Last posted
Total of 1000 posts
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>658 เทียนกวาน Part.91
.
.
.
.
.
หลังจากสลับวิญญาณคืนแล้ว ซือชิงเสวียนก็จำได้ว่าสถานที่ที่ตนอยู่ในตอนนี้คือระเบียงตกสุราซึ่งเป็นที่ซึ่งเขาได้ขึ้นสวรรค์ เมื่อหมิงอี้ปีนขึ้นจากหลุมที่ถูกฮวาเฉิงซัดลงไปได้แล้วก็เริ่มวาดคาถาร่นระยะทางทันที ทว่าคาถากลับไม่เป็นผลเหมือนมีใครไปทำลายจุดวาร์ปใกล้ๆ ระเบียงน้ำตกสุราจนหมด หากเดินไปตอนนี้ก็ต้องใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง แต่เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นเซี่ยเหลียนเลยบอกเทพแห่งลมว่าหากมีใครเคาะประตูก็ห้ามเปิดเด็ดขาด จากนั้นเขา ฮวาเฉิงกับหมิงอี้ก็รีบออกเดินทางทันที ระหว่างนั้นเซี่ยเหลียนก็สำรวจว่าพลังที่อ๋องผีให้ยืมมาเหลืออีกครึ่งหนึ่ง ฮวาเฉิงถามเขาว่าเซี่ยเหลียนสามารถขอยืมได้เท่าที่ต้องการ แต่ตอนคืนเขาขอคิดดอกเบี้ยด้วย
เมื่อมาถึงที่หมายทั้งสามคนก็กลับพบว่าประตูศาลาที่ซือชิงเสวียนอยู่ถูกเปิดทิ้งไว้ ไม่มีผู้ใดอยู่ข้างใน แต่ของวิเศษที่เซี่ยเหลียนลงคาถาป้องกันไว้ยังอู่ครบทุกชิ้น อีกทั้งรอบๆ ก็ไม่มีร่องรอยของการบุกรุกเข้ามา จะต้องเป็นเทพแห่งลมที่เปิดประตูเอง มีความเป็นไปได้ที่คนร้ายจะปลอมเป็นพวกเขา 3 คนมาหลอก แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินว่าผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าสามารถจำแลงกายได้ พอคิดว่าซือชิงเสวียนใส่ที่อุดหูอยู่ การที่เขาจะได้ยินเสียงเรียกย่อมต้องผ่านเครือข่ายโทรจิต นั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นคนใกล้ชิดของเทพแห่งลมไม่อย่างนั้นคงไม่รู้รหัสผ่านที่ใช้ในการติดต่อ
ทั้งสามตัดสินใจว่าหากใน 1 ชั่วโมงยังหาตัวซือชิงเสวียนไม่เจอยังไงก็ต้องบอกเรื่องนี้กับซืออู๋ตู้ เขากับหมิงอี้แยกย้ายกันไปออกตามหาอีกฝ่าย ถึงเซี่ยเหลียยนจะพยายามติดต่อผ่านเครือข่ายโทรจิตก็ยังติดต่อเทพแห่งลมไมได้ จากนั้นเขากับฮวาเฉิงก็ออกสำรวจจนมาถึงศาลาหลักที่ใจกลาง พออ่านป้ายชื่อที่เขียนว่าระเบียงน้ำตกสุราก็นึกได้ว่าเทพแห่งลมมีฉายาว่าคุณชายผู้เทสุรา แล้วอ๋องผีก็เล่าตำนานว่าเมื่อครั้งที่ซือชิงเสวียนเพียงเทพชั้นกลางที่ซืออู๋ตู้พาขึ้นสวรรค์ด้วย หลังจากการฝึกบำเพ็ญชายหนุ่มจะมาพักผ่อนดื่มสุราในที่แห่งนี้บ่อยๆ วันหนึ่งเขาเจอกลุ่มอันธพาลกำลังรังแกชาวบ้านจึงร่ายคาถาใส่สุราแล้วเทใส่หัวของอันธพาลผู้นั้นจนอีกฝ่ายน็อก เพราะฉะนั้นนตอนที่ซือชิงเสวียนได้ขึ้นสวรรค์ก็คือตอนที่เขากำลังดื่มอยู่นั่นเอง จากนั้นจู่ๆ ฮวาเฉิงก็บอกว่าตนมีธุระต้องไปจัดการเล็กน้อย เดี๋ยวจะรีบกลับมา แล้วเขาจะบอกอะไรบางอย่างให้เซี่ยเหลียนฟัง
1 ชั่วโมงผ่านไปเซี่ยเหลียนกับหมิงอี้ก็ยังหาตัวซือชิงเสวียนไม่พบจึงนัดไปสมทบกันที่ศาลากหลัก แต่ด้วยความที่เขาไม่มีรหัสติดต่อทางโทรจิตกับซืออู๋ตู้ เซี่ยเหลียนเลยติดต่อไปหาหลิงเหวินแทนซึ่งแก็งค์เพื่อนน้อยก็กำลังแฮงค์เอาท์กันพอดี แต่ยังไม่ทันที่เขาจะอธิบายอะไรมาก เขาก็เห็นอะไรบางอย่างถูกแขวนไว้ที่ระเบียงน้ำตกสุราซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรปรากฏให้เห็น เมื่อเข้าไปใกล้จึงรู้ว่านั่นคือเสื้อนอกของซือชิงเสวียน แล้วหมิงอี้ก็ติดต่อบอกให้เซี่ยเหลียนรีบไปที่ระเบียงน้ำตกสุราทันที เซี่ยเหลียนจึงบอกหลิงเหวินให้บอกเทพแห่งน้ำว่าให้มาที่ระเบียงน้ำตกสุราให้เร็วที่สุด เพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับซือชิงเสวียน เมื่อเขาไปถึงชั้นบนของสถานที่นั้น เขาก็พบเทพแห่งลมกำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้น พอหมิงอี้พยุงอีกฝ่ายขึ้นมา พัดของเทพแห่งลมซึ่งถูกหักเป็นสองท่อนก็หล่นออกมาจากหน้าอกของชายหนุ่ม
ตอนที่เขากับฮวาเฉิงมาถึงที่นี่ครั้งแรก กำแพงศาลามีกระดาษเขียนบทกวีแขวนอยู่เต็มห้อง ทว่าตอนนี้กระดาษพวกนั้นกลับหายไปจนหมด เหลือเพียงกระดาษที่มีตัวอักษรสีแดงตัวใหญ่เขียนคำสาปแช่งคำแช่งที่ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่ากล่าวใส่ซือชิงเสวียนในวันที่อีกฝ่ายเกิด
.
.
.
.
.
ขอบคจ้า โม่งสปอยในที่สุดกุก็อ่านตามทันสักทีก่อนโม่งปิด
ขอบคุณ*
กุขอขัดแปปว่าไม่มีใครจะตั้งมู้ดราม่าปรมจ.ต่อเหรอวะ
กุมีลิ้งมู้เก่าอยู่นะ แต่เห็นด้วยในทวิตฟาดกันปั๊วะๆ มาก 555555
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>667 เทียนกวาน Part.92
.
.
.
.
.
พอหมิงอี้ถามถึงฮวาเฉิง เซี่ยเหลียนก็โกหกไปว่าตนเพิ่งขอให้อ๋องผีไปตามหาผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่า เนื่องจากเวลาที่ฮวาเฉิงจากไปช่างพอดีกับตอนเกิดเรื่องกับซือชิงเสวียน แม้เขาจะเชื่อใจอ๋องผี แต่ก็ไม่อยากให้เทพแห่งดินต้องสงสัยในตัวอีกฝ่าย ทันใดนั้นซืออู๋ตู้ก็นั่งรถม้าสวรรค์ทองคำมาพร้อมกับเผยหมิงและหลิงเหวิน เซี่ยเหลียนเลยหันไปขอให้หมิงอี้ช่วยปิดบังเรื่องที่ฮวาเฉิงมากับพวกตน เมื่อเห็นน้องชายเทพแห่งน้ำก็รีบถลันเข้ามาดูอาการ หลังจากได้ยินว่าซือชิงเสวียนไปเจอกับผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่า แก็งค์เพื่อนน้อยทั้งสามคนก็หน้าเสีย ขณะที่หลิงเหวินส่งน้ำให้ซืออู๋ตู้ป้อนเทพแห่งลม เผยหมิงก็ตั้งข้อสังเกตว่าปรกติเซี่ยเหลียนอยู่กับฮวาเฉิงตลอดไม่ใช่หรือ แต่เซี่ยเหลียนก็รีบปฏิเสธไป
ไม่นานนักซือชิงเสวียนก็ฟื้น แต่พอเห็นหน้าพี่ชายก็หวาดกลัวร้องลั่น เขาปัดมือของซืออู๋ตู้ออก ตะโกนว่าว่าไม่อยากได้ยินอีกฝ่ายพูดอะไรทั้งนั้น ทำเอาแก็งค์เพื่อนน้อยหน้าเปลี่ยนสี เผยหมิงต่อว่าท่าทีของเทพแห่งลมว่าทำให้พี่ชายเสียใจ แต่ซือชิงเสวียนกลับไล่ทั้งสาม พอซืออู๋ตู้คว้าข้อมือของน้องชายมาจับชีพจรก็หน้าซีด เซี่ยเหลียนเลยจะลองเชคบ้าง แต่ก็ถูกเทพแห่งน้ำปัดมือออกพร้อมส่งสายตาพิฆาตให้ ก่อนหันไปบอกน้องว่าจะพากลับไปรักษา ซือชิงเสวียนยิ่งโวยวายว่าเขาไม่ได้ป่วย และมีสติมากที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้เคยมีมา ซืออู๋ตู้เลยลากอีกฝ่ายไปยัดขึ้นรถม้า เทพแห่งลมพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือจากหมิงอี้กับเซี่ยเหลี่ยน เทพแห่งดินเลยบอกซืออู๋ตู้ว่าซือชิงเสวียนไม่อยากไปด้วย ส่วนเซี่ยเหลียนก็ถามถึงผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่า แต่เทพแห่งน้ำกลับบอกว่าเขาไม่รู้จักมัน บอกให้ทั้งสองอย่าจุ้นเรื่องในครอบครัวของเขาและอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้กับใคร
พอเหลือกันสองคน เซี่ยเหลียนก็ถามหมิงอี้ว่าจะไปเชคซือชิงเสวียนหรือเปล่า เทพแห่งดินพยักหน้าทีหนึ่งแล้วพวกเขาก็แยกย้าย แม้เขาอยากไปหาเทพแห่งลม แต่ดูจากท่าทีของซืออู๋ตู้แล้วคงไม่ใช่เวลาที่ดี เขาจึงตัดสินใจไปตามหาฮวาเฉิง ขณะที่กำลังเดินอยู่บนเขา เขาก็สัมผัสถึงอายมาร เซี่ยเหลียนจึงเตรียมตัวรับการปะทะ แต่เมื่ออีกฝ่ายปรากฏตัวให้เห็นก็พบว่าเป็นผีโครงกระดูกทองคำ 4 คนกำลังแบกเกี้ยวเล็กแต่หรูหรา พวกมันมาหยุดตรงหน้าเซี่ยเหลียน บอกว่าอ๋องผีส่งพวกตนมารับ ได้ยินดังนั้นเซี่ยเหลียนเลยยอมขึ้นไปนั่ง พอผีที่สัญจรตนอื่นเห็นก็อดซุบซิบกันไม่ได้ว่าไม่เคยเห็นฮวาเฉิงให้คนอื่นใช้เกี้ยวนี้ นึกว่าอ๋องผีจะไว้ให้ภรรยาใช้เสียอีก
เซี่ยเหลียนเผลองีบไปช่วงหนึ่ง พอตื่นขึ้นมาก็เจอกับฮวาเฉิงพอดี เมื่อเห็นเขาตื่นแล้วอีกฝ่ายก็ขึ้นมานั่งด้วยกัน เซี่ยเหลียนเล่าว่าโชคดีแล้วที่ตอนนั้นฮวาเฉิงจากมาก่อน เพราะว่าแก็งค์เพื่อนน้อยมากันทั้งสามคน ส่วนอ๋องผีก็บอกว่าตอนนั้นเขาจากมาเตรียมเรื่องเกี้ยวนี้ เซี่ยเหลียนนั่งสนุกหรือเปล่า หลังจากนั้นเซี่ยเหลียนจึงถามถึงเรื่องที่ฮวาเฉิงบอกว่าพอเจอกันอีกครั้งจะเล่าเรื่องบางอย่างให้ฟัง อ๋องผีถามขึ้นว่า เกอเกอ อยากแต่งงานไหม คำถามนั้นทำเอาเซี่ยเหลียนตกใจจนแข็งค้าง ฮวาเฉิงเลยรีบบอกว่าเขาล้อเล่น เซี่ยเหลียนต่อว่าอีกฝ่ายที่เอาเรื่องพวกนี้มาเล่นโดยไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย อ๋องผีเอ่ยขอโทษเขา พอเห็นท่าทางสำนักผิดของอีกฝ่าย เซี่ยเหลียนก็พาลรู้สึกผิดขึ้นมาเช่นกัน เลยแถไปว่าเขาดูเครียดเพราะกำลังนึกถึงเรื่องของซือชิงเสวียนต่างหาก
พอนึกถึงท่าทีที่เทพแห่งลมมีต่อพี่ชาย หรือว่าคนที่ให้เขาเปิดประตูให้ตอนนั้นจะเป็นซืออู๋ตู้ แต่ก็ติดที่ตอนนั้นอีกฝ่ายอยู่กับหลิงเหวินและเผยหมิง ทว่ายังไม่ทันที่เซี่ยเหลียนจะเล่าความคิดของตัวเองให้ฮวาเฉิงฟัง อีกฝ่ายกลับบอกตัดบทว่าอย่ายุ่งกับเรื่องนี้มากไปกว่านี้ และจะเป็นการดีมากหากอยู่ให้ห่างจากเทพแห่งลม เทพแห่งน้ำ เทพแห่งดิน หลิงเหวิน และเผยหมิงให้มากที่สุด
.
.
.
.
.
>>679 ลุงเผยนี่โคตรจิตวิญญาณฮวาเหลียนชิปเปอร์ คือเขาก็ไม่ได้ตัวติดกันขนาดนั้นป่ะ แต่คือพอเจอหน้าคนนึงแล้วไม่เห็นอีกคนก็รีบทักก่อนเลย 555555555555555 เกี้ยวเก็บไว้ให้ภรรยาใช้ อืม ก็ให้ภรรยาใช้จริงๆนั่นแหละ ฮืออออออ แต่ชอบความเชื่อใจฮวาเฉิงของเซี่ยเหลียนมากอ่ะ คือจะสถานการณ์แบบไหนก็ยังแบบเชื่อใจอ่ะ ทั้งๆที่รู้สึกเหมือนเพิ่งจะเจอกันไม่นานเอง
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>679 เทียนกวาน Part.93
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงกลับมาอารามผูจี้ เห็นอารามเรียบร้อย ทั้งหลางอิ๋ง ฉีหรงกับกู่จือยังอยู่กันดีเซี่ยเหลียนก็สบายใจ และเนื่องจากพ่อค้าคนนั้นช่วยป่าวประกาศเรื่องที่เขาช่วยปราบผีก็ทำให้อารามดังจนมีคนมาขอพรมากมาย แต่พอมองสภาพเก่าแก่จวนพังของอารามแล้วก็อดหนักใจไม่ได้ ฮวาเฉิงเลยชวนเซี่ยเหลียนไปอยู่บ้านของเขา ทว่าพอนึกถึงคำพูดล้อเล่นที่อีกฝ่ายพูดเมื่อคืน เขาเลยไม่ได้ตอบอะไรไป
มีครอบครัวหนึ่งขอพรว่าต้องการคนช่วยดำนา เซี่ยเหลียนจึงไปช่วยโดยมีฮวาเฉิงตามไปด้วย เห็นอ๋องผีเหงื่อออกเซี่ยเหลียนก็เอาหมวกไม้ไผ่ของตนสวมให้อีกฝ่าย ชาวบ้านที่เห็นฮวาเฉิงทำงานเก่งก็มาทาบทามไปเป็นเขยที่บ้าน แต่เขากลับบอกพวกชาวบ้านไปว่าตนแต่งงานมีภรรยาแล้ว แถมยังเสริมว่าภรรยาของเขาทั้งสวยและสง่างาม เขาหลงรักอีกฝ่ายตั้งแต่เด็ก กว่าจะเอาชนะใจได้ก็ยากลำบากมาก พวกชาวบ้านจึงถอดใจ ส่วนเซี่ยเหลียนก็อดถามไม่ได้ว่าเป็นความจริงหรือ พอฮวาเฉิงตอบว่าตนโกหก เซี่ยเหลียนรู้สึกโล่งอก ทว่าอ๋องผีกลับกล่าวต่อว่าเขาไม่ได้โกหกทั้งหมด นั่นเพราะเขายังไม่สามารถเอาชนะใจของคนๆ นั้นได้ เซี่ยเหลียนยืนอึ้งไปพักหนึ่งก่อนค่อยๆ กลับไปทำงาน รู้สึกไม่สบอารามณ์อย่างไม่ทราบสาเหตุ ระหว่างนั้นก็พยายามใช้โทรจิตติดต่อซือชิงเสวียนแต่ก็ไร้การตอบรับ เลยถามหลิงเหวินแทน ซึ่งเธอก็ตอบว่าซือชิงเสวียนอาการดีขึ้นแล้ว นอกจากนี้ซืออู๋ตู้ยังได้ส่งของกำนัลไปให้เซี่ยเหลียนที่อารามเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่คอยช่วยเหลือน้องชายของตนด้วย
หลังเสร็จจากงานดำนา และฮวาเฉิงไปช่วยผู้ใหญ่บ้านซ่อมที่ไถนาต่อ เซี่ยเหลียนเลยกลับไปดูว่าเทพแห่งน้ำส่งอะไรมา ก่อนพบทองคำแท่งในกล่องบริจาคซึ่งดูแล้วน่าจะตีเป็นกุศลได้นับล้าน มาอย่างนี้เซี่ยเหลียนก็รู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายเอาเงินฟาดหัวให้ปิดปากเรื่องที่เกิดขึ้นซือชิงเสวียน เขาทิ้งโน้ตบอกฮวาเฉิงไว้แล้วแบกกล่องบริจาคกลับสวรรค์ทันที แต่พอเห็นสภาพเมืองที่มีของพังเสียหายระเกะระกะไปทั่วก็อดตกใจไม่ได้ เมื่อเจอหลิงเหวินยืนนวดหน้าผากอยู่จึงเข้าไปสอบถาม เขาเลยได้รู้ว่าเฟิงซิ่นกับมู่ฉิ่งทะเลาะกันเรื่องวิญญาณตัวอ่อนแล้วไปถล่มตำหนักของอีกฝ่าย เพราะเฟิงซิ่นเสนอให้เอาวิญญาณตัวอ่อนไปแยกส่วนวิเคราะห์ แต่มู่ฉิงไม่เห็นด้วยจนในที่สุดก็เกิดเรื่อง เซี่ยเหลียนเลยเปลี่ยนเรื่องโดยบอกว่าเขาจะไปหาเทพแห่งลม แต่หลิงเหวินก็ขัดว่าซืออู๋ตู้ไม่อนุญาตให้ใครเยี่ยมซือชิงเสวียน เซี่ยเหลียนจึงโยนกล่องรับบริจาคลงบนพื้น ฝากให้อีกฝ่ายนำมันไปคืนเทพแห่งน้ำ จากนั้นก็ลอบเข้าไปในตำหนักของเทพแห่งน้ำและเทพแห่งลม
เซี่ยเหลียนแอบเข้าไปถึงหน้าต่างห้องนอนของซือชิงเสวียน พอมองเข้าไปก็เห็นเทพแห่งลมถูกมัดไว้บนเตียง ก่อนที่ซืออู๋ตู้จะถือชามใส่น้ำอะไรบางอย่างบังคับกรอกใส่ปากของน้องชาย แต่ซือชิงเสวียนก็พ่นออกมาได้มากกว่าครึ่ง ร้องโวยวายบอกให้พี่ชายปล่อยให้ตนไปตาย ซืออู๋ตู้บอกว่าพี่ชายอย่างเขาจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร แห่งลมเลยเอ่ยว่าต้องการลงจากสวรรค์ เขาไม่ต้องการเป็นเทพ แล้วจะไปเป็นคนร่อนเร่พเนจร ได้ยินน้องชายพูดอย่างนั้นเทพแห่งน้ำก็ยิ่งโกรธ บอกว่าเขาไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายทำแบบนั้น ก่อนที่จะมีคนติดต่อมาทางโทรจิต ดูเหมือนเควสคราวเคราะห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เขาสั่งให้ซือชิงเสวียนทำตัวดีๆ รอเขากลับมาก่อนรีบจากไป
พอได้โอกาสเซี่ยเหลียนก็เรียกซือชิงเสวียน แต่ด้วยความที่หน้าต่างลงอาคมไม่ให้เปิดจากข้างนอกได้ เทพแห่งลมที่ถูกมัดอยู่เลยพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการแต่ก็ไม่เป็นผลผิดวิสัยเทพที่มีพลังเยอะเป็นอย่างมาก ตอนนั้นเองเซี่ยเหลียนก็เห็นมือข้างหนึ่งโผล่พ้นออกมาจากใต้เตียงของซือชิงเสวียน พอเขาตะโกนเตือนอีกฝ่าย ร่างในชุดสีดำซึ่งใส่หน้ากากผีก็คลานออกมายืนอยู่หน้าเตียงของเทพแห่งลมแล้ว
.
.
.
.
.
ในที่สุดม่านฮวาปรจ ก็จบพาร์ทเมืองอี้ซะที พี่วั่งจะได้โผล่มาตลอด TOT ดีจัยเว้ย
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>683 เทียนกวาน Part.94
.
.
.
.
.
ปรากฏว่าชายหน้ากากผีที่คลานออกมาจากใต้เตียงคือหมิงอี้ หลังช่วยแก้มัดให้ซือชิงเสวียนแล้ว เทพแห่งลมก็มาเปิดหน้าต่างให้เซี่ยเหลียน เมื่อเทพแห่งดินคว้าข้อมือของซือชิงเสวียนมาจับก็หน้าซีด เซี่ยเหลียนเลยจับบ้างแล้วก็พบว่าพลังทิพย์ของอีกฝ่ายไม่มีเหลืออยู่เลย เขาถามว่าเป็นเพราะยาของซืออู๋ตู้หรือเปล่า แต่เทพแห่งลมก็ปฏิเสธแล้วบอกว่าเขาจะเล่าให้ฟังหลังหนีออกไปได้แล้ว เขารีบมุดไปใต้เตียงที่มีหลุมอยู่ และก่อนหมิงอี้จะตามไปเขาก็หันมาบอกเซี่ยเหลียนว่าไม่ต้องตามมาเพราะเดี๋ยวจะยุ่งยากไปด้วย แต่เซี่ยเหลียนก็ยืนยันจะให้ความช่วยเหลือซือชิงเสวียนให้ถึงที่สุด และก่อนที่หลุมจะปิดเอง ทั้งสองก็กระโดดตามเทพแห่งลมไป
อุโมงค์นี้หมิงอี้เป็นคนขุดด้วยอาวุธเทพของเขาซึ่งเป็นพลั่วที่สามารถขุดทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย แต่เขาไม่นิยมนำมันออกมาใช้เพราะอายที่มีอาวุธไม่สวยงามแบบพิม์นิยม ทำให้เขาใช้มันไม่คล่องเท่าไร ขณะที่ทั้ง 3 กำลังคลานกันอยู่ เทพแห่งดินก็ถามถึงอาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่า แต่ซือชิงเสวียนกลับบอกว่าไม่ต้องสนใจเรื่องนั้นแล้ว เห็นอาการของอีกฝ่ายเป็นอย่างนั้นก็มีความคิดบางอย่างแวบขึ้นในหัวของเซี่ยเหลียน แต่จู่ๆ หมิงอี้ก็บอกให้ทุกคนเงียบ และด้วยความที่ซือชิงเสวียนไม่มีพลังทิพย์แล้วเลยใช้โทรจิตไม่ได้ เทพแห่งดินเลยต้องใช้นิ้วเขียนอากาศบอกให้ทุกคนอยู่นิ่งๆ เพราะมีคนอยู่เหนือจุดที่พวกเขาอยู่ พอฟังเสียงเท้าของอีกฝ่ายเซี่ยเหลียนก็พอเดาได้ว่าต้องเป็นเทพสงครามซึ่งประสาทสัมผัสดีกว่าเทพทั่วไป หลังจากตัวแข็งเป็นหินกันพักใหญ่เจ้าของฝีเท้านั้นก็ยังไม่มีทีท่าจะจากไป ทันใดนั้นด้วยสัญชาตญาณเซี่ยเหลียนก็รีบดึงทั้งสองคนไว้ ก่อนมีกระบี่แทงลงมาตรงระหว่างขาของเขาพอดี จากนั้นมันก็ถูกถึงออกแล้วกระหน่ำแทงลงมาอีก ยังไม่ทันทำอะไรมาก คนที่อยู่ข้างบนก็ใช้กระบี่ปิดทางพวกเขาไว้ทั้งหน้าหลัง แล้วพยายามระเบิดพื้นด้านบนลงมา หมิงอี้เลยใช้พลั่วรีบขุดทางใหม่แทนจนพวกเขาไปถึงจุดที่ไม่มีเสียงจากด้านบนให้ได้ยิน เลยตัดสินใจว่าจะออกจากอุโมงค์ในจุดนี้ พอขึ้นไปก็พบว่าเป็นห้องนอนของเฉวียนอี้เจิน
เฉวียนอี้เจินที่นอนกลางวันอยู่งัวเงียมองรูที่โผล่มาในห้องตัวเองอย่างงงๆ ทั้ง 3 คนก็เนียนทำเหมือนเรื่องปรกติแล้วพากันคลานออกจากหลุม แต่ซือชิงเสวียนที่อยู่คนสุดท้ายกลับถูกจับข้อเท้าไว้ อีกฝ่ายคือเผยหมิง เขาต่อว่าเซี่ยเหลียนกับหมิงอี้ที่มาช่วยซือชิงเสวียนหนีแล้วเขาก็หันไปเรียกให้เฉวียนอี้เจินช่วยจับตัวทั้ง 3 ไว้ พอได้ยินดังนั้นเฉวียนอี้เจินจึงลุกขึ้นมาร่วมวงให้ความช่วยเหลือพวกเซี่ยเหลียนด้วยการตื้บแม่ทัพเผย แม้จะหนีมาได้แต่ทพแห่งลมที่ไร้พลังทิพย์ก็ทำท่าจะหนีต่อไม่ไหว หมิงอี้จึงแบกอีกฝ่ายขึ้นหลัง ส่วนเซี่ยเหลียนหยิบลูกเต๋าออกมาทอย หันไปขอบคุณเฉวียนอี้เจินก่อนเปิดประตูห้องออกไป ที่อีกฝั่งของประตูคือฮวาเฉิงซึ่งกำลังเปลือยบนใช้เอ้อมิ่งเหลาไม้ทำกล่องรับบริจาคกล่องใหม่ให้เซี่ยเหลียนอยู่ เขารีบหันไปบอกให้เพื่อนร่วมทางทั้งสองคนปิดตาโดยลืมไปว่าอีกฝ่ายไม่ใช่สตรี แล้วจึงบอกให้อ๋องผีรีบแต่งตัว
ด้วยความที่เผยหมิงอาจตามมาที่อารามผูจี้ได้ทุกเมื่อ หมิงอี้เลยรีบวาดคาถาร่นระยะทางอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นฮวาเฉิงก็ถอนหายใจว่าเขาคิดอยู่แล้วว่าสุดท้ายเซี่ยเหลียนคงไม่ยอมอยู่เฉยๆ กับเรื่องของซือชิงเสวียน แต่ก็บอกให้เซี่ยเหลียนทำตามใจชอบได้เลย ทำเอาเซี่ยเหลียนซาบซึ้งใจเลยช่วยอีกฝ่ายจัดเสื้อให้เรียบร้อยจนหมิงอี้กับซือชิงเสวียนเหม็นความรักแทบทนดูไม่ได้ เมื่อเทพแห่งดินวาดคาถาเสร็จ พอพวกเขาทั้ง 4 เปิดประตูออกไปก็พบกับทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่มีวัวกำลังเคี้ยวเอื้องอยู่ แล้วซือชิงเสวียนก็หันมาบอกทุกคนว่าไม่ต้องช่วยเหลือเขาแล้ว เขาจะหุบปากเงียบอยู่ที่นี่เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องเดือดร้อนไปด้วย ให้ทุกอย่างจบลงแค่ตรงนี้ก็พอ
.
.
.
.
.
ทั่นแม่ทัพโดนรังแกอีกแล้ว 55555555555555
มีคนวาด fanart พาร์ทนี้ด้วยอ่ะ >////<
https://twitter.com/mayuyujoshi23/status/1133003545924386816?s=19
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>689 เทียนกวาน Part.95
.
.
.
.
.
ในกระท่อมที่ทั้ง 4 มาซ่อนตัว เซี่ยเหลียนถามซือชิงเสวียนว่าอาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่ารู้เรื่องคอขาดบาดตายของอีกฝ่ายกับพี่ชายใช่หรือไหม เพราะเขาคิดไม่ออกว่าเหตุใดเทพแห่งลมจึงเปิดประตูให้ศัตรูนอกจากถูกข่มขู่ และเมื่อดูจากการที่เทพแห่งลมต่อต้านพี่ชาย อีกทั้งยังอยากลงจากสวรรค์ไปเป็นคนจรจัดก็มีความเป็นไปได้สูงว่าการขึ้นสวรรค์ของซือชิงเสวียนไม่ใช่เรื่องปรกติ อีกฝ่ายถูกผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าตามติดตั้งแต่เกิด การจะหนีได้มีเพียงการขึ้นสวรรค์เพราะเทพจะมีรัศมีปกป้องร่างจากสิ่งชั่วร้าย ซือชิงเสวียนได้ขึ้นสวรรค์หลังซืออู๋ตู้ไม่กี่ปี หากการขึ้นสวรรค์ของเขาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเอง ทำไมพลังทิพย์ของเขาถึงได้หายไปง่ายแบบนี้ จะต้องเป็นเทพแห่งน้ำที่แอบทำเรื่องบางอย่าง และนั่นก็ต้องเป็นความผิดร้ายแรงมาก
ซือชิงเสวียนได้ขึ้นสวรรค์ในวันเดียวกับงานเทศกาลชุมนุมเพลิงที่เมืองฟูกู การที่ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าเทพแห่งลมไปดูการแสดงในงาน ก่อนพาไปที่ระเบียงน้ำตกสุราย่อมมีความเกี่ยวข้อง ในคืนวันนั้นชายแซ่เฮ่อเกิดบ้าคลั่งฆ่าคนไปมากมาย ในขณะที่ซือชิงเสวียนได้ขึ้นสวรรค์ การขึ้นสวรรค์ของเทพแห่งลมมีความเชื่อมโยงกับการตายของชายแซ่เฮ่อ เพราะฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเมื่อซืออู๋ตู้ได้ขึ้นสวรรค์ เพื่อช่วยให้น้องชายรอดพ้นจากปีศาจร้าย เขาจึงหามนุษย์ที่มีคุณสมบัติตามต้องการมาสับเปลี่ยนโชคชะตากับน้องชาย เป็นเหตุให้ชายแซ่เฮ่อต้องพบกับความโชคร้ายจากผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าแทนที่ซือชิงเสวียน ขณะเดียวกันชะตาที่ควรจะเป็นของชายแซ่เฮ่อก็กลายเป็นของซือชิงเสวียนแทน ในคืนสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วง คนหนึ่งเหมือนตกนรกทั้งเป็น คนหนึ่งได้ขึ้นสวรรค์ โชคชะตาที่เป็นคนละขั้วของกันและกันได้ถูกสลับโดยสมบูรณ์
เพื่อให้การสับเปลี่ยนชะตาเป็นไปอย่างราบรื่น ชายแซ่เฮ่อจะต้องมีชื่อว่าเสวียน เกิดวันเดือนปี และเวลาเดียวกับซือชิงเสวียนอย่างแน่นอน อีกทั้งผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าก็ไม่เคยเห็นหน้าซือชิงเสวียนตรงๆ ย่อมทำการหลอกได้ง่าย นอกจากจะเอาโชคร้ายให้คนอื่นได้แล้ว เขายังทำให้น้องชายได้ขึ้นสวรรค์มาอยู่ด้วยกันด้วย พอได้ข้อสรุปอย่างนั้นหมิงอี้ก็หน้าเครียด ส่วนซือชิงเสวียนไม่ปฏิเสธก่อนหันไปมองฮวาเฉิงอย่างไม่ไว้ใจ อ๋องผีจึงบอกว่าคนที่อีกฝ่ายควรกังวลว่าจะปูดเรื่องนี้น่าจะเป็นพวกเทพบนสวรรค์มากว่า แต่หมิงอี้ก็แย้งว่าอ๋องผีมีสายอยู่บนสวรรค์ ฮวาเฉิงจึงแขวะว่าอีกฝ่ายก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ พอเปลี่ยนคำถามมาเป็นว่าเหตุใดผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าจึงรู้รหัสผ่านโทรจิตของซือชิงเสวียน เทพแห่งดินก็บอกว่าเป็นน่าจะเป็นเพราะซือชิงเสวียนเที่ยวผูกมิตรมั่วซั่วไปทั่ว แต่พอเซี่ยเหลียนคิดว่าในเมื่อมารตนนั้นสืบความลับของซืออู๋ตู้ได้ การจะหารหัสผ่านของซือชิงเสวียนก็คงไม่ใช่เรื่องยาก
ซือชิงเสวียนรู้สึกผิดที่พี่ชายขโมยโชคชะตาของคนอื่นมาให้ตน แต่แล้วเซี่ยเหลียนก็คิดได้ว่าแม้ร่างที่ใช้เรียกซือชิงเสวียนให้เปิดประตูจะเป็นผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่า ทว่าทั้งๆ ที่ปรกติมันจะตามติดเหยื่อจนกว่าอีกฝ่ายจะฆ่าตัวตาย หากแต่ชายแซ่เฮ่อผู้นั้นหมดแรงจนเสียชีวิต อีกฝ่ายต่อสู้ไม่ยอมแพ้ให้โชคชะตาจนวันสุดท้าย เพราะฉะนั้นผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าย่อมไม่อาจดูดซับพลังด้านลบจากชายผู้นี้ แต่การที่ชายแซ่เฮ่อตายแบบด้วยความแค้นแบบนั้นน่าจะต้องกลายเป็นผีร้าย ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าที่ตามซือชิงเสวียนในตอนนี้เป็นคนละตนกับตอนที่อีกฝ่ายเกิด อีกฝ่ายคือเฮ่อเสวียนต่างหาก
หากผีกินผีด้วยวิธีที่ถูกต้องจะสามารถดูดซับพลังความสามารถของเหยื่อมาเป็นของตนเอง เฮ่อเสวียนคงกินผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าแล้วควบคุมอีกฝ่ายให้มาตามซือชิงเสวียน ใช้เกมแมวจับหนูไม่ฆ่าในทันที แต่ค่อยๆ กดดันทรมานเพื่อให้หนูตัดสินใจฆ่าตัวตายหนีจากความหวาดกลัวเอง หมิงอี้หันไปถามซือชิงเสวียนว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่อีกฝ่ายก็ตอบว่าตนไม่รู้ และไม่รู้จะต้องมองหน้าพี่ชายด้วยความรู้สึกอย่างไร ยังไงอีกฝ่ายก็มีสายเลือดเดียวกัน และที่ทำเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ก็เพื่อเขา เขาขอให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้เป็นความลับจนกว่าเขาจะคิดออกว่าจะทำอย่างไรดี แต่เพื่อให้น้องขายกลับไปเป็นเทพ ซืออ็ตู้จะต้องหาเหยื่อคนใหม่มาสับเปลี่ยนโชคชะตากับซือชิงเสวียนอีกแน่ๆ เขาคงขอให้หลิงเหวินช่วยหาคนๆ นั้นให้ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นหรือว่าหลิงเหวินจะรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนั้นเองวัวด้านนอกกระท่อมก็ร้องเสียงดัง อีกทั้งชาวนาก็เริ่มโวยวายเพราะมีคนที่มีจิตสังหารก้าวเข้ามาในท้องนา พอเซี่ยเหลียนแอบแง้มประตูดูก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายคือแม่ทัพเผย
.
.
.
.
.
>>695 ขอบคุณสำหรับสปอยล์จ้า จุ๊บๆ
https://twitter.com/manda_dayoyo/status/1210864860986130432?s=19
>> มึงงงงงง โคตรน่ารักเลยอ่า TOT
>>696 ทำไมทุกคนใจร้ายกับแม่ทัพเผยแบบนั้น 5555
>>697 ซืออู๋ตู้ทำเพื่อช่วยน้องก็จริง แต่เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวมาก ต่อไปสปอยรายละเอียดเพิ่มเติมที่ไม่ได้เขียนด้วยนะ
.
.
.
.
.
เพราะหลังตัวเองขึ้นสวรรค์ก็ใช้พลังพาซือชิงเสวียนมาเป็นเทพชั้นกลาง (เหมือนที่ตอนแรกเซี่ยเหลียนพาเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงตามมาด้วย) ความจริงตอนนั้นซือชิงเสวียนก็ปลอดภัยในระดับหนึ่งแล้วอะ แถมตัวเองก็เป็นเพื่อนกับเผยหมิงที่เป็นเทพสงคราม จะขอให้อีกฝ่ายคราฟเครื่องลางขลังๆ แบบที่เซี่ยเหลียนทำ เผยหมิงก็น่าจะทำได้ แถมด้วยอิทธิพลเผยหมิงแล้วจะขอให้ส่งคนไปหาทางกำจัดผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าก็ได้ แต่ซืออู๋ตู้ไม่ทำ จะให้น้องเป็นเทพชั้นสูงมาอยู่กับตัวเอง รุ่งเรืองไปด้วยกัน เลยขอให้หลิงเหวินช่วยหาตัวเฮ่อเสวียนแล้วตัวเองก็มาเปลี่ยนชะตาให้น้อง (เพราะถึงซือชิงเสวียนบำเพ็ญไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าจะขึ้นเป็นเทพชั้นสูงได้ แต่เฮ่อเสวียนมีชะตาได้เป็นเทพอยู่แล้ว เลยขโมยแม่ม)
เฮ่อเสวียนจากที่มีชะตาได้เป็นเทพมีชีวิตดีๆ เลยพลิกกลายเป็นแบบนั้น แถมไม่ใช่แค่ตัวเฮ่อเสวียนเองที่โชคร้าย พ่อ แม่ น้องสาว คนรัก ทุกคนตายไม่ดีหมด แล้วซืออู๋ตู้ก็ไม่รู้สึกผิดอะไรด้วย นี่ก็ยังจะหาคนมาเปลี่ยนชะตาให้น้องอีก ถ้าคนนี้ไม่ได้ก็จะมีคนที่ 3 4 5 ไปเรื่อยๆ แถมเพื่อความปลอดภัยน้องก็ถึงกับจะทิ้งเผยหมิงไว้ในดงศัตรู ซืออู๋ตู้อะสมฉายาเนื้อร้ายแห่งสวรรค์มากที่สุดในแก็งค์เพื่อนน้อย (รองมาก็หลิงเหวิน) จวินอู๋เองยังรู้สึกว่ารับมือกับคนนิสัยแบบนี้ยากเลย
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>695 เทียนกวาน Part.96
.
.
.
.
.
พอเห็นวัวสีดำลุกขึ้นยืนสองขาเผชิญหน้ากับเผยหมิง เซี่ยเหลียนเลยนึกว่าออกอีกฝ่ายคือวัวที่เป็นผู้ติดตามของเทพแห่งฝน และที่นี่คืออาณาจักรอวี้ซือ แม่ทัพเผยตะโกนเรียกซือชิงเสวียน บอกว่าตอนนี้ซืออู๋ตู้กำลังทำเควสคราวเคราะห์แถมสถานการณ์ดูท่าจะไม่ค่อยดีด้วย ได้ยินแบบนั้นซือชิงเสวียนก็รีบโผล่ออกไปโดยไม่ทันคิด พอเซี่ยเหลียนกับหมิงอี้เชคในเครือข่ายโทรจิตก็พบว่าเจ้าหน้าที่สวรรค์กำลังวุ่นวายกับกับเควสของซืออู๋ตู้จริงๆ เผยหมิงขู่ต่อว่าก่อนเควสเริ่มเทพแห่งน้ำก็ได้ข่าวเรื่องที่น้องชายหนีไป อีกทั้งบริเวณที่ซืออู๋ตู้ทำเควสก็ถูกตัดสัญญาณทำให้ใช้โทรจิตติดต่อไม่ได้ ด้วยความเป็นห่วงพี่ชาย ซือชิงเสวียนเลยจะกลับไปให้อีกฝ่ายเห็นหน้าจะได้มีสมาธิทำเควส แม้หมิงอี้จะเข้าไปยืนขวางไว้ แต่ซือชิงเสวียนก็ยังเลือกตามเผยหมิงไปอยู่ดี และสุดท้ายเทพแห่งดินก็ตามทั้งสองไปอีกคน
ด้วยมิตรภาพที่มีกับซือชิงเสวียน เซี่ยเหลียนเลยยังไม่รายงานเรื่องของซืออู๋ตู้ให้สวรรค์ทราบ แต่แล้วเชาก็ได้ยินหลิงเหวินพูดในเครือข่ายว่าบริเวณที่ซืออู๋ตู้ทำเควสมีชาวประมงหลงเข้าไปจำนวนมากจึงเรียกหาเทพสงครามไปช่วย เผยหมิงบอกว่าตน ซือชิงเสวียนกับหมิงอี้กำลังจะไปที่นั่น หลิงเหวินยังอยากได้คนเพิ่มอีก แต่เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงถูกสั่งกักบริเวณจากการทะเลาะกันก่อนหน้าหน้านี้ หลางเชียนชิวยังไม่กลับมาสวรรค์ ส่วนเฉวียนอี้เจินก็ไม่ยอมเข้ากรุ๊ปไลน์ที่ทำงาน เซี่ยเหลียนเลยเสนอตัวไปช่วย บอกว่าเขามีประสบการณ์ลอยคอในทะเลกว่าครึ่งเดือนย่อมมีความคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้มาก เมื่อได้ยินว่าเซี่ยเหลียนจะไปด้วย ฮวาเฉิงก็จำแลงกายเป็นชาวประมง หลังจากโยนลูกเต๋าแล้วเปิดประตูกระท่อมออกไป ทั้งสองก็มาถึงที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกซึ่งกำลังมีพายุบ้าคลั่งโหมกระหน่ำ ก่อนไปสมทบพวกซือชิงเสวียนที่เรือของสวรรค์ซึ่งจอดรออยู่ เซี่ยเหลียนต้องหลอกเผยหมิงว่าฮวาเฉิงเป็นคนจากตำหนักของเขา ประกอบกับซือชิงเสวียนช่วยพูด แม่ทัพเผยจึงยอมให้อ๋องผีขึ้นเรือมาด้วย
เผยหมิงสั่งให้เรือแล่นฝ่าพายุออกไป พอเจอชาวประมงเซี่ยเหลียนก็ใช้รั่วเย่ดึงอีกฝ่ายมาขึ้นเรือ ส่วนแม่ทัพเผยจับพวกเขาโยนเข้าไปใต้เรือซึ่งมีคาถาร่นระยะทางกลับไปที่ชายหาด และคอยฟาดฟันสายฟ้าจากเควสคราวเคราะห์ที่พุ่งใส่อย่างโคตรหล่อ ในที่สุดพวกเขาก็ไปถึงใจกลางพายุซึ่งซืออู๋ตู้กำลังต่อสู้กับน้ำที่ก่อตัวเป็นมังกร เผยหมิงใช้พลังทิพย์ตะโกนบอกเพื่อนว่าเจอตัวซือชิงเสวียนแล้ว และให้ตั้งใจสู้ให้ดีไม่อย่างนั้นน้องชายของอีกฝ่ายอาจต้องจมน้ำตาย ด้วยความบราคอนซือู๋ตู้เลยจัดการมังกรน้ำได้ในที่สุด เขาลงมาที่เรือแล้วต่อว่าซือชิงเสวียนทันที แต่เควสของซืออู๋ตู้ยังไม่จบเพราะต้องใช้เวลาถึง 7 วัน 7 คืน ตอนนี้แค่เป็นช่วงพักสั้นๆ เซี่ยเหลียนเลยติดต่อให้หลิงเหวินช่วยหาตำแหน่งชาวประมงที่เหลือก่อนที่เควสจะเริ่มอีก แต่ยังไม่ทันได้ความสัญญาณก็หายไป เผยหมิงบอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ช่วยให้มากที่สุดเท่าที่จะช่วยได้
พวกเซี่ยเหลียนยังคงลอยเรือตามหาให้ความช่วยเหลือชาวประมง หากเป็นสาวๆ เผยหมิงก็ต้องขอหม้อก่อนส่งกลับฝั่ง ทำเอาหมิงอี้กับซือชิงเสวียนทนดูไม่ได้ ส่วนเซี่ยเหลียนนั่งข้างฮวาเฉิง ก่อนที่อ๋องผีจะเอาหมั่นโถวออกมาแบ่งคนละครึ่งอย่างรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงหิว พอเผยหมิงได้ยินก็รู้สึกเหม็นความรัก หันมาแซวให้ทั้งคู่ช่วยออกจากโลกของสองเรา ตอนนั้นเองเซี่ยเหลียนก็รู้สึกว่าเรือแล่นช้าลงแถมยังเหมือนค่อยๆ จมลงไปด้วย แม่ทัพเผยยืนยันว่าเรือลำนี้อัดพลังทิพย์มาให้แล่นได้ 2 วันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพลังหมด แต่แล้วเขาก็ทำท่าเหมือนจะคิดอะไรออก เรือใดที่เข้าไปในเขตของปีศาจตนนั้นล้วนจมลงทุกลำ พวกเขาคงเผลอแล่นเรือเข้ามาในเขตของธาราทมิฬล่มเรือ เจวี๋ยผู้ปกครองผืนน้ำแล้ว ตามตำนานธาราทมิฬล่มเรือเป็นผีน้ำที่กินผีน้ำมีชื่อตนอื่นไปอย่างน้อย 500 ตนจนมีพลังควบคุมน้ำสูงมาก ซืออู๋ตู้ถามว่าทำไมถึงบังคับเรือมาที่นี่ ทว่าเผยหมิงกลับบอกว่าเรือเป็นแบบออโต้ เขาไม่ได้บังคับ แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันสั่งหันเรือกลับออกไป พวกเขาก็พบว่าตอนนี้เรือไม่สามารถขยับได้แล้ว
.
.
.
.
.
เกลียดความไม่เข้ากรุ๊ปไลน์ที่ทำงาน อิห่า พวกมึงเป็นพนงบริษัทกันอ่อ? แม่ทัพเผยก้อเหม็นความรักอีกแล้วเว้ยย 55555 ขอบคุนโม่งสปอย มึงเล่าตร่กดีกูชอบ
อ่านๆมาลุงเผยแกก็น่ารีกดีนี่หว่า นอกจากหม้อสาวกับแขวะความรักฮวาเหลียนแกก็ทำตัวดูดีสมตำแหน่งเทพสงครามอยู่หน่า หรือแกมีวีรกรรมแย่ๆที่ยังเล่าไม่ถึงวะ
>>705 ช่าย ลุงเผยน่ารักมาก ตอนนี้เห็นแขวะๆ ฮวาเหลียน แต่จริงๆ แล้วแกเป็นชิปเปอร์ (/*กวักมือ แม่ทัพเผย มานั่งกับพวกเรา มาม่ะ) สมกับเป็นเทพแห่งฟามรัก (อย่างไม่เป็นทางการ เพราะแกไปแจกหม้อสาวที่ไหนก็ติดหมด เลยมีมนุษย์บางส่วนขอพรด้านความรักจากแก) ถึงทุกคนชอบรังแกก็ไม่เห็นแม่ทัพเผยจะโกรธใครจริงจัง แล้วอย่าลืมว่าในตอนนี้ถ้าไม่นับซืออู๋ตู้ที่มีคนนับถือมากเพราะขอพรเรื่องเงินทอง เผยหมิงนับเป็นเบอร์ 2 ของสวรรค์รองจากจวินอู๋เลยนะ มีความรับผิดชอบในหน้าที่ดีมาตั้งแต่สมัยเป็นมนุษย์ธรรมดา
ส่วนเรื่องวีรกรรมแย่ๆ นอกจากบทที่สปอยไปแล้วก็เห็นมีอีกแค่เรื่องเดียวคือ (สปอยเน้อ)
.
.
.
.
.
ส่งคนไปช่วยหลิงเหวินเผาอารามของจิงเหวินเจินจวินจนหมด ซึ่งจิงเหวินเป็นอดีตหัวหน้าของหลิงเหวินที่พาเธอออกจากคุก ขึ้นสวรรค์มาเป็นเทพชั้นกลาง แต่ความจริงจิงเหวินแค่พาหลิงเหวินมาเป็นลูกน้องเพื่อเรียกหน้าตาให้ตัวเองว่าให้โอกาสทุกคนที่มีความสามารถ ไม่ถือโทษที่หลิงเหวินเคยทำตัวเองเสียหน้า (โดยไม่รู้ตัว) ในสมัยที่เธอยังเป็นมนุษย์ และจิงเหวินก็เหยียดเพศมาก ใส่สีตีไข่กดขี่หลิงเหวิน ใช้ทำงานแรงงาน ไม่ให้ทำงานเอกสารที่เป็นของเทพอักษรเลย (อย่างที่เซี่ยเหลียนพอรู้จักมักจี่กับหลิงเหวินแต่แรก ก็เพราะสมัยก่อนหลิงเหวินถูกใช้ทำงานส่งของเลยได้เจอเซี่ยเหลียนบ่อยๆ) ที่มีข่าวลือว่าเธอยั่วเทพชายไปทั่วเพื่อไต่เต้ามาเป็นใหญ่ หรือข่าวลือว่าหลิงเหวินกิ๊กกับเผยหมิงก็เป็นจิงเหวินนี่แหละที่สร้างข่าวเอง (หลิงเหวินกับเผยหมิงสนิทกันเพราะว่ามาจากอาณาจักรเดียวกัน แถมเหมือนเผยหมิงจะค่อนข้างมองหลิงเหวินเป็นเพื่อนชายแก็งค์เดียวกันด้วย สังเกตได้ว่าเวลาหลิงเหวินอยู่กับแก็งค์เพื่อนน้อยส่วนมากจะชอบใช้ร่างผู้ชาย)
.
.
.
.
.
ยิ่งอ่านสปอยล์ กูก็ยิ่งอิหยังวะกับระบบการคัดคนเป็นเทพ
มีสรุปโพลด้วย 🤭🤭🤭
https://twitter.com/m_egeg0/status/1211291331215032322?s=19
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>702 เทียนกวาน Part.97
.
.
.
.
.
ขณะที่หมิงอี้ไปเชคว่าเรือรั่วหรือเปล่า ฮวาเฉิงก็บอกว่าปรกติเขตทะเลใต้ของธาราทมิฬล่มเรือจะมีบาเรียกันไม่ให้มีสิ่งใดเข้ามาง่ายๆ แต่หากมีอะไรหลุดรอดมาก็จะถูกดึงจมลงไปในน้ำทั้งหมด เซี่ยเหลียนเลยคิดว่าในเมื่อหากมีชาวประมงหลงมาที่นี่ก็ไม่อาจช่วยเหลือ และถ้าเทพแห่งดินซ่อมเรือไม่ได้ก็ใช้คาถาร่นระยะที่ท้องเรือกลับชายฝั่งกันก่อน แต่พอเผยหมิงเปิดประตูเรือกลับพบว่าคาถาร่นระยะใช้งานไม่ได้แล้ว ทางด้านหมิงอี้ก็ไม่พบว่าเรือมีรอยรั่วตรงไหน อ๋องผีเอ่ยว่ามีไม้ชนิดหนึ่งที่จะไม่จมในเขตของธาราทมิฬล่มเรือ นั่นคือไม้โลงศพและจะต้องมีศพอยู่ด้วยเท่านั้น เมื่อไม่เห็นทางแก้ ซืออู๋ตู้เลยใช้พลังบังคับน้ำจากนอกเขตของธาราทมิฬเข้ามาช่วยดึงเรือขึ้น น้ำจากทั้งสองเขตเริ่มสู้กันจนทะเลกลายเป็นน้ำวน เซี่ยเหลียนเลยเหยียบบนฟางซิ่น ดึงฮวาเฉิงมายืนด้วยก่อนเหาะกระบี่ไปบนอากาศพร้อมๆ กับที่เรือจมลงไป พอมองไปรอบๆ ก็เห็นซือชิงเสวียนอยู่บนพลั่วกับหมิงอี้ ส่วนเผยหมิงก็อยู่บนกระบี่ของตัวเอง มีเพียงซืออู๋ตู้ที่หายไป แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นเทพแห่งน้ำก็คงไม่จมน้ำง่ายๆ แล้วอ๋องผีก็หันมาบอกเซี่ยเหลียนว่าที่นี่ไม่อาจเหาะได้เช่นกัน
ไม่ทันขาดคำดี ปลายักษ์ที่มีแต่ก้างก็กระโดดงับเผยหมิง โชคดีที่อีกฝ่ายหลบได้ทัน ก่อนที่อีกตัวจะกระโดดใส่พวกหมิงอี้จนเกือบหล่นทะเล แต่แม่ทัพเผยก็เข้าไปช่วยทัน ส่วนเซี่ยเหลียนบอกให้ฮวาเฉิงจับตัวเองแน่นขึ้นเพื่อเตรียมรับมือ เขาเห็นปลากระดูก 4 ตัวว่ายวนอยู่รอบๆ พอตัวหนึ่งพุ่งใส่เขาก็จับด้วยมือเปล่า ก่อนใช้มันต่างอาวุธซัดใส่ปลาอีก 3 ตัวจนก้างกระจายเต็มทะเล พอถามอ๋องผีว่าเป็นอะไรหรือเปล่า อีกฝ่ายก็ตอบว่ามีเกอเกอคอยปกป้องอยู่ เขาจะเป็นอะไรได้ยังไง แต่แล้วด้วยความที่ฟางซิ่นเก่ามาก สุดท้ายก็ลอยต่อไม่ไหว ทั้งคู่เลยตกลงไปในทะเล เซี่ยเหลียนพยายามว่ายขึ้นจากน้ำแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ทว่าไม่นานฮวาเฉิงก็มาช่วยดึงเขาขึ้น เพราะตามเทคนิคอีกฝ่ายเป็นศพ อ๋องผีจึงไม่จมน้ำของธาราทมิฬล่มเรือ แต่ขณะที่ฮวาเฉิงบอกให้เซี่ยเหลียนจับเขาไว้ดีๆ ปลากระดูกทั้ง 4 ก็เริ่มต่อตัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ตอนที่ปลากระดูกกำลังพุ่งใส่เซี่ยเหลียนฮวาเฉิงก็เดาะลิ้นอย่างอารามณ์เสีย แล้วจู่ๆ พวกมันก็เปลี่ยนทิศว่ายไปทางอื่น อ๋องผีหันมาบอกเซี่ยเหลียนว่าถ้าอนาคตอยากเลี้ยงตัวอะไร อย่าไปเลี้ยงพวกตัวไร้ประโยชน์พวกนี้ ตอนนั้นเองเขาก็เห็นซืออู๋ตู้นั่งอยู่บนหัวปลาตัวหนึ่ง ประสานมือร่ายคาถาบางอย่าง ก่อนจะมีคลื่นยักษ์ซัดเข้ามาจนเซี่ยเหลียนสลบไป เมื่อเขาได้สติก็พบว่าตัวเองลอยมาขึ้นฝั่งแล้ว ข้างๆ เขาคือฮวาเฉิงที่ยังคงจับเอวเขาไว้ไม่ยอมปล่อยแม้จะไม่ได้สติอยู่ เซี่ยเหลียนพยายามปลุกอีกฝ่ายพร้อมสังเกตรอบๆ ไปด้วย ถัดจากชายฝั่งเป็นป่าหนาทึบไร้วี่แววของผู้คน ดูเหมือนที่นี่น่าจะเป็นเกาะกลางทะเล พอเรียกเท่าไรอ๋องผีก็ยังไม่ฟื้น เขาเลยเอาหัวแนบอกอีกฝ่าย แต่ตอนที่เขานึกได้ว่าหัวใจของอีกฝ่ายไม่น่าจะเต้น เขากลับได้ยินเสียงหัวใจเต้นดังออกมา ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรไป เซี่ยเหลียนเลยทำใจ กล่าวขอโทษแล้วก้มลงจะผายปอดให้ แต่เพราะเขาหลับตาอยู่เลยไม่รู้ว่าฮวาเฉิงลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี หลังจากเป่าลมไป 5-6 ครึ่งถึงลืมตาจะมาปั๊มหัวใจ แต่พอเห็นอีกฝ่ายมองตัวเองตาแป๋วอยู่ก็เกิดเดดแอร์ ก่อนที่เซี่ยเหลียนจะสติแตก เขาโค้งบอกขอโทษอีกฝ่ายรัวๆ ก่อนวิ่งหนีด้วยความอายโดยมีฮวาเฉิงวิ่งไล่ตามเป็นหนังแขก
พอเซี่ยเหลียนวิ่งเข้าไปในเขตป่าก็มีธนูพุ่งใส่ แต่ไม่เห็นคนโจมตี เขารีบหันหลังกลับมาจับมือฮวาเฉิงวิ่งกลับไปที่ชายฝั่ง พอไม่เห็นว่ามีใครตามมาก็สบายใจ แต่พอรู้ตัวว่ากำลังจับมืออีกฝ่ายอยู่ก็กระโดดออกห่าง เห็นท่าทางอย่างนั้นอ๋องผีเลยตะล่อมพูดให้อีกฝ่ายใจเย็นว่าโชคดีที่เกอเกอช่วยไว้ เพราะร่างมนุษย์นี้ไม่สะดวกเอาเสียเลย แต่เกอเกอยังผายปอดผิดวิธีอยู่นะ อนาคตอย่าไปทำอย่างนี้กับคนอื่นล่ะเดี๋ยวอีกฝ่ายจะตายเอา ตอนแรกเซี่ยเหลียนจะถามวิธีที่ถูกต้อง แต่ก็ยังรู้สึกอายกับเรื่องที่เกิดเลยบอกว่าเขาจะไม่ไปทำอย่างนี้กับใครอีก แล้วฮวาเฉิงก็อธิบายว่าที่นี่คือเกาะธาราทมิฬซึ่งอยู่ใจกลางเขตของธาราทมิฬล่มเรือ ซึ่งแม้แต่เขาเองก็ต้องระมัดระวังตัว
.
.
.
.
.
สวัสดีปีใหม่เหล่าเพื่อนโม่งทุกคน
ปรจ. มี audio drama gasha ด้วยอ่ะมึง 😭 น่ารักมากเลย เป็นตอนสั้นๆ + ภาพประกอบใหม่ ถ้ากูฟังจีนออกกูไปเล่นด้วยแล้ว ถือเป็นของขวัญปีใหม่ของปรจ. จริมๆ
สวัสดีปีใหม่ชาวโม่งโม่เซียง ขอบคุณสำหรับสปอยที่ผ่านมาและต่อๆไป ขอบคุณเพื่อนโม่งที่ร่วมเม้ามอยร่วมหวีดนิยายกันมา หวังว่าจะได้อยู่ด้วยกันอีกนานๆนะพวกเมิงง 55555
ตอนนี้สปอยเทียนกวานได้กี่เปอร์เซ็นด์แล้ว ไม่รู้ว่านิยายจะออกก่อน หรือโม่งสปอยจบก่อน 😂
>>720 ตอบแทนนะ น่าจะเกือบๆ 50% เพราะตอนนี้เข้าอาร์คสาม (มีทั้งหมด 5) 1,3,5 จะเป็นช่วงเหตุการณ์ปัจจุบัน ส่วน 2,4 จะเล่าย้อนอดีต กูตามเกาะสปอยมากเพราะอยากอ่านม่านฮวา ดูอนิเมะ ดูซร.รู้เรื่อง เห็นตย.อนิเมะละงู้ยยมั่ก ^^ (เดาว่านิยายแปลไทยกว่าจะครบแปดเล่มน่าจะนานอยู่)
มึง กูสงสัยเรื่องของแฟนเมดของแม่โม่นี่ถือว่าผิดกฏช้ะ แล้วในกรณีที่เป็นแฟนเมดของเรื่อง the untamed งี้ใช้กฏเดียวกันมั้ยวะ หรือว่าถือว่าเขาซื้อลิขสิทธิ์ไปทำแล้วส่วนของ the untamed แม่โม่ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรป่ะ แบบกูไปเจอคนทำที่คั่น the untamed ตอนแรกเหมือนทำแจกอ่ะ ล่ะวันนี้มันเด้งมาหน้าฟีดกูอีกรอบกลายเป็นว่าตอนนี้ทำขายเฉย กูเลยงงว่ามันได้เหรอถ้าพูดถึงข้อห้ามของแม่โม่อ่ะนะ
>>723 จริงๆมันก็ผิดหมดอะของมีลิขสิทธิ์ แต่ปกติเจ้าของลิขสิทธิ์เค้าหยวนให้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำอะไรประเจิดประเจ้อได้ ทีนี้ด้อมนี้มันพิเศษตรงที่เจ้าของเค้ามาห้าม มันก็ควรเคารพกัน ต่อให้อ้างว่าใช้ซีรีย์แต่ตราบใดที่ยังชื่อเว่ยอู๋เซี่ยน หลานวั่งจี ก็ไม่ควรนะ แต่ถ้านักแสดงเฉยๆอันนี้ก็เหมือนด้อมอื่นๆแหละ
ด้อมแม่ก็ขายกันเยอะแล้ว ฝั่งตปทขายกันเป็นล่ำเป็นสัน หลังๆแม่ไม่โซเชี่ยลคนก็ทำลืมๆ รีบๆทำน้ำขึ้นรีบๆตัก
>>723 ผิด เพราะคนเขียนเรื่องนี้ขอไว้แล้ว ให้มึงมองดูพวกมันเอาไว้ ยิ่งใครที่ปากบอกชอบเรื่องนี้มากกกกก ให้จั่วหัวไว้ได้เลยว่ามันเป็นอีตอแหล เวลาที่มีคนเอากู้ดที่ไม่ใช่อฟช.มาโชว์แล้วทำอวดเหมือนตัวเองรักเรื่องนี้มาก พราวพรีเซนต์มากว่ากูมีของสะสมของแรร์ กูก็ได้แต่สังเวชพวกกระแดะนี่ว่ะ แค่เคารพคนเขียนมันยังไม่มีปัญญาเลย ยิ่งอวดก็ยิ่งมีแต่คนสมเพชนะ
กูไม่ใช่ >>727 แต่กูก็คิดเหมือนกันนะว่าถ้าใครรู้ตัวว่ามีของสะสมเป็นแฟนเมดที่"ซื้อ"มา ก็เท่ากับว่าผิดฐานซื้อของโจรสำหรับด้อมนี้เลยนะมึง ยกเว้นทำเองใช้เองจริงๆ นั่นก็ต้องแยกแยะ แต่ที่ >>723 เจอ มันก็คือพวกสายผลิตที่ทำผิดกฎด้อม ลำบากใจจริงๆว่ะ เพราะกูเองก็ไม่กล้าทักเหมือนกัน คนพวกนี้อาศัยช่องโหว่แล้วหากินกับด้อมนี้เยอะมากๆ
>>729 กูก็ไม่ได้พูดถึงคนที่ทำใช้เองนะ กูพูดถึงคนที่ไปซื้อแฟนเมดที่ไม่ใช่อฟช.มา คนทำใช้เองมันก็ไม่ผิดกฎอยู่แล้วนี่ ทำแจกแบบไม่เก็บเงินก็ไม่ผิดนะ :v
>>728 ก็มองโลกในแง่ความเป็นจริงกันบ้างก็ดีนะ มุดหัวอยู่แต่ในโลกที่คิดว่าก็คนอื่นเขาก็ทำกันนี่มากไปมันก็ไม่ดีเด้อ เพราะนานวันเข้าจะเริ่มแยกไม่ออกว่าการเคารพเจ้าของผลงานคืออะไร พวกทำกู้ดเรื่องนี้ขายมันก็ระดับเดียวกับพวกที่อยากแหกคู่หลักนั่นแหละ คิดแต่ว่ามันคือสิทธิ์ของฉันทั้งที่มึงไม่เคยเป็นเจ้าของเรื่องนี้เลย ปากบอกว่ารักหนักหนาแค่มารยาทพื้นฐานที่จะเคารพความเห็นผู้เขียนยังไม่มีเลย
>>732 มึงต้องเข้าใจก่อนนะว่าไอ้ที่เข้าออกมาบอกว่าผิดๆเนี่ยไม่ใช่คนในด้อมตั้งกฎกันขึ้นมาเอง แต่นักเขียนขอเอาไว้ทั้งการไม่ทำกู้ดขาย คอสโดยซื้อชุดจากอฟช.เท่านั้นและการห้ามแยกคู่หลัก มันไม่ใช่กฎที่กูตั้งหรือเป็นความรู้สึกส่วนตัวของกู กูถึงบอกว่าทำอะไรไม่เคารพความเห็นคนเขียนเพราะคนเขียนเขาขอไว้ไง ไม่ใช่ความเห็นกุ
แล้วถ้าใครผ่านมางงว่า p4p คืออะไร มันคือการรวมเงินจ่ายเฉพาะต้นทุนกับค่าขนส่ง คนต้นคิดทำไม่เอากำไรแถมต้องลงทุนวาดรูป สั่งทำ กับจัดส่งให้ด้วย
ดังนั้นกูขอถามหลายๆคนเลยว่าพวกคุณทั้งหลายมีความเห็นเกี่ยวกับ p4p อย่างไร
ก่อนจะว่าใครไม่รู้ห่าอะไรเนี่ยก็อ่านก่อนนะว่ากูถามถึงอะไร ไม่ใช่มึงคนเดียวนะที่รู้กฏและทำตาม
ข้างบนควรไปคุยต่อในnetwatch เค้าแยกมู้ให้นานละนะ
เว่ยอิงเคยช่วยตัวเองต่อหน้าหลานจ้านเหรอวะ
ไม่รู้แม่โม่เก็บกดที่ไม่มีฉากหวานๆ หรือเขียนดักพวกจะเขียนแฟนฟิค รู้แต่ว่าแซ่บเกินเบอร์เรทมาก (18+ อยู่กับเล่มสุดท้ายเล่มเดียว)
ไฮ้ฉากที่เว่ยอิงเอาดาบมา xx นี่ กูแค่คิดว่ามันเป็นสเปเชี่ยล เซ้กส์แฟนตาซีเฉยๆ เป็นตอนที่แยกจากตอนปกติอะ มันเอามาเซอร์วิสแค่นั้น
แต่เทียนกวาน...
โม่งยังสปอยล์ต่อมั้ย หรือจะหยุดแค่นี้เพราะเยอะพอแล้ว (ไม่ได้ทวงน้า แค่อยากรู้ เวลาอ่านสปอยล์แล้วมีความสุข เพราะนิยายยังไม่ออก)
ทวิตตปท. มีคนมองว่า "พ่อของหลานจ้านอาจไม่ได้รักแม่ เพราะถ้ารักจริงจะไม่กักขังนางไว้" เพื่อนโม่งคิดว่าไง
เหมือนมันมีเล่าไว้แล้วนี่ว่าบ้านนี้เคร่งกฎ เคร่งศีลธรรม พ่อหลานจ้านเอาแม่เข้าตระกูลก็ผิดกฎ ก็รู้สึกผิดอ่ะที่เอาแม่เข้ามา ก็ให้อยู่แยกเรือน แล้วก็ไปเจอน้อยๆ พยายามบำเพ็ญตนเพื่อให้รู้สึกผิดน้อยลง
เรื่องกักขังกูว่าแบบเดียวกับหลานจ้านป่ะ ที่งอแงจะเอาเว่ยอิงกลับบ้าน แต่หลานจ้านยังยั้งไว้บ้าง
มึงเรื่องแม่พี่วั่ง เหมือนกุอ่านเจอมีคนบอกว่า การขังไว้เพื่อปกป้อง เพราะทำผิดอะไรมาสักอย่างนี่แหละ ละพ่อพี่วั่งรักแม่เลยขังไว้เพื่อปกป้องนาง
ปล. กุไม่ได้อ่านจากนิยายโดยตรงแต่เจอคนเล่าไว้ประมาณนี้ ถ้าผิดแย้งได้และขออภัยล่วงหน้า (-/\-)
ต่ออีกนิด เหมือนพี่วั่งเคยบ่นกะพี่ซีเฉิน?ประมาณว่า อยากเอาคนๆนึง(คือพี่เว่ย)กลับมาซ่อนไว้ ฟีลเหมือนเอามาเพื่อให้หลบภัยจากสังคม ก้อคือเอามาซ่อนเพื่อปกป้องนั่นแหละ เลยอาจจะรีเลทว่าเหมือนที่พ่อเคยทำกับแม่
เว่ยอิง กลับกูซูกับข้า! โอ้ย กุอินอีกแร้ว
เหมือนแม่สองพี่วั่งฆ่าอาจารย์ของพ่อพี่วั่ง ถ้าพ่อพี่วั่งไม่จับแต่งเข้าตระกูล แม่อาจต้องรับโทษหนัก อาจถึงตายมั้งตามสไตล์นิยายจีน
>>757 กูมองว่าเราเอาความคิดแบบสังคมปจบ.ไปจัสความคิดของตลค.ที่มีสังคมอีกรูปแบบไม่ได้ว่ะ คือหลายคนบอกว่าพ่อพี่วั่งไม่ได้รักแม่พี่วั่งเพราะกักขังแม่พี่วั่ง คือจัสจากเหตุผลนี้เหตุผลเดียว แบบถ้ารักเขาทำไมต้องขังเขา ทำไมไม่ปล่อยเขาให้ไปเป็นอิสระ ทำไมไม่ดูแลเขาดีๆแม้แต่ลูกก็ให้เจอได้แค่เดือนละครั้ง แต่ถ้ามองถึงเหตุผลของเรื่องมันก็มีเหตุผลที่พ่อของพี่วั่งต้องทำแบบนั้น แต่เดิมพ่อพี่วั่งหลงรักแม่พี่วั่งแต่แม่พี่วั่งไม่รู้สึกอะไรด้วย ซึ่งตอนหลังแม่พี่วั่งดันพลั้งมือไปฆ่าอาจารย์ของพ่อพี่วั่งแบบไม่มีเหตุผลทำให้พ่อพี่วั่งต้องเลือกตัดสินใจแต่งแม่พี่วั่งมาเพื่อกันไม่ให้ได้รับโทษถึงชีวิต แต่ตัวพ่อคือละอายใจต่ออาจารย์ตัวเองไง เลยเลือกที่จะกักบริเวณไว้ที่เรือนสงบใจ แม้แต่ลูกก็ให้พบได้แค่เดือนละครั้งเพราะไม่งั้นคนในตระกูลหรือคนในแวดวงยุทรจักรคือไม่ยอมแน่ๆอ่ะ ตัวพ่อเองก็เป็นถึงประมุขตระกูลถ้าปล่อยให้แม่พี่วั่งใช้ชีวิตแบบไม่ได้รับโทษใดๆเลยจากการกระทำของตัวเองก็จะโดนมองว่าใช้อำนาจโดยมิชอบ ซึ่งตามนิสัยเคร่งครัดของคนตระกูลหลานคือเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ส่วนจะละทิ้งคนในตระกูลพาเมียไปใช้ชีวิตข้างนอก แต่แรกเมียก็ไม่ได้รักอะไร(กูว่าคนที่ไม่มีความรักใดๆให้อีกฝ่ายเลยคือแม่พี่วั่งว่ะ) ออกมาไม่มีอำนาจก็ปกป้องเมียไม่ได้ คือแม่พี่วั่งถ้าก้าวออกจากตระกูลหลานก็โดนจั่วหัวว่าเป็นฆาตกรโดนตามล่าแน่ๆอ่ะ ตัวแม่เองก็ยินยอมจะอยู่ใต้ปีกการปกป้องของพ่อพี่วั่งด้วยซ้ำ และถึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับตัวพ่อมากนัก แต่กับลูกยังไงก็ยังรักเพราะงั้นคือแม่พี่วั่งยอมอยู่แบบนี้ดีกว่า แต่ยังไงการโดนกักขังได้เจอลูกแค่เดือนละครั้งก็ยังทำให้ตรอมใจอยู่ดีไง
อีกอย่างถ้ายึดตามที่คนเขียนที่เป็นเจ้าของเรื่องแต่ง ถ้าเขาว่าพ่อพี่วั่งรักแม่พี่วั่งก็ไม่เห็นเหตุผลที่คนอื่นจะบอกว่าไม่ได้รักว่ะ ลองคิดว่ามึงแต่งนิยายเรื่องนึง พระนางรักกันด้วยมากในสายตามึงแล้วจู่มีคนมาบอกพระนางมันไม่ได้รักกันเพราะบลาๆๆๆ เป็นมึงก็ต้องรู้สึกแหละว่า เอ้า อิผี กูเขียนให้มันรักกันอ่ะ แล้วมึงจู่ๆมาบอกตลค.ที่กูแต่งไม่ได้รู้สึกแบบที่กูแต่ง เป็นกูคือเหวออ่ะ คือแต่ละคนมีความคิดร้อยพ่อพันแม่แตกต่างกันจะมองโลกต่างกันนี่ไม่แปลกมึงแสดงความเห็นต่างได้แหละ แต่แฟคมันก็อยู่ที่คนเขียนอยู่ดีว่าเขาจะแต่งให้ตลค.รู้สึกยังไง มีเหตุผลยังไง
>>757 กูมองว่าแม่โม่ตั้งใจเขียนถึงรูปแบบความรักของคนในบ้านนี้ ที่คิดจะปกป้องคนที่ตัวเองรักแม้จะเป็นการจับขัง พี่วั่งเองก็มีรูปแบบความคิดเดียวกับพ่อที่คิดจะขังพี่เว่ยไว้ เสียแต่พี่เว่ยไม่ยอมไปด้วย555 ดังนั้นถ้าว่าพี่วั่งรัก พ่อพี่วั่งก็รักแม่แหละ
>>766 กูกลับมองว่าคนอ่านสามารถแสดงความเห็นได้แม้จะค้านความคิดของผู้แต่งว่ะ อย่างที่มึงบอกว่าคนเราพบประสบการณ์ต่างกันย่อมเห็นโลกต่างกัน ดังนั้นสิ่งที่ผู้เขียนเขียนให้ตัวละครกระทำ บอกให้ตัวละครรู้สึกใช่ว่าจะเป็นเเฟค ยกตัวอย่างเช่นนิยายที่เขียนโดยคนที่มีความคิดสังคมเป็นใหญ่ เขียนบอกว่าตัวเองดูแลเมียดีมาก แต่จากสายตาคนอื่นก็มองว่านั่นเป็นการใช้อำนาจ การกดขี่เมียชัดๆ มึงลองนึกถึงเวลาคุยกับคนอื่น เรื่องที่คนอื่นเล่าโดยไม่ได้โกหกก็ใช่ว่าจะเป็นความจริงที่เกิดขึ้น เวลาสัมภาษณ์พ่อแม่ผู้เสียหายก็มีประโยคลูกฉันเป็นคนดีเข้าข้างคนของตัวเองบ่อยๆ คนเขียนเองก็เหมือนกันที่จะมีความไบแอสกับนิยายตัวเอง ถ้าเรียนด้านการวิเคราะห์วรรณกรรมมึงคงปวดหัวตาย เพราะเจอเรื่องผีๆอย่างการวิเคราะห์เรื่อง การกระทำของตัวละคร โดยคนเรียนต้องสืบสาวไปถึงประวัติชาติพันธ์ พงศาวดารชีวิตของคนเขียน555
>>767 คือไม่ได้ห้ามวิจารณ์หรืออะไรนะ เราวิเคราะห์แสดงความเห็นได้แต่ก็ต้องอยู่ในพื้นฐานของเรื่องนั้นๆด้วยไง ซึ่งแฟคที่กูพูดถึงคือสิทธิ์ในการสร้างของคนเขียนน่ะ กูมองว่าถ้ามันไม่ได้ผีขนาดขัดกับความคิดบริบทสังคมในเรื่อง ต่อให้เราวิเคราะห์ด้วยความเห็นของเรายังไง แฟคก็คือสิ่งที่คนเขียนเขียนอยู่ดีน่ะ ถ้าเขาสร้างโลกที่ทุกคนมีวัฒนธรรมในการตัดนิ้วก้อยให้กันเพื่อแสดงความรัก คนบนโลกนั้นแสดงความรักกันแบบนี้ มึงอาจจะแสดงความเห็นได้ว่าในโลกของมึงแบบนี้ไม่ใช่ความรัก แต่มันจะใช้ไม่ได้กับเหตุผลของโลกนั้นไง
กูว่าเรื่องนี้ค่อนข้างมีเบสดีด้วยซ้ำนะ เพราะเหมือนคนเขียนคิดมาก่อนบ้างแล้วว่า ถ้าคนๆนี้เติบโตมาแบบนี้ นิสัยแบบนี้ มีสถานะแบบนี้ เวลาเจอปัญหานั้นๆเขาจะจัดการยังไง กูว่าสิ่งที่พ่อพี่วั่งทำหรือสิ่งที่พี่วั่งคิดคือพื้นฐานจากสังคมครอบครัวเขานั่นแหละ สมมติถ้าเป็นพี่เนี่ย คนที่ตัวเองรักฆ่าอาจารย์ตัวเองตาย พี่เนี่ยอาจจะเลือกยกดาบมาฟันคนที่ตัวเองรักเพื่อผดุงคุณธรรมในแบบของพี่เนี่ยก็ได้น่ะ
>>768 มึงยกตัวอย่างแปลกๆว่ะ การกักขังกันมันไม่ใช่วัฒนธรรมการแสดงความรักในเรื่องนี้อย่ามาอ้างเซ็ตติ้งหน่อยเลย ถ้าพี่วั่งบอกรักแล้วจะปกป้องพี่เว่ยด้วยการขัง พี่เว่ยก็คงอีหยังวะเหมือนกัน มันไม่ผีขนาดขัดบริบทสังคมแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนในสองคนพยักหน้าบอกว่าอ้อ นั่นคือการแสดงความรักปกติ ส่วนที่มึงยกตัวอย่างการตัดนิ้วมันเป็นวัฒนธรรมที่กำหนดให้เซ็ตติ้งนั้น คนในเซ็ตติ้งนั้นส่วนใหญ่มองว่าโอเค
คือมึงพูดแปลกๆเหมือนกับว่าถ้าเขาบอกว่ารักแสดงว่านั่นเป็นเฟค นั่นเป็นความรัก ทั้งที่สิ่งที่เขาบอกว่ารักมันอาจไม่ใช่ความจริงก็ได้ อย่างโศกนาฏกรรมเมืองอี้ก็มีคนมองว่านั่นคือความรัก บางคนก็มองว่าเป็นเด็กขาดความอบอุ่นเลยต้องการที่พึ่ง บางคนก็มองเป็นเหยื่อ สิ่งที่ตัวละครพูดนั้นไม่สามารถเชื่อถือได้จริงๆ ขนาดตัวละครใน้รื่องยังมีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่างกัน ดังนั้นใครๆก็สามารถอ่าน ดูสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วออกความเห็นวิเคราะห์ได้ ไม่ใช่ยึดว่าตัวอักษรเขียนว่าอย่างนี้เท่ากับคนเขียนบอกว่าเฟคเป็นอย่างนี้
>>769 กูไม่ได้ยกว่าการกักขังคือการแสดงความรัก กูพูดถึงเหตุผลที่ว่าถึงพ่อพี่วั่งจะกักบริเวณแม่พี่วั่งก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่ได้รัก ในเมื่อคนเขียนมันเขียนว่ารัก(แฟคของคนเขียน)ก็ต้องมาวิเคราะห์กันว่าในเมื่อเขารักแล้วทำไมเขาเลือกทำแบบนี้ การตัดสินด้วยความคิดของตัวเองบนพื้นฐานสังคมที่แตกต่างจากโลกในนิยายด้วยการตั้งเหตุผลแค่เรื่องขังไม่ขัง มันดูตัดสินเร็วไป กูว่ามันเพี้ยนตั้งกะตั้งประเด็นว่าว่าขังไม่ขังเป็นการแสดงความรักแล้วว่ะ
ส่วนการยกตัวอย่างเรื่องการตัดนิ้วกูยกเพื่อพูดถึงเรื่องแฟคไม่ใช่พูดถึงเรื่องการแสดงความรักของพ่อพี่วั่ง มึงจะแย้งด้วยความรู้สึกส่วนตัวมึงทำได้ แต่การตัดสินว่ามันจะเป็นไปตามที่มึงคิดมั้ยมันเป็นไปไม่ได้ไง เพราะนิยายเรื่องนั้นมันก็คือสิทธิ์ของนักเขียนคนนั้นปะ ถ้าคนเขียนเขียนว่าตัวเอกชอบสีฟ้า แต่มึงไปแย้งคนเขียนว่าไม่จริงๆตัวเอกชอบสีชมพูเพราะนางเอกผมสีชมพู นั่นแหละแฟคที่กูพูดถึง มึงจะแย้งด้วยเหตุผลอะไรก็เรื่องของมึง แต่แฟคหรือสิ่งที่คนเขียนสร้างมา มึงเปลี่ยนมันไม่ได้ ยกเว้นเขาจะไม่ได้เขียนอย่างชัดเจน ปล่อยให้มึงคิดเอง หรือต่อให้แฟคนั้นมึงไม่ยอมรับมันก็เรื่องของมึงนั่นแหละ ถ้ามึงยืนยันว่าพ่อพี่วั่งไม่ได้รักแม่พี่วั่งเพราะบลาๆๆๆ มันก็ความคิดมึงไง แต่แฟคที่คนเขียนเขียนไว้ก็คือเขารักไง มันก็แค่นั้นแหละ
>>769 ส่วนโศกนาฏกรรมเมืองอี้ คนอ่านอาจจะตีความว่าเป็นความรักอะไรก็แล้วแต่คนอ่านนะ แต่ตัวคนเขียนเคยอแกมาบอกแล้วว่าจะตีความยังไงก็เรื่องของคุณ แต่ในนิยายที่เขาเขียนไม่เกี่ยวกับความรักใดๆทั้งนั้น คุณไม่สามารถยกว่าการตีความของคุณเป็นสิ่งที่เป็นแฟคได้ เพราะคนเขียนแจ้งอย่างชัดเจนแล้ว
>>771 กูไม่ได้บอกว่าเป็นแฟค กูกำลังบอกอยู่ว่าอารมณ์ความรู้สึกมันชี้ชัดยาก ต่างจากอะไรที่เป็นรูปธรรมซึ่งแสดงให้เห็นชัด คนมันมองได้ทั้งนั้นว่าใครจะรู้สึกยังไงไม่ใช่นักเขียนพูดไรก็เชื่อหมด มึงอ่านที่กูพิมพ์ข้างบนหลายๆรอบนะ หรือถ้าไม่เข้าใจก็พอเถอะ อีกห้าหกปีหวังว่ามึงจะผ่านประสบการณ์มากๆจนเข้าใจเอง
>>772 เพ้ยย กูก็บอกอยู่ว่าจะคิดวิเคราะห์วิจารณ์อะไรยังไงก็เรื่องของคนอ่าน แต่ถ้าพูดถึงข้อมูลที่เป็นแฟคมันก็คือตัวนิยายหรือความเห็นของคนเขียน แฟคตรงนั้นมึงจะตีความไปแบบไหนก็เรื่องของมึงเช่นกัน แต่ถ้าจะถกกันจริงจังก็ต้องวิเคราะห์กันด้วยเหตุผลตามพื้นฐานของเรื่อง จะเอาแต่ความคิดตัวเองที่มีพื้นฐานต่างจากสภาพสังคมของตลค.มาตัดสินอย่างเดียวไม่ได้ คือนี่พูดถึงเรื่องที่ว่าพ่อพี่วั่งรักแม่พี่วั่งมั้ย กูก็ขอยึดตามนักเขียน ซึ่งกูออกความเห็นว่าที่กูคิดว่าเขารักเพราะอะไร ถ้าจะดีเบทว่าพ่อพี่วั่งไม่รักเพราะอะไรมันก็ต้องมีเหตุผลมากกว่า พ่อพี่วั่งขังแม่พี่วั่งเพราะงั้นนั่นไม่ใช่ความรักหรอกไง ซึ่งการที่มึงจะคิดว่ามันไม่ใช่ความรักก็เรื่องของมึงเช่นกัน แต่แฟค กูหมายถึงต้นฉบับหรือต้นทางน่ะมันเซ็ตติ้งมาว่ารัก แค่นั้นเอง กูแค่ให้เหตุผลว่าเอ้อ ถ้ามองจากต้นทางคือคนเขียนมันเขียนให้รักไง มึงจะไม่เชื่อตามคนเขียนก็ไม่เป็นไร มึงออกความเห็นได้ เพียงแต่ถ้าอยากได้คำตอบแบบแฟคที่เป็นข้อมูลต้นทาง ก็คือรัก แค่นั้นแหละ กูต้องบอกมึงมั้ยเนี่ยว่ามึงรออีกสัก 5-6 ปีนะจะได้เข้าใจเรื่องการเคารพสิทธิ์คนเขียน ซึ่งนักเขียนเขาก็เคารพสิทธิ์ของคนอ่านในการตีความไง เพียงแต่การตีความของคุณมันก็อาจจะขัดกับสิ่งที่เขาเขียน เพราะงั้นมึงถึงไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าสิ่งที่มึงอ่านมาแล้วตีความมันถูก
แม่พี่วั่งโดนกักขัง เจอลูกได้เดือนละครั้งมันคือโทษจำคุกตลอดชีวิตดีๆนี้แหละ ในเมื่อประหารไม่ได้จำคุกตลอดชีวิตคือโทษที่รองลงมา กุว่าถ้าไม่จบแบยนี้คนในตระกูลหลานคงไม่ยอม กุเลยมองว่ากักขังไม่ใช่การแสดงความรัก แต่เป็นการปกป้องคนรักเท่าที่กำลังและฐานะของตัวเองจะทำได้
"มีใครรู้สึกเหมือนผมไหมว่า โดดดิด่ง มันเร็วขึ้น"
"เช้านี้ผมเปิดฟัง รู้สึกว่า เพลงมันเร็วกว่าเดิม"
https://www.youtube.com/watch?v=Ek8itihPQgE
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>712 เทียนกวาน Part.98
.
.
.
.
.
พวกเซี่ยเหลียนเดินตามหาคนอื่นๆ รอบชายฝั่งแต่ก็ก็ไม่เจอใคร เลยหันมาตัดไม้ต่อเรือทำโลงศพเพื่อออกไปจากที่นี่ ในช่วงพัก เซี่ยเหลียนก็ไปเก็บผลไม้ป่า เมื่อกลับมาก็เห็นอ๋องผีก่อไฟ ย่างกระต่ายป่าแล้วเรียบร้อย เมื่อได้กินก็พบว่าอร่อยมากจนเอ่ยชมว่าคนที่อีกฝ่ายชอบอยู่ช่างโชคดีจริงๆ ฮวาเฉิงจึงบอกว่าเป็นเขาต่างหากที่โชคดีที่มีโอกาสได้พบกับคนๆ นั้น เซี่ยเหลียนถามอ๋องผีว่าคนๆ นั้นเป็นคนแบบไหนจึงไม่รับรัก ในใจแอบไม่พอใจนิดๆ ว่าอีกฝ่ายช่างรสนิยมแย่จริง แต่ฮวาเฉิงตอบว่าเป็นเพราะเขากลัว หากเขาเป็นคนไร้ที่ติจริง เมื่อหลายร้อยปีก่อนคงไม่ไร้พลังจนถูกรุมรังแกบ่อยๆ แถมคนๆ นั้นก็เห็นเขาในช่วงที่แย่ที่สุดด้วย เซี่ยเหลียนจึงปลอบว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของฮวาเฉิง เขาเองก็มีช่วงเวลาที่ตัวเองต้องคลุกโคลนเปื้อนฝุ่นจนไม่สามารถลุกได้ ถ้าเป็นเขา แม้จะแอบหวังให้คนๆ นั้นยังคงรักตัวเองหลังจากได้รู้เรื่องทั้งหมด แต่เขาก็ไม่อยากแสดงด้านแบบนั้นให้อีกฝ่ายเห็นเหมือนกัน ถึงอย่างนั้นเขาก็คิดว่าถ้าเป็นฮวาเฉิง คนๆ นั้นคงพูดว่า ที่แท้ท่านก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ สำหรับข้า ทั้งคนที่ประสบความสำเร็จรุ่งโรจน์ และคนที่พ่ายแพ้ล้มเหลวก็คือท่าน สิ่งสำคัญคือตัวท่าน ไม่ใช่สถานะที่ท่านเป็น เขาเอ็นดูฮวาเฉิงมากจึงอยากทำความเข้าใจทุกเรื่อง และอิจฉาที่คนๆ นั้นมีโอกาสเห็นด้านแบบนั้น และไม่ว่าความสัมพันธ์ต่อไปจะเป็นเช่นไรก็ยังเป็นโชคชะตาที่สวยงามอยู่ดี
ฮวาเฉิงบอกว่ายังมีเหตุผลอื่นอีกมากที่ทำให้เขากลัว แต่เพราะเซี่ยเหลียนไม่ใช่พี่อ้อยพี่ฉอดเลยไม่รู้จะไปต่อยังไง หลังเดดแอร์ ทั้งคู่ก็กินอาหารแล้วมาต่อโลงศพจนเสร็จ แต่ระหว่างทางที่ลอยอยู่บนทะเลก็ดันเจอพายุเลยต้องลงไปนอนปิดฝาโลงเพื่อไม่ให้น้ำเข้าจนจม ด้วยความแคบทำให้เซี่ยเหลียนที่นอนทับอยู่ด้านบนเกรงใจ บอกให้สลับที่กันเพราะว่าเขาเป็นเทพสงครามตัวหนัก แถมตอนนี้ร่างที่อ๋องผีใช้ก็อายุแค่ 17-18 ปี แต่พอได้ยินอย่างนั้นฮวาเฉิงก็กลับไปใช้ร่างจริงของตัวเองที่ตัวใหญ่กว่าทันทีโดยไม่ยอมสลับตำแหน่งกัน ทว่าไม่นานนักก็มีอะไรบางอย่างโจมตีจนโลกพลิก อ๋องผีจึงกอดเซี่ยเหลียนแน่น บอกว่าถึงโลงจะแตก เขาก็อยู่ที่นี่ เซี่ยเหลียนจะไม่มีทางจมน้ำเด็ดขาด
ทั้งสองกลิ้งหมุนไปมาหลายตลบ เปลี่ยนท่าไปมากมายจนนกเขาของเซี่ยเหลียนตื่นโดยไม่ตั้งใจ ด้วยความอับอายไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้จึงบอกไม่ใช่ฮวาเฉิงเข้ามาใกล้ อ๋องผีเลยซัดโลงแตกเพื่อหนีออกไป ซึ่งเซี่ยเหลียนก็ทันได้เห็นมังกรน้ำกำลังรุมทึ้งซากโลงที่เหลือ ทั้งคู่กลับมาติดเกาะกันอีกรอบ แต่คราวนี้ได้พบกับซืออู๋ตู้กับเผยหมิงด้วย ปรากฏว่าพายุกับมังกรน้ำเป็นผลจากเควสคราวเคราะห์ของเทพแห่งน้ำ พอเห็นพวกเซี่ยเหลียน แม่ทัพเผยก็ขอคำอธิบายว่าทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ แต่เซี่ยเหลียนที่คิดว่าอีกฝ่ายเห็นพวกตนกอดกันหนีออกมาจากโลงกลับแก้ตัวไปอีกเรื่องว่าเพราะโลงเล็กเกินไป พอเผยหมิงถามต่อว่าแล้วทำไมไม่ต่อโลงให้ใหญ่กว่านี้ ทำเอาเซี่ยเหลียนที่ลืมคิดไปหัวเราะแก้เก้อ รีบถามถึงทั้งสองแทน อีกฝ่ายก็จี้ถามกลับว่าไหนศพที่ทั้งสองทำให้โลงไม่จมน้ำ หลังจากฮวาเฉิงพูดกวนประสาท ประกอบกับเห็นเอ้อมิ่ง แม่ทัพเผยก็ร้องว่าคนตรงหน้าคืออ๋องผีอย่างที่เขาคิดจริงๆ ด้วย เห็นทั้งสามทำท่าจะเปิดศึกกัน เซี่ยเหลียนเลยเข้าไปเปลี่ยนเรื่องถามถึงซือชิงเสวียน เผยหมิงเลยบอกว่าอีกฝ่ายกับหมิงอี้ถูกคลื่นซัดทำให้คลาดกันไป
เผยหมิงมองโลกในแง่ดีว่าหากทั้งสองไม่หลงเข้าไปในเขตของธาราทมิฬคงไม่เป็นไร แต่ฮวาเฉิงก็ชี้ว่าเป็นเพราะเควสของซืออู๋ตู้ทำให้เขตของธาราทมิฬวุ่นวาย คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมปล่อยไปง่ายๆ หรือ ตอนนั้นเองเทพแห่งน้ำก็หยิบล็อคเกตออกมา มันคือเครื่องรางที่เชื่อมกับล็อคเกตอีกอันที่เขาให้น้องชายห้อยคอไว้ และมันก็ทำให้เขาทราบว่าซือชิงเสวียนอยู่ใกล้ๆ และกำลังได้รับบาดเจ็บ พอซืออู๋ตู้เดินไปตามทางที่สร้อยสั่นรุนแรงก็พบว่าอีกฝ่ายน่าจะอยู่ในป่า ตอนแรกเซี่ยเหลียนจะหันไปจูงมือฮวาเฉิงด้วยความเป็นห่วง แต่พอนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเลยหันไปดึงแขนเสื้อแทน ทำเอาเผยหมิงที่สัมผัสได้ถึงโมเมนท์หันกลับมามองบ่อยๆ อย่างสนใจ ก่อนแซวว่าทั้งสองตัวติดกันราวมีกาวเชื่อม แต่ขณะที่เขากำลังจี้ตั้งข้อสงสัยว่าอ๋องผีเป็นตันเหตุทำเรื่องวุ่นวายก็มีลูกธนูพุ่งใส่เขาพอดี
.
.
.
.
.
>>777 เข้าใจเซี่ยเหลียนนะว่ามีความอิจฉาเวลาฮวาเฉิงพูดถึงคนที่ชอบเพราะไม่คิดว่าจะเป็นตัวเอง แต่ตัวคนอ่านที่รู้อยู่แล้วอ่ะ เวลาอ่านสิ่งที่ฮวาเฉิงใช้อธิบายถึงเซี่ยเหลียนแล้วมันแบบ หุบยิ้มไม่ได้เลยอ่ะ เพราะแต่ละคำคือรู้สึกได้ถึงความรัก ความเทิดทูนมหาศาลมากอ่ะ ฮือออออออออ มันดีมากๆๆๆๆๆ และชอบมากขึ้นอีกที่สถานการณ์นี้มีลุงเผยด้วย ทำหน้าที่ชิปเปอร์ได้ดีมาก 5555555
ลุงเผย! ไม่ใช่แค่ลุงค่ะที่สัมผัสได้ถึงโมเม้น นุด้วยค่าา งี๊ดด
ในทวิตเตอร์มีคนแชร์ม่านฮวาปรจ. ถึงตอนพี่วั่งเมาแล้วเตะเวินหนิงแล้ว ตรงตามนิยายเลย พี่วั่งตอนเมาโคตรเบบี้ น่ารักมากๆ วงวารเวินหนิง เหยื่ออารมณ์ที่แท้ทรู กูนี่ลุ้นตอนพี่เว่ยจุ๊บพี่วั่งเลย ขอให้มีๆๆๆ
คิดถึงโม่งสุดๆเลยอะ
กูเพิ่งอ่านเล่ม 3 จบ
บนบก หาคนหวีดเล่ม 3 ไม่ค่อยได้เลย
กูเลยมาหวีดในนี้แทน
กูว่าเว่ยอิงในนิยายนี่ ร่างมารดูเคะขึ้นเปล่าวะ
บทบรรยายในนิยายแบบ
หลานวั่งจีแหงนหน้ามอง เห็นเพียงศาลาสูงประดับผ้าม่านพลิ้วไหว ร่างเพรียวบางในชุดดำนั่งพิงที่นั่งคนงามมันวาว โดยห้อยมือลงมาข้างหนึ่ง ในมือถือป้านสุราเครื่องปั้นดินดำงามวิจิตร พู่แดงที่ป้านสุราพันรอบท่อนแขนเขาครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งแกว่งไกวอยู่กลางอากาศ
กูอ่านแล้วจินตนาการแบบ หลานจ้านเงยหน้ามอง แล้วต้องตกตะลึงตาค้างเมื่อเจอเว่ยอิงคนงาม 555555
ชอบว่ะ ชอบร่างนี้ เหมือนองค์แม่ประทับร่าง
ในนิยาย เว่ยอิงร่างมารดูหลอนๆดีด้วย มีการเลี้ยงกุมารทอง ให้กุมารทองแดรกนิ้วเวินเฉา หลอนชห หลอนปนขำ แม่เลี้ยงกุมารทอง
ตอนหลานจ้านมาที่อวิ๋นเมิ่งอีก เว่ยอิงชวนหลานจ้านกินเหล้า ให้สาวสวยที่นั่งล้อมรอบเว่ยอิง รินเหล้าให้ กูคิดในใจ เดี๋ยวนี้เว่ยอิงควงสาวเหรอวะ ที่ไหนได้ ผีสาวนี่เอง แม่หลอนมาก แม่เอาผีสาวมารินเหล้าให้ หาสาวตัวจริงมานั่งข้างๆไม่ได้ ต้องนั่งกับผี
กูรู้สึกแค่ที่บกร.แปลชื่อกระบี่สิวๆไปเลยพอเจอพากย์ญี่ปุ่น
ซือจุยเป็นชิซุย เยวี่ยนเป็นเก็น โม่เป็นบาคุ
ต่อให้รู้ว่าอักษรจีนกับคันจิใช้ตัวเดียวกันแต่ไม่คิดว่าจะอิงสบเแปลยันชื่อตัวละคร555
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>777 เทียนกวาน Part.99
.
.
.
.
.
เผยหมิงฟันพุ่มไม้จนไปคว้าพวกผีกี้กี้ที่ลอบโจมตีแล้วจัดการหวดพวกมันทิ้ง พวกเขาเดินตามซืออู๋ตู้ไปจนเจอทะเลสาปกลางป่า พอไม่เห็นตัวคนทั้งๆ ที่ล็อคเกตนำทางมาก็ตั้งขอสันนิษฐานกันว่าอาจจะอยู่ใต้น้ำ แต่จะให้ดุ่มๆ ลงไปในทะเลสาปในเขตของผีน้ำก็ดูอันตรายไป ระหว่างที่สำรวจสถานที่กัน จู่ๆ ผีที่ก่อนหน้านี้เผยหมิงจับได้ก็กรีดร้องเสียงดัง พอพวกเซี่ยเหลียนหันไปดูก็เห็นมันหัวขาด ไม่ทันไรจู่ๆ เผยหมิงก็ทรุดลงคุกเข่าราวถูกอะไรบางอย่างดึงไว้ พอเทพแห่งน้ำจะเข้าไปดูก็ถูกอะไรบางอย่างกรีดผ่านแก้มไปจนเลือดออกทั้งๆ ที่พวกเขามองไม่เห็นสิ่งใด แต่แล้วเซี่ยเหลียนก็เห็นสิ่งก่อสร้างสีดำสะท้อนในน้ำ ทั้งๆ ที่บริเวณนั้นไม่มีสิ่งก่อสร้างอะไร อีกทั้งใกล้ๆ ฝั่งยังมีคุกตั้งอยู่ ที่หน้าต่างซึ่งมีลูกกรงปรากฏมือสีขาวโบกไปมือราวขอความช่วยเหลือ ตอนนั้นเองเขาก็เห็นเงาสะท้อนว่าข้างหลังเขากับฮวาเฉิงมีเงาใกล้เข้ามา เขารีบใช้ฟางซิ่นฟันความว่างเปล่าตรงตำแหน่งที่เห็นในเงาสะท้อน แม้จะรู้สึกเหมือนฟันถูกอะไรแต่ก็ยังไม่เห็นสิ่งใด แล้วที่น้ำก็ปรากฏเงาสะท้อนของเงาสีดำมากมายกำลังล้อมพวกเขาไว้
เซี่ยเหลียนตะโกนบอกให้เผยหมิงใช้เงาสะท้อนในน้ำหาตำแหน่งศัตรู ทำให้แม่ทัพเผยสามารถจัดการพวกมันอย่างง่ายดาย ขณะที่ซืออู๋ตู้ตะโกนเรียกหาน้องในเงาสะท้อนบนผิวน้ำ ไม่นานซือชิงเสวียนซึ่งมีท่าทีหวาดกลัวก็โผล่หน้าผ่านลูกกรงให้เห็น ก่อนมีมือจำนวนมากดึงเขากลับเข้าไป เผยหมิงรีบคว้าเพื่อนที่จะพุ่งลงน้ำไว้ บอกว่าอาจเป็นกับดัก อีกทั้งอีกฝ่ายก็ไม่สามารถบังคับน้ำในแดนใต้ได้ดั่งใจ แต่เทพแห่งน้ำกลับไม่สนแล้วกระโจนลงทะเลสาบไป เซี่ยเหลียนรีบบอกให้เผยหมิงกลับไปต่อโลงศพที่ชายหาด โดยนำศพผีไปด้วยเพื่อเตรียมทางหนีไว้ ส่วนเขาจะตามซืออู๋ตู้ไปเอง เพราะแดนใต้อยู่ห่างจากเขตของแม่ทัพเผยทำให้อีกฝ่ายมีพลังไม่มาก อีกทั้งเขายังมีประสบการณ์ต่อสู้ด้วยมือเปล่ามานานกว่า พอเผยหมิงมองฮวาเฉิงก็คิดได้ว่ายังไงทั้งสองก็ไม่จมน้ำ ในสถานการณ์นี้ทั้งคู่ย่อมมีประโยชน์มากกว่า เขาจึงยอมทำตามเซี่ยเหลียนโดยไม่ดรามา
เซี่ยเหลียนขอยืมพลังจากฮวาเฉิงแล้วจัดการพวกผีตามที่เห็นในเงาสะท้อน ก่อนที่ทั้งสองจะกระโดดลงไปในทะเลสาป พอลงไปถึงพื้นก็ไม่เห็นพี่น้องซือสักคนเลยว่ายกลับขึ้นมาบนผิวน้ำ แล้วก็พบว่าพวกตนมาโผล่ในอีกสถานที่หนึ่งซึ่งมีสิ่งก่อสร้างสีดำรวมถึงคุกซึ่งก่อนหน้านี้เห็นในเงาสะท้อนของน้ำ พอขึ้นฝั่งก็เจอซืออู๋ตู้กำลังต่อยที่ล็อคทางเข้าคุกอย่างอับจน เมื่อเห็นเซี่ยเหลียนก็เหมือนเพิ่งสำนึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นเทพสงครามจึงแสดงความยินดีออกมา หลังเซี่ยเหลียนกระทืบตัวล็อกไป 2 ทีมันก็แตก แต่ก่อนพวกเขาจะทันทำอะไร ก็มีฝูงชนร้องตะโกนกรูกันออกมา อีกฝ่ายล้วนเหม็น แต่งกายสกปรก ดวงตาเลื่อนลอย แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายพวกเขา หลังยืนอึ้งพักหนึ่งเทพแห่งน้ำก็รีบเข้าไปข้างในคุก แล้วก็พบว่าข้างในพื้นลื่นและเหม็นมากจนต้องปิดจมูก พอได้ยินเสียงพี่ชาย ซือชิงเสวียนก็ตอบกลับด้วยเสียงอ่อนแรง
ซือชิงเสวียนอยู่ด้านในสุดของคุก รอบๆ เต็มไปด้วยคนเสียสติที่เป็นโรคผิวหนัง สกปรกน่าสยดสยองไม่ต่างจากสัตว์ประหลาด มีถังใส่เศษอาหารที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่า อีกทั้งหม้อขับถ่ายก็เหมือนไม่ได้ทำความสะอาดมาหลายเดือน แต่อย่างไรพวกเขาก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ไม่เข้าใจว่าเหตุใดธาราทมิฬล่มเรือจึงจับมาขังไว้ที่นี่ ซือชิงเสวียนบอกให้ช่วยดูหมิงอี้ซึ่งได้รับบาดเจ็บกว่าเขามากเพราะถูกปลากระดูกกัดจนติดพิษ ทุกคนจึงเพิ่งสังเกตเห็นเทพแห่งดินนอนอยู่บนพื้น ซือชิงเสวียนเดินไปประคองหมิงอี้ขึ้นมา พอคิดว่าในเมื่อที่นี่อยู่กลางทะเล เวลาธาราทมิฬล่มเรือจะไปไหนน่าจะต้องใช้คาถาร่นระยะ ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีบางจุดในเกาะนี้ที่พวกเขาใช้คาถาได้ เทพแห่งดินถามขึ้นว่าสิ่งก่อสร้างสีดำนั่นคืออะไร เมื่อคิดได้ว่าที่นั่นน่าจะเป็นที่อยู่ของธาราทมิฬล่มเรือ ทั้ง 5 จึงมุ่งหน้าไป ซึ่งเซี่ยเหลียนก็สังเกตได้ว่าฮวาเฉิงมีท่าทีเคร่งเครียดกว่าปรกติเป็นอย่างมาก และเมื่อพวกเขาไปถึงสิ่งก่อสร้างสีดำนั่นก็พบว่าที่นี่ดูคล้ายกับตำหนักของเทพแห่งน้ำและเทพแห่งลมเป็นอย่างมาก
ด้วยความไม่อยากมีเรื่องพวกเขาจึงเข้าทางประตูหน้าอย่างสันติ แต่หลังจากเคาะประตูก็ไม่มีเสียงใครตอบรับ พวกเซี่ยเหลียนเลยถือวิสาสะเข้าไปด้านในแล้วเจอศพแต่งกายสีดำนั่งอยู่กลางห้องโถง ในเมื่อที่แห่งนี้เป็นของธาราทมิฬล่มเรือ หรือว่าศพที่ถูกตั้งเคารพตรงนี้จะคืออีกฝ่ายกันแน่
.
.
.
.
.
คำว่าพี่รอง พี่รองหลานมันทำไมวะมุง ทำไมพี่วั่งดูมีปฏิกิริยา
>>787 ไม่ใช่การแปลจ้า เป็นการออกเสียงแบบบ้านเขา ญี่ปุ่นต่างจากเราที่มีพยัญชนะ สระ วรรยุกต์เยอะจากทับศัพท์ได้ไง เการออกเสียงแบบนั้นคือการทับศัพท์ของเขาแล้วเว้ย เพราะมันเป็นการออกเสียงที่ไม่มีความหมายในภาษาญี่ปุ่น มึงต้องลองไปดูฝั่งจีน นั่นน่ะตัวแปลของจริง หนังไม่ว่าจะญี่ปุ่นไทยฝรั่งเกาหลีแปลชื่อเป็นจีนหมดจ้าไม่มีทับศัพท์เลยสักตัว
Part.99 มาแล้ววว ดีใจมาก!!! ขอบคุณมากๆ
>>784 จะร้องไห้สลับฟินจริง ฉากปวดใจอย่างตระกูลเจียงโดนฆ่า ฉากยกจินตันให้เจียงเฉิง ฉากพี่เว่ยโดนโยนลงเนินป่าช้า ฉากพี่วั่งเรียกพี่เว่ยกลับกูซู นี่ขนาดว่ารู้เรื่องมาก่อนแล้วยังปวดใจเวลาอ่านเลย 555555 แต่ยังดีมีฉากฟินๆมาช่วยฮีลหัวใจบ้าง ชอบฉากกระต่ายที่มากองๆกันที่พี่วั่งอ่ะ กูนึกภาพตามแล้วอย่างน่ารัก
แต่พออ่านเล่มสามจบก็อยากอ่านเล่มสี่ต่อทันที ไม่น่าเลย 5555555 ใจอยากอ่านเล่มห้าแล้วด้วยซ้ำ
>>790 เกอเกอ เกอเกออ 5555 คนอื่นเค้าทุบตั้งนานเกอเกอมากระทืบสองทีแตก ได้!
>>796 รอดูฉากกระต่ายกองฟูๆในม่านฮวา กูว่าม่านฮวาน่าจะวาดเก็บฉากนี้ เออแต่ตอนนี้ม่านฮวาแปลอิ้งค์เข้าไปอ่านไม่ได้ละอ่ะ มันต้องล้อกอินไรไม่รู้ แต่ก่อนกูเคยอ่านถึงพาร์ทเมืองอี้ เข้าไปดูอีกทีไม่รู้แม่งล้อคไปตั้งกะเมืีอไหร่ สงสัยต้องรออ่านแปลไทยของอุคบี
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>790 เทียนกวาน Part.100
.
.
.
.
.
เถ้ากระดูกคือจุดอ่อนของผี ศพนี้คงไม่ใช่ธารทมิฬล่มเรือเพราะอีกฝ่ายคงไม่เอาร่างตัวเองมาตั้งโชว์ ทว่าจะมาสงสัยว่าอีกฝ่ายคือใครในเวลาแบบนี้ก็ใช่ที่ ซืออู๋ตู้เลยหันไปเรียกหมิงอี้ ถามว่าที่นี่น่าจะวาดคาถาร่นระยะได้ไหม ทันใดนั้นศพกลางห้องก็ยกหัวขึ้น พร้อมยื่นมือคว้าเทพแห่งน้ำ แต่พอเซี่ยเหลียนซัดไปก็แน่นิ่ง เขาจึงตั้งข้อสังเกตว่าที่มันขยับได้อาจจะเป็นจิตสุดท้าย และคำพูดบางอย่างของเทพแห่งน้ำอาจไปกระตุ้นมันเข้า พอเห็นทุกคนกลับไปโฟกัสกับศพอีก หมิงอี้เลยเร่งให้ตามหาจุดที่ใช้คาถาได้
ดูเหมือนว่าธาราทมิฬล่มเรือจะไม่อยู่ ทั้ง 5 จึงสำรวจจนไปเจอห้องแคบๆ ที่มีร่องรอยคาถาร่นระยะวาดไว้ แต่พอหมิงอี้เชคก็บอกว่าที่นี่สามารถส่งคนผ่านไปทีละคนเ หากฝืนเข้าไปพร้อมกันพอออกไปปลายทางจะทำให้ร่างทุกคนรวมกันประหนึ่งน้องนีนา FMA อีกทั้งคนที่ผ่านไปแล้วไม่สามารถกลับมาบอกคนที่นี่ได้ว่าปลายทางถูกต้องหรือไม่ แต่แล้วข้างนอกก็มีเสียงพายุจากเควสคราวเคราะห์ของซืออู๋ตู้ดังขึ้น เพื่อไม่ให้ธาราทมิฬล่มเรือโกรธ พวกเขาต้องรีบไปทันที เทพแห่งดินอธิบายว่าหลังใช้งานครั้งหนึ่งก็ต้องวาดคาถาขึ้นใหม่ เขาที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้มากที่สุดจะอยู่รั้งท้ายให้เอง พอซือชิงเสวียนบอกว่าจะอยู่กับหมิงอี้เป็นคนรองสุดท้าย บราคอนซืออู๋ตู้ก็ไม่พอใจจนมีปากเสียง ซือชิงเสวียนเลยจี้พี่ชายว่าจะทิ้งเผยหมิงไว้เหรอ แต่เทพแห่งน้ำก็บอกว่าแม่ทัพเผยถึกทน รอพวกตนไปตามกำลังเสริมมาช่วยก็คงยังไม่ตาย ทำเอาเซี่ยเหลียนแอบรู้สึกสงสารเผยหมิงหน่อยๆ พอฟ้าผ่าดังขึ้นอี ซืออู๋ตู้ก็ไม่มีทางเลือกต้องรีบไปก่อนคนแรก แล้วหมิงอี้ก็จับซือชิงเสวียนโยนเข้าประตูเป็นรายต่อไป ส่วนฮวาเฉิงบอกว่าตนตายแล้วเข้าไปพร้อมกับเซี่ยเหลียนก็ไม่มีปัญหา เขาหันไปบอกหมิงอี้ให้ปลายทางเป็นอารามผูจี้ พอทั้งคู่เข้าไปในห้องแล้วเปิดประตูออกมาอีกครั้งก็มาถึงปลายทางที่ต้องการ
สักพักเซี่ยเหลียนก็ติดต่อโทรจิตไปหาหมิงอี้เพื่อเชคว่าออกมาจากเกาะหรือยัง พอไม่ได้รับการตอบรับเลยเข้าไปในเครือข่ายกลางของสวรรค์แทน แต่ก็พบว่าทุกอย่างวุ่นวาย พอหลิงเหวินทราบว่าพวกเซี่ยเหลียนหลงไปทะเลใต้ก็ตกใจมาก เพราะตอนนี้ยังติดต่อพวกซืออู๋ตู้ไม่ได้สักคน ทันใดนั้นเซี่ยเหลียนก็ปะติดปะต่อเรื่องเกือบทุกอย่างออก เขาหันมาถามฮวาเฉิงซึ่งยืนหน้าเครียดว่าอีกฝ่ายกับคนๆ นั้นทำสัญญากันไว้นานแล้วใช่หรือไม่ แต่พออ๋องผีจะตอบเขาก็ห้ามไว้เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายผิดสัญญากับคนๆ นั้น ฮวาเฉิงเอ่ยขอโทษ ขอให้เรื่องจบเท่านี้ แต่เซี่ยเหลียนกลับใช้คาถาสลับวิญญาณกับซือชิงเสวียน แต่ด้วยความที่ไม่มีพลังทิพย์แล้ว ทำให้วิญญาณของอีกฝ่ายไม่ได้สลับมาที่ร่างเซี่ยเหลียน
ซือชิงเสวียนกำลังวิ่งอย่างหวาดกลัว เซี่ยเหลียนจึงเข้าบังคับร่างอีกฝ่ายแล้วบอกให้ใจเย็น ซือชิงเสวียนดีใจมากที่เซี่ยเหลียนกลับมาช่วยเพราะเขายังติดอยู่ในเกาะของธาราทมิฬล่มเรือ อีกทั้งไม่พบกับพี่ชายของตน เซี่ยเหลียนใช้ร่างของอีกฝ่ายปีนไปซ่อนบนต้นไม้ บอกให้เจ้าของร่างเงียบเสียงเพราะเห็นหมิงอี้ที่สุดปลายถนน พออีกฝ่ายเดินพ้นไปไกลแล้วจึงปีนต้นไม้ลงมา แต่ทันใดนั้นร่างของเขาก็แข็งค้าง เมื่อหันหลังไปก็เจอหมิงอี้อยู่ในระยะปะชิด เซี่ยเหลียนรีบเอามือไปซ่อนด้านหลังเพื่อส่งซิกไม่ให้ซือชิงเสวียนบอกอีกฝ่ายว่าเขาก็อยู่ที่นี่ด้วย
หมิงอี้เสนอให้ไปตามหาซืออู๋ตู้ พอได้จังหวะซือชิงเสวียนก็แอบขยับปากแบบไม่มีเสียงถามเรื่องราวจากเซี่ยเหลียน เขาจึงตอบไปว่าคนตรงหน้าเป็นตัวปลอม แท้จริงอีกฝ่ายคือผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่า พอเห็นคนที่เดินตามมาหายใจสะดุด หมิงอี้ก็หันมาถามว่าเป็นอะไร เมื่อซือชิงเสวียนตอบว่าตนกลัว เทพแห่งดินก็บอกว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะกลัว พอซือชิงเสวียนก้าวเท้าพลาด ปากสั่นบอกว่าตนอยากตาย คำตอบที่ได้กลับมาก็คือ ฝันไปเถอะ แม้ปรกติเขาจะคิดว่าที่อีกฝ่ายชอบพูดเย็นชาเพราะเป็นพวกซึนเดเระ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกกลัวมาก แล้วเซี่ยเหลียนก็ขยายความเพิ่มว่าสถานะอีกอย่างของคนตรงหน้าคือธาราทมิฬล่มเรือ ผู้ซึ่งมีนามจริงว่าเฮ่อเสวียน
Note 1 : จริงๆ ฮวาเฉิงก็เคยบอกแล้วว่าธาราทมิฬล่มเรือชื่อว่าเสวียน ตั้งแต่สปอย Part.28 แล้ว (โคตรยาวไกล) >>>/801/7776/539
Note 2 : ทุกครั้งที่ซือชิงเสวียนเคลมว่าหมิงอี้เป็นเพื่อนรัก หมิงอี้จะปฏิเสธตลอดว่าเขาไม่เคยเป็นเพื่อนรักของซือชิงเสวียน (กูถึงสปอยละเอียดไงล่ะ ทุกอย่างมันเชื่อมกัน)
Note 3 : ธาราทมิฬล่มเรือเป็นผีที่กินผีด้วยกัน เป็นผีสายกินแหลก (แต่มาดับอนาถกับอาหารของเซี่ยเหลียน) เรื่องบอกแล้วว่าเฮ่อเสวียนเองก็กินผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าไป และในเรื่องก็จะมีฉากที่หมิงอี้มุ่งมันกินหรือเคี้ยวอะไรบางอย่างในปากอยู่บ่อยๆ เรียกว่าบอกใบ้มาตลอด
.
.
.
.
.
เทียนกวานตอน100นี่เริ่มเพิ่มระดับความแซ่บขึ้นเลือยๆจริงๆ
ตามสปอยเทียนกวานในมู้นี้มากพักใหญ่ละ รู้สึกเป็นบุญมากหลังจากง่อยอิ้ง มีข้อสงสัย ทำไมเรียกฮวาเฉิงว่าฟาฟา? เห็นมานานแล้วแต่ก็ยังไม่เก็ท อธิบายที
เพื่อนโม่งงง คือกูพรีปรมาจารย์เล่ม 3 ไปเว้ย แล้วทีนี้กูลองเปิดกล่องดู คือกูอยากรู้ว่าสีจริงของเล่มกับของแถมมันเป็นยังไง กูรู้สึกว่าของที่ได้มันสีเพี้ยน
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>799 เทียนกวาน Part.101
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนใช้ร่างซือชิงเสวียนหลอกหมิงอี้ว่าต้องการพัก ก่อนเดินฉีกไปที่หนองน้ำเพื่อแอบคุ้ยกับเจ้าของร่าง ซือชิงเสวียนหวาดกลัวมากแล้วถามถึงเทพแห่งดินตัวจริง เซี่ยเหลียนจึงอธิบายว่าคนที่อยู่ซือชิงเสวียนมาตลอดก็คือเฮ่อเสวียน ส่วนหมิงอี้ตัวจริงคือศพที่พวกเขาเห็นในบ้านของธาราทมิฬล่มเรือ ที่อีกฝ่ายใช้พลั่วของเทพแห่งดินไม่คล่องเป็นเพราะไม่ใช่เจ้าของตัวจริง เฮ่อเสวียนคือคนที่กินผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าเพื่อใช้มันตามหาซือชิงเสวียน และเป็นคนที่จับเทพแห่งดินมาขังและสังหารเพื่อสวมรอยขึ้นไปบนสวรรค์
จู่ๆ หมิงอี้ก็เข้ามาจับไหล่ของซือชิงเสวียน แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายแค่มาช่วยจัดการผีน้ำ ก่อนดึงแขนให้ออกเดินทางต่อ พอนึกดีๆ แล้วทั้งคนที่เขียนคาถาร่นระยะจนไปโผล่ที่เมืองฟูกู คนที่วาดคาถาในบ้านของธาราทมิฬ คนที่คลาดสายตาจากซือชิงเสวียนจนถูกผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าลักพาตัว คนที่เจอตัวซือชิงเสวียนเป็นคนแรก คนที่คอยอยู่ข้างๆ จนเข้าใจสิ่งที่ซือชิงเสวียนกลัวทะลุปรุโปร่ง คนที่รู้รหัสผ่านโทรจิตของซือชิงเสวียนและสั่งให้อีกฝ่ายเปิดประตูก็คือหมิงอี้ การที่เขาต่อยป้ายอารามของเทพแห่งน้ำและเทพแห่งลมจนแตกเป็นสองเสี่ยงก็เป็นเรื่องที่ตั้งใจ ที่ตั้งศพของเทพแห่งดินไว้เคารพในบ้านก็เพื่อให้วิญญาณของอีกฝ่ายสงบไม่ก่อเรื่อง ที่จิตสุดท้ายก็หมิงอี้ตัวจริงทำให้ร่างขยับเป็นเพราะซืออู๋ตู้เรียกชื่อของเขาขึ้นมา อีกทั้งคนที่ทำเช่นนี้กับเขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย เป็นอีกฝ่ายที่เตรียมการทุกอย่างไว้
ตอนที่หมิงอี้มาเจอฮวาเฉิงที่อารามผูจี้ก็รีบออกตัวว่าไม่ได้ตั้งใจมานี้ด้วยความตั้งใจของตัวเอง ตอนที่กล่าวหาฮวาเฉิงว่ามีสายลับบนสวรรค์ อ๋องผีก็ตอกกลับว่าอีกฝ่ายก็รู้ดีอยู่แล้ว นั่นเป็นเพราะเฮ่อเสวียนคือสายลับคนนั้นเ เจวี๋ยทั้ง 2 คนให้ความร่วมมือกันเพื่อสมผลประโยชน์ คนที่ส่งมังกรไฟขอความช่วยเหลือคงเป็นเทพแห่งดินตัวจริง เพราะเฮ่อเสวียนต้องจับเป็นอีกฝ่ายไว้รีดข้อมูลศึกษาพฤติกรรมจะได้ปลอมตัวเนียนๆ ฮวาเฉิงให้ความช่วยเหลืออีกฝ่ายปกปิดความจริงโดยการส่งผู้ตรวจการเมืองผีที่มีคำสาปพันธนาการคนนั้นมาโชว์คำสาปดึงความสนใจเซี่ยเหลียนจนตามไปเจอตอนทอยเต๋าเข้าไปที่คุกลับ ปฏิบัติการช่วยเหลือหมิงอี้ตัวปลอมในเมืองผีถึงได้ราบรื่นขนาดนั้น ส่วนหมิงอี้ตัวจริงก็คงถูกสังหารหลังจากเหตุการณ์นั้น และตอนที่ฮวาเฉิงขอตัวไปทำธุระตอนอยู่ที่ระเบียงน้ำตกสุราก็เป็นเพราะทั้งสองแอบไปคุยกันนั่นเอง
หมิงอี้หันมาถามหาล็อกเกตคู่ของพี่น้องซือ เพราะรู้ว่าหากมีใครได้รับบาดเจ็บ ล็อกเกตของอีกคนจะสั่น เขาจิกแขนตัวเองจนเป็นแผล ก่อนบอกให้อีกฝ่ายส่งสร้อยมาให้เขาสวม แต่ด้วยความห่วงพี่ชาย ซือชิงเสวียนเลยเนียนโกหกไปว่าหากไม่ใช่ตัวเขาแล้วจะไม่มีผล แต่ตอนนั้นเองจู่ๆ ล็อกเกตของเขาก็สั่น ซือชิงเสวียนรีบโกหกต่อว่าเป็นกับดักแน่ เพราะพี่ชายของเขาจะบาดเจ็บได้ยังไง แต่หมิงอี้อ้างว่าในเขตของผีอะไรก็เกิดขึ้นได้แล้วเร่งให้เดินตามล็อกเกตไป สักพักพวกเขาก็เจอซืออู๋ตู้นอนเลือดอาบอยู่บนพื้น แต่พอซือชิงเสวียนเข้าไปดูก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ใช่พี่ชาย แต่เป็นผีที่แต่งกายด้วยเสื้อนอกของเทพแห่งน้ำพร้อมสวมสร้อยไว้
ทันใดนั้นก็มีพลังทิพย์พุ่งอัดหมิงอี้จนหน้าอกทะลุเป็นรู ก่อนที่ซืออู๋ตู้ตัวจริงจะเข้ามาจับแขนน้องชายวิ่งหนี ดูเหมือนเทพแห่งน้ำจะสงสัยหมิงอี้ แต่แม้จะไร้หลักฐานยังซัดอีกฝ่ายชนิดให้ถึงตาย พอซือชิงเสวียนหันกลับไปเห็นเทพแห่งดินลุกขึ้นนั่งก้มมองรูบนหน้าอกตัวเองก่อนลุกขึ้นยืนก็รู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งตัว หมิงอี้ตามมาทันชนิดแทบจะทันทีทันใด ซืออู๋ตู้จึงหยิบพัดขึ้นมาสู้ แต่แล้วพัดก็ถูกกระชากออกจากมือ ทุกย่างก้าวที่เข้ามาใกล้เครื่องแต่งกายของหมิงอี้ก็เปลี่ยน เช่นเดียวกับหน้าที่ซีดขาวและตอบลงจนแน่ชัดว่าคนผู้นี้ไม่มีชีวิต ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายคือธาราทมิฬล่มเรือ แต่ซืออู๋ตู้ก็คิดเพียงว่าอีกฝ่ายแค่ปลอมตัวเป็นจ้าหน้าที่สวรรค์ไปสืบข่าว ทั้งยังพูดอย่างหยิ่งยะโสว่าไม่ได้อยากมีเรื่อง ขอให้เลิกแล้วแยกย้ายกัน แต่ธาราทมิฬล่มเรือก็บอกให้อีกฝ่ายมองหน้าของเขาดีๆ แค่ไม่กี่ร้อยปีก็ลืมหน้าเขาไปแล้วหรือ สักพักซืออู๋ตู้ก็ทำหน้าเหมือนเห็นผี ร้องว่าเจ้ายังไม่ตายหรือ แต่ก็ถูกตอกกลับทันทีว่าเขาตายแล้วต่างหาก และเมื่อเฮ่อเสวียนโบกมือ ซือชิงเสวียนก็หมดสติไป
Note 1 : เห็นความเชื่อมโยงของคำพูดตัวละครที่กูเคยปลอยในพาร์ทก่อนๆ หรือไม่ ทุกอย่างมันเชื่อมมาหมดเลยไม่อยากตัด
Note 2 : เพราะฉะนั้นตอนที่ฮวาเฉิงตบหมิงอี้จมดินคือตบถูกคนแล้ว ไม่ใช่พาลแล้วไปทำร้ายคนอื่นอย่างที่ซือชิงเสวียนคิด
Note 3 : จริงๆ เฮ่อเสวียนก็พยายามกันเซี่ยเหลียนออกไปนะ ตอนที่ไปช่วยซือชิงเสวียนออกจากตำหนักก็บอกให้ช่วยแค่นี้ แต่เซี่ยเหลียนไม่เก็ต
.
.
.
.
.
รอตามสปอยอยู่นะฮะ สรุปได้ยอดมากเลย เข้าใจง่ายเลยอ่ะ พอถึงตอนนี้นึกย้อนกลับไปตอนฮวาเฉิงตื้บหมิงอี้จมดินแล้วแอบขำ
>>810 ขอบคุณโม่งสปอยมากๆ แบบนี้ก็หมายความว่าเฮ่อเสวียนมาตีสนิทกับซือชิงเสวียนหลังเหตุการณ์ที่หมิงอี้ปล่อยมังกรไฟตอนอยู่เมืองผี? เพราะหมิงอี้น่าจะโดนฆ่าหลังจากนั้น งั้นก็หมายความว่าก่อนหน้านั้นที่ซือชิงเสวียนสนิทด้วยก็คือหมิงอี้ตัวจริงๆใช่ไหม? ถ้าเป็นงั้นจริงคือเฮ่อเสวียนเนียนมากเลยนะนั่น
>>814
.
.
.
.
.
ไม่ใช่อะ หมิงอี้ตัวจริงถูกเฮ่อเสวียนจับตัวไปนานแล้ว แถมน่าจะเป็นคนรักสันโดษ ชอบพูดจาเย็นชาแบบที่เฮ่อเสวียนทำ เพราะคนบนสวรรค์ไม่ค่อยรู้จักหน้า พอหายไปมีคนปลอมตัวมาแทนที่ก็ไม่มีคนรู้ คนที่ซือชิงเสวียนสนิทด้วยตั้งแต่แรกคือเฮ่อเสวียนที่ปลอมตัวเป็นหมิงอี้
.
.
.
.
.
>>815 นานที่ว่านี่คือ ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหนงี้เหรอ เหมือนจับหมิงอี้ไปแต่ก็ไม่ได้ฆ่าทันที เอาไปศึกษาพฤติกรรมก่อนแล้วค่อยมาตีสนิทกับซือชิงเสวียน? เพื่อนโม่งอย่าหาว่ากูถามเยอะเลย คือสนใจคู่นี้ด้วยแหละ ที่ผ่านมาคือตามสปอยอันน้อยนิดของชาวบ้านตามทวิต แล้วกรณีดราม่าของสามคนนี้ ซือชิงเสวียนผิดมากน้อยแค่ไหน? โอ้ยเนี่ย กูสงสัยก็ถามอีกละ แต่มันก็อยากรู้จริงๆ ใจร้อนก่อนสปอยโม่งจะมา
>>816
.
.
.
.
.
อืม ไม่ได้บอกว่านานเท่าไร แต่ต้องเป็นตั้งแต่ก่อนที่อิ๋นอวี้จะถูกเนรเทศ เพราะตอนที่อิ๋นอวี้ยังเป็นเทพ เฮ่อเสวียนก็ปลอมเป็นหมิงอี้แล้ว ก็น่าจะ 100 ปี + ได้มั้ง (แล้วน่าจะเป็นซือชิงเสวียนที่เป็นฝ่ายเข้าหาก่อน เพราะตอนแรกซือชิงเสวียนจะมาคุยกับอิ๋นอวี้ แต่พอหันไปเห็นหมิงอี้นั่งซัดอาหารอยู่ใกล้ๆ ก็เบนความสนใจเลย) แล้วเพิ่งมาฆ่าหลังจากที่เจ้าตัวส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากสวรรค์
(ส่วนถ้าถามว่าอิ๋นอวี้คือใคร อิ๋นอวี้คือผู้ตรวจการเมืองผี ลูกน้องฮวาเฉิงที่มีคำสาปพันธนาการที่ข้อมือนั่นแหละ แต่เดิมเป็นเทพสงครามประจำทิศตะวันตกคู่กับเฉวียนอี้เจิน มีศักดิ์เป็นศิษย์ของอีกฝ่าย ในละครเรื่องเล่าของเฉวียนอี้เจินตอนที่เล่นเกมส่งจอกเหล้ากัน ตัวร้ายในเรื่องเล่านั้นก็คืออิ๋นอวี้)
.
.
.
.
.
>>816 เออ กูก็สงสัยว่าไอ้เรื่องอิรุงตุงนังนี่ชิงเสวียนมีส่วนรู้เห็นมากน้อยแค่ไหน คือกูชอบคาร์ชิงเสวียน เลยอ่านแบบมีไบแอสนิดนึง เหมือนชิงเสวียนแค่แบ๊วๆไปวันๆเจอเรื่องไม่ดีก็ไปบอกพี่ แล้วพี่ก็จัดการเองเสร็จสรรพตามที่ตัวเองเห็นว่าดีแบบไม่ปรึกษาใครเลย กลายเป็นโยนความซวยให้คนอื่นเฉย ถ้าชิงเสวียนไม่มีส่วนรู้เห็นตรงนี้กูว่าเอาจริงๆก็ไม่ใช่คนผิดนะ
>>817 ขอบคุณเพื่อนโม่งมากๆที่ช่วยไขข้อข้องใจให้ คืนนี้นอนหลับฝันดีแล้ว O<---< อยากถามอีกสักนิด(?) ในความเห็นของเพื่อนโม่ง ซือชิงเสวียนผิดมากน้อยแค่ไหนกันกับเรื่องที่โดนซืออู๋ตู้สลับชะตากับเฮ่อเสวียน นี่ก็ฟังแบบคร่าวๆจากคนอื่น คิดว่าชิงเสวียนไม่รู้นี่หว่าแถมยังรู้สึกผิดด้วย? แล้วการที่เฮ่อเสวียนพาไปปล่อยในโลกมนุษย์ในตอนท้ายๆของทั้งคู่นี่เหมือนการช่วยอย่างหนึ่งไหม หรือยังไง วอนเพื่อนโม่งไขข้อข้องใจให้ที กราบงามๆ
>>819 ซือชิงเสวียนไม่ผิด แต่ว่าก็อยู่ในโซนสีเทา เฮ่อเสวียนเห็นซือชิงเสวียนมีชีวิตดี๊ ดี จากชะตาที่ถูกสลับกับของตัวเอง โดยไม่ต้องพยายาม ใช้ชีวิตมีความสุข สนุกไปวันๆ แล้วมันบาดตาบาดใจ ที่เอาไปปล่อยนั่นมันไม่ใช่การช่วยหรอก แต่ก็เหมือนว่าเฮ่อเสวียนก็ไม่เอาเรื่องต่อแล้ว ให้จบกันไปแค่นี้ (ยังพอใจดีที่เอาปล่อยไปในที่ๆ อีกฝ่ายคุ้นเคยที่ทาง แต่ไม่รู้ว่าที่ซือชิงเสวียนพิการเป็นเพราะเฮ่อเสวียนหรือเปล่า ถึงซือชิงเสวียนจะบอกว่าไม่เกี่ยวก็เถอะ)
>>819
.
.
.
.
.
ตามความเห็นกูซือชิงเสวียนไม่ใช่คนผิดโดยตรง กูไม่โทษแต่ก็ไม่รู้สึกสนิทใจด้วย มันเป็นความแสลงตาแสลงใจมากกว่า คือเมื่อดูชีวิตของเฮ่อเสวียนกับครอบครัวแล้วหันมามองเทพสองพี่น้องมันเหมือนมีอะไรมาทิ่มในใจตลอด
คนที่ความจริงควรจะได้เป็นเทพ รอบข้างมีพ่อแม่น้องสาวคู่หมั้นรักใคร่อบอุ่นกลับกลายเป็นความชิบหายชีวิตสิ้นหวังดิ่งสุดจนกลายเป็นผีเจวี๋ย แต่อีกฝ่ายพี่น้องอยู่พร้อมหน้าบนสวรรค์ โดยเฉพาะคนน้องที่แค่เทเหล้าก็ได้การยอมรับเป็นเทพแล้ว พอมองคนที่ดูภูมิใจในตัวเองโดยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเด็กเส้นที่พี่ปูทางรอด้วยกลีบกุหลาบ มันก็...นะ ดังนั้นพอเปรียบเทียบแบบนี้แล้วกูก็โกรธจนกระอักแทนเฮ่อเสวียนแล้วได้แต่สงสัยว่าเขาทำผิดอะไร... ส่วนกับซือชิงเสวียนสมองส่วนเหตุผลบอกว่าไม่ผิดแต่ส่วนความรู้สึกมันอดรู้สึกโกรธไม่ได้จริง ๆ พอมารวมกันเลยเป็นความกระอักกระอ่วนแสลงตาแสลงใจ
ส่วนครส.ที่เฮ่อเสวียนมีต่อซือชิงเสวียนสำหรับกูนะ เริ่มต้นโกรธเกลียดจริงแหล่ะ แต่พอแก้แค้นสำเร็จก็เหมือนได้ปล่อยวางระดับนึง แล้วพอหันไปมองอดีตก็เห็นความผูกพันบ้างแหล่ะ เพราะซือชิงเสวียนก็ดีกับเขาจริง ๆ แต่ก็เลยจุดที่จะกลับไปเป็นเพื่อนกันแล้วอ่ะ อาจให้อภัยแต่จะให้ลืมทุกอย่างแล้วกลับไปคบกันอย่างสนิทใจคงไม่ไหวจริง ๆ
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>810 เทียนกวาน Part.102
.
.
.
.
.
พอซือชิงเสวียนรู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองถูกล่ามโซ่ไว้ไว้ในบ้านของธาราทมิฬล่มเรือ รอบตัวมีคนเสียเป็นโรคผิวหนังสติเต็มไปหมด เซี่ยเหลียนพยายามจะสอนวิธีสะเดาะตัวล็อค แต่พลังทิพย์ของที่ยืมมาเหมือนกำลังถูกสูบออกไปจนไม่อาจสื่อสารกับเจ้าของร่างได้ พอเห็นน้องฟื้น ซืออู๋ตู้ก็ร้องเรียก แต่ก็ถูกเฮ่อเสวียนเตะให้ลงไปนั่งคุกเข่าอีก เฮ่อเสวียนสั่งให้คนตรงหน้าทำความเคารพพ่อ แม่ น้องสาว และคู่หมั้นของเขา หลังจากจ้องหน้าน้อง ซืออู๋ตู้ก็ยอมโขกศีรษะให้กระถางอัฐิทั้ง 4 ใบ ทำไปได้ 10 รอบก็ทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่ก็ถูกเฮ่อเสวียนเหยียบหัว บอกว่าเขายังไม่สั่งให้หยุด แม้จะรู้ว่าซืออู๋ตู้เป็นฝ่ายผิด แต่พอมาเห็นพี่ชายผู้หยิ่งทระนงต้องคุกเข่าโขกศีรษะก็ทำให้ซือชิงเสวียนอดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้
ซืออู๋ตู้บอกว่าน้องชายของเขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เฮ่อเสวียนบอกว่าจะไม่เกี่ยวได้อย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายคือเขาที่เอาโชคชะตาของเขาไปใช้ เทพแห่งน้ำยังพยายามพูดว่าน้องของตนไม่รู้เรื่อง แต่มันกลับไปจุดความโกรธของเฮ่อเสวียน อีกฝ่ายถามว่าแล้วทำไมถึงไม่ยอมให้ซือชิงเสวียนได้รับรู้ อีกฝ่ายจึงได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องรู้สึกอะไรที่ขโมยชะตาของคนอื่นมา อีกอย่างเขาก็เคยให้โอกาสซือชิงเสวียนโดยการห้ามไม่ให้ตามเผยหมิงไปที่ทะเลตะวันออกแล้ว ซือชิงเสวียนได้แต่กล่าวขอโทษ พอเฮ่อเสวียนถามว่าอยากตายชดใช้ความผิดหรือ ซืออู๋ตู้ก็ร้องว่าความผิดของน้องชายของเขาไม่ควรถึงตาย แต่ก็ถูกเฮ่อเสวียนตอกกลับว่าแล้วครอบครัวของเขาผิดอะไรถึงต้องตาย
เฮ่อเสวียนบอกว่าคนเสียสติที่อยู่ที่นี่คือคนที่ถูกโชคชะตาทำร้ายจนเป็นบ้า ก่อนบอกว่าเขาจะให้ตัวเลือกสองพี่น้อง 2 อย่าง อย่างแรกในเมื่อซืออู๋ตู้สลับชะตาเก่งนัก ก็ให้สลับชะตาของซือชิงเสวียนกับหนึ่งในคนเหล่านี้แล้วไปใช้ชีวิตในภพมนุษย์ ด้วยเรื่องที่เทพแห่งน้ำทำ เขาคงไม่แคล้วถูกเนรเทศ ทำเอาเซี่ยเหลียนกังวลว่าแล้วทั้งสองจะใช้ชีวิตกันต่อไปอย่างไร ส่วนทางเลือกที่ 2 ให้ซือชิงเสวียนตัดหัวพี่ชายมาให้เขาซะ จากนั้นก็อย่ามาให้เขาเห็นหน้าอีกแล้วเขาจะทำเป็นว่าอีกฝ่ายไม่เคยมีตัวตน พูดแล้วเฮ่อเสวียนก็โยนกระบี่ทื่อขึ้นสนิมให้
ซืออู๋ตู้ขอว่าเขาจะฆ่าตัวตายเอง ส่วนซือชิงเสวียนบอกให้พี่ชายเลือกตัวเลือกข้อแรก ซืออู๋ตู้ไม่ยอม บอกว่าเขาทนเห็นน้องชายในสภาพแบบนั้นโดยที่ตัวเองไร้พลังช่วยเหลือไม่ได้ เทพแห่งน้ำหยิบกระบี่ยื่นให้น้องชาย บอกให้หลังจากนี้ไปขอความช่วยเหลือจากเผยหมิง เมื่อซือชิงเสวียนยังไม่ยอมลงมือ เขาก็อธิบายให้น้องฟังว่าด้วยนิสัยของเขา ทำให้เขามีศัตรูอยู่มากมายทั้งบนสวรรค์และภพมนุษย์ อย่าว่าแต่ดูแลซือชิงเสวียน แม้แต่ตัวเองก็คงปกป้องไม่ได้ พวกตนมีหวังพากันไปตายภายใน 2 วัน ซือชิงเสวียนยิ่งสติแตก บอกว่าตนทำไม่ได้และร้องขอความช่วยเหลือ เทพแห่งน้ำจึงพยายามปลอบโยนน้องชายไม่ให้กลัว
เฮ่อเสวียนทนไม่ไหวจึงเตะซืออู๋ตู้จนกระอักเลือด แล้วจู่ๆ เทพแห่งน้ำก็พุ่งเข้าไปบีบคอน้องชาย บอกว่าเขาปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่คนเดียวไม่ได้ เพราะหากเขาตายซือชิงเสวียนคงไม่รอด เลยตั้งใจจะฆ่าอีกฝ่ายแล้วฆ่าตัวตายตาม แต่เฮ่อเสวียนไม่ให้ทางเลือกที่ 3 กับทั้งคู่ เขากระชากแขนของซืออู๋ตู้ขาดทั้งสองข้าง แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะลั่น บอกว่าเขารู้สึกดีมากเพราะได้เห็นเฮ่อเสวียนต้องจมอยู่ในความแค้นและความทุกข์ แต่ก็ยังไร้พลังที่จะนำคนครอบครัวกลับคืนมา ทั้งยังเป็นได้แค่ผีในเงามืด แต่เขากับน้องชายได้ใช้ชีวิตโคตรดี เป็นเทพบนสวรรค์มาหลายร้อยปี ถึงต่อไปจะไม่ได้เป็นแล้ว พวกเขาก็ยังเป็นผู้ชนะ เขาไม่รู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายเลยสักนิด ทุกอย่างที่เขามีตอนนี้ เขาสู้มาด้วยตัวเอง เขาจะสู้เพื่อให้ได้สิ่งที่ไม่มีมาครอบครอง เขาจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาที่ไม่ต้องการ โชคชะตาของเขาขึ้นกับตัวเขาเองไม่ใช่สวรรค์กำหนด
ซือชิงเสวียนพยายามร้องให้พี่ชายหยุด พอเห็นเฮ่อเสวียนเข้าไปจิกหัวอีกฝ่ายก็เรียกชื่อหมิงอี้ ร้องขอบอกว่าเขาเป็นคนผิดเอง ซืออู๋ตู้ทำทุกอย่างไปเพื่อเขา และตอนนี้ก็กลายเป็นบ้าไปแล้ว แต่พอจะขอความเมตตาจากคนที่พวกตนทำร้ายก็พูดไม่ออก เฮ่อเสวียนหันมาบอกว่าเรียกผิดคนแล้ว แล้วเขาก็กระชากหัวของซืออู๋ตู้ขาดเลือดกระเซ็นอาบร่างของซือชิงเสวียนที่กรีดร้องอย่างหวาดกลัวจนหมดแรง หลังจากทุกอย่างเงียบลง เฮ่อเสวียนก็ถามคนตรงหน้าว่ามีอะไรอยากพูดหรือเปล่า เมื่อซือชิงเสวียนพึมพำว่าอยากตาย อีกฝ่ายก็เอ่ยกลับมาว่า ฝันไปเถอะ ก่อนยื่นมือเข้ามาใกล้ พร้อมกันนั้นวิญญาณของเซี่ยเหลียนก็ถูกดึงกลับมายังร่างของตัวเองซึ่งฮวาเฉิงกำลังจูบเขาอยู่เพราะมันคือวิธีดึงพลังทิพย์ที่ให้ยืมไปกลับออกมาได้เร็วที่สุด ซึ่งในที่สุดอ๋องผีก็ทำสำเร็จ
.
.
.
.
.
เฮ่อเสวียนน่าสงสารจริง ไม่แปลกที่ต้องแก้แค้น เป็นนี่ก็แค้นอ่ะ จากชีวิตดีๆกลายเป็นเหี้ยสุด แต่อีกคนที่อดสงสารไม่ได้จริงๆ ซือชิงเสวียนอ่ะ ถึงจะรู้สึกตะหงิดๆ แต่เขาแม่งไม่รู้จริงๆ แถมไอ้คนที่จะมาแก้แค้นตัวเองดันทำตัวเป็นเพื่อนสนิทอันดับ1ของตัวเองอีก แม้อีกฝ่ายจะปฏิเสธก็เถอะ แต่แม่งโคตรจี๊ด(คิดถึงตอนยังนัดแต่งสาวกันอยู่เลย)
ปล.ฮวาเฉิงนี่ถ้าตัดเรื่องดึงพลังออก คุณท่านชอบกินเต้าหู้เตี้ยนเซี่ยจริงๆเลยนะ 555
>>821 กูก็ว่าเฮ่อเสวียนยังพอมีความใจดีอยู่นะที่พาไปปล่อยเอาไว้ในที่คุ้นเคย ว่าแต่ซือชิงเสวียนพิการด้วยเหรอเพื่อนโม่ง ชิงเสวียนยังพอยิ้มได้อยู่ไหม คือกูชอบตลค.นี้มากอ่ะ ถึงตับกูจะพังไปแล้วกับดราม่าก็เถอะ
>>822 ขอบคุณมากเพื่อนโม่งมากที่คอยตอบข้อสงสัยอันเยอะจัดของกู ส่วนตัวกูพอรู้รายละเอียดเพิ่มขึ้นก็มองในมุมไม่ต่างกันเท่าไหร่ น่าเห็นใจทั้งสองฝั่ง อย่างเฮ่อเสวียนนี่คือถ้าไม่ดิ่งก็ไม่รู้จะเอาไงละ ชีวิตชิบหายมาก เนี่ยสปอยโม่งก็มาต่อพอดี อ่านไปเมื่อเช้าเจอฉากนี้เข้าไปคือเจ็บตับ ซืออู๋ตู้ต้องรักน้องเบอร์ไหนแบบไหนถึงกะจะฆ่าน้องแล้วตัวเองตายตาม กุล่ะเศร้า เป็นดราม่าอิรุงตุงนังแต่ก็อินกับพาร์ทนี้พอสมควร ควรไปเปิดแฟนอาร์ตเยียวยาตับ
>>822 ส่วนตัวกูสงสารซิงเสวียนนะแบบนี้ ก็ไม่รู้อะ เทเหล้าอยู่ดีๆก็ได้เป็นเทพ ก็ใช้ชีวิตมีความสุขไปวันๆตามปกติเพราะไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวว่าพี่ตัวเองทำอะไรไว้ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่ได้หลั่นล้าขนาดนี้ไหมนะ น้องดูใสๆ ใครดีด้วยก็ดีตอบ ยังหลงคิดไปว่าตัวเองสนิทกับหมิงอี้อยู่เลย ในมุมมองกูคู่กรณีเคสนี้คือพี่ชายว่ะ เฮ่อเสวียนฉิบหายเพราะการแก้ปัญหาแบบผลักปัญหาให้คนอื่นแท้ๆ
>>825 กูก็คิดถึงตอนแต่งสาวคู่เหมือนกัน T^T
>>826 ซือชิงเสวียนขาเป๋ แขนหักอย่างละข้าง (แบบถูกทิ้งไว้นานไม่ได้รักษา ก็คงไม่หายแล้ว ยกเว้นได้ยาเทพมาอาจหาย) เหมือนกับสภาพรูปปั้นเทพแห่งลมที่เจอที่เมืองฟูกูอะ (ที่รูปปั้นของซืออู๋ตู้หัวขาด) แต่ชิงเสวียนก็ยังเป็นคนเดิมได้ เหมือนที่กูเลยบอกอะว่ากูคิดว่าธีมของเทียนกวานคือความมั่นคง หลังจากเจอเรื่องอะไรมา หลังจากเห็นด้านแย่ๆ ของคนที่อยู่ด้วยกัน มึงจะยังเป็นคนเดิมได้หรือเปล่า มึงจะรักคนๆ เดิมได้หรือเปล่า เหมือนที่เซี่ยเหลียนกับอาจารย์เหม่ยชอบพูดว่า สิ่งที่กำหนดคุณค่าในตัวมึงไม่ใช่สถานะ แต่เป็นตัวของมึงเอง ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จ (หรือเป็นเทพ) ล้มเหลว (หรือเป็นมาร) สิ่งพวกนั้นไม่ได้ทำให้มึงเปลี่ยนไป นอกจากมึงจะเปลี่ยนตัวเอง เพราะฉะนั้นในเรื่องเลยมีเทพเหี้ยๆ กับผีดีๆ อยู่ เพราะสถานะเทพกับผีไม่ได้หมายความว่ามึงเป็นคนดีหรือคนชั่ว แต่เป็นเนื้อในต่างหากที่กำหนดคุณค่าของตัวมึง
>>829 แล้วชิงเสวียนโอเคกับสภาพพิการบวกกับต่องมาเร่ร่อนไหมวะ หรือเป็นแนวปลงชีวิตยอมรับชะตาตัวเองชดใช้ให้เฮ่อเสวียนงี้? เออ กูก็เกือบลืมหมิงอี้ตัวจริงไปเลย ตอนที่ถามมึงเมื่อคืนคือหมิงอี้ตัวจริงยังไม่ได้รู้จักกับชิงเสวียนแต่ก็ถูกจับไปก่อน คือนับว่าซวยแบบไม่รู้จะซวยยังไงเลยอ่ะ
.
.
.
.
.
จะว่าไปซืออู๋ตู้นี่ก็แอบดูถูกน้องชายเหมือนกันนะว่าถ้าไม่มีตัวเองคอยช่วยเหลืออีกฝ่ายจะไม่รอด แต่สุดท้ายซือชิงเสวียนก็พิสูจน์ให้เห็นว่าถึงจะไม่ได้เป็นเทพ ไม่มีชีวิตหรูหราฟู่ฟ่ามีพี่ชายคอยโอ๋ ต้องกลายเป็นคนจรจัดพิการ และไม่ได้แต่งหญิงแล้ว (5555) ก็ปรับตัวให้มีความสุขกับชีวิตได้ โดยที่ไม่ต้องกลายเป็นคนเลวทำร้ายคนอื่นเพราะอ้างว่าต้องเจอเรื่องไม่ดีเจอคนทำร้ายมา ซึ่งเซี่ยเหลียนก็ผ่านจุดนั้นมาแล้วเหมือนกัน แล้วก็นึกถึงตอนที่ลาสบอสถามเซี่ยเหลียนว่าจะยอมเปลี่ยนตัวเองไหม แต่เซี่ยเหลียนยืนยันว่าเขาจะไม่มีวันเปลี่ยน
.
.
.
.
.
กูว่าชิงเสวียนไม่ผิดเลยนะ เพราะไม่เคยรู้เรื่องที่พี่ชายทำแต่ต้องรับกรรมร่วมด้วย
>>839 จะชนะด้วยตัวเองหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ เพราะชิงเสวียนก็กลัวมากจริงๆ แต่ด้วยปัจจัยต่างๆ รวมกันแล้ว ถึงไม่สลับชะตากับเฮ่อเสวียน ยังไงก็มีแก็งค์เพื่อนน้อยตั้ง 3 คนช่วย ยังไงก็น่าจะจัดการได้สักวันอะ มันติดแค่ว่าซือชิงเสวียนไม่น่าจะได้ขึ้นสวรรค์เป็นเทพชั้นสูง ซึ่งซืออู๋ตู้ไม่ปลื้มข้อนี้ ก็อาจจะหาทางหาคนมีชะตาได้ขึ้นสวรรค์มาสลับด้วยอยู่ดี
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>823 เทียนกวาน Part.103
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนรีบรั้งคอฮวาเฉิงไว้เพื่อจูบดึงพลังที่ถูกสูบคืนกลับมา ก่อนพลิกขึ้นมาอยู่ด้านบน ตอนนั้นเองฉีหรงที่นึกว่าโจรบุกก็ออกมาหมายจัดการ แต่ก็ถูกภาพญาติผู้พี่กำลัง On Top จับกดจูบอ๋องผี Outdoor หน้าอารามก็กระแทกเข้าไปในดวงตาจนผีเขียวแหกปากลั่น ฮวาเฉิงเลยใช้พลังซัดอีกฝ่ายกลับไปเข้าด้านใน เซี่ยเหลียนพยายามใช้คาถาสลับวิญญาณเพื่อกลับไปหาซือชิงเสวียนแต่ถาคากลับไม่เป็นผล เขาติดต่อไปหาหลิงเหวินซึ่งต่อว่าที่จู่ๆ เขาก็เงียบไป เธอบอกว่าตอนนี้สวรรค์เตรียมคนไปทะเลใต้แล้ว เฉวียนอี้เจินที่กลับมาพอดีก็จะไปด้วย เซี่ยเหลียนขอให้ส่งคนมารับเขาเพื่อไปนำทาง พอหันไปก็พบว่าฮวาเฉิงหายไปแล้ว ซึ่งก็พอดีกับที่เฉวียนอี้เจินมาถึง
พวกเซี่ยเหลียนมาถึงเกาะธาราทมิฬ แต่น่าแปลกที่ครั้งนี้เรือไม่ถูกดึงให้จมลงในน้ำอีกทั้งพลังก็ไม่ได้ถูกปิดกั้นราวคำสาปหายไปแล้ว ที่ชายฝั่งพวกเขาเจอเผยหมิงซึ่งต่อโลงเสร็จไปแล้ว 3 โลง พอเห็นอีกฝ่ายเฉวียนอี้เจินก็อดเปรยไม่ได้ว่าตอนแรกพอทุกคนได้ยินว่าจะมาช่วยแม่ทัพเผยก็ต่างบอกว่าไม่ว่างกันหมด จากนั้นทุกคนจึงบุกเข้าไปถึงตำหนักธาราทมิฬ เซี่ยเหลียนก็รวบรวมเก็บกระดูกของหมิงอี้ขึ้นมาถือไว้ หลังจากเดินไปทั่ว ในที่สุดเขาก็เจอห้องที่มีศพไร้ศีรษะของซืออู๋ตู้ ทว่ากลับไร้วี่แววของซือชิงเสวียน และเฮ่อเสวียน
เมื่อรายงานเรื่องทุกอย่างแล้ว เซี่ยเหลียนก็กลับมาที่อารามผูจี้ พอถูกฉีหรงด่าว่าเมื่อคืนตนตาเกือบบอดเพราะเห็นภาพอุจาด เซี่ยเหลียนถึงเพิ่งสำนึกได้ว่าเมื่อคืนเขาทำเรื่องน่าอายแค่ไหน พอเข้าไปข้างในก็เจอฮวาเฉิงนั่งรออยู่ ดูเหมือนอ๋องผีจะคิดว่าเซี่ยเหลียนจะโทษเขา แต่เซี่ยเหลียนบอกว่าไม่ใช่เช่นนั้น และอีกฝ่ายพูดถูกต้องแล้วว่าคนนอกไม่ควรเข้าไปยุ่ง เขาถามความเห็นคนตรงหน้าว่าเฮ่อเสวียนจะทำอย่างไรกับซือชิงเสวียน ฮวาเฉิงตอบว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน พอนึกว่าสิ่งที่สร้างธาราทมิฬล่มเรือขึ้นมาคือความเกลียด ก็อดคิดไม่ได้ว่าแล้วสิ่งใดที่สร้างฝนโลหิตตามหาดอกไม้ขึ้นมา แต่ก็เปลี่ยนไปถามว่าเฮ่อเสวียนรู้เรื่องที่ซืออู๋ตู้สลับชะตาของตัวเองได้ยังไง อ๋องผีจึงบอกว่าในคืนที่เฮ่อเสวียนตาย ก่อนหมดลมเขาเห็นซืออู๋ตู้มาเชคว่าตนตายหรือยัง เฮ่อเสวียนจดจำใบหน้านั้นได้ เมื่อกลายเป็นผีก็สืบจนรู้ว่าอีกฝ่ายคือเทพแห่งน้ำ พอคิดว่าเทพแห่งน้ำจะมาอยากรู้การตายของตนทำไมจึงได้จับเทพแห่งดินแล้วปลอมตัวสวมรอยขึ้นสวรรค์ไปสืบเรื่องจนได้รู้ความจริง พอเซี่ยเหลียนต่อว่าเฮ่อเสวียนที่ฆ่าหมิงอี้และดึงชาวประมงเข้าไปเจออันตราย ฮวาเฉิงก็เอ่ยเขาไม่รู้ว่าเฮ่อเสวียนฆ่าเทพแห่งดินหรือเปล่า แต่คนที่นำชาวประมงไปในเขตที่ซืออู๋ตู้ทำเควสเป็นคนอื่นอย่างแน่นอน และคนๆ นั้นน่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่ส่งเปลือกเปล่ามาล่อให้เซี่ยเหลียนไปปั้นเยวี่ยด้วย
เมื่อทุกคนบนสวรรค์ทราบเรื่องราวทั้งหมดก็ตกใจกันมาก คนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพี่น้องซือต่างหายไปหมด ในงานศพของซืออู๋ตู้ นอกจากเซี่ยเหลียน เผยหมิงกับหลิงเหวียนแล้วก็มีคนมาร่วมงานอีกเพียงไม่กี่คน ส่วนในภพมนุษย์ เมื่อเทพแห่งน้ำและเทพแห่งลมไม่ประทานพรให้ดังเคย อารามของทั้งสองก็เริ่มถูกอดีตผู้ศรัทธาเผาทำลาย อีกไม่กี่ปีอาจไม่มีใครจดจำเรื่องราวของสองพี่น้องได้อีก เซี่ยเหลียนขอให้หลิงเหวินช่วยหาตัวซือชิงเสวียน แต่ก็ถูกแม่ทัพเผยแดกดันให้ไปถามฮวาเฉิงน่าจะรู้เรื่องเร็วกว่า เซี่ยเหลียนจึงต้องบอกว่าอ๋องผีไม่รู้เรื่อง
ที่อารามผูจี้ฉีหรงเอาแต่ร้องโหยหวนให้กู่จือช่วยนวด อ้างว่าไม่สบายเพราะถูกเซี่ยเหลียนทรมาน กู่จือก็ยืนยันว่าพ่อของตนไม่ได้โกหกและฉีหรงรู้สึกไม่ดีมาหลายวันแล้ว เซี่ยเหลียนเลยจะเดินไปค้นกล่องยา แต่ก็สังเกตว่ากล่องรับบริจาคดูหนักๆ เมื่อลองเชคก็พบแท่งทองคำมากมาย แต่เขาก็คืนทองที่ซืออู๋ตู้ให้มาไปแล้ว แล้วของพวกนี้มาจากไหนกัน พอหันไปถามญาติผู้น้องว่ามีใครมาที่อารามหรือเปล่าอีกฝ่ายก็โวยวายไม่รู้เรื่อง ตอนนั้นเองฮวาเฉิงก็มาพอดี เขาชวนเซี่ยเหลียนไปที่เมืองผีเพื่อหาทางไล่ฉีหรงออกจากร่างของชายที่สิงอยู่ ซึ่งเซี่ยเหลียนก็เห็นดีเห็นงามด้วย
Note : ตอนกูอ่านครั้งแรกนี่กูลืมไปแล้วนะว่ายังมีเคสคนที่มาส่งเปลือกเปล่าให้เซี่ยเหลียนไปปั้นเยวี่ยที่ยังไม่เคลียร์อยู่ด้วย เรื่องเทียนกวานคือผูกเรื่องไว้ดีจริงๆ อะ แล้วอย่าลืมว่ายังมีเคสที่พ่อวิญญาณตัวอ่อนที่ยังไม่เคลียร์อีกอย่าง (ซึ่งวิญญาณตัวอ่อนก็ถูกส่งไปร้องเพลงตั้งแต่ตอนเซี่ยเหลียนอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวด้วย)
.
.
.
.
.
On top กันด้วยยอู้วววว 55555 ฮวาเฉิงมีอึ้งกันบ้างแหละ
ปล.แอบขำท่านแม่ทัพ ทำไมถึงได้น่าเอ็นดูวถึงเพียงนี้ 55
>>843 ดีใจที่มึงมา กูยังรอที่หน้ามู้ทุกวัน
Arc 3 ทำกูน้ำตาไหลพราก คงอยู่ที่มุมมอง ว่าตอนนั้นเรายืนอยู่จุดไหน เป็นคนของใคร ความบราค่อนของเทพพี่น้อง ฮือออออ น้ำตาไหลหมดทิชชู่ไป 3 ม้วน กับเฮ่อเสวียนก็แก้เเค้นก็ให้จบกันไปนะ
ความแม่ทัพเผยไม่ทิ้งลาย กูยืนหนึ่งให้พี่แกละกัน หลังๆดีนะมีฉากโรมานซ์ให้ฟาฟา ไม่งั้นเรื่องนี้คงทำกูปวดหัวตายห่า บุญคุณความแค้น ไหนล่ะความรัก
กูสงสารชิงเสวียน ยัอยน้อนของกู ขอบคุณโม่งสปอยนะ กูนี่รออ่านเล่มไทยเต็มๆเลย
ขอบคุณโม่งสปอยมากๆ รอหน้ามู้อยู่ตลอด ตกลงเฮ่อเสวียนพาชิงเสวียนไปทำอะไรนิ ทรมานรึเปล่า? แต่ปวดตับกับตอนนี้จริง ขนาดงานศพซืออู๋ตู้มีคนมาไม่กี่คน อะไรมันจะขนาดนั้นวะ ความเหี้ยนี่แบบ ...
>>850 ไม่ได้ทรมาน แต่ทำให้พิการหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ ส่วนซืออู๋ตู้ต้องเข้าใจว่าปรกติด้วยนิสัยก็เพื่อนน้อยอยู่แล้ว (ถึงอยู่แก็งค์เพื่อนน้อยไง เจ้าตัวเองก็เคยบอกว่ามีศัตรูอยู่เยอะ) คนที่มาคบด้วยส่วนใหญ่เลยคบเพราะผลประโยชน์ แล้วเรื่องสลับชะตานี่คือฉาวมาก คนเลยยิ่งไม่อยากแสดงตัวว่าเกี่ยวข้องด้วย ส่วนเพื่อนของซือชิงเสวียนส่วนมาก็คงเพื่อนกิน พอรู้ว่าซือชิงเสวียนที่จริงไม่ควรเป็นเทพ เอาชะตาคนอื่นมาใช้ก็เลยหนีกันหมด ซึ่งตัวซือชิงเสวียนก็คงพอรู้อยู่แล้วแหละว่าเพื่อนที่คบส่วนมากเป็นเพื่อนกินถึงได้ไปติดคนมนุษย์สัมพันธ์แย่แบบหมิงอี้ขนาดนั้น
>>851 ถ้าเทียบกับปัจจุบันอิจเมจชิงเสวียนโคตรคุณหนูเลย คนที่ไม่ต้องทำอะไรก็มีหน้าที่การงานดี ๆ รออยู่ คิดว่าตัวเองได้งานเพราะยื่นแฟ้มประวัติหรือสอบราชการเหมือนคนอื่น ๆ แต่ความจริงมีพี่เตรียมตำแหน่งไว้รอแล้ว พี่ที่คิดว่าดีก็เป็นพวกสีเทา เลยพาลติดนิสัยผิด ๆ มา ใช้ชีวิตแก้ปัญหาด้วยวิธีการเปย์(กุศล) เลยกลายเป็นดึงดูดแต่พวกเพื่อนสายกินสายประจบซะงั้น
แมร่ง เนื้อแท้เป็นคนดีแต่ต้องซวยเพราะพ่อแม่(พี่)รังแกฉันจริง ๆ
>>853 แต่ถ้าไม่มีซืออู๋ตู้อยู่ชีวิตซือชิงเสวียนอาจจะดีก็ได้ เพราะซือชิงเสวียนก็จะใช้ชีวิตแต่งหญิงไปเรื่อยๆ (ตามวิธีแก้เคล็ด) ถึงห้ามมีงานรื่นเริง ห้ามรุ่งโรจน์ในการงานก็ใช้ชีวิตชิลๆ สงบๆ ได้ ถ้าไม่ติดว่าพ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเล็กแล้วญาตมาแย่งสมบัติ (ซึ่งกูคิดว่าที่ซืออู๋ตู้รักน้องขนาดนี้ก็เพราะว่าตัวเองอายุห่างจากน้องตั้ง 10 ปี ต้องคอยเลี้ยงน้องมาแต่เล็ก เลยค่อนข้างมองอีกฝ่ายเหมือนลูก) แต่ความจริงก็คือเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากซืออู๋ตู้... (ตรงนี้โคตรอภิมหาสปอย ฮาร์ดคอร์รุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณก่อนอ่าน)
.
.
.
.
.
เพราะที่ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่ามาตามติดซือชิงเสวียนเป็นเพราะรู้ว่าซืออู๋ตู้จะได้เป็นเทพเลยขัดขาแหม่ม ทำกับตัวซืออู๋ตู้เองนิสัยหยิ่งจองหองแบบนั้นมันไม่ได้ผล ไปลงกับครอบครัวแทนเนี่ยแหละได้ผลแน่นอน และด้วยนิสัยอย่างซืออู๋ตู้ต้องทำผิดกฏสวรรค์ชัวร์ป๊าบ ที่นี่พอถูกจับได้ก็จะถูกเนรเทศ เย้
.
.
.
.
.
>>854 มึง มันก็เป็นเรื่องอาจจะไง คาดเดาใจคนไม่ได้หรอก เพราะคหสต.กูนะ สมมุติพี่ไปได้ดี เหลือน้องตกระกำลำบากอยู่บนโลกมนุษย์ น้องจะไม่รู้สึกอะไรจริงหรอ หรือสังคม ผู้คนจะมองยังไง ซึ่งจากคาร์ของชิงเสวียนอาจจะไม่คิดอะไร ใช้ชีวิตชิลๆแบบที่มึงว่าก็ได้ เรื่องนี้เกิดจากซืออู๋ตู้จริงที่ทรีทเกิดเหตุ แต่กูมองว่าอีผู้อาวุโสแห่งวัจนะนี่ผู้ร้ายตัวจริงมากกว่า อย่างที่มึงสปอยด์คือแม่ม หมั่นไส้เฉยเลยขัดขา กูนี่อยากจะสาปใส่ หรืออาจจะเป็นด่านเคราะห์ที่เทพทุกคนต้องเจอ ซึ่งซืออู๋ตู้กู end game ไม่สามารถผ่านไปได้
อ่านแล้วกูเลิฟคาร์ซืออู๋ตู้มากนะ เอฟตีบราค่อน ความรักของพี่ที่มีต่อน้องอ่ะมึง ยิ่งใหญ่แค่ไหนแต่ถ้ามันผิดก็ต้องรับกรรม ฮือๆๆๆ ในฐานะพี่คนโตอย่างกูอ่านคือสะเตือนตับไต กูรู้ว่าไม่ยุติธรรมต่อชิงเสวียนหรอก เพราะบางทีความหวังดีของพี่ ถ้าน้องไม่ต้องการ มันก็บีบคนให้ทรมาน แถมเสือกไปสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านชาวช่อง ไม่ยุติธรรมต่อเฮ่อเสวียนโพ่ดๆ ถ้าเป็นกูโดนก็คงต้องแก้แค้นเหมือนกัน
รอโม่งสปอยด์ต่อไปนะ คืนน้ำอ้อยให้กูที ขื่นขมเหลือเกิน
>>855 คือที่เขียนไปกูมองในมุมที่ตัดซืออู๋ตู้ออกจากระบบเลย ให้ซือชิงเสวียนเป็นลูกคนเดียวเงี้ยน่ะ มันก็จะไม่มีเรื่องสลับชะตาแน่ (ยิ่งตามที่สปอยไป ถ้าไม่มีซืออู๋ตู้ ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าก็ไม่มาตามซือชิงเสวียน) แต่ซือชิงเสวียนจะเอาตัวรอดตอนเหลือตัวคนเดียวหลังพ่อแม่ตายได้หรือเปล่า อันนี้ก็สุดจะคาดเดา
.
.
.
.
.
ไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าหมั่นไส้ซืออู๋ตู้หรอก แต่มันมีใบสั่งมา
.
.
.
.
.
>>856 อ่อ ตอนแรกกูเห็นคำว่าพ่อแม่รังแกฉันเลยนึกว่ามึงหมายถึงการเลี้ยงดูของซืออู๋ตู้สปอยซือชิงเสวียนเกินไป กูเลยไม่เห็นด้วยเพราะในสถานการณ์นั้นถ้าไม่เจอสลับชะตามีแต่แย่กับแย่ ไม่มองว่าเป็นการวปอยเกินเหตุถึงจะเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวลากคนอื่นมาเจอเรื่องเลวร้ายก็เถอะ
>>851 ขอบคุณเพื่อนโม่งมากที่คอยไขข้อข้องใจ ขมตับจริง ยิ่งพวกมึงล้วงลึกถึงสาเหตุต่างๆนานาก็ยิ่งขมตับคูณสิบ เออ เห็นสปอยในทวิตบอกว่าแม่โม่ไม่ได้เขียนว่าเฮ่อเสวียนพาชิงเสวียนไปทำอะไร โผล่มาก็เอาไปทิ้งบนภพมนุษย์แล้วงี้เหรอ จากใจคนชองชิงเสวียน ยัยน้องของกู กูไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
ขยะะฟุ เด็กดี ต้องมีหน้าหี 10 อย่างด้วยกัน
1 ติ้วหีอย่างหนักหนา
2 มือกำรีโมทแอร์มั่น
3 ทำพ่อแม่กลุ้มใจทุกวัน
4 วาจานั้นอย่างกับเดรัจฉาน
5 ยึดมั่นอกตัญญุ
6 มุดอยู่ในรูไม่ทำงาน
7 ต้องศึกษานิยายวายราวกับวิชาการ ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่ครัาน
8 วิปริตราวกับสัตว์
9 ต้องกำหนัดตลอดกาล
ขยะะฟุวาจาห้าวหาญ เชี่ยวชาญเรื่องการติ้วหีอยู่ในรู
อฟช. ขยันปล่อยภาพสวยๆ เซฟแทบไม่ทัน
กระทู้ตกเพราะ... นั่นแหละ เลยมาดันเฉยๆ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>843 เทียนกวาน Part.104
.
.
.
.
.
ฮวาเฉิงสาปฉีหรงเป็นตุ๊กตาล้มลุกแล้วให้กู่จืออุ้ม ก่อนคืนร่างให้อีกฝ่ายกลางถนนเมืองผีปล่อยให้ชาวเมืองช่วยกันหาวิธีนำผีเขียวออกจากร่างที่สิง ขณะที่กู่จือถูกผีสาวๆ พาไปกล่อมนอน เซี่ยเหลียนกับอ๋องผีก็ไปที่อารามเฉียนเติ้งด้วยกัน ทั้งสองใช้เวลาฝึกคัดอักษรอยู่พักหนึ่ง เซี่ยเหลียนจึงเอ่ยว่าหลายวันมานี้ฉีหรงรู้สึกไม่สบาย แต่ยังไม่ทันได้ความจู่ๆ พู่กันในมือฮวาเฉิงก็หล่น อ๋องผีหน้าเครียดมือข้างหนึ่งจับตาขวาที่ไร้ดวงตาของตัวเอง แถมเอ้อมิ่งยังกรอกตาไปมาอย่างบ้าคลั่ง พอเซี่ยเหลียนเข้าไปใกล้ก็ร้องห้ามไว้ บอกให้รีบหนีเขาไป
ตอนนั้นเองบรรดาผีในเมืองก็พากันส่งเสียงร้องโหยหวน ด้วยความที่ฉีหรงสิงในร่างคนทำให้ได้ผลน้อยกว่าคนอื่น ผีเขียวจึงอาศัยโอกาสหนีโดยมีกู่จือร้องไห้วิ่งตามไปเพราะกลัวว่าพ่อจะทิ้งตน พอเซี่ยเหลียนออกไปขวางอีกฝ่ายก็จับเด็กเป็นตัวประกัน แต่อีกด้านหนึ่งฮวาเฉิงก็มีท่าทางเหมือนทรมานมาก เซี่ยเหลียนเลยต้องกลับไปดูอาการแล้วก็ถูกอีกฝ่ายกอดไว้แน่นพร้อมบอกว่าเมื่อครู่ตนโกหก ขอร้องว่าอย่าทิ้งเขาไว้ เสียงของผีตนอื่นทำให้อ๋องผียิ่งแย่เลยยกมือเหมือนจะปล่อยพลังใส่ เซี่ยเหลียนจึงรีบกอดตอบ บอกว่าเขาจะไม่ทิ้งอีกฝ่ายแล้วปิดประตูอารามก่อนจะคนตรงหน้าจะทำอะไรลงไป ยังไม่ทันตั้งตัวเขาก็ถูกอ๋องผีอุ้มไปจับกดจูบบนโต๊ะ ผีเขียวที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงแปลกๆ จึงหัวเราะ บอกให้เซี่ยเหลียนระวังตัวด้วยเพราะฮวาเฉิงตอนนี้ก็เหมือนหมาบ้า ส่วนเขาจะไปกระจายข่าวให้พวกนักพรตนักบวชอาศัยช่วงที่เมืองผีอ่อนแอมาจัดการฮวาเฉิง ว่าเสร็จเจ้าตัวก็หนีไป
พลังของฮวาเฉิงถูกถ่ายทอดเข้ามาในร่างจนเซี่ยเหลียนเริ่มรู้สึกไม่ดีเลยพลักออกหนีด้วยความตระหนก แต่อีกฝ่ายก็ตามมาจับเขากดไว้ที่แท่นบูชาอีก พอเซี่ยเหลียนเรียกชื่อก็เหมือนอ๋องผีจะพอได้สติจึงแค่กอดไว้เฉยๆ เซี่ยเหลียนสังเกตได้ว่าพลังของฮวาเฉิงกำลังปั่นป่วน แต่พอเห็นท่าทางทรมานของอีกฝ่ายในที่สุดก็ตัดสินใจดึงอ๋องผีมาแลกลิ้นยอมเป็นแหล่งรับพลังของอีกฝ่ายต่อ ถึงจะถูกคนตรงหน้าใช้มือลูบไปทั้งตัวก็ไม่ได้ต่อต้าน ระหว่างนั้นก็เริ่มรู้ใจตัวเองว่าแท้จริงรู้สึกกับอีกฝ่ายอย่างไร Deep Kiss ดำเนินอยู่ทั้งคืนก่อนที่ฮวาเฉิงจะสลบไป แต่ไม่นานนักอ๋องผีก็ฟื้นขึ้นมา พอเซี่ยเหลียนถามว่าเหตุใดทุกคนในเมืองถึงได้ปวดหัวตัวร้อนกันหมด แต่อีกฝ่ายกลับถามกลับว่าทำไมเมื่อคืนเขาถึงสงบลงได้ เซี่ยเหลียนเลยตอบไปว่าพวกตนได้... ต่อสู้กันอย่างดุเดือด พอได้ยินอย่างนั้นฮวาเฉิงก็มีท่าทีโล่งใจขึ้นมา ก่อนอธิบายว่าที่ตนกับชาวเมืองมีอาการเช่นนั้นเพราะเขาตงลู่ (ทองแดง) เปิดออกอีกครั้ง ทำเอาเซี่ยเหลียนเบิกตากว้างเพราะนั่นหมายความเจวี๋ยตนใหม่ใกล้ถือกำเนิดแล้ว
เซี่ยเหลียนรีบกลับไปสวรรค์ ดูเหมือนทุกคนจะรู้เรื่องกันแล้วจึงมาร่วมประชุมกันที่หอมหายุทธ์ ท่ามกลางเสียงฟ้าผ่าเขาก็เผลอถามขึ้นมาว่าเทพแห่งสายฟ้าเป็นอะไรหรือเปล่า แต่พอมองไปในตำแหน่งที่ประจำของเทพแห่งลม เทพแห่งดิน กับเทพแห่งน้ำก็พบเพียงความว่างเปล่าจนรู้สึกปวดใจ เขาเห็นหลางเชียนชิวที่ไม่ได้เจอกันนาน อีกฝ่ายดูผอมและหมองลงอย่างมาก แต่เมื่อเห็นอดีตอาจารย์ หลางเชียนชิวก็รีบหลบตาเดินหนีไป เซี่ยเหลียนสังเกตรอบห้องก็ไม่พบใครที่พอคุยด้วยได้ ทว่าตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงของเฟิงซิ่นตอบกลับมาว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาตงลู่เปิดออก พอเซี่ยเหลียนมองอีกฝ่ายก็รู้สึกได้ถึงค่ามิตรภาพที่ +++ ขึ้นในใจ เมื่อเห็นตาข้างหนึ่งของเฟิงซิ่นช้ำก็หันไปมองมู่ฉิง แล้วก็พบว่าแก้มของอีกฝ่ายกำลังบวมเป่ง
ทุกๆ หลายร้อยปี ประตูเมืองที่อยู่ในเขาตงลู่จะเปิดออก ส่งผลกระทบต่อพวกผีรวมถือเจวี๋ยตนก่อนๆ บรรดาผีและปีศาจที่ต้องการพลังจะพากันเดินทางไปที่นั่น เมื่อรวบรวมจำนวนได้พอแล้วเขาก็จะปิดลง หลังจากนั้นผีทุกตนก็จะฆ่าฟันกัน และผู้ที่เหลือรอดเป็นคนสุดท้ายก็จะได้เป็นเจวี๋ย ทั้งฮวาเฉิงกับธาราทมิฬล่มเรือต่างก็รับมือด้วยยาก เพื่อหยุดยั้งไม่ให้เกิดเจวี๋ยตนต่อไป จวินอู๋จึงสั่งให้เทพสงครามทุกคนดูแลเขตปกครองของตน ขัดขวางไม่ให้พวกผีเดินทางไปเขาตงลู่ และตอนนี้เรื่องที่ต้องเร่งจัดการด่วนก็คือการจับผีร้ายที่หลบหนีไประหว่างเกิดความวุ่นวายตอนเขาตงลู่เปิดออก เช่นผีเจ้าสาวเซวียนจี วิญญาณตัวอ่อนทารก และเสื้อคลุมอมตะ ไม่ให้ไปอัพคลาสได้ ด้วยความที่ไม่มีเขตแดนของตน เซี่ยเหลียนเลยถามมหาเทพว่าจะให้เขาทำอะไร หลังคิดอยู่พักหนึ่งจวินอู๋จึงบอกให้เขาไปทำงานกับเฉวียนอี้เจิน
Note 1 : ตอนเซี่ยเหลียนบอกว่าสู้กับฮวาเฉิง ห้องเลยเละ กูแบบ จ้ะ สู้กันดุเดือดมากจ้ะ
Note 2 : ยังจำเซวียนจีกี๊กเก่าแม่ทัพเผยกันได้ไหม ตั้งแต่คดีแรกกันทีเดียว แม่โม่ใช้ตัวละครแต่ละตัวคุ้มมากอะ ไม่มีตัวไหนที่ใส่เข้ามาฉากเดียวแล้วเขี่ยทิ้งเลย
.
.
.
.
.
เควสใหม่จะเริ่มละช่ะ นี่กูรื้อฟื้นอยู่ว่ายังเหลือปมอะไรที่ยังไม่เคลียร์บ้าง แต่แหมเสียดายที่ฟาฟาจำการต่อสู้อันดุเดือดไม่ได้ ปัดโถ่! /ตบเข่า
โม่งสปอยมาแล้วววว!! รอทุกวันเลยย
โหยย อยากให้ฮวาเฉิงจำได้ว่ะ ดุเดือดจริงๆนะ พังหมดแล้วเห็นไหม 555555 ขำเฟิ่งซิน กับมู่ฉิงทะเลาะกันอีกละหลักฐานคาตา
ปล.จะเข้าอาร์ตที่4ละชะ เตรียมปวดตับเลยงานนี้
ดันกระทู้
อาร์ค 4 น่าจะสั้นสุดแล้วมั้ง สั้นแต่ปวดตับสุดๆ
...เธอ หัวใจกระดาษ
เบาเบาก็ขาด เบาเบาก็ปลิว
เธอ..หัวใจกระดาษ
เบาเบาก็ขาด
แค่ลมบางเบาก็ปลิว
เคว้งคว้างล่องลอยตามสายลมรัก
ของคนเรื่อยไป แค่เธอพอใจ
ปลิวไปไม่มีพักเลย
หัวใจไม่มีรักเลย ฮู๊ ฮู..
เพื่อนโม่ง กุเพิ่งลองลงด้อมนี้ เพิ่งดูซีรี่ส์กะเมะจบ ช้าไปป่ะวะ ฮรือ โคตรชอบในซีรี่ส์ช่วงเมืองอี้ที่เป็นน้าเว่ยนำแก๊งเด็กไปซน น่ารักกกก
กุขอถามแบบถามโง่ๆเลยนะ เฉินฉิงลิ่งแปลว่าอะไรอ่ะ เฉินฉิงแปลว่าเรื่องราวนี้พอรู้ แต่เติมลิ่งเป็นเฉินฉิงลิ่งแปลว่าอะไรอ่ะ
งงอีกอย่างคือสกิลของเว่ยในร่างน้องโม่อ่ะ พอมาร่างนี้แล้วยังทำอะไรได้อยู่บ้างอ่ะ เห็นในซีรี่ส์ช่วงท้ายยังคุมวิญญาณได้อยู่ แต่วิชามารอื่นๆยังใช้ได้อยู่รึเปล่าอ่ะ อ่านพันทิปมาเห็นบอกย้ายร่างแล้วฝึกจินตานได้ใหม่ด้วย
ในกรณีที่มีการสอบสวนหรือดำเนินคดีโดยรัฐบาลหรืออะไรที่คล้ายกัน ข้าพเจ้าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับกลุ่ม หรือบุคคลที่อยู่ในกลุ่ม ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าตัวข้าพเจ้านั้นเข้ามาอยู่ได้ด้วยสาเหตุอันใด ข้าพเจ้าอาจถูกบุคคลที่สามนำบัญชีของข้าพเจ้ามาเข้ากลุ่มนี้ ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า ข้าพเจ้าไม่ได้สนับสนุนการกระทำที่เกิดจากสมาชิคในกลุ่มนี้ใดๆ
連邦機関などによる調査の場合、私はこのグループまたはその中の人々と関与していません。私はここにどのように住んでいるのか知りません。おそらく第三者によって追加されたものです。このグループのメンバーによる
In case of an investigation by any federal entity or similar, I do not have any involvement with this group or with the people in it, I do not know how I am here, probably added by a third party, I do not support any actions by the members of this group.
En caso de una investigación por parte de cualquier entidad federal o similar, no tengo ninguna participación con este grupo o con las personas que forman parte de él, no sé cómo estoy aquí, probablemente agregado por un tercero, no apoyo ninguna acción por los miembros de este grupo.
Im Falle einer Untersuchung durch eine föderale Einrichtung oder ähnliches habe ich keine Beteiligung an dieser Gruppe oder den Menschen darin, ich weiß nicht, wie ich hier bin, wahrscheinlich von einem Dritten hinzugefügt, ich unterstütze keine Maßnahmen von den Mitgliedern dieser Gruppe.
如果任何联邦实体或类似机构进行调查,我与该团体或其中的人员没有任何关系,我不知道我在这里,可能是由第三方添加,我不支持任何行动由这个小组的成员。
В случае расследования со стороны какого-либо федерального субъекта или аналогичного, я не имею никакого отношения к этой группе или к людям в ней, я не знаю,
सरकार या कुछ इसी तरह की जांच या अभियोजन की स्थिति में मुझे समूह से कोई लेना-देना नहीं है। या समूह के व्यक्ति मुझे नहीं पता कि मैं किन्हीं कारणों से आया था। मैं इस समूह में अपना खाता लाने वाली तीसरी पार्टी हो सकती हूं। मैं इसकी पुष्टि करता हूं मैंने इस समूह में सदस्यों द्वारा की गई किसी भी कार्रवाई का समर्थन नहीं किया।
في حال إجراء تحقيق أو مقاضاة من قبل الحكومة أو شيء مماثل ليس لدي أي علاقة مع المجموعة. أو الأشخاص في المجموعة لا أدري أنني دخلت لأي سبب من الأسباب. ربما كنت طرفًا ثالثًا أحضر حسابي إلى هذه المجموعة. أؤكد ذلك لم أؤيد أي إجراءات يتخذها الأعضاء في هذه المجموعة.
ขอดันหน่อย โทรลเยอัหามู้ไม่เจอ
เควสเขาตงลู่มีอะไรดราม่าไหม กูจะได้เตรียมใจ
อดันหน่อย โทรลเยอัหามู้ไม่เจอ
882Nameless FanboiPosted Feb 04, 2020 at 21:54:40ID:+NixBbKD.s
>>879 กราบเพื่อนโม่งงามๆ
883Nameless FanboiPosted Feb 04, 2020 at 22:08:35ID:r5zekRotwm
>>879 โอ้โห วิชาติดตัวจากร่างเก่า ร่างใหม่ฝึกจินตานได้อีก อะไรจะเทพขนาดนี้นะ โกง นี่มันสกิลโกงชัดๆ
884Nameless FanboiPosted Feb 05, 2020 at 00:21:52ID:Gg2t+/TWY+
เควส
อดันหน่อย โทรลเยอัหามู้ไม่เจอ
882Nameless FanboiPosted Feb 04, 2020 at 21:54:40ID:+NixBbKD.s
>>879 กราบเพื่อนโม่งงามๆ
883Nameless FanboiPosted Feb 04, 2020 at 22:08:35ID:r5zekRotwm
>>879 โอ้โห วิชาติดตัวจากร่างเก่า ร่างใหม่ฝึกจินตานได้อีก อะไรจะเทพขนาดนี้นะ โกง นี่มันสกิลโกงชัดๆ
884Nameless FanboiPosted Feb 05, 2020 at 00:21:52ID:Gg2t+/TWY+
เควส
ดันหน่อย รำคาญพวกโทรลเลือดบวก
เออ แต่กูสงสัย ถ้าสมมติว่าฝึกในร่างน้องโม่จนได้จินตันมาแล้วอย่างนี้วิชามารยังใช้ได้มั้ยวะ ยังคุมเวินหนิงได้มั้ย
ขอดันมู้หน่อย โทรลเยอะจังวะ
donetee
ดันๆๆๆๆ
ดันนนนนนนนน
เห็นชอบมีคนพูดถึงฉฉลแบบthe movieนี่คือมโนเอาว่าจะมีใช่ป่ะ ไม่ได้มีอะไรอฟช
ดันนนนนน
ดันนนนน
ดันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>864 เทียนกวาน Part.105
.
.
.
.
.
เพราะเฉวียนอี้เจินไม่มาประชุม จวินอู๋เลยบอกเซี่ยเหลียนว่าหากตามตัวอีกฝ่ายได้แล้วจะบอกให้ไปหา ด้วยอากาศที่เริ่มเย็น ขากลับเซี่ยเหลียนเลยแวะซือเสื้อคลุมตัวใหม่ให้หลางอิ๋งด้วยเงินที่ได้จากการเก็บขยะขาย ก่อนหน้านี้อารามผูจี้มีกันถึง 5 ชีวิต พอเหลือกันแค่ 2 คนเช่นนี้ก็แอบรู้สึกเงียบเหงา เขาเหม่อลอยคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดระหว่างตนกับฮวาเฉิง รวมถึงเรื่องเขาตงลู่จนเกือบทำไฟไหม้อาราม อาหารที่กำลังทำอยู่ในหม้อก็พลอยเสียหายหมด ถึงเขาจะตั้งชื่อให้มันว่าสีสันแห่งความอลหม่าน แต่ก็รู้ดีว่านอกจากอ๋องผีคงไม่มีใครฝืนกินอาหารฝีมือของตนได้ เขาเลยบอกให้หลางอิ๋งนำไปทิ้ง แต่พอไปล้างหม้อกลับมาก็เห็นเด็กชายกินในชามเรียบจึงรีบเข้าไปดูอาการด้วยความตกใจ แต่ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้เป็นอะไร
คืนนั้นเซี่ยเหลียนนอนไม่หลับ ขณะที่กำลังคิดจะออกไปสูดอากาศนอกอารามก็ได้ยินเสียงกุกกักดังขึ้น ใครบางคนแอบเข้ามาทางหน้าต่าง พุ่งไปที่กล่องรับบริจาค ก่อนใส่อะไรบางอย่างลงไป แต่เมื่อหันไปเห็นชามที่วางอยู่บนแท่นบูชา ด้วยความหิวจึงยกชามกินสิ่งที่อยู่ในนั้น ทว่าเพียงวินาทีต่อมาร่างของอีกฝ่ายก็ล้มลง เซี่ยเหลียนรีบจุดไฟ พอเห็นหน้าอีกฝ่ายก็รีบเอาน้ำกรอกใส่ปากให้จนได้สติ
เซี่ยเหลียน : ฝ่าบาทฉีอิง ทำไมท่านถึงได้ไม่รอบคอบเอาของใส่ปากทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรอย่างนี้ล่ะ
เฉวียนอี้เจิน : ก็ข้าจะไปรู้ได้ยังไงกันว่าจะมีคนวางยาพิษใส่อาหารถวายของตัวเองในอารามของตัวเองอยู่ด้วย
เซี่ยเหลียนถึงกับกุมหน้าผาก ถามว่าเป็นอีกฝ่ายใช่ไหมที่เอาทองมาใส่กล่องตั้งแต่คราวก่อน เหตุใดจึงทำเช่นนี้ แต่เฉวียนอี้เจินก็ตอบอย่างชิลๆ ว่าเป็นเพราะเขามีเยอะ ถึงเซี่ยเหลียนพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายอยากตอบแทนเรื่องที่เขาช่วยปิดม่านการแสดงในงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วง เขาที่คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรจึงบอกให้เฉวียนอี้เจินนำทองกลับไป แต่เทพหนุ่มกลับไม่ฟัง ตอนนั้นเองหลางอิ๋งก็ช่วยพูด ทำเอาเซี่ยเหลียนอดตกใจไม่ได้ว่าหลางอิ๋งตื่นตั้งแต่เมื่อไร อีกทั้งยังเริ่มรู้สึกแปลกๆ พอนึกๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่าวันนี้เด็กชายดูพูดมากกว่าทุกที แต่สุดท้ายเขาก็เลือกจะไม่คิดมากแล้วหันไปคุยงานกับเฉวียนอี้เจินว่าพวกตนต้องช่วยกันจับเสื้อคลุมอมตะ
ตำนานของเสื้อคลุมอมตะเล่าถึงเด็กหนุ่มในอาณาจักรโบราณคนหนึ่งซึ่งโง่เขลาอายุสมองไม่ต่างจากเด็ก 6 ขวบ ทว่ากลับมีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้จนนำชัยชนะกลับมาให้บ้านเกิดทุกครั้งที่ออกรบ แต่ด้วยความเขลาทำให้รางวัลที่ได้มามักถูกผู้คนหลอกหลวงเอาไปจนสิ้น ไม่มีบ้านใดอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับเขา และด้วยความโง่งมก็ทำให้ไม่มีหญิงใดอยากสานความสัมพันธ์ อีกทั้งชายหนุ่มที่ไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิงก็ไม้กล้าพูดคุยกับสาวคนใด ถึงอย่างนั้นเขาก็มีอนาคตน่าจะได้ขึ้นสวรรค์เป็นเทพสงคราม ทว่าเขากลับไปตกหลุมรักหญิงคนหนึ่งเสียก่อน หญิงคนนั้นเย็บเสื้อคลุมให้ชายหนุ่มเป็นของขวัญวันเกิด แต่สภาพของเสื้อตัวนั้นกลับไม่ต่างจากถุงกระสอบ ด้วยความที่ไม่เคยมีหญิงคนไหนให้ของตนมาก่อน ชายหนุ่มจึงดีใจมาก เมื่อพบว่าตนใส่มันไม่ได้จึงถามว่าในเมื่อไม่มีแขนเสื้อ เขาจะเอาแขนออกมาได้อย่างไร พอหญิงสาวตอบว่าหากท่านไม่มีแขนก็จะไม่มีปัญหา ชายหนุ่มก็ตัดแขนตัวเองทิ้ง เมื่อถามว่าจะเอาขาออกมาอย่างไร เธอก็ตอบว่าหากท่านไม่มีขาก็ไม่มีปัญหาแล้ว ชายหนุ่มจึงขอให้คนอื่นช่วยตัดขาของตนออก ส่วนคำถามสุดท้ายที่ว่าแล้วเขาจะนำศีรษะออกมาได้อย่างไรก็คงไม่ยากที่จะเดาคำตอบ
เฉวียนอี้เจินเหม่อลอยไม่ค่อยฟัง แต่ดูเหมือนว่าเขาก็รู้จักกับเสื้อคลุมอมตะดี ด้วยความที่มันสามารถจำแลงร่างเป็นเสื้อคลุมแบบใดก็ได้ งานนี้จึงค่อนข้างยากราวงมเข็มในมหาสมุทร ทว่าเพราะมีคนขโมยมันไป อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าว่าหากผีตนใดสัมผัสเสื้อคลุมอมตะก็จะจำแลงร่างเป็นพ่อค้าแล้วนำเสื้อคลุมไปเที่ยวขอแลกกับชาวบ้าน เขาจึงเสนอให้ไปหาข่าวในเมืองด้วยกัน แต่พอเขากับเฉวียนอี้เจินทำท่าจะจากไป จู่ๆ เทพหนุ่มกลับล้มลงอ้วก ท่าทางไม่อาจเดินทางได้ไหว เซี่ยเหลียนจึงต้องลากอีกฝ่ายกลับไปนอนพัก
.
.
.
.
.
โม่งมาแล้วววว รู้สึกสงสารเฉวียนอี้เจิน 55555 อยากมาทำตัวลับๆล่อๆแล้วกินอาหารฝีมืออันโอชะของเตี้ยนเซี่ยเอง ช่วยมิดั้ย!
ปล. หรือว่าที่ผ้าคลุมที่เซี่ยเหลี่ยนซื้อให้หลางอี๋จะเป็นผ้าคลุมผืนนั้น...เห็นหลางอี้พูดมากกว่าเดิม
ดันๆๆ
มึงงงง ม่านฮวาล่าสุดน่ารักมากๆๆๆๆ วั่งเซี่ยนเล่นไล่จับกันแล้ว (กูนึกว่าการ์ตูนญี่ปุ่นตาหวานเลย สลับกันเป็นนางเอก 555) น่ารักจะเป็นลมมมมมมมมม TOT
ดันนนน
ฮวาเฉิงโผล่แล้ว หล่อเหี้ยๆ
จะแยกร่างไปกรี๊ดอันไหนดี ทำจัยลำบาก 😆 นี่ขาดแต่ตัวร้ายที่ยังไม่มา
ดันนนนน
ซางหลางแม่งหล่อจริง ตอนล่าสุดคือมีเขี้ยวด้วย กรี้ดๆๆ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>902 เทียนกวาน Part.106
.
.
.
.
.
วันต่อมา พอเซี่ยเหลียนเห็นหลางอิ๋งมองเฉวียนอี้เจินนั่งที่ประจำของฮวาเฉิงด้วยสายตาไม่เป็นมิตรก็เผลอเรียกเด็กชายว่าซานหลางก่อนรีบเปลี่ยนเรื่องแก้เก้อ จากนั้นเขาก็สั่งให้อีกฝ่ายต้มน้ำเตรียมอาบ ระหว่างที่เด็กชายไปตัดฝืนเพิ่ม เซี่ยเหลียนเลยลงไปแช่ในอ่างก่อน พอหลางอิ๋งกลับมาก็วานไปหยิบม้วนเอกสารมาให้ ตอนแรกอีกฝ่ายรีบปิดประตูออกไป แต่ครู่เดียวก็กลับเข้ามาลากเฉวียนอี้เจินที่นอนหลับลึกอยู่ออกไปข้างนอก เอาผ้ามาพันศีรษะแล้วก้มหัวไปหยิบเอกสารส่งให้เซี่ยเหลียน ขณะแช่น้ำอยู่เซี่ยเหลียนก็ยกแหวนที่ฉวาเฉิงให้มาดู เมื่อสังเกตเห็นดอกไม้เล็กๆ ที่แท่นบูชาก็หยิบขึ้นมาด้วยความรู้สึกคลุมเครือ ตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น หญิงสาวที่อยู่ข้างนอกบอกว่าตนมีเสื้อคลุมใหม่ต้องการหากแลกเสื้อคลุมมือสองสวยๆ ตรงเปะกับเรื่องเล่า เรียกว่าไม่ต้องตามหา ผีที่น่าจะขโมยเสื้อคลุมอมตะไปก็มาหาถึงที่
โชคดีที่ในยามว่างเซี่ยเหลียนจะเปิดคอร์สป้องกันตัวจากผี 101 ให้บรรดาแม่บ้าน ทำให้ไม่มีชาวบ้านคนใดหลงกลไปก่อน เขาสั่งให้หลางอิ๋งไปเปิดประตู และนำเสื้อที่เขาซื้อมาเมื่อวานไปแลก แต่พอหญิงสาวรับมันไปสักพักรั่วเย่ก็เลื้อยออกมาจากเสื้อ เมื่อเธอกระโดดหนีการโจมตีผ้าคลุมที่ปิดใบหน้าส่วนบนก็หลุดออกเผยให้เห็นว่าแม้ใบหน้าครึ่งล่างจะสวยสดใส แต่ครึ่งบนกลับเหี่ยวย่นเหมือนคนชรา เธอคือผีหญิงชราที่กินเนื้อเด็กสาวเพื่อหวังให้ตนอ่อนเยาว์ เฉวียนอี้เจินที่ตื่นพอดีเข้ามาจัดการผีตนนั้นอย่างง่ายดาย แต่เมื่อเซี่ยเหลียนถามว่าเธอคือคนที่ขโมยเสื้อคลุมอมตะหรือเปล่าเธอก็ปฏิเสธ และอ้างว่าได้มันมาจากเมืองผี
เซี่ยเหลียนบอกให้เฉวียนอี้เจินให้คนมาจับผีสาวไป ทว่าอีกฝ่ายกลับบอกว่าตนไม่มีลูกน้องในตำหนักสักคน เขาเลยผนึกผีสาวไว้ในไหแทน แต่เมื่อหันมาสำรวจเสื้อคลุมก็พบว่าอายมารของมันไม่น่าจะอันตรายเหมือนในตำนาน ตอนนั้นเองเฉวียนอี้เจินก็บอกว่าเสื้อคลุมนี้เป็นของปลอมเพราะของจริงที่เขาเคยเห็นมีพลังมากกว่านี้ แต่ยังไม่ทันจะถามว่าอีกฝ่ายเคยเห็นมันจริงหรือ หลิงเหวินก็ติดต่อเขาทางโทรจิตว่ามีข่าวว่ามีผีถือเสื้อคลุมอมตะอยู่ห่างจากอารามผูจี้ไปราว 20 ลี้ พอเซี่ยเหลียนเถามเธอว่าเฉวียนอี้เจินเคยเห็นเสื้อคลุมอมตะจริงหรือเปล่า หลิงเหวินจึงเล่าว่าก่อนหน้านี้เทพสงครามที่ปกครองทิศตะวันตกคืออวิ๋นอวี้ ไม่ใช่เฉวียนอี้เจิน
ก่อนที่อวิ๋นอวี้จะได้ขึ้นสวรรค์ ในวันหนึ่งเขาได้พบกับเด็กเฉวียนอี้เจินซึ่งเป็นเด็กทโมนข้างถนน ด้วยความใจดีจึงขอให้อาจารย์รับอีกฝ่ายเข้ามาดูแลในสำนัก อวิ๋นอวี้ให้ความดูแลศิษย์น้องเป็นอย่างดี ตอนที่ได้ขึ้นสวรรค์ก็พาเฉวียนอี้เจินมาเป็นลูกน้องด้วย แต่ด้วยนิสัยขวางโลก ศิษย์น้องคนนี้จึงสร้างปัญหากับคนอื่นไปทั่วสวรรค์ หากอวิ๋นอวี้ไม่คอยปกป้องคงถูกกระทืบตายไปนานแล้ว จนกระทั่งต่อมาเฉวียนอี้เจินได้ขึ้นสวรรค์มาเป็นเทพชั้นสูงด้วยความสามารถของตัวเอง เพื่อไม่ให้ต้องแย่งเขตปกครองกันทั้งสองจึงตกลงจะดูแลทิศตะวันตกด้วยกัน แต่สุดท้ายเสือ 2 ตัวก็อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ พลังของฉวียนอี้เจินรุดแซงหน้าศิษย์พี่มากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะนิสัยเสียแต่ผู้คนก็เริ่มให้การยอมรับ ตำหนักของเขาใหญ่ขึ้น ผู้ศรัทธามากขึ้น จนชื่อของอวิ๋นอวี้เริ่มถูกผู้คนลืมเลือน และแล้วในวันเกิดของเฉวียนอี้เจิน อวิ๋นอวี้ก็ได้มอบชุดเกราะซึ่งแท้จริงแล้วคือเสื้อคลุมอมตะให้กับศิษย์น้อง
ความสามารถที่โดดเด่นที่สุดของเสื้อคลุมอมตะจะทำให้เมื่อสวมมัน ผู้รับจะตกอยู่ในอำนาจของผู้ทีมอบมันให้ ไม่ว่าจะสั่งอะไรก็จะต้องทำตามทุกอย่าง แม้หลิงเหวินจะคิดว่าอวิ๋นอวี้เพียงต้องการแกล้งศิษย์น้อง แต่เมื่อจวินอู๋สังเกตเห็นว่าเฉวียนอี้เจินสูญเสียสติสัมปชัญญะ ทำตามสิ่งที่ศิษย์พี่พูดทุกอย่าง มหาเทพก็ช่วยแยกเสื้อคลุมออกมา และด้วยความผิดที่ทำร้ายเทพด้วยกันจึงทำให้อวิ๋นอวี้ถูกเนรเทศในทันที พอฟังถึงตรงนี้เซี่ยเหลียนก็ถึงบางอ้อว่าตัวร้ายในละครที่แสดงในงานเทศกาลของเฉวียนอี้เจินก็คืออวิ๋นอวี้ แต่เมื่อดูจากอาการของเทพหนุ่มแล้ว เซี่ยเหลียนก็คิดว่าอีกฝ่ายยังนับถือศิษย์พี่ของตนและเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด
ตอนที่คิดว่าคุยจบ หลิงเหวินก็บอกข่าวตำแหน่งของเสื้อคลุมอมตะอีก 20 กว่าจุดรวด พอถามเรื่องของปลอมจากเมืองผี เธอก็บอกว่าเมืองผีชอบทำของเถื่อนอยู่แล้ว เมื่อพ่อค้าได้ข่าวว่าเสื้อคลุมถูกขโมยก็รีบแอบอ้างเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าจึงทำให้มีข่าวมั่วมากมายต้องคอยไล่ตรวจสอบ แต่ด้วยความที่เซี่ยเหลียนไม่มีพลังทิพย์ ส่วนเฉวียนอี้เจินก็วาดคาถาร่นระยะไม่เป็น ทำให้พวกเขาต้องเดินเท้ากัน และเซี่ยเหลียนก็ถือโอกาสนี้พาหลางอิ๋งไปอัพเลเวลด้วย
.
.
.
.
.
ตัวร้ายกำลังจะมีอนิเมะ แล้วมีม่านฮวาหรือแบบการ์ตูนไปหรือยัง
ดราม่านักวาดเกลียดงานที่ตัวเองวาดใช่ป่ะ
ม่านฮวาของปรมจถึงฉากที่เว่ยอิงขึ้นบนหลังคาทีาปู๋เย่เทียนยังอ่ะ อยากอ่านฉากนั้น
>>920 คำถามนี้ขึ้นกับว่าสปอยส่วนไหน
.
.
.
.
.
เพราะถ้าหมายถึงคนที่อยู่กับเซี่ยเหลียนในสปอยตอนล่าสุด คนนี้คือฮวาเฉิงปลอมตัวมา ส่วนตัวจริงถูกส่งไปอยู่เมืองผีแทน แต่ถ้าหมายถึงว่าหลางอิ๋งตัวจริงคือใคร หลางอิ๋งคือหลานชายคนเดียวของหลางอิง ปฐมกษัตริย์ของหย่งอัน คนที่อยู่ในอาร์คที่ 2
.
.
.
.
.
>>915 ความไม่เป็นมิตรที่ให้เฉวียนอี้เจิน เพราะลืมตัว แถมพี่ทั่นไปนั่งที่เดิมอีก โอ๊ยหนูลูกโคตรน่าหอมหัวจีจีจ้าโม่งสปอยด์
นึกว่าเป็นเทพเเล้วจะจบ เผลอที่มาก่อนเป็นเทพนี่โคตรคลุมเคลือ พอมาเป็นเทพก็ยังสร้างเรื่องกันอีกมากมาย เทพของแม่โม่นี่จริงๆเเล้วมันมนุษย์ ver.มีพลังวิเศษชัดๆ มีความลืมคาถาไปอี๊กกกก
ดันจ้า
0000000
ดันๆๆ
เจอกันในopen chat
โม่งสปอยล์ตามไป openchat ด้วยนะ TOT ยังอยากอ่านสปอยล์อยู่
ที่นี่แม่งไม่ปลอดภัยแล้ว เหนื่อยใจ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>915 เทียนกวาน Part.107
.
.
.
.
.
พวกเซี่ยเหลียนเดินทางได้ไม่เท่าไรก็เจอกับผีกระดูกหามเกี้ยวที่ฮวาเฉิงเคยส่งมารับเซี่ยเหลียน อีกฝ่ายอ้างว่าพวกตนว่าง หากรีบเดินทางอยู่ก็จะให้ความช่วยเหลือ พวกมันยอมให้หลางอิ๋งกับเซี่ยเหลียนนั่ง แต่ปฏิเสธเฉวียนอี้เจิน เทพหนุ่มจึงพยายามวิ่งตามแต่สุดท้ายก็ไปถึงที่หมายโดยไม่ได้นั่ง พอเข้าไปยังบ้านร้างก็เจอกับชายใส่หน้ากากที่มีคำสาปพันธนาการซึ่งซือชิงเสวียนเคยบอกว่าน่าจะคืออวิ๋นอวี้ เซี่ยเหลียนลองถามชื่อของอีกฝ่ายดู แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง อีกฝ่ายจับพวกผีที่ทำนำเสื้อคลุมอมตะปลอมมาหลอกขาย และรวบรวมเสื้อต้องสงสัย 98 ผืนไว้เสร็จสรรพ ทั้งยังเสริมว่าหากหาได้อีกจะรีบส่งมาให้ เพราะฮวาเฉิงไม่อยากให้เซี่ยเหลียนต้องมาเสียเวลากับเรื่องเล็กๆ แบบนี้ พอถามว่าอ๋องผีเป็นอย่างไร ชายใส่หน้ากากก็บอกว่าเจ้านายของตนกำลังยุ่งมาก
พอชายใส่หน้ากากจากไปไม่นาน เซี่ยเหลียนก็หันไปเห็นเงาคนไร้ศีรษะเดินอยู่ในกลุ่มเสื้อผ้า ตอนนั้นเองบรรดาเสื้อคลุมผีก็บินว่อนเพราะอิทธิพลจากเขาตงลู่ ขณะที่กำลังวุ่นวายกันเขาก็เห็นว่ามีเสื้อคลุมบางตัวบินออกไปข้างนอก เมื่อจับกลับมาครบก็ลองให้เฉวียนอี้เจินกับหลางอิ๋งไล่สวมโดยมีเซี่ยเหลียนลองออกคำสั่งให้ทำตาม แต่ลองเท่าไรก็ยังไม่เจอ เซี่ยเหลียนเลยติดต่อหลิงเหวินให้ส่งคนมาช่วยดู ซึ่งเธอก็อาสามาด้วยตัวเอง ตอนนั้นเองเซี่ยเหลียนก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ข้างหน้าปรากฏเงาของชายร่างสูงซึ่งยังมีหัวอยู่ครบ มันยืนนิ่งอย่างไม่ยี่หระ แต่เมื่อลมพัดมาก็ค่อยๆ จางหายไป พร้อมกันนั้นหลิงเหวินก็มาถึงพอดี เซี่ยเหลียนรีบเล่าให้อีกฝ่ายฟังว่าเมื่อครู่วิญญาณที่น่าจะเป็นเสื้อคลุมอมตะตัวจริงปรากฏตัว ทำให้อีกฝ่ายงงเพราะมันไม่เคยแสดงตัวให้ใครเห็นมาก่อน หลิงเหวินเสนอว่าตนจะนำเสื้อทั้งหมดกลับไปตรวจสอบบนสวรรค์ แล้วเสริมว่าพวกเซี่ยเหลียนจำเป็นต้องส่งเสื้อคลุมที่ใส่ในคืนนี้ไปให้ตรวจสอบด้วย เพราะอายมารของเสื้อคลุมอมตะส่งผลต่อเสื้อธรรมดา
วันต่อมาเซี่ยเหลียนก็จัดการรวบรวมเสื้อคลุมทั้งหมดเดินทางไปยังตำหนักหลิงเหวิน บอกว่าไม่แน่ใจว่านำมาครบหรือเปล่า หลิงเหวินจึงลองนับเร็วๆ แล้วเธอก็บอกว่ามีเสื้อตกหล่นไปตัวหนึ่งจริงๆ ก่อนถามว่าไม่ได้ลืมเสื้อที่พวกหลางอิ๋งใส่ใช่หรือไม่ แต่เซี่ยเหลียนกลับไม่รีบกลับไปนำมา เขาบอกว่าตนคิดมาตลอดว่าคงไม่มีผีที่ไหนกล้าเข้าไปในหอมหายุทธ์ และหากจะมีใครเข้าไปขโมยของในนั้นอย่างชิลๆ ก็คงมีแค่จวินอู๋กับหลิงเหวิน อีกทั้งผีที่มาขอแลกเสื้อก็บอกชัดว่าต้องการแลกเสื้อมือสองเหมือนว่าต้องการเสื้อมือสองที่อยู่ในอารามของเขา
เมื่อคนร้ายขโมยเสื้อคลุมมาก็คงรีบนำไปซ่อนในภพมนุษย์และคอยดูอยู่ห่างๆ และด้วยสกิล Luck E ของเซี่ยเหลียนก็ทำให้เขาไปเจอกับมันเข้า มันคือเสื้อที่เขาซื้อกลับไปให้หลางอิ๋งนั่นเอง ผีตนนั้นถูกส่งมาเป็นเหยื่อล่อให้เขาต้องรายงานเรื่องกับหลิงเหวิน เธอจะได้อ้างว่าต้องนำเสื้อทั้งหมดในอารามมาตรวจสอบ แต่เฉวียนอี้เจินดันอยู่ด้วยพอดีทำให้พวกเขารู้ทันทีว่าเสื้อไม่ใช่ของจริง เมื่อผีถูกจับได้ หลิงเหวินก็รีบโยนงานมาให้เขาทันทีเพื่อที่เขาจะต้องไปทำงานแล้วทิ้งหลางอิ๋งไว้ที่อารามคนเดียว หลิงเหวินแย้งว่าหากเสื้อที่หลางอิ๋งใส่คือเสื้อคลุมอมตะจริงๆ ทำไมเซี่ยเหลียนจึงไม่สามารถสั่งอีกฝ่ายได้ เซี่ยเหลียนจึงบอกว่าความจริงแล้วเสื้อที่ตนนำมาตกหล่นไปเป็น 10 เทพสาวจึงขอลองนับใหม่และบอกว่าเธอพลาดไปจริงๆ แต่เซี่ยเหลียนก็จี้ว่าในเมื่อเธอนับแบบส่งๆ เหตุใดถึงรีบถามถึงเสื้อของหลางอิ๋ง ทั้งๆ ที่เสื้อของหลางอิ๋งก็อยู่ในกองนี้ หลิงเหวินพยายามอ้างว่าตนเบลอจนดูพลาดไป แต่เขาก็บอกีอกว่าความจริงเสื้อที่เขาอ้างว่าเป็นของหลางอิ๋งไม่ใช่ของเจ้าตัวจริงๆ หลิงเหวินเลยถามเหตุใดจึงต้องลงทุนปลอมเสื้อด้วย แต่เซี่ยเหลียนก็จี้ต่อว่าเขาไม่ได้ทำเสื้อเลียนแบบ แค่หยิบส่งๆ จากในกองขึ้นมา พอเขาถามเทพสาวว่าเสื้อที่หลางอิ๋งใส่เมื่อวานมีสีอะไร เมื่ออีกฝ่ายตอบไม่ได้เขาก็สรุปได้ทันทีว่าเป็นเพราะเธอเห็นหลางอิ๋งสวมถุงกระสอบ เสื้อคลุมอมตะสามารถจำแลงร่างได้มากมาย แต่ในสายตาของผู้สร้างยังไงก็จะมองเห็นเพียงร่างจริงของมัน ด้วยเหตุนี้เธอจึงมองออกแต่แรกว่าในเสื้อกองนี้ไม่มีเสื้อที่หลางอิ๋งใส่เมื่อคืน ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว หญิงสาวที่เย็บถุงกระสอบสร้างผีเสื้อคลุมอมตะ และขโมยมันออกมาจากหอมหายุทธิ์คือเทพอักษร หลิงเหวินเจินจวิน
.
.
.
.
.
ว่าแต่หลิงเหวินนี่มุมมืดน่ากลัวใช้ได้แหะ..
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>937 เทียนกวาน Part.108
.
.
.
.
.
พิจารณาจากตำนานเสื้อคลุมอมตะทำให้คาดได้ว่าหลิงเหวินสร้างมันหลังจากเป็นเจ้าหน้าที่สวรรค์แล้ว ด้วยการที่มันฆ่าคนไปมากกว่า 500 คน แถมเทพสาวยังปลิดชีวิตของคนที่อนาคตจะได้เป็นเทพให้เป็นผีสิงในนั้น ความผิดนี้คงไม่อาจละเว้นโทษได้ เซี่ยเหลียนรู้จักกับหลิงเหวินมาหลายร้อยปี แม้จะมีสัมพันธ์กันแค่เรื่องงาน แต่ก็เป็นมิตรภาพอันดี หลังขึ้นสวรรค์ครั้งที่ 3 ในขณะที่เทพองค์อื่นดูถูกเขาว่าเป็นเทพเก็บขยะ หลิงเหวินกลับไม่เคยทำเช่นนั้น ทั้งยังคอยให้ความช่วยเหลือมาตลอด ทำให้เซี่ยเหลียนเองก็อดรู้สึกปวดใจไม่ได้ พอเขาถามหลิงเหวินว่าเหตุใดเขาจึงไม่สามารถสั่งหลางอิ๋งที่สวมเสื้ออยู่ได้ เธอก็ขอแลกเปลี่ยนด้วยการให้เขาพาเธอไปพบกับเสื้อคลุมอมตะก่อน เพราะเธอเองก็ไม่ได้เห็นไป๋จิง วิญญาณที่อยู่ในเสื้อคลุมมานานมากแล้ว
ทั้งคู่เดินมาตามถนนบนสวรรค์โดยไม่ให้ใครเห็นว่าเขาให้รั่วเย่มัดข้อมือหลิงเหวินไว้ ระหว่าทางพวกเขาก็เจอกับเผยหมิงเข้าพอดี แม่ทัพเผยจึงเอ่ยเตือนเทพสาวให้ระวังตัว เพราะเขาเห็นใครเดินคู่กับเซี่ยเหลียนแล้วต้องเกิดเรื่องทุกที ที่อารามผูจี้นอกจากหลางอิ๋งแล้ว เซี่ยเหลียนยังได้พบกับเฉวียนอี้เจินที่แอบมาหยอดทองลงในกล่องรับบริจาคอีก เมื่อเห็นเสื้อคลุมอมตะหลิงเหวินก็ขอเวลาอยู่กับมันตามลำพัง เซี่ยเหลียนจึงหันไปทำอาหาร เขาเรียกให้หลางอิ๋งมาช่วยผัก ระหว่างนั้นก็ลองถามว่าในบรรดาเทพกับผีที่เคยมาอารามใครหล่อที่สุด หลางอิ๋งตอบว่าเซี่ยเหลียน แต่เมื่อเซี่ยเหลียนบอกให้ตอบคนอื่นนอกจากเขา หลางอิ๋งก็ตอบว่าคนที่ใส่เสื้อสีแดง พอถามว่าใครแข็งแกร่งที่สุด รวยที่สุด คนที่ชอบที่สุด อีกฝ่ายก็ตอบเช่นเดิม ทั้งยังให้เชิญอ๋องผีมาที่อารามอีก แต่เซี่ยเหลียนก็บอกว่าตอนนี้อีกฝ่ายงานยุ่งมาก หากไปเรียกมาจะเป็นการรบกวน
หลังเคี่ยวอาหารในหม้ออยู่นาน และเห็นหลิงเหวินยังอยู่ในอารามดี เซี่ยเหลียนก็ไปหยิบกระดาบกับพู่กันมาให้หลางอิ๋งลองเขียนอักษร หลังจากมือแข็งอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดหลางอิ๋งก็ยอมแพ้กล่าวขอโทษด้วยเสียงของฮวาเฉิง ส่วนเซี่ยเหลียนก็หัวเราะขำ บอกว่าอีกฝ่ายปลอมตัวไม่เนียนทำนิสัยเหมือนเดิม อีกทั้งนอกจากอีกฝ่ายแล้วจะมีใครกินอาหารฝีมือของเขาได้อีก แต่การได้พบกับอ๋องผีอีกก็ทำให้เขารู้สึกถึงความสุขอันเรียบง่ายอีกครั้ง
เมื่อเซี่ยเหลียนถามถึงหลางอิ๋งตัวจริง ฮวาเฉิงก็บอกว่าเขาส่งอีกฝ่ายไปเป็นแขกที่เมืองผี ตอนนั้นจู่ๆ หลิงเหวินก็เดินเข้ามาในครัวเพราะได้กลิ่นแปลกๆ พอรู้ว่าเซี่ยเหลียนทำอาหารเธอก็บอกว่าของในหม้อน่าจะกินไม่ได้แล้ว หลังจากนั้น 2 ชม. เซี่ยเหลียน ฮวาเฉิง หลิงเหวิน กับเฉวียนอี้เจินก็มานั่งรอบวงโต๊ะกินข้าว พอเห็นลูกชิ้น เฉวียนอี้เจินก็ถามว่าทำไมของในหม้อที่เซี่ยเหลียนต้มก่อนหน้าถึงกลายเป็นสิ่งนี้ไปได้ เซี่ยเหลียนเฉไฉไปว่ามันมีชื่อว่าลูกชิ้นพรหมจรรย์ไม่เลือนหาย พอเฉวียนอี้เจินถามประโยคเดิม เขาก็ตอบว่าการทำลูกชิ้นต้องกะกำลังให้ดีจึงใช้เวลานาน เมื่อเฉวียนอี้เจินทวนคำถามเดิมเป็นครั้งที่ 3 เซี่ยเหลียนจึงค่อยยอมรับว่ามีปัญหาในการคุมไฟน้ำแกงในหม้อเลยระเหยไปหมด ก็เลยเปลี่ยนมาทำลูกชิ้นแทน
พอเห็นฮวาเฉิงในร่างหลางอิ๋งกินลูกชิ้นแถมบอกว่ารสอ่อน หลังจากคิดสักพักเฉวียนอี้เจินก็คีบมากินบ้าง แต่พอเข้าปากหน้าของเทพหนุ่มก็ซีดขาวก่อนล้มตึงหมดสติ เซี่ยเหลียนยังคงยิ้มทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมอ๋องผียังให้ท้ายว่าสงสัยกินเร็วเกินไป ส่วนหลิงเหวินหันไปกินหมั่นโถวแทน ฮวาเฉิงโทรจิตมาคุยกับเซี่ยเหลียนว่าการที่อีกฝ่ายพาคนอมหิตไร้หัวใจอย่างเทพสาวมาด้วย เดี๋ยวเธอจะต้องหาทางหาคนมาช่วยแน่ๆ และคนๆ นั้นน่าจะไม่ใช่เผยหมิง เพราะหากแม่ทัพเผยรู้ความจริงก็คงไม่เข้ามาขัดขวางเซี่ยเหลียน แต่จู่ๆ เขาก็บอกให้เซี่ยเหลียนระวังตัว ได้ยินดังนั้นเซี่ยเหลียนจึงมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งกลุ่มนักพรต นักบวชกว่า 50-60 คนกำลังเข้ามาในหมู่บ้านผูจี้ ในตัวมีอุปกรณ์พลังทิพย์ครบมือพร้อมบวกเป็นอย่างมาก หรือว่านี้จะเป็นฝีมือของฉีหรงที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศว่าจะไปตามคนมาจัดการฮวาเฉิงกัน
.
.
.
.
.
ดันนนนน เงียบเหงามั้กๆ
สรุปตอนจบในเรดิโอเว่ยอิงพกสุยเปี้ยนไปมาใช่ป่ะ จินตันกลับมาแล้วสินะ ฮรือออ กระบี่เว่ยอิงนี่เก่งมากจนมีแต่คนอยากประลองด้วยเลยใช่ป่ะ อยากเห็นตอนพิเศษเว่ยอิงใช้กระบี่เลย คิดถึงเว่ยอิงโชว์เทพ
เมิงตามทวิตเฟอเรตกับน้องหมาป่ากันไหม ฮีลลิ่งจังวะ แม่งละมุ้นงุ้งงิ้งหงิงๆๆๆๆ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>949 เทียนกวาน Part.109
.
.
.
.
.
ฮวาเฉิงขอโทษที่นำความวุ่นวายมาให้ บอกว่าจะตนล่อพวกนักบวชไปที่อื่นเอง แต่เซี่ยเหลียนพอเดาได้ว่าพลังของอีกฝ่ายยังไม่เต็มร้อยเพราะผลจากเขาตงลู่ และที่จำแลงเป็นหลางอิ๋งซึ่งตัวเล็ก ส่วนหนึ่งก็เพื่อเซฟพลังไว้ไม่ให้คลั่ง เขาจึงสั่งห้ามอ๋องผีแล้วออกไปรับหน้าพวกนักบวชเอง นักบวชบอกชาวบ้านว่าอารามผูจี้มีผีร้ายสิงอยู่ เซี่ยเหลียนจึงบอกว่ามีผีอยู่ในอารามจริงๆ แล้วหยิบไหที่ผนึกวิญญาณผีหญิงชราออกมาให้ แต่พวกนักบวชก็บอกว่าที่พวกตนหาอยู่ไม่ใช่ผีลูกกระจ๊อกเช่นนี้ ตอนนั้นเองนักบวชที่แต่งกายหรูหราก็บอกว่าตนคือเนตรสวรรค์ มีตาที่ 3 บนหน้าผากสามารถมองเห็นอายมารจากร่างของเซี่ยเหลียน แต่แล้วเนตรสวรรค์ก็บอกว่ามีอะไรแปลกๆ เพราะดูดีๆ เซี่ยเหลียนก็มีอายทิพย์อยู่ หากแต่ก็มีอายมารเช่นกันโดยเฉาพะที่ริมฝีปาก เซี่ยเหลียนจึงเข้าใจทันทีว่าน่าจะเพราะเรื่องน่าอายในอารามเฉียนเติ้งกับฮวาเฉิงในคืนนั้น เลยแถไปว่าเป็นเพราะตนนำไหผนึกผีมาใส่แตงกวาดองแล้วกินต่างหาก แต่กลุ่มนักบวชก็ยังดึงดันบุกเข้าไปในอารามอยู่ดี
เซี่ยเหลียนรีบกลับเข้าไปคว้าเฉวียนอี้เจิน ขู่ว่าจะเอาลูกชิ้นพรหมจรรย์ยัดปากอีกฝ่าย ได้ยินดังนั้นเทพหนุ่มก็รีบเปล่งออร่าเทพป้องกันร่างของตน แสงทิพย์สาดเข้าเนตรสวรรค์จนตาที่ 3 ใช้งานไม่ได้ ขณะที่เซี่ยเหลียนคว้าจานลูกชิ้นมาถือไว้ ฮวาเฉิงก็ใช้พลังสร้างบาเรียไม่ให้พวกนักบวชเข้ามาข้างใน สร้างเสียงข่มขู่จากท้องฟ้า แม้จะกลัว แต่พวกนักบวชที่รู้ว่าพลังของฮวาเฉิงถูกผนึกไว้ส่วนหนึ่งก็ยังบอกให้อีกฝ่ายยอมแพ้พวกตนแต่โดยดี เซี่ยเหลียนรีบเข้าไปจับตัวฮวาเฉิงไว้ บอกว่าตนจะจัดการทุกอย่างเอง เขาอุ้มฮวาเฉิงที่ร่างกายค่อยๆ เล็กลงไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วออกไปต่อว่าที่พวกนักบวชว่าเชื่อสิ่งที่ผีเขียวบอก แต่พวกนักบวชบฏิเสธ กล่าวว่าพวกตนจะไปเป็นพวกเดียวกับผีได้อย่างไร ก่อนพุ่งมาพร้อมบวกกับเซี่ยเหลียนที่คิดปกป้องผี ทว่าเทพจะทำร้ายมนุษย์ไม่ได้ เซี่ยเหลียนเลยต้องเรียกรั่วเย่มาใช้
พอรั่วเย่พ้นมือปุ๊บ หลิงเหวินก็ฉีกสัญญา กล่าวลาขอตัวทันที เซี่ยเหลียนจึงเข้าใจได้ทันทีว่าคนที่ปล่อยข่าวให้พวกนักบวชมาที่นี่แท้จริงแล้วก็คือเทพสาว เขารีบบอกให้เฉวียนอี้เจินจับเธอเอาไว้ แต่แล้วเทพหนุ่มก็ถูกซัดทะลุหลังคา เงาของชายร่างสูงเดินออกมาจากอาราม แต่เมื่อมองดีๆ จึงรู้ว่านั่นคือหลิงเหวินที่สวมเสื้อคลุมอมตะอยู่ เมื่อเซี่ยเหลียนแทงฟางซิ่นใส่ เธอก็เพียงใช้แขนเสื้อปัดออก ด้วยความที่ไป๋จิง วิญญาณในเสื้อคลุมมีความสามารถเกือบได้เป็นเทพจึงทำให้เธอที่เป็นเทพสายบุ๊น สู้กับเทพสายบู๊ได้อย่างสบาย
หลิงเหวินพยายามสั่งให้เสื้อคลุมหยุดสู้แล้วรีบหนี แต่ไป๋จิงก็ยังใช้ร่างของเธอสู้กับเฉวียนอี้เจินต่อจนกำแพงอารามเกือบทลาย พอพวกนักบวชกรูกันเข้ามาล้อมเซี่ยเหลียนในที่สุดกำแพงก็พัง สร้างความชีช้ำให้เซี่ยเหลียนจนฮวาเฉิงต้องปลอบ เมื่อเนตรสวรรค์เข้ามาปรามาศว่าเป็นนักบวชกลับช่วยเหลือผี นับถือเทพองค์ไหนกัน เซี่ยเหลียนก็คำรามเสียงดังว่าเขาไม่นับถือเทพองค์ไหนทั้งนั้น เพราะว่าเขาคือเทพตัวจริงเสียงจริง ได้ยินดังนั้นพวกนักบวชก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตะลึง เซี่ยเหลียนจึงสบโอกาส บอกลืมคำพูดเมื่อกี้กันไปนะจ้ะ แล้วดีดลูกชิ้นใส่ปากเรียงตัว คนที่ไหวตัวทันเอาอาวุธกันไว้ก็พบว่าลูกชิ้นพุ่งรุนแรงราวใช้เน็นสายเสริมพลัง แล้วเซี่ยเหลียนก็ประกาศก้องว่ามันคือลูกชิ้นพรหมจรรย์ไม่เลือนหายในตำนาน หากไม่รีบดื่มน้ำสะอาด 81 ถ้วยภายใน 1 วันจะต้องท้องระเบิดตาย พวกนักบวชจึงหนีไปแก้พิษกันอย่างว่องไว อีกด้านหนึ่งหลิงเหวินยังพยายามห้ามไป๋จิงไม่ให้ทำร้ายเฉวียนอี้เจินมากกว่านี้ เห็นเธออ้าปากปุ๊บ เซี่ยเหลียนก็ซัดลูกชิ้นใส่ปากปั๊บ ทำเอาเธอทำท่าเหมือนจะขย้อน อีกทั้งอายมารจากเสื้อคลุมอมตะก็ปลิวหายในทันที แล้วเธอก็รีบหนีโดยมีเฉวียนอี้เจินตามไป แต่พอเซี่ยเหลียนจะตามไปด้วยเขาก็ถูกนักบวชอีกกลุ่มมาขวางทางไว้ เขาจึงบอกให้ฮวาเฉิงกอดตนแน่นๆ แล้วอุ้มอีกฝ่ายโกยหนีไปอีกทาง ก่อนรีบใช้โทรจิตบอกในเครือข่ายสวรรค์ว่าหลิงเหวินหนีไปพร้อมใส่เสื้อคลุมอมตะไว้
Note 1 : เซี่ยเหลียนควรเปลี่ยนอาวุธจริงๆ นะ
Note 2 : ถ้าไม่ติดว่าเป็นแนวจีนโบราณ กูอยากเอาอันนี้เป็นเพลงประกอบฉากตอนนี้มาก https://youtu.be/4Diu2N8TGKA?t=17
.
.
.
.
.
เพื่อนโม่งไปทำอิ้งเทียนกวานกันที่ไหนวะ โม่งสปอยล์ทำกุอยากไปดำอิ้งแต่หาไม่เจอว่ะ ที่เจอก็มีแต่ตามโม่งสปอยล์ไม่ทัน ใบ้คีย์เวิร์ดให้กุทีพลีส
อ่านไปแล้วขำก๊ากอ่ะ อะไรจะโบ๊ะบ๊ะกันขนาดนี้ 5555555 ฮวาเฉิงเอ้ยยยยยลูกกกกกก ชอบตอนที่นางปลอบพี่เซี่ยตอนอารามพังอ่ะ
อารมณ์พี่แกตอนนั้นถ้าพูดได้คือ 'กูนี่แหละเทพตัวจริงโว้ยย!' โบ๊ะบ๊ะจริงให้ตายสิ พี่เซี่ยควรเปลี่ยนไปสายทำอาวุธยาพิษอ่ะน่าจะรุ่งนะสายนี้
หลานเอ้อเกอเกอกลายเป็นหลานโอนี่จังไปแล้ววววว
ที่มาของความดวงซวยของเซี่ยเหลียนคืออะไรวะ
ขอถามด้วยคน ทำไมเซียเหลียนต้องพันผ้าสีขาวอยู่ตรงคอ ? (อันนี้ดูจากคาแรกเตอร์ดีไซน์ใน Anime กับ Manhua นะ)
แอบสงสัยว่ามันเป็นแค่ดีไซน์ของชุด ? หรือปิดแผลที่คออ่ะ ?
ทำไมทุกครั้งที่ฟาฟากับเตี้ยนเซี่ยกำลังจะพูดอะไรหวานๆใส่กันแม่งต้องมีอะไรมาขัดทุกทีวะ กุหงุดหงิดดดดดดดดด
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>959 เทียนกวาน Part.110
.
.
.
.
.
เนื่องจากหลิงเหวินเป็น กสทช ดูแลเครือข่ายโทรจิตของสวรรค์ พอเธอทิ้งหน้าที่จึงเกิดความโกลาหล แม้เฟิงซิ่นจะได้ยินเสียงของเซี่ยเหลียน แต่เครือข่ายก็ล่มโดยที่เขาไม่ทันบอกรายละเอียดกับอีกฝ่าย พอเซี่ยเหลียนหันมาสังเกตฮวาเฉิงก็เห็นว่าตอนนี้อ๋องผีมีร่างเหมือนเด็กอายุราว 11-12 ปี หน้าตาก็กลับมาเป็นของเจ้าตัวในเวอร์ชั่นเด็ก น่ารักจนเซี่ยเหลียนหมั่นเขี้ยวบีบแก้มไปทีหนึ่ง แต่ถึงเซี่ยเหลียนจะมีความสุข ฮวาเฉิงกลับดูไม่ปลื้มเท่าไร เพราะเขาอยากแข็งแกร่งกว่าใครเพื่อที่จะได้สามารถทำสิ่งหนึ่งได้
วันต่อมาทั้งคู่ก็มาถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง เซี่ยเหลียนลองถามว่าเฮ่อเสวียนเจอปัญหาเดียวกับฮวาเฉิงหรือเปล่า อ๋องผีเลยเล่าว่าอีกฝ่ายก็ใช้วิธีกินดุแล้วจำศีลเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบ และที่ฉีหรงกินมนุษย์ก็เป็นเพราะพยายามเลียนแบบเฮ่อเสวียนที่อัพเลเวลด้วยการกินผี และที่ชอบห้อยศพกลับหัวก็เป็นเพราะต้องการเลียนแบบฝนเลือดของฮวาเฉิง หากแต่ผีเขียวไม่รู้ว่าเขาสร้างมันอย่างไร เมื่อถามถึงเมืองผี เขาก็บอกว่าเขาทำการปิดเมืองไว้แล้ว น่าจะไม่เป็นปัญหา ก่อนที่เขาจะถามอย่างสงสัยบ้างว่าทำไมเนตรสวรรค์ถึงบอกว่าปากของเซี่ยเหลียนมีอายมารอยู่ เซี่ยเหลียนเลยเปลี่ยนเรื่องรีบจูงอีกฝ่ายเข้าร้านขายเสื้อเพื่อซื้อเสื้อตัวใหม่ให้ฮวาเฉิงที่ตอนนี้เสื้อไม่พอดีตัว แต่ตอนกำลังจะออกจากร้านก็พบว่าพวกนักบวชตามมาถึงเมืองพอดี เซี่ยเหลียนเลยขอเสื้อตัวหนึ่งไปลองในห้องลองเสื้อเพื่อหลบ
ด้วยอิทธิฤทธิ์ลูกชิ้นพรหมจรรย์ทำให้พวกนักบวชต้องคอยเข้าห้องน้ำ กับหาน้ำสะอาดดื่มแก้พิษ (?) พอเนตรสวรรค์ถามชาวบ้านว่าเห็นนักพรตพาเด็กมาหรือเปล่า หลายคนก็มองไปทางร้านขายเสื้อ แต่พอเขาไปกระชากเปิดผ้าม่านห้องลองก็เห็นสตรีกำลังถอดเสื้อออกครึ่งหนึ่ง เมื่ออีกฝ่ายร้องกรี๊ด เอาแขนเสื้อปิดหน้า เขาก็รีบขอโทษบอกบาปก๊ำ บาปกรรม เซี่ยเหลียนครอสเดรสเลยสบโอกาสอุ้มฮวาเฉิงหนีต่อจนไปชนร้านขายของเสียหาย ถูกพวกพ่อค้าตามล่าตัวอีกกลุ่ม พวกนักบวชที่ได้ยินเสียงวุ่นวายรู้ตัวเลยตามมา แต่ด้วยความเชี่ยวชาญศาสตร์และศิลป์แห่งการโกย ทำให้เซี่ยเหลียนสลัดหนีมาได้ในที่สุด
ทั้งคู่เดินมาเจอกับโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งจึงเข้าไปพัก แม้จะอึ้งกับการแต่งกายของเซี่ยเหลียน แต่พนักงานก็ยังให้การต้อนรับอย่างดี ส่วนพวกเซี่ยเหลียนเองพอเห็นบ้านใหญ่โตกลางป่า แต่มีพนักงานแค่ 2 คน แถมมีกลิ่นเลือดจางๆ ก็รู้ว่าที่แห่งนี้เป็นของผี ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังเช่าห้อง เมื่อฮวาเฉิงย้ำกับพนักงานว่าหากมีคนถามหาพวกตนให้บอกว่าไม่เห็น อีกฝ่ายก็รับปากอย่างดี ตอนที่พวกเซี่ยเหลียนกำลังเปิดเข้าห้องบนชั้น 2 พวกเนตรสวรรค์ก็เปิดประตูเข้ามาในโรงเตี้ยมพอดี ขณะที่พวกนักบวชรีบขอเข้าห้องน้ำ และทำท่าจะสั่งอาหาร อ๋องผีก็เจาะรูพื้นแอบส่องพวกเนตรสวรรค์จากในห้อง
พวกเซี่ยเหลียนคิดว่าพวกนักบวชต้องถูกวางยาพิษเพื่อจับกินแน่ แต่พอเนตรสวรรค์เห็นว่าจานสกปรกก็สั่งให้พนักงานไปทำอาหารมาใหม่ แล้วถามพนักงานก่อนว่าเห็นสตรีท่าทางแปลกๆ มากับเด็กชายหรือไม่ ซึ่งพนักงานก็ตอบทันทีว่าอยู่ข้างบน พวกนักบวชจึงพากันเดินขึ้นมาชั้น 2 ทว่ากลับเดินเลยห้องพวกเซี่ยเหลียนไป ก่อนมีเสียงด่าทอด้วยคำหยาบคายจากหญิงสาวดังออกมา พอทั้งสองแอบส่องก็พบว่าอีกฝ่ายคือหลันฉาง ตอนนี้อีกฝ่ายหน้าสดไร้เครื่องสำอางหนาอย่างที่เคย แม้จะมีริ้วรอยที่ตาตามวัย ทว่าใบหน้าของเธอกลับสวยสง่ากว่าตอนแต่งหน้ามากจนเซี่ยเหลียนอดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดเธอจึงแต่งหน้าอย่างนั้น แล้วก็พอเดาได้ว่าเด็กที่มาด้วยจะต้องเป็นวิญญาณตัวอ่อนทารกที่หลบหนีมา
เนตรสวรรค์เปลี่ยนคำถามถามพนักงานว่ามีนักพรตมากับเด็กหรือไม่ พนักงานก็บอกว่าถึงจะไม่มีเด็ก แต่มีนักพรตมาเพียงลำพังอยู่คนหนึ่ง ทั้งหมดก็แห่กันไปที่ห้องๆ หนึ่ง แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็มียันต์พุ่งผ่านช่องประตูมาปักกลางเสาต่อหน้า เนตรสวรรค์คิดได้ว่าอีกฝ่ายมีกำลังน้อยกว่าตอนเซี่ยเหลียนปาอาวุธลับจึงรู้ว่าไม่ใช่คนเดียวกัน เลยขอโทษแล้วพากันลงไปข้างล่าง สั่งให้พนักงานนำแก้วน้ำไปล้างใหม่ พอพนักงานเดินเข้าไปในครัว ฮวาเฉิงก็เจาะรูสังเกตการณ์เพิ่ม พวกเขาจึงเห็นว่าภายในครัวเต็มไปด้วยชิ้นส่วนมนุษย์ และมีชายกำลังกัดกินศพเหล่านั้นอยู่คนหนึ่ง เป็นชายที่ฉีหรงสิงร่างนั่นเอง
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>976 เทียนกวาน Part.111
.
.
.
.
.
ฉีหรงด่าผีที่ไปบังคับมาเป็นลูกน้องที่ไม่สามารถหลอกเหยื่อให้กินอาหารได้ ก่อนบ่นว่าพวกนักบวชช่างเรื่องมาก น่าจับไปให้กินอาหารฝีมือของเสด็จพี่องค์ชายรัชทายาทให้หมด จากนั้นจึงหยิบเนื้อมนุษย์มาโชว์สกิลพ่อครัวหัวป่าก์ เซี่ยเหลียนรีบดีดกรวดผ่านช่องถ้ำมองไปถูกแก้วของเนตรสวรรค์ ทำให้น้ำชากระเด็นไปโดนนักบวชข้างๆ แล้วพิษในนั้นก็ทำให้อีกฝ่ายหน้าไหม้ราวโดนกรด ชั้นล่างจึงเกิดความชุลมุนขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงของหลันฉางกำลังขอร้องใครบางคนไม่ให้จับเธอ พอเซี่ยเหลียนเปิดประตูออกไปก็พบว่านักพรตที่อยู่ในห้องใกล้กันที่แท้ก็คือฝูเหยา ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยว่าแม่ทัพของตนกำลังเดือดร้อน เซี่ยเหลียนเลยถามว่าเกิดอะไรมู่ฉิง แต่ฝูเหยาไม่สนใจแล้วพยายามจับหลันฉางกับวิญญาณตัวอ่อนต่อ เซี่ยเหลียนเลยลงไปที่ครัวเพื่อจับฉีหรงแทน พอเชคห้องเก็บของก็พบกู่จือถูกล็อคไว้ด้านในด้วยสภาพมีไข้สูง ตอนนั้นเองพวกนักบวชก็เข้ามาในครัว เช่นเดียวกับฝูเหยา วิญญาณตัวอ่อน กับหลันฉางจนอลวนกันอีกรอบ สุดท้ายฮวาเฉิงก็เตะแผ่นทองคำซัดกำแพงจนโรงเตี๊ยมถล่มทับพวกนักบวชกับฝูเหยา ทุกอย่างจึงค่อยสงบลง
ในที่สุดฝูเหยาก็จับวิญญาณตัวอ่อนไว้ได้ ก่อนที่หลันฉางจะออกมาจากซากโรงเตี๊ยม ตอนนั้นเองเฟิงซิ่นก็ติดต่อเซี่ยเหลียนมาทางโทรจิต เขาบอกว่าตอนนี้สวรรค์ก็ยังวุ่นวาย เพราะถึงทุกคนจะชอบด่าหลิงเหวินว่าทำงานไร้ประสิทธิภาพ แต่พอได้ลองมาทำงานจริงก็ไม่มีเทพสายบุ๊นคนไหนทำงานได้ถึงครึ่งของเทพสาว แถมเพราะก่อนหลบหนี วิญญาณตัวอ่อนได้กล่าวว่ามู่ฉิงคือคนที่ควักตนออกจากท้องมารดา อีกฝ่ายจึงถูกกักบริเวณเพื่อไต่สวน แต่มู่ฉิงกลับทำร้ายผู้คุมหนีออกมา เซี่ยเหลียนบอกว่าเขาไม่เชื่อว่ามู่ฉิงจะเป็นคนที่ทำเรื่องเช่นนั้น แต่เฟิงซิ่นก็กล่าวว่าตอนนี้ทุกคนเชื่อว่ามู่ฉิงคือคนร้ายไปแล้ว อีกทั้งที่แขนของมู่ฉิงก็มีรอยกัดซึ่งตรงกับรอยฟันของวิญญาณตัวอ่อน แม้อีกฝ่ายจะอ้างว่าตนเคยปะทะกับวิญญาณตัวอ่อนมาก่อน แต่ไม่ใช่คนสังหารอีกฝ่ายก็ดูฟังไม่ขึ้น เซี่ยเหลียนจึงเข้าใจทันทีว่าเพราะอีกฝ่ายเป็นคนสันโดษ พอเกิดเรื่องเลยไม่มีใครเชื่อ จึงตัดสินใจหนีออกมาหาความจริงด้วยตนเอง
ขณะที่เฟิงซิ่นถามที่อยู่ของเซี่ยเหลียน จู่ๆ ฝูเหยาก็เข้ามาถามว่าแอบคุยกับใคร เซี่ยเหลียนเลยแถไปว่าแค่พยายามเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรจิตกลางดู เมื่อเขาไปดูอาการกู่จืออีกครั้งก็อดหันไปด่าฉีหรงไม่ได้ว่าไม่ดูแลเด็กให้ดี คิดว่าที่อีกฝ่ายไม่กินเพราะเนื้อเด็กป่วยไม่อร่อย ด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ เมื่อเห็นเด็กป่วยหลันฉางจึงเข้ามาช่วยดูให้ แต่ฝูเหยาก็เร่งให้อีกฝ่ายตามตนไป เซี่ยเหลียนเลยหันไปสารภาพว่าเขารู้เรื่องที่มู่ฉิงเดือดร้อนแล้วเลยอยากฝากบอกให้อีกฝ่ายกลับสวรรค์ แต่ฝูเหยาปฏิเสธ พูดว่ากลับไปก็มีแต่ถูกใส่ความรับโทษตาย เซี่ยเหลียนเลยบอกว่าเดี๋ยวเขาจะช่วยสืบหาความจริงให้เอง ฝูเหยาจึงเอ่ยว่าเห็นเซี่ยเหลียนสืบเรื่องใคร สุดท้ายก็ซวยทุกคน อีกทั้งเขาก็รู้เรื่องความบาดหมางระหว่างเซี่ยเหลียนกับมู่ฉิงจึงไม่เชื่อใจ เซี่ยเหลียนกล่าวว่าถึงเขาจะคิดว่ามู่ฉิงใจแคบ ชอบดรามา นิสัยเสีย ขี้มโน ไม่เคยพูดจาดีๆ ชอบเหน็บแนม มองคนในแง่ร้าย ไม่มีเพื่อน ชอบคิดเล็กคิดน้อย จู้จี้จุกจิก แต่ด้วยความที่เขารู้จักอีกฝ่ายตั้งแต่เด็ก จึงรู้ว่าถึงอีกฝ่ายอาจแอบถุยน้ำลายใส่แก้วคนที่ไม่ชอบ แต่ก็ไม่มีวันวางยาพิษลงไปแน่นอน
ได้ยินอย่างนั้นฝูเหยาก็โวยวายว่าไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น เซี่ยเหลียนก็แถว่าแค่ยกตัวอย่าง ก่อนบอกให้ฝูเหยาบอกมู่ฉิงให้มาเดินทางกับเขาจะได้แสดงความบริสุทธิ์ได้ว่าไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดี แต่แล้วจู่ๆ ฉีหรงที่กำลังจ้องหน้าหลันฉางก็หัวเราะลั่น กล่าวว่าที่แท้เธอก็คือคุณหนูเจียนหลันเองหรอกหรือ เขาอธิบายให้เซี่ยเหลียนที่ไม่รู้เรื่องว่าเธอคือ 1 ใน หญิงงามของเซียนเล่อ เกิดในตระกูลข้าราชการ แถมยังเกือบได้เข้ามาเป็นสนมให้เซี่ยเหลียนอีกต่างหาก ฝูเหยาเองก็เหมือนจะรู้เรื่องที่หลันฉางเป็นชาวเซียนเล่อ ผีสาวร้องว่าเธอเปลี่ยนชื่อมานานแล้ว อย่าเรียกเธอด้วยชื่อนั้นอีก พอนึกว่าหญิงสูงศักดิ์ อดีตผู้ศรัทธาของตนต้องกลายมาเป็นผีอีตัวก็ทำให้เซี่ยเหลียนพูดอะไรไม่ออก ตอนนั้นฮวาเฉิงก็จับมือของเขาไว้ แม้มันจะเย็นแต่ก็ทำให้เซี่ยเหลียนรู้สึกอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
Note 1 : ที่หลันฉางใส่ความว่าเซี่ยเหลียนเป็นพ่อเด็ก ก็เพราะโกรธแค้นเซี่ยเหลียนที่ทำอาณาจักรล่มสลาย ที่เปลี่ยนชื่อแต่งหน้าหนาๆ ก็เพื่อไม่ให้ใครจำได้เพราะไม่อยากให้ตระกูลเสื่อมเสียที่ต้องขายตัว
Note 2 : ถึงในเรื่องจะไม่มีบอกไว้ตรงๆ แต่กูคิดว่าหลันฉางคือผู้หญิงที่ถูกชายหย่งอันข่มขืนแล้วมาเดินขบวนไล่ชาวหย่งอันในพาร์ท 64 >>191 และเพราะมีราคีแล้ว พอเซียนเล่อแพ้สงครามเลยถูกส่งไปอยู่ซ่อง
.
.
.
.
.
ฮวาเฉิงอบอุ่นมากกกกก
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>979 เทียนกวาน Part.112
.
.
.
.
.
ฉีหรงพูดจาดูถูกเจียนหลันไม่หยุด บอกว่าหลังเซียนเล่อล่มสลายอีกฝ่ายก็ถูกส่งไปอยู่ซ่อง เด็กคงไม่แคล้วเป็นลูกของพวกหย่งอัน ก่อนที่เซี่ยเหลียนจะหันไปด่า เจียนหลันก็พุ่งเข้าไปตบ ถ่มน้ำลายใส่ ด่ากลับผีเขียวแล้ว ตอนนั้นเองเฟิงซิ่นก็ลงมาจากสวรรค์เพราะเป็นห่วงที่จู่ๆ เซี่ยเหลียนก็ตัดการติดต่อไป เขาหันไปชี้ถามว่าเด็กที่อยู่ข้างๆ คือใคร เซี่ยเหลียนเลยแถว่าน่ารักเนอะ ถ้าเขามีลูกต้องน่ารักอย่างนี้แน่เลย ได้ยินอย่างนั้นอ๋องผีก็ยิ้มกริ่มเอ่ยเห็นดีเห็นงาม แล้วจู่ๆ เจียนหลันก็รีบวิ่งหนี เฟิงซิ่นเลยจะยิงธนูใส่ขาสกัดไว้ เห็นแม่จะถูกทำร้าย วิญญาณตัวอ่อนจึงฮึดฝ่าผนึกยันต์ของฝูเหยาพุ่งใส่เฟิงซิ่น เจียนหลันรีบวิ่งกลับมา เรียกลูกชายของตนว่าเฉาเชา ขณะที่ทั้งสองทำท่าจะสู้กัน เจียนหลันก็ร้องห้ามลูกของตนไว้ แต่ธนูของเฟิงซิ่นก็ปักขาของวิญญาณตัวอ่อนตรึงกับต้นไม้แล้ว แต่ขณะที่เจียนหลันพยายามดึงศรให้ลูก เฟิงซิ่นที่เพิ่งสังเกตเห็นหน้าสดของเธอก็ร้องชื่อเจียนหลันออกมาด้วยความตกใจ
เจียนหลันปฏิเสธว่าอีกฝ่ายจำคนผิด แต่เฟิงซิ่นก็ยืนยันว่าเขาจะจำคนผิดไปได้อย่างไร แต่พอนึกว่าตนจำอีกฝ่ายตอนแต่งหน้าไม่ได้ก็พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถามว่าเขานึกว่าเธอแต่งงานมีความสุขไปแล้ว ทำไมถึงได้มีสภาพเช่นนี้ได้ หลันฉางเลยด่าเฟิงซิ่นด้วยคำหยาบคาย บอกให้ช่วยไว้หน้าตนด้วยการทำเป็นไม่รู้จักที พอเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ฉีหรงก็เดาเรื่องราวออกเอ่ยดูถูกเซี่ยเหลียนว่าถูกลูกน้องตีท้ายครัว ส่วนเซี่ยเหลียนเองก็ถึงกับพูดไม่ออก นึกไม่ถึงว่าคนกลัวผู้หญิงอย่างเฟิงซิ่นจะมีคนรัก ฝูเหยาก็มีสีหน้าไม่อยากเชื่อเช่นกัน ตอนนั้นเองเฉาเชาก็หลุดจากศรพุ่งกัดแขนของเฟิงซิ่นจนเลือดอาบ พอเฟิงซิ่นทำท่าจะตีมันออก เจียนหลันก็ร้องห้าม วินาทีนั้นทุกคนจึงเก็ตทันทีว่าว่าแท้จริงแล้วพ่อของวิญญาณตัวอ่อนก็คือเฟิงซิ่น
เจียนหลันรีบร้องว่าเฉาเชาไม่ใช่ลูกของเฟิงซิ่น แม้ตอนแรกเฟิงซิ่นจะมีท่าทางตระหนก แต่พอได้ยินคำพูดของเจียนหลันก็โกรธ ทว่าพอเจียนหลันถามว่าหากเป็นลูกของเขาจริงๆ เขาจะเลี้ยงเฉาเชาเหรอ เฟิงซิ่นก็ไม่สามารถตอบได้ เห็นลูกตัวเองที่เหมือนปีศาจ ทั้งสายตายังมองตนอย่างเกลียดชังก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก เจียนหลันถ่มน้ำลายบอกว่าตนบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ไม่ต้องมากังวลเรื่องนี้อีก แต่ฉีหรงกลับยิ่งกวนน้ำให้ขุ่น บอกว่าเทพที่คนกราบไหว้ขอเด็กกลับปล่อยให้เมียถูกผ่าท้องเอาลูกมาทำกุมาร เซี่ยเหลียนใช้รั่วเย่ปิดปากอีกฝ่าย ส่วนเจียนหลันก็กระทืบหัวของผีเขียวไปหลายที ก่อนที่กู่จือจะได้สติหันไปกอดศีรษะของฉีหรงเอาไว้ ขอไม่ให้เธอทำร้ายพ่อของตนอีก ได้ยินอย่างนั้นเจียนหลันก็หันไปพาลใส่ลูก สั่งให้อีกฝ่ายปล่อยแขนของเฟิงซิ่น แล้วอุ้มลูกวิ่งหนี เซี่ยเหลียนสั่งให้รั่วเย่ตามเธอไป แต่มานึกได้ว่าเขาให้ผ้าแพรมัดฉีหรงไว้อยู่เลยต้องกลับมาจับผีเขียวไว้ แต่เพราะอิทธิพลจากเขาตงลู่ฉีหรงจึงฮึดจนหลุดจากพันธนาการได้ เขารีบเอากู่จือมาเป็นตัวประกันแล้วหนีไปอีกคน ขณะเดียวกันฮวาเฉิงก็เริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดี เซี่ยเหลียนเลยต้องรีบดูอาการ ในที่สุดเฟิงซิ่นที่ยืนตัวแข็งก็รีบไปจับแขนของเจียนหลันไว้ แต่เฉาเชาก็กัดหน้าของเขา ส่วน เจียนหลันก็ขู่เฟิงซิ่นว่าอย่ามายุ่งกับพวกตนอีกแล้วหนีต่อ
เฟิงซิ่นเข่าทรุดนั่งเอามือกุมใบหน้าอาบเลือดไว้ พอเซี่ยเหลียนเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วงก็โวยวายใส่ว่าอย่ามาถามอะไรจากเขา ฮวาเฉิงจึงต่อว่าว่าให้โกรธคนที่ฆ่าลูกเมียสิ เฟิงซิ่นจึงหันไปมองฝูเหยา ฝูเหยาบอกว่าแม่ทัพของตนไม่รู้เรื่อง มู่ฉิงเพียงเห็นว่าเจียนหลันเป็นคนเซียนเล่อ ก่อนหน้านี้เลยคิดให้ความช่วยเหลือ เซี่ยเหลียนพยายามบอกให้เฟิงซิ่นจัดการแผลก่อน แต่เฟิงซิ่นกลับเสียงแข็งว่าตนไม่เป็นไรแล้วจากไปเงียบๆ แม้เซี่ยเหลียนกับฝูเหยาจะเรียกไว้ก็ไม่เป็นผล จากนั้นฝูเหยาจึงตัวไปจัดการจับพวกเจียนหลันต่อ ซึ่งคราวนี้เซี่ยเหลียนก็ไม่ห้ามไว้เพราะสถานการณ์บนสวรรค์น่าจะวุ่นวายมาก หากมู่ฉิงกลับไปก็อาจไม่ใช่เรื่องดี หลังจากนั้นเซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงก็เข้าพักในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เห็นเซี่ยเหลียนนั่งเหม่อ ฮวาเฉิงก็พยายามพูดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเซี่ยเหลียน เซี่ยเหลียนเลยเปิดใจเล่าเรื่องในอดีตให้อีกฝ่ายฟัง
Note 1 : ตอนอ่านครั้งแรกแล้วรู้ว่าเฟิงซิ่นเป็นพ่อเด็กนี่กูช็อคมาก แถมพาลชิปเรือเฟิงมู่ไม่ได้อีกเลย
Note 2 : แต่เฟิงซิ่นนี่อะไรฟะ เมียแต่งหน้าหนาจำไม่ได้ มู่ฉิงมองทีเดียวดูออกเลยนะเว้ย (ถึงมู่ฉิงก็เป็นคนจำหน้าคนแม่นที่สุดในแก็งค
์ทรีโอก็เถอะ) หาว่าเขาสติไม่ดีอีกต่างๆ กูเป็นเจียนหลันนี่โคตรเจ็บ
Note 3 : จำได้ไหมว่าบ้านพ่อค้าที่วิญญาณตัวอ่อนทำร้าย บ้านนั้นบูชาเฟิงซิ่น
.
.
.
.
.
>>986 กูคิดว่าจริงๆ เฟิงซิ่นไม่ได้กลัวผู้หญิง แต่กลัวการอยู่กับผู้หญิงเพราะไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง เฟิงซิ่นเป็นตรงๆ ห่ามๆ ไม่ละเอียดอ่อนไม่ชอบคนขี้งอน พูดจิกกัด ขี้อิจฉา คิดเล็กคิดน้อย ชอบมโน บอกว่าผู้หญิงชอบเป็นอย่างนั้น (คงเพราะโตในวังกับเซี่ยเหลียน เห็นพวกนางสนม นางกำนัล) กรณีมู่ฉิงที่นิสัยอย่างนั้นก็ไม่ชอบ แต่เพราะเป็นผู้ชายเลยด่าได้สะดวกปาก ต่อยเลยก็ได้ แต่ผู้หญิงทำแบบนั้นไม่ได้ก็เลยกลัว กรณีเจียนหลันคือค่อนข้างเป็นคนกล้าพูด กล้าทำ และส่วนมากก็คุยตรงๆ ด่าตรงๆ ไม่คือไม่ เฟิงซิ่นเลยน่าจะโอเคแล้วก็ไม่กลัวเจียนหลันอะ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>982 เทียนกวาน Part.113
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนเล่าว่าเฟิงซิ่นน่าจะคบหากับเจียนหลันในช่วงที่เขาถูกเนรเทศครั้งแรก ในตอนนั้นชีวิตของเขาลำบากมาก สมบัติที่มีถูกเอาไปจำนำหมด ผู้ติดตามก็เหลือเพียงเฟิงซิ่นที่ยังอยู่เคียงข้าง เขามอบผ้าผูกเอวทองคำให้เฟิงซิ่นแม้อีกฝ่ายจะปฏิเสธหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิด แต่เป็นเพราะเขากลัวว่าเฟิงซิ่นจะทอดทิ้งตนไป พวกเขาโตมาด้วยกัน ทั้งเฟิงซิ่นก็เป็นข้ารับใช้ที่เขาไว้ใจ ทว่าที่ผ่านมาเขากลับไปเคยมอบของรางวัลอะไรให้อีกฝ่ายเลย พอนึกถึงภาพมายาของวิญญาณตัวอ่อนซึ่งในห้องมีเครื่องรางของเขาอยู่ ทั้งๆ ที่หลังเซียนเล่อล่มสลายแล้วก็ไม่มีผู้ใดศรัทธาเขาอีก แต่เฟิงซิ่นก็ยังมอบมันให้คนรัก นำไปแจกเป็นกำลังใจให้เซี่ยเหลียนว่ายังมีผู้ศรัทธาอยู่ หลายปีที่เขาไม่เคยรับรู้ว่าเฟิงซิ่นไปชอบใคร ไม่เคยถาม ไม่เคยสนใจ ไม่เคยนึกว่านอกจากใช้ชีวิตอยู่รอบตัวเขาแล้ว อีกฝ่ายก็ยังมีชีวิตเป็นของตนเอง ด้วยสถานการณ์ตอนนั้นที่พวกเขาต้องอดมื้อกินมื้อ นั่นแสดงว่าเฟิงซิ่นต้องรักเจียนหลันมากจึงมอบผ้าผูกเอวให้ เขาเลยกลัวว่าตนจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ฮวาเฉิงกลับบอกว่าเฟิงซิ่นแค่ชอบเจียนหลัน เพราะถ้ารักจริงยังไงก็ต้องหาทางมาอยู่ด้วยไม่ใช่แยกทางกันเช่นนี้ แต่ก็ทำให้เซี่ยเหลียนรู้สึกดีขึ้นบ้าง ขณะที่พวกเขาจำเข้านอน จู่ๆ ฮวาเฉิงก็ลุกพรวดขึ้นมา พอเซี่ยเหลียนมองตามสายตาอีกฝ่ายไปก็พบว่ามีเงาของใครบางคนเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ แต่พออีกฝ่ายเอ่ยเรียกตนขึ้นมาจึงได้รู้ว่าคือจวินอู๋
มหาเทพไม่ได้มีท่าทีต้องการจัดการฮวาเฉิงแต่อย่างใด เขาเรียกให้เซี่ยเหลียนไปคุยกันข้างนอกห้อง แต่ฮวาเฉิงก็กล่าวว่าตอนนี้สถานการณ์ของสวรรค์เป็นอย่างไรทุกคนก็รู้หมดแล้ว ให้พูดตรงนี้ไปเลย จวินอู๋เลยเริ่มว่าตอนนี้สวรรค์ไม่อาจยับยั้งการเปิดของเขาตงลู่ได้แล้ว เทพสงครามที่ควรทำงานนี้อย่างมู่ฉิงก็หนีไป เฟิงซิ่นที่กลับไปสวรรค์ก็บาดเจ็บ อีกฝ่ายสารภาพความจริงทุกอย่างกับมหาเทพ ขอร้องให้มีคำสั่งไม่ให้เจ้าหน้าที่สวรรค์อย่าทำอะไรเจียนหลันกับลูก และด้วยบาดแผล ทำให้จวินอู๋สั่งกักตัวเฟิงซิ่นไว้เพื่อรักษาตัว เฉวียนอี้เจินก็ติดต่อไม่ได้ ตอนนี้จึงเหลือเพียงทางเดียวคือส่งเทพสงครามไปจัดการพวกผีที่เข้าไปในเขาตงลู่ไม่ให้เหลือ
ฮวาเฉิงอธิบายว่าใจกลางของเขาตงลู่จะมีเตาหลอมยักษ์ รอบๆ นั้นมีเมืองร้างอยู่ 7 เมือง การฆ่าจะเริ่มจะวงนอกค่อยๆ กระชับพื้นที่เข้าไปด้านในจึงมีเพียงผีที่เก่งกาจเท่านั้นที่จะไปถึงใจกลาง เมื่อมีผีเข้าไปในเตาจำนวนหนึ่ง เตาก็จะปิด ผู้ที่มีพลังไม่พอจะออกมาจากในนั้นไม่ได้และถูกเผาไหม้ ส่วนผู้ที่ออกมาได้ก็จะได้เป็นเจวี๋ยคนต่อไป เพราะฉะนั้นหากมุ่งไปจัดการผีที่ไปถึงใจกลางก็ไม่ต้องเปลืองแรงเสียเวลาจัดการผีกี้ๆ จำนวนมาก จวินอู๋บอกว่าตนจะเข้าไปในเขาตงลู่เอง ระหว่างนั้นฝากให้เซี่ยเหลียนเป็นผู้ดูแลสวรรค์แทน แต่เซี่ยเหลียนที่ไม่อยากเป็นผู้นำ อีกทั้งรู้ตัวดีว่าไม่มีอำนาจพอให้คนอื่นเชื่อฟังก็ปฏิเสธ บอกว่ามหาเทพจำเป็นต่อการคงอยู่ของสวรรค์ เข้าไปในนั้นจะอันตรายอาจถูกลอบสังหาร จวินอู๋บอกว่าถึงต้องสูญเสียใครไป สุดท้ายก็จะมีคนใหม่ขึ้นมา หากเจวี๋ยตนใหม่เหมือนธาราทมิฬล่มเรือหรือฮวาเฉิงก็ยังพอโอเค แต่ถ้าเหมือนกับหายนะชุดขาวความวุ่นวายต้องบังเกิดแน่ เขาจึงจำเป็นต้องเข้าไปในนั้น แต่แล้วฮวาเฉิงก็เสนออะไรบางอย่างขึ้นมา
สรุปว่าฮวาเฉิงเสนอตัวเข้าไปในเขาตงลู่กับเซี่ยเหลียน ด้วยความที่เขาเคยเข้าไปในนั้นมาก่อน ย่อมเชี่ยวชาญพื้นที่ทำให้ได้เปรียบในสมรภูมิ อีกทั้งก็มีดีลว่าหากเขาสามารถช่วยขัดขวางการเกิดเจวี๋ยตนใหม่ได้ สวรรค์จะต้องแซ่ซ้องสรรเสริญอ๋องผีไปทั้งปี ซึ่งเป็นการหยามหน้าสวรรค์ได้อีกด้วย ถึงเซี่ยเหลียนยังกังวลกับสภาพร่างกายของอีกฝ่าย ฮวาเฉิงก็บอกว่าอีกไม่นานเขาก็จะกลับสู่สภาวะปรกติแล้ว หลังจากนั้น 10 วัน ในที่สุดทั้งสองก็เดินทางมาถึงทางเข้าเขาตงลู่ซึ่งมีผีปีศาจรวมตัวกันอยู่มากมาย
.
.
.
.
.
เผื่อลืมกันไปแล้ว หายนะชุดขาวที่จวินอู๋พูดถึงหมายถึงไป๋อู๋เซียง (เศวตไร้หน้า) ที่ปล่อยโรคหน้าคนใส่เซียนเล่อนะ เป็นเจวี๋ยตนแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมา
>>990 ถ้าให้เซี่ยเหลียนคุมสวรค์กุว่ามีเละ เซี่ยเหลียนดูไม่มีความสามารถด้านการคุมคนจริงๆว่ะ ยังดีที่เจ้าตัวรู้ตัวนะ จวินอู๋ไบแอสเซี่ยเหลียนขนาดไหนวะขนาดจะยกงานคุมสวรรค์ให้เนี่ย
อย่างนึงที่กุผิดคาดนิดหน่อยคือสววรค์กับเมืองผีดูร่วมกันอย่างสงบสุขดีว่ะ ออกจะเกรงใจฟาฟาด้วยซ้ำ ไม่ได้ถึงขนาดจ้องจะเหยียบตีนฟาฟาตอนเผลอ ขนาดฟาฟามันเคยไปไล่ถีบเทพจนตกสวรรค์มาแล้ว33องค์ จวินอู๋ยังพูดเองว่าเจวี๋ยสองนไม่ได้ทำให้วุ่นวายขนาดนั้น
>>992 >>993 สองคนนั้นไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักปลาอะ กรณีเทพ 33 องค์นั้นฮวาเฉิงก็ท้าสู้ตรงๆ แล้วก็คอยคุมผีในเมืองของตัวเองไม่ให้ล้ำเส้น เฮ่อเสวียนถึงจะแอบเข้ามาเป็นสปาย แต่ก็จัดการเฉพาะคู่กรณี (มีหมิงอี้คนเดียวที่ไม่ได้เกี่ยวเล้ย) ตอนแรกเฮ่อเสวียนถูกสวรรค์มองว่าปล่อยๆ ไปก็ได้ด้วยซ้ำ แล้วในเมื่อสองคนนี้ไม่ได้เปรี้ยวมาก ถ้าสวรรค์หาเรื่องไปจัดการมันจะพาลให้เกิดการต่อสู้สูญเสียกันใหญ่โต เลยอยู่คุมเชิงถ่วงอำนาจกันไปอย่างนี้ดีกว่า แล้วก็อย่าลืมว่าถ้าไม่มีผีคอยสร้างความวุ่นวายให้มนุษย์ต้องขอเทพมาช่วยเหลือ พวกมนุษย์ก็จะศรัทธาเทพน้อยลงกว่าที่เป็นอยู่นะ ซึ่งเทพไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
กูว่าเหตุการณ์บังเอิญพอดีไปเปล่าว่ะ เหมือนมีคนคุุม
อห เห็นฮวาเฉิงในม่านฮวาล่าสุดกันยังอ้ะ ใจกุไม่ไหวแล้ว
สำหรับกุรู้สึกว่าฮวาเฉิงยังไม่ใช่อะ ฮวาเฉิงต้องยิ้มตอแหล ปากโค้งเป็นจันทร์เสี้ยว ไม่ได้ยิ้มนิดๆ หล่อๆ แบบนี้ เพราะการที่ฮวาเฉิงยิ้มตอแหลมันมีจุดเชื่อมโยงกับของสิ่งหนึ่ง และตัวละครตัวหนึ่งก็เคยด่าฮวาเฉิงที่ชอบยิ้มแบบนั้นด้วย
ฟุขยะขยะ
ฟุรกโลกขยะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.