรื่อยๆเลยว่ะ + เพิ่งจบเลยยังไม่รู้เลยสรุปตัวเองชอบอะไรกันแน่ไม่รู้จะสมัครอะไรดี มีใครแนะนำได้ป่ะ
>>556 ไม่รู้ว่าทำงานโปรแกรมเมอร์แล้วไม่ชอบนี่คือไม่ชอบแค่ตัวงานโปรแกรมเมอร์อย่างเดียวมั้ย หรือว่าไม่ชอบงานสาย IT ทั้งหมดเลย
ถ้าไม่ชอบงานโปรแกรมเมอร์ แต่ยังโอเคกับสาย IT อยู่ก็มีทางขยับเยอะนะ อย่างเป็น Tester, SA ฯลฯ
ซึ่งบางอย่างอาจจะต้องทนเป็นโปรแกรมเมอร์ไปก่อนซักพักถึงจะขยับไปได้ บางอย่างก็ไม่ต้อง requirement ของแต่ละที่อาจจะไม่เหมือนกันด้วย
>>553 กู >>534 นะ หลังจากรวมๆว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้างก็ทำ resume แล้วอัพขึ้น jobsdb ยังไม่ทันจะกด apply ที่ไหนเลย
ก็เจอพวก recruiter โทรมาแบบรัวๆมาก ตอนนี้เค้าก็แจ้งว่าส่งไปให้หลายๆที่แล้ว เดี๋ยวคงทะยอยมีนัดสัมภาษณ์ตามมา
ซึ่งก็ถือว่าดูเป็นสัญญาณดี แต่กูก็แอบกลัวๆอยู่เหมือนกันว่าพอไปถึงด่านนั้นแล้วเค้าจะรับมั้ย
เพราะตอนกูหางานรอบก่อนสัมภาษณ์ไม่ผ่านซะส่วนใหญ่ ไปสิบกว่าที่ เค้ารับแค่สองที่ แต่ที่ๆได้ก็ได้แบบง่ายๆงงๆ
กูก็คงพยายามไล่สัมไปเรื่อยๆแหละ ถ้าตามที่ๆ recruiter พวกนี้ส่งให้ยังไม่เวิร์คค่อยไปกดสมัครจากใน jobsdb ดู
ทำงานเริ่ม 8 โมง เลิกห้าโมง แต่เดินทางเที่ยวละ 2 ชม. วะ นอนสี่ทุ่มตื่นหกโมงก็ยังมีแอบเผลอหลับตอนทำงานแบบพิมพ์ๆอยู่ละน็อกไปเลย มีทางคำแนะนำไหมวะ
ถามหน่อย ปกติพวกมึงแจ้งออกจากที่เก่าตอนที่ใหม่ตกลงว่าจะจ้างแบบคุยปากเปล่า หรือรอเซ็นสัญญาก่อนค่อยแจ้งออก?
กุ >>556 เองนะ
ตอนนี้แบบเปื่อยมาก ไม่มีแรงจูงใจใดๆที่ทำให้อยากไปทำงานเลยว่ะ กะว่าอยากจะหาทุนไรไปเรียนต่อนอกสักหน่อยอ่ะ อยากไปเปิดโลก แต่ทุนแม่งก็แข่งกันสัสๆ กุไม่มีงานวิจัยไรด้วยอ่ะมีแต่โปรเจคจบธรรมดาๆ กุควรทำไงดีวะเพื่อนๆ
ตอนนี้มีคะแนนieltsละ ได้มา8.0แต่ไม่รู้จะขอทุนไรได้บ้างอ่ะ ไม่ได้อยากทำวิจัยถึงขนาดนั้น
พรุ่งนี้กูจะไปแจ้งลาออก โดยที่ยังไม่มีงานใหม่ ขอพลังเพื่อนโม่งเป็นกำลังใจให้กูที
ทุกคนขอถามหน่อยเพิ่งเคยไปสัมภาษณ์งานครั้งแรก ทาง hr แจ้งว่าให้แต่งตัวสุภาพ กูคาใจกับเรื่องนี้มาตลอดเลยการแต่งตัวสุภาพของผู้หญิงจำเป็นต้องใส่กระโปรงเท่านั้นมั้ยอ่ะ? แล้วรองเท้าแจ้งแค่ว่าห้ามรองเท้าแตะถ้างั้นรองเท้ารัดส้นถือว่าได้มั้ย? เอาตรง ๆ คือมีปัญหากับการใส่รองเท้ามาตลอดรองเท้าคัชชูกัดทุกคู่ตั้งแต่คู่ล่ะร้อยยันคู่เป็นพันเลยอึดอัดเวลาต้องใส่คัชชู ตำแหน่งที่ไปสมัครเป็นคอลเซ็นเตอร์อ่ะเลยไม่แน่ใจว่าควรเคร่งแค่ไหน
พึ่งส่ง Resume ไม่มั่นใจว่าHr ได้เปิดเมลดูรึเปล่า พอดีกูส่งไป 2 รอบ ด้วย เพราะรอบแรกเหมือนเข้าไม่เห็นมั้ง พอส่งไปรอบ 2 ตอบกลับมาทันทีเลย แล้วกูเคยสมัครที่นี้มาแล้วรอบ 1 ไม่ถึง 3 วันเข้าโทรให้มาสัมภาษณ์งาน
แล้วถ้ากูส่งเมลไปเตืนเขาอีกรอบจะโอเคเปล่าวะ
>>574 กูพึ่งส่ง เรซูเม่ไปไม่ถึงอาทิตย์ แล้วเงียบ
พอกูส่งไปรอบ 2 ทางนั้นเขาตอบทันที ตอนนี่กูรอเขาเรียกสัมภาษณ์ แต่นี้จะครบ 7 วันแล้วยังเงียบ
แล้วกูเคยสมัครกับ บ.นี้ ประมาณปีที่แล้ว 3 วันเขาก็เรียกกูสัมภาษณ์แล้ว
ตอนนี้กูกังวลที่เขาไม่โทรมา กูอยากจะส่งเมลไปอีกรอบ เผื่อเมลกูตกไรงี้ มันจะโอเคปะวะ
ร่อนไปบ้างละ ยังไม่มีที่ไหนโทรเรียกสัม หรือตอบเมลเลย ต้องร่อนอีกกกก
สัมมาที่นึงดูดีนะ แต่ในความรู้สึกกูเค้าเป็นแนวแบบอยากได้คนมี passion อะไรงี้อ่ะ
ซึ่งตัวกูรู้สึกว่า passion อะไรมันไม่เหลือแล้ว อยากทำงานง่ายๆสบายๆแล้วไปใช้เวลากับพลังงานทำอะไรอย่างอื่นมากกว่า
ตกงานแล้วโว้ย ฮือออออ ในที่สุดก็วนมาถึงคิวกู
>>571 วันสัมภาษณ์งานเป็นวันที่กูจะยอมลำบากหนึ่งวัน กูจะแต่งตัวให้เรียบร้อยที่สุดชนิดที่ไม่ว่าใครมองก็คือเรียบร้อย เพราะคำว่าเรียบร้อยของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะไปเจอคนสัมแนวไหน (ยกเว้นว่ามึงปักธงไว้แล้วว่าจะไม่ขอทำงานกับคน conservative เกินเหตุ อันนี้ก็แล้วแต่) เพราะกูไม่อยากจะมาเสียใจทีหลังเด็ดขาดว่ารู้งี้.....บลาๆๆ พอดีกูทำสายญี่ปุ่นด้วย สายนี้คือเคร่งสุด สูทต้องมี สีต้องดำ
คัชชูนี่กูก็กัด ติดกันกัดยังไงก็กัด ใส่ยี่ห้อดีและแพงแค่ไหนก็กัด กูอาศัยแปะปลาสเตอร์ยาที่เท้าไว้ก่อนเลย ซึ่งแม่งก็กัดอยู่ดี แต่ช่างมัน ทนได้
ถ้าไม่ชอบงานที่ทำอยู่ตอนนี้ซึ่งมันได้เงินเยอะกว่าที่อื่นเยอะ ละไปสมัครที่อื่นที่ได้เงินน้อยกว่าแต่ดูjob descriptionละดูจะตรงกับความสนใจเรามากกว่านี่โอเคมะ ละจะตอบเขาตอนสัมว่าไรดีอ่ะถ้าสมัครไป
กูเป็นคนเหี้ย แต่หงุดหงิดใจมากที่บริษัทที่กูใฝ่ฝันอยากทำงานด้วยติดต่อเพื่อนกูเรื่องสัมภาษณ์กับเงินเดือนก่อน ในขณะที่กูต้องรอยันปีหน้า (เขาให้วันที่ตายตัวมา) ทั้งที่ hr เขาติดต่อกูมาก่อน และกูมั่นใจว่าโพรไฟล์กูดีกว่าแน่ๆ ทั้ง technical skills และภาษา แง เฮ้อ คงต้องตัดใจสินะ :( ที่กูทุ่มเทมาตลอดมันเพื่ออะไรกันวะเนี่ย
นั่งหา พาร์มไทม์ทำกูไปเจอพวกงานเฝ้าบูท ทำ ตั้งแต่ห้างเปิด-ปิด ได้ 650 ยังมีคนสมัครหรอวะ กูสงสัย
>>584 บอกไปตามตรงนั่นแหละ สำหรับกูคำตอบว่าตรงความสนใจก็สมเหตุสมผลนะ
>>585 มึงไม่ได้เหี้ยซะหน่อย ก็ผิดหวังอ่ะ อย่าโทษตัวเองมากเดี๋ยวมันสะสมแล้วเป็นปัญหาใจ ช่างแม่ง บ.นั้น อนาคตมึงอาจจะไปได้ไกลกว่าเพื่อนโดยไม่ต้องโตกับ บ.นี้ก็ได้ใครจะรู้ สู้ๆ มึง เดินหน้าต่อ
>>586 ณ สถานการณ์ทุกวันนี้กูว่ามีคนทำแน่นอน ดีกว่าไม่มีรายได้เลย ตอนนี้มันแย่จริงๆ อะไรทำได้ก็ทำไปก่อน
>>583 กูผู้ชาย เป็นคนนึงที่ปักธงแล้วว่าจะไม่ทำงานกับคน/บริษัทที่จู้จี้จุกจิกเรื่องชุดพนักงานเกินไป
เดี๋ยวนี้เวลาสัมคือกูใส่เสื้อเชิ๊ตที่ไม่มีลายหรือลายน้อยหน่อย กางเกงยีนดำ รองเท้ากีฬาสีไม่ฉูดฉาด ไม่ใส่สูท ไม่ใส่เนคไทด์
ส่วนมากเค้าก็โอเคกันนะ แม้แต่สัมงานแบงค์ที่เค้าแต่งตัวเนี้ยบๆกันหน่อย อาจจะด้วยอาชีพกูโดยทั่วๆไปมักไม่แต่งตัวเนี้ยบกัน
ตอนสัมครั้งแรกในชีวิตเลยกูแต่งตัวเนี้ยบมาก แบบใส่สูท เชิ๊ตไม่มีลาย ใส่เนคไทด์ รองเท้าหนัง แล้วเจอคนสัมเค้าเห็นชุดแล้วขำเลยแอบฝังใจนิดนึง
หลังจากนั้นลาออกหลังผ่านมา 4 ปี กูสัมก็แต่งตัวเหมือนเดิมแต่ไม่ใส่สูทแล้ว
งานที่ทำอยู่ปัจจุบันเจอพี่คนสัมเค้าเห็นแล้วตกใจ ถึงขนาดถามว่าคุณต้องแต่งตัวแบบนี้มาทำงานหรอ
ตอนนั้นกูก็เครียดเลยแบบกลัวบอกไปตรงๆว่าแต่งเรียบร้อยเพราะมาสัม เดี๋ยวจะกลายเป็นโดนมองว่าสร้างภาพไรงี้มั้ย แตเค้าก็ดูไม่อะไร
>>589 แล้วแต่สายงานแหละอย่างที่บอก อย่างกูสายญี่ปุ่นเพียว สมัครแต่บ.ญี่ปุ่น (ประเภทบ.ไทยแต่มีความเป็นโลคอลสูง คนไทยเป็นใหญ่ กูก็ไม่เอานะ ไม่ชอบ) เพื่อนกูทำสายไอทีบริษัทฝรั่ง เห็นว่ามันใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ไปสัมด้วยซ้ำ ส่วนของกูน่ะเหรอ ยิ่งเรียบร้อยเต็มยศเท่าไหร่คนญปยิ่งประทับใจ ปลื้มกูสุดๆ กูไม่มีปัญหาเรื่องเสื้อผ้าเลยไม่ว่าที่ไหนจะเคร่งแค่ไหน ถ้าไม่บังคับกูก็แต่งชิลล์นะ แต่ถ้าบังคับมากูก็แต่งได้ ไม่เคยเดือดร้อนกับการต้องแต่งตัวเรียบร้อย เพราะกูจะไปมีปัญหากับเรื่องอื่นในงานซะมากกว่า ถถถ
>>553 กู >>534 นะ ตอนนี้ก็ได้งานใหม่แล้ว WFH ได้เยอะพอสมควร
ก็กลัวเรื่องบรรยากาศงานมันจะเครียดอยู่หน่อยๆ เพราะตอนสัมนี่คุยกันยาวชั่วโมงกว่าๆโดยไม่มีการคุยเล่นอะไรเลย
แต่ก็ช่างมันละ ไม่คิดเยอะ ลองๆไปดู ตอนนี้ยังไม่ได้เซ็นสัญญา กว่าจะไปเริ่มก็ปีหน้านู่น
ไม่รู้กูใจอ่อนไปมั้ยที่รอเริ่มปีหน้า เพราะอยากให้งานปัจจุบันมันเรียบร้อยแล้วค่อยไป แต่ก็คุยกับเค้าไปแบบนั้นแล้ว
กุกำลังออกจากงานเก่า แต่โดนกดดันว่า ทำไมไม่เคลียร์งานค้างๆให้เสร็จก่อนไป คือแม่งไม่ทันจริงๆหวะ แล้วกูเก็บคำพูดมาคิดอีก
สุดจะทนกับเจ้านายแล้ว แม่งเอ๊ย จะลาออกหางานใหม่ตอนนี้ก็ยากอีก กูต้องทนเหรอ
ยังอยู่ในช่วงโปรนะ ทำตำแหน่งที่ไม่เหมาะกับตัวเองเลยว่ะ อึดอัดมากต้องพูดคุยกับคน ตามทวงงานจากคนอื่น ยิ่งเป็นintrovertจัดๆจะบ้าตาย ตอนนี้ไปหาจิตแพทย์ได้ยามากิน ควรทำต่อไปมั้ยวะ
รู้สึกเฟลว่ะ สัมภาษณ์งานแล้วเจอคำถามวัดไหวพริบง่ายๆดันตอบไม่ได้ เพราะตกใจไม่คิดว่าจะเจอคำถามแนวนี้
มาคิดคำตอบดีๆออกก็ตอนสัมจบแล้ว
ตกงานมา4เดือนแล้ว เครียดฉิบหาย มีออฟเฟอร์จากรีครูทมาก็ตอบรับหมดแต่ไม่มีที่ไหนเรียกสัมภาษณ์เลย
>>603 เค้าเปิดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ารูปนึง แล้วบอกว่าสี่เหลี่ยมนี้มีพื้นที่ 40 ตรม. ถามว่าจะรู้ได้ยังไงว่ากว้างเท่าไหร่ ยาวเท่าไหร่
ไม่รู้คำตอบที่กูนึงออกจะใช่ที่เค้าอยากได้ป่าวนะ แต่คำตอบที่คิดได้คือกะคร่าวๆว่าอัตราส่วนระหว่างด้านกว้างกับด้านยาวเป็นเท่าไหร่
แล้วเราก็สามารถหาความยาวด้านกว้างได้จาก สูตร กว้าง x ยาว = พื้นที่
เช่นสมมุติด้านยาวยาวเป็น 2 เท่าของด้านกว้าง ก็จะเป็น กว้าง x 2 กว้าง = 40
แก้สูตรออกมาก็เป็นประมาณ กว้าง = 4.47, ยาว = 4.47x2 = 8.94
Resume ไม่ผ่าน กี่เดือนส่งอีกรอบอะ
ตกงานมาสี่เดือนแล้ว สมัครเว็บรีครูททุกเว็บ รับออฟเฟเอร์ทุกอันแม่งยังไม่ได้สัมเลย กำลังจะเป็นบ้า
ถ้ามีบริษัทหนึ่งเปิดรับพนง เรื่อยๆ แล้วกูไม่ผ่าน แล้วถ้ากูส่งใบสมัครอีกรอบเขาจะด่ากูในใจปะวะ พอดีอยากได้งานนี้จริงจัง
ถามคนหางานสายญี่ปุ่น บริษัทรีครูทตัว P สีแดงๆ ที่ไปฝากรับสมัครงานตามเว็บรีครูทอื่นทำไมถึงเขียนคอนแทคให้ติดต่อแยก ต้องโทรไปหาคนรับผิดชอบเท่านั้นเหรอเรซูเม่ถึงจะถึงบริษัท เมลไป กดสมัครไปงี้ไม่ถึงใช่มั้ย
กฎของการเป็นหัวหน้า คือต้องโดนลูกน้องเหม็นขี้หน้าเหรอวะ ฮ่าฮ่า
เพิ่งทำมาได้6เดือนหลังจบใหม่ แต่ไม่มีความสุขเลยอ่ะครับ งานมันก็ได้เงินดีนะแต่ทำๆไปละบอกไม่ถูกอ่ะแต่เหมือนทำละยิ่งdepressedขึ้นทุกวัน ควรออกมาพักไหมอ่ะหรือยังไงดี เคยมีแผนว่าอยากลองขอทุนไปตปท.อยู่แต่ไม่รู้จะได้ป่าว มีใครมีคำแนะนำป่ะครับ ใจนึงก็อยากออกมาพักมาสมัครทุนเลย
ว่างงานมานานยังไม่เคยทำงานบริษัทเลย พรุ่งนี้กำลังจะไปสมัครที่ใหม่ ตอนนี้20กลางๆ ก่อน30ควรมีเงินเก็บแค่ไหน อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่
ให้กำลังใจกุหน่อย
ตกงานมานานห้าหกเดือน พรุ่งนี้มีนัดสัมภาษณ์ว่ะ แต่บอกตรงๆว่าฟีลกูหดหู่มาก ช่วงเวลาที่ผ่านมาไปสัมภาษณ์คือไม่ได้ซักที่เลย พยายามปรับปรุงการพูดก็แล้ว ปรับคำพูด ปรับบุคลิก แต่ก็ยังไม่ได้ซักที่ บางทีโดน hr ด่าหรือเหน็บแนมมา แบบว่ากูโดน layoff ไง แล้วเขาก็พูดเหยียดๆประมาณว่าถ้ากูเก่งจริงบ.เก่าคงเอากูไว้ไม่เชิญกูออกหรอก ตอนนี้ความมั่นใจก็หดหายหมดจนกลายเป็นว่ากลัวการสัมภาษณ์งานไปเลยอะ ทำไงถึงจะเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้วะ กูเฟลหนักมาก
เก็บกันเดือนละเท่าไหร่ มีรายได้อื่นจากอาชีพเสริมไหม
อีกสองเดือนจะไปฝึกงานที่บริษัทประกันภัยรถยนต์ อยากได้คำแนะนำ ควรวางตัวอะไรยังไงบ้าง ไม่เคยทำงานมาก่อนเลยกลัวจะไปปล่อยไก่ หรือไปโชว์โง่ตอนฝึกงานแล้วเค้าจะด่าไปถึงมหาลัย
ตอนนี้กูอยู่ตจว.เพราะโดนเลย์ออฟ แต่หางานในกทม.ปริมลฑลเหมือนงานก่อนๆ รีครูทถามว่าถ้าจะสัมฯต้องนัดกี่วันล่วงหน้า กูขออาทิตย์นึง เพราะต้องหาตั๋ว มันนานไปจนบริษัทตัดกูออกปะวะ เพราะกูได้งานแมชต์ให้รีครูทส่งประวัติไปเยอะมาก แต่ยังไม่มีบ.ไหนเรียกสัมเลย
วันนี้ศุกร์สิบสาม
ไปลงประวัติใน linkedin แล้วมีฝรั่งติดต่อมาหาว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากธนาคาร...อยู่ที่ลอนดอน กูมีญาติที่ตายห่าไปเมื่อหลายปีก่อนแต่ทิ้งเงินในบัญชีไว้หลายล้านดอลลาร์อยู่ ถ้าไม่มีคนไปแสดงความเป็นญาติ เงินจะโดนธนาคารอายัด นางเห็นนามสกุลกูเหมือนกับอีคนที่ตายเลยมาบอกว่าเรามาแบ่งเงินกันมั้ย นางจะเดินเรื่องเอกสารให้เอง คือกูรู้ว่าแม่งหลอกชัวร์ๆแหล่ะ แต่นี่มันการหลอกในรูปแบบใหม่เหรอวะ เงินตั้งหลายล้านถ้าเป็นเรื่องจริงน่าจะมีญาติไปแสดงตัวกันให้พรึ่บนะ ใครเคยเจอแบบนี้บ้างวะ
เป็นพนงเข้าใหม่จะ 4 เดือนแล้ว เพื่อนร่วมงานยังไม่ลากเราเข้ากรุ๊ปไลน์ที่ใช้อยู่เลยอะ ฮือออออออ
เครียดว่ะ จบมาตั้งแต่ปีที่แล้วอยู่บ้านว่างๆ อยากไปฝึกงานเพราะอยากเปลี่ยนสายทำงานจากที่เรียน แต่บ.ส่วนใหญ่รับแต่พวกนักศึกษากับคนเพิ่งจบ กูรู้สึกตัวช้าไปมั้ย
ไม่เห็นภาพตัวเองจะทำบอที่เข้าใหม่ได้นานเลยว่ะ เดือนสองเดือนไม่เกินนี้คงได้ลาออก
อยู่ๆ ก็มีงานด่วนตอนเย็นวันศุกร์ ขอก่อนเช้าวันจันทร์ น่าจะกินเวลาทั้งเสาร์อาทิตย์
วันนี้นั่งทำไปเรื่อยๆ แล้วก็งีบไปตอนหัวค่ำ
แม่งฝันว่าแก้งานต่อ โทรไปประสานงาน ย้ายไฟล์เป็นตุเป็นตะ ตื่นมางงชิบหาย กูทำอะไรถึงไหนแล้วเนี่ย
เลยมานั่งเอ๋อๆ ย้อนความจำตอนตีสอง
อยากถูกหวยงวด 16 นี้ รางวัลที่หนึ่งสองใบ กูจะกลับไปแก้บนที่เหนือ แล้วก็กลับมาลาออกจากงานซะเลย พอและ กูหมดความสนุกและ
ทำงานไปก็ได้คำตอบว่ากูอยากเป็นคนว่างงานที่รวยมาก เป้าหมายอนาคตอะไรไม่มีอีกแล้ว
มะรืนสัมภาษณ์งานหลังจากตกงานมาเกือบครึ่งปี กูไม่มั่นใจอะไรเลย กูเป็นสายภาษาแต่ไม่ได้ใช้มาเท่ากับเวลาที่ตกงาน กูฝ่อไปหมด
หมดแรงเดิน ไหว้พระบนของานใหม่ที่ไหนได้บ้าง พระพรหมปะ ใครรู้
อะ ดูดวงที่ไหนแม่นๆด้วย
กูมีนัดสัมภาษณ์งานว่ะ ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ เท่าที่ฟังหน้าที่หลักคือช่วยงานฝ่ายบุคคลเลย แบบนัดสัมภาษณ์ ทำเงินเดือน งานธุรการทั่วไป แต่ประเด็นคือกูไม่เคยทำงานเกี่ยวกับฝ่ายบุคคลเลยแม้แต่นิดเดียว กูทำงานสายไอทีมาตลอด ประวัติที่กูลงไว้ในเว็บหางานก็ไม่ใช่สายธุรการซักนิด แล้วกูตงิดๆที่บริษัทที่โทรมาคือบ.ขายประกันว่ะ กูจะโดนหลอกไปทำงานขายประกันป่ะวะ ถ้าแม่งหลอกกูไปทำงานขายประกันกูจะเคืองสัสๆ
>>649 เท่าที่ฟังดูน่าจะอยากได้คนมาทำเอกสารเข้าระบบมากกว่านะ ทั้งโปรไฟล์ เรื่องภาษี เรื่องวันลา น่าจะต้องมีระบบจัดการเยอะ หาคนมีหัวทางไอทีจะได้เรียนรู้ระบบไวมั้ง ที่ออฟฟิศก็กำลังมูฟจากเอกสารกระดาษให้เข้าระบบทั้งหมด ต้องมาเรียนรู้ระบบใหม่ ต้องจัดการเอกสารเยอะมาก สงสาร HR เหมือนกัน
อยากรู้ว่าทำไมเด็กที่เกรดสูงๆ ถึงไม่เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างที่คิด ตอนนี้กูกำลังจะเรียนจบและหางานอยู่ สมัครที่เดียวกัน แต่เพื่อนที่เกรด 2-3 ต้นๆ โดนเรียกสัมและได้งานกันหมดแล้ว (บ.อินเตอร์ชั้นนำ) ในขณะที่กูและเพื่อนที่เกรด 3.95++ สมัครที่ไหนไปก็เงียบกริบ ทั้งที่ไม่ได้มีแค่เกรด ภาษาก็ได้ ประสบการณ์ทำงานก็มี กิจกรรมนอกเวลาเรียนก็แน่น สกิลก็ครบตาม requirement
ท้อแท้ว่ะ เหมือนตั้งใจเรียน ตั้งใจเก็บโพรไฟล์มาสูญเปล่าเลย ในขณะที่คนอื่นเรียนๆ เล่นๆ ก็จบไปได้เงินเดือนมากกว่ากู 2 เท่า เฮ้อ เมื่อไรจะได้งานกับเขาบ้างว้าาาา
>>656 บริษัทพวกนี้เป็นเหี้ยอะไรกันวะ อะไรหาคนสมัครงานตรงๆไม่ได้จนต้องใช้วิธีหลอกคนมาฟังก่อนเผื่อเคลิ้มเลยหรอ ทำเป็นพวกขายตรงไปได้
กูก็เคยเจอไปสัมงาน IT แถวพหลโยธิน ในตึกนั้นมีออฟฟิซบริษัทประกันอยู่ชั้นเดียวกับบริษัทที่กูไปสัมพอดี
มันเอาคนมายืนดักหน้าลิฟท์แล้วถามว่ามาสัมภาษณ์งานรึเปล่า พอบอกว่าใช่เพราะนึกว่าเป็นบริษัทที่กูสมัครงาน
มันก็ยัดใบกรอกประวัติใส่มือแล้วพากูเข้าออฟฟิซมันเลย พอเห็นว่าไม่ใช่บริษัทที่กูมาสัมกูเลยรีบบอกว่าผิดบริษัทแล้วเดินหนี
ขนาดบริษัทเล็กๆ โฮมออฟฟิศ มันยังมีการเมืองภายในได้เหรอวะ หนีไม่พ้นจริงๆ เหนื่อยกับงานพอแล้ว ยังมาเหนื่อยกับคนอีก
ไม่เคยอยู่บริษัทนานถึง1ปีเลย นานสุดก็10เดือน ล่าสุดบริษัทที่ทำมา4เดือนเข้าขั้นวิกฤตจะให้เราอยู่ต่ออีก 2 เดือน ขอออกสิ้นเดือนหน้าเลยได้ปะ ไม่มีแรงใจทำงานต่อละ
>>659 เพื่อนเอ๋ย เล็กใหญ่มึงหนีไม่พ้นหรอก ต่อให้มึงไม่เลือกข้าง จะมีความพีคเหี้ยๆที่มึงตกกระไดพลอยโจรไปกับฝั่งไหนฝั่งหนึ่ง ตราบใดที่มึงยังเป็นตัวเล็กตัวน้อย ทำงานกับคนเยอะๆ แต่ที่จริงมันก็ทำได้นะถ้างานมึงไม่ต้องยุ่ง ไม่ต้องแคร์ใคร ใช้ชีวิตโดดเดียวผู้น่ารักไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเอาความคิดเห็นกูนะไม่ค่อยเวิค ถ้าถามว่าเพราะอะไร เพราะถ้ามึงอยู่ในสังคมที่พวกชั้นไม่ใช่พวกแก งานของพวกแก ชั้นไม่แคร์ หรือแม้แต่มึงจะไม่ยืนข้างใครก็เท่ากับว่าตัวตนคนจาง priority มึงจะเป็นท้ายๆ พร้อมกับการต้องตามจิกงาน มึงจะสยองมาก กลับกันถ้าตำแหน่งมึงแข็งแรง และยิ่งใหญ่ในระดับหนึ่ง วันนั้นละมึงถึงจะถือว่าได้เป็นผู้ลอยตัวเหนือดราม่าต่างๆที่แท้จริง /นี่อาจจะเป็นคหสต ที่กูเจอมา กูก็ยังหวังว่าตัวเองจะเจอโรงงาน no การเมืองซำเหมอๆ
มึงกูขอกำลังใจหน่อยกูตกงานมา 8 เดือน ตอนนี้กูเพิ่งได้งาน แต่สภาพสังคมแย่มาก ซึ่งใจกูอยากออกแต่ถ้าออกตอนนี้กูจะไม่มีแะไรแดกทันที
กูอยากได้กำลังใจ
เครียด ทำไมทุกอย่างที่กุมองว่าสวย หัวหน้ากูมองว่าไม่สวยทุกที
จบใหม่ทำงานได้6เดือนแต่รู้สึกไม่ชอบวานเลย อยากเปลี่ยนสายแต่ต้องไปบ.อื่นที่เงินน่าจะน้อยกว่านี่ควรทำมะ ว่าจะหาๆละอาจจะออกเดือนหน้าไม่ก็ต้นปีหน้าเลย ตอนนี้ทำละไม่มีความสุขเลยอ่ะ depressขึ้นทุกวันถึงเงินมันจะดีก็เถอะ
รู้รำอิเจ้ปากมากที่ co-working Space ว่ะ ไอ้เหี้ย พูดอยู่ได้ไม่หยุด เสียงก็ดีง แถมแหลมอีกน่ารำคาญเหี้ยๆเลย เมื่อไหร่จะหุบปากวะ
โดยทั่วไปถ้ายื่นเรซูเม่ไปแล้วเขาไม่ตอบกลับมาประมาณกี่วันจะถือว่าเขาไม่เอาแล้วดี ซัก2อาทิตย์ปะ?
ร่อนเรซูเม่ไปหลายที่ละ แต่ไม่มีที่ไหนติดต่อกลับมาเลย ;-;
เปลี่ยนงานเพราะที่ทำอยู่ไม่ชอบ แต่ได้เงินเดือนลดลงมากๆแบบลดลง30-50% มีใครเขาทำกันไหมอ่ะ ตอนนี้อยากลองเปลี่ยนไปทำสายที่ชอบดู
>>677 ถ้าเป็นสายที่ชอบ แล้วที่ลดลงไปจะไม่ถึงกับเดือดร้อนเรื่องเงิน เราว่าก็ทำได้นะ บางทีงานที่เงินดีมันก็เสียสุขภาพจิตได้
ขอกุบ่นบ้าง เงินเดือนกูระดับนึงแล้วก็ไม่รู้จะเปลี่ยนไปไหนให้มันขึ้นอ่ะ คนที่บ้านกุแม่งเอาแต่บอกให้เปลี่ยนงานๆ เพราะเงินเดือนไม่ขึ้นซะที
กุถามจริง คนที่วันๆนั่งกระดิกตีนอยู่บ้านแม่งมีหน้ามาบอกให้คนอื่นหางานใหม่หรือไปต่อรองเงินเดือนด้วยเหรอ เป็นเหี้ยไรวะ
>>678 อ่าวกลายเป็นปัญหาครอบครัวเฉย ใจเย็นมึง ถือว่าเพราะเขาหวังดีกับมึงก็เลยอยากออกความเห็นนั่นแหละ แต่มันจะเป็นความเห็นที่งี่เง่าหรือน่าเก็บเอาไปคิดก็เป็นมึงเองนั่นแหละที่ตัดสินใจ เขามาบังคับอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
กูเคยมีรุ่นพี่ตำแหน่งเดียวกันที่คุยกันอย่างเปิดใจได้ ก็มีคุยกันเรื่องเงินเดือนตันเพดานด้วย ถ้ายังอยู่ที่เดิมกูมองว่าไม่มีทางที่จะขึ้นไปได้กว่านี้ ตัวกูพยายามจะหาเพิ่มให้ได้ จนย้ายงาน ย้ายสายงาน เงินเดือนเพิ่ม กูก็รู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจถูก ในขณะที่พี่เขารู้สึกพอใจในเงินเดือนเท่านั้นแล้วอยู่ต่อไปเรื่อยๆ มันไม่มีใครถูกใครผิดเว้ย แล้วแต่ใครจะเลือกตัดสินใจ ชีวิตตัวเอง และกูก็คุยกับเขาเรื่องนี้ด้วยความหวังดีจริงๆ
กูเฟลว่ะ เริ่มงานใหม่มาเดือนนึงแล้ว ทีแรกกูโอเคกับเพื่อนในกลุ่มนะแต่หลัง ๆ กูเริ่มเหนื่อย ๆ กับการแสดงออกที่ตรงไปตรงมาของเพื่อน ๆ ในกลุ่ม คือคุยกันแบบรู้เลยว่ามีกรุ๊ปไลน์ที่ไม่มีกูอยู่ด้วยคุยต่อหน้ากูเนี่ยแหล่ะ มีแชทส่วนตัวกันเคยมีโทรหากันแต่กูไม่เคยมีส่วนร่วมด้วยเลย กูก็รู้ตัวนะว่าไม่ใช่คนชอบพูดไลฟ์สไตล์อาจไม่ตรงกัน แต่พอมาฟังเขาพูดสิ่งที่รู้กันเองกูก็อดเฟลไม่ได้ว่ะ ทำยังไงกับความรู้สึกนี้ดีอ่ะ
ทำใจ ส่วนนึงก็ต้องยอมรับว่าอาจจะเป็นเพราะนิสัยของมึงเองที่เข้าสังคมไม่มากไม่พอ หรือเข้ากับเขาไม่ได้เอง
สังคมในที่ทำงานไม่เอาปัญหาส่วนตัว หรือนิสัยส่วนตัวกระทบเรื่องงานได้ถือว่าประสบผลสำเร็จแล้ว
ต้องทำงานกี่ปี สมัครใหม่ถึงจะไม่ขอดูทรานสคริปวะ กูอาย F 3 ตัว วิชาหลัก
แล้วแต่ที่อะ ปกติ 5 ปีก็ไม่สนแล้ว แต่ บ. ใหญ่ๆบางที ก็เคร่งอยู่ ถ้ารู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนเรื่องผลการเรียน ก็หาผลงานระหว่างทำงานมากลบแทน เ
>>681 บางทีเพิ่งจบมาไม่นานอาจจะยังปรับตัวไม่ได้นะ จากที่เคยมีเพื่อนในรุ่นเยอะๆ ถึงเวลาที่ต้องมาโฟกัสตัวเองแทน กูขอเล่าไว้เป็นแง่มุมนึงแล้วกันในฐานะที่สิบปีแล้วก็ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ สำหรับกูเพื่อนร่วมงานกับเพื่อนเรียนต่างกันอยุ่นะ มึงไม่จำเป็นต้องสนิทใจกันก็ได้ อาจจะมีเพื่อนที่สนิทนอก บ.แค่คนสองคน กับเพื่อนใน บ.แค่รักษามารยาท ร่วมงานกันได้ มองการทำงานเป็นหลัก ใครที่ไม่ใช่ไทป์เดียวกันไม่สนิทกันก็สคิปๆ ไปก็ได้ ถ้าใช้ชีวิตคนเดียวได้อ่ะมึงจะสบายตัวขึ้นเยอะเลย ประหยัดเวลาได้เยอะ ไม่ค่อยมีเรื่องจุกจิกมากวนสมอง เอาเวลาไปโฟกัสกับสิ่งที่ให้ความสำคัญมากกว่าแล้วเวลามีปัญหาชีวิตอยากระบายหรืออะไรก็ไปหาเพื่อนสนิทเอา หรือแฟน หรือครอบครัวก็ได้ เพื่อนร่วมงานสำหรับกูนี่สายสัมพันธ์ไม่ได้ลึกขนาดนั้น
>>681 สังคมที่ทำงานมันไม่ใช่สังคมใช้ชีวิตร่วมกันแบบเพื่อน อย่าไปยึดติดมาก กูนี่เข้าแผนกมาทีหลัง ทุกคนแอดเฟส มีตั้งไลน์กรุ๊ปกัน มีกูคนเดียวที่ไม่มีคนแอดเฟส ไม่ได้อยู่ในกรุ๊ปไลน์กรุ๊ปแชทเฟส ผ่านมาจะสองปีแล้วก็ยังไม่ได้แอดไม่ได้เข้า 5555 มึงมีกลุ่มเพื่อนนอกบริษัทมั้ย ถ้ามี ก็คิดว่ามาทำงานเป็นเพื่อนทางธุรกิจ เลิกงานมึงก็ไปอยู่ในสังคมเพื่อนก็ได้
>>682 >>685 >>686 ขอบคุณทุกคนมาก กูก็พยายามไม่ใส่ใจอะไรมากมันอาจเป็นแค่การเฟลระยะแรก กูอาจยังแค่ปรับตัวไม่ได้อย่างที่ว่ามันเลยเหงา ๆ แต่ล่าสุดยิ่งซึม พรุ่งนี้วันเกิดเพื่อนคนนึงแต่เขาชวนกูคนสุดท้ายเหมือนชวนตามมารยาทแต่พอกูบอกว่าไปได้เขาก็ทำตกใจกันแบบไม่คิดว่ากูจะไปจริง ๆ แล้วถ้ากูไปรถที่ซ้อนกันไปได้เลยจะไม่พอกูก็อิหลักอิเหลื่ออีก เฮ้อออ
สุดท้ายเพื่อนกลุ่มนี้ของกูก็คงกลายเป็นเพื่อนรักษามารยาทจริง ๆ ก็ได้เพราะไลฟ์สไตล์แนวคิดไปคนล่ะทางจริง ๆ
ทำไมต้องทำงานวะ? กูอยากมีที่ซัก 100 ไร่ จะปลูกผักปลูกป่าทำนาเลี้ยงสัตว์แบบวิถีพอเพียง
กูรู้สึกไม่มั่นใจเวลาเขียนรีซูเม่เลยว่ะ
กูคือกูมีวุฒิทั้งกฎหมายและบัญชีนะ แต่ดันทำงานธุรการในมหาลัยฯ เป็นงานหลัก ทำมา 4 ปีพอจะหางานใหม่แม่งไม่กล้าเขียนอะไรลงไปเลยว่ะ เพราะงานที่กูทำมันจับฉ่ายจนไม่ได้พึ่งสกิลอะไรที่กูเรียนมาเท่าไร ที่พอทำได้คือให้คำปรึกษาด้านกฎหมายกับทำบัญชีปิดงบซึ่งเมื่อเทียบกับคนที่ทำงานสายตรงแล้วมันดูด้อยกว่าเยอะเลย
หมดปีนี้กูก็ต้องหางานใหม่ละ เพราะสัญญากูกับมหาลัยจะหมด แต่กูยังไม่รู้เลยว่าจะไปทางไหนได้ต่อดีในเมื่อกูไปไม่สุดซักทาง
อายุ 26 แต่ไม่เคยทำงานที้ไหนถึง 1 ปีเลย มีเหตุให้ต้องออกบริษัทก่อน ไม่บอเจ๊ง บอห่วย ก็ออกเอง
ไม่ได้เข้าโม่งนานมาก ตอนนี้กุตกงานเพราะบอปิดไล่คนออก เครียดชิบหายเลยเพื่อนโม่งTT
มีใครที่ปีก่อน บ. ปิดตัว อุตส่าห์หางานใหม่ได้ ปีนี้มาเจอโควิดอีกระลอกแบบกูบ้างวะ (กูออกเองนะ แต่ถ้าอยู่ต่อก็ได้ซองขาวแหละ)
พวกมึงอยากได้งานหรือพวกมึงอยากได้เงิน
อยากทำงานที่บริษัทเดิมแต่ได้เวินเยอะๆอ่ะ ทำไงวะ
โควิดระลอกสองจะมา กูยังหางานใหม่ไม่ได้เลย ;;
มนุษย์เงินเดือนฐานภาษี 20 ซื้ออะไรลดหย่อนกันบ้าง เท่าที่อ่านดูไม่ค่อยมีใครเชียร์ SSF เลย
กูไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้เท่าไหร่ รู้แต่ LTF ที่ซื้อไว้ปีก่อนๆ ของตัวเองตอนนี้ขาดทุนแดงเถือก 555
RMF นี่กำไร คงซื้อเหมือนเดิมแต่คงไม่เยอะ มันช่างนานเหลือเกินกว่าจะ 55
ส่วนประกันนี่ซื้อเต็ม max แล้ว PVD หักเต็ม max แล้ว ช็อปดีมีคืน 30k ครบแล้ว
ขอเสียงคนไม่ได้หยุดวันนี้หน่อยฮะ
7 10 11 ไม่ได้หยุดซักวันเลย เย้!!
เคยแปะไปในมู้นินทาญาติละ ขอมาแปะในนี้ด้วยละกัน
มือบอนไปเปิดเมสเสนเจอร์ของแม่ เห็นแม่คุยกะพี่สาวเพราะนางลงสตอรี่มีมเด็กจมน้ำ เนื้อความประมาณว่าพ่อแม่อุ้มชูแต่ลูกคนเล็ก (aka กู) แล้วนางที่เป็นลูกคนโตปล่อยจมน้ำตายห่าเป็นโครงกระดูก
แม่ถามพี่กูว่าแซะแม่เหรอ พี่กูก็บ่นประมาณว่าทีกับกูพ่อแม่โคตรสปอยล์ ไม่ว่าอะไรกูเลย ทีนางปล่อยให้ไปไหนมาไหนเอง แม่กูตอบนางว่าไม่ใช่ว่าเค้าไม่เคี่ยวกู เค้าก็มีเตือน แล้วเค้าก็บอกพี่กูว่าไปไหนมาไหนเป็นจะได้ไม่ต้องห่วง ละพี่กูนางก็ตัดบทว่าขก.พูดเรื่องกูละ
ละช่วงนี้ประจวบเหมาะเรื่องกูเพิ่งจบใหม่ด้วย ที่บ้านเองก็แปะงานที่รับสมัครเข้าเฟซกูรัวๆ แต่กูไม่กล้าไปสมัครงานที่ไหนเลย กูยอมรับว่ากูไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนมาไหน เพราะพี่กูนางเคยมีคดีเก่าเรื่องหนีออกจากบ้านไปเอาผัวหลายรอบได้ เลยทำให้พ่อเคี่ยวกูเรื่องออกจากบ้านจนกูไปไหนไม่เป็น กูรู้ว่าที่กูเป็นอยู่แม่งเหี้ยนะ แต่กูจะทำยังไงให้กูออกมาจากความรู้สึกนี้ได้อะ มีหลายงานที่กูอยากไปลองทำ แต่พอกูมองพ่อ กูก็ไม่อยากบอกอะไรเค้าเลย กูกลัวโดนด่า แต่กูก็ไม่อยากเป็นภาระโง่ๆ ที่บ้านแล้ว
>>717 >>720 คือไม่ได้กลัวพลาดหรอก แต่ที่กูบอกว่ากลัวโดนด่าหมายถึงมันเป็นปมในใจแต่เด็กที่สลัดไม่ออกน่ะมึง พ่อกูเลี้ยงทั้งพี่ทั้งกูแบบเคี่ยว ด่าแรงๆ พูดแรงๆ แต่พี่กูทนไม่ไหว แหกคอกไปก่อนจนใช้ชีวิตเป็น ถึงจะไม่จบป.ตรีก็เถอะ
ส่วนกูเป็นคนเล็กที่เห็นพี่เป็นแบบนั้น เห็นพ่อแม่เสียใจตอนที่พี่กูหนีออกจากบ้านไปหลายๆ รอบ เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อเคี่ยวกูมากกว่าเดิม จะไปไหนมาไหนต้องรายงานให้ละเอียด มีพยานหลักฐาน บางทีก็ได้ไป บางทีก็ไม่ได้ไป แล้วแต่อารมณ์เค้าที่ไม่รู้ว่าอารมณ์ไหน ร้ายแรงสุดคือเคยด่ากูที่ขอเพื่อนไปงานหนังสือกะเพื่อนสาว+LGBTQ ว่าไปหาผู้ชายด้วยซ้ำ ทั้งที่ตอนนั้นอยู่แค่ ม.3 หรือจะตอน ม.1 ที่ไปซื้อขนมตรงข้ามรร.ยังด่าได้ว่าเถลไถล (ย้ำว่าหน้ารร.แบบข้ามถนนไม่ถึง 100 ม.) ถ้าเอาแบบล่าสุดเลยก็คือตอนปี 3 ไปเดินฟิวเจอร์รังสิตกะเพื่อน (บ้านอยู่แค่เซียร์รังสิต) ยังโดนด่าเลยว่าไปทำไม รวยนักเหรอ มีเงินนักเหรอ ทั้งที่แค่ไปเดินกินแอร์เฉยๆ จนตอนนี้กลายเป็นว่ากูทรอม่าเรื่องนี้จนสลัดไม่ออก
แต่ยังไงก็จะพยายามนะ หวังเหมือนกันว่ากูจะมีความกล้าพอที่จะสลัดความกลัวทิ้งไปบ้าง ขอบใจพวกมึงนะ
ตอนเด็กพ่อแม่ที่บ้านเราก็เคร่งนะ เราอยู่หญิงล้วนตลอด พ่อแม่ไปรับไปส่ง ไปเที่ยวห้างกับเพื่อนนี่คือพ่อแม่ก็ไปเดินห้างเดียวกันรอ มีแต่เพื่อนผู้หญิงแต่เค้าก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี กลัวมีเพื่อนของเพื่อนมาด้วยไรงี้ เกิดมาไม่เคยไปค้างบ้านเพื่อน ไม่เคยมีเพื่อนผู้ชาย วันไหนนึกครึ้มใจแต่งตัวสวยหน่อยจะโดนด่าว่าใจแตก จะหาผัวเหรอ สมัยนั้นก็รู้สึกแย่นะ เครียด หดหู่ ว่าทำไมเขาไม่ไว้ใจเรา ทำไมต้องด่าแรงทั้งที่เราไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลย ทั้งที่เราอะโคตรจะเด็กดีเด็กเนิร์ดเลย แต่พอโตมาก็เข้าใจอะนะ ส่วนมากที่ท้องในวัยเรียนนี่ก็เด็กดีทั้งนั้น (เพราะถ้าเด็กที่เวลสูงจริงๆ มันไม่ค่อยพลาดท้องหรอก) คนเป็นพ่อเป็นแม่ มันก็ห่วงแหละ แต่วิธีการแสดงออกจะผิดหรือถูกก็อีกเรื่อง พ่อแม่ไม่ใช่เทวดาจะได้ทำสิ่งที่ถูกต้องทุกอย่าง
ร่ายมายาวจะบอกว่าแต่พอโตมาเราก็หายนะ ไม่เก็บมาเป็น trauma พอเราโตถึงวัยทำงาน รับผิดชอบตัวเองได้ เขาก็ยังเป็นห่วงแหละ ยังบ่นๆๆ แต่ก็ปล่อยมากขึ้น (นี่ยังอยู่บ้านพ่อแม่) แค่เวลาจะไปไหนหรือกลับช้าก็โทรบอกไลน์บอกหน่อย ไปกินข้าวกับเพื่อนก็จะถ่ายรูปส่งไลน์ให้เขาดูว่าแก๊งหญิงล้วนนะ ไม่ต้องห่วง เรื่องจะสลัดออกหรือไม่สลัดออกมันอยู่ที่ใจเรานี่แหละ ถ้าเราเก็บเอาเรื่องในอดีตมาคิดย้ำๆๆ เรื่อยๆ เราก็ไม่มีวันสลัดออกไปได้
>>726 ยกเว้นว่าถ้าพ่อแม่ยังอาการหนักเหมือนเดิมไม่หาย โตแล้วยังไม่ยอมผ่อนเลเวลลงเลย อันนี้แนะนำให้หางานไกลๆ แล้วย้ายไปอยู่คอนโด/หอพัก เช่นกัน แต่ต้องเป็นงานที่ดีมากแบบองค์กรดีมาก เงินเดือนดีมาก เอาให้เขาหาข้ออ้างโต้แย้งไม่ให้เราไปไม่ได้อะ ไม่งั้นเขาอาจจะห้ามไม่ให้ไปทำอยู่ดี
มีใครเป็นเหมือนกุมั่ง ตั้งแต่เข้าเดือนนี้มาไม่มีอารมณ์จะทำงานเลย
กูเป็นฟรีแลนซ์ และกูขี้เกียจมาตลอด แต่เดือนนี้แม่งขี้เกียจเป็นพิเศษ
ไม่รู้ถามใครดี กำลังจะหางานใหม่เพราะกูไม่โอกับระบบการทำงานของที่เก่า แถมโดนโยนงานเกินตำแหน่งไปอีก แล้วถ้าตอนสัมงานเขาถามว่าทำไมถึงออกจากงานเดิม ปกติควรพูดหรือไม่ควรพูดตามความจริงวะ กลัวโดนมองเหมือนว่าปรับตัวเข้ากับองค์กรไม่ได้ แต่ระบบการทำงานที่เก่ากูมันเละเทะสัดๆ ในสายตากูจริงๆ…
เล่าต่อ กุไปสัมที่ใหม่เพราะที่เก่าไม่โอเคเหมือนกัน บอสเผด็จการมาก กุก็เล่าตรงๆเลยว่ากุโดนอะไรมาบ้างเขาก็เข้าใจละก็ได้งานนะ
ตอนนี้ยังตกงานอยู่ ทุกอย่างแม่งเงียบมาก ไม่มีคนโทรมาออฟเฟอร์งาน ไม่มีคนเรียกสัม ควรทำใจแล้วรอเปิดหลังปีใหม่ใช่มั้ยวะ หรือจะมีโควิดอีกกูควรทำใจยาวๆ แทน
ปีนี้งานพวกมึงเป็นยังไงกันบ้าง มีโควิดเข้ามาธุรกิจยังสบายดีกันอยู่ไหม
ของกูไม่เลย ต้องทำทุกวิถีทางให้รอด ลูกค้าบอกอยากได้งานพรุ่งนี้ก็ต้องได้ ไม่มีปากมีเสียงอะไรเลย ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำ ๆๆๆๆ รับใช้เป็นทาสของทุนนิยมไป หยุดยาวก็ไม่ได้หยุดเพราะมีงาน วันลาเหลือเป็นกระบุงก็ใช้ไม่ได้เพราะมีงานพูดแล้วก็จะร้องไห้ เหนื่อยชิบหายเลยอ่ะ ตายไปจะสบายกว่าไหมนะ
กูรู้แหล่ะว่ามีงานยังไงก็ดีกว่าไม่มีงาน แต่ตอนนี้กูชักไม่มั่นใจแล้ว.....
>>739 กูไม่ใช่เจ้าของธุรกิจ กูเป็นลูกจ้าง ตกงานได้กำลังจะครึ่งปี ทำฟรีแลนซ์เล็กๆน้อยๆ จ๊อบละสองสามพัน 2-3งานต่อเดือน บางเดือนก็ไม่มี ที่ยังพออยู่ได้เพราะอยู่บ้านไม่มีค่าใช้จ่าย อาศัยกินข้าวกับครอบครัว
ตอนแรกอาศัยเงินชดเชยว่างงานด้วยนิดหน่อย ตอนแรกก็นั่งๆนอนๆ ถือว่าพักกายใจ แต่ตอนนี้หางานมาเข้าเดือนที่ 4 แล้ว ยังไม่ได้สัมที่ไหนเลย ตอนนี้หวังกับปีหน้าอย่างเดียว
>>739 บ.ที่กุทำอยู่เป็น บ.ลูก ก็โดนหนักเหมือนกัน ด้วยประเภทธุรกิจที่เน้นต่างชาติ แต่ดีที่พื้นฐานดีมีเงิน เจ้าของ บ.แม่มีเงินมากพอจะพยุงพนักงานได้ไม่มีใครโดนเลย์ออฟ ช่วงต้นๆ วิกฤติงานหนักขึ้นอย่างเห็นชัดเพราะกุทำฝั่งออนไลน์ ต้องอุ้มฝั่งออฟไลน์ไปด้วยให้ได้ ตอนนี้งานส่วนของกูเบาแล้ว แต่ส่วนของคนอื่นยังลุกเป็นไฟอยู่(พวก dev) ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์มากพอจะเปลี่ยน ไม่สิ เพิ่มลู่ทาง คือวิกฤติช่องทางเดิมทำเงินไม่ได้แล้วแต่ยังลงทุนกับส่วนอื่นเพิ่ม คาดหวังกับกลางปีหน้าว่าไอ้ที่ทำขึ้นใหม่นี้จะไปได้สวย ถ้าไม่สวย.. ก็หนาวๆ ร้อนๆ กันละทีนี้
>>739 ไม่ค่อยดี กูทำงาน IT เป็น outsource ให้บริษัทใหญ่แห่งนึง คือก่อนหน้านี้กูก็เบื่อๆอยู่แล้ว
ศก. ไม่ดี ยอดขายตก คนประสาทแดกกันไปทั้งบริษัท การวางแผนงานเละเทะ ทั้งที่บางอย่างคิดให้ดีๆก่อนจะสั่งงานมันทำให้เค้าได้งานเร็วกว่านี้เยอะ
คนข้างบนก็กดดันคนข้างล่างให้ทำงานเยอะๆเร็วๆลูกเดียว หีออืออะไรไม่ได้ มีเรื่องให้ประสาทได้ทุกวัน
กูเคยไปพูดขัดหัวหน้าตอนเค้าจะเอางานมาใส่เพิ่ม เค้าเลยเกลียดขี้หน้ากูไปเลย mind set ของทีมกลายเป็นการปั่นงานลวกๆให้มันเสร็จๆไปอย่างเดียว
สุดท้ายเลยลาออกแล้วหลังอยู่มา 4 ปี ซึ่งสำหรับคนเป็น oursource ถือว่านานสัสๆ เปิดปีใหม่มาก็ไปทำที่ไหม่เลย
ก็ใจหายนะ เสียดายเพื่อนร่วมงานที่นี่บางคน ความใกล้หอพัก WFH ได้เยอะ ฯลฯ แต่กูทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
>>739 หลายคนแม่งบอกแย่งั้นงี้ มุมกูที่ทำงานเด็กเสิร์ฟมาก่อนและมาทำครัว ในธุรกิจร้านอาหารบอกเลยว่ามีมิติต่างกัน พวกร้านที่เป็นบุฟเฟ่ต์ ชาบู สุกี้แบบไม่มีทำอาหารจานเดียวมาก่อน/ทำอาหารส่งให้แกรบ ฟู๊ดแพนด้า ไม่ได้มาก พวกนี้คือรายได้ตกมากๆ ยอดขายหายฮวบ แล้วแม่งจะเริ่มกดขี่แรงงานละ แล้วกดรายได้หนักชิบ หัวหน้าแม่ง ปสด. มาก ทำงานอยู่ๆเจอข้อผิดพลาดโดนใส่อารมณ์ซะงั้น งงมาก ร้านเก่าที่กูเคยทำนี่คือช่วงวันแม่ วันนักขัต คนทำประจำไม่ได้สองแรง คนทุกก่ะเลิกสามทุ่มทั้งนั้น ปิดร้านสามเดือนช่วงกักตัว คนที่ทำเด็กเสิร์ฟตกงานชัดๆเลย ส่วนพวกทำครัวต้องเดินทางแบบมีเงินบ้างไม่มีบ้าง แถมต้องมาลุ้นหวยกับนรก ขสมก ที่ออกนโยบายประสาทแดกๆใส่คนเดินทางตอนไปทำงานอีก อีกพวกที่กูตกใจว่าเขาไม่ค่อยเดือดร้อนหนักคือพวกร้านที่ตามสั่ง ลูกค้าแดกเป็นจานๆไป มีร้านแบบซื้อมาใส่กล่องแล้วกลับไปกินที่บ้าน ซึ่งเป็นร้านยุ่นที่กูทำทุกวันนี้ ไม่รู้ว่าในสายตาของคนที่บริหารร้านมันคือขาดทุนหรือเข้าเนื้อ ทุกๆวันได้ปิดยอดหลักแสนบ่อยๆ ทำซูชิแล้วไม่เจอไล่เบี้ยหนักๆบ้าๆบอๆแบบร้านชาบูที่กูเคยทำ คนครัวแม่งกดดันน้อยมากถ้าเกิดว่าไม่ทำอาหารแล้วลูกค้าแดกไม่ได้ หรือปิดร้านไม่เรียบร้อย(กูปิดร้านช้า เพราะดูความเรียบร้อยแทบทุกจุดของครัว แต่ช้าน้อยกว่ารอง ผจกที่แม่งปิดยอดนานสัส เที่ยงคืนยังไม่ได้กลับ) HRมีนโยบายหัวสมัยใหม่พอตัว คนจากofficeคือทำตัวสลิิิ่มน้อยมาก ทุกคนคุยได้ เน้นพูดคุยแก้ปัญหา ..........ไม่รู้เพราะกูรับผิดชอบเฉพาะแผนกตัวเองเท่านั้นไหมเลยเป็นงี้ ถ้าเป็นแผนกพวกครัวร้อน ครัวซาซิมิ กูอาจจะมาบ่นแบบพวกมึงก็ได้55555+ สรุปคือ ทำงานครัวแม่งไม่ค่อยกระทบหนัก ทำแคชเชียร์ก็ด้วย เพราะอาหารต้องทำให้คนแดก บ.ต้องหาคนมาคิดเงิน แต่ที่ไม่มีจะแดกคือพวกบริการ เด็กเสิร์ฟ
ปล. ร้านชาบูก่อนหน้าเปิดมา7ปี ทุนจดทะเบียนร้อยล้าน ร้านซูชิที่กูทำเปิดมา4ปีทุนจดทะเบียน 4ล้าน ไม่รู้ว่าทำไมทำร้านอันหลังแม่งรู้สึกว่าเค้ามีปัญญาจ่ายเงินให้ พนง.ร้านมากกว่าร้านชาบูจีนก่อนหน้าไม่รู้นะ ข้ออ้างงดจ่ายสองแรง ไม่จ่ายโอเกินเวลาสัสๆห่าไรไม่มี
มืดมนชิบหาย นี่มันมู้โม่งซาลารี่แมนหรือมู้เรื่องสยองวันศุกร์วะเนี่ย
กุไม่สนิทกับใครในที่ทำงานเลยเพราะมีแต่คนแก่กว่าหลายปี กุก็ชวนคุยไม่เก่ง เงียบๆหงิ๋มๆทำตัวไม่ค่อยถูก หรือกุยังไม่ชินสังคมทำงานวะ เพิ่งจบมาปีเดียว เหงาสัส มีวิธีเปลี่ยนให้ตัวเองเป็นคนเฟรนลี่จ๋าๆมั้ยวะ
>>748 งานแรกกูก็รู้สึกแบบมึง มีแต่คนแก่กว่าแล้วทีมกูทีมเล็กมาก มีกันอยู่แค่ 3 คน แต่ 3 คนนี้อ่ะไม่คุยกันเลย เค้ามุ่งหวังแต่จะทำผลงานอย่างเดียวไม่ค่อยมีการสร้าง relationship อะไรหรอก คำแนะนำคือมันแล้วแต่สังคมจริง ๆ ว่ะมึง แต่ก่อนกูคิดว่ากูแม่งเป็นเหี้ยอะไรวะ ทำไมเข้ากับคนไม่ได้ ทำไมชวนคุยไม่เก่ง ทำไมคุยแล้ว dead air พอกูย้ายงานอ่ะเลยพบว่าปัญหามันคืออยู่ที่เราคลิกกับสังคมเขาไหมด้วย และเขาอยากคุยเพื่อสร้างความสัมพันธ์มั้ย ถ้าเป็นแบบที่ทำงานแรกกูอ่ะ ให้ตายยังไงก็ไม่ดีขึ้นหรอกเพราะเค้าไม่ได้อยากมาสร้างความสัมพันธ์อะไรกับกูเลย
สู้ ๆ นะมึง เป็นกำลังใจให้ กูรู้ว่ามันรู้สึกแย่มาก ๆ ช่วงเปลี่ยนผ่านจากวัยเรียนที่แสนสดใสมาวัยทำงานที่แสนมืดมน มันจะช็อคบ้างแต่อย่าขออย่างเดียว อย่าโทษตัวเอง ออกมาหาสังคมที่เหมาะกับเราข้างนอกดีกว่า
จะคุยกับไอ้หัวหน้างานที่ชอบเอาชนะยังไง อธิบายอะไรแม่งก็ไม่ฟัง ตัวกูต้องถูกเท่านั้น เหี้ย เบื่อพวกพรรค์นี้หว่ะ
https://m.pantip.com/topic/40387707?
คนที่จบเกียรตินิยมหางานกันยังไงวะ กูนี่สมัครไปหลายที่ก็เงียบกริบ เพื่อนที่โดนเรียกสัมภาษณ์มีแต่เกรด 2 - 3 ต้นๆ ทั้งนั้น
เซ็งว่ะ คือกูตั้งใจเรียนเพราะอยากได้งานดีๆ เจอแบบนี้ ก็ไม่ต้องเสียเวลาเสียแรงเรียนเป็นบ้าเป็นหลังก็ได้มั้ง รู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ที่ลำบากลำบน ในขณะที่เพื่อนที่โดดเรียนเป็นประจำ คะแนนก็เกาะมีน ได้งานดีๆ เงินเดือน 4-5 หมื่นกันหมดแล้ว
ตอนนี้กูไม่ไหวแล้วว่ะ เครียดจนลบโซเชียลทุกอย่างทิ้งหมดเลย ชีวิตกูมันพังชิบหาย พ่อแม่ก็กดดันจะให้เรียนต่ออยู่นั่นแหละ อีเหี้ย ตั้งแต่เกิดมากูรู้สึกว่ากูไม่เคยได้ใช้ชีวิตเลย เพราะที่บ้านโคตรจน อยากหลุดพ้นจากชีวิตจนๆ ใจจะขาดแล้วถึงได้อยากรีบทำงานไง
อยากให้มีใครสักคนเข้าใจกูจัง แต่แค่มองไปรอบตัว ยังหาคนที่จนเท่ากูไม่ได้เลย ไม่น่ามาเรียนคณะไฮโซเลยอีเหี้ย ทนไม่ไหวแล้วนะเว้ย
>>751 มึงลองร่อนไปบริษัทใหญ่ๆดังๆ ดูมั้ย กูจบเกียรติ1นะ ที่แรกปฏิเสธกูเพราะเกรดกู บอกว่ากูไม่อยู่นาน กูเลยลองร่อนไปบ.ค่อนข้างมีชื่อ กูก็ได้งานเลย ช่วงนี้มีเรื่องโควิดหรือบ.ไม่รับคนใหม่เพราะเศรษฐกิจด้วย หรือรับก็รับพวกคนที่เขาคิดว่าต่อรองได้ง่ายกว่า ไม่ใช่เพราะมึงไม่ดีหรอก
กูกำลังจะเปลี่ยนงานใหม่ ต้องเริ่มงาน 1 ก.พ.
แต่บริษัทเก่ากูเค้าจ่ายโบนัสตอนสิ้นเดือนม.ค.
ถ้ากูแจ้งลาออกล่วงหน้า 30 วันตามระเบียบ ซึ่งก็คือแจ้งลาออกภายในสิ้นเดือนนี้ กูยังจะมีหวังได้โบนัสมั้ยวะ อยากได้โบนัส ทำไงได้บ้างอ่า แง
>>754 ปกติได้นะ ยกเว้นทุกคนยันหัวหน้าในบริษัทจะเกลียดมึง แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องทำใจไว้ เพราะโบนัสมันไม่ใช่ข้อตกลงแต่เป็นเงินพิเศษ
>>751 คือปกติบริษัทใหญ่มันมีแต่จะสกรีนเกรดนะ 2.5+ บ้าง 3+ บ้าง ยิ่งตำแหน่ง fast track ผช ผจก. อะไรงี้บางทีมันก็รับเด็กจบใหม่พวกนี้เอา toeic 850+ เกรด 3.5+ หรือต้องจบ ป.โท เป็นอย่างน้อยนะ พวกเกรดน้อยๆนี่หมดสิทธิสมัคร
มีบริษัทเล็กจริงๆ ตน.งานโง่ๆไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรมาก พวกนี้เพราะเขาจ่ายไม่ไหว จ่ายได้ 12k - 15k พวกนี้ turn over rate จะสูง เข้า-ออกกันภายใน 6 เดือน มักจะรับคนเกรด น้อย - ปานกลาง แต่ดูแล้วมันเข้ากับคนง่าย บ้านอยู่ไม่ไกลมาก มันจะได้ไม่รีบลาออก
แต่ข้อมูลมึงน้อยเกินอะพูดยาก จบอะไรมา ม.ดังไหม ที่ 1 ในรุ่นเลยรึเปล่า ก็ไม่บอก
พอจะมีงานไรบ้างวะ ที่วัดที่ตัวงานเลย ไม่ได้วัดที่จำนวนชั่วโมงที่มึงนั่งแช่ในออฟฟิต
พึ่งเริ่มงานที่ใหม่ได้ไม่กี่วัน พรุ่งนี้บ.ประกาศwfhซะแล้ว รู้สึกกังวลยังไงไม่รู้แฮะ
อาจจะเพราะกูเป็นพวกที่รู้สึกว่าช่วงเริ่มงานใหม่ๆ เรื่องบางเรื่องคุยกันแบบเจอหน้าจะรู้เรื่อง/ทำความเข้าใจได้ดีกว่าละมั้ง
เห้อ สู้ๆนะตัวฉัน
อยากได้ความเห็นมีคุณภาพแนะนำดิสคอร์ด
บ.กูอยู่แถวแสมดำ พม่าเยอะมาก พนักงานก็ยอะมาจาก ตจว.มากมาย ไม่ให้พนักงาน WFH ช่วงหยุดปีใหม่ที่พนักงานกลับบ้านเกิดเยอะๆ พวกหัวหน้านั่งเครียดว่าถ้าให้กักตัวก็คือให้พนักงานหยุด อิหยังวะ
อยากให้ บ.ประกาศหยุดเหมือนชาวบ้านเขาจังไหนๆก็จะหยุดยาวอยู่แล้ว ปิด14วันไปเลยดีกว่าไหม ยิ่งอยู่แหล่งที่มีแรงงานพม่าเยอะด้วยแถมมีพนักงานบางคนไปพื้นที่เสี่ยงมาวันนี้ก็มาทำงานปกติ ตอนทำงานก็รำคาญถอดแมสออกบ้าง มาคุยน้ำลายกระเด็นใส่กู กูไม่อยากพูดตรงๆว่ารังเกียจ
ขอกำลังใจหน่อย วันนี้กูโดนเลย์ออฟ คนโดนกันเยอะมาก บรรยากาศโคตรหดหู่ คนร้องไห้อยู่ทุกหัวมุมห้อง YY
ไปสัมงานแต่ถามน้อยมาก เน้นอธิบายว่าจะให้เราทำอะไรนี่คือจะรับหรือไม่รับวะ งง
ตกงานยาวแน่กู ตอนนี้ยังไม่มีงานเลย
ปีนี้เป็นปีที่แพลนภาษียากชิบหาย ประกันเลิกซื้อเพิ่มเลยเพราะกังวลกลัวปีต่อๆ ไปไม่มีส่ง (ที่ซื้อไว้แล้วก็ยังส่งต่อไป)
SSF RMF ก็ลังเลว่าจะซื้อเยอะแค่ไหนดี ซื้อไปแล้วบางส่วน แต่จะซื้อมากกว่านี้ก็กังวล
สถานการณ์แบบนี้ตกงานได้ทุกเมื่อ กอดเงินสดไว้ก่อนดีมั้ย แต่ภาษีแม่งก็อ่วมสัสๆ
หรือว่าจะซื้อๆ แม่งไปก่อน ถ้าเกิดตกงานเงินหมดค่อยขายผิดเงื่อนไข ให้มันปรับไป โอ๊ยย เครียดสัส
>>780 PVD กูก็เต็ม max 15% มาตลอดเพราะชอบมาก ได้ทบจากบริษัทอีกคุ้มสุดๆ SSF กับ RMF เงินโดนขังยาว แต่พอลองไปศึกษาดูการขายผิดเงื่อนไขก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรมาก ก็คืนส่วนที่ได้ลดหย่อนให้เค้าไป + เสียภาษีกำไร (แต่ช่วงนี้กูขาดทุน 555) ความจริงกูก็แบ่งเงินสำรองฉุกเฉินที่มีสภาพคล่องไว้เยอะอยู่นะ แต่พอสถานการณ์แบบนี้มันก็อดกังวลไม่ได้ว่าลงทุนเยอะไปป่าววะชักเสียวๆ ทุกปีจัดเต็มแม็กซ์ตลอดพยายามกดฐานภาษีลง แต่ปีนี้กดไม่ไหวจริงๆ
เป็นฟรีแลนซ์เจอคนตามงานทำตัวเยี่ยงไลฟ์โค้ชเลยว่ะ กระตุ้่นกูอยู่นั่น อยากได้งานเร็วๆแต่ไม่ใช่งานด่วน ถถถถถถถถถถ
ยังไม่ บ.ไหนไม่ wfh มั่ง ของกุเริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้
กูมีญาติที่ไปสถานที่เดียวกันและวันเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ แต่ญาติกูก็ไปทำงานปกติไม่ต้องกักตัว กูเองก็อาศัยรถญาติคนนี้ไปฝึกงาน ตัวกูเองก็คงไม่ต้องกักสินะ
ทุกคนขอฮาวทูทวงเงินแบบไม่น่าเกลียดหน่อย กูเป็นเด็กใหม่แล้วมีพี่มาขอยืมเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ แก้ขัด แบบ 50-100 บอกเดี๋ยวคืนตอนเที่ยงแต่ผ่านเที่ยงมาหลายวันแล้ว เคยเกริ่น ๆ พี่ก็แบบเออใช่ๆเดี๋ยวให้แล้วก็เงียบต่อไป กูจะทวงยังไงต่อดีสำหรับพี่เขาอาจเป็นเงินเล็กน้อยที่ให้กันได้เลยแต่แมร่งเยอะสำหรับกู จะพูดบ่อย ๆ ก็กลัวโดนว่าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยด้วย
>>790 สงสารมึงว่ะ เข้าใจเลย กูเจอประจำ ยืมเงินนิดหน่อยตีเนียนไม่คืน ไปกินข้าวด้วยกันกูออกไปก่อน ดูบิลส่วนของตัวเองดิบดี แต่สุดท้ายก็เนียนไม่จ่าย แต่พอดีกูมาโดนตอนโตแล้ว เงินเดือนเยอะกว่าพวกเด็กๆ กูเลยไม่ทวง ให้ไปเลยถือว่าเปย์ในฐานะเจ๊ เอาจริงกูสายเปย์อยู่แล้วโดยสันดาน แต่บอกเลยพวกนั้นแม่งพลาด เพราะน้องที่นิสัยดีๆ ยืมแล้วคืน กินข้าวด้วยกันเสร็จรีบจ่ายรีบโอน หลังจากนั้นมันจะได้รับการเปย์จากกูเยอะกว่านั้นมากๆๆๆ ได้กินของดีๆ แพงๆ จากกู 555 (บอกแล้วกูสันดานชอบเปย์) แต่ใครนิสัยเสียทำตีเนียน บรัยส์ค่ะ จบที่ครั้งเดียวกูไม่เข้าใกล้อีกเลย
สำหรับกูถ้าเลี้ยงคือเลี้ยง ถ้าให้คือให้ พวกน้องๆ ส่วนมากรู้ดีถึงความเป็นอาเจ้สายเปย์ของกู แต่พวกมาหน้าด้านตีเนียนทำมึนนี่รับไม่ได้จริงๆ
จะว่าไปแล้วเพราะปีนี้มีโควิด รายจ่ายส่วนภาษีสังคมกูประหยัดไปอื้อเลย
กูเลิกกับแฟน กูเหมือนตายทั้งเป็น
ปีนี้โควิด บริษัทกูงดจัดงานทุกอย่าง ทั้งงานปีใหม่ งานเที่ยวประจำปี งาน CSR งานกีฬาสี (งดชุมรุม+ลดคอสต์ไปในตัว) กูโคตรรรดีใจแฮปปี้มีความสุขอยากให้งดแม่งทุกปีงดแบบนี้ตลอดไป
โคตรเบื่อเพื่อนร่วมงานเห็นแก่ตัวกะเจ้านายเชี้ยๆที่คอยให้ท้ายพวกมันมาก
วันไหนกูได้ดิบได้ดีจะกลับมาเหยียบหน้าพวกมึงเรียงตัวเลย ฟวยยย (...จะมีวันนั้นไหมวะ เวรเอ้ย)
ร้านกูที่ทำซูชิแม่งเริ่มละ มาทำสาขาฝั่งธน รายได้แม่งต่างลิบลับกับฝั่งสาขาในตัวเมืองที่คนมาแดกพรึ่บพรั่บจนไม่มีปัญหาเรื่องทำยอดร้าน นี่แม่งเรียก พนง.ครัวระดบสูงๆไปคุยรายหัวเพื่อปรับฐานลงเลยสัส หวังว่าแม่งคงไม่ตัดincentive เบี้ยขยันทิ้งนะ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องโควิดกับอาหารทะเลนี่จะแบบดีกว่านี้มาก อย่างน้อยๆก็เส้นยาแดง นี่คือเลวร้ายเลย คนลาออกไปแล้วก็งดรับคนเข้ามาใหม่ งานปีใหม่งดจัดยาวๆ(คืนงบจัดเลี้ยงเข้า สนง.) ปิดร้านแต่ละที เปิดร้านแต่ละรอบ หืดขึ้นคอทุกคน ใครลาป่วย ลางาน ลากิจ ชิบหายวันนั้นกันสนุกสนาน ............................ถึงงั้นก็รู้สึกว่าร้านชาบูที่ทำงานเก่าแม่งน่าจะบัดซบกว่าเยอะถ้าเจอสภาวะแบบนี้ เพราะแม่งขายชาบูแทบไม่ออก ร้านซูชิยังดีที่มันมีเวอร์ชั่นซื้อกลับบ้านไปแดกได้ ขายให้ลาลามูฟ แกร๊บ โกเจก พาไปซื้อกลับบ้านแดกได้ตลอด ตราบใดที่ไม่ปิดศูนย์การค้า/เล่นจนพวกไรเดอร์เข้าห้างไม่ได้เลยเพื่อมาสั่งซูชิแดกก็มีงานทำ
กำลังเริ่มศึกษา excel ที่ใช้งานหลักๆในที่ทำงานต้องรู้เรื่องอะไรบ้างรบกวนแนะนำหน่อย
https://twitter.com/Minibun123/status/1343187936670433286?s=19
กำลังเป็นกระแส เพื่อนโม่งมีความเห็นว่าไงกันมั่ง ขอความเห็นพร้อมโปรไฟล์ด้วยก็ดี กูอยากรู้ว่าช่วงวัย+อาชีพมีผลต่อความเห็นมั้ย หรืออยู่ที่ทัศนคติทางเมืองเป็นหลัก
>>799 กุเป็นเด็กซิ่วกำลังเตรียมสอบใหม่ กูคิดว่าถ้าไม่มีงานทำแต่มีเงินใช้ไม่เดือดร้อนพ่อแม่ ก็ไม่จำเป็นต้องไปฟังเขา แต่ยังแบมือขอเงินจากเขาใช้อยู่ เขาก็มีสิทธิที่จะไล่ให้เราไปหางานนะ เห็นด้วยว่าถ้าการเมืองดีก็คงไม่โดนกดแบบนี้ แต่มันทำไงได้คนเราต้องกินข้าวไม่ใช่กินอุดมการณ์
>>799 กูคนเอามาถามความเห็นเองนะ แยกเม้นเพราะน่าจะยาว
30ต้นๆ มนุษย์เงินเดือน
กูว่าข้อมูลมันน้อยไป ถ้ามาบ่นแบบนี้ในโม่งกุคงถามโปรไฟล์เพิ่มเหมือนหลายคนในทวีต ม. คณะ เกรด คะแนนสอบภาษาได้เท่าไร พอร์ตที่ว่าใส่ไปเยอะนั่นยัดอะไรไปบ้าง(เยอะไปมันล้น เค้าไม่อ่าน) สมัครไปเยอะแค่ไหน ตำแหน่งอะไร เรียกเท่าไร ตอนสัมเป็นไง บลาๆๆ เพราะพวกนี้มันมีผลหมด แต่ดูท่าเจ้าตัวไม่อยากเปิดเพราะเป็นแอคฉอดด้วย อืม เคร
กูแปลกใจทุกครั้งที่มีคนโปรไฟล์ดีมาบ่นว่าหางานยาก ในโม่งนี่ก็ด้วย อาจเพราะสายงานกูเกียรตินิยมมันจะมาพร้อมกับความสามารถในการนำเสนอตัวเองเสมอ เลยไม่เคยเจอใครหางานไม่ได้แบบนี้
>>801 งงตรงที่ว่าไม่อยากเอาความสามารถไปใช้กับเงินเดือน 12,000 แต่ยอมไปทำพาร์ทไทม์ 4,000 แทน ทั้งๆที่สามารถไปรับงาน 12,000 ก่อน แล้วพอหางานที่ฐานเงินเดือนสูงกว่านี้แล้วค่อยย้ายก็ได้ อันนี้อารมณ์เหมือนหนักไม่เอาเบาไม่สู้ ส่วนเรื่องคะแนนโทอิกโทเฟลนี่เฉยๆ เพราะในคณะที่กูเคยเรียนคะแนนพวกนี้ถือว่าเป็นเรื่องมาตรฐานอยู่แล้ว (กูเรียนสัตวะ กำลังจะซิ่วไปหมอ) แต่ข้อมูลต้นเรื่องคือให้มาน้อยมาก เกรดดีแต่ถ้าม.ธรรมดาไม่ได้มีชื่อ กับพอร์ตล้นแต่ถ้าข้อมูลในพอร์ตไม่ตรงกับที่เขาต้องการ ก็ไม่แปลกที่จะไม่ได้งานไหมอ่ะ
>>799 เห็นบอกเลิกใช้เงินที่บ้านมาเป็นปีแล้ว ทำไมไม่ย้ายออกจากบัานวะ จะฟูมฟายเป็นคนบ้าอยู่ทำไม กูล่ะงง กูก็เป็นคนนึงที่เข้ากับคนในบ้านไม่ได้นะ เรียนจบก็ออกมาอยู่คนเดียว(จากกันด้วยดี เดือนนึงไปกินข้าวกันสองสามครั้ง) สำหรับกู การจะปฏิเสธพ่อแม่ ว่าพ่อแม่ได้ คือการที่มึงต้องตัดขาดจากเขาทุกอย่างอะนะ ไม่ใช่อยู่บ้านเดียวกัน แดกน้ำที่เขาจ่ายแล้วยังด่าเขา ถ้าอยู่กันไม่ได้ก็ออกมา แยกย้าย จบ
อายุ 26 อาชีพพนักงานบริษัท ที่บ.กำลังเผชิญวิกฤตโควิด
กู >>801 อีกแล้ว
https://twitter.com/Minibun123/status/1343539048552386560?s=19
- ทำกิจกรรม
- เป็นเหรัญญิก
- แสดงละครเวที
- เชิญอาจารย์ม.ดังมาเสวนา
4 อันข้างบนนี่ not worth mentioned นะ
- เคยเขียนบทความได้ลงเดลินิวส์ อันนี้โอเคเลย ถ้าเป็นงายสายสื่อสารมวลชนหรืออักษร
- ผ่านคัดเลือกเข้างาน UN ต้องดูก่อนว่างานอะไร ถ้าไม่เกี่ยวกับสายงานที่สมัครก็ไม่จำเป็นต้องใส่พอร์ต
https://twitter.com/KAYlIlIlIlIlIlI/status/1343526299776602123?s=19
- เหมือนน้องเค้าจะทวีตบอกแต่ลบไปแล้ว แต่ก็พอรู้ล่ะว่าม.ธรรมดา คณะธรรมดา
https://twitter.com/Minibun123/status/1343585888463306754?s=19
- เกรดธรรมดา ค่อนไปทางแย่
มีอีกหลายทวีตที่เพิ่งระเบิดออกมา กำลังเครียด
กูดูเป็นพวกขี้เสือกนะเนี่ย แต่กูอยากรู้ข้อมูลเพื่อจะแนะนำให้ถูกอะ แบบนี้คือเห็นเลยว่าน้องเค้าเข้าใจอะไรผิดไปมากๆ เค้าติดกับดักโซเชียล อยู่ใน echo chamber ของ #ถ้าการเมืองดี แบบที่เด็กเจน Z มักเป็นกัน แต่เค้าเห็นโลกมาน้อยมาก เค้าไม่ได้เก่งขนาดนั้น ไม่ได้มีความสามารถมากขนาดนั้น และสายงานเค้าไม่ได้เงินเดือนดีขนาดนั้น ซึ่งที่เค้าไม่รู้น่ะไม่ผิด ที่ผิดคือความมั่นใจตัวเองของเค้า และเค้าไม่คิดจะรับฟัง
ใครเรียบเรียงคำพูดได้ดีก็ช่วยอธิบายให้น้องเค้าเข้าใจหน่อยละกัน นี่กูใจดีผิดปกติมากนะเนี่ย ปกติเจอเด็กมั่นหน้าแบบนี้ด่ายับไปแล้ว
>>799 สมัยกูเป็นเด็กเห่อหมอยกูก็คิดงี้อ่ะ คิดว่าโลกมันสวย ตัวเองเก่ง จบมาต้องได้เงินเดือนเยอะๆ แต่ความจริงคนเก่งๆเค้าหางานเงินเดือนเยอะๆได้อยู่แล้ว ส่วนคนกลางๆไปหมดโลกมันก็ไม่ได้สวยขนาดนั้นอ่ะ ต้องหัดยอมรับความจริงด้วย
ปล.กูว่าเค้ามีปัญหาเรื่องการเขียน resume ป่ะ ถ้ายัดทุกอย่างไปหมด hr เค้าก็ไม่อยากอ่านอ่ะ เอาแค่อันที่ปังแล้วก็ตรงสายงานก็พอ ไม่ใช่สักแต่ยัด แล้วเห็นบอกว่าหางานมาตั้งแต่มีนา ถึงตอนนี้ยังหางานทำไม่ได้ก็ควรกลับมาคิดทบทวนตัวเองใหม่แบบแรงๆได้แล้วอ่ะ
ทวิตมีไว้บ่นอยู่แล้ว สมัยก่อนคนก็บ่นแต่แค่ไม่ได้พิมพ์ลงทวิตให้คนเขาไปเสือก แคหมาด่า
แล้วกุขำพวก ชาวเริ่มต้นที่ตัวเองทุกอย่างมากกว่า เราควรพัฒนาตัวเองไม่เถียง เงินเดือนไม่มีทางเยอะทุกอาชีพก็ปกติในระบบเผลศรษฐกอจแบบตลาด แต่โครงสร้างเศรษฐกิจไทยมีปัญหาจริงๆ
>>803 เห็นด้วยกับมึง ตราบใดที่ยังอาศัยบ้านแม่อยู่เขาก็มีสิทธิ์ การเมืองมันเหี้ยก็จริง แต่มึงต้องรอด แม่ก็คิดว่าลูกกูต้องรอด จะอยู่งอมืองอตีนไม่ทำงานไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่ได้ คนตกงานเต็มบ้านเต็มเมืองเขาก็ปรับตัวกัน ทำอะไรได้ก็ทำไปก่อน หยิบจับขายขนมส้มตำไปพลาง แม่มันควรจะน้อยใจมากกว่ามั้ยว่าลูกที่กูคิดว่ามันเก่งทำไมมันเอาตัวรอดในสังคมไม่ได้ จะอยู่เป็นปลิงเกาะไปจนกูตายมั้ย กูตายแล้วมันจะเอาตัวรอดได้มั้ย
กูน้อยใจที่ตัวเองต้องทำงานที่ไม่ชอบต้องทำงานหนักเพื่อที่จะได้อะไรซักอย่างนึง ในขณะที่เพื่อนได้ทำงานที่ชอบรายได้ไม่เยอะทำขำๆแต่ได้ทุกอย่างเพราะเกิดมาในครอบครัวคนรวยซินะ
หลังจากผ่านชีวิตการทำงานมาประมาณ 8 ปี เปลี่บนงานมา 3 ที่ กูค้นพบว่าทำงานที่ไม่ได้ชอบแต่ก็ไม่ได้เกลียด รายได้ดี สวัสดิการดี มั่นคง สิ่งแวดล้อมที่ทำงานดี มีอนาคต คือคำตอบที่ดีที่สุดละ
ต่อให้ชอบงานแค่ไหน ขึ้นชื่อว่างานยังไงก็มีปัญหา เอาสิ่งที่ชอบมาทำเป็นงาน ดีไม่ดีจะเกลียดสิ่งที่เคยชอบไปเลย... แต่งานที่เกลียดนี่ก็ไม่ไหว บั่นทอนจิตใจเกิน
>>816 โอเค งั้น condition ของมึงคือการได้ทำงานที่รักก่อนตายสินะ งั้นจะไปสนใจอะไร ก็มุ่งทำไปเลย อย่ามานั่งบ่นเพ้อพกชะตาชีวิต ถ้าไม่เริ่มสักทีเอาแต่บ่น เมื่อไหร่จะได้ทำวะ ถึงไม่มีเงิน ไม่มีแดกก็ใช้ความสุขที่ได้จากการทำงานที่ชอบนั่นแหละแดกไป ในเมื่อนี่คือเงื่อนไขก็ต้องทำให้ได้
>>820 นั่นแหละที่ต้องการถ้าครอบครัวรวย กูก็ไม่สนห่าไรหรอก อยากทำไรก็ทำ55555
กูก็จะทำละแหละครอบครัวกูด่าไง ดึงดราม่าจะให้กูทำงานตรงสายที่เรียนมา
ในขณะที่เพื่อนกูรับงานชิวๆ เหนื่อยก็ไม่รับบ้าง แต่ครอบครัวซัพพอร์ตไม่บ่นไม่ด่า มีเงินใช้
ถ้าบ้านกูรวยเท่าเพื่อนกูกูทำไปนานละ ครอบครัวกูจะไม่บ่น และกูก็ไม่ต้องโดนบังคับให้ทำห่าไรที่ไม่ชอบ แถมมีแดกอีกต่างหาก
>>822 กูแค่เปรียบเทียบให้ดูเฉยๆว่าบางคนใช้ชีวิตชิวๆได้ อยากทำไรก็ทำ ชีวิตวัยรุ่นก็ได้ใช้เต็มที่ไม่เคยต้องเรียนหนักแบบกู เรียนจบไปยังสบาย เพราะบ้านรวยยังไงล่ะ ในขณะที่กูทำไรไม่ได้ โดนครอบครัวบังคับเพราะไม่รวย เรียนหนักตั้งแต่เด็ก กว่าจะยันจบก็30 ดูซิกูเสียเวลาแค่ไหน
>>823 เสียเวลาหรือไม่อยู่ที่ชุดความคิดอะนะ บ้านกูก็ไม่รวย เรียนหนักมั้ย อืมม ไม่รู้จะใช้คำว่าหนักได้หรือเปล่า แต่กูมีความตั้งใจ หาข้อมูลเรื่องรายได้ของแต่ละอาชีพตั้งแต่ยังเรียน แล้วก็เดินตามทางที่วางแผน ขวนขวายทุกอย่างที่ทำได้ กูไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเสียเวลา กูคิดว่ามันท้าทาย และกูก็ภูมิใจในตัวเองทุกวันนี้ ส่วนเรื่องที่ชอบ กูก็เก็บไว้เป็นงานอดิเรก ไม่ได้เอามาทำเป็นงาน
ทำคอนเท้นด่าคนแล้วรวยแบบ อตตป.
หัวหน้าไม่ให้ลาออกหวะ แบบรั้งโคตรๆ กูจะชิ่งไม่ไปทำงานเลยดีปะวะ
ไอ้เรื่องทำอะไรที่ชอบนี่ตอนนี้กู 20 ปลายๆละ รู้สึกเหมือนสิ่งที่ชอบแม่งกลายเป็นสิ่งที่เกลียด แต่ก็ต้องฝืนทำเพื่อเงินยังไงไม่รู้ว่ะ 555
ตอนนี้ทำงานมา 8 ปี เพิ่งเปลี่ยนงานครั้งที่ 2 กำลังจะเริ่มงานใหม่หลังปีใหม่ สถานะกูตอนนี้คือรายได้ดี แต่สวัสดิการ+ความมั่นคงแทบไม่มีเลย
ขอตัดบทเลยละกัน
จบใหม่ทำงานมาได้สัก7-8เดือนละแต่ไม่ค่อยชอบงานเลยถ้าสมมติไปหางานอื่นที่ชอบ/ชิวขึ้นแต่เงินลดลงพอสมควรนี่โอเคมะ ภาระยังไม่มีแค่อยากลองทำอะไรไปเรื่อยๆก่อนจะหาที่อยู่แบบยาวๆอ่ะ
+กำลังคิดว่าอยากย้ายไปทำพวกรัฐวิสาหกิจอยู่ เอกชนเงินเยอะแต่งานหนัก+ไม่ชอบอีก เงินลดลงเกือบครึ่งอ่ะถ้าไป(สายคอม)
คิดว่าไงกันมั่งครับเพื่อนๆ
https://twitter.com/pkradat/status/1344091759006031872?s=21
ไหนบอกคนไทยขี้เกียจ
>>839 ตราบใดที่พวกมรึงเป็นแค่ลูกจ้าง ทำงานหัวหมุนหามรุ่งหามค่ำก็loserหมดแหละ ว้าย เจ้านายนอนสบายพวกมึงก็อยู่ทำOTไป คนที่กูอิจฉาจริงมีแค่พวกไม่ต้องทำอะไรแล้วสบายมีเงินใช้เท่านั้น ไม่ใช่พวกเอาเวลาชีวิตมาแลกเงินแบบพวกมึงหรอก ไม่ต้องมาเล่าว่างานอย่างนู้นอย่างนี้ ตราบใดที่มึงต้องทำงานหนักไม่ว่าจะรายได้มากแค่ไหน กูไม่อิจฉาหรอกนะ ชิ่วๆๆๆ ทง
เสริมอีกนิด กูมีเพื่อนที่ทำงานที่เดียวตั้งแต่จบใหม่จนปัจจุบัน 8 ปี มันบ่นเรื่องงานตลอดแต่ก็ไม่กล้าออกเพราะอายุมากแล้วหางานยาก จะเปลี่ยนสายงานก็ยาก กลัวไม่รู้ไปทำงานที่ใหม่จะเจออะไรบ้าง ฯลฯ เพราะมันไม่เคยมีโอกาสได้ลองทำงานอื่นเลยนอกจากงานปัจจุบันที่ทำอยู่ แถมก็ไม่รู้ว่าที่มัน suffer กับงานปัจจุบันนี่เพราะงานมันแย่จริงหรือแค่คิดว่ามันแย่เพราะไม่เคยมีตัวเปรียบเทียบ เพราะทุกงานมันก็มีปัญหาหมดนั่นแหละ เหมือนมันเป็นคนไม่รู้จักโลกภายนอกไปเลยอะ
>>840 จากที่กูเคยทำประเทศเกาะในยุโรปมานะ ที่ตปท.จะไม่ค่อยมีวันหยุดนักขัตฤกษ์(พิมพ์ยากชิบหาย)เยอะเท่าไทยนะ เรียกว่าน้อยมากๆ ปีนึงประมาณ7-8วัน มันเลยมาหนักเอาที่วันหยุดholidayส่วนตัวนี่แหละ ตอนกูทำ(จูเนียร์)มีวันหยุด 16 วันก็ไม่ถือว่าเยอะอะไรน่ะนะ ไม่ได้หยุดยาว 30 วันขนาดนั้น
>>849 ส่วนที่กูรู้ของญี่ปุ่นคือเค้าไม่มีลาป่วยลากิจลาๆๆๆโน่นนี่นั่นแบบของไทย (ของพี่ไทยบางคนลาป่วยล่อเข้าไปปีละ 30 วัน เหมือนกลัวขาดทุนถ้าใช้ไม่ครบโควตา) เค้ามีแต่ paid leave กับ leave without pay ไปเลย เพราะงั้นจำนวนวันของ paid leave เลยเยอะกว่าพักร้อนของไทยหน่อย ถ้าลาป่วยก็ใช้ paid leave เอานี่แหละ
ถามหน่อยว่าโม่งที่อายุใกล้ 30 หรือเพิ่งเลย 30 ใหม่ๆมีใครเปลี่ยนจากฟรีแลนซ์/พนักงานสัญญาจ้างที่เงินเยอะๆมาเป็นพนักงานประจำกันบ้างมั้ย
ตอนนี้กูเป็นโปรแกรมเมอร์ อายุใกล้ 30 แล้ว เป็นพนักงานสัญญาจ้าง ยังรู้สึกว่าถ้าต้องเปลี่ยนจริงๆทำใจกับเงินที่หายไปไม่ค่อยได้
ตอนเรียนจบใหม่ๆเคยเป็นพนักงานประจำอยู่พักนึง รู้สึกสวัสดิการหลายอย่างจะใช้จริงๆก็เงื่อนไขการขอเบิกก็จุกจิกมาก
แล้วก็ไม่ชอบระบบประเมินพนักงานด้วย กูเลยไม่ชอบการเป็นพนักงานประจำเท่าไหร่
เรื่องความมั่นคงเห็นพ่อแม่หรือเพื่อนที่เป็นประจำชอบพูดเชียร์กันว่าดี แต่ก็เห็นพนักงานประจำโดยเลย์ออฟกันเป็นว่าเล่นอยู่ดี
อาชีพนี้ ศก. ไม่ดีก็หางานประจำยากขึ้นเรื่อยๆด้วย พวกมึงคิดว่าไงกันมั่ง
>>854 กูแหละ เปลี่ยนจากสัญญาจ้างมาทำประจำตอน 30 แต่ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาทำประจำอะไรหรอก พอดีว่าเงินเดือนน้อยลงแต่ได้สวัสดิการ+allowance กลายเป็นว่า total income เพิ่มขึ้น ยังไม่รวมโบนัสอีกต่างหาก ก็เลยรีบเอา สวัสดิการบ.กูเบิกง่ายอยู่นะ ไม่จุกจิก ส่วนความมั่นคงก็ไม่มีหรอกอย่างที่มึงเข้าใจอะถูกแล้ว พนักงานประจำก็ตกงานได้ง่ายๆ ไม่ต่างกัน แต่มี career path มีโอกาสเติบโต ตอนประเมินก็จะเครียดๆ หน่อย 555 ตอนแรกไม่ชินเหมือนกันเป็นสัญญาจ้างที่เก่าไม่มีประเมินเกรด เค้าก็แค่ต่อสัญญาไปเรื่อยๆ
>>854 กูเปลี่ยนจากฟรีแลนซ์เป็นประจำตอน 29 ยอมรับเลยว่าชีวิตตอนนี้มั่นคงขึ้นเยอะ จากที่คิดว่าการมีบ้านแม่งยากชิบหาย ตอนนี้มีบ้านแล้ว(อายุ 34) แต่มันก็เพราะตัวกูก่อน 30 ที่เละเทะเองโดยเฉพาะเรื่องเงิน มันเลยเห็นความต่างชัดเจน ส่วนตัวคิดว่าเป็นสัญญาจ้างก็ดี ถ้ามึงสามารถดูแลตัวเองได้ มีวินัยในการจัดการเงินตัวเอง ทำประกันเอง ก็ไม่จำเป็นต้องแคร์เรื่องสวัสดิการมาก
เออ พวกโปรแกรมเมอร์มาละ ขอถามด้วยเลยละกัน ในอนาคตกูอาจจะได้เริ่มงานสายนี้แบบ ปสก 0 เลยหว่ะ เพราะจะจบ ป.ตรี ก็อายุปาไปจะ30แล้ว(เพราะที่ผ่านมาเก็บเงินเพื่อสอบเข้ามหาลัยปิดโดยตลอด) แถมวุฒิจบมาไม่ตรงสายด้วย(เป็นสายแนวMISหรือสารสนเทศการจัดการ) เวลาหางานมันจะหือขึ้นคอไหมวะ?
>>857 ถ้าอยากหางานง่ายขึ้น มึงควรจะเขียนโปรแกรมได้บ้างไม่มากก็น้อย
เมื่อก่อนเคยรู้จีกคยที่มูฟจากสายเคมีมาเป็นโปรแกรมเมอร์ เริ่มจาก0เหมือนกัน เห็นบอกว่าไม่ได้หางานยากขนาดนั้น แต่ก่อนเริ่มหางานเขาก็ฝึกเขียนมาพอสมควรนะ แต่ถ้าใกล้30แล้วอันนี้กูไม่แน่ใจ
และที่สำคัญคือถ้าหางานได้แล้วที่น่าจะเจอแน่ๆคือสถานการณ์ที่เราฝีมือสู้เด็กไม่ได้ อย่าไปน้อยใจนะ พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ อาชีพนี้แม่งหยุดเรียนรู้ไม่ได้จริงๆ
>>857 กูว่ามึงยังไม่เห็นภาพว่าสายงานด้านไอทีมีตำแหน่งหน้าที่อะไรบ้างเลยเข้าใจว่าต้องเป็น programmer เท่านั้น
https://m.pantip.com/topic/31930621?
https://www.blognone.com/node/32678 อ่านเม้นให้หมด อันนี้หลากหลายมุมมองดี
นี่กูหาคร่าวๆนะ อันที่ broke down ถึงตำแหน่งความรับผิดชอบในทีมหาไม่เจอ ที่จริงควรรู้อันนั้นก่อนด้วย
แต่ที่อยากเตือนคือ โดยรวมแล้วงานสายไอทีไม่ว่าจะตำแหน่งอะไรก็ตามต้องการความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ประมาณนึง คือกูว่ามึงดูไม่ใช่คนกระตือรือร้นมากพอน่ะ อายุเริ่มเยอะแล้วด้วย อยากให้คิดดีๆก่อน ศึกษาให้เยอะว่าจะไปทางไหน ความรู้มันอัพเดทไว ไม่งั้นทำไปไม่กี่ปีก็จะรู้สึกว่าตามคนรุ่นใหม่ไม่ทันและเหนื่อย กูเองก็เริ่มล้าตั้งแต่เข้าเลข 3 แต่ก็ยังทู่ซี้มาได้เรื่อยๆอยู่
ถ้าเงินเดือนเท่ากัน ความมั่นคงเท่ากัน พวกมึงจะย้ายไป บริษัทใหญ่ๆชื่อเสียงป่าววะ
พรุ่งนี้จะไปเริ่มงานใหม่แล้ว เครียดว่ะ
>>861 แล้วแต่คนชอบ เป็นกูไปแบบไม่คิด เพราะเคยทำมาทั้งสองแบบ กูไม่ถูกจริตกับบ.เล็กๆ ที่ง่ายๆสบายๆแต่อะไรแม่งก็มั่วเละเทะยุ่งเหยิงไปหมด กูชอบบ.ใหญ่ระบบระเบียบกฎเกณฑ์ชัดเจน JD ชัดเจนไม่มั่ว ส่วนเรื่องเงินเดือนปกติบ.ใหญ่เงินเดือนมันต้องน้อยกว่าอยู่แล้ว ถ้าเทียบแบบปัจจัยอื่นเหมือนกันเป๊ะหมดนะ เพราะบ.เล็กมันไม่มีแรงดึงดูดอื่นใดนอกจากต้องเอาเงินมาล่อ
>>865 กูค่อนข้างสลับกับมึงเลยแฮะ รู้สึกว่าบ.เล็กมีช่องให้กูโตได้มากกว่า บ.ใหญ่ที่เคยเจอมา จะขยับได้เหมือนต้องรอให้ข้างบนเขาโปรโมทแล้วที่ว่างก่อน ถึงจะขึ้นไปเสียบได้
อีกอย่างคือบ.เล็กที่กูเคยทำมาเกือบทั้งหมดก็ทำงานเป็นระบบนะ แค่อาจจะตัดบางขั้นตอนทิ้งถ้าเทียบกับบ.ใหญ่ เพราะไม่มีคนทำในโรลนั้น อาจจะเป็นเพราะตอนกูไปสัมกูถามสแกนตลอดด้วยมั้ง ประมาณว่า flow การทำงานปกติเป็นยังไง ที่บ.ใช้ tool อะไรช่วยในการ manage งานบ้าง
แนะนำเด็กจบใหม่แบบกูที่เกรด2.00 จบวิทย์คอมมา กูต้องเตรียมตัวอะไรบ้างวะ ภาษา การลงทุน
เพิ่งรับราชการได้ปีเดียวก็เบื่อแล้วว่ะ มีวิธีให้อยู่ได้ยันเกษียรปะ
ถามหน่อย ถ้าบริษัทให้คอมประจำตำแหน่งเป็นโน๊ตบุค เอากลับไปใช้ที่บ้านได้ แล้วกูเอามาทำโปรเจกส่วนตัวหลังเลิกงาน บริษัทจะถือว่าเป็นเจ้าของโปรเจกนั้นของกุป่าววะ
>>869 ถ้าจะถามเรื่องหางานก็ภาษาก่อนเลยอันดับแรกเป็นใบเบิกทาง อย่างน้อยควรฟังให้เข้าใจ พูด เขียนให้พอรู้เรื่อง บางที่ที่ไม่ใช่บ.ใหญ่ ๆ แต่เป็นของต่างชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองเหมือนเรา ถึงไม่เป๊ะ grammar ก็พอจะคุยกันรู้เรื่องอยู่ แต่ถ้าทำกับเจ้าของภาษาก็อาจจะต้องเข้มขึ้น ไม่มั่นใจไปลองเรียน ลองสอบ TOEIC ไรพวกนี้ดู
ส่วนเรื่องเกรด ถ้าไม่สมัครบริษัทคนไทยรึบ. ใหญ่ ก็มีโอกาสที่เขาจะเรียกไปลองทำข้อสอบ สัมภาษณ์อยู่พอสมควรนะ แต่มึงต้องเข้าใจด้วยว่าทำไมตัวเองถึงได้เกรดแค่นั่น ขาดตกบกพร่องตรงไหน ก็ไปเติมคุณบัติมาเท่าที่ทำได้
เคยอบรมอะไรไหม ? ทำงานอะไรพิเศษพอที่จะเอามาเป็นประสบการณ์ได้รึเปล่า ?
เริ่มต้นแค่นี้ก่อน
คือกูเพิ่งได้งานใหม่เดือนที่แล้ว เซ็นสัญญาเรียบร้อย รอเริ่มงานกุมภา แต่ช่วงนี้ฮอตจัดๆ recruit โทรมาหาบ่อยมาก เย็นวันนี้ระหว่างขับรถกลับบ้านมีคนโทรมา 2 ที่ ใน linkedin อีก 1
อยากถามว่า ทำไมพอกูได้งานใหม่แล้วถึงได้ฮอตขนาดนี้วะ อันนี้งงจัดๆ บางงานน่าสนด้วย เสียดายยย
มีใครทำงานสาย dev แล้วเจอพวกข้ามสายมาทำงานด้วยวะ กุอยากรู้พวกมึงเจออะไรมั่ง
อย่างของกุ กุเจอมาจากวิศวะIE พื้นฐานคอมแม่งไม่แน่น แรกๆแม่งยังไม่รู้จัก linux ไม่เก็ทเรื่อง cloud แต่ยังดีที่เป็นพวกไฟแรง
ไปนั่งประกบ ป้อนความรู้รัวๆ เจ้าตัวก็ไม่ได้ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว สนุกดี เหมือนปั้นเด็กอะ(ซึ่งกุก็แก่กว่าแม่งแค่ปีเดียว) พอเห็นแม่งเก่ง กุก็แอบภูมิใจอยู่นะ
เหนื่อยใจ
ช่วงนี้ควรซื้อคอนโดไหมวะ ถ้าซื้อ ควรซื้อก่อนเมื่อไหร่ (เพราะราคาลงอยู่ เดี๋ยวโควิดหายมันพุ่ง)
***ซื้ออยู่เอง ราคา1.6-1.7m กูรับราชการ เงินเดือน 18k ไม่มีหนี้ ปล.ห้องนี้แม่งน่าจะถามได้สุดละ
>>879 เคยเจอคนนึงจำไม่ได้ว่ามาจากสายไหน แต่ไม่ไหวเลย ศึกษาด้วยตัวเอง แต่ไม่เข้าใจแม้แต่คอนเซ็ปต์ของการเก็บค่าด้วยตัวแปล คือให้ทำข้อสอบเขียน output ออก console เป็นรูปปิรามิดโง่ๆที่ทุกคนต้องเคยเจอก็คงสอบตก จนปัญญาจะสอน แล้วก็ไม่ผ่านโปรออกไป
>>885 เปลี่ยนมาสาย dev นี่ง่ายนะ แต่ต้องรับให้ได้ว่าเงินเดือนก็จะเริ่มใหม่ด้วย ส่วนใหญ่สายนี้ entry level จะมีข้อสอบให้ทำอยู่แล้ว
>>882 เออกูก็เพิ่งซื้อบ้านมือสองไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้ดอกเบี้ยพิเศษ 2กว่า กูเล็งบ้านทำเลระแวกนั้นมานานเกินปีแล้ว ก็ช่วงโควิดนี่แหละที่ทำให้มีบ้านราคาถูกกว่าปกติโผล่ออกมา มึงเป็น ขรก ไม่มีหนี้ แล้วมีเงินเก็บมั้ย ลำพังเงินเดือนอย่างเดียวค่อนข้างน้อยนะ กุค่อนข้างห่วงตรงนี้ ถ้ามีงานเสริมก็ดี กุไม่แน่ใจเรทยอดผ่อนต่อเดือนของปัจจุบันนี้นะ แต่มึงลองสมมติเป็นเลขกลมๆ ว่าถ้าต้องผ่อนคอนโดเดือนละ 8,000 แล้วเหลือกินใช้หมื่นนึง มึงไหวมั้ย ประมาณนั้น
ถ้าพวกมึงต้องเสียเวลาเรียนต่ออีก 2 ปี(ปวส.) เพื่อความก้าวหน้าของตำแหน่งพวกมึงเอาปะ
Bitkubเงินเดือนประมาณเท่าไรรู้ป่ะ
เป็น นศ.ฝึกงานแต่ต้องเสี่ยงทำงานบริเวณที่มีแรงงานต่างด้าวชุกชุม อยาก WFH อ่ะ ฮือ
กูรู้สึกตัดสินใจพลาดสุดในชีวิตเลยวะเพื่อน,พี่โม่ง กูเรียนจบวิศวะไฟฟ้ามาจบอายุ23 เเต่ทีนี้เรียนจบมาก็ไม่ได้จะทำงานเลย กูไปทำฟรีเเลนซ์(สายงานอื่น)เเละก็ยังทำมาจนถึงทุกวันนี้ รายได้ประมาณ15k-60kประมาณนั้น เเต่เฉลี่ยๆเดือนนึงทำก็25k-30k ก็ค่อนข้างชอบเเหละคนละสาย (เป็นงานศิลปะ,แปลภาษาจิปาถะ)
เเต่ประเด็นคือกูอายุ25ปุ๊ป(ปีที่เเล้ว) กูเพิ่งเริ่มหางานตอนมกรา กุมภา มีนาปุ๊ปโควิดเเดก จบเลยกู งานที่หาคือจะกลับไปลองทำวิศวกรดูเพราะยังไม่เคยทำ จนตอนนี้อายุ26ปีนี้โควิดก็ยังไม่มีทีท่าจะหมดไป เผลอๆอายุ27ถึงจะเริ่มปกติ กูอยากรู้ว่าอายุ27คือกูเเทบหมดหวังเเล้วใช่ไหมวะกลับไปทำสายงานที่เรียนจบมา
จริงๆฟรีเเลนซ์ที่ทำอยู่มันก็อยู่ได้นะ ช่วงโควิดกูไม่โดนกระทบด้วย รายได้น้อยลงบ้างเเต่รวมๆคือเดิมๆเเต่ก็เเอบเสียดายว่ะ ยังไม่ได้ลองทำ บวกกับเผลอๆถ้ากูไปลองทำงานวิศวะที่เรียนจบ(ตอนสมัยเรียนรู้สึกเฉยๆไม่ได้ชอบมากนัก) อาจจะชอบหรือน่าลองทำก็ได้ หรืออาจจะได้เงินมากขึ้น สองช่องทางเลย
เฮ้อ มองเพื่อนๆเเม่งเงินเดือนขึ้นเอาๆ กูที่รายได้เท่าเดิมเพราะยังหาช่องทางทำรายได้เพิ่มไม่ได้ รู้สึกตันว่ะ(ฟรีเเลนซ์ที่ทำมันมีข้อจำกัดเรื่องเวลา ปริมาณงานที่ทำได้ ต่อให้ลูกค้าเพียบก็ทำไม่ทันนั่นเเหละ) งานประจำยังได้ฝึกสกิล ได้ลองทำงานจริงๆ กูที่จะ27เเล้วยังรู้สึกเป็นเด็กน้อยอยู่เลย
ปล.27ที่ว่านี่คือประสบการณ์ไม่มี(ไม่เคยทำงานประจำ) ฝึกงานก็ไม่เคยอีก(ที่มหาลัยไม่บังคับ เเละตอนนั้นกูก็ไม่ได้ฝึก พลาดมาก)
กูก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากมีพวกใบเซอเก็บไว้ ใบกว.วิศวะไปสอบมาเก็บ ปั้มtoeic ตอนอายุก็สอบได้800 ถ้า27ยังพอจะหาได้กูทำอะไรเพิ่มดีวะให้ดูเเบบมีโปรไฟล์น่าเรียกไปสัมภาษณ์บ้าง
>>901 +1 อายุ 27 ไม่มีประสบการณ์เลยก็ยังหางานได้ พวกบริษัทเล็กๆ ยังรับอยู่ (บ.ใหญ่อาจจะไม่เอาแล้ว) แต่มึงต้องทำใจว่าสถานะมึงจะเทียบเท่าเด็กจบใหม่ เพื่อนร่วมงานหรือรุ่นน้องอยู่ในตำแหน่ง engineer / senior engineer กันแล้ว ในขณะที่มึงเข้าไปเป็นแค่ junior engineer ต้องรับให้ได้ อย่าอีโก้ อาจจะโดนเด็กชี้นิ้วสั่งงานก็ต้องทำ
พรุ่งนี้ต้องเข้าออฟฟิซเพราะคอมบริษัทมีปัญหาแล้ว IT บริษัทแม่งอิดออดไม่ยอมทำให้ตั้งแต่วันศุกร์ เหี้ยจริงๆ
งานที่รับเรซูเม่อิ้งนี่สกิลอิ้งต้องอยู่ในขั้นสื่อสารได้ใช่มะ เพราะภาษานี่ไม่ถึงกับสื่อสารได้แต่พอฟังรู้เรื่องนะ ถ้าเป็นในชีวิตประจำวันแต่ถ้าเจอศัพท์ใหม่ในที่ทำงานมึนตึ๊บ เลยถามไว้ก่อนไม่กล้ายื่น
>>907 อันนี้แล้วแต่บริษัทว่ะ กูเคยส่งไปละโดนบอกให้ทำเป็นภาษาไทยใส่เวิร์ดไปด้วย 555 กูก็ทำให้นะ ในใจก็คิดว่า บ.นี้ท่าจะไม่ดีละ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เรียกกูไปสัมอยู่ดี แต่เห็นด้วยกับมึงนะว่าสำหรับคนที่ ภาษาอังกฤษ "พอได้" ยังไงก็อยากให้ทำ resume เป็นภาษาอังกฤษเสมอ และอยากให้เช็คแกรมม่าให้ถูกต้องพอสมควร อย่างน้อยๆ ใช้ tool ช่วยเช็คอย่าง GG translate หรือ Grammaly หน่อย มันฟรีก็ใช้ๆ ไปเถอะ จะได้ดูโปรๆ และตัวเองก็ได้เรียนรู้เองด้วย อย่าเพิ่งไปกลัวว่ายังสื่อสารไม่ได้ เพราะการที่เอาตัวเองไปในจุดที่ต้องสื่อสารภาษาอังกฤษนั่นแหละที่จะทำให้ฝึกจนได้นั่นแหละ
>>906 อย่าเพิ่งกลัวไปก่อนมึง ตอนกูเจอสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษครั้งแรกอย่างตื่นเลย ล่กจัดตะกุกตะกักมาก ละก็ไม่ได้งานด้วยตอนนั้น 555 แต่ถ้าไม่เริ่มในวันนั้น จนวันนี้กูก็จะยังไม่กล้า ปัจจุบันนี้กูก็ยังไม่พูดอังกฤษปร๋อหรอกนะ แต่สื่อสารได้ใช้ทำงานกับฝรั่งได้แล้ว มันภูมิใจนะเว้ยว่า เชี่ย จริงๆ กูก็ทำได้นี่หว่า เพราะงั้นมึงอย่าเพิ่งกลัวไปก่อน ท้าทายตัวเองบ้าง หน้าที่เราคือทำให้เต็มที่ หน้าที่ตัดสินว่าทำได้หรือไม่ได้ ดีหรือไม่ดี ปล่อยให้คนอื่นตัดสินไป เราอย่าเพิ่งไปตัดสินตัวเองก่อน
แค่คอมมึงต่อไวไฟไม่ได้ ก็เปิดกูเกิ้ลหาในมือถือมึงดิเว้ย กูเกลียดจริงๆเลยนะ พอรู้ว่าพอซ่อมคอมเป็นนิด ๆหน่อยๆ ก็โยนมาให้กูทำเนี่ย กูไม่ใช่ช่างซ่อมคอมนะไอ้สัส
วันนี้กูทำงานพลาด เพราะช่วงนี้งานเยอะ+เวลาเร่ง ตกลงกับคนที่ทำข้อมูลต่อว่า ทางนั้นจะช่วยตรวจสอบให้อีกครั้ง
แต่พอถึงเวลา ทางนั้นไม่ตรวจอีกรอบ ส่งต่อข้อมูลเลย แล้วครั้งนี้มันมีจุดผิดขึ้นมาจริงๆ
กูยอมรับว่ากูผิดเอง มันหลุดตากูไปจริงๆ ทั้งๆที่กูเช็คแล้ว
ตอนนี้รู้สึกแย่มากเลยว่ะ เพิ่งเคยทำงานผิดครั้งแรก แต่รู้สึกเหมือนกลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือในสายตาคนอื่นไปเลย กูสลัดเรื่องที่ทำพลาดออกจากหัวไม่ได้เลย
กูหมดสัญญางานที่เก่าแล้วเบินเอ้าสัด ว่าจะแก็ปเยียร์ซักปีพักตัวเอง เรียนเขียนโค้ดไปพลางๆ แต่เห็นเขาว่าถ้ามีแก็ปเยียร์จะโดนตั้งคำถามว่าทำไมถึงไม่หางานใหม่หรือทำให้หางานยากกว่าเดิม อันนี้จริงป่ะวะเพ่อนโม่ง
ลาออกดีมั้ย เงิน vs สุขภาพจิต? เริ่มหาจิตแพทย์ตั้งแต่ทำงานที่นี่มา
ถูกเรียกไปสัมภาษณ์หลังจากตกงานมาหลายเดือน แต่ดูที่ตั้งแล้วเดินทางลำบากชิบหาย เพราะไม่มีรถไฟฟ้าผ่าน อยู่ซอยลึก ต่อรถเมล์หลายต่อ กูไม่มีรถส่วนตัวเพราะที่ทำงานเก่าอยู่ติดรถไฟฟ้าเลย แถมคอนโดกูก็อยู่แนวรถไฟฟ้าอีกเหมือนกัน กูควรปฏิเสธการสัมภาษณ์ไปดีมั้ย เพราะถึงจะได้งานก็จริงแต่เดินทางไปลำบาก ให้กูไปเช่าหออยู่ใกล้ๆ คอนโดกูก็ยังผ่อนอยู่ เหมือนมีค่าใช้จ่ายเรื่องที่อยู่สองทางอะ แต่อีกใจก็ลังเลเพราะมันเป็นที่แรกที่เรียกกูมาหลังส่งเรซูเม่ไปหลายที่แล้วไม่มีที่ไหนตอบกลับ
>>918 เป็นกูจะลองไปก่อน เสนอเงินเดือนแบบบวกเพิ่มค่าเดินทางไปด้วย ถ้าคนที่สัมเขาดูแฟร์ๆ ก็บอกไปด้วยก็ได้ว่าเสนอเงินเผื่อค่าเดินทางไป บางที่เขามีบวกสวัสดิการค่ารถให้นะ ถ้าสัมแล้วรู้สึกอยากทำที่นี่จริงๆ กูอาจจะเลือกย้ายที่อยู่หรือซื้อมอเตอร์ไซค์ก็ได้ ก็เอาส่วนต่างค่าเดินทางนั่นแหละผ่อนไป
ถามโม่งมีความรู้ด้านกฏหมายธุรกิจ
ในกรณีที่ต้องเป็นตัวแทนที่บริษัทมอบอำนาจไปขึ้นศาล (ทั้งในฐานะ โจทก์ จำเลย หรือ พยาน) เนี่ย
มันจะมีผลผูกพันธ์อะไรกับตัวพนักงานมั้ย ถ้าหลังจากนั้นไม่ได้เป็นพนักงานบริษัทนั้นแล้วก็ตาม
คือจากสถานการโควิดนี่แม่งมีโอกาสสูงที่จะถูกฟ้องร้องมากมาย เพราะมีปัญหากันเต็มไปหมดทั้งกับลูกค้า จนไปถึง ลูกค้าของลูกค้า
ใจตอนนี้กูว่าจะลาออกแน่แต่กะว่าจะรอบริษัทปรับโครงสร้าง ซึ่งน่าจะต้องมีการเลย์ออฟ หรือเซ็นสัญญาใหม่
แล้วรอออกตอนนั้น เผื่อจะได้รับเงินชดเชยเลิกจ้าง แทนที่จะออกเองแล้วไม่ได้อะไรเลย
แต่กลัวจะมีเรื่องต้องไปเป็นตัวแทนขึ้นศาลก่อนแล้วออกมาแล้วยังมีผลผูกพันธ์ติดตัวนี่แหละ
เลยยังลังเลว่าถ้าต้องถูกให้ไปขึ้นศาลจะลาออกก่อนเองเลยดีมั้ย
ขอปรึกษาเรื่องงานหน่อยมึง
คือกูเคยทำกราฟฟิค(อินเฮาส์)แล้วลาออกมา2ปีละ ตอนนี้อายุ 35กลับมาต่างจังหวัดมาอยู่บ้าน
งานที่ต่างจังหวัดไม่มีกราฟฟิคเลยมาทำแผนกธุรการที่บ.นึงแถวบ้าน ได้หมื่นกว่าๆ
งานที่นี่เป็นงานกึ่งบัญชีมึงมีพี่บัญชีคอยทำอีกที
กูไม่มีความรู้ด้านบัญชีเลย ก็พยายามทำความรู้จักกับเอกสารต่างๆนาๆ
ปรับตัวมาได้ปีกว่าๆแล้ว แต่กูไม่มีความสุขในการทำงานเลยมึง
กูเหมือนไม่รู้อะไรเลยงานที่ทำไปบางทีแจ้งเจ้านายไม่ครบก็โดนด่าเรื่องความรับผิดชอบไปเนืองๆ
มันก็หลายครั้งแหละที่โดนเค้าตำหนิอะ บางเรื่องมันเป็นเรื่องระกว่างทางของงานอะเลยไม่แจ้ง
ทำบัญชีก็ไม่ได้ ไม่ได้จบมาทางนี้
(งานทางด้านบช.ต้องใช้คนจบทางนี้โดยตรง)
ตอนนี้คือไม่รู้แล้วว่าต้องทำยังไงต่อ ไปทางไหนก็ไม่สุดซักทาง เพื่อนโม่งมีคำแนะนำมั้ย
หรือมีที่ๆไหนรับปรึกษาเรื่องงานบ้าง กูยังอยากทำงานต่อนะแต่มันเหมือนเราไม่ค่อยมีความจำเป็นสำหรับบริษัทอะ
ทีแรกกูกูว่าจะ gap year นะ แต่หลังจาก gap ไปได้ 4 เดือนกูก็เลิก กลับไปทำงานเหมือนเดิม คือก็มีเงินเก็บคำนวนไว้แล้วว่าพอ+มีสำรองเหลือไว้อีกค่อนข้างเยอะ แต่เวลาจะใช้เงินทีแม่งกังวลชิบหาย เหมือนมันต้องคิดเยอะกว่าตอนที่มีเงินเข้าทุกสิ้นเดือน สุดท้ายทนไม่ไหว กลับไปทำงาน แถมตอนสัมภาษณ์เหมือนอำนาจการต่อรองเราไม่ได้เยอะเท่ากับตอนสัมภาษณ์แบบตอนที่มีงานทำอยู่ด้วย
งานที่ทำทุกวัน ก็ไม่ได้มีความสุขมากนัก แต่มันได้เงินดี แลกกับสุขภาพเพราะงานแม่งเครียด เอาเวลาไปเกือบหมด นี่คือชีวิตของคนส่วนมากรึเปล่าวะ
>>927 ตาม >>928 ว่า ทุกงานมันก็ไม่ได้เครียดหมด ส่วนตัวเคยผ่านงานที่เครียดมาก เครียดสุดๆ นอนไม่ค่อยหลับ หลับบางทีก็ฝันเรื่องงาน โทรศัพท์ดังจะจิตตกไว้ก่อนว่างานเข้าหรือเปล่า งานท่วมหัวทำงานจนดึกดื่น นอกเวลางานก็เผลอคิดเผลอกังวลเรื่องงาน
แต่งานปัจจุบันก็ไม่ได้เครียดขนาดนั้นแล้ว มีความสุขดี นอนหลับเต็มอิ่ม ไม่ต้องคิดเรื่องงานนอกเวลา ส่วนมากเลิกตรงเวลา มีโอทีบางนานๆ ที work life balance ดีขึ้นมากมาย มีความสุขดีตามประสา มีเงินใช้ มีงานทำไม่ว่างจนฟุ้งซ่านและเครียด
>>927 และกูว่าคนส่วนไทยมากไม่ได้เครียดเรื่องงานขนาดนั้น ส่วนมากน่าจะเครียดเรื่องเงินไม่พอใช้ เรื่องส่วนตัว เรื่องความรัก เรื่องครอบครัว หรือเรื่องอื่นๆ มากกว่า เพราะคนไทยส่วนมากไม่ได้เอาชีวิตไปผูกขาดหรือทุ่มเทกับงานขนาดนั้น น้อยคนที่จะทำดึกดื่น ส่วนมากทำให้พอพ้นไปวันๆ คนไทยเสียสุขภาพก็ไม่ใช่เพราะเรื่องงานอีก ส่วนมากที่เป็นโรคกันทุกวันนี้ก็เพราะกินหวานกินมันมากไป กินเหล้ามากไป ไม่ออกกำลังกายซะมากกว่า
ถามเรื่องคำถามสัมภาษณ์ได้ปะวะ กูเคยไปสัมบริษัทต่างชาติละเขาให้ตอบข้อดีข้อเสียของประเทศไทยกับประเทศแม่ มันควรจะตอบยังไง ตอนนั้นกูคิดไม่ออกเลยนอกจากเรื่องคนกับอาหาร แน่นอนว่าไม่ผ่าน
ไอ้สัส พึ่งเย็นวันศุกร์ไปเมื่อไม่นาน ตอนนี้กลางคืนวันอาทิตย์แล้ว อีกไม่ถึง10ชั่วโมงต้องกลับไปทำงานที่เรารักอีกแล้ว T T
ง า น ที่ รั ก เ ร า
สวัสดีวันจันทร์
อยากวาร์ปกลับบ้านไปนอนอืดแล้ว
>>919 >>919 กูไปสัมมาละ ออกจากบ้านตอนหกโมง ถึงที่ทำงานสิบโมงกว่า ทันเวลานัดสัมแบบฉิวเฉียด ถ้ากูได้ที่นี่จริงกูคงต้องออกตั้งแต่ตีห้า รถติดแบบชิบหายวายวอดแถมรถเมล์ก็ไม่ค่อยจะมี คือกูรอรถเมล์คันที่มันผ่านทางนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงอะกว่าจะได้ขึ้น กูน่าจะต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับจากที่ทำงานร่วมๆแปดชั่วโมงเลย สุขภาพกายและสุขภาพจิตกูคงไม่ไหวถ้าเดินทางนานขนาดนั้น ที่ทำงานเก่ากูเดินทางแค่ครึ่งชั่วโมงเองด้วยรถไฟฟ้าน่ะ เงินเดือนก็ไม่ต่างจากที่ทำงานเก่ากูเท่าไหร่ แถมไม่มีสวัสดิการอะไรน่าสนใจด้วย กูโบกมือบ๊ายบายที่นี่ดีกว่า
เพื่อนโม่งมีใครเคยกังวลเรื่องทัศนคติหรือความคิดที่เพื่อนร่วมงานมองเรามั้ยวะ ;-; กับเพื่อนร่วมงานที่สนิทไม่มีปัญหาเรื่องนี้นะ แต่เวลาต้องทำงานกับคนที่แค่รู้จัก ไม่ได้สนิท หรือคนเพิ่งเคยเจอกัน กุจะชอบคิดว่าถ้ากุทำแบบนี้หรือพูดแบบนี้ไป เค้าจะมองกุยังไง คิดไปคิดมาก็กลายเป็นกังวลง่ะ
burnout ว่ะ สัดๆ
เหนื่อยอะไรไม่รู้ ไม่อยากทำงาน
ทำงานของตัวเองยังไม่เครียดเท่างานที่ต้องทำกับคนอื่น เห้ออออออ
พวกมึงมีวิธีบอกหัวหน้าว่าเขาแบ่งงานไม่แฟร์ยังไงบ้างวะ คือทีมกุน่ะมีสามคน งานก็มีสามชนิด ปกติกุกะเพื่อนก็สลับกันทำงานคนละชนิดคนละเดือนวนลูปไป ทีนี้มีโปรเจคต์ใหม่เข้ามา หน.เขาก็จัดให้กูดูคนเดียวเลยเพราะว่ากูละเอียดสุดในสามคน(เขาว่างี้) มันมีปห.เยอะด้วย ต้องแก้เฉพาะหน้าแต่เจอบ่อยๆ ก้จะจำได้ มีแพทเทิร์นอยุ่ว่าต้องแก้ไง เขาบอกไว้เข้าที่ละจะให้สอนเพื่อนทีหลัง แต่ผ่านมาสองปีละเขายังไม่เปรยถึงการสอนเพื่อนเลยว่ะ ทุกวันนี้กุต้องทำงานหลักและก้อีโปรเจคต์เหี้ยนี่คนเดียว คนอื่นเวลาเปลี่ยนเดือนก้ยังมีช่วงสบายบ้าง ส่วนกุนั้นหัวฟูตลอด กุเคยเปรยๆว่าในเมื่อปห.ของโปรเจคต์ทางไอทีเขาไม่มีแพลนจะแก้ให้ งั้นก้เริ่มสอนเลยดีมั้ย เผื่อกุลาจะได้ไม่ต้องทิ้งงานไว้ให้กุกลับมาทำ เขาก้อ้อมแอ้มแค่บอกว่าไว้หาโอกาสทำพาวเวอร์พ้อยมาสอนนะ เขาก้อยากรุ้ด้วยเผื่อช่วย back up แต่ผ่านมาหลายเดือนละเขาไม่เคยพูดถึงอีกเลย ใจกุน่ะอยากจะขอคุยตรงๆ อีกทีว่าได้เวลาส่งงานนี้แล้วสลับกันทำได้ยัง หรือมีเหตุผลอะไรถึงต้องปกป้องเพื่อนไม่ให้เจอความยากลำบาก แต่ยอมให้กุลำบากคนเดียวได้(คือพูดดีๆ แหละแต่เนื้อหาทำนองนี้) แต่รุ่นพี่กุบอกว่ามันจะดูไม่ดี ถ้าจะพูดจริงๆต้องเลือกใช้คำพูดดีๆ เลย
>>593 กู >>553 กูหายไปนานมาก ไม่รู้มึงจำได้ไหม เฮ้ย ดีใจด้วย /เอามือตบบ่า เห็นว่าเริ่มงานใหม่ต้นปี กูเดาว่าตอนนี้มึงน่าจะเริ่มทำงานละ เป็นไงบ้างวะ ส่วนกูตอนนี้ยังทำที่เดิม เพิ่มเติมสัมภาษณ์ออนไลน์555 เซ็งมากกูคือพื้นที่สีแดงโควิดจากบ่อน แม่ง หวังว่าโควิดจะหายไวไว ทุกวันนี้กูร่อนรีซูเม่ทุกวัน ให้เขาเรียกสักที ขอให้เป็นวันดีๆกับงานที่ดีตั้งแต่ต้นปีนะเว้ย
>>947 สำหรับกูคิดว่าตำแหน่งเดียวกันงานไม่ได้จำเป็นต้องปริมาณเท่ากันนะ แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องผลตอบแทนเท่ากันด้วย ถ้ามึงคิดว่างานมึงหนักกว่าก็ใช้มันเป็นเหตุผลในการต่อรองเงินเดือน ถ้ามองผลลัพธ์ที่ผลงานยังไงให้คนที่ทำได้ทำไปมันเสี่ยงน้อยกว่าให้คนไม่รู้งานมาเริ่มศึกษาอ่ะ ถ้ามึงมีคุณค่ามากกว่าเพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันแปลว่ามึงก็ต้องมีสิทธิ์ต่อรองได้ กูว่าต่อรองเรื่องรายได้จะดีกว่า
>>949 เข้ามานอนยันกับความเห็นนี้
>>947 กูเคยประสบปัญหาตำแหน่งมีคนเดียวทำงานนอก JD เยอะมาก จิปาถะก็เยอะ พอถึงเวลาถ้าเราคิดว่าเราทำงานได้เยอะ คือบอมึงไม่ต้องจ้างหลายตำแหน่งอ่ะ ทำงานได้โอเค ก็ลองไปเรียกเงินเดือนเพิ่มดู ตอนแรกกูก็กลัวนะว่าจะแบบคิดไปเองป่าววะว่ากูก็ทำงานใช้ได้ แต่ต้องบอกว่าขอให้มึงมั่นใจในตัวเองเข้าไว้ถ้าตั้งใจทำงาน สร้างคุณค่าให้บอได้ ลองเรียกดู เรียกไม่ได้ก็ถือว่าได้บอกปัญหาเรื่องงานให้เขาทราบ เรียกได้ก็กำไร สู้ ๆ มึง
เบื่อโปรเจ็คเมเนเจอร์ที่ทำตัวเป็นเมสเซนเจอร์จัง ไม่บรีฟเฮียไรเลยส่งแต่ไฟล์ดิบจากลูกค้ามาให้ ปล่อยให้คนทำต้องตีความเอาเอง เสียเวลาจัง
ช่วงนี้รู้สึก burnout กับงานอยู่ แต่ก็ติดโปรเจคถึงช่วงกลางมีนา
ตั้งแต่เข้ามาคือเหมือนเอามาแทนตำแหน่งขาด transfer งานวันเดียว
และตอนนี้ก็อยู่ช่วงโปรเจคนี่แหละ เลยคิดว่ายังไปไหนไม่ได้เร็วๆ นี้
ถ้าหลังโปรเจคนี่จบแล้วหางานใหม่ไปเลยดีมั้ยวะ
ช่วงนี้ก็ดูๆ งานเก่ากับงานอื่นๆ อยู่ Headhunter ก็เริ่มติดต่อมาเจ้าสองเจ้าละ
ที่บ้านต้องโกรธแน่ถ้ารู้ว่าลาออก
>>948 ขอบคุณมาก ตอนนี้ก็เริ่มงานใหม่แล้วแหละ งานใหม่ก็ดีนะ เข้ามาได้แป๊ปเดียวก็ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆเยอะแยะเลย
คนในทีมก็ช่วยเหลือดี แต่ว่าการเมืองนอกทีมดูจะแรงอยู่ ก็ปกติตามประสาบริษัทใหญ่ๆแหละ ต้องทำใจ
อีกอย่างก็เข้ามาแล้วเจอ tool ที่ไม่เคยใช้เยอะมาก ต้องใช้เวลาปรับตัวเยอะ
ก็แอบกลัวอยู่เหมือนกันว่าหัวหน้าเค้าจะมองว่าทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรมั้ย เพราะกูก็อายุงานเยอะแล้ว แต่หลายๆเรื่องยังต้องให้น้องช่วย
ขอให้มึงได้งานใหม่เร็วๆนะ
มีใครไม่ได้จบพวกคอม แต่มาทำงานสายไอทีบ้างวะ แบบชอบโค้ดเลยเรียนเองมาเรื่อยๆประมาณนี้
ในอนาคตสายไอทีจะล้นตลาดไหม ช่วงนี้คนย้ายสายเยอะมาก ใกล้จบแล้ว ตรงสาย ร่อนใบสมัครไปหลายที่แล้วยังเงียบกริบ ใจคอไม่ดีเลย ไม่รู้จะปรึกษาใครดีด้วย 😅
อันนี้กูสงสัยเฉยๆ อาชีพสาย IT มันมีอะไรน่าดึงดูดให้คนสายอื่นจะต้องอยากย้ายสายมาทำขนาดนั้นเลยหรอ
คงไม่ใช่ว่าไปเชื่อโฆษณาของสถาบันสอนเขียนโปรแกรมหลอกคนเจ้านั้น (ที่เคยเอามาโทรลเล่นกันจนเป็นมีมในโม่งกัน) ใช่มั้ย
>>958 กูคนนอกสายไอทีนะ ถ้าเอาจากความคิดดู
- เงินดีกว่าสายอื่นๆ
- รองรับอนาคต
- ภาพลักษณ์ดูเป็นงานสมัยใหม่ ทำแล้วเท่ดูเป็นคนรุ่นใหม่ไรงี้
- มีโอกาสเติบโตได้มาก เห็นพวกที่ได้ไปทำงานตปท.ส่วนมากที่รู้จักก้สายนี้ทั้งนั้น
ย้ำว่าเป็นความรู้สึกนะ กูรู้ว่าของจริงมันไม่สวยหรูเหมือนคิดหรอก ซึ่งกูคิดว่าคนนอกสายน่าจะมองงานไอทีแบบนี้กันเกือบหมดละนะ
เมื่อไหร่จะวันเสาร์
>>954 ส่งกำลังใจให้มึงนะเพื่อนโม่ง เรื่องงานก็ค่อยๆเรียนรู้ไป ตาม kpi เข้าไว้เพื่อนยังไงก็รอด หัวหน้าเห็นเราพยายามมีพัฒนาบ้างก็คงไม่ว่าอะไรหรอกมึง ตอนนี้ทีมดีมีชัยไปกว่าครึ่งละ เริ่มต้นปีได้ดีมากสหาย ขอบคุณสำหรับคำอวยพร งานมีเรียกมา 2-3 ที่ แต่ว่ากูก็เอาที่สนใจและคิดว่าไปแล้วน่าจะดีกว่าเดิมจริงๆ เอาไว้ได้ใหม่กูจะมาบอกมึงที่นี่แน่นอนสหายโม่ง
>>958 สำหรับกูนะ (กู >>956 ) เรื่องความชอบมาเป็นอันดับแรก ต่อมาก็เรื่องเงิน จริงๆ กูหัดเขียนเว็บหัดทำเกมง่อยๆ มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ซึ่งอะไรพวกนี้มันมิกซ์กันระหว่างศิลป์กับลอจิก แล้วกูเลือกเรียนต่อไปทางศิลป์ก็จริง แต่ความสนใจกูมันก็ยังอยู่แบบนั้นแหละ แต่ก็ทำเป็นงานอดิเรกไป จนวันนึงที่รู้สึกว่าเงินเดือนตัวเองมันตัน ระหว่างอยู่สายงานเดิมแต่เถิบไปเป็นเมเนเจอร์ ไปทางบริหาร หรือจะเปลี่ยนสายงานไปทางไอที คือกูยังรู้สึกสนุกกับการลงมีทำตัวงานมากกว่าจัดการปัญหาระหว่างงานเงินคน กูก็เลยเลือกเปลี่ยนสายงานน่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่กูสามารถเปลี่ยนได้เลยเป็นเพราะกูไม่เคยทิ้งการทำเว็บเลย ยังคงดีไซน์เองโค้ดเองมาตลอด เลยมีสกิลพอจะเปลี่ยนได้อ่ะ
>>958 >>957 ถ้าให้มองแบบกว้างๆ นะ ความต้องการของสายงานนี้มันเยอะขึ้นเรื่อยๆ และคำว่าไอทีแม่งก็ครอบคลุมกว้างขึ้นเรื่อยๆ โปรแกรมก็ใช่ สัญญาณมือถือก็ใช่ โรบอทใช่ IoT ทั้งหลาย ไม่ต้องดูที่เรื่องตำแหน่งงานก็ได้ ดูจากชีวิตประจำวันพวกมึงอ่ะว่ามีเรื่องเกี่ยวกับไอทีวนอยู่เต็มไปหมดและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย บางที่เขาบอกว่าสกิลเกี่ยวกับไอทีจะเป็นพื้นฐานที่ทุกวิชาชีพต้องมีนะ เดี๋ยวนี้ทำเอกสารทำบัญชีมึงก็ต้องใช้ระบบได้นะ พนักงานต้อนรับต้องใช้ระบบจองได้นะ แล้วเบื้องหลังระบบพวกนั้นมีคนทำงานมากมายทั้งนั้น ยิ่งตอนนี้กระแสการเก็บดาต้ามาแรง ต่อให้ธุรกิจไม่ทำเองก็ต้องจ้างคนอื่นเขาทำเพื่อตามโลกให้ทัน ต่อให้บางเทคโนโลยีตายไปก็จะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ผุดขึ้นมาอีก กูว่ายังไงงานสายไอทีก็ยังเพิ่มขึ้นและต้องการคนมากขึ้นตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าสกิลมึงถึงตามที่เขาต้องการหรือเปล่า
>>962 ขอบคุณมากนะ ขอให้ได้งานเหมือนกันนะ T_T
>>965 ขอบคุณที่มาตอบค่ะ เรื่องสกิลนี่สำคัญมากจริงๆ แหละ คนเก่งๆ จ่ายค่าตัวกันแพงจริงๆ
ตอนนี้รู้สึกเสียใจที่เลือกภาคคอม สมัยนี้เห็นเรียนคอร์สกันเดือนสองเดือนก็สมัครงานได้แล้ว (ตัดภาพมาที่กูเรียน 4 ปี...) รู้สึกว่าเป็นสายที่ชอบและใช่อยู่หรอก แต่บ้านกูฐานะไม่ดี มีหนี้สิน ถ้าไม่ได้งานดีๆ ชีวิตกูจบเห่แน่ หวังว่าจะมีโอกาสดีๆ เข้ามาบ้างนะ เพื่อนโม่งคนอื่นๆ ก็ด้วยนะ T_T ขอให้ผ่านช่วงแย่ๆ แบบนี้ไปได้ด้วยดีทุกคน
ปกติแล้ว hr โทรไปถามประวัติจากที่เก่ากันมั้ยวะ พอดีวันนี้กูได้รับโทรศัพท์จากที่ทำงานเก่าที่แรกที่เคยทำ เขาบอกว่าวันนี้บ.นี้โทรมาถามว่ากูเคยทำงานที่นี่จริงมั้ย ทำเมื่อไหร่ ได้เงินเท่าไหร่ กูก็ตกใจดิ มึงโทรไปที่แรกเลยเหรอ ถ้าที่ล่าสุดยังพอเข้าใจนะ แต่เล่นโทรไปที่แรกเลยทั้งที่มันผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว กูไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับพวกการเงินอะไรด้วย แค่สงสัยว่าทำไมตรวจเช็คเข้มขนาดนั้น
>>966 กูเรียนสายอื่นมาแล้วเสียใจมากที่ไม่ได้เลือกภาคคอมไป งานกำลังมาแรงเลย สายที่กูเรียนอยู่ไม่ต้องจบมาตรงสายก็เป็นได้ barrier to entry ต่ำมาก ตอนนี้กำลังพยายามดีดตัวเองไปสายคอมอยู่แต่ยากจังอ่ะ กูว่าเรียนเดือนสองเดือนได้งานเลยนี่ต้องเทพมาก ๆ ไม่ก็ต้องโม้มาก ๆ แน่ ๆ ฮือ
>>958 แค่มึงเขียน ja... (สมัยนี้ react ก็ได้) เป็น มันก็แทบจะการันตีว่าจะไม่ตกงาน และงานที่มีก็เงินโอเคไปจนถึงดีและดีมาก(ขึ้นกับความสามารถ)
>>957 สาย it ล้นตลาดนี่ คำถามนี้กูโดนคนรอบตัวถามมาตั้งแต่สมัยอยู่ม.ปลายแล้ว ปัจจุบันก็อย่างที่เห็น ตำแหน่งงานสายนี้มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และ variation ก็แตกออกไปเรื่อยๆ
เรื่องสายไอทีล้นตลาดอ่ะ กูว่ามันแล้วแต่สายนะ อย่างโปรแกรมเมอร์นี่หากันทุกวันยังไม่ได้คนเลยบางที เด็กไอทีจบมาไม่อยากเขียนโปรแกรมผันตัวไปเป็น SA บ้าง BA บ้าง ย้ายมาทำ data บ้าง
ปัญหาของที่หาโปรแกรมเมอร์ไม่ได้คือกูรู้สึกว่าหลายๆบริษัทจะเอาคนเก่งๆแต่ไม่สู้เงินว่ะ
>>968 กูว่าอาจจะเป็นเพราะโฆษณาแหละมึง สู้ๆ นะ เป็นกำลังใจให้
ปกติแล้วคนที่หางานได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบนี่ได้งานช่วงเดือนไหนกันคะ สมัครไปแล้วมีทั้งหายเงียบไปเลยและต้องรอผล ขอคำแนะนำหน่อยได้ไหมคะว่ายังขาดอะไรไปถึงยังไม่โดนเรียกสัมภาษณ์ เพื่อนๆ คนอื่นโดนเรียกกันไปตั้งนานแล้ว
สมัครงานเน้นสาย dev ค่ะ โปรไฟล์คร่าวๆ เรียนวิศวะคอมอินเตอร์ (ได้ทุนเรียนฟรี) เกรด 3.9x โทอิค 9xx มีทำกิจกรรมชมรม มีแนบพอร์ต เรื่องปสก.ทำงานยอมรับว่าไม่แข็ง ส่วนใหญ่เป็นโปรเจคตอนเรียน แต่ที่ไปฝึกงานมาฟีดแบ็กก็ถือว่าดีเลย
ปรึกษาอาจารย์มาหลายท่านแล้วยังหาคำตอบไม่ได้เลยค่ะ ไม่รู้ว่าปัญหามาจากตรงไหน ลองเปลี่ยนรูปแบบเรซูเม่หลายๆ แบบและยื่นใหม่แล้ว ยอมรับว่าคาดหวังสูงและสมัครแต่บ.ดังค่ะ แต่คนอื่นๆ เขาก็ได้งานกัน เลยคิดว่าตัวเองก็อาจจะมีสิทธิ์ด้วย ท้อมาก :( สิ้นหวังมากๆ กะจะไปทำราชการแทนแล้ว
>>976 ใจเย็นๆ ช่วงวิกฤติแบบนี้หลาย บ.เองยังตั้งตัวไม่ถูกเลย มันก็มีแหละที่เปิดรับสมัครงาน แต่เชื่อว่าไม่กว้างเท่าตอนไม่มีวิกฤติ แถมคัดเลือกกันเข้มข้นกว่าเดิมด้วย บางทีแม่งเป็นเรื่องของกลัวการเรียกค่าตัวแพง เรื่องของจังหวะของดวง ไม่มีเหตุผลไหนจะเอาตอบให้มึงรู้สึกสบายใจขึ้นได้ ได้แต่เป็นกำลังใจให้นะ (แต่ถ้ามึงหลงไปทำราชการมึงจะสิ้นหวังมากกว่านี้ 555)
>>976 กูทำงานโปรแกรมเมอร์อยู่ เรื่องเขียนเรซูเม่อะไรงี้แนะนำไม่ค่อยได้
แต่สงสัยตรงคำว่า บ. ดัง ที่มึงว่าน่ะ ไม่แน่ใจว่า บ. ดังแบบที่มึงอยากได้คือแบบไหน
แบบบริษัทดังๆของสาย IT ที่ชอบมีชื่อเป็นสปอนเซอร์ตามงาน event มั้ย หรือหมายถึงบริษัทใหญ่ๆที่คนทั่วไปรู้จัก
ถ้าแบบแรกนี่กูไม่ค่อยรู้มาก แต่ตามงาน event (ซึ่งส่วนมากเค้าเป็นสปอนเซอร์งานก็จะมีบูทรับสมัครงานอยู่แล้ว) ไม่รู้ว่าวิธีนี้จะดีกว่ามั้ย
แต่ถ้าแบบสองหลายๆบริษัทเริ่มรับ outsource (ส่วนมากเป็นสัญญาจ้าง) มากขึ้น ถ้าไม่ยึดติดกับการเป็นพนักงานประจำอาจจะลองทางนี้ดู
หรือบางคนก็อาจจะเริ่มจากการเป็นสัญญาจ้างก่อน แล้วถ้ามึงผลงานดีเค้าถูกใจค่อยไปหาลู่ทางขอเปลี่ยนเป็นประจำทีหลัง
ช่องทางนี้คงต้องเริ่มจากสมัครงานตามบริษัทที่ทำธุรกิจ outsource แทน หรือไปสร้าง profile + upload resume ไว้ใน jobsdb ก็ได้
พวกนี้เค้าคอยดูเวลามีคนมาอัพข้อมูลอยู่แล้ว ถ้าใส่เบอร์ไว้แล้วเค้าคิดว่า match มึงกับประกาศรับคนของลูกค้าที่เค้ามีได้เค้าก็จะโทรมาหามึงเลย
แล้วพอเค้าโทรมามึงเดี๋ยวเค้าก็จะบอกมึงเองว่ามีลูกค้าเจ้าไหนบ้าง แล้วมึงก็ค่อยเลือกเอาว่าบริษัทไหนที่มึงโอเค
คำแนะนำอีกอย่างนึงที่อาจจะพูดง่ายแต่ทำยาก คือพยายามอย่านอยด์ถ้าสมัครไปแล้วเค้าไม่ติดต่อกลับ หรือสัมภาษณ์แล้วไม่ผ่าน / เจอคนแย่ๆ
ไม่ผ่านก็หาที่ใหม่ไปเรื่อยๆ พวกบริษัทดังๆส่วนมากมันใหญ่อยู่แล้ว บางทีทีมนึงเค้าไม่อยากได้มึงก็อาจจะมีอีกที่อยากได้ก็ได้
ปล. มึงลองไปถามใน >>>/tech/8162/ อีกที่ไว้เผื่อก็ได้ เผื่อมีคนทำงานสายนี้คนอื่นไม่เห็นตรงนี้ แล้วจะให้คำตอบดีๆกับมึงได้
ได้งานแล้ว แต่เงินเดือนน้อยกว่าที่เก่าราวๆ 7000 แถมทำงานวันเสาร์อีก ถ้าลดลงสองสามพันก็ยังโอเค แต่นี่ไม่มีสวัสดิการอะไรให้เลยนอกจากประกันสังคม ทำงานวันเสาร์ เดินทางไม่ลำบากรถเมล์ต่อเดียวถึงแต่รถติดสัส กูควรปฏิเสธดีมั้ยวะ หรือทำๆไปก่อนงานหายาก
>>979 แล้วแต่ circumstances ของมึงเลยอะ รีบมั้ย มีเงินใช้หรึอเปล่า มีภาระอะไรมั้ย อายุเท่าไหร่ คิดว่าโปรไฟล์ตัวเองอยู่ในระดับไหน
กูเคยยอมลดเงินเดือนเพราะต้องการเปลี่ยนสายงาน กูมอง career path ระยะยาว (รู้ว่าเค้าไม่มีทางมีใครให้เงินเดือนเท่าหรือมากกว่าเดิมได้อยู่แล้ว เพราะมาสายนี้กูคือมือใหม่ แค่ได้โอกาสก็บุญ) แล้วกูก็คิดว่ากูตัดสินใจไม่ผิด ทุกวันนี้กูกลับมาได้เงินเดือนมากกว่าสมัยก่อนหลายเท่า
แต่ถ้าเงินเดือนลดแบบไม่มีเหตุผล เป็นกูไม่เอานะ กูไม่รีบ และกูคิดว่ากูยังพอมีทางเลือกอยู่ แต่ถ้ากูรู้ตัวว่ากูไม่มีทางเลือก มีภาระ ไม่มีตังค์จะใช้แล้ว โปรไฟล์ไม่ได้โดดเด่นพอจะไปแข่งกับใคร แบบนี้ก็คงยอมเอางานนี้ไปก่อน
>>980 ภาระไม่มี หนี้สินก็บัตรเครดิตอย่างเดียว ไม่มีค่าเช่าบ้านหรือค่าผ่อนรถ มีเงินเก็บพอจะอยู่ได้แบบไม่ต้องทำงานไปอีกปี แต่กูก็ไม่อยากใช้เงินเก็บมากไปกว่านี้แล้วไง อะไรๆมันก็ไม่แน่นอน เป็นไปได้ก็อยากได้งานมากกว่าจะได้มีเงินเข้ามาแบบชัวร์ๆ แต่มาเจอเงื่อนไขทำงานวันเสาร์กูก็ไม่โอเคว่ะ กูมีตารางที่ตายตัวในวันเสาร์อยู่แล้ว คือกูรับจ็อบสอนพิเศษเล็กๆน้อยๆน่ะ ชม.ละ 300 สอนประมาณ 4-5 ชั่วโมง ถ้าให้ทำงานวันเสาร์กูต้องเลิกสอน รายได้ในส่วนนี้ก็จะหายไป แถมยังได้เงินน้อยกว่าที่เก่าอีก
ที่จริงกูก็มีไปสัมหลายที่ มีที่ที่ให้เงินดีกว่าและหยุดส-อ ด้วย แต่ที่นี่มันตอบรับกูมาเร็วกว่า แถมบีบให้กูตัดสินใจอีกว่าจะทำมั้ย ตอบรับมาภายในสิ้นเดือนนี้นะ กูเลยว่ามันกระชั้นชิดไป แถมแม่งหมกเม็ดไม่ยอมบอกกูตอนสัมด้วยว่าทำงานวันเสาร์ มาบอกตอนโทรมาแจ้งว่าสัมภาษณ์ผ่านแล้ว ให้ไปตรวจร่างกายบลาๆ แล้วก็แจ้งเวลาทำงานจ-ส วันอาทิตย์อาจจะไม่ได้หยุดบ้างเพราะต้องสลับกันมาดูงานที่ออฟฟิศ กูอยากปฏิเสธนะ แต่แม่งยังไม่มีที่ไหนตอบรับมากูเลยสองจิตสองใจนี่ล่ะ
วันนี้wfhนอนอยู่บ้านดีๆมีประกันโทรมาว่ะ มันเป็นประกันที่มาจากบัตรเครดิตอะกูเพิ่งสมัครไป
เหมือนแรกจะมันจะถามเกี่ยวกับพวกบัตรแต่ไปๆมาๆดันให้สมัครประกันซะงั้น แต่กูดันอึนๆตอบตกลงไป
พอจะโทรกลับแม่งไม่รับสายเลยว่ะ จะยกเลิกยังไงวะ
ขอบคุณมากที่มาตอบ กูโทรไปปฏิเสธแล้วล่ะ ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้งานแต่กูเอาความสบายใจไว้ก่อน ถ้ามันหยุดส-อ กูก็ยังพอถัวๆไปได้นะ แต่นี่เล่นได้เงินน้อยกว่าเดิมแล้วยังทำงานวันเสาร์อีก แถมไกลบ้านกูด้วยอะ ถ้านั่งรถเมล์ก็ 2 ชั่วโมง+เพราะแถวนั้นไม่มีรถไฟฟ้าผ่าน ไปกลับใช้เวลา 4 ชั่วโมง คิดทางไหนก็ไม่คุ้มเลยไม่เอาดีกว่า
กูเพิ่งโดนเลย์ออฟมา สิ่งที่ควรทำขั้นต่อมาคือการสมัครงานแต่อยู่ดี ๆ ก็เสือกกลัวการสมัครงานขึ้นมาซะอย่างนั้น กลัวแบบไม่กล้ากดสมัครอ่ะ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ว่ากดไปแล้วเค้าจะโทรมาเรียกไปสัมซะที่ไหน กดสมัครไปแล้วก็ร้องไห้ไม่กล้าไปสัม รู้สึกจิตตกมาก ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ไม่รู้ว่ากลัวอะไรกับการสมัครงาน
>>992 มึงโดนทำลาย self esteem มา กูก็เคยเป็นตอนโดนเลย์ออฟ ในหัวกูมีแต่คำถามว่ากูไม่ดีตรงไหนถึงไม่ถูกเลือกให้ทำงานต่อ กูมันห่วยใช่มั้ยเขาถึงไม่เอากูไว้ เคยเจอ hr ถามทำนองว่าทำไมกูถึงออกจากที่เก่า กูบอกว่ากูโดนเลย์ออฟแม่งถามต่ออีกว่างั้นคุณก็ทำงานไม่ดีสิ เขาถึงไม่เอาคุณ กูเลยกลัวการสัมภาษณ์งานไปพักใหญ่ๆเลย เป็นถึงขนาดไม่กล้ากดไปสมัครที่ไหนเพราะคิดว่าตัวเองไม่ดีพอที่จะทำงาน ให้โปรไฟล์ห่วยๆของกูไปผ่านตา hr นี่แม่งทำให้เขาเสียเวลาซะเปล่าๆ จิตตกไปเป็นเดือน กูเคยมาบ่นลงโม่งด้วยเรื่องนี้ 5555555 แต่พอคิดว่าตัวเองยังตายไม่ได้ ยังต้องหาเงินกินข้าว ผ่อนคอนโด กูยังไม่ได้ไปที่ที่อยากไปเลยก็มีแรงฮึดขึ้นมาเอง ตอนนี้ก็ได้งานทำแล้วนะ
สู้ๆมึง ไปชาร์ตแบตพักผ่อนสมองแล้วกลับมาลุยต่อ ตอนนี้ก็กดสมัครไปก่อนเถอะ ให้เขาเรียกไปสัมพบเจอผู้คนบ้าง อย่าอยู่คนเดียวหรือไม่ก็หางานอดิเรกทำจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ไปอัพเกรดสกิลการทำงานหรือหาคอร์สเรียนเสริมออนไลน์ก็ได้ เผื่อมึงจะพบทางที่ถนัดแล้วไม่ต้องไปสมัครงานอีก เป็นกำลังใจให้มึงกลับมาเข้มแข็งไวๆ แล้วก็ท่องเอาไว้ว่าเรามีดีเว้ย
>>991 หมายถึงรูดผ่อนของสินะ
>>992 พักหน่อยมั้ย อาการหนักอยู่นะ ร้องไห้ไม่กล้าไปสัมภาษณ์เนี่ย... ถ้าโดนเลย์ออฟช่วงปกติก็ไม่แปลกนะที่จะถูกมองว่าเป็นคนไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรเลยโดนเขี่ยทิ้ง แต่โดนเลย์ออฟช่วงโควิดนี่ถือว่าปกติมากๆ น่าจะมีแต่คนเห็นใจมากกว่า ไปพักให้เต็มที่แล้วกลับมาหางานใหม่ ถ้าบ้านมึงไม่ได้รวยล้นฟ้า ยังไงมึงก็ต้องหางาน มึงหนีไม่ได้หรอก เพราะงั้นมึงก็ต้องสู้ เว้นแต่บ้านมึงรวยมากนอนกระดิกตีนเฉยๆ ทั้งชีวิตก็อยู่ได้ อันนี้ก็แล้วแต่ แต่ถึงยังไงต่อให้รวยกูก็เชียร์ให้ทำงาน ขืนอยู่เฉยๆ มึงจะยิ่งดิ่งไปเรื่อยๆ
>>992 กอดนะมึง ตั้งหลักจนกว่าสบายใจค่อยเริ่มใหม่ กูก็รู้สึกแบบมึงนะ เพราะไปสัมมา แล้วทำได้ไม่ดี รู้สึกหน้าชากับบางคำถามด้วย พอสัมเสร็จ กูสงสัยว่าหรือกูไม่ดีพอจริงๆวะ ดาวน์ไป 2-3 วันแต่พอที่ใหม่เรียกสัม ก็ฮีลขึ้นมานิดหนึ่ง รอบนี้จะพยายามทำให้ดี มาสู้ไปพร้อมกันนะ
ถ้ามีครูที่ประสาทแดกมากๆ มาจุ่นจ่านกับมึงบ่อยๆ มึงจะหนียังไงอ่ะ น่ารำคาญมาก
>>957 กูว่ายากนะที่สาย it จะล้นตลาด แถมตอนนี้น่าจะขาดตลาดอยู่พอสมควรด้วย ขอยกตัวอย่างใกล้ตัวสุดก็กูเอง เมื่อปีที่แล้วช่วงเดือน9-10 ด้วยความที่บ.ที่กูทำอยู่มันปิดตัว กูเลยมีเวลาว่างไปไล่เดินสายสมัคร-สัมภาษณ์ดู รวมๆเกือบ10ที่ โดยทุกที่กูเรียกเงินเดือนเท่ากัน ซึ่งสูงกว่า skill ที่กูมี แต่กลายเป็นว่าแม่งรับทุกที่เลย บางที่ตอนสัมกูตอบเรื่อง technical หลายๆอย่างไม่ได้ด้วยซ้ำ แถมมีแค่2ที่ที่ต่อเรื่องเงินเดือน นอกนั้นให้ตามที่ขอเลย
กู >>992 นะ ขอบคุณพวกมึงมาก ๆ เลยนะ >>993 >>994 >>995 กูก็โดนเลย์ออฟเพราะโควิดจริง ๆ นั่นแหล่ะ TT คนโดนให้ออกกันเป็นร้อย แต่ถึงอย่างนั้น self-esteem กูก็เหลวแหลกอยู่ดี วันก่อนมี hr โทรมาถามว่าทำไมออกจากที่เก่า หน้าชาเลยอ่ะ ปากได้แต่ตอบไปเบา ๆ ว่าโดนเลย์ออฟ รู้สึกเหมือนมึงเลยว่าเรานี่ไม่ดีพอที่จะทำงานป่าววะ ไปทำงานแล้วจะผ่านโปรไหม สารพัดความคิดด้านลบ คิดว่าจะให้เวลาตัวเองเยียวยาจิตใจสักหน่อยแล้วค่อยเริ่มสมัคร ขอบคุณพวกมึงทุกคนมากนะ สู้ไปด้วยกันนะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.