Last posted
Total of 1000 posts
ย้ายบ้านไป Open chat หมดแร้วนะะะ https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ย้ายบ้านไป Open chat หมดแร้วนะะะ
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
โทรลลงมู้บ่อยจนต้องย้าย
โทรลจงตามไปปปปปปป
แต่เดี๋ยวเขาเม้าท์อะไรสนุกๆ จะเอามาแปะให้ตลอดๆนะ เผื่อใครไม่สะดวก แต่ถ้าย้ายได่ย้ายไป เม้าท์มันมาก
ไปเจอในกลุ่มนึงมา ฮ่าาาา ถามแบบนี้ได้ไง เดี๋ยว นข มาเห็นก็ช็อก เขายิ่งบอกเป็นความทรงจำไม่ดีของเขาอยู่นะ โปรเจ็กมันล่มไปแล้ว
ยุโรปตะวันตก ได้แก่ ออสเตรีย
เบลเยียม
ฝรั่งเศส
เยอรมนี
ลิกเตนสไตน์
ลักเซมเบิร์ก
เนเธอร์แลนด์
สวิตเซอร์แลนด์
และสหราชอาณาจักร
ยุโรปใต้ ได้แก่ แอลเบเนีย
อันเดอร์รา
บอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา ง
โครเอเชีย
กรีซ
อิตาลี
แมซิโดเนีย
มอลตา
โปรตุเกส
9 วิธีเลี้ยงแมวในบ้าน เลี้ยงอย่างไรให้เจ้าเหมียวแฮปปี้
วิธีเลี้ยงแมวในบ้านให้มีความสุข 9 วิธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จะทำอย่างไรให้เจ้าเหมียวของเราแฮปปี้ได้บ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ
การเลี้ยงแมวในคอนโด ห้องพัก หรือในบ้านมักจะมีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง แตกต่างจากการเลี้ยงแบบปล่อย เพราะมีพื้นที่กว้าง ๆ ให้ได้วิ่งเล่นและเจอสภาพแวดล้อมที่หลากหลายกว่า ดังนั้นแล้ววิธีเลี้ยงเจ้าเหมียวในบ้านจึงค่อนข้างที่จะต้องเอาใจใส่มากขึ้นไม่อย่างนั้นอาจทำให้แมวเหมียวอารมณ์ดีกลายเป็นเหมียวขี้เหงาได้ และสำหรับวิธีเลี้ยงแมวในบ้านให้มีความสุข วันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวมมาฝากกันแล้วค่ะ
1. มีมุมให้นั่งกินลมชมวิว
สำหรับที่นั่งชมวิวของเจ้าเหมียวตามเมืองนอกมักจะนิยมทำ screened porch หรือระเบียงเล็ก ๆ ที่คล้ายกับเรือนกระจกหน้าบ้านเอาไว้ให้เจ้าเหมียวนั่งกินลมชมวิว มองนกในสนามหญ้าหน้าบ้าน ซึ่งจะทำให้เจ้าเหมียวปลอดภัยกว่าการออกไปนั่งเล่นนอกบ้าน หากทาสแมวคนไหนที่มีงบน้อย สามารถทำที่ชมวิวแบบง่าย ๆ ได้ด้วยการติดชั้นวางของติดผนังตามขอบหน้าต่างแล้วหาเบาะนุ่ม ๆ มาวาง แค่นี้ก็จะได้มุมชมวิวให้เจ้าเหมียวแล้ว
2. วางคอนโดแมวให้เจ้าเหมียวลับเล็บ
อีกปัญหาหนึ่งที่ทาสแมวต้องเจอก็คือ รอยขีดข่วนตามเฟอร์นิเจอร์อันมาจากคมเล็บของเจ้าแมว ไม่ใช่ว่าพวกมันนิสัยเสีย ชอบทำลายข้าวของอะไรหรอกนะ แต่นั่นเป็นธรรมชาติของเจ้าเหมียวที่ต้องลับเล็บตลอดเวลา ดังนั้นแล้วทาสแมวควรหาที่ลับเล็บมาไว้ให้เจ้าเหมียวด้วย ซึ่งคอนโดแมวก็ตอบโจทย์เป็นอย่างดี เจ้าเหมียวจะได้ทั้งปีนป่ายเล่นและลับเล็บไปพร้อม ๆ กัน สามารถซื้อหาได้ตามร้านเพ็ทช็อปหรือจะ DIY เองก็ไม่ยาก
3. มีของเล่นหลากหลาย
แมวที่เลี้ยงแบบปล่อยจะมีพัฒนาการด้านต่าง ๆ ที่ค่อนข้างเร็วกว่าแมวที่เลี้ยงในบ้าน เนื่องจากได้ออกไปสำรวจและทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างอิสระ สำหรับเจ้าเหมียวที่อยู่ในบ้านนั้นจะมีข้อกำจัดในเรื่องนี้ แต่ทั้งนี้เจ้าของสามารถกระตุ้นประสาทสัมผัสต่าง ๆ ของเจ้าเหมียวได้ด้วยของเล่น โดยให้เลือกของเล่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไม้ล่อแมว ตุ๊กตาหนู หรืออาจจะเป็นของที่หาได้ง่าย ๆ อย่างเช่น ถุง หรือ กล่อง เป็นต้น
4. ปลูกหญ้าแมวให้เจ้าเหมียวเคี้ยวเล่น
ทาสแมวหลายคนคงจะคุ้นเคยและรู้กันดีว่า เจ้าเหมียวจะชอบดมและเคี้ยวต้นหญ้าหรือต้นไม้เล็ก ๆ เล่นเพื่อรักษาสุขภาพของตัวเอง สำหรับบ้านหรือคอนโดที่ไม่มีสนามหญ้าให้เจ้าเหมียวได้ออกไปเคี้ยวเล่น ให้ปลูกหญ้าแมวใส่กระถางเล็กตั้งไว้ในบ้านแทน ซึ่งต้นไม้ที่แมวชอบกิน ได้แก่ ต้นไผ่เงิน ต้นข้าวสาลีอ่อน เป็นต้น
5. เปิดทีวีให้ดู
แมวเป็นสัตว์ที่สนใจและตื่นตัวกับสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ อย่างใบไม้และนกบนต้นไม้ข้างหน้าต่างพวกเจ้าเหมียวอาจนั่งมองได้นานสองนาน แต่สำหรับตามหน้าต่างคอนโดสูงอาจจะไม่มีนกไม่มีใบไม้ให้แมวได้นั่งมอง ซึ่งภาพเคลื่อนไหวในทีวีก็ทำให้พวกเจ้าเหมียวนั่งดูเพลิน ๆ ได้เหมือนกัน
6. มีเวลาเล่นด้วย
เนื่องจากแมวเป็นสัตว์สังคมและชอบเล่น เจ้าของก็ควรมีเวลามาเล่นกับเจ้าเหมียวทุกวัน ไม่ใช่ปล่อยให้เจ้าเหมียวเล่นกับของเล่นแค่อย่างเดียว ของเล่นแมวมีเท่าไรก็ขนออกมาเล่นกับเจ้าเหมียวให้หมดค่ะ ยิ่งหลากหลายเจ้าเหมียวยิ่งชอบ จะได้เล่นของเล่นหลายแบบและไม่เบื่อด้วย
7. พาออกไปเปิดหูเปิดตา
การเลี้ยงแมวในบ้านไม่ใช่ปล่อยเจ้าเหมียวไว้ในบ้านอย่างเดียว แต่ควรพาเจ้าเหมียวไปเปิดหูเปิดตาบ้าง สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านที่สุนัขไม่เพ่นพ่าน ก็สามารถจูงเจ้าเหมียวไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะได้ โดยก่อนจะพาเจ้าเหมียวออกไปเดินเล่นนอกบ้านควรจะฝึกให้คุ้นเคยกับการใส่สายจูงคล้องคอตอนเดินซะก่อน หรือถ้าแถวบ้านใครเจ้าถิ่นคุม เจ้าตูบในซอยบ้านเยอะ อาจจะพาเจ้าเหมียวไปขับรถเล่นแทนก็ได้
8. ทำความสะอาดสม่ำเสมอ
ไม่มีใครรู้ซึ้งถึงกลิ่นมูลแมวได้เท่ากับทาสแมวอีกแล้ว ทรายแมวที่ช่วยดับกลิ่นบางครั้งยังเอาไม่อยู่ สำหรับแมวที่เลี้ยงแบบเปิดอาจจะไม่หนักใจกับเรื่องนี้เท่าไร เนื่องจากเจ้าเหมียวจะออกไปขับถ่ายนอกบ้านอยู่แล้ว วิธีการลดกลิ่นสำหรับแมวที่เลี้ยงในบ้าน สามารถทำได้ด้วยการตักสิ่งขับถ่ายออก เติมและหรือเปลี่ยนทรายแมว หมั่นทำความสะอาดกระบะที่เจ้าเหมียวใช้เป็นประจำ รวมถึงการเลือกอาหารที่ช่วยลดกลิ่นมูลแมวก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยได้เช่นกัน
9. อาหาร
การเลือกอาหารให้เจ้าเหมียวเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ (carnivore) อาหารที่เหมาะสมจึงควรมีสัดส่วนของโปรตีนที่สูงและมีสารอาหารที่ครบคุณค่าตรงตามความต้องการของแมวแต่ละช่วงวัย โดยอาหารที่เลือกจะต้องมีโปรตีนที่ดีมีคุณภาพ อย่างเช่น อาหารแมวสำเร็จรูปที่มีวัตถุดิบหลักจากไก่ ซึ่งเป็นโปรตีนคุณภาพดี และข้าวแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย และร่างกายเจ้าเหมียวสามารถดูดซึมนำสารอาหารไปใช้ประโยชน์ได้ดี
นอกจากนี้ต้องเลือกให้เหมาะสมกับอายุและ lifestyle ของเจ้าเหมียวด้วย อย่างเช่น ถ้าเป็นแมวที่เลี้ยงในบ้าน ก็ควรเลือกอาหารสูตรที่เหมาะกับแมวที่เลี้ยงในบ้านโดยเฉพาะ อย่างอาหารแมว มีโอ® โกลด์ แมวเลี้ยงในบ้าน อาหารที่มีส่วนผสมของสารสกัดยัคคาที่ช่วยลดกลิ่นมูลของเจ้าเหมียว ลดกลิ่นปาก เพื่อสุขภาพเหงือกและฟันที่ดีด้วยโซเดียม เฮกซะเมทตาฟอสเฟทและเส้นใยเซลลูโลส เพราะเจ้าเหมียวต้องอยู่ใกล้ชิดกับเรา สุขอนามัยและสภาพแวดล้อมจึงเป็นเรื่องสำคัญ
อีกทั้งยังมีสูตรอื่น ๆ ให้เลือกตามความต้องการที่หลากหลาย อาหารแมว มีโอ® โกลด์ แมวเปอร์เซีย พัฒนาสูตรเฉพาะสำหรับแมวเปอร์เซียและแมวขนยาวทุกสายพันธุ์ มีคุณสมบัติสำคัญคือ ช่วยป้องกันก้อนขนอุดตันด้วยเยื่อใยธรรมชาติ บำรุงสุขภาพผิวหนังและขนสวยด้วยโอเมก้า 3 และ 6, Organic Zinc และ Biotin
และอาหารแมว มีโอ® โกลด์ ฟิตแอนด์เฟิร์ม ที่ดูแลให้เจ้าเหมียวของคุณสุขภาพดีสมวัย มีรูปร่างที่เหมาะสมด้วยแอล-คาร์นิทีน
รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมเลือกสิ่งดี ๆ ให้กับเจ้าเหมียวที่บ้านนะคะ โดยเฉพาะ อาหารแมว เรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเลย
สโลวีเนีย
สเปน
และยูโกสลาเวีย
12345
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
การเพาะเลี้ยงปลากัด
ปลากัด มีชื่อสามัญว่า Siamese Fighting Fish เป็นปลาสวยงามที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมานานแล้ว เนื่องจากเป็นปลาสวยงามที่นอกจากจะมีสีสันสดเข้มสวยงามสะดุดตามากแล้ว ยังเป็นปลาที่จัดว่าเป็นยอดนักสู้ตัวฉกาจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะปลากัดที่ไปจากประเทศไทยจัดว่าเป็นปลาที่กัดเก่งและมีความทรหดมากที่สุด ทำให้ได้รับความนิยมจากประเทศต่างๆทั่วโลก ในประเทศไทยนิยมเลี้ยงปลากัดมานานแล้ว และได้เน้นเป็นการเลี้ยงเพื่อเกมกีฬาโดยเฉพาะมีการจัดตั้งเป็นบ่อนการพนัน ทางราชการจะมีการอนุญาตให้เปิดสถานที่สำหรับเดิมพันการกัดปลา เรียก บ่อนปลากัด หรือ บ่อนกัดปลา มาตั้งแต่โบราณจนกระทั่งปัจจุบัน
การเลี้ยงปลากัดเป็นปลาสวยงามมักนิยมเลี้ยงในขวดหรือโหลขนาดเล็ก ไม่นิยมเลี้ยงร่วมกับปลาชนิดอื่น เพราะเป็นปลาที่ชอบสร้างอาณาเขตและมักจะไล่กัดปลาที่มีขนาดไล่เลี่ยกัน ซึ่งในช่วงนี้ปลาจะมีสีสดเข้มสวยงาม แต่ถ้านำไปเลี้ยงกับปลาขนาดใหญ่ปลาจะตื่นตกใจ เหมือนกับการแพ้คู่ต่อสู้ ในช่วงนี้ปลาก็จะสีซีดดูไม่สวยงาม จึงจำเป็นต้องเลี้ยงปลากัดไว้เพียงตัวเดียวในภาชนะที่ไม่ใหญ่มากนัก ปลาก็จะมีความรู้สึกว่าสามารถสร้างอาณาเขตของตัวเองไว้ได้ก็จะมีสีสันสดใสสวยงาม จัดว่าเป็นปลาที่ติดตลาด ทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ สามารถจำหน่ายได้ดีตลอดปี โดยเฉพาะเด็กจะชอบหาซื้อปลากัดไปเลี้ยง เพื่อนำไปกัดแข่งขันกัน แล้วก็หาซื้อปลาตัวใหม่อยู่เสมอ
ประวัติของปลากัด
ปลากัดเป็นปลาพื้นบ้านของไทย ในธรรมชาติชอบอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำนิ่ง เช่น หนอง บึง หรือชายทุ่งนา โดยมักพบตามชายฝั่งที่ตื้นๆและมีพรรณไม้น้ำมาก เป็นปลาที่จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับพวก Labyrinth Fish ได้แก่ พวกปลากระดี่ทั้งหลาย ซึ่งเป็นกลุ่มปลาที่มีอวัยวะช่วยหายใจ ทำให้ปลาอาศัยอยู่ในที่มีออกซิเจนต่ำได้ จึงทำให้สามารถเลี้ยงปลากัดในขวดต่างๆที่มีปากขวดแคบๆได้ ปลากัดจัดว่าเป็นปลาที่กินเนื้อเป็นอาหาร โดยจะชอบกินแม
32
33
34
35
36
37
38
39
40
2 การจำแนกทางอนุกรมวิธาน
Nelson (1984) ได้จัดลำดับชั้นของปลากัดไว้ดังนี้
Superclass : Osteichthyes
Class : Actinopterygii
Order : Perciformes -- perch-like fishes
Suborder : Anabantoidei -- labyrinthfishes
Family : Osphronemidae Bleeker, 1859 -- giant gouramis
Subfamily : Macropodinae Liem, 1963
Genus : Betta
ปลากัดที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยมานานแล้วนั้นถูกจัดให้เป็นชนิด splendens หรือมีชื่อวิทยาศษสตร์ว่า Betta splendens, Regan, 1910 ปัจจุบันได้มีการสำรวจพบชนิดของปลากัดประมาณ 50 - 60 ชนิด โดยจัดแบ่งกลุ่มตามลักษณะการวางไข่ออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1 กลุ่มแรก เป็นปลากัดที่ก่อหวอดวางไข่ เป็นปลากัดที่ผู้เพาะเลี้ยงปลากัดส่วนใหญ่ดำเนินการกันมานานแล้ว ปลาเพศผู้จะสร้างรัง เรียกว่าหวอดที่บริเวณผิวน้ำและจะติดอยู่ใต้ใบพันธุ์ไม้น้ำชายฝั่ง เพื่อใช้ในการฟักไข่ ตัวอย่างปลากัดในกลุ่มนี้ เช่น Betta coccina B. brownorum B. burdigala B. livida B. rutilans B. tussyae
30 คำคมความรัก ภาษาอังกฤษแปลไทย สุดหวาน โพสต์แล้วซึ้งมาก
41
42
43
2 กลุ่มที่สอง เป็นปลากัดอมไข่ เป็นปลากัดที่ถูกนำมาเลี้ยงยังไม่นานนัก เป็นปลาที่มีพฤติกรรมการแพร่พันธุ์วางไข่คล้ายกับปลาหมอสีกลุ่มที่อมไข่ เพื่อให้ไข่ฟักตัวภายในปาก ตัวอย่างปลากัดในกลุ่มนี้ เช่น Betta akarensis B. patoti B. anabatoides B. macrostoma B. albimarginata B. channoides
44
45
46
มันก็มีบางครั้งแหละที่ช่วงเวลาอินเลิฟ หรือเหงาๆ เราจะโพสต์อะไรที่มัน เพ้อๆ หน่อย แต่ในบางครั้งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะโพสต์อะไรดี เพราะนึกไม่ออก สมองไม่แล่น หรือเบื่อกับแคปชั่นซ้ำๆ ที่เคยเจออยู่บ่อยๆ ถ้ามีปัญหาอย่างนั้นอยู่ เราก็มี คำคมความรัก แบบเด็ดๆ ที่เรานำมาฝากเพื่อนๆ ในแบบที่ชิคๆ เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษแปลไทย ที่มีความหมายสุดซึ้ง รับรองว่าโพสต์ไปแล้วจะดูเก๋ ดูเริดเรียกยอดไลก์ได้รัวๆ อย่างแน่นอน
3 ลักษณะรูปร่างของปลากัด
ปลากัดจัดเป็นปลาขนาดเล็ก ลำตัวมีความยาวประมาณ 5 - 7 เซนติเมตร ลักษณะลำตัวเรียวยาว แบนข้าง ปากมีขนาดเล็กเชิดขึ้นด้านบนเล็กน้อย ส่วนหัวมีเกล็ดปกคลุม ครีบก้นมีฐานครีบค่อนข้างยาว มีจำนวนก้านครีบ 23 - 26 อัน ครีบท้องเล็กยาว สีของลำตัวเป็นสีเทาแกมดำ สีของครีบและเกล็ดบริเวณใกล้ครีบจะเป็นสีสดเข้มสีใดสีหนึ่งทั้งตัว เช่น ปลากัดสีแดง จะมีครีบทุกครีบและเกล็ดที่อยู่ใกล้ครีบเป็นสีแดงทั้งหมด
47
48
49
50
51
52
4 ลักษณะพันธุ์ของปลากัด
ปลากัดที่มีเพาะเลี้ยงกันอยู่ในปัจจุบัน มีหลายสายพันธุ์ดังนี้
4.1 ปลากัดลูกหม้อ มีลักษณะลำตัวค่อนข้างหนาเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น ส่วนหัวค่อนข้างโต ปากใหญ่ ครีบสั้นสีเข้ม เดิมมักจะเป็นสีเขียว หรือสีน้ำเงินแกมแดง แต่ปัจจุบันมีหลายสี เช่นสีแดง สีน้ำเงิน สีม่วง สีเขียว และสีนาก เป็นชนิดที่มีความอดทน กัดเก่ง ได้รับความนิยมสำหรับการกัดพนัน ปัจจุบันนิยมเรียกเป็นกลุ่มของ ปลากัดครีบสั้น
4.2 ปลากัดลูกทุ่ง มีลักษณะลำตัวเล็กกว่าพันธุ์ลูกหม้อ ลำตัวค่อนข้างยาว ครีบยาวปานกลางหรือยาวกว่าพันธุ์ลูกหม้อเล็กน้อย สีไม่เข้มมากนัก ส่วนมากมักจะเป็นสีแดงแกมเขียว เป็นพันธุ์ที่มีความตื่นตกใจได้ง่ายที่สุด การกัดจะมีความว่องไวมากกว่าพันธุ์ลูกหม้อ ปากคม แต่ไม่ค่อยมีความอดทน ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจะรู้ผลแพ้ชนะ นิยมใช้ในวงการกัดพนันเช่นกัน
53
54
55
56
57
58
4.3 ปลากัดลูกผสม หรือพันธุ์สังกะสี หรือพันธุ์ลูกตะกั่ว เป็นลูกปลาที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างปลากัดลูกหม้อกับปลากัดลูกทุ่ง โดยอาจผสมระหว่างพ่อเป็นปลาลูกหม้อกับแม่เป็นปลาลูกทุ่ง หรือพ่อเป็นปลาลูกทุ่งกับแม่เป็นปลาลูกหม้อ ได้ทั้งสองแบบ ผู้เพาะต้องการให้ปลาลูกผสมที่ได้มีลักษณะปากคม กัดคล่องแคล่วว่องไวแบบปลาลูกทุ่ง และมีความอดทนแบบปลาลูกหม้อ โดยพยายามคัดปลาที่มีลักษณะลำตัวเป็นปลาลูกทุ่ง เพราะเมื่อนำไปกัดกับปลาลูกทุ่งแท้ ๆ ปลาลูกผสมนี้จะกัดทนกว่าปลาลูกทุ่ง
4.4 ปลากัดจีน เป็นปลากัดที่เกิดจากการเพาะและคัดพันธุ์ปลากัดโดยเน้นเพื่อความสวยงาม พยายามคัดพันธุ์เพื่อให้ปลามีหางยาวและสีสันสดเข้ม จนในปัจจุบันสามารถผลิตปลากัดจีนที่มีความสวยงามอย่างมาก มีครีบต่างๆค่อนข้างยาว โดยเฉพาะครีบหางจะยาวมากเป็นพิเศษและมีรูปทรงหลายแบบ มีสีสันสดสวยมากมายหลายสี เป็นปลาที่ไม่ค่อยตื่นตกใจเช่นเดียวกับปลาหม้อ แต่ไม่มีความอดทน เมื่อปล่อยกัดกันมักรู้ผลแพ้ชนะภายใน 10 นาที ไม่นิยมใช้ในการกัดพนัน ปัจจุบันนิยมเรียกเป็นกลุ่มของ ปลากัดครีบยาว
59
60
61
You may hold my hand for a while, but you hold my heart forever.
ถึงเธอจะกุมมือฉันแค่เวลาสั้นๆ แต่เธอจะกุมหัวใจของฉันตลอดไป
I know I am in love with you because my reality is finally better than my dreams.
ฉันรู้ว่าฉันมีความรัก ก็เพราะว่าในที่สุดชีวิตจริงของฉัน นั้นสวยและดีงามกว่าความฝัน
ปัจจุบันผู้เพาะพันธุ์ปลากัดสามารถเพาะพันธุ์ปลากัดสายพันธุ์ใหม่ๆออกมาอีกหลายสายพันธุ์ และมีความหลากหลายทางด้านสีสันอีกด้วย ทำให้มีการเรียกชื่อสายพันธุ์ปลากัดเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ได้แก่ ปลากัดครีบสั้น(ปลากัดหม้อ)สีเดียว ปลากัดครีบยาว(ปลากัดจีน)สีแฟนซี ปลากัดสองหาง (Double Tail) ปลากัดหางหนามมงกุฎ (Crown Tail) ปลากัดหางพระจันทร์ (Halfmoon) เป็นต้น
61
63
64
I need you like a heart needs a beat.
ฉันต้องการเธอ พอๆ กับหัวใจที่ต้องเต้นอยู่ตลอดเวลา
Every time I see you, I fall in love all over again.
ทุกๆ ครั้งที่ฉันเห็นเธอ ฉันเหมือนตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า
65
66
67
68
69
70
I need you like a heart needs a beat.
ฉันต้องการเธอ พอๆ กับหัวใจที่ต้องเต้นอยู่ตลอดเวลา
Every time I see you, I fall in love all over again.
ทุกๆ ครั้งที่ฉันเห็นเธอ ฉันเหมือนตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า
If I know what love is, it is because of you.
ที่ฉันรู้ว่ารักคืออะไร ก็เป็นเพราะเธอ
The first time you touched me, I knew I was born to be yours.
ครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสฉัน ฉันรู้เลยว่าฉันเกิดมาเพื่อเป็นของเธอ
There are only two times that I want to be with you. Now and Forever.
มีแค่ 2 เวลาที่ฉันอยากจะอยู่กับเธอ นั่นก็คิอ ตอนนี้ และ ตลอดไป
Just when I think that it is impossible to love you any more, you prove me wrong.
เมื่อฉันคิดว่าคงเป็นไปไม่แล้วที่จะรักเธอมากกว่านี้แล้ว เธอก็ทำให้ฉันคิดผิดทุกที
Just when I think that it is impossible to love you any more, you prove me wrong.
เมื่อฉันคิดว่าคงเป็นไปไม่แล้วที่จะรักเธอมากกว่านี้แล้ว เธอก็ทำให้ฉันคิดผิดทุกที
Love is when the other person’s happiness is more important than your own.
ความรักคือเมื่อความสุขของอีกคนนั้นมีความสำคัญกว่าความสุขของตัวเอง
5.การจำแนกเพศปลากัด
ปลากัดเพศผู้และเพศเมียมีลักษณะภายนอกที่แสดงความแตกต่างกัน ซึ่งพอจะสังเกต
ได้หลายประการ คือ
5.1 สีของลำตัว ปลาเพศผู้จะมีสีของลำตัวและครีบ เข้มและสดกว่าปลาเพศเมียอย่างชัดเจน เมื่อปลามีอายุตั้งแต่ 2 เดือน หรือมีขนาดตั้งแต่ 3 เซนติเมตรขึ้นไป
5.2 ขนาดของตัว ปลาที่เลี้ยงในครอกเดียวกันปลาเพศผู้จะเจริญเติบโตเร็วกว่าปลาเพศเมีย
5.3 ความยาวครีบ ปลาเพศผู้จะมีครีบหลัง ครีบหาง และครีบก้นยาวกว่าของปลาเพศเมียมาก ยกเว้นปลากัดหม้อจะยาวต่างกันไม่มากนัก
5.4 เม็ดไข่นำ ปลาเพศเมียจะมีเม็ดหรือจุดขาวๆอยู่ 1 จุด ใกล้ๆกับช่องเปิดของช่องเพศ ลักษณะคล้ายกับไข่ของปลากัดเอง เรียกจุดนี้ว่าไข่นำ ส่วนปลาเพศผู้ไม่มี
6 การแพร่พันธุ์ของปลากัด
ในธรรมชาติปลากัดเป็นปลาที่วางไข่ได้เกือบตลอดปี โดยปลาจะจับคู่วางไข่ตามน้ำนิ่ง ปลาเพศผู้จะทำหน้าที่สร้างรัง ด้วยการก่อหวอดที่บริเวณผิวน้ำและจะติดอยู่ใต้ใบพันธุ์ไม้น้ำชายฝั่ง หวอดนี้ทำจากลมและน้ำลายจากตัวปลา โดยการที่ปลาเพศผู้จะโผล่ขึ้นมาที่ผิวน้ำ แล้วใช้ปากฮุบเอาอากาศที่ผิวน้ำเข้าปาก ผสมกับน้ำลายแล้วพ่นออกมาเป็นฟองอากาศเล็กๆลอยติดกันเป็นกลุ่มทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 เซนติเมตร จากนั้นจะกางครีบว่ายวนเวียนอยู่ใกล้ๆหวอด เป็นเชิงชวนให้ปลาเพศเมียที่มีไข่แก่เข้ามาที่หวอด การผสมพันธุ์วางไข่จะเกิดขึ้นในช่วงเช้า เวลาประมาณ 7.00 - 8.00 น. โดยทั้งปลาเพศผู้และเพศเมียจะเข้าไปอยู่ใต้รัง จากนั้นปลาเพศผู้จะงอตัวรัดบริเวณท้องของปลาเพศเมีย ลักษณะนี้เรียกว่า “การรัด” ปลาเพศเมียจะปล่อยไข่ออกมาครั้งละ 7 - 20 ฟองในขณะเดียวกันปลาเพศผู้จะปล่อยน้ำเชื้อเข้าผสมกับไข่ ในช่วงนี้ทั้งปลาเพศผู้และเพศเมียจะค่อยๆจมลงสู่ก้นบ่อ จากนั้นปลาเพศผู้จะค่อยๆคลายการรัดตัว แล้วรีบว่ายน้ำไปหาไข่ที่กำลังจมลงสู่พื้น ใช้ปากอมไข่นำไปพ่นติดไว้ที่หวอด ปลาเพศเมียก็จะช่วยเก็บไข่ไปไว้ที่หวอดด้วย เมื่อตรวจดูว่าเก็บไข่ไปไว้ที่หวอดหมดแล้ว จากนั้นปลาก็จะทำการรัดตัวกันใหม่ ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนแม่ปลาไข่หมดท้อง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อวางไข่หมดแล้วปลาเพศผู้จะไล่กัดขับไล่ปลาเพศเมียไม่ให้มาใกล้รังอีกเลย เพราะเมื่อปลาเพศเมียวางไข่หมดแล้วมักจะกินไข่ของตัวเอง จะมีเฉพาะปลาเพศผู้เท่านั้นที่คอยดูแลรักษาไข่ คอยไล่ไม่ให้ปลาตัวอื่นเข้าใกล้รัง และจะคอยเปลี่ยนลมในหวอดอยู่เสมอ ไข่ของปลากัดจัดว่าเป็นไข่ประเภทไข่ลอย ถึงแม้ตอนปล่อยจากแม่ปลาใหม่ๆไข่จะจมน้ำ แต่เมื่อถูกนำไปไว้ในหวอดจะพัฒนาเกิดหยดน้ำมันและลอยน้ำได้ดี ลักษณะไข่เป็นเม็ดกลมสีขาว ใช้เวลาในการฟักตัวประมาณ 30 - 40 ชั่วโมง ปลาเพศเมียที่มีขนาดความยาวประมาณ 4 - 6 ซม. จะมีไข่ประมาณ 300 - 700 ฟอง เมื่อวางไข่ไปแล้วจะสามารถวางไข่ครั้งต่อไปภายในเวลาประมาณ 20 - 30 วัน
Just when I think that it is impossible to love you any more, you prove me wrong.
เมื่อฉันคิดว่าคงเป็นไปไม่แล้วที่จะรักเธอมากกว่านี้แล้ว เธอก็ทำให้ฉันคิดผิดทุกที
Love is when the other person’s happiness is more important than your own.
ความรักคือเมื่อความสุขของอีกคนนั้นมีความสำคัญกว่าความสุขของตัวเอง
You can’t blame gravity for falling in love.
คงไปโทษแรงโน้มถ่วงไม่ได้สำหรับคำว่าตกหลุมรัก
If you live to be a hundred, I want to live to be a hundred minus one day, so I never have to live without you.
ถ้าเธอมีชีวิต 100 ปี ฉันอยากที่จะมีอายุ 100 ปี และลดไป 1 วัน เพราะฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่ในวันที่ไม่มีเธอ
To the world, you may be one person, but to one person you are the world.
สำหรับโลกนี้ เธออาจจะเป็นเพียงแค่หนึ่งคน แต่สำหรับหนึ่งคนเธออาจจะเป็นโลกทั้งใบของคน คนนั้นก็ได้
Being In Love With You Makes Every Morning Worth Getting Up For.
การที่ได้รักเธอนั้นทำให้ทุกๆ เช้าคุ้มค่าที่จะได้ตื่นขึ้นมา
สะดวกกว่าเมื่ออ่านด้วยแอปฯ
เปิดแอปฯ
ข่าว ดูดวง เพลง Joox หวย ผลบอล ดูทีวีออนไลน์ เกม
วัยรุ่น
หมวดอื่นๆ
30 คำคมความรัก ภาษาอังกฤษแปลไทย สุดหวาน โพสต์แล้วซึ้งมาก
30 คำคมความรัก ภาษาอังกฤษแปลไทย สุดหวาน โพสต์แล้วซึ้งมาก
27 ต.ค. 61 (07:00 น.)
Natchaphon B.
มนุษย์ติดโซเชียล พร้อมพาส่องหนุ่มหล่อสาวสวยมากความสามารถ ชอบอัปเดตเทรนด์ของโลก มีอะไรปังๆ ดังๆ ก็ไม่พลาดเอามาเล่าให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน
มันก็มีบางครั้งแหละที่ช่วงเวลาอินเลิฟ หรือเหงาๆ เราจะโพสต์อะไรที่มัน เพ้อๆ หน่อย แต่ในบางครั้งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะโพสต์อะไรดี เพราะนึกไม่ออก สมองไม่แล่น หรือเบื่อกับแคปชั่นซ้ำๆ ที่เคยเจออยู่บ่อยๆ ถ้ามีปัญหาอย่างนั้นอยู่ เราก็มี คำคมความรัก แบบเด็ดๆ ที่เรานำมาฝากเพื่อนๆ ในแบบที่ชิคๆ เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษแปลไทย ที่มีความหมายสุดซึ้ง รับรองว่าโพสต์ไปแล้วจะดูเก๋ ดูเริดเรียกยอดไลก์ได้รัวๆ อย่างแน่นอน
You may hold my hand for a while, but you hold my heart forever.
ถึงเธอจะกุมมือฉันแค่เวลาสั้นๆ แต่เธอจะกุมหัวใจของฉันตลอดไป
I know I am in love with you because my reality is finally better than my dreams.
ฉันรู้ว่าฉันมีความรัก ก็เพราะว่าในที่สุดชีวิตจริงของฉัน นั้นสวยและดีงามกว่าความฝัน
I need you like a heart needs a beat.
ฉันต้องการเธอ พอๆ กับหัวใจที่ต้องเต้นอยู่ตลอดเวลา
Every time I see you, I fall in love all over again.
ทุกๆ ครั้งที่ฉันเห็นเธอ ฉันเหมือนตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า
If I know what love is, it is because of you.
ที่ฉันรู้ว่ารักคืออะไร ก็เป็นเพราะเธอ
The first time you touched me, I knew I was born to be yours.
ครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสฉัน ฉันรู้เลยว่าฉันเกิดมาเพื่อเป็นของเธอ
There are only two times that I want to be with you. Now and Forever.
มีแค่ 2 เวลาที่ฉันอยากจะอยู่กับเธอ นั่นก็คิอ ตอนนี้ และ ตลอดไป
Just when I think that it is impossible to love you any more, you prove me wrong.
เมื่อฉันคิดว่าคงเป็นไปไม่แล้วที่จะรักเธอมากกว่านี้แล้ว เธอก็ทำให้ฉันคิดผิดทุกที
Love is when the other person’s happiness is more important than your own.
ความรักคือเมื่อความสุขของอีกคนนั้นมีความสำคัญกว่าความสุขของตัวเอง
You can’t blame gravity for falling in love.
คงไปโทษแรงโน้มถ่วงไม่ได้สำหรับคำว่าตกหลุมรัก
If you live to be a hundred, I want to live to be a hundred minus one day, so I never have to live without you.
ถ้าเธอมีชีวิต 100 ปี ฉันอยากที่จะมีอายุ 100 ปี และลดไป 1 วัน เพราะฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่ในวันที่ไม่มีเธอ
To the world, you may be one person, but to one person you are the world.
สำหรับโลกนี้ เธออาจจะเป็นเพียงแค่หนึ่งคน แต่สำหรับหนึ่งคนเธออาจจะเป็นโลกทั้งใบของคน คนนั้นก็ได้
Being In Love With You Makes Every Morning Worth Getting Up For.
การที่ได้รักเธอนั้นทำให้ทุกๆ เช้าคุ้มค่าที่จะได้ตื่นขึ้นมา
A simple ‘I love you’ means more than money.
คำว่าฉันรักเธอนั้นมีค่ามากกว่าเงินเสียอีก
Sometimes I can’t see myself when I’m with you. I can only just see you.
บางครั้งฉันมองไม่เห็นตัวเองเวลาที่อยู่กับคุณ เพราะว่าฉันมองเห็นแต่คุณเพียงคนเดียว
7 การเพาะพันธุ์ปลากัด
การเพาะพันธุ์ปลากัดดำเนินได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
7.1 การเตรียมพ่อแม่พันธุ์ ปลากัดจะสมบูรณ์เพศเมื่ออายุ 4 - 6 เดือน สามารถนำไปใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์ได้ การเลือกปลาเพศผู้ควรเลือกปลาที่คึกคะนอง คือ เมื่อนำปลาดังกล่าวไปใกล้กับปลาเพศผู้ตัวอื่น ก็จะแสดงอาการก้าวร้าวทันที โดยจะกางกระพุ้งแก้มและกางครีบ รี่เข้าหาปลาตัวอื่นทันทีพร้อมที่จะกัด หรืออาจสังเกตจากการสร้างหวอดก็ได้ เพราะปลาเพศผู้ที่สมบูรณ์เพศและพร้อมจะผสมพันธุ์ มักจะสร้างหวอดในภาชนะที่เลี้ยงเสมอ สำหรับปลาเพศเมียควรเลือกปลาที่มีท้องแก่ คือมีไข่แก่เต็มที่ โดยสังเกตได้จากส่วนท้องของปลา ซึ่งจะขยายตัวพองออกอย่างชัดเจน และเมื่อลองให้อดอาหารเป็นเวลา 1 วัน ส่วนท้องก็ยังคงขยายอยู่เช่นเดิม นำแม่ปลาที่เลือกได้ไปใส่ขวดแล้วนำไปวางเทียบกับปลาเพศผู้ เมื่อปลาเพศผู้แสดงอาการเกี้ยวพาราสี ปลาเพศเมียที่ท้องแก่จะเกิดลายสีขาวแกมเหลืองพาดจากส่วนหลังลงไปทางส่วนท้อง จำนวน 4 - 6 แถบ ในเรื่องสีสันของปลานั้นสามารถเลือกได้ตามความชอบของผู้ดำเนินการ เพราะปลาสีต่างกันสามารถผสมกันได้
7.2 การเทียบพ่อแม่พันธุ์ เมื่อเลือกได้ปลาเพศผู้และเพศเมีย ที่สมบูรณ์มีลักษณะและสีสันตามต้องการแล้ว นำปลาใส่ขวดแก้วใสขวดละตัวแยกเพศกันไว้ก่อน แล้วนำมาตั้งเทียบกันไว้ โดยการวางขวดใส่ปลาให้ชิดกันและไม่ต้อมีกระดาษปิดคั่น ต้องการปล่อยให้ปลามองเห็นกัน ลักษณะเช่นนี้เรียกว่า “การเทียบ” ควรเทียบไว้นานประมาณ 4 - 7 วัน เพื่อให้ปลาเกิดความเคยชินซึ่งกันและกัน เมื่อปล่อยลงบ่อเพาะแม่ปลาจะไม่ถูกพ่อปลาทำร้ายมากนัก ในขณะเดียวกันแม่ปลาก็จะมีไข่แก่เต็มที่
7.3 การเตรียมบ่อเพาะพันธุ์ บ่อหรือภาชนะที่จะใช้เป็นบ่อเพาะปลากัดควรมีขนาดเล็ก ส่วนมากนิยมใช้ภาชนะต่างๆไม่มีบ่อถาวร เช่น อ่างดินเผา กะละมัง ถัง หรือตุ่มน้ำขนาดเล็ก เพราะสะดวกกว่าการเพาะในบ่อ ภาชนะดังกล่าวมักมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร ใส่น้ำสะอาดลงในภาชนะที่เตรียมไว้ให้มีระดับสูงประมาณ 10 - 15 เซนติเมตร จากนั้นใส่พันธุ์ไม้น้ำที่มีใบหรือลำต้นอยู่ผิวน้ำ เช่น จอก ผักตบชวา ผักบุ้ง หรือผักกระเฉด ลงไปบ้างเล็กน้อยเพื่อให้ปลาสร้างหวอดได้ง่าย
.
I may not be with you at all times, but I want you to know that you are never out of my heart.
ฉันอาจจะไม่ได้อยู่กับคุณตลอดเวลา แต่ฉันอยากให้เธอรู้ว่าเธอนั้นอยู่ในหัวใจของฉันเสมอ
The most important thing in life is to learn how to give out love and to let it come in.
สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คือ การเรียนรู้ที่จะให้ความรักออกไป และรับความรักกลับมา
The most important thing in life is to learn how to give out love and to let it come in.
สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คือ การเรียนรู้ที่จะให้ความรักออกไป และรับความรักกลับมา
I may not be your first date, kiss or love…but I want to be your last everything.
ฉันอาจจะไม่ใช่เดตแรก จูบแรก หรือ รักแรกของคุณ แต่ฉันอยากจะเป็นคนสุดท้ายในทุกๆ เรื่องของเธอ
7.4 การปล่อยปลาลงบ่อเพาะ เมื่อเทียบปลาไว้เรียบร้อยแล้วจึงปล่อยปลาทั้งคู่ลงบ่อเพาะที่เตรียมไว้ ต้องพยายามอย่าให้ปลาตื่นตกใจมากนัก จากนั้นหาแผ่นวัสดุ เช่น กระดาษแข็ง หรือแผ่นกระเบื้อง ปิดบนภาชนะที่ใช้เพาะ โดยปิดไว้ประมาณ 2 ใน 3 ของพื้นที่ปากภาชนะ เพราะปลากัดมักชอบวางไข่ในบริเวณที่มืด เนื่องจากต้องการความเงียบสงบ วัสดุที่นำมาปิดจะสามารถช่วยบังแสงและกันลมไม่ให้หวอดของปลาแตก เทคนิคที่สำคัญคือ การปล่อยพ่อแม่ปลาควรปล่อยในตอนเย็น เวลาประมาณ 17.00 - 18.00 น. เพราะโดยปกติแล้วเมื่อปล่อยพ่อแม่ปลารวมกัน ปลาเพศผู้จะเกี้ยวพาราสีปลาเพศเมีย โดยว่ายน้ำต้อนหน้าต้อนหลังอยู่ประมาณ 15 นาที จากนั้นจะไล่กัดปลาเพศเมียจนปลาเพศเมียจะต้องหนีไปแอบซุกอยู่ตามพันธุ์ไม้น้ำ แล้วปลาเพศผู้จะเริ่มหาที่ก่อหวอด เมื่อก่อหวอดไปพักหนึ่งก็จะไปไล่กัดปลาเพศเมียอีก ดังนั้นหากปล่อยปลาทั้งคู่ตั้งแต่เช้าปลาเพศเมียก็จะถูกกัดค่อนข้างบอบช้ำ แต่ถ้าปล่อยใกล้ค่ำเมื่อปลาเพศผู้หาจุดสร้างรังได้ก็จะค่ำพอดี ปลาเพศผู้จะไม่ไปรบกวนปลาเพศเมียอีก แต่จะสร้างรังไปจนเรียบร้อย รุ่งเช้าก็พร้อมจะผสมพันธุ์ได้
7.5 การตรวจสอบการวางไข่ของปลา ตามปกติแล้วถ้าปลามีการวางไข่ ก็มักจะวางไข่เสร็จก่อนเวลาประมาณ 10.00 น. ดังนั้นเมื่อปล่อยปลาลงบ่อเพาะแล้ว เช้าวันต่อมาเวลาประมาณ 10.00 น. จึงค่อยๆลองแง้มฝาปิดดู ถ้าพบว่ามีไข่เม็ดเล็กๆสีขาวอยู่ที่หวอด และมีพ่อปลาคอยเฝ้าอยู่ ส่วนแม่ปลาหนีไปซุกอยู่ด้านตรงข้ามกับหวอด แสดงว่าปลาวางไข่เรียบร้อยแล้ว ค่อยๆช้อนแม่ปลาออกไปเลี้ยงต่อไป ปลาเพศผู้จะคอยดูแลรักษาไข่ โดยหมั่นเปลี่ยนฟองอากาศในหวอดและตกแต่งหวอดให้คงรูปอยู่เสมอ นอกจากนั้นยังคอยเก็บกินไข่เสียด้วย
8 การอนุบาลลูกปลากัด
ลูกปลาจะฟักออกจากไข่หมดทุกฟองในวันที่สองหลังจากวางไข่ พ่อปลาจะคอยดูแลลูกที่ว่ายน้ำแล้วจมไปก้นบ่อ โดยจะไปอมลูกกลับมาไว้ที่หวอดเช่นเดิม รอจนตอนเย็นของวันถัดไปจึงช้อนเอาพ่อปลาออก ลูกปลาจะตกใจกระจายตัวออกจากหวอด ส่วนใหญ่ลงไปก้นบ่อแต่เมื่อรอสักครู่ก็จะพุ่งตัวขึ้นมาเกาะอยู่ตามพันธุ์ไม้น้ำหรือผนังบ่อใกล้ผิวน้ำ ในวันต่อมาถุงอาหารของลูกปลาจะหมดไป ลูกปลาจะเริ่มว่ายน้ำเพื่อหากินอาหาร
การอนุบาลลูกปลากัดจะเริ่มจากที่ลูกปลาเริ่มหากินอาหาร ซึ่งการอนุบาลลูกปลากัดนี้จัดว่าเป็นงานที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากปลากัดเป็นปลากินเนื้อตามที่กล่าวมาแล้ว ลูกปลาจึงต้องการอาหารที่มีชีวิต แต่ปัญหาจะอยู่ที่ว่าลูกปลากัดเป็นลูกปลาที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก ปากจะไม่ใหญ่พอที่จะจับกินอาร์ทีเมียหรือไรแดงได้ อาหารที่เหมาะสมจะใช้ให้ลูกปลากินในช่วงนี้คือไข่แดง โดยใช้ไข่ไก่หรือไข่เป็ดมาต้มให้สุกแล้วแกะเอาเฉพาะไข่แดงไปเลี้ยงปลา เนื่องจากลูกปลากัดจะต้องการจับกินอาหารมีชีวิตยังไม่สามารถกัดแทะอาหารได้ ดังนั้นต้องนำเอาไข่แดงที่จะใช้ เช่น ลูกปลากัด 1 ครอกจะใช้ไข่แดงขนาดเท่าเม็ดถั่วดำต่อการให้ 1 ครั้ง ใส่ไข่แดงลงในกระชอนผ้า แล้ววางกระชอนลงบนขันหรือแก้วที่ใส่น้ำไว้พอประมาณ แล้วใช้นิ้วขยี้ไข่ในกระชอน ไข่แดงก็จะละลายหรือกระจายตัวเป็นเม็ดเล็กๆผ่านผ้าออกไปในน้ำ จากนั้นจึงใช้ช้อนตักแล้วค่อยๆรินลงบ่อปลาเพื่อให้อาหารมีการกระจายตัวทั่วบ่อ ซึ่งจากการที่ได้ขยี้ไข่แดงผ่านผ้าจะทำให้ไข่แดงแตกตัวออกเป็นเม็ดขนาดเล็กมากและมีน้ำหนักค่อนข้างเบา ดังนั้นจะมีการกระจายตัวได้ดีและจะค่อยๆจมตัวลง ทำให้ลูกปลานึกว่าเป็นไรน้ำก็จะฮุบกินไข่แดงได้
สำหรับภาชนะที่ใช้ในการอนุบาล ในช่วงแรกก็ควรยังเป็นภาชนะที่ใช้เพาะปลา เพราะยังต้องการภาชนะขนาดเล็กอยู่ เนื่องจากการใช้ไข่แดงเป็นอาหารนั้น ลูกปลาจะกินไข่แดงไม่หมด เพราะไข่แดงส่วนใหญ่จะค่อยๆจมตัวตกตะกอนที่ก้นภาชนะ และลูกปลาจะไม่ลงไปเก็บกินอีกเลย ไข่แดงที่ตกตะกอนนี้ในวันต่อไปจะบูดเน่าเป็นเมือกอยู่รอบก้นภาชนะ จึงจำเป็นต้องล้างบ่ออนุบาลหรือภาชนะที่ใช้อนุบาลทุกเช้า ซึ่งกระทำได้ไม่ยาก คือ ใช้กระชอนวางลงในบ่ออนุบาลแล้วใช้ขันค่อยๆวิดน้ำออกจากในกระชอน จะสามารถลดน้ำลงได้โดยลูกปลาไม่ติดออกมา และเศษไข่ก็จะไม่ฟุ้งกระจายเพราะเป็นเมือกเกาะติดกับภาชนะ ลดน้ำลงประมาณครึ่งภาชนะ แล้วจึงยกภาชนะค่อยๆรินทั้งน้ำและลูกปลาลงภาชนะใหม่แล้วเติมน้ำ จะเท่ากับเป็นการล้างบ่ออนุบาลและเติมน้ำใหม่ให้ลูกปลา ทำเช่นนี้ประมาณ 3 - 5 วัน ลูกปลาจะมีขนาดโตขึ้น จะเปลี่ยนบ่ออนุบาลให้มีขนาดให้มีขนาดใหญ่ขึ้น อาจใช้กะละมังพลาสติกขนาดใหญ่หรืออ่างซีเมนต์ และควรอนุบาลต่อโดยใช้อาร์ทีเมียหรือไรแดงซึ่งลูกปลาจะจับกินได้แล้ว เลี้ยงด้วยอาร์ทีเมียหรือไรแดงประมาณ 15 - 20 วันพร้อมทั้งถ่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ ลูกปลาจะโตได้ขนาดประมาณ 1.0 - 1.5 เซนติเมตร ก็จะเปลี่ยนลงบ่อบ่ออนุบาลให้มีขนาดใหญ่ขึ้นให้มีความจุมากกว่า 100 ลิตร แล้วเริ่มฝึกให้ลูกปลากินอาหารสมทบ โดยจะใช้ไข่ตุ๋น คือนำไข่เป็ดหรือไข่ไก่มาตีให้ไข่ขาวและไข่แดงเข้ากันดี ใส่เกลือและใส่น้ำพอประมาณเพื่อให้ไข่นุ่ม จากนั้นนำไปนึ่งพอสุก ไม่ควรนึ่งนานนักเพราะต้องการให้ไข่มีความนุ่ม นำไปใส่ให้ปลากินโดยใช้นิ้วขยี้ไข่ให้แตกกระจายออกพอควร และเริ่มให้มื้อเช้าแทนการให้ไร ปลาจะเริ่มตอดกินได้เอง เลี้ยงด้วยไข่ตุ๋นประมาณ 10 วันก็เปลี่ยนมาเป็นอาหารเม็ด โดยช่วงแรกควรใช้อาหารปลาสวยงามชนิดเม็ดเล็กพิเศษ ซึ่งค่อนข้างมีราคาแพงแต่ปลาจะกินได้ดี จะใช้เพียง 3 - 5 วัน แล้วเปลี่ยนเป็นอาหารเม็ดเลี้ยงปลาดุกเล็ก ลูกปลาก็จะสามารถตอดกินและเจริญเติบโตดี ใช้เวลาอนุบาลลูกปลาประมาณ 50 วัน ลูกปลาจะมีขนาดประมาณ 3 เซนติเมตร ซึ่งพอจะ สามารถแยกเพศได้
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
9 การเลี้ยงปลากัด
บ่อเลี้ยงปลากัดถ้าเป็นบ่อดินควรมีขนาด 10 - 30 ตารางเมตร ถ้าเป็นบ่อซีเมนต์ควรมีขนาด 2 - 6 ตารางเมตร มีความลึกประมาณ 50 - 60 เซนติเมตร คัดแยกลูกปลาจากบ่ออนุบาลโดยคัดเอาเฉพาะปลาเพศผู้มาเลี้ยง เนื่องจากปลาเพศผู้เป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่าและราคาสูงกว่าปลาเพศเมียมาก ปล่อยเลี้ยงในอัตรา 150 - 200 ตัว ต่อเนื้อที่ 1 ตารางเมตรสำหรับบ่อดิน และอัตรา 100 - 150 ตัว ต่อเนื้อที่ 1 ตารางเมตรสำหรับบ่อซีเมนต์ แล้วเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดลอยน้ำ นอกจากนั้นควรใส่พรรณไม้น้ำพวกสาหร่าย และสันตะวา เพื่อป้องกันการทำอันตรายจากปลาด้วยกันเอง ใช้เวลาเลี้ยงอีกประมาณ 50 - 60 วัน ปลาจะมีขนาดประมาณ 5 เซนติเมตร สามารถคัดแยกใส่ขวดเพื่อรอจำหน่ายต่อไป
10 การลำเลียงปลากัด
เนื่องจากปลากัดเป็นปลาที่มีอวัยวะช่วยหายใจที่จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับพวก Labyrinth Fish จึงค่อนข้างมีความอดทน ทำให้สามารถลำเลียงในภาชนะขนาดเล็กๆไปเป็นระยะทางไกลๆเป็นเวลานานได้โดยไม่ต้องมีการอัดออกซิเจน วิธีการที่นิยมมากที่สุด คือการลำเลียงโดยบรรจุในถุงพลาสติกขนาดเล็กๆโดยไม่ต้องอัดออกซิเจน และใช้กระดาษห่อด้านนอกเพื่อให้ปลาสงบนิ่งทำให้ใช้พลังงานน้อยลง หรือการใช้ภาชนะขนาดเล็กๆพอดีกับตัวปลา ใส่น้ำพอท่วมตัวปลาโดยไม่ต้องปิดฝา แล้ววางเรียงซ้อนกันในกล่องโฟมอีกทีหนึ่ง ก็จะสามารถลำเลียงปลากัดได้คราวละจำนวนมากและเป็นระยะทางไกล หรือลำเลียงแบบรวมในถุงพลาสติคขนาดใหญ่โดยใส่ปลาจำนวนมากในแต่ละถุง
83
84
85
The most important thing in life is to learn how to give out love and to let it come in.
สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คือ การเรียนรู้ที่จะให้ความรักออกไป และรับความรักกลับมา
I may not be your first date, kiss or love…but I want to be your last everything.
ฉันอาจจะไม่ใช่เดตแรก จูบแรก หรือ รักแรกของคุณ แต่ฉันอยากจะเป็นคนสุดท้ายในทุกๆ เรื่องของเธอ
My love for you is a journey. Starting at forever, and ending at never.
ความรักของฉันก็เหมือนการเดินทาง เริ่มต้นที่ตลอดไป และไม่มีวันสิ้นสุด
You have replaced my nightmares with dreams, my worries with happiness, and my fears with love.
เธอได้เปลี่ยนฝันร้ายของฉันด้วยฝันรัก ความกังวลของฉันด้วยความสุข และความกลัวของฉันด้วยความรัก
การหัดสวด คาถาชินบัญชร ควรจะเริ่มสวดในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นวันครูและให้เตรียมดอกไม้ 3 สี หรือดอกบัว 9 ดอก หรือดอกมะลิ 1 กำ จุดธูป 3 5 ถึง 9 ดอก เทียน 2 เล่ม จากนั้นให้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยโดยการตั้งนะโม 3 จบ ต่อด้วยบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ จากนั้นตั้งจิตนึกถึงสมเด็จโต
86
87
88
89
90
91
My love for you is a journey. Starting at forever, and ending at never.
ความรักของฉันก็เหมือนการเดินทาง เริ่มต้นที่ตลอดไป และไม่มีวันสิ้นสุด
You have replaced my nightmares with dreams, my worries with happiness, and my fears with love.
เธอได้เปลี่ยนฝันร้ายของฉันด้วยฝันรัก ความกังวลของฉันด้วยความสุข และความกลัวของฉันด้วยความรัก
Life without love is like a tree without blossoms or fruit.
ชีวิตที่ปราศจากความรัก ก็เหมือนกับต้นไม้ที่ไม่มีดอก
“I love you” means that I will love you and stand by you even through the worst of times.
ฉันรักเธอ แลปว่า ฉันจะรักและยืนเคียงข้างเธอไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
พระคาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอดมาจากลังกา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่างๆ เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งขึ้น ก่อนเจริญภาวนาให้ตั้งนะโม ๓ จบ นึกถึงหลวงปู่โตแล้วตั้งอธิษฐานว่า
92
93
94
95
96
97
98
99
100
ย้ายบ้านไป Open chat หมดแร้วนะะะ
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
Life without love is like a tree without blossoms or fruit.
ชีวิตที่ปราศจากความรัก ก็เหมือนกับต้นไม้ที่ไม่มีดอก
“I love you” means that I will love you and stand by you even through the worst of times.
ฉันรักเธอ แลปว่า ฉันจะรักและยืนเคียงข้างเธอไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ย้ายบ้านไป Open chat หมดแร้วนะะะ
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
There is only happiness in life, to love and to be loved.
ความสุขเดียวในชีวิตนั่นก็คือ การได้รักและการที่ถูกรัก
Where there is Love, There is Life.
ที่ไหนมีรัก ที่นั่นมีชีวิตชีวา
ย้ายบ้านไป Open chat หมดแร้วนะะะ
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
Come live in my heart and pay no rent.
เข้ามาอยู่ในหัวใจของฉันสิ เธอไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเช่าเลย
I look at you and see the rest of my life in front of my eyes.
ฉันมองเธอแล้วฉันเห็นช่วงชีวิตที่เหลือของฉันอยู่ตรงหน้า
ย้ายบ้านไป Open chat หมดแร้วนะะะ
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
I'm much more me when I'm with you.
ฉันเป็นตัวของตัวของตัวเองมากขึ้นเมื่อฉันอยู่กับเธอ
The heart wants what it wants.
หัวใจมันก็ต้องการสิ่งที่มันต้องการ
ย้ายบ้านไป Open chat หมดแร้วนะะะ
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
คำภาวนาก่อนสวด
ตั้งนะโม 3 จบ >>> ที่มาของบทสวด นะโม 3 จบ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
ย้ายบ้านไป Open chat หมดแร้วนะะะ
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ย้ายบ้านไป Open chat หมดแร้วนะะะ
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ย้ายบ้านไป Open chat หมดแร้วนะะะ
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ย้ายบ้านไป Open chat หมดแร้วนะะะ
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
พระคาถาชินบัญชร ฉบับย่อ
ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา (ภาวนา 10 จบ)
ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา
ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา
ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา
ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา
ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา
ย้ายบ้านไป Open chat หมดแร้วนะะะ
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา
ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา
ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา
ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา
ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา
พระคาถาชินบัญชร ฉบับเต็ม
ก่อนสวดให้นึกถึง หลวงปู่โต พรหมรังสี แล้วตั้งจิตอธิษฐาน ว่า
ปุตตะกาโม ละเภปุตตัง ธะนะกาโม ละเภธะนัง
อัตถิกาเย กายะ ญายะ เทวานัง ปิยะตัง สุตตะวา
อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ
I'm much more me when I'm with you.
ฉันเป็นตัวของตัวของตัวเองมากขึ้นเมื่อฉันอยู่กับเธอ
The heart wants what it wants.
หัวใจมันก็ต้องการสิ่งที่มันต้องการ
Love is like war: easy to begin but very hard to stop.
ความรักก็เหมือนสงคราม ง่ายที่จะเริ่ม แต่ยากที่จะหยุด
All of me loves all of you.
ทุกๆ สิ่งในตัวฉัน รัก ทุกๆ สิ่งทุกอย่างในตัวคุณ
101
102
เริ่มสวดบทพระคาถาชินบัญชร 15 บท
ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตวา มารัง สะวาหะนัง
จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา.
ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเกเต มุนิสสะรา.
สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร.
หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก.
ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะ ราหุโล
กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก.
เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว
กุมาระกัสสโป เถโร มะเหสี จิตตะ วาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิคุณากะโร.
ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ อุปาลี นันทะ สีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเต ติละกา มะมะ.
เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา
เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา
ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.
ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง
ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา
ชินา นานาวะระสังยุตตา สัตตัปปาการะ ลังกะตา
วาตะปิตตาทะสัญชาตา พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.
อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะ เตชะสา
วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.
ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะฮี ตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา.
อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข
ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว
ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.
Love is like war: easy to begin but very hard to stop.
ความรักก็เหมือนสงคราม ง่ายที่จะเริ่ม แต่ยากที่จะหยุด
All of me loves all of you.
ทุกๆ สิ่งในตัวฉัน รัก ทุกๆ สิ่งทุกอย่างในตัวคุณ
เริ่มสวดบทพระคาถาชินบัญชร 15 บท
ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตวา มารัง สะวาหะนัง
จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา.
ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเกเต มุนิสสะรา.
สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร.
หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก.
ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะ ราหุโล
กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก.
เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว
กุมาระกัสสโป เถโร มะเหสี จิตตะ วาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิคุณากะโร.
ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ อุปาลี นันทะ สีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเต ติละกา มะมะ.
เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา
เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา
ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.
ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง
ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา
ชินา นานาวะระสังยุตตา สัตตัปปาการะ ลังกะตา
วาตะปิตตาทะสัญชาตา พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.
อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะ เตชะสา
วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.
ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะฮี ตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา.
อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข
ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว
ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.
เริ่มสวดบทพระคาถาชินบัญชร 15 บท
ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตวา มารัง สะวาหะนัง
จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา.
ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเกเต มุนิสสะรา.
สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร.
หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก.
ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะ ราหุโล
กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก.
เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว
กุมาระกัสสโป เถโร มะเหสี จิตตะ วาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิคุณากะโร.
ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ อุปาลี นันทะ สีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเต ติละกา มะมะ.
เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา
เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา
ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.
ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง
ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา
ชินา นานาวะระสังยุตตา สัตตัปปาการะ ลังกะตา
วาตะปิตตาทะสัญชาตา พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.
อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะ เตชะสา
วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.
ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะฮี ตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา.
อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข
ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว
ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.
103
104
105
106
เริ่มสวดบทพระคาถาชินบัญชร 15 บท
ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตวา มารัง สะวาหะนัง
จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา.
ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเกเต มุนิสสะรา.
สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร.
หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก.
ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะ ราหุโล
กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก.
เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว
กุมาระกัสสโป เถโร มะเหสี จิตตะ วาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิคุณากะโร.
ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ อุปาลี นันทะ สีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเต ติละกา มะมะ.
เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา
เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา
ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.
ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง
ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา
ชินา นานาวะระสังยุตตา สัตตัปปาการะ ลังกะตา
วาตะปิตตาทะสัญชาตา พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.
อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะ เตชะสา
วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.
ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะฮี ตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา.
อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข
ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว
ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.
เริ่มสวดบทพระคาถาชินบัญชร 15 บท
ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตวา มารัง สะวาหะนัง
จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา.
ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเกเต มุนิสสะรา.
สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร.
หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก.
ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะ ราหุโล
กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก.
เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว
กุมาระกัสสโป เถโร มะเหสี จิตตะ วาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิคุณากะโร.
ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ อุปาลี นันทะ สีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเต ติละกา มะมะ.
เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา
เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา
ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.
ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง
ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา
ชินา นานาวะระสังยุตตา สัตตัปปาการะ ลังกะตา
วาตะปิตตาทะสัญชาตา พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.
อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะ เตชะสา
วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.
ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะฮี ตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา.
อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข
ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว
ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.
รเป็นต้น พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น
ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก
พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจพระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง
พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย
มุนีผู้ประเสริฐคือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสง อยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ
พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก
ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผู้มีชัยและเป็นพระโอรส เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วน รุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่
พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้าพระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง
พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ
อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น
ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ
ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล
ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพ แห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ
รเป็นต้น พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น
ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก
พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจพระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง
พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย
มุนีผู้ประเสริฐคือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสง อยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ
พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก
ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผู้มีชัยและเป็นพระโอรส เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วน รุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่
พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้าพระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง
พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ
อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น
ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ
ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล
ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพ แห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ
รเป็นต้น พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น
ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก
พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจพระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง
พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย
มุนีผู้ประเสริฐคือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสง อยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ
พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก
ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผู้มีชัยและเป็นพระโอรส เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วน รุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่
พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้าพระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง
พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ
อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น
ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ
ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล
ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพ แห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ
Love is like war: easy to begin but very hard to stop.
ความรักก็เหมือนสงคราม ง่ายที่จะเริ่ม แต่ยากที่จะหยุด
All of me loves all of you.
ทุกๆ สิ่งในตัวฉัน รัก ทุกๆ สิ่งทุกอย่างในตัวคุณ
รเป็นต้น พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น
ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก
พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจพระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง
พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย
มุนีผู้ประเสริฐคือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสง อยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ
พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก
ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผู้มีชัยและเป็นพระโอรส เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วน รุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่
พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้าพระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง
พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ
อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น
ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ
ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล
ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพ แห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ
ที่มา , ประวัติ คาถาชินบัญชร หรือพระคาถาชินบัญชร
ชินบัญชรเป็นคาถาหนึ่งที่มีความสำคัญ และมีอายุยาวนานนับร้อยปี ตั้งแต่เริ่มต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ประมาณช่วงสมัยรัชกาลที่ 2 มาจนถึงปัจจุบัน เพราะด้วยพลานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์จึงทำให้ชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธหันมาท่องพระคาถานี้เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเอง อีกทั้งยังเป็นการป้องกันให้ตนเองนั้นพ้นจากภัยอันตรายต่างๆ ทั้งปวง
มีการถกเถียงกันมาเป็นระยะเวลายาวนานนับทศวรรษเกี่ยวกับเรื่องราวที่ว่า ใครที่เป็นผู้แต่ง คาถาชินบัญชร ขึ้นระหว่าง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรํสี แห่งวัดระฆังโฆษิตาราม กับพระมหาเถระผู้เชี่ยวชาญบาลีปกรณ์รูปหนึ่งจากเชียงใหม่ ซึ่งในกรณีของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) นั้น เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าท่านเป็นเพียงแค่ผู้นำพระ คาถาชินบัญชร มาเผยแพร่ต่อ มิได้เป็นผู้แต่งขึ้นเอง
ตามที่ได้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ได้ไปสวดพระคาถานี้ถวายองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระองค์ทรงมีรับสั่งว่าถ้อยคำในบทสวดนั้นไพเราะ และได้ทรงซักถามเพิ่มเติมว่า “ขรัวโตได้มาจากไหน แต่งเองหรือเปล่า” สมเด็จพระพุฒาจารย์จึงได้ถวายพระพรตอบว่า “หามิได้ เป็นสำนวนเก่าของเมืองเหนือ นำมาแก้ไขดัดแปลงใหม่ ตัดตอนให้สั้นเข้า ของลังกายาวกว่านี้” ฉะนั้นจึงเป็นไปได้ว่าผู้แต่งขึ้นน่าจะเป็นพระภิกษุชาวล้านนารูปหนึ่ง อยู่ในสมัยพระเจ้าติโลกราชที่อาจะเป็นยุคทอง
เนื่องจากในยุคนั้นเป็นยุคสมัยที่มีการสนับสนุนให้พระเถระหลายร้อยรูปเดินทางไปศึกษาพระไตรปิฎกที่ลังกา เมื่อได้สำเร็จการศึกษาจึงมีการแข่งขันกันแต่งบาลีปกรณ์กันอย่างเอิกเกริกจนชื่อเสียงแผ่ขยายไปจนถึงพม่า กรุงศรีอยุธยา สิบสองปันา และล้านช้าง ทำให้เมืองเหล่านั้นต้องขอคัมภีร์ภาษาบาลีที่จารโดยพระภิกษุล้านนาไปศึกษาอย่างแพร่หลาย
บทสวดบูชาถวายธูปเทียน
縷 縷 清 香 繞 聖 空 มวลควันธูปสู่สวรรค์ทุกชั้นฟ้า
หลู ลู่ เชง เฮียง เยี่ยว เซี่ย คง
香 繞 聖 空 神 人 通 เป็นสื่อพาดลบันดาลจิตสัมผัส
เฮียง เยี่ยว เซี่ย คง สิ่ง ยิ้ง ทง
神 人 相 通 惟 心 感 คนกับเทพสื่อสัมพันธ์โดยทางใจ
สิ่ง ยิ้ง เซียง ทง หยุ่ย ซิม ก้ำ
心 感 信 香 化 蒼 穹 จิตสัมผัสด้วยมวลธูปเป็นสื่อสาย
ซิม ก้ำ ซิ่ง เฮียง ห้วย ชัง เกวียง
南 無 天 雲 海 會 諸 仙 真 ขอนอบน้อมต่อปวงพระอริยะเจ้าและทวยเทพยดาทั้งหลาย
นำ มอ เทียง ฮุ้ง ไฮ หวย จู เซียง จิง
南 無 天 雲 海 會 諸 仙 真 ขอนอบน้อมต่อปวงพระอริยะเจ้าและทวยเทพยดาทั้งหลาย
นำ มอ เทียง ฮุ้ง ไฮ หวย จู เซียง จิง
南 無天 雲 海 會 諸 仙 真 ขอนอบน้อมต่อปวงพระอริยะเจ้าและทวยเทพยดาทั้งหลาย
นำ มอ เทียง ฮุ้ง ไฮ หวย จู เซียง จิง
ที่มา , ประวัติ คาถาชินบัญชร หรือพระคาถาชินบัญชร
ชินบัญชรเป็นคาถาหนึ่งที่มีความสำคัญ และมีอายุยาวนานนับร้อยปี ตั้งแต่เริ่มต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ประมาณช่วงสมัยรัชกาลที่ 2 มาจนถึงปัจจุบัน เพราะด้วยพลานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์จึงทำให้ชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธหันมาท่องพระคาถานี้เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเอง อีกทั้งยังเป็นการป้องกันให้ตนเองนั้นพ้นจากภัยอันตรายต่างๆ ทั้งปวง
มีการถกเถียงกันมาเป็นระยะเวลายาวนานนับทศวรรษเกี่ยวกับเรื่องราวที่ว่า ใครที่เป็นผู้แต่ง คาถาชินบัญชร ขึ้นระหว่าง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรํสี แห่งวัดระฆังโฆษิตาราม กับพระมหาเถระผู้เชี่ยวชาญบาลีปกรณ์รูปหนึ่งจากเชียงใหม่ ซึ่งในกรณีของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) นั้น เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าท่านเป็นเพียงแค่ผู้นำพระ คาถาชินบัญชร มาเผยแพร่ต่อ มิได้เป็นผู้แต่งขึ้นเอง
ตามที่ได้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ได้ไปสวดพระคาถานี้ถวายองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระองค์ทรงมีรับสั่งว่าถ้อยคำในบทสวดนั้นไพเราะ และได้ทรงซักถามเพิ่มเติมว่า “ขรัวโตได้มาจากไหน แต่งเองหรือเปล่า” สมเด็จพระพุฒาจารย์จึงได้ถวายพระพรตอบว่า “หามิได้ เป็นสำนวนเก่าของเมืองเหนือ นำมาแก้ไขดัดแปลงใหม่ ตัดตอนให้สั้นเข้า ของลังกายาวกว่านี้” ฉะนั้นจึงเป็นไปได้ว่าผู้แต่งขึ้นน่าจะเป็นพระภิกษุชาวล้านนารูปหนึ่ง อยู่ในสมัยพระเจ้าติโลกราชที่อาจะเป็นยุคทอง
เนื่องจากในยุคนั้นเป็นยุคสมัยที่มีการสนับสนุนให้พระเถระหลายร้อยรูปเดินทางไปศึกษาพระไตรปิฎกที่ลังกา เมื่อได้สำเร็จการศึกษาจึงมีการแข่งขันกันแต่งบาลีปกรณ์กันอย่างเอิกเกริกจนชื่อเสียงแผ่ขยายไปจนถึงพม่า กรุงศรีอยุธยา สิบสองปันา และล้านช้าง ทำให้เมืองเหล่านั้นต้องขอคัมภีร์ภาษาบาลีที่จารโดยพระภิกษุล้านนาไปศึกษาอย่างแพร่หลาย
ความหมายของชินบัญชร
ในความหมายของคำว่า ชินบัญชร นั้นแปลว่า กรง หรือ เกราะป้องกันภัยของพระพุทธเจ้า คำว่า ชิน หมายถึง พระพุทธเจ้า คำว่า บัญชร หมายถึง กรง หรือ เกราะ โดยที่เนื้อหาในคาถาในชินบัญชรนั้นจะเป็นการอัญเชิญพระพุทธเจ้าจำนวน 28 พระองค์ เริ่มตั้งแต่พระพุทธเจ้าพระนามว่าตัณหังกร เป็นต้น เดินทางลงมาสถิตอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เพื่อเป็นการเสริมให้ตนเองนั้นมีพลังพุทธคุณให้ยิ่งใหญ่
จากนั้นจึงอัญเชิญพระอรหันต์ที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน 80 องค์ซึ่งเป็นผู้มีบารมีธรรมที่ยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังได้มีการอาราธนาพระสูตรอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ทรงอานุภาพในด้านต่างๆ มาสถิตในทุกส่วนของร่างกายจนรวมกันเป็นกำแพงแก้วคุ้มกัน ตั้งแต่กระหม่อมลงมาห้อมล้อมรอบตัวของผู้สวดภาวนาพระคาถาชินบัญชรจนกระทั่งอันตรายก็ไม่สามารถหาช่องโหว่เพื่อสอดแทรกเข้ามาได้
เราได้รู้จักประวัติความเป็นมาของพระคาถาชินบัญชรอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องไปกำหนดจิตใจให้สงบเพื่อเริ่มสวดภาวนาพระคาถากันแล้ว
起 讚คาถา
(ถ้าไม่อัญเชิญประทับทรง ไม่ต้องสวด)
隂 陽 分 曉 日 月 尊 พระอาทิตย์และพระจันทร์ให้แสงสว่างทุกวันคืน
อิม เอี๊ยง ฮุง เฮียว ยิก ง๊วย จุง
渾 渾 五 行 合 乾 坤 ธาตุทั้งห้าเป็นสิ่งคู่ฟ้าดิน
ฮุง ฮุง โหงว เฮ้ง ฮะ เขี่ยง คุง
帝 德 玄 黃 參 化 育 เทพเจ้าแห่งสวรรค์พระราชทานคาถานี้เพื่อโปรดสัตว์
ตี้ เต็ก เหี่ยง ฮ้วง ชำ ห้วย ยก
訂 立 慧 糸彖 修 真 根 ผู้สวดย่อมมีสิริมงคลและสู่มรรคผลได้
เจง ลิบ หุ่ย อ๊วง ซิว จิง กึง
ความหมายของชินบัญชร
ในความหมายของคำว่า ชินบัญชร นั้นแปลว่า กรง หรือ เกราะป้องกันภัยของพระพุทธเจ้า คำว่า ชิน หมายถึง พระพุทธเจ้า คำว่า บัญชร หมายถึง กรง หรือ เกราะ โดยที่เนื้อหาในคาถาในชินบัญชรนั้นจะเป็นการอัญเชิญพระพุทธเจ้าจำนวน 28 พระองค์ เริ่มตั้งแต่พระพุทธเจ้าพระนามว่าตัณหังกร เป็นต้น เดินทางลงมาสถิตอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เพื่อเป็นการเสริมให้ตนเองนั้นมีพลังพุทธคุณให้ยิ่งใหญ่
จากนั้นจึงอัญเชิญพระอรหันต์ที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน 80 องค์ซึ่งเป็นผู้มีบารมีธรรมที่ยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังได้มีการอาราธนาพระสูตรอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ทรงอานุภาพในด้านต่างๆ มาสถิตในทุกส่วนของร่างกายจนรวมกันเป็นกำแพงแก้วคุ้มกัน ตั้งแต่กระหม่อมลงมาห้อมล้อมรอบตัวของผู้สวดภาวนาพระคาถาชินบัญชรจนกระทั่งอันตรายก็ไม่สามารถหาช่องโหว่เพื่อสอดแทรกเข้ามาได้
เราได้รู้จักประวัติความเป็นมาของพระคาถาชินบัญชรอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องไปกำหนดจิตใจให้สงบเพื่อเริ่มสวดภาวนาพระคาถากันแล้ว
起請
คำอาราธนาเทพเจ้าทั้ง 5 ทิศและคณาจารย์ทั้งปวง
(ถ้าไม่อัญเชิญประทับทรง ไม่ต้องสวด)
奉 請 東 方 木 德 星 君 ขออัญเชิญเทพเจ้าธาตุไม้แห่งทิศตะวันออก
ห่ง เชี่ย ตัง ฮึง บัก เต็ก แช กุง
奉 請 南 方 火 德 星 君 ขออัญเชิญเทพเจ้าธาตุไฟแห่งทิศใต้
ห่ง เชี่ย หน่ำ ฮึง หวย เต็ก แช กุง
奉 請 中 央 土 德 星 君 ขออัญเชิญเทพเจ้าธาตุดินแห่งภูมิภาคกลาง
ห่ง เชี่ย ตง เอียง โถว เต็ก แช กุง
奉 請 西 方 金 德 星 君 ขออัญเชิญเทพเจ้าธาตุทองแห่งทิศตะวันตก
ห่ง เชี่ย ไซ ฮึง กิม เต็ก แช กุง
奉 請 北 方 水 德 星 君 ขออัญเชิญเทพเจ้าธาตุน้ำแห่งทิศเหนือ
ห่ง เชี่ย ปัก ฮึง จุ้ย เต็ก แช กุง
奉 請 德 德 社 諸 佛 仙 尊 ขออัญเชิญเทพเจ้าและคณาจารย์ทั้งปวงแห่งสวรรค์
ห่ง เชี่ย เต็ก เต็ก เสีย จู ฮุก เซียง จุง
起 讚คาถา
(ถ้าไม่อัญเชิญประทับทรง ไม่ต้องสวด)
隂 陽 分 曉 日 月 尊 พระอาทิตย์และพระจันทร์ให้แสงสว่างทุกวันคืน
อิม เอี๊ยง ฮุง เฮียว ยิก ง๊วย จุง
渾 渾 五 行 合 乾 坤 ธาตุทั้งห้าเป็นสิ่งคู่ฟ้าดิน
ฮุง ฮุง โหงว เฮ้ง ฮะ เขี่ยง คุง
帝 德 玄 黃 參 化 育 เทพเจ้าแห่งสวรรค์พระราชทานคาถานี้เพื่อโปรดสัตว์
ตี้ เต็ก เหี่ยง ฮ้วง ชำ ห้วย ยก
訂 立 慧 糸彖 修 真 根 ผู้สวดย่อมมีสิริมงคลและสู่มรรคผลได้
เจง ลิบ หุ่ย อ๊วง ซิว จิง กึง
經 文
มนต์คาถาคุณธรรม
玄 旻 高 上 帝 พระมเหศักดิเทพผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์
เหี่ยง เมี่ยง เกา เสี่ยง ตี่
玉 皇 大 天 尊 เง็กเซียนฮ่องเต้
เหง็ก อ้วง ไต่ เทียง จุง
慈 念 塵 土 末 劫 ทรงห่วงใยต่อสัตว์โลกที่จะประสบทุกข์เข็ญ
ชื้อ เหนียม ติ่ง โถ้ว หมวก เกียบ
發 大 悲 心 ทรงเปี่ยมด้วยมหากรุณาจิต
ฮวก ไต่ ปูย ซิม
揚 大 教 化 ดำเนินการเผยแผ่คุณธรรม น้อมนำมนุษย์
เอี่ยง ไต๋ ก้า ห่วย
渡 一 切 苦 厄 เพื่อให้พ้นผ่าน สรรพทุกข์เข็ญ
โต่ว เจก เฉียก โคว แอะ
救 一 切 蒼 生 ทรงเกื้อกูลสงเคราะห์หมู่สัตว์
กิ้ว เจก เฉียก ชัง แซ
眾 善 子 ศาสนิกชนทั้งหลาย
เจ้ง เสี่ยง จื้อ
教 不 離 德 หลักคำสอนย่อมเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม
ก่า ปุ๊ก หลี่ เต็ก
德 不 離 心 คุณธรรมต้องไม่ขาดจากจิตใจ
เต็ก ปุ๊ก หลี่ ซิม
天 命 為 性 ทรงไว้ซึ่งคุณธรรมเป็นกิจนิสัย
เทียง เหม็ง อุ่ย แส่
率 性 歸 眞 เพื่อนำใจสู่สัจจะวิถี ไปสู่มรรคผลได้
จุก แส่ กุย จิง
是 故 有 諸 行 藏 ดังนั้น จงปฏิบัติตามธรรมทั้งหลายนี้
สี กู่ อู่ จู เห่ง ชั้ง
不 欺 不 偽 ไม่เบียดเบียนรังแก ไม่เสแสร้งหลอกลวง
ปุ้ก คี ปุก หงุย
不 貪 不 妄 ไม่โลภ ไม่เห่อเหิม
ปุ้ก ทัม ปุ๊ก บ้วง
不 驕 不 怠 ไม่ทรนงอวดโอ้ ไม่เกียจคร้าน
ปุ้ก เกียว ปุก ไต๋
塵 世 無 魅 เพื่อให้โลกมนุษย์ปราศจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง
ติ่ง สี่ บ่อ หมวย
無 侵 損 相 害 ทั้งไม่ให้ร้ายทำลายกัน
บ่อ ฉิ่ม ซุ่ง เซียง ไห่
無 是 非 訟 擾 ไม่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทบาดหมางต่อกัน
บ่อ สี่ ฮุย ส่ง เหยี้ยว
赤 心 古 樸 ทำใจให้ใสบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นจิตเดิมแท้
เฉียะ ซิม โกว ผก
積 精 為 神 สำรวมกายและจิต
แจ๊ะ เจง อุ่ย ซิ้ง
水 火 刀 兵 不 見 เพื่อไม่ประสบภัยจากน้ำ ไฟ ศัสตราวุธและสงคราม
จุ๋ย ห้วย ตอ เปีย ปุ้ก เกี่ยง
災 疫 疾 厄 不 遇 ปราศจากโรคาพาธ อุปัทวะอันตรายทั้งปวง
ไจ มุก จิบ แอะ ปุ้ก หงอ
恬 愉 自 得 มีความเป็นอยู่อย่างสงบสุขและสมถะ
เถียม ยู้ จื่อ ติก
慧 志 潔 淨 สติปัญญาผ่องแผ้ว จิตใจผ่องใส
หุ่ย จี่ เกี๊ยก เจ๋ง
常 持 聖 典 หมั่นสวดภาวนามนต์นี้เป็นเนืองนิจ
เสี่ย ที้ เซี่ย เตี้ยง
正 覺 開 智 ให้เกิดศีล สมาธิ และปัญญา
เจี้ย กัก ไค ตี่
超 凡 化 眞 เพื่อสู่สุคติ มรรคผลและบรมสุข
เที่ยว ฮ้วม ฮ่วย จิง
心 廣 體 胖 จิตใจผ่องแผ้ว ร่างกายแข็งแรง
ซิม ก้วง ที่ ผ่วง
家 室 安 寧 ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข
แก สิก อัง เล้ง
以 增 天 爵 สวรรค์ก็ประทานลาภยศสรรพสิริสวัสดิ์
อี เจง เทียง เจียก
以 邀 吉 亨 พร้อมความเจริญรุ่งเรืองสมบูรณ์พูนสุข
อี เฮียว กิก เฮง
至 誠 無 物 ผู้ปฏิบัติบำเพ็ญย่อมหมดกิเลส พ้นโลกีย์
จี้ เซ้ง บ่อ ม้วย
至 妙 至 精 ถึงซึ่งบรมสุข
จี้ เหมียว จี้ เจง
道 化 成 理 เข้าถึงสัจจธรรม
เต๋า ฮ่วย เส่ง ลี่
虔 感 至 靈 ศรัทธาเชื่อมั่นย่อมสำเร็จสูงสุดได้
เคียง ก้ำ จี้ เล้ง
อานุภาพของพระคาถาชินบัญชร
พระคาถาชินบัญชรนี้มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์มาก หากผู้ใดสวดมนต์ หรือภาวนาคาถาชินบัญชรอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะกิน เดิน นั่ง นอน หรือภาวนาพระคาถาแม้ยามอาบน้ำ แปรงฟัน หรือแม้กระทั่งตอนทำงานก็จะช่วยเสริมให้เกิดความเป็นสิริมงคล สมบูรณ์พูลผล ศัตรูหมู่พาลไม่กล้ำกราย เดินทางไปที่ได้ก็เกิดเมตตามหานิยม มีลาภผลทวี ขจัยภัยภูตผีปีศาจ ตลอดจนคุณไสยต่างๆ
หากสวดคาถาชินบัญชรนี้ขณะทำน้ำมนต์รดแก้วิกลจริต แก้สรรพโรคได้หายสิ้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งพระคาถาที่มีคุณานุภาพตามแต่จะปรารถนา ดังคำโบราณที่ว่า “ฝอยท่วมหลังช้าง” เมื่อเดินทางไปที่ใดๆ ให้สวด 10 จบแล้วอธิฐานก็จะสำเร็จได้สมดังใจ
南 無 大 慈 大 悲 伏 魔 大 帝 德 德 社 至 上 古 佛 玉 皇 大 天 尊
นำ มอ ไต่ ชื้อ ไต่ ปุย หก ม้อ ไต่ ตี่ เต็ก เต็ก เสีย จี้ เสียง โก๋ว ฮุก เหง็ก อ้วง ไต่ เทียง จุง
ขอนอบน้อมแด่องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ผู้เป็นมเหศักดิเทพ ทรงมหาเมตตากรุณา ยิ่งด้วยพุทธเดชไพบูลย์ เกื้อกูลสรรพสัตว์
(三 稱) (3 จบ)
จบที่ 3
南 無 大 慈 大 悲 伏 魔 大 帝 德 德 社 至 上 古 佛 玉 皇 大 天 尊
นำ มอ ไต่ ชื้อ ไต่ ปุย หก ม้อ ไต่ ตี่ เต็ก เต็ก เสีย จี้ เสียง โก๋ว ฮุก เหง็ก อ้วง ไต่ เทียง จุง (3 จบ)
收经文
(收经辭)
บทส่งท้าย
玉 皇 大 天 尊 พระจอมฟ้าบรมเทพกษัตริย์เง็กเซียนฮ้องเต้
เหง็ก อ้วง ไต่ เทียง จุง
義 氣 貫 乾 坤 ทรงมีศีลสัตย์ขจรเลื่องลือทั่วฟ้าดิน
หงี่ ขี่ ก้วง เขี่ยง คุง
忠 心 如 赤 日 มีพระราชหฤทัยทรงไว้ซึ่งศีลธรรม ความซื่อสัตย์และจงรักภักดี
ตง ซิม หยู เซียะ ยิก
紫 德 訂 道 軒 ยังผลให้พระองค์บรรลุถึงสัจธรรมได้
จี่ เต็ก เจ่ง เต่า ฮึง
願 以 此 教 典 ทรงปรารถนาให้มนต์คาถาคุณธรรมเต็กก่า
หง่วง อี ชื่อ ก้า เตี้ยง
普 化 於 世 間 แพร่หลายไปในมนุษย์ทุกหมู่เหล่า
โพว ห่วย อี สี่ กัง
同 登 極 樂 土 เพื่อมุ่งไปสู่สุขคติ มรรคผล บรมสุข
ตั่ง เต็ง เก็ก หลัก โถ้ว
共 躋 天 堂 歡 ด้วยความชื่นชม ได้อยู่ภพภูมิที่ประทับของพระองค์
กั่ง จี่ เทียง ตึ้ง ฮัว
南 無 德 德 社 诸 佛 仙 尊 ขอนอบน้อมต่อพระอริยะเจ้าและคณาจารย์ทั้งปวง
นำ มอ เต็ก เต็ก เสีย จู ฮุก เซียง จุง
南 無 德 德 社 诸 佛 仙 尊 ขอนอบน้อมต่อพระอริยะเจ้าและคณาจารย์ทั้งปวง
นำ มอ เต็ก เต็ก เสีย จู ฮุก เซียง จุง
南 無 德 德 社 诸 佛 仙 尊 ขอนอบน้อมต่อพระอริยะเจ้าและคณาจารย์ทั้งปวง
นำ มอ เต็ก เต็ก เสีย จู ฮุก เซียง จุง
อานุภาพของพระคาถาชินบัญชร
พระคาถาชินบัญชรนี้มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์มาก หากผู้ใดสวดมนต์ หรือภาวนาคาถาชินบัญชรอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะกิน เดิน นั่ง นอน หรือภาวนาพระคาถาแม้ยามอาบน้ำ แปรงฟัน หรือแม้กระทั่งตอนทำงานก็จะช่วยเสริมให้เกิดความเป็นสิริมงคล สมบูรณ์พูลผล ศัตรูหมู่พาลไม่กล้ำกราย เดินทางไปที่ได้ก็เกิดเมตตามหานิยม มีลาภผลทวี ขจัยภัยภูตผีปีศาจ ตลอดจนคุณไสยต่างๆ
หากสวดคาถาชินบัญชรนี้ขณะทำน้ำมนต์รดแก้วิกลจริต แก้สรรพโรคได้หายสิ้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งพระคาถาที่มีคุณานุภาพตามแต่จะปรารถนา ดังคำโบราณที่ว่า “ฝอยท่วมหลังช้าง” เมื่อเดินทางไปที่ใดๆ ให้สวด 10 จบแล้วอธิฐานก็จะสำเร็จได้สมดังใจ
สำหรับใครที่ไม่ค่อยถนัดนักในการที่จะท่องคาถาชินบัญตามตัวหนังสือ หรืออยากจะจำพระคาถานี้ให้ได้ขึ้นใจ เราก็มีคาถาชินบัญชรในรูปแบบที่เป็นวีดีโอ หรือเสียงมาฝาก เอาไว้ให้ไปนั่งฟัง พร้อมกับท่องตามกันได้ง่ายๆ เชื่อว่าหากเพื่อนๆ หมั่นฟังเป็นประจำก็จะทำให้สามารถจดจำคาถาชินบัญชรนี้ได้โดยไม่ต้องเปิดอ่านจากหนังสือสวดมนต์อีกแล้วล่ะ
จงระลึกไว้เสมอว่า บทสวด หรือพระคาถาใดๆ ซึ่งรวมถึงพระคาถาชินบัญชรก็ไม่อาจสามารถพยุงเราให้รอดพ้นจากภัยอันตราย หรือกำหนดจิตใจของเราให้สงบ แน่วแน่ได้ด้วยตัวเองทั้งหมด ตัวของเรา ใจของเราเอง ยังคงต้องเป็นอีกหนึ่งแรงที่ช่วยประสานการทำงานให้การสวดภาวนาเหล่านั้นสัมฤทธิ์ผลด้วย อาจมีการนั่งสมาธิ สวดภาวนาพระคาถาต่างๆ หมั่นทำบุญ ตักบาตร และใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ มีสติ เพียงเท่านี้ชีวิตของเราก็จะได้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
สำหรับใครที่ไม่ค่อยถนัดนักในการที่จะท่องคาถาชินบัญตามตัวหนังสือ หรืออยากจะจำพระคาถานี้ให้ได้ขึ้นใจ เราก็มีคาถาชินบัญชรในรูปแบบที่เป็นวีดีโอ หรือเสียงมาฝาก เอาไว้ให้ไปนั่งฟัง พร้อมกับท่องตามกันได้ง่ายๆ เชื่อว่าหากเพื่อนๆ หมั่นฟังเป็นประจำก็จะทำให้สามารถจดจำคาถาชินบัญชรนี้ได้โดยไม่ต้องเปิดอ่านจากหนังสือสวดมนต์อีกแล้วล่ะ
จงระลึกไว้เสมอว่า บทสวด หรือพระคาถาใดๆ ซึ่งรวมถึงพระคาถาชินบัญชรก็ไม่อาจสามารถพยุงเราให้รอดพ้นจากภัยอันตราย หรือกำหนดจิตใจของเราให้สงบ แน่วแน่ได้ด้วยตัวเองทั้งหมด ตัวของเรา ใจของเราเอง ยังคงต้องเป็นอีกหนึ่งแรงที่ช่วยประสานการทำงานให้การสวดภาวนาเหล่านั้นสัมฤทธิ์ผลด้วย อาจมีการนั่งสมาธิ สวดภาวนาพระคาถาต่างๆ หมั่นทำบุญ ตักบาตร และใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ มีสติ เพียงเท่านี้ชีวิตของเราก็จะได้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
สำหรับใครที่ไม่ค่อยถนัดนักในการที่จะท่องคาถาชินบัญตามตัวหนังสือ หรืออยากจะจำพระคาถานี้ให้ได้ขึ้นใจ เราก็มีคาถาชินบัญชรในรูปแบบที่เป็นวีดีโอ หรือเสียงมาฝาก เอาไว้ให้ไปนั่งฟัง พร้อมกับท่องตามกันได้ง่ายๆ เชื่อว่าหากเพื่อนๆ หมั่นฟังเป็นประจำก็จะทำให้สามารถจดจำคาถาชินบัญชรนี้ได้โดยไม่ต้องเปิดอ่านจากหนังสือสวดมนต์อีกแล้วล่ะ
จงระลึกไว้เสมอว่า บทสวด หรือพระคาถาใดๆ ซึ่งรวมถึงพระคาถาชินบัญชรก็ไม่อาจสามารถพยุงเราให้รอดพ้นจากภัยอันตราย หรือกำหนดจิตใจของเราให้สงบ แน่วแน่ได้ด้วยตัวเองทั้งหมด ตัวของเรา ใจของเราเอง ยังคงต้องเป็นอีกหนึ่งแรงที่ช่วยประสานการทำงานให้การสวดภาวนาเหล่านั้นสัมฤทธิ์ผลด้วย อาจมีการนั่งสมาธิ สวดภาวนาพระคาถาต่างๆ หมั่นทำบุญ ตักบาตร และใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ มีสติ เพียงเท่านี้ชีวิตของเราก็จะได้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
คำสวดมหากรุณาธารณีสูตร จากwww.oknation.net/blog/buddhamantra/video/6530
นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ตอ ลา เหย่ เย • นำ มอ ออ ลี เย •
ผ่อ ลู กิด ตี ซอ ปอ ลา เย • ผู่ ที สัต ตอ พอ เย
• หม่อ ฮอ สัต ตอ พอ เย • หม่อ ฮอ เกีย ลู นี เกีย เย
• งัน • สัต พัน ลา ฮัว อี • ซู ตัน นอ ตัน เซ
• นำ มอ สิด กิด ลี ตอ อี หม่ง ออ ลี เย
• ผ่อ ลู กิด ตี สิด ฮู ลา เลง ถ่อ พอ • นำ มอ นอ ลา กิน ซี
• ซี ลี หม่อ ฮอ พัน ตอ ซา เม • สะ พอ ออ ทอ เตา ซี พง
• ออ ซี เย็น • สะ พอ สะ ตอ นอ มอ พอ สะ ตอ นะ มอ พอ เค
• มอ ฮัว เตอ เตา • ตัน จิต ทอ • งัน ออ พอ ลู ซี • ลู เกีย ตี
• เกีย ลอ ตี • อี ซี ลี • หม่อ ฮอ ผู่ ที สัต ตอ • สัต พอ สัต พอ
• มอ ลา มอ ลา • มอ ซี มอ ซี ลี ทอ ยิน • กี ลู กี ลู กิด มง
• ตู ลู ตู ลู ฟา เซ เย ตี • หม่อ ฮอ ฮัว เซ เย ตี • ทอ ลา ทอ ลา
• ตี ลี นี • สิด ฮู ลา เย • เจ ลา เจ ลา • มอ มอ ฮัว มอ ลา
• หมก ตี ลี • อี ซี อี ซี • สิด นอ สิด นอ • ออ ลา ซัน ฮู ลา เซ ลี
• ฮัว ซอ ฮัว ซัน • ฮู ลา เซ เย • ฮู ลู ฮู ลู มอ ลา • ฮู ลู ฮู ลู ซี ลี
• ซอ ลา ซอ ลา • สิด ลี สิด ลี • ซู ลู ซู ลู • ผู่ ถี่ เย ผู่ ถี่ เย
• ผู่ ถ่อ เย ผู่ ถ่อ เย • มี ตี ลี เย • นอ ลา กิน ซี • ตี ลี สิด นี นอ
• ผ่อ เย มอ นอ • ซอ ผ่อ ฮอ • สิด ถ่อ เย •หม่อ ฮอ สิด ถ่อ เย
• ซอ ผ่อ ฮอ • สิด ทอ ยี อี • สิด พัน ลา เย • ซอ ผ่อ ฮอ
• นอ ลา กิน ซี • ซอ ผ่อ ฮอ • มอ ลา นอ ลา • ซอ ผ่อ ฮอ
• สิด ลา เซง ออ หมก เค เย • ซอ ผ่อ ฮอ • ซอ ผ่อ หม่อ ฮอ ออ สิด ถ่อ เย
• ซอ ผ่อ ฮอ • เจ กิด ลา ออ สิด ถ่อ เย • ซอ ผ่อ ฮอ • ปอ ทอ มอ กิด สิด ถ่อ เย
• ซอ ผ่อ ฮอ • นอ ลา กิน ซี พัน เค ลา เย • ซอ ผ่อ ฮอ • มอ พอ ลี เซง กิด ลา เย
• ซอ ผ่อ ฮอ • นำ มอ ห่อ ลา ตัน นอ ตอ ลา เย เย • นำ มอ ออ ลี เย • ผ่อ ลู กิต ตี
• ชอ พัน ลา เย • ซอ ผ่อ ฮอ • งัน สิด ติน ตู • มัน ตอ ลา • ปัด ถ่อ เย • ซอ ผ่อ ฮอ
มนต์บทนี้ผูกเป็นคาถา 84 ประโยค มีคำแปลดังนี้
๑. นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ตอ ลา เหย่ เย
นำ มอ - ความนอบน้อม
ฮอ ลา ตันนอ - ความเป็นรัตนะ
ตอ ลา เหย่ - 3
เย - นมัสการ
ขอนอบน้อมนมัสการพระไตรรัตน์ทั้งสาม
หมายถึง..การน้อมเอาพระไตรสรณคมน์, พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึก
ผู้ต้องการปฏิบัติให้ถึงพระองค์จะต้องสาธยายมนตราด้วยความมีเมตตากรุณา และเปี่ยมด้วยศรัทธา
ไม่ควรสวดด้วยเสียงอันดัง เกรี้ยวกราด และเร่งร้อน
๒. นำ มอ ออ ลี เย
นำ มอ - ความนอบน้อม
ออ ลี - องค์อริยะ
เย - นมัสการ
ขอนอบน้อมนมัสการแด่องค์พระอริยะ ผู้ห่างไกลจากบาปอกุศล
วัตถุประสงค์แห่งบทนี้... พระโพธิสัตว์ทรงสั่งสอนชาวโลกให้ปฏิบัติทางจิตเป็นมูลฐาน พระสัทธรรมทั้งหลายล้วนกำเนิดมาแต่จิต
เหตุนี้ผู้ปฏิบัติจะต้องมีความชัดแจ้งแห่งจิต และมองเห็นสภาวะแห่งตน จึงจะสามารถบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ
เมื่อไม่แจ้งชัดในจิตก็ไม่สามารถเห็นสภาวะแห่งตน หากแต่จิตเป็นอจล มีความมั่นคง ก็สามารถเดินทางสู่พระนฤพานได้
๓. ผ่อ ลู กิด ตี ซอ ปอ ลา เย
ผ่อ ลู กิด ตี - การเพ่ง พิจารณา อีกนัยหนึ่งคือความสว่าง
ซอ ปอ ลา - เสียงของโลกอันเป็นอิสระ
เย - นอบน้อมนมัสการ
ขอนอบน้อมคารวะแด่องค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ผู้เพ่งเสียงแห่งสรรพสัตว์ผู้ยาก
พระโพธิสัตว์ผู้สงสารชีวิตแห่งสรรพสัตว์ผู้ตกอยู่ในกองทุกข์
เขาเหล่านั้นล้วนมีความทุกข์อันเกิดจากการหลงลืมสภาวะเดิมของตน
จำต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ พระองค์พิจารณาตามนี้ จึงเกิดเมตตาจิตที่จะโปรดสัตว์
๔. ผู่ ที สัต ตอ พอ เย
ผู่ ที (โพธิ) - ตรัสรู้
สัต ตอ (สัตว์) - การมีชีวิต อารมณ์
พอเย - น้อมคารวะ
ขอนอบน้อมคารวะต่อผู้ให้ความตรัสรู้แก่ทุกชีวิต
หากตั้งใจในธรรม นอบน้อมต่อความแจ้งในสภาวะเดิม ก็จะถึงความหลุดพ้น...
๕. หม่อ ฮอ สัต ตอ พอ เย
หม่อ ฮอ - ใหญ่มาก
สัต ตอ - สัตว์โลก หรืออีกนัยหนึ่งหมายถึง ผู้กล้าหาญ
พอ เย - น้อมคารวะ
เมื่อน้อมคารวะผู้กล้าหาญก็มีโอกาสที่จะหลุดพ้น มวลสรรพสัตว์ในโลกอันไพศาล
ถ้ารู้สึกตัวแล้วลงมือปฏิบัติ ล้วนถึงความหลุดพ้นได้
๖. หม่อ ฮอ เกีย ลู นี เกีย เย
หม่อ ฮอ -ใหญ่มาก
เกีย ลู - กรุณา
นี เกีย - จิต
เย - คารวะ
ขอนอบน้อมคารวะต่อผู้มีมหากรุณาจิต
๗. งัน
งัน (โอม) - นอบน้อม
ขอนอบน้อม บูชาถวาย
พระโพธิสัตว์เป็นผู้มีความเมตตากรุณาไม่มีประมาณ นำสัทธรรมอันเป็นความดับสูญโดยแท้จริง
ปลุกให้มนุษย์ฟื้นคืนสภาวะเดิมที่มีอยู่ เข้าถึงสัทธรรมอันบริสุทธิ์
๘. สัต พัน ลา ฮัว อี
สัต พัน ลา - อิสระ
ฮัว อี - อริยะ
องค์อริยะผู้อิสระ ผู้มีกายใจอันบริสุทธิ์สะอาด
กาย ใจ จะบริสุทธิ์ได้ ต้องตั้งอยู่ในสัจธรรม ปฏิบัติตนอยู่ในศีล
๙. ซู ตัน นอ ตัน เซ
การปฏิบัติธรรมต้องถือความสัจเป็นพื้นฐาน ใช้ความเพียรเป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุสู่อริยสัจ
หากการปฏิบัติธรรมไม่ประกอบด้วยความสัจ ก็จะไม่พบหนทางสู่ความสำเร็จ
เนื่องจากความสัจนั้นเป็นธรรมที่ปราศจากการหลอกลวง จิตจึงรวมเป็นหนึ่งได้
เมื่อมีความสัจ ก็จะมีความเข้าใจ เมื่อเข้าใจก็จะมองเห็นความปลอดโปร่ง
เมื่อปลอดโปร่งก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลง และกลับกลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
๑๐. นำ มอ สิด กิด ลี ตอ อี หม่ง ออ ลี เย
นำ มอ - นอบน้อม
สิด กิด ลี ตอ อี หม่ง - ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมได้รับความคุ้มครองจากพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์
ออ ลี เย - การปฏิบัติธรรมจะรีบร้อนให้ได้ผลในทันทีย่อมเป็นไปไม่ได้
ผู้ที่จะน้อบน้อมเข้าถึงองค์อริยะ จำต้องปฏิบัติธรรมโดยมานะพากเพียร มีจิตใจมั่นคงเป็นหนึ่ง
จะกระทำโดยเร่งรีบไม่ได้ ต้องทำใจให้ว่างเข้าถึงองค์แห่งพระธรรมคัมภีร์
หมั่นในการปฏิบัติตามหลักธรรม มีความคิดดำริมั่นที่จะก้าวข้ามห้วงแห่งโอฆ
จะคิดจะกระทำประโยชน์แก่สรรพชีวิต
๑๑. ผ่อ ลู กิด ตี สิด ฮู ลา เลง ถ่อ พอ
ผ่อ ลู กิด ตี - จิตต้องกับธรรม
สิด ฮู ลา - ท่องเที่ยวไปอย่างอิสระ
เลง ถ่อ พอ - เนื่องด้วยสำเร็จในมรรคผล
ผู้ปฏิบัติต้องจงใจมุ่งไปข้างหน้า ฝึกฝนให้กายและจิตรวมเป็นหนึ่ง (เอกัคคตา)
๑๒. นำ มอ นอ ลา กิน ซี
นำ มอ - นอบน้อม
นอ ลา กิน ซี - การคุ้มครองคนดี นักปราชญ์ นักปฏิบัติ
ด้วยความเมตตากรุณาของพระโพธิสัตว์ ทรงย้ำเตือนให้ยึดถือพระไตรสรณาคมน์
ต้องปฏิบัติตนอยู่ในมนุษยธรรม ทำตนเป็นตัวอย่างเพื่อให้สาธุชนรุ่นหลังได้รับรู้เป็นแบบอย่างและเจริญรอยตาม
สาธุชนผู้ปฏิบัติตามพระพุทธองค์และพระธรรมยิ่งต้องมีความเมตตากรุณาจิตและโพธิจิตเพื่อโปรดสัตว์
รักษาพระธรรมยิ่งกว่าชีวิตและเผื่อแผ่ทั่วไปไม่มีประมาณ
๑๓. ซี ลี หม่อ ฮอ พัน ตอ ซา เม
ซี ลี หม่อ ฮอ - ความเมตตากรุณาอันไพศาล สามารถบำบัดทุกข์บำรุงสุขได้
พัน ตอ ซา เม - ผู้มีบุญวาสนาจะได้รับการคุ้มครองจากเทพเจ้า มารทั้งหลายไม่สามารถมารบกวนได้
...พระโพธิสัตว์เล็งเห็นว่าชาวโลกถือเอาความรวย, มีชื่อเสียง,
ศักดินา เป็นที่นิยมศรัทธา อันเป็นการเพิ่มพูนความทุกข์
พระองค์จึงเตือนจิตให้มนุษย์ จงผ่อนใจในทางโลก โน้มน้าวจิตใจมาในทางมรรคผล
เมื่อจิตว่างแล้ว พระสัทธรรมอันพิสุทธิ์ก็จะเจริญขึ้น
๑๔. สะ พอ ออ ทอ เตา ซี พง
สะ - การได้เห็น
พอ - เสมอภาค
ออ - พระสัทธรรมอันบริสุทธิ์
ทอ เตา ซี พง - ธรรมไม่มีขอบเขต
ทุกคนที่ปฏิบัติสามารถรู้ได้เห็นได้ และบรรลุสู่พระพุทธภูมิได้โดยเสมอกัน
๑๕. ออ ซี เย็น
ผู้ที่ทำความดีย่อมได้รับการชมเชย ผู้ทำบาปจะต้องสำนึกและขอขมาโทษ
๑๖. สะ พอ สะ ตอ นอ มอ พอ สะ ตอ นะ มอ พอ เค
สะ พอ สะ ตอ - พุทธธรรมอันไม่มีขอบเขตสิ้นสุด สรรพสัตว์ในโลกนี้ล้วนสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้
นอ มอ พอ สะ ตอ - พุทธธรรมเป็นความเสมอภาค มิได้แบ่งแยกเป็นสูงหรือต่ำ
นะ มอ พอ เค - พุทธธรรมมีความไพศาล ผู้ปฏิบัติตามจะสามารถระงับภยันตรายทุกสิ่ง
ไม่ว่านักปราชญ์หรือผู้โง่เขลา เบาปัญญา คนหรือสัตว์ ล้วนสามารถหลุดพ้นได้ ถ้าเขาเหล่านั้นปฏิบัติธรรมด้วยความสัจ
๑๗. มอ ฮัว เตอ เตา
ผู้ปฏิบัติต้องถือพระสัทธรรมเป็นสูญ ไม่ข้องแวะ ไม่ติดในรูป ไม่ยึดในจิต
ถือเอาสัจธรรมเป็นใหญ่ และต้องละความวิตกกังวล กำจัดความโกรธ ความโลภ ความหลง
โดยใช้หลักแห่งปัญญาดับกิเลสให้จิตสงบ เป็นอยู่ในโลกนี้โดยสันติสุข
๑๘. ตัน จิต ทอ
ความศรัทธาจริงอันต่อเนื่องกัน จิตต้องตรงกับพระธรรม ห้ามมิให้มีความคิดทางโลกเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ เนื่องจากว่าหากปล่อยให้ความคิดทางโลก เกิดขึ้นในจิต กาย ใจ ก็จะไม่บริสุทธิ์
ทำให้เกิดการขัดแย้งกับพระธรรม ไม่อาจจะพบความสันติสุขได้
๑๙. งัน ออ พอ ลู ซี
งัน - นอบน้อม เป็นบทนำ
ออ พอ ลู ซี - เป็นพระโพธิสัตว์ หมายถึงพระธรรมคือความสะอาดจิตสะอาดสดใสไร้ราคะ
ผู้ปฏิบัติธรรมต้องมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยว ไม่หวั่นไหวต่อการก่อกวนของเหล่ามาร(กามกิเลส)
หากสามารถตั้งจิตข่มจิตสำรวมกาย วาจา และจิต ละทิ้งโลกาวิสัยทั้งหมดก็จะเข้าถึงพุทธสภาวะที่มีอยู่เดิม
ถ้าทำให้จิตมีความสงบนิ่งอยู่ทุกขณะ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ก็จะมีความสำเร็จในธรรมโดยมิรู้ตัว
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ รวมทั้งพระโพธิสัตว์เจ้าได้หลุดพ้นในขณะที่อยู่ในโลกอันมากล้นไปด้วยกิเลสนี้
๒๐. ลู เกีย ตี
เป็นโลกนาถ มีความเป็นอิสระ
มีกุศลจิตสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มัวหมอง มีรัศมีสว่างรอบกาย และสามารถร่วมกับดินฟ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
รักษาความมีกุศลจิต อย่าทำลายตนเอง อย่าหลงผิดเป็นชอบ
สิ่งสำคัญ...ต้องรักษาจิตให้บริสุทธิ์
๒๑. เกีย ลอ ตี
ผู้มีความกรุณา ผู้ปลดปล่อยทุกข์ เป็นผู้มีจิตในทางธรรม ดำรงมรรคมั่นคง มีสติปัญญาเฉียบแหลมยิ่งใหญ่
เมื่อจิตมีความสงบก็สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งชั่วร้ายให้กลับกลายเป็นดี
๒๒. อี ซี ลี
กระทำตามโอวาท อย่ามีจิตหลงผิด
๒๓. หม่อ ฮอ ผู่ ที สัต ตอ
หม่อ ฮอ - ความไพศาลของพุทธธรรม ทุกคนน้อมนำไปปฏิบัติได้
ผู่ที - เห็นโลกนี้เป็นสูญ
สัต ตอ - การเน้นปฏิบัติอนัตตธรรม มองเห็นสรรพธรรมเป็นสูญ
มองความรุ่งเรืองแห่งลาภยศ สรรเสริญเป็นสูญ มองให้เห็นเป็นเงาลวง ทำจิตใจร่างกายให้หมดจด
๒๔. สัต พอ สัต พอ
พุทธธรรมมีความเสมอภาค อีกทั้งยังอำนวยประโยชน์สุขแก่สัตว์โลก ผู้ที่มีปัจจัยแห่งบุญย่อมได้รับความสุข
๒๕. มอ ลา มอ ลา
ผู้ปฏิบัติจะได้มีมโนรถแก้วมณี แก้วมณีนี้แจ่มใสไม่มีอะไรขัดข้อง
ความคิดคำนึงเกิดมาแต่จิต จิตเป็นใหญ่ จิตเป็นประธานแห่งบุญและบาป
ผู้ปฏิบัติต้องกำจัดความคิดอันเป็นอกุศล ความคิดฟุ้งซ่าน ระงับความวิตกกังวล
เพียรพยายามเสาะหาสัจธรรม ชำระล้างอายตนะภายในให้สะอาดพิสุทธิ์ ละความห่วงใยใดๆให้สิ้นเชิง
๒๖. มอ ซี มอ ซี ลี ทอ ยิน
มอ ซี - ความมีอิสระทันที ผู้ปฏิบัติไม่มีเวลาใดที่ไม่เป็นอิสระคือมีอิสระทุกเมื่อ
ลี ทอ ยิน - การปฏิบัติกระทั่งสำเร็จวิชชาธรรมกาย มีอาสน์ดอกบัวรองรับ
โดยปกติแล้วผู้ที่มีจิตว่างก็จะมีความสะอาดทั้งกายและจิต เมื่อลงมือปฏิบัติแล้วก็สามารถบรรลุมรรคผลได้
และก็จะตั้งอยู่เช่นนั้น ไม่มีวันเสื่อมถอย
๒๗. กี ลู กี ลู กิด มง
กี ลู - การเกิดความคิดปฎิบัติธรรมสามารถบันดาลให้เทพเจ้ามาปกปักรักษา
กิด มง - ผู้ปฏิบัติจะต้องสร้างสมบุญบารมีเพื่อเป็นพื้นฐานในการบรรลุสู่มหามรรค (มรรคผล-นิพพาน)
๒๘. ตู ลู ตู ลู ฟา เซ เย ตี
ตู ลู - ผู้ปฏิบัติจะต้องยืนให้มั่นตั้งใจปฏิบัติ ไม่หลุ่มหลงด้วยพวกเดียรถี มีความแน่วแน่ มีสมาธิ มีความสงบ
ฟา เซ เย ตี - มีความบริสุทธิ์อันยิ่งใหญ่สามารถข้ามพ้นสังสารวัฏได้
๒๙. หม่อ ฮอ ฮัว เซ เย ตี
พระสัทธรรมอันไพศาล สามารถระงับความเกิดดับแห่งกิเลสได้
ภัยพิบัติต่างๆไม่แผ้วพาน ทุกคนสามารถสำเร็จเป็นพุทธะได้เหมือนหัน
กำจัดความหลงผิด ความเห็นแก่ตัว ปล่อยวางปัจจัยทางโลก
๓๐. ทอ ลา ทอ ลา
เมื่อปฏิบัติจิตให้มีสภาพเหมือนอากาศอันโปร่งใส ไร้ละอองธุลีแม้แต่น้อย ก็จะได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นพรหมได้
๓๑. ตี ลี นี
ตี - โลก
ลี - สัตว์ทั้งหลายล้วนสามารถรับการโปรดได้
นี - พรหมจาริณีที่ปฏิบัติธรรมอยู่
๓๒. สิด ฮู ลา เย
เมื่อปฏิบัติธรรมเข้าถึงความสมบูรณ์แห่งสภาวะเดิมแล้ว จะมีความสว่างปรากฏในกายของตน
๓๓. เจ ลา เจ ลา
ความโกรธ ดุ สุรเสียงที่เปล่งออกมาดุจเสียงคำรามของฟ้า
กระหึ่มไปทั่วสารทิศธรรมเหมือนดังฟ้าร้องคำรามไปทุกสารทิศ
เป็นเสียงแห่งพรหมเมื่อเหล่ามารได้ยินศัพท์สำเนียงนี้ ก็จะเกิดความสะดุ้งกลัว
๓๔. มอ มอ ฮัว มอ ลา
มอ มอ - การกระทำดี สามารถทำลายความกังวลแห่งภยันตรายได้
ฮัว มอ ลา - ธรรมะเป็นสิ่งลึกซึ้ง เข้าใขยาก และมีความศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถประมาณ
หรือคาดคิดได้ เป็นประโยชน์ที่ไม่มีสิ่งใดทัดเทียม
๓๕. หมก ตี ลี
หลุดพ้น
ผู้ปฏิบัติได้เช่นนี้ ย่อมบรรลุสู่ภูมิแห่งพุทธ
๓๖. อี ซี อี ซี
การชักชวนตามพระศาสนา ทุกสรรพสิ่งให้ดำเนินไปตามธรรมชาติ
ทุกสิ่งปล่อยให้ดำเนินไปตามเหตุปัจจัยปรุงแต่ง อย่าฝืนกระทำตามใจชอบ
๓๗. สิด นอ สิด นอ
เป็นมหาสติ มีจิตใจมั่นคงสามารถเข้าสู่มหาปัญญา
ผู้ปฏิบัติธรรม มีความสว่างแห่งสติปัญญาอยู่ ถ้าใช้จิตนี้เป็นฐานใช้ธรรมให้เป็นประโยชน์ ก็จะได้รับฐานธาตุที่สดชื่น
แต่หากไม่มีจิตใจมั่นคงกำจัดกิเลสในตนไม่หมด ก็ไม่มีทางที่จะให้ความว่างแห่งสติปัญญาที่มีอยู่ดั้งเดิมปรากฏออกมาได้เลย.
๓๘. ออ ลา ซัน ฮู ลา เซ ลี
ออ ลา ซัน - ความผ่านธรรมไปถึงธรรมราชา มีความอิสระในธรรม
ฮู ลา เซ ลี - การได้พระธรรมกายอันบริสุทธิ์ ได้ดวงแก้วแห่งพระรัตนะ
๓๙. ฮัว ซอ ฮัว ซัน
ฮัว ซอ - ผู้ที่มีธรรม ตั้งอยู่ในขันติธรรม
ฮัว ซัน - ผู้บรรลุธรรม มีความสุขอันแท้จริงยากจะบรรยาย
เป็นการอนุโมทนาตามเหตุตามปัจจัย
ความสุขที่แท้จริง จะต้องได้จากการปฏิบัติที่ยากลำบาก
ถ้าสามารถอดทนต่อความยากลำบากก็จะเข้าถึงความสุขอันยิ่งได้
๔๐. ฮู ลา เซ เย
จะต้องมีความรู้ด้วยตนเอง ผู้จะบรรลุธรรมหากสามารถละการยึดเกี่ยวเข้าถึงสภาวะดั้งเดิม ก็จะพบพระพุทธเจ้าได้ทุกพระองค์
๔๑. ฮู ลู ฮู ลู มอ ลา
การประกอบพิธีตามปรารถนา ประกอบพิธีกรรมไม่ละจากตัวตน
๔๒. ฮู ลู ฮู ลู ซี ลี
การประกอบธรรม โดยปราศจากความคิดคำนึงมีความเป็นอิสระสูง
๔๓. ซอ ลา ซอ ลา
ผู้ปฏิบัติเพียงแต่มีความมุ่งมั่น มีความเพียรพยายามอย่างต่อเนื่อง มีจิตอันเป็นหนึ่งเดียว ก็จะได้เห็นองค์พระโพธิสัตว์
๔๔. สิด ลี สิด ลี
ความเป็นมหามงคลอันสูงสุด สามารถอำนวยประโยชน์ และคุ้มครองสรรพสัตว์โดยไม่ละทิ้ง
๔๕. ซู ลู ซู ลู
น้ำอมฤตทานสามารถอำนวยประโยชน์แก่สัตว์โลกทั้งปวง
๔๖. ผู่ ถี่ เย ผู่ ถี่ เย
การตรัสรู้ธรรม ตรัสรู้ถึงภูมิจิต ผู้ที่ปฏิบัติจะต้องมีความวิริยะพากเพียรอย่างแรงกล้า
ปฏิบัติทุกวันทุกคืนเสมอต้นเสมอปลายไม่ท้อถอย
๔๗. ผู่ ถ่อ เย ผู่ ถ่อ เย
เป็นการรู้ในธรรม รู้ในจิต ผู้ปฏิบัติจะต้องถือ “ตัวเขา-ตัวเรา” เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ไม่เพียงแต่ไม่เห็นลักษณะตัวเขาตัวเรา แม้สรรพสัตว์ในทุคติ ก็ต้องถือว่าเท่าเทียมกับเรา
๔๘. มี ตี ลี เย
มหากรุณา ให้ผู้ปฏิบัติต้องเจริญเมตตากรุณาจิต เพื่อให้สรรพสัตว์เข้าถึงโพธิมรรค
รักในตนเองเท่าใด ก็ให้รักผู้อื่นเท่านั้น
๔๙. นอ ลา กิน ซี
นักปราชญ์ผู้รักษาตนเองได้ มีมหากรุณาจิต
ผู้ปฏิบัติจะต้องเคารพนักปราชญ์ เห็นผู้ทำดีจะต้องช่วยกันรักษา ผู้ที่เกิดความท้อถอยก็ต้องส่งเสริมให้กำลังใจ
๕๐. ตี ลี สิด นี นอ
ความคมของวัชระ ให้คนเรามีความมั่นคงในการปฏิบัติธรรม
๕๑. ผ่อ เย มอ นอ
สุรเสียงก้องไปสิบทิศ เป็นสุรเสียงแห่งความปิติยินดี
๕๒. ซอ ผ่อ ฮอ
ความสำเร็จผล มงคล นิพพาน ระงับภัยเพิ่มพูลประโยชน์ พระสัทธรรมไม่เกิดไม่ดับ เป็นสภาวะอันสงบมาแต่เดิม
๔๗. ผู่ ถ่อ เย ผู่ ถ่อ เย
เป็นการรู้ในธรรม รู้ในจิต ผู้ปฏิบัติจะต้องถือ “ตัวเขา-ตัวเรา” เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ไม่เพียงแต่ไม่เห็นลักษณะตัวเขาตัวเรา แม้สรรพสัตว์ในทุคติ ก็ต้องถือว่าเท่าเทียมกับเรา
๔๘. มี ตี ลี เย
มหากรุณา ให้ผู้ปฏิบัติต้องเจริญเมตตากรุณาจิต เพื่อให้สรรพสัตว์เข้าถึงโพธิมรรค
รักในตนเองเท่าใด ก็ให้รักผู้อื่นเท่านั้น
๔๙. นอ ลา กิน ซี
นักปราชญ์ผู้รักษาตนเองได้ มีมหากรุณาจิต
ผู้ปฏิบัติจะต้องเคารพนักปราชญ์ เห็นผู้ทำดีจะต้องช่วยกันรักษา ผู้ที่เกิดความท้อถอยก็ต้องส่งเสริมให้กำลังใจ
๕๐. ตี ลี สิด นี นอ
ความคมของวัชระ ให้คนเรามีความมั่นคงในการปฏิบัติธรรม
๕๑. ผ่อ เย มอ นอ
สุรเสียงก้องไปสิบทิศ เป็นสุรเสียงแห่งความปิติยินดี
๕๒. ซอ ผ่อ ฮอ
ความสำเร็จผล มงคล นิพพาน ระงับภัยเพิ่มพูลประโยชน์ พระสัทธรรมไม่เกิดไม่ดับ เป็นสภาวะอันสงบมาแต่เดิม
๔๓. ซอ ลา ซอ ลา
ผู้ปฏิบัติเพียงแต่มีความมุ่งมั่น มีความเพียรพยายามอย่างต่อเนื่อง มีจิตอันเป็นหนึ่งเดียว ก็จะได้เห็นองค์พระโพธิสัตว์
๔๔. สิด ลี สิด ลี
ความเป็นมหามงคลอันสูงสุด สามารถอำนวยประโยชน์ และคุ้มครองสรรพสัตว์โดยไม่ละทิ้ง
๔๕. ซู ลู ซู ลู
น้ำอมฤตทานสามารถอำนวยประโยชน์แก่สัตว์โลกทั้งปวง
๔๖. ผู่ ถี่ เย ผู่ ถี่ เย
การตรัสรู้ธรรม ตรัสรู้ถึงภูมิจิต ผู้ที่ปฏิบัติจะต้องมีความวิริยะพากเพียรอย่างแรงกล้า
ปฏิบัติทุกวันทุกคืนเสมอต้นเสมอปลายไม่ท้อถอย
๔๗. ผู่ ถ่อ เย ผู่ ถ่อ เย
เป็นการรู้ในธรรม รู้ในจิต ผู้ปฏิบัติจะต้องถือ “ตัวเขา-ตัวเรา” เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ไม่เพียงแต่ไม่เห็นลักษณะตัวเขาตัวเรา แม้สรรพสัตว์ในทุคติ ก็ต้องถือว่าเท่าเทียมกับเรา
๕๘. สิด พัน ลา เย
เป็นความอิสระสมบูรณ์ เป็นการกล่าวถึงบรรดาเทพีที่ต่างสำเร็จในอิสระธรรม
๕๙. ซอ ผ่อ ฮอ
อสังสกฤตธรรมนั้น เป็นสภาวธรรมที่สมบูรณ์โดยอิสระ เป็นการประกาศมหามรรคที่ยิ่งใหญ่มีผลที่ลึกซึ้ง
๖๐. นอ ลา กิน ซี
ความสำเร็จด้วยความรัก ความเมตตากรุณา การปกปักษ์รักษา
๖๑. ซอ ผ่อ ฮอ
แสดงถึงความเมตตากรุณาของพระโพธิสัตว์
๖๒. มอ ลา นอ ลา
มอ ลา - มโนรถ ความหวัง ความประสงค์
นอ ลา - อนุตตรธรรม
การปฏิบัติอนุตตรธรรมสมดังประสงค์
๖๓. ซอ ผ่อ ฮอ
พระโพธิสัตว์มุ่งเน้นให้คนปฏิบัติธรรม อีกทั้งยังเปิดเผยหัวใจอันลึกซึ้งของมหามรรคนี้
๖๔. สิด ลา เซง ออ หมก เค เย
เป็นการแสดงความรักของพระโพธิสัตว์ต่อหมู่ชน
๖๕. ซอ ผ่อ ฮอ
คนเรานั้นมีโรคทางจิตเป็นภัยคุกคาม พระธรรมโอสถเท่านั้นที่สามารถรักษาให้หายได้
๖๖. ซอ ผ่อ หม่อ ฮอ ออ สิด ถ่อ เย
ซอ ผ่อ หม่อ ฮอ - สัตว์ทุกประเภทมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน สามารถบรรลุพระสัมมาสัมโพธิได้เหมือนกัน
ออ สิด ถ่อ เย - สรรพสัตว์มีโอกาสร่วมรับความสุขสบายทั่วถึงกัน
บุคคลมีขันติธรรมก็จะเข้าถึงธรรมได้ด้วยดี สามารถสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณได้ไม่จำกัด
๖๗. ซอ ผ่อ ฮอ
ความเมตตาอันสูงสุด
๖๘. เจ กิด ลา ออ สิด ถ่อ เย
เจ กิด ลา - การใช้วชิรจักรปราบเหล่ามาร
ออ สิด ถ่อ เย - ความสำเร็จอันไม่มีสิ่งใดเทียบได้
การใช้วชิรธรรมจักร ปราบเหล่ามารศัตรูได้รับความสำเร็จ
๖๙. ซอ ผ่อ ฮอ
สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนสำเร็จในความบริสุทธิ์ได้ จึงไม่ควรประกอบอกุศลกรรมทั้งหลาย
๗๐. ปอ ทอ มอ กิด สิด ถ่อ เย
ปอ ทอ มอ กิด - พุทธธรรมเป็นธรรมที่ไม่มีขอบเขต จะต้องปฏิบัติเพื่อได้รับความสุขร่วมกัน
สิด ถ่อ เย - ย้ำเตือนให้ผู้ปฏิบัติจะต้องประกอบด้วยสติปัญญาเพื่อการหลุดพ้น ละจากกิเลส
๗๑. ซอ ผ่อ ฮอ
ผู้ปฏิบัติไม่ยึดในทางใดทางหนึ่ง ปฏิบัติโดยการพิจารณา พร้อมทั้งมีหิริโอตตัปปะ
มรรคผลนั้นสำเร็จได้ด้วยตนเอง สำเร็จได้ด้วยการพิจารณา
ในทุกขณะจะต้องพิจารณาจิตของตน รักษาไว้ในทุกเหตุปัจจัยไม่ให้วิตกจิตเกิดขึ้นได้
๗๒. นอ ลา กิน ซี พัน เค ลา เย
นอ ลา กิน ซี - รักษาไว้ด้วยความเป็นภัทร
พัน เค ลา เย - เถระเพ่งโดยอิสระ
เป็นที่รักของผู้เจริญ เป็นที่รักของพระอริยะ
๗๓. ซอ ผ่อ ฮอ
การปฏิบัติให้ถือเอาสัมมาจิต และความมีสัจเป็นหลัก
๗๔. มอ พอ ลี เซง กิด ลา เย
มอ พอ ลี เซง - ผู้กล้า
กิด ลา เย - สภาวะเดิม
คุณธรรมจะสำเร็จได้ ด้วยสภาวะแห่งเมตตาธรรม
หากจิตตั้งอยู่ในอกุศลก็ย่อมเป็นการยากที่จะสำเร็จพระอนุตตรธรรม
๗๖. นำ มอ ห่อ ลา ตัน นอ ตอ ลา เย เย
เน้นย้ำให้พยายามควบคุมกายใจไม่ให้ลื่นไหลไปตามอารมณ์ที่มากระทบ
โน้มนำเอาฌานสมาธิเพ่งการเกิดการดับ
๗๗. นำ มอ ออ ลี เย
เป็นการสาธยายมนต์สรรเสริญพระอริยะ และกล่าวย้ำถึงการปฏิบัติธรรม
ต้องละความเป็นตัวตน, บุคคล, เรา-เขา
จึงสามารถไม่ให้เกิดความคิดนึกอันเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ได้ความนึกคิดติดยึดไม่เกิด
ความเข้าใจถึงธรรมก็จะเป็นที่หวังได้
๗๘. ผ่อ ลู กิต ตี
พระสัทธรรมไม่มีความสิ้นสุด บรรดาผู้ปฏิบัติธรรมย่อมมีความบริสุทธิ์เป็นเครื่องอยู่ นำทางสู่แดนสุขาวดี
มีการเกิดย่อมต้องมีการตาย มีความชนะย่อมต้องมีความพ่ายแพ้...
แต่ชาวโลกผู้ตกอยู่ภายใต้อวิชชากลับยินดีต่อการเกิดเกลียดชังความตาย ท้ายที่สุดก็ต้องตายอยู่นั่นเอง
ฉะนั้นหากต้องการรอดพ้นจากความตาย จะต้องค้นหาความเป็นในความตายให้ได้เสียก่อน
๗๙. ชอ พัน ลา เย
ผู้ปฏิบัติต้องสำรวมตาเห็นรูป ไม่ปรุงแต่งไปตามรูปที่มองเห็น
๘๐. ซอ ผ่อ ฮอ
สำรวมหูฟังเสียง ไม่ปรุงแต่งไปตามเสียงที่ได้ยิน
๘๑. งัน สิด ติน ตู
สำรวมจมูกดมกลิ่น ไม่ปรุงแต่งไปตามกลิ่นที่จมูกดม
๘๒. มัน ตอ ลา
สำรวมลิ้นรับรส ไม่ปรุงแต่งไปตามรสที่ลิ้นรับ
๘๓. ปัด ถ่อ เย
สำรวมกายถูกต้องสัมผัส ไม่ปรุงแต่งไปตามที่ร่างกายถูกต้องสัมผัส
๘๔. ซอ ผ่อ ฮอ
สุดท้ายสำรวมใจรับรู้อารมณ์ ไม่ปรุงแต่งให้เกิดอารมณ์ใดๆที่ใจรับรู้
รวมเรียกว่าสำรวมอินทรีย์ ๖ อันมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ บรรลุเ
大悲咒
南无喝呐怛那哆呐夜耶 南无阿俐耶
婆卢羯帝烁钵呐耶 菩提萨陀婆耶
摩诃萨陀婆耶 摩诃迦卢尼迦耶
谙 萨皤呐罚曳 数怛那怛写
南无悉吉俐陀伊蒙阿俐耶
婆卢吉帝室佛呐愣驮婆 南无那呐谨墀
醯利摩诃皤哆沙咩 萨婆阿他豆输朋
阿逝孕 萨婆萨哆那摩婆萨哆那摩婆伽
摩罚特豆 怛侄他 谙阿婆卢醯 卢迦帝
迦罗帝 夷醯俐 摩诃菩提萨陀 萨婆萨婆
摩呐摩呐 摩醯摩醯俐驮孕 俱卢俱卢羯蒙
度卢度卢罚奢耶帝 摩诃罚奢耶帝 陀呐陀呐
地俐尼 室佛呐耶 遮呐遮呐 摩么罚摩呐
穆帝隶 伊醯伊醯 室那室那 阿呐参佛呐舍利
罚沙罚参 佛呐舍耶 呼罗呼罗摩呐 呼罗呼罗醯利
娑呐娑呐 悉俐悉俐 苏罗苏罗 菩提夜菩提夜
菩驮夜菩驮夜 弥帝俐夜 那呐谨墀 地利瑟尼那
波夜摩那 娑婆诃 悉陀夜 摩诃悉陀夜
娑婆诃 悉陀喻艺 室皤呐耶 娑婆诃
那呐谨墀 娑婆诃 摩呐那呐 娑婆诃
悉呐僧阿穆怯耶 娑婆诃 娑婆摩诃阿悉陀夜
娑婆诃 者吉呐阿悉陀夜 娑婆诃 波陀摩羯悉陀夜
娑婆诃 那呐谨墀皤伽呐耶 娑婆诃 摩婆利胜羯呐夜
娑婆诃 南无喝呐怛那哆呐夜耶 南无阿俐耶 婆罗吉帝
烁皤呐夜 娑婆诃 谙悉殿都 漫多呐 跋陀耶 娑婆诃
น่าสมเพชจัง
55555555555555555555555555555555555
โอ๊ยยยยยยย สนุกกกกกกก
:) อ่อนเเอจัง
โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
นาเคนทะระ หารายะ ตะริโลจะนายะ
ภัสมางคะ ราคายะ มะเหศะวะรายะ
นิตยายะ ศุทะธายะ ทิคัมพะรายะ
ตัสไม นะการายะ นะมะศิวายะ
คำแปล : พระศิวะ ผู้มีสร้อยพระศอคือพระยานาค มีสามพระเนตร ทรงใช้ขี้เถ้าทาพระวรกาย
เป็นพระเป็นเจ้าสูงสุด ทรงคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ผู้บริสุทธิ์หมดจด ผู้ใช้ทิศเป็นเครื่องนุ่งห่ม
อักษร "นะ" คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น
มันทากินี สะลิละ จันทะนะ จะระจิตายะ
นันทิศะวะระ ประมาถะ มะเหศะวะรายะ
มันทาระปุษปะ พะหุปุษปะ สุปูชิตายะ
ตัสไม มะการายะ นะมะศิวายะ
คำแปล : พระศิวะ ผู้ทรงลูบไล้พระองค์ด้วยน้ำจากแม่น้ำคงคาสวรรค์และกระแจะจันทน์
ผู้เป็นเจ้าสูงสุดควบคุมพระโคนนทิและหมู่ภูติผีปีศาจผู้เป็นบริวาร ผู้ได้รับการบูชาด้วยดอกมันทาระและดอกไม้มากมาย
อักษร "มะ" คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น
มันทากินี สะลิละ จันทะนะ จะระจิตายะ
นันทิศะวะระ ประมาถะ มะเหศะวะรายะ
มันทาระปุษปะ พะหุปุษปะ สุปูชิตายะ
ตัสไม มะการายะ นะมะศิวายะ
คำแปล : พระศิวะ ผู้ทรงลูบไล้พระองค์ด้วยน้ำจากแม่น้ำคงคาสวรรค์และกระแจะจันทน์
ผู้เป็นเจ้าสูงสุดควบคุมพระโคนนทิและหมู่ภูติผีปีศาจผู้เป็นบริวาร ผู้ได้รับการบูชาด้วยดอกมันทาระและดอกไม้มากมาย
อักษร "มะ" คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น
ศิวายะ เคารีวัทนาพะชะวะ รินทะ
สูระยายะ ทักษะ ธะวะระ นาศะกายะ
ศรีนีละกัณทายะ วะรึษะ ธะวะชายะ
ตัสไม ศิการายะ นะมะศิวายะ
คำแปล : พระศิวะ ผู้เป็นความดีความหลุดพ้น
ผู้ทำให้พระพักต์ที่งามเหมือนดอกบัวของพระนางปารวตีเบิกเบานเช่นเดียวกับที่พระอาทิตย์ทำให้กลุ่มดอกบัวบาน
ผู้ทำลายพิธีบูชายัญของท้าวทักษะ ผู้มีพระศออันงดงามเป็นสีน้ำเงิน ผู้มีรูปพระโคอยู่ในธงประจำพระองค์
อักษร "ศิ" คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น
วะสิษฐะ กุมโภทะภะวะ เคาตะมารยะ
มุนีนะทะระ เทวาระจิตะ เศขะรายะ
จันทราระกะ ไวศะวานะระ โลจะนายะ
ตัสไม วาการายะ นะมะศิวายะ
คำแปล : พระเศียรของพระศิวะได้รับการบูชาโดยมุนีเลิศ คือ ฤาษีวสิษฐะ ฤาษีอคัสตยะ ฤาษีเคาตมะ เป็นต้น
พวกเทวดามีพระอินทร์ พระอาทิตย์ พระจันทร์ เป็นต้น
"วา" คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น
ยักษะ สะวะรูปายะ ชะตาธะรายะ
ปินากะ หัสตะตายะ สะนาตะนายะ
ทิวะยายะ เทวายะ ทิคัมพะรายะ
ตัสไม ยะการายะ นะมะศิวายะ
คำแปล : พระศิวะ ผู้ทรงอยู่ในรูปของยักษ์ ทรงมุ่นมวยผม
ทรงธนูปินากะที่เป็นพระเป็นเจ้าที่มีมาแต่ดั้งเดิมอยู่ในสวรรค์ ที่เป็นเทพผู้เปลือยพระวรกาย
อักษร "ยะ" คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น
โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
โทรลขยะนี่นักเขียนตัวไหนในแก๊งไม่ทราบ? กูอยู่มู้อื่นรำคาญสัสๆ อยากรู้ตัวไว้จะได้บอกคนอื่นไม่ต้องไปอ่านงานนักเขียนขยะๆแบบนี้
>>207 ตามนี้เลยค่ะมึง
>>207 กูไม่ได้ป่วนมู้อื่น
กูเงาเเค้นแค่มู้นี้ค่ะ อย่าเสร่อ
แล้วกูไม่ใช่นักเขียน จำใส่กะโหลกด้วย
ไม่ต้องมโนว่ากูเป็นนักเขียน เลิกเพ้อเจ้อแล้วดึงสติ กูเป็นคนว่าง และกูเบื่อ
กูไม่ได้ระรานคนไปทั่ว กูว่างก็จริงเเต่ก็ไม่ได้ขนาดต้องไปใส่ใจมู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง สมองกูยังดี สติกูยังครบ
ฝากด่าคนที่ป่วนมู้อื่นด้วยเเล้วกัน ไม่ต้องมาก็อปวิธีที่กูป่วนค่ะ สมองมีก็คิดเองว่าควรทำอะไร คิดเองไม่ได้ก็ไปตายซะ
กูสั่งคนให้ป่วนเเค่มู้นี้ อุตส่าห์นึกว่าจะปิดมู้
ก็เสือกเปิดให้กูมาฟลัดเล่นฆ่าเวลารอกระเป๋ามาส่ง
ขอบคุณคนเปิดมู้ 4 กูสนุกมาก
ช่วยกินข้าวเเทนหญ้าเเล้วกินยาสลายมโนตามด้วยก็ดีนะ
คิดว่ากูเป็นคนนั้นทีคนนี้ที เพ้อเจ้อ
คิดว่าโลกมีคนอยู่เเค่ 10 20 คนเหรอ
ปัญญาอ่อน สมองคิดได้เเค่นี้ไง
ถึงอยู่ได้เเค่นี้
อยากได้เงินมั้ย มีเลขบัญชีมั้ย ขอซื้อความโง่กับความเพ้อเจ้อไปทิ้งคลองหน่อย
มาๆต่อๆกำลังสนุกเลย เอิ้ก เอิ้ก เอิ้ก
ละครจบแล้วเหรอ กำลังเพลินๆเลย
เอาแล้ว ศึกชนช้าง
ทำไมกะเทยมันนิสัยเสียกันจังเลยวะ เพื่อนกูที่เป็นกะเทยก็ปลิ้นปล้อนกันทุกคน
บอกจ้างคนมาป่วนแต่ไอพีเดิมๆคืออะไรวะ ก็ว่าฝนะ ตั้งแต่เมื่อคืนนั่งหาอะไรมาฟลัดลงอยู่เกือบครึ่งชม. 555555555
จะว่าไปกูยังไม่เจอตุ๊ดดีๆในทวิตเลย มีแต่อีพวกตุ๊ดสายฉอด ไม่ก็อีพวกตุ๊ดปลอมเป็นผญสายฉอด
เผื่อใครยังไม่เห็น กูฝากด้อมคลั่งรักของพวกเราหน่อย ใครรำคาญโทรลเชิญได้นะ https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
https://twitter.com/sp8phzn/status/1369236313098973185?s=19 ล่าสุดเปลี่ยนจากแช่งให้ล่มจมเป็นแช่งให้ตาย รอกรวดน้ำแล้วอีดอก 5555555555
ไปทำเล็บไม่นาน ฉันกลายเป็นกะเทยเเล้วเหรอ
เอาตามสบายที่คนเพ้อเจ้ออยากจะคิดเลย
เพราะต่อให้บอกว่าเป็นผู้หญิงเเท้
ควายในนี้ก็คงไม่เชื่อ น่าสงสารในความโง่
อ้อ ปั่นได้ปั่นไป พอดีก็ไม่ปั่นเอง
ลูกน้องทำให้นะคะ มีเงินมันก็จะสบายหน่อยๆ
จะเรียกคนใช้ก็ดูไม่ให้เกียรติ อุตส่าห์เรียกลูกน้องเเล้วยังคิดว่าเป็นเพื่อน เฮ้อ เอาเถอะ พูดอะไรไป ควายก็ไม่ฟัง ฟังไม่รู้เรื่อง
บูชาพระรัตนตรัย
อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อภิปูชะยามิ อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อภิปูชะยามิ อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อภิปูชะยามิ
บทกราบพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวาพุทธังภะคะวันตัง อภิวาเทมิ (กราบ)
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ)
นมัสการพระรัตนตรัย
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอขมาพระรัตนตรัย
วันทามิ พุทธัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต, วันทามิ ธัมมัง,สัพพะเมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต, วันทามิ สังฆัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต
ไตรสรณคมน์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
พุทธชัยมงคลคาถา (พาหุงฯ)
พาหุงสะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ นาฬาคิริง คะชะวะรังอะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะ สุทารุณันตัง ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ กัตตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต อิทธูปะเทสะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง (อ่านว่า พรัมมัง) วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา โยวาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที หิตวานะ เนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ (* ถ้าสวดให้คนอื่น ให้เปลี่ยนจากคำว่า เม เป็น เต)
100001
ชัยปริตร (มหากาฯ)
มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม* ชะยะมังคะลัง ฯชะยันโตโพธิยา มูเล สักยานัง นันทิ วัฑฒะโน เอวัง อะหัง วิชะโย โหมิ (ถ้าสวดให้คนอื่นเปลี่ยนเป็น ตะวัง วิชะโย โหหิ) ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล อะปะราชิตะ ปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะพุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะ ติฯ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏ ฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัหมะ (อ่านว่า พรัมมะ) จาริสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธีเต ปะทักขิณา ปะ ทักขิณา นิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ ฯ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะ เทวะตา สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวัน ตุ เม* ฯ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะ เทวะตา สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวัน ตุ เม* ฯ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะ เทวะตา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวัน ตุ เม*
158859
บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
135766
135678
บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
145789
บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
135789
บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
1235-78
บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
133566
1334560
บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
124456677
บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิด ฯ
1235678
223456
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิด ฯ
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิด ฯ
133567
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิด ฯ
1345689
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิด ฯ
1345788
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิด ฯ
1234567
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิด ฯ
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิด ฯ
1235689073
1345689
คำอธิฐานอโหสิกรรม
ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใดในชาติใด ๆ ก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมและนายเวร จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลยแม้แต่กรรมที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติและผู้อุปการะคุณของข้าพเจ้า มีความสุข ความเจริญปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญฯ
เอ้าก็คิดว่าใช่กระเทย เห็นสันดานเสียเหมือนกัน
คำอธิฐานอโหสิกรรม
ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใดในชาติใด ๆ ก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมและนายเวร จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลยแม้แต่กรรมที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติและผู้อุปการะคุณของข้าพเจ้า มีความสุข ความเจริญปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญฯ
1234567
คำอธิฐานอโหสิกรรม
ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใดในชาติใด ๆ ก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมและนายเวร จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลยแม้แต่กรรมที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติและผู้อุปการะคุณของข้าพเจ้า มีความสุข ความเจริญปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญฯ
ตารางสูตรคูณแม่ 1
1 x 1 = 1
1 x 2 = 2
1 x 3 = 3
1 x 4 = 4
1 x 5 = 5
1 x 6 = 6
1 x 7 = 7
1 x 8 = 8
1 x 9 = 9
1 x 10 = 10
1 x 11 = 11
1 x 12 = 12
ตารางสูตรคูณแม่ 2
2 x 1 = 2
2 x 2 = 4
2 x 3 = 6
2 x 4 = 8
2 x 5 = 10
2 x 6 = 12
2 x 7 = 14
2 x 8 = 16
2 x 9 = 18
2 x 10 = 20
2 x 11 = 22
2 x 12 = 24
ตารางสูตรคูณแม่ 3
3 x 1 = 3
3 x 2 = 6
3 x 3 = 9
3 x 4 = 12
3 x 5 = 15
3 x 6 = 18
3 x 7 = 21
3 x 8 = 24
3 x 9 = 27
3 x 10 = 30
3 x 11 = 33
3 x 12 = 36
คำอธิฐานอโหสิกรรม
ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใดในชาติใด ๆ ก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมและนายเวร จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลยแม้แต่กรรมที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติและผู้อุปการะคุณของข้าพเจ้า มีความสุข ความเจริญปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญฯ
234678
1345678
คำอธิฐานอโหสิกรรม
ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใดในชาติใด ๆ ก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมและนายเวร จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลยแม้แต่กรรมที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติและผู้อุปการะคุณของข้าพเจ้า มีความสุข ความเจริญปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญฯ
ตารางสูตรคูณแม่ 3
3 x 1 = 3
3 x 2 = 6
3 x 3 = 9
3 x 4 = 12
3 x 5 = 15
3 x 6 = 18
3 x 7 = 21
3 x 8 = 24
3 x 9 = 27
3 x 10 = 30
3 x 11 = 33
3 x 12 = 36
Skip to content
multiplication table คณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์พื้นฐาน ตารางสูตรคูณ วิชาคณิต วิชาคณิตศาสตร์ วิชาเลข สูตรคูณ เลข
ท่องจำตารางสูตรคูณ แม่ 1 – แม่ 100
yuwadee yuwadee 23 พ.ย. 2019 126,099
แชร์
ชวนมาทบทวนเรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับคณิตศาสตร์พื้นฐาน อย่างการท่องตารางสูตรคูณ ที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่สามารถจำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยเฉพาะสูตรคูณแม่ 2 ถึง 12 แต่วันนี้เรามีตารางสูตรคูณมาฝาก ตั้งแต่แม่ 1 – แม่ 100 กันเลยทีเดียว ดังนั้นอย่ารอช้าไปฝึกท่องสูตรคูณกันเลย
ท่องจำตารางสูตรคูณ แม่ 1 – แม่ 100
ตารางสูตรคูณแม่ 1
1 x 1 = 1
1 x 2 = 2
1 x 3 = 3
1 x 4 = 4
1 x 5 = 5
1 x 6 = 6
1 x 7 = 7
1 x 8 = 8
1 x 9 = 9
1 x 10 = 10
1 x 11 = 11
1 x 12 = 12
ตารางสูตรคูณแม่ 2
2 x 1 = 2
2 x 2 = 4
2 x 3 = 6
2 x 4 = 8
2 x 5 = 10
2 x 6 = 12
2 x 7 = 14
2 x 8 = 16
2 x 9 = 18
2 x 10 = 20
2 x 11 = 22
2 x 12 = 24
ตารางสูตรคูณแม่ 3
3 x 1 = 3
3 x 2 = 6
3 x 3 = 9
3 x 4 = 12
3 x 5 = 15
3 x 6 = 18
3 x 7 = 21
3 x 8 = 24
3 x 9 = 27
3 x 10 = 30
3 x 11 = 33
3 x 12 = 36
ตารางสูตรคูณแม่ 4
4 x 1 = 4
4 x 2 = 8
4 x 3 = 12
4 x 4 = 16
4 x 5 = 20
4 x 6 = 24
4 x 7 = 28
4 x 8 = 32
4 x 9 = 36
4 x 10 = 40
4 x 11 = 44
4 x 12 = 48
Skip to content
multiplication table คณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์พื้นฐาน ตารางสูตรคูณ วิชาคณิต วิชาคณิตศาสตร์ วิชาเลข สูตรคูณ เลข
ท่องจำตารางสูตรคูณ แม่ 1 – แม่ 100
yuwadee yuwadee 23 พ.ย. 2019 126,099
แชร์
ชวนมาทบทวนเรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับคณิตศาสตร์พื้นฐาน อย่างการท่องตารางสูตรคูณ ที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่สามารถจำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยเฉพาะสูตรคูณแม่ 2 ถึง 12 แต่วันนี้เรามีตารางสูตรคูณมาฝาก ตั้งแต่แม่ 1 – แม่ 100 กันเลยทีเดียว ดังนั้นอย่ารอช้าไปฝึกท่องสูตรคูณกันเลย
ท่องจำตารางสูตรคูณ แม่ 1 – แม่ 100
ตารางสูตรคูณแม่ 1
1 x 1 = 1
1 x 2 = 2
1 x 3 = 3
1 x 4 = 4
1 x 5 = 5
1 x 6 = 6
1 x 7 = 7
1 x 8 = 8
1 x 9 = 9
1 x 10 = 10
1 x 11 = 11
1 x 12 = 12
ตารางสูตรคูณแม่ 2
2 x 1 = 2
2 x 2 = 4
2 x 3 = 6
2 x 4 = 8
2 x 5 = 10
2 x 6 = 12
2 x 7 = 14
2 x 8 = 16
2 x 9 = 18
2 x 10 = 20
2 x 11 = 22
2 x 12 = 24
ตารางสูตรคูณแม่ 3
3 x 1 = 3
3 x 2 = 6
3 x 3 = 9
3 x 4 = 12
3 x 5 = 15
3 x 6 = 18
3 x 7 = 21
3 x 8 = 24
3 x 9 = 27
3 x 10 = 30
3 x 11 = 33
3 x 12 = 36
ตารางสูตรคูณแม่ 4
4 x 1 = 4
4 x 2 = 8
4 x 3 = 12
4 x 4 = 16
4 x 5 = 20
4 x 6 = 24
4 x 7 = 28
4 x 8 = 32
4 x 9 = 36
4 x 10 = 40
4 x 11 = 44
4 x 12 = 48
ตารางสูตรคูณแม่ 5
5 x 1 = 5
5 x 2 = 10
5 x 3 = 15
5 x 4 = 20
5 x 5 = 25
5 x 6 = 30
5 x 7 = 35
5 x 8 = 40
5 x 9 = 45
5 x 10 = 50
5 x 11 = 55
5 x 12 = 60
12356700
ตารางสูตรคูณแม่ 6
6 x 1 = 6
6 x 2 = 12
6 x 3 = 18
6 x 4 = 24
6 x 5 = 30
6 x 6 = 36
6 x 7 = 42
6 x 8 = 48
6 x 9 = 54
6 x 10 = 60
6 x 11 = 66
6 x 12 = 72
คำอธิฐานอโหสิกรรม
ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใดในชาติใด ๆ ก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมและนายเวร จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลยแม้แต่กรรมที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติและผู้อุปการะคุณของข้าพเจ้า มีความสุข ความเจริญปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญฯ
ระบบร่างกายมนุษย์
โครงสร้างการทำงานของร่างกายมนุษย์
ในการศึกษาทางจิตวิทยาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ซึ่งการที่มนุษย์จะแสดงพฤติกรรมใด ๆ ออกมานั้นเป็นเพราะระบบการทำงานของร่างกาย ไม่ว่านักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้ทำการศึกษาค้นคว้ามาเป็นระยะเวลายาวนานต่างมีความคิดเห็นตรงกันว่าร่างกายมนุษย์ สัตว์ หรือพืชทั้งหลายจะมีโครงสร้างที่ประกอบขึ้นจากหน่วยที่เล็กที่สุดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจนกระทั่งถึงส่วนประกอบที่ใหญ่ที่สุด แต่ละส่วนจะมีการทำงานที่สัมพันธ์กัน โดยไม่มีส่วนใดที่สามารถทำงานอย่างอิสระยกเว้นเม็ดเลือด โดยประมาณได้ว่า 75 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของร่างกายผู้ใหญ่ประกอบด้วยน้ำ ส่วนที่เหลือเป็นสารประกอบทางเคมี สารประกอบเหล่านี้รวมตัวกันเป็นเซลล์ หลายร้อยชนิด ซึ่งเป็นหน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของร่างกาย มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีโครงสร้างสลับซับซ้อนที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนพื้นโลก โดยเฉลี่ยแล้วร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยเซลล์ 80 – 100 ล้านล้านเซลล์แต่ละชุดจะถูกกำหนดให้มีการเจริญเติบโตและทำหน้าที่เฉพาะ โดยเซลล์ชนิดเดียวกันจะรวมตัวเป็นเนื้อเยื่อ (tissues) เนื้อเยื่อหลาย ๆ ประเภทเมื่อมาทำงานร่วมกัน เรียกว่าอวัยวะ (organ) แต่ละอวัยวะเมื่อทำงานร่วมกันเรียกว่าระบบ (system) อาจแสดงโดยแผนผังต่อไปนี้
ดังนั้น เมื่อเซลล์มารวมกลุ่มเป็นเนื้อเยื่อพิเศษ เช่น กล้ามเนื้อ เส้นประสาท กระดูก ฯลฯ เนื้อเยื่อเหล่านี้จะทำงานร่วมกันเป็นอวัยวะและในที่สุดอวัยวะเหล่านี้จะถูกจัดสรรเป็นระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ระบบกล้ามเนื้อ ระบบต่อมต่าง ๆ และระบบประสาท เป็นต้นระบบต่าง ๆ ในร่างกายระบบต่าง ๆ ในร่างกายมีการทำงานที่สัมพันธ์กันเพื่อให้มนุษย์สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติ การทำงานของระบบภายในร่าง
ในการศึกษาทางจิตวิทยาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ซึ่งการที่มนุษย์จะแสดงพฤติกรรมใด ๆ ออกมานั้นเป็นเพราะระบบการทำงานของร่างกาย ไม่ว่านักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้ทำการศึกษาค้นคว้ามาเป็นระยะเวลายาวนานต่างมีความคิดเห็นตรงกันว่าร่างกายมนุษย์ สัตว์ หรือพืชทั้งหลายจะมีโครงสร้างที่ประกอบขึ้นจากหน่วยที่เล็กที่สุดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจนกระทั่งถึงส่วนประกอบที่ใหญ่ที่สุด แต่ละส่วนจะมีการทำงานที่สัมพันธ์กัน โดยไม่มีส่วนใดที่สามารถทำงานอย่างอิสระยกเว้นเม็ดเลือด โดยประมาณได้ว่า 75 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของร่างกายผู้ใหญ่ประกอบด้วยน้ำ ส่วนที่เหลือเป็นสารประกอบทางเคมี สารประกอบเหล่านี้รวมตัวกันเป็นเซลล์ หลายร้อยชนิด ซึ่งเป็นหน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของร่างกาย มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีโครงสร้างสลับซับซ้อนที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนพื้นโลก โดยเฉลี่ยแล้วร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยเซลล์ 80 – 100 ล้านล้านเซลล์แต่ละชุดจะถูกกำหนดให้มีการเจริญเติบโตและทำหน้าที่เฉพาะ โดยเซลล์ชนิดเดียวกันจะรวมตัวเป็นเนื้อเยื่อ (tissues) เนื้อเยื่อหลาย ๆ ประเภทเมื่อมาทำงานร่วมกัน เรียกว่าอวัยวะ (organ) แต่ละอวัยวะเมื่อทำงานร่วมกันเรียกว่าระบบ (system) อาจแสดงโดยแผนผังต่อไปนี้
ดังนั้น เมื่อเซลล์มารวมกลุ่มเป็นเนื้อเยื่อพิเศษ เช่น กล้ามเนื้อ เส้นประสาท กระดูก ฯลฯ เนื้อเยื่อเหล่านี้จะทำงานร่วมกันเป็นอวัยวะและในที่สุดอวัยวะเหล่านี้จะถูกจัดสรรเป็นระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ระบบกล้ามเนื้อ ระบบต่อมต่าง ๆ และระบบประสาท เป็นต้นระบบต่าง ๆ ในร่างกายระบบต่าง ๆ ในร่างกายมีการทำงานที่สัมพันธ์กันเพื่อให้มนุษย์สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติ การทำงานของระบบภายในร่าง
1. ระบบผิวหนัง (Intergumentary System) ทำหน้าที่ห่อหุ้มปกคลุมร่างกาย ประกอบด้วยผิวหนัง (Skin) และอวัยวะที่เปลี่ยนแปลงมาจากผิวหนัง เช่น ขน ผม เล็บ ต่อมเหงื่อ ต่อมน้ำมัน
2. ระบบกล้ามเนื้อ (Muscular System) ทำหน้าที่ช่วยทำให้ร่างกายเกิดการเคลื่อนไหว
3. ระบบโครงกระดูก (Skeletal System) ทำหน้าที่ทำงานร่วมกับระบบกล้ามเนื้อ เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นโครงร่างของร่างกายอีกด้วย
4. ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System) ทำหน้าที่นำอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกาย และนำคาร์บอนไดออกไซด์กับของเสียจากเซลล์มาขับทิ้ง นอกจากนี้ ยังนำฮอร์โมนที่ผลิตได้จากต่อมไร้ท่อเพื่อส่งไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
5. ระบบหายใจ (Respiratory System) ทำหน้าที่รับออกซิเจนจากภายนอกเข้าสู่ร่างกายและนำคาร์บอนไดออกไซด์จากภายในออกมาขับทิ้งสู่ภายนอกร่างกาย โดยอาศัยระบบไหลเวียนโลหิตเป็นตัวกลางในการลำเลียงแก๊ส
6. ระบบประสาท (Nervous System) เป็นระบบที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของทุกระบบในร่างกาย ให้สัมพันธ์กันโดยทำงานร่วมกับระบบต่อมไร้ท่อนอกจากนี้ยังทำหน้าที่รับและตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก
7. ระบบต่อมต่าง ๆ (glands System) ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมน (hormone) ซึ่งเป็นสารเคมีและของเหลวโดยทำงานร่วมกับระบบประสาทในการควบคุมปฏิกริยาการเผาผลาญต่าง ๆ ในร่างกาย
8. ระบบย่อยอาหาร (Digestive System) ทำหน้าที่ย่อยสลายอาหารที่รับประทานเข้าไปให้เป็นสารอาหาร และดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
9. ระบบขับถ่าย (Excretory System) ทำหน้าที่ขับถ่ายของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการให้ออกจากร่างกาย
10. ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System) ทำหน้าที่สืบทอด ดำรงและขยายเผ่าพันธุ์ ให้มีจำนวนมากขึ้น เพื่อไม่ให้สิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์
คำอธิฐานอโหสิกรรม
ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใดในชาติใด ๆ ก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมและนายเวร จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลยแม้แต่กรรมที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติและผู้อุปการะคุณของข้าพเจ้า มีความสุข ความเจริญปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญฯ
Skip to content
multiplication table คณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์พื้นฐาน ตารางสูตรคูณ วิชาคณิต วิชาคณิตศาสตร์ วิชาเลข สูตรคูณ เลข
ท่องจำตารางสูตรคูณ แม่ 1 – แม่ 100
yuwadee yuwadee 23 พ.ย. 2019 126,099
แชร์
ชวนมาทบทวนเรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับคณิตศาสตร์พื้นฐาน อย่างการท่องตารางสูตรคูณ ที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่สามารถจำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยเฉพาะสูตรคูณแม่ 2 ถึง 12 แต่วันนี้เรามีตารางสูตรคูณมาฝาก ตั้งแต่แม่ 1 – แม่ 100 กันเลยทีเดียว ดังนั้นอย่ารอช้าไปฝึกท่องสูตรคูณกันเลย
ท่องจำตารางสูตรคูณ แม่ 1 – แม่ 100
ตารางสูตรคูณแม่ 1
1 x 1 = 1
1 x 2 = 2
1 x 3 = 3
1 x 4 = 4
1 x 5 = 5
1 x 6 = 6
1 x 7 = 7
1 x 8 = 8
1 x 9 = 9
1 x 10 = 10
1 x 11 = 11
1 x 12 = 12
ตารางสูตรคูณแม่ 2
2 x 1 = 2
2 x 2 = 4
2 x 3 = 6
2 x 4 = 8
2 x 5 = 10
2 x 6 = 12
2 x 7 = 14
2 x 8 = 16
2 x 9 = 18
2 x 10 = 20
2 x 11 = 22
2 x 12 = 24
ตารางสูตรคูณแม่ 3
3 x 1 = 3
3 x 2 = 6
3 x 3 = 9
3 x 4 = 12
3 x 5 = 15
3 x 6 = 18
3 x 7 = 21
3 x 8 = 24
3 x 9 = 27
3 x 10 = 30
3 x 11 = 33
3 x 12 = 36
ตารางสูตรคูณแม่ 4
4 x 1 = 4
4 x 2 = 8
4 x 3 = 12
4 x 4 = 16
4 x 5 = 20
4 x 6 = 24
4 x 7 = 28
4 x 8 = 32
4 x 9 = 36
4 x 10 = 40
4 x 11 = 44
4 x 12 = 48
ตารางสูตรคูณแม่ 5
5 x 1 = 5
5 x 2 = 10
5 x 3 = 15
5 x 4 = 20
5 x 5 = 25
5 x 6 = 30
5 x 7 = 35
5 x 8 = 40
5 x 9 = 45
5 x 10 = 50
5 x 11 = 55
5 x 12 = 60
ตารางสูตรคูณแม่ 6
6 x 1 = 6
6 x 2 = 12
6 x 3 = 18
6 x 4 = 24
6 x 5 = 30
6 x 6 = 36
6 x 7 = 42
6 x 8 = 48
6 x 9 = 54
6 x 10 = 60
6 x 11 = 66
6 x 12 = 72
ตารางสูตรคูณแม่ 7
7 x 1 = 7
7 x 2 = 14
7 x 3 = 21
7 x 4 = 28
7 x 5 = 35
7 x 6 = 42
7 x 7 = 49
7 x 8 = 56
7 x 9 = 63
7 x 10 = 70
7 x 11 = 77
7 x 12 = 84
Skip to content
multiplication table คณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์พื้นฐาน ตารางสูตรคูณ วิชาคณิต วิชาคณิตศาสตร์ วิชาเลข สูตรคูณ เลข
ท่องจำตารางสูตรคูณ แม่ 1 – แม่ 100
yuwadee yuwadee 23 พ.ย. 2019 126,099
แชร์
ชวนมาทบทวนเรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับคณิตศาสตร์พื้นฐาน อย่างการท่องตารางสูตรคูณ ที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่สามารถจำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยเฉพาะสูตรคูณแม่ 2 ถึง 12 แต่วันนี้เรามีตารางสูตรคูณมาฝาก ตั้งแต่แม่ 1 – แม่ 100 กันเลยทีเดียว ดังนั้นอย่ารอช้าไปฝึกท่องสูตรคูณกันเลย
ท่องจำตารางสูตรคูณ แม่ 1 – แม่ 100
ตารางสูตรคูณแม่ 1
1 x 1 = 1
1 x 2 = 2
1 x 3 = 3
1 x 4 = 4
1 x 5 = 5
1 x 6 = 6
1 x 7 = 7
1 x 8 = 8
1 x 9 = 9
1 x 10 = 10
1 x 11 = 11
1 x 12 = 12
ตารางสูตรคูณแม่ 2
2 x 1 = 2
2 x 2 = 4
2 x 3 = 6
2 x 4 = 8
2 x 5 = 10
2 x 6 = 12
2 x 7 = 14
2 x 8 = 16
2 x 9 = 18
2 x 10 = 20
2 x 11 = 22
2 x 12 = 24
ตารางสูตรคูณแม่ 3
3 x 1 = 3
3 x 2 = 6
3 x 3 = 9
3 x 4 = 12
3 x 5 = 15
3 x 6 = 18
3 x 7 = 21
3 x 8 = 24
3 x 9 = 27
3 x 10 = 30
3 x 11 = 33
3 x 12 = 36
ตารางสูตรคูณแม่ 4
4 x 1 = 4
4 x 2 = 8
4 x 3 = 12
4 x 4 = 16
4 x 5 = 20
4 x 6 = 24
4 x 7 = 28
4 x 8 = 32
4 x 9 = 36
4 x 10 = 40
4 x 11 = 44
4 x 12 = 48
ตารางสูตรคูณแม่ 5
5 x 1 = 5
5 x 2 = 10
5 x 3 = 15
5 x 4 = 20
5 x 5 = 25
5 x 6 = 30
5 x 7 = 35
5 x 8 = 40
5 x 9 = 45
5 x 10 = 50
5 x 11 = 55
5 x 12 = 60
ตารางสูตรคูณแม่ 6
6 x 1 = 6
6 x 2 = 12
6 x 3 = 18
6 x 4 = 24
6 x 5 = 30
6 x 6 = 36
6 x 7 = 42
6 x 8 = 48
6 x 9 = 54
6 x 10 = 60
6 x 11 = 66
6 x 12 = 72
ตารางสูตรคูณแม่ 7
7 x 1 = 7
7 x 2 = 14
7 x 3 = 21
7 x 4 = 28
7 x 5 = 35
7 x 6 = 42
7 x 7 = 49
7 x 8 = 56
7 x 9 = 63
7 x 10 = 70
7 x 11 = 77
7 x 12 = 84
ตารางสูตรคูณแม่ 8
8 x 1 = 8
8 x 2 = 16
8 x 3 = 24
8 x 4 = 32
8 x 5 = 40
8 x 6 = 48
8 x 7 = 56
8 x 8 = 64
8 x 9 = 72
8 x 10 = 80
8 x 11 = 88
8 x 12 = 96
บอกให้ลูกน้องปั่นให้แต่ไอพีดันเลขเดียวกันกับที่ตอบ แง้ สู้ๆ ปั่นให้ถึง1000เลย
........
Skip to content
multiplication table คณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์พื้นฐาน ตารางสูตรคูณ วิชาคณิต วิชาคณิตศาสตร์ วิชาเลข สูตรคูณ เลข
ท่องจำตารางสูตรคูณ แม่ 1 – แม่ 100
yuwadee yuwadee 23 พ.ย. 2019 126,099
แชร์
ชวนมาทบทวนเรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับคณิตศาสตร์พื้นฐาน อย่างการท่องตารางสูตรคูณ ที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่สามารถจำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยเฉพาะสูตรคูณแม่ 2 ถึง 12 แต่วันนี้เรามีตารางสูตรคูณมาฝาก ตั้งแต่แม่ 1 – แม่ 100 กันเลยทีเดียว ดังนั้นอย่ารอช้าไปฝึกท่องสูตรคูณกันเลย
ท่องจำตารางสูตรคูณ แม่ 1 – แม่ 100
ตารางสูตรคูณแม่ 1
1 x 1 = 1
1 x 2 = 2
1 x 3 = 3
1 x 4 = 4
1 x 5 = 5
1 x 6 = 6
1 x 7 = 7
1 x 8 = 8
1 x 9 = 9
1 x 10 = 10
1 x 11 = 11
1 x 12 = 12
ตารางสูตรคูณแม่ 2
2 x 1 = 2
2 x 2 = 4
2 x 3 = 6
2 x 4 = 8
2 x 5 = 10
2 x 6 = 12
2 x 7 = 14
2 x 8 = 16
2 x 9 = 18
2 x 10 = 20
2 x 11 = 22
2 x 12 = 24
ตารางสูตรคูณแม่ 3
3 x 1 = 3
3 x 2 = 6
3 x 3 = 9
3 x 4 = 12
3 x 5 = 15
3 x 6 = 18
3 x 7 = 21
3 x 8 = 24
3 x 9 = 27
3 x 10 = 30
3 x 11 = 33
3 x 12 = 36
ตารางสูตรคูณแม่ 4
4 x 1 = 4
4 x 2 = 8
4 x 3 = 12
4 x 4 = 16
4 x 5 = 20
4 x 6 = 24
4 x 7 = 28
4 x 8 = 32
4 x 9 = 36
4 x 10 = 40
4 x 11 = 44
4 x 12 = 48
ตารางสูตรคูณแม่ 5
5 x 1 = 5
5 x 2 = 10
5 x 3 = 15
5 x 4 = 20
5 x 5 = 25
5 x 6 = 30
5 x 7 = 35
5 x 8 = 40
5 x 9 = 45
5 x 10 = 50
5 x 11 = 55
5 x 12 = 60
ตารางสูตรคูณแม่ 6
6 x 1 = 6
6 x 2 = 12
6 x 3 = 18
6 x 4 = 24
6 x 5 = 30
6 x 6 = 36
6 x 7 = 42
6 x 8 = 48
6 x 9 = 54
6 x 10 = 60
6 x 11 = 66
6 x 12 = 72
ตารางสูตรคูณแม่ 7
7 x 1 = 7
7 x 2 = 14
7 x 3 = 21
7 x 4 = 28
7 x 5 = 35
7 x 6 = 42
7 x 7 = 49
7 x 8 = 56
7 x 9 = 63
7 x 10 = 70
7 x 11 = 77
7 x 12 = 84
ตารางสูตรคูณแม่ 8
8 x 1 = 8
8 x 2 = 16
8 x 3 = 24
8 x 4 = 32
8 x 5 = 40
8 x 6 = 48
8 x 7 = 56
8 x 8 = 64
8 x 9 = 72
8 x 10 = 80
8 x 11 = 88
8 x 12 = 96
ตารางสูตรคูณแม่ 9
9 x 1 = 9
9 x 2 = 18
9 x 3 = 27
9 x 4 = 36
9 x 5 = 45
9 x 6 = 54
9 x 7 = 63
9 x 8 = 72
9 x 9 = 81
9 x 10 = 90
9 x 11 = 99
9 x 12 = 108
ตารางสูตรคูณแม่ 10
10 x 1 = 10
10 x 2 = 20
10 x 3 = 30
10 x 4 = 40
10 x 5 = 50
10 x 6 = 60
10 x 7 = 70
10 x 8 = 80
10 x 9 = 90
10 x 10 = 100
10 x 11 = 110
10 x 12 = 120
ตารางสูตรคูณแม่ 11
11 x 1 = 11
11 x 2 = 22
11 x 3 = 33
11 x 4 = 44
11 x 5 = 55
11 x 6 = 66
11 x 7 = 77
11 x 8 = 88
11 x 9 = 99
11 x 10 = 110
11 x 11 = 121
11 x 12 = 132
Skip to content
multiplication table คณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์พื้นฐาน ตารางสูตรคูณ วิชาคณิต วิชาคณิตศาสตร์ วิชาเลข สูตรคูณ เลข
ท่องจำตารางสูตรคูณ แม่ 1 – แม่ 100
yuwadee yuwadee 23 พ.ย. 2019 126,099
แชร์
ชวนมาทบทวนเรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับคณิตศาสตร์พื้นฐาน อย่างการท่องตารางสูตรคูณ ที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่สามารถจำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยเฉพาะสูตรคูณแม่ 2 ถึง 12 แต่วันนี้เรามีตารางสูตรคูณมาฝาก ตั้งแต่แม่ 1 – แม่ 100 กันเลยทีเดียว ดังนั้นอย่ารอช้าไปฝึกท่องสูตรคูณกันเลย
ท่องจำตารางสูตรคูณ แม่ 1 – แม่ 100
ตารางสูตรคูณแม่ 1
1 x 1 = 1
1 x 2 = 2
1 x 3 = 3
1 x 4 = 4
1 x 5 = 5
1 x 6 = 6
1 x 7 = 7
1 x 8 = 8
1 x 9 = 9
1 x 10 = 10
1 x 11 = 11
1 x 12 = 12
ตารางสูตรคูณแม่ 2
2 x 1 = 2
2 x 2 = 4
2 x 3 = 6
2 x 4 = 8
2 x 5 = 10
2 x 6 = 12
2 x 7 = 14
2 x 8 = 16
2 x 9 = 18
2 x 10 = 20
2 x 11 = 22
2 x 12 = 24
ตารางสูตรคูณแม่ 3
3 x 1 = 3
3 x 2 = 6
3 x 3 = 9
3 x 4 = 12
3 x 5 = 15
3 x 6 = 18
3 x 7 = 21
3 x 8 = 24
3 x 9 = 27
3 x 10 = 30
3 x 11 = 33
3 x 12 = 36
ตารางสูตรคูณแม่ 4
4 x 1 = 4
4 x 2 = 8
4 x 3 = 12
4 x 4 = 16
4 x 5 = 20
4 x 6 = 24
4 x 7 = 28
4 x 8 = 32
4 x 9 = 36
4 x 10 = 40
4 x 11 = 44
4 x 12 = 48
ตารางสูตรคูณแม่ 5
5 x 1 = 5
5 x 2 = 10
5 x 3 = 15
5 x 4 = 20
5 x 5 = 25
5 x 6 = 30
5 x 7 = 35
5 x 8 = 40
5 x 9 = 45
5 x 10 = 50
5 x 11 = 55
5 x 12 = 60
ตารางสูตรคูณแม่ 6
6 x 1 = 6
6 x 2 = 12
6 x 3 = 18
6 x 4 = 24
6 x 5 = 30
6 x 6 = 36
6 x 7 = 42
6 x 8 = 48
6 x 9 = 54
6 x 10 = 60
6 x 11 = 66
6 x 12 = 72
ตารางสูตรคูณแม่ 7
7 x 1 = 7
7 x 2 = 14
7 x 3 = 21
7 x 4 = 28
7 x 5 = 35
7 x 6 = 42
7 x 7 = 49
7 x 8 = 56
7 x 9 = 63
7 x 10 = 70
7 x 11 = 77
7 x 12 = 84
ตารางสูตรคูณแม่ 8
8 x 1 = 8
8 x 2 = 16
8 x 3 = 24
8 x 4 = 32
8 x 5 = 40
8 x 6 = 48
8 x 7 = 56
8 x 8 = 64
8 x 9 = 72
8 x 10 = 80
8 x 11 = 88
8 x 12 = 96
ตารางสูตรคูณแม่ 9
9 x 1 = 9
9 x 2 = 18
9 x 3 = 27
9 x 4 = 36
9 x 5 = 45
9 x 6 = 54
9 x 7 = 63
9 x 8 = 72
9 x 9 = 81
9 x 10 = 90
9 x 11 = 99
9 x 12 = 108
ตารางสูตรคูณแม่ 10
10 x 1 = 10
10 x 2 = 20
10 x 3 = 30
10 x 4 = 40
10 x 5 = 50
10 x 6 = 60
10 x 7 = 70
10 x 8 = 80
10 x 9 = 90
10 x 10 = 100
10 x 11 = 110
10 x 12 = 120
ตารางสูตรคูณแม่ 11
11 x 1 = 11
11 x 2 = 22
11 x 3 = 33
11 x 4 = 44
11 x 5 = 55
11 x 6 = 66
11 x 7 = 77
11 x 8 = 88
11 x 9 = 99
11 x 10 = 110
11 x 11 = 121
11 x 12 = 132
ตารางสูตรคูณแม่ 12
12 x 1 = 12
12 x 2 = 24
12 x 3 = 36
12 x 4 = 48
12 x 5 = 60
12 x 6 = 72
12 x 7 = 84
12 x 8 = 96
12 x 9 = 108
12 x 10 = 120
12 x 11 = 132
12 x 12 = 144
ตารางสูตรคูณแม่ 13
13 x 1 = 13
13 x 2 = 26
13 x 3 = 39
13 x 4 = 52
13 x 5 = 65
13 x 6 = 78
13 x 7 = 91
13 x 8 = 104
13 x 9 = 117
13 x 10 = 130
13 x 11 = 143
13 x 12 = 156
ตารางสูตรคูณแม่ 14
14 x 1 = 14
14 x 2 = 28
14 x 3 = 42
14 x 4 = 56
14 x 5 = 70
14 x 6 = 84
14 x 7 = 98
14 x 8 = 112
14 x 9 = 126
14 x 10 = 140
14 x 11 = 154
14 x 12 = 168
คำอธิฐานอโหสิกรรม
ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใดในชาติใด ๆ ก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมและนายเวร จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลยแม้แต่กรรมที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติและผู้อุปการะคุณของข้าพเจ้า มีความสุข ความเจริญปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญฯ
10 สูตรขัดผิว เปลี่ยนผิวคล้ำให้กระจ่างใส เนียน นุ่ม หาง่ายจากธรรมชาติ.... อ่านต่อได้ที่ : https://www.chillpainai.com/scoop/11903
ช่วงนี้หลายๆ คนยัง Work From Home อยู่ แต่ก็มีบางส่วนที่กลับมาทำงานที่บริษัทแล้ว...แต่ถึงแม้ว่าจะทำงานที่บ้านหรือออกมาทำงานที่บริษัท
สูตรน้ำผึ้ง + น้ำตาลทรายแดง เริ่มด้วยสูตรสครับผิวยอดฮิต เพราะส่วนประกอบหาง่ายมากๆ ใช้แค่น้ำผึ้งกับน้ำตาลทรายแดงเท่านั้น
สูตรน้ำมะนาว + น้ำมันมะกอก + เกลือ สูตรนี้แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำค่ะ ส่วนผสมจะมีน้ำมะนาว น้ำมันมะกอก และเกลือ....... อ่านต่อได้ที่ : https://www.chillpainai.com/scoop/11903
ช่วงนี้หลายๆ คนยัง Work From Home อยู่ แต่ก็มีบางส่วนที่กลับมาทำงานที่บริษัทแล้ว...แต่ถึงแม้ว่าจะทำงานที่บ้านหรือออกมาทำงานที่บริษัท....... อ่านต่อได้ที่ : https://www.chillpainai.com/scoop/11903
สูตรมะเขือเทศ + น้ำตาลทราย ใครอยากผิวใสปิ๊ง แนะนำให้ทำสูตรนี้เลย เพราะมีมะเขือเทศ ! ในมะเขือเทศมีสารไลโคปีน....... อ่านต่อได้ที่ : https://www.chillpainai.com/scoop/11903
สูตรแตงกวา + น้ำตาล + น้ำมันมะพร้าว แต่ถ้าใครอยากผิวกระจ่างใสด้วย เปล่งปลั่งด้วย แนะนำสูตรแตงกวา น้ำตาล....... อ่านต่อได้ที่ : https://www.chillpainai.com/scoop/11903
คำอธิฐานอโหสิกรรม
ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใดในชาติใด ๆ ก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมและนายเวร จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลยแม้แต่กรรมที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติและผู้อุปการะคุณของข้าพเจ้า มีความสุข ความเจริญปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญฯ
สูตรมะขามเปียก + มะนาว + โยเกิร์ต อีกหนึ่งสูตรที่ช่วยผิวกระจ่างใสไม่แพ้สูตรอื่น คือ สูตรมะขามเปียก มะนาว....... อ่านต่อได้ที่ : https://www.chillpainai.com/scoop/11903
คำอธิฐานอโหสิกรรม
ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใดในชาติใด ๆ ก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมและนายเวร จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลยแม้แต่กรรมที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติและผู้อุปการะคุณของข้าพเจ้า มีความสุข ความเจริญปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญฯ
Skip to content
multiplication table คณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์พื้นฐาน ตารางสูตรคูณ วิชาคณิต วิชาคณิตศาสตร์ วิชาเลข สูตรคูณ เลข
ท่องจำตารางสูตรคูณ แม่ 1 – แม่ 100
yuwadee yuwadee 23 พ.ย. 2019 126,099
แชร์
ชวนมาทบทวนเรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับคณิตศาสตร์พื้นฐาน อย่างการท่องตารางสูตรคูณ ที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่สามารถจำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยเฉพาะสูตรคูณแม่ 2 ถึง 12 แต่วันนี้เรามีตารางสูตรคูณมาฝาก ตั้งแต่แม่ 1 – แม่ 100 กันเลยทีเดียว ดังนั้นอย่ารอช้าไปฝึกท่องสูตรคูณกันเลย
ท่องจำตารางสูตรคูณ แม่ 1 – แม่ 100
ตารางสูตรคูณแม่ 1
1 x 1 = 1
1 x 2 = 2
1 x 3 = 3
1 x 4 = 4
1 x 5 = 5
1 x 6 = 6
1 x 7 = 7
1 x 8 = 8
1 x 9 = 9
1 x 10 = 10
1 x 11 = 11
1 x 12 = 12
ตารางสูตรคูณแม่ 2
2 x 1 = 2
2 x 2 = 4
2 x 3 = 6
2 x 4 = 8
2 x 5 = 10
2 x 6 = 12
2 x 7 = 14
2 x 8 = 16
2 x 9 = 18
2 x 10 = 20
2 x 11 = 22
2 x 12 = 24
ตารางสูตรคูณแม่ 3
3 x 1 = 3
3 x 2 = 6
3 x 3 = 9
3 x 4 = 12
3 x 5 = 15
3 x 6 = 18
3 x 7 = 21
3 x 8 = 24
3 x 9 = 27
3 x 10 = 30
3 x 11 = 33
3 x 12 = 36
ตารางสูตรคูณแม่ 4
4 x 1 = 4
4 x 2 = 8
4 x 3 = 12
4 x 4 = 16
4 x 5 = 20
4 x 6 = 24
4 x 7 = 28
4 x 8 = 32
4 x 9 = 36
4 x 10 = 40
4 x 11 = 44
4 x 12 = 48
ตารางสูตรคูณแม่ 5
5 x 1 = 5
5 x 2 = 10
5 x 3 = 15
5 x 4 = 20
5 x 5 = 25
5 x 6 = 30
5 x 7 = 35
5 x 8 = 40
5 x 9 = 45
5 x 10 = 50
5 x 11 = 55
5 x 12 = 60
ตารางสูตรคูณแม่ 6
6 x 1 = 6
6 x 2 = 12
6 x 3 = 18
6 x 4 = 24
6 x 5 = 30
6 x 6 = 36
6 x 7 = 42
6 x 8 = 48
6 x 9 = 54
6 x 10 = 60
6 x 11 = 66
6 x 12 = 72
ตารางสูตรคูณแม่ 7
7 x 1 = 7
7 x 2 = 14
7 x 3 = 21
7 x 4 = 28
7 x 5 = 35
7 x 6 = 42
7 x 7 = 49
7 x 8 = 56
7 x 9 = 63
7 x 10 = 70
7 x 11 = 77
7 x 12 = 84
ตารางสูตรคูณแม่ 8
8 x 1 = 8
8 x 2 = 16
8 x 3 = 24
8 x 4 = 32
8 x 5 = 40
8 x 6 = 48
8 x 7 = 56
8 x 8 = 64
8 x 9 = 72
8 x 10 = 80
8 x 11 = 88
8 x 12 = 96
ตารางสูตรคูณแม่ 9
9 x 1 = 9
9 x 2 = 18
9 x 3 = 27
9 x 4 = 36
9 x 5 = 45
9 x 6 = 54
9 x 7 = 63
9 x 8 = 72
9 x 9 = 81
9 x 10 = 90
9 x 11 = 99
9 x 12 = 108
ตารางสูตรคูณแม่ 10
10 x 1 = 10
10 x 2 = 20
10 x 3 = 30
10 x 4 = 40
10 x 5 = 50
10 x 6 = 60
10 x 7 = 70
10 x 8 = 80
10 x 9 = 90
10 x 10 = 100
10 x 11 = 110
10 x 12 = 120
ตารางสูตรคูณแม่ 11
11 x 1 = 11
11 x 2 = 22
11 x 3 = 33
11 x 4 = 44
11 x 5 = 55
11 x 6 = 66
11 x 7 = 77
11 x 8 = 88
11 x 9 = 99
11 x 10 = 110
11 x 11 = 121
11 x 12 = 132
ตารางสูตรคูณแม่ 12
12 x 1 = 12
12 x 2 = 24
12 x 3 = 36
12 x 4 = 48
12 x 5 = 60
12 x 6 = 72
12 x 7 = 84
12 x 8 = 96
12 x 9 = 108
12 x 10 = 120
12 x 11 = 132
12 x 12 = 144
ตารางสูตรคูณแม่ 13
13 x 1 = 13
13 x 2 = 26
13 x 3 = 39
13 x 4 = 52
13 x 5 = 65
13 x 6 = 78
13 x 7 = 91
13 x 8 = 104
13 x 9 = 117
13 x 10 = 130
13 x 11 = 143
13 x 12 = 156
ตารางสูตรคูณแม่ 14
14 x 1 = 14
14 x 2 = 28
14 x 3 = 42
14 x 4 = 56
14 x 5 = 70
14 x 6 = 84
14 x 7 = 98
14 x 8 = 112
14 x 9 = 126
14 x 10 = 140
14 x 11 = 154
14 x 12 = 168
ตารางสูตรคูณแม่ 15
15 x 1 = 15
15 x 2 = 30
15 x 3 = 45
15 x 4 = 60
15 x 5 = 75
15 x 6 = 90
15 x 7 = 105
15 x 8 = 120
15 x 9 = 135
15 x 10 = 150
15 x 11 = 165
15 x 12 = 180
ตารางสูตรคูณแม่ 16
16 x 1 = 16
16 x 2 = 32
16 x 3 = 48
16 x 4 = 64
16 x 5 = 80
16 x 6 = 96
16 x 7 = 112
16 x 8 = 128
16 x 9 = 144
16 x 10 = 160
16 x 11 = 176
16 x 12 = 192
คำอธิฐานอโหสิกรรม
ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใดในชาติใด ๆ ก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมและนายเวร จงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลยแม้แต่กรรมที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติและผู้อุปการะคุณของข้าพเจ้า มีความสุข ความเจริญปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญฯ
บทแผ่ส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
ตารางสูตรคูณแม่ 17
17 x 1 = 17
17 x 2 = 34
17 x 3 = 51
17 x 4 = 68
17 x 5 = 85
17 x 6 = 102
17 x 7 = 119
17 x 8 = 136
17 x 9 = 153
17 x 10 = 170
17 x 11 = 187
17 x 12 = 204
ตารางสูตรคูณแม่ 18
18 x 1 = 18
18 x 2 = 36
18 x 3 = 54
18 x 4 = 72
18 x 5 = 90
18 x 6 = 108
18 x 7 = 126
18 x 8 = 144
18 x 9 = 162
18 x 10 = 180
18 x 11 = 198
18 x 12 = 216
บทแผ่ส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
สูตรกากกาแฟ + น้ำผึ้ง + โยเกิร์ต มาสครับผิวด้วยกากกาแฟกันบ้าง โดยใช้กากกาแฟมาผสมกับน้ำผึ้งและโยเกิร์ตธรรมชาติ....... อ่านต่อได้ที่ : https://www.chillpainai.com/scoop/11903
สูตรเปลือกส้ม + น้ำผึ้ง สำหรับใครอยากผิวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ รอยสิวต่างๆ ต้องสูตรนี้เลย เปลือกส้ม+น้ำผึ้ง....... อ่านต่อได้ที่ : https://www.chillpainai.com/scoop/11903
บทแผ่ส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
ตารางสูตรคูณแม่ 19
19 x 1 = 19
19 x 2 = 38
19 x 3 = 57
19 x 4 = 76
19 x 5 = 95
19 x 6 = 114
19 x 7 = 133
19 x 8 = 152
19 x 9 = 171
19 x 10 = 190
19 x 11 = 209
19 x 12 = 228
ตารางสูตรคูณแม่ 20
20 x 1 = 20
20 x 2 = 40
20 x 3 = 60
20 x 4 = 80
20 x 5 = 100
20 x 6 = 120
20 x 7 = 140
20 x 8 = 160
20 x 9 = 180
20 x 10 = 200
20 x 11 = 220
20 x 12 = 240
บทแผ่ส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
สูตรมะกรูด + น้ำผึ้ง + นมสด ถัดไปก็เป็นสูตรที่ช่วยเรื่องผิวกระจ่างใสเช่นเดียวกัน ส่วนผสมจะมีน้ำมะกรูด....... อ่านต่อได้ที่ : https://www.chillpainai.com/scoop/11903
บทแผ่ส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
ตารางสูตรคูณแม่ 21
21 x 1 = 21
21 x 2 = 42
21 x 3 = 63
21 x 4 = 84
21 x 5 = 105
21 x 6 = 126
21 x 7 = 147
21 x 8 = 168
21 x 9 = 189
21 x 10 = 210
21 x 11 = 231
21 x 12 = 252
ตารางสูตรคูณแม่ 22
22 x 1 = 22
22 x 2 = 44
22 x 3 = 66
22 x 4 = 88
22 x 5 = 110
22 x 6 = 132
22 x 7 = 154
22 x 8 = 176
22 x 9 = 198
22 x 10 = 220
22 x 11 = 242
22 x 12 = 264
ตารางสูตรคูณแม่ 23
23 x 1 = 23
23 x 2 = 46
23 x 3 = 69
23 x 4 = 92
23 x 5 = 115
23 x 6 = 138
23 x 7 = 161
23 x 8 = 184
23 x 9 = 207
23 x 10 = 230
23 x 11 = 253
23 x 12 = 276
บทแผ่ส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
บทแผ่ส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
บทแผ่ส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
บทแผ่ส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
บทแผ่ส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า มีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง มีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
1.บทบูชาพระรัตนตรัยี
- บาลี
อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา
พุทฺธํฺ ภควนฺตํ อภิวาเทมิ
สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม
ธมฺมํ นมสฺสามิ
สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ
สงฺฆํ นมามิ
- อ่าน
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
สะหวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สังฆัง นะมามิ (กราบ)
- แปล
สมเด็จพระผู้มีพระภาคเป็นพระอรหันต์
หมดจดจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง
ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
ข้าพเจ้าขออภิวาทพระพุทธเจ้าผู้มีพระภาค
:พระพธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว
ข้าพเจ้าขอนมัสการพระธรรม
:พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคปฏิบัติดีแล้ว
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระสงฆ์
2. บทนมัสการพระพุทธเจ้า
นโม ตสสฺ ภควโต
อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสสฺ ภควโต
อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสสฺ ภควโต
อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
(ทวน ๓ ครั้ง)
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ผู้เป็นอรหันต์ ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
3.บทพระพุทธคุณ
- บาลี
อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู
อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ
สตฺถาเทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ
- อ่าน
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
อนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ
สัตถาเทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ
- แปล
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นผู้แจกจ่ายธรรม
เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ดีโดยชอบด้วยพระองค์เอง
ทรงถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ(ความรู้และความประพฤติ)
เสด็จไปดี(คือไปที่ใดก็ยังประโยชน์ให้ที่นั้น) ทรงรู้แจ้งโลก
ทรงเป็นสารถีฝึกคนที่ควรฝึก หาผู้อื่นเปรียบมิได้
ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ทรงเป็นผู้ตื่น ทรงเป็นผู้แจกจ่ายธรรม
- บทพระพุทธคุณ (ทำนองสรภัญญะ)
องค์ใดพระสัมพุทธ
ตัดมูลกิเลสมาร
หนึ่งนัยพระทัยท่าน
ราคี บ พันพัว
องค์ใดประกอบด้วย
โปรดหมู่ประชากร
ชี้ทางบรรเทาทุกข์
ชี้ทางพระนฤพาน
พร้อมเบญจพิธจัก-
เห็นเหตุที่ใกล้ไกล
กำจัดน้ำใจหยาบ
สัตว์โลกได้พึ่งพิง
ข้าฯ ขอประณตน้อม
สัมพุทธการุญ- สุวิสุทธสันดาน
บ มิหม่นมิหมองมัว
ก็เบิกบานคือดอกบัว
สุวคนธกำจร
พระกรุณาดังสาคร
มละโอฆกันดาร
และชี้สุขเกษมศานต์
อันพ้นโศกวิโยคภัย
ษุจรัสวิมลใส
ก็เจนจบประจักษ์จริง
สันดานบาปแห่งชายหญิง
มละบาปพำเพ็ญบุญ
ศิระเกล้าบังคมคุณ
ญภาพนั้นนิรันดรฯ
กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอ
4. บทพระธรรมคุณ
- บาลี
สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺฐิโก
อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺจตฺตํ
เวทิตพฺโพ วิญฺญูหีติ
- อ่าน
สะหวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฺฐิโก
อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง
เวทิตัพโพ วิญญูหีติ
- แปล
พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล
เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด
เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ดังนี้...
- บทพระธรรมคุณ (ทำนองสรภัญญะ)
ธรรมะคือคุณากร
ดุจดวงประทีปชัชวาล
แห่งองค์พระศาสดาจารย์
สว่างกระจ่างใจมล
ธรรมใดนับโดยมรรคผล
และเก้ากับทั้งนฤพาน
สมญาโลกอุดรพิศดาร
พิสุทธิ์พิเศษสุกใส
อีกธรรมต้นทางครรไล
ปฏิบัติปฏิยัติเป็นสอง
คือทางดำเนินดุจคลอง
ยังโลกอุดรโดยตรง
ข้าฯ ขอโอนอ่อนอุตมงค์
ด้วยจิตและกายวาจาฯ ส่วนชอบสาคร
ส่องสัตว์สันดาน
เป็นแปดพึงยล
อันลึกโอฬาร
นามขนานขานไข
ให้ล่วงลุปอง
นบธรรมจำนง
5. บทพระสังฆคุณ
- บาลี
สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ
อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ
ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ
สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ
ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺฐ ปุริสปุคฺคลา
เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย
ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อญฺชลีกรณีโย
อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติ
- อ่าน
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย
ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย
อนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ
- แปล
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติตรงแล้ว
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติสมควรแล้ว
ได้แก่บุคคลเหล่านี้ คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ
นั้นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา
เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ
เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน
เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี
เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีเนื้อนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้.
- บทพระสังฆคุณ (ทำนองสรภัญญะ)
สงฆ์ใดสาวกศาสดา
แต่องค์สมเด็จภควันต์
เห็นแจ้งจตุสัจเสร็จบรร-
ระงับและดับทุกข์ภัย
โดยเสด็จพระผู้ตรัสไตร
สะอาดและปราศมัวหมอง
เหินห่างทางข้าศึกปอง
ด้วยกายและวาจาใจ
เป็นเนื้อนาบุญอันไพ-
และเกิดพิบูลย์พูนผล
สมญาเอารสทศพล
อเนกจะนับเหลือตรา
ข้าฯ ขอนบหมู่พระศรา-
นุคุณประดุจรำพัน
ด้วยเดชบุญข้าอภิวันท์
อุดมดิเรกนิรัติศัย
จงช่วยขจัดโพยภัย
จงดับและกลับเสื่อมสูญฯ
รับปฏิบัติมา
ลุทางที่อัน
ปัญญาผ่องใส
บ มิลำพอง
ศาลแด่โลกัย
มีคุณอนนต์
พกทรงคุณา-
พระไตรรัตน์อัน
อันตรายใดใด
กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
6.บทชยสิทธิคาถา
- บาลี
พาหํุ สหสฺสมภินิมฺมิตสาวุธนฺตํ คฺรีเมขลํ
อุทิตโฆรสเสนมารํ ทานาทิธมฺมวธินา ชิตฺวา
มุนินฺโท ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยสิทฺธิ นิจฺจํ
- อ่าน
พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง
อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวะธินา ชิตะฺวา
มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะสิทธิ นิจจัง
- แปล
สมเด็จพระผู้มีพระภาค ผู้เป็นจอมของนักปราชญ์
ทรงชนะพญามารพร้อมด้วยเสนา ซึ่งเนรมิตแขนได้ตั้งพัน
มีมือถืออาวุธครบทั้งพันมือ ขี่ช้างคีรีเมขล์ ส่งเสียงสนั่นน่ากลัว
ด้วยธรรมวิธีทานบารมีเป็นต้น และด้วยเดชาของพระผู้มีพระภาค
พระองค์นั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน
- บทชยสิทธิคาถา (ทำนองสรภัญญะ)
ปางเมื่อพระองค์ประระมะพุท-
ตรัสรู้อนุตตะระสะมา
ขุนมารสหัสสะพหุพา-
ขี่คีรีเมขะละประทัง
แสร้งเสกสะราวุธะประดิษฐ์
รุมพลพหลพยุหปาน
หวังเพื่อผจญวะระมุนิน-
พระปราบพหลพยุหะมา
ด้วยเดชะองค์พระทศพล
ทานาธิธรรมะวิธิกูล
ด้วยเดชะสัจจะวะจะนา
ขอจงนิกรพละสยาม
ถึงแม้จะมีอริวิเศษ
ขอไทยผจญพิชิตะผลาญ ธะวิสุทธะศาสดา
ธิ ณ โพธิบัลลังก์
หุวิชาวิชิตขลัง
คชะเหี้ยมกระเหิมหาญ
กละคิดจะรอนราญ
พระสมุทรทะนองมา
ทะสุชินะราชา
ระมะเลืองมะลายสูญ
สุวิมละไพบูลย์
ชนะน้อมมโนตาม
และนมามิองค์สาม
ชยะสิทธิทุกวาร
พละเดชะเทียมมาร
อริแม้นมุนินทรฯ
กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
6.บทชยสิทธิคาถา
- บาลี
พาหํุ สหสฺสมภินิมฺมิตสาวุธนฺตํ คฺรีเมขลํ
อุทิตโฆรสเสนมารํ ทานาทิธมฺมวธินา ชิตฺวา
มุนินฺโท ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยสิทฺธิ นิจฺจํ
- อ่าน
พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง
อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวะธินา ชิตะฺวา
มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะสิทธิ นิจจัง
- แปล
สมเด็จพระผู้มีพระภาค ผู้เป็นจอมของนักปราชญ์
ทรงชนะพญามารพร้อมด้วยเสนา ซึ่งเนรมิตแขนได้ตั้งพัน
มีมือถืออาวุธครบทั้งพันมือ ขี่ช้างคีรีเมขล์ ส่งเสียงสนั่นน่ากลัว
ด้วยธรรมวิธีทานบารมีเป็นต้น และด้วยเดชาของพระผู้มีพระภาค
พระองค์นั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน
- บทชยสิทธิคาถา (ทำนองสรภัญญะ)
ปางเมื่อพระองค์ประระมะพุท-
ตรัสรู้อนุตตะระสะมา
ขุนมารสหัสสะพหุพา-
ขี่คีรีเมขะละประทัง
แสร้งเสกสะราวุธะประดิษฐ์
รุมพลพหลพยุหปาน
หวังเพื่อผจญวะระมุนิน-
พระปราบพหลพยุหะมา
ด้วยเดชะองค์พระทศพล
ทานาธิธรรมะวิธิกูล
ด้วยเดชะสัจจะวะจะนา
ขอจงนิกรพละสยาม
ถึงแม้จะมีอริวิเศษ
ขอไทยผจญพิชิตะผลาญ ธะวิสุทธะศาสดา
ธิ ณ โพธิบัลลังก์
หุวิชาวิชิตขลัง
คชะเหี้ยมกระเหิมหาญ
กละคิดจะรอนราญ
พระสมุทรทะนองมา
ทะสุชินะราชา
ระมะเลืองมะลายสูญ
สุวิมละไพบูลย์
ชนะน้อมมโนตาม
และนมามิองค์สาม
ชยะสิทธิทุกวาร
พละเดชะเทียมมาร
อริแม้นมุนินทรฯ
กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
คาถาบูชาไหว้พระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ ขอพรแล้วได้ดั่งใจหวัง
รวมคาถาบูชาพระพิฆเนศแบบต่าง ๆ พร้อมวิธีเตรียมของไหว้ และขั้นตอนการสักการะพระพิฆเนศ ไหว้ได้ทุกเพศทุกวัย ขอพรได้ไม่จำกัด ช่วยเรื่องพ้นอุปสรรคและความสำเร็จโดยตรง
12 ต.ค. 2020 · โดย tonhom
องค์ “พระพิฆเนศ” เทพเจ้าที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าเราจะไปไหนในประเทศไทย ก็มักจะเห็นองค์รูปปั้นพระพิฆเนศอยู่เกือบทุกที ด้วยความที่องค์พระพิฆเนศเป็นมหาเทพผู้ทรงภูมิปัญญายิ่งใหญ่ สามารถขจัดอุปสรรคและช่วยหนุนเรื่องความสำเร็จโดยตรง บูชาง่าย ไม่ต้องมีพิธีรีตรองเยอะ จึงทำให้ผู้คนทั่วโลกนิยมบูชากันอย่างแพร่หลาย แต่ว่าจะมีคาถาและขั้นตอนบูชาพระพิฆเนศอย่างไรบ้าง ตามมาดูที่ Wongnai นำมาฝากกันเลย~ อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/news/wai-bucha-phra-phikkhanet?ref=ct
ตำนานเกี่ยวกับพระพิฆเนศ
พระพิฆเนศ เป็นโอรสของพระศิวะกับพระศรีมหาอุมาเทวี มีอีกชื่อหนึ่งว่า “คชานนท์” มีกายเป็นมนุษย์ มีเศียรเป็นช้าง มีงาข้างเดียว พระวรกายสีแดง สีชมพู สีขาว และสีเหลือง เป็นต้น นุ่งห่มภูษาแดง มี 4 กร ถือบ่วงบาศ ตะขอสับช้าง และมีเทพศัสตราวุธอีกหลายชนิด มีพาหนะบริวารคือ หนู ชื่อว่า “มุสิกะ”
โดยชนพื้นเมืองอินเดีย นอกจากจะมีลัทธิการบูชาสัตว์ หรือลัทธิแห่งชัยชนะเหนือธรรมชาติแล้ว ยังเชื่อว่า หนู เป็นสัญลักษณ์ของความมืด ซึ่งพระพิฆเนศทรงขี่หนู จึงหมายถึง “ชัยชนะของแสงอาทิตย์ ที่ขจัดความมืดให้หมดสิ้นไป” เป็นเทพเจ้าผู้ทรงขจัดอุปสรรคทั้งปวง เป็นเทพเจ้าแห่งความฉลาดรอบรู้ ความสำเร็จ เป็นเทพประจำเรือน ผู้ประทานความอุดมสมบูรณ์ และคุ้มครองป้องกันสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/news/wai-bucha-phra-phikkhanet?ref=ct
ไหว้พระพิฆเนศช่วยเรื่องอะไร
ตามความเชื่อแล้ว พระพิฆเนศถือได้ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งจักรวาล ดังนั้นการสักการะบูชาพระพิฆเนศ และการอธิษฐานขอพรใด ๆ ที่ไม่เกินวาสนาบารมี ย่อมสำเร็จได้ทุกสิ่งอย่าง องค์พระพิฆเนศย่อมประทานพรให้สมปรารถนาเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การงาน การเงิน และความรัก อีกทั้งยังช่วยปัดเป่าอุปสรรค แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตลอดจนช่วยให้ทุกอย่างประสบผลสำเร็จ
การเตรียมการสักการะพระพิฆเนศ
การสักการะบูชาพระพิฆเนศหลัก ๆ สามารถบูชาได้ทุกวัน สามารถบูชาได้ทุกคน และสามารถขอพรได้อย่างไม่จำกัด แต่ถ้าอยากจะบูชาอย่างถูกต้องตามความเชื่อ มีหลักการที่ว่าควรเริ่มต้นบูชาพระพิฆเนศใน “วันอังคาร” และ “วันพฤหัสบดี” เพื่อถวายตัวเป็นผู้ศรัทธาหรือลูกศิษย์ของพระพิฆเนศ จากนั้นวันต่อ ๆ ไป ให้สักการะตามปกติวันไหนก็ได้ เพราะถือว่าเป็นฤกษ์มงคลทั้งนั้น ไม่มีวันไหนที่ไม่เหมาะแก่การบูชาพระพิฆเนศเลย อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/news/wai-bucha-phra-phikkhanet?ref=ct
ของไหว้บูชาพระพิฆเนศ
สำหรับของไหว้พระพิฆเนศ ห้ามใช้เนื้อสัตว์ทุกชนิด *สามารถใช้ขนมที่มีส่วนผสมของไข่ได้บ้าง แต่ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง โดยให้ถวายเป็น
ผลไม้ : อ้อย
เครื่องดื่ม : น้ำอ้อยและนมวัว
ขนมไทยและขนมอินเดีย : ขนมโมทกะ, ขนมต้มแดง, ขนมต้มขาว และขนมหวานลาดูป
ของไหว้อื่น ๆ : ข้าวสาร, เกลือ, พืช, ผัก, งา, สมุนไพร, ธัญพืช และเครื่องเทศทุกชนิด
ขั้นตอนการบูชาพระพิฆเนศ
ถวายเครื่องบูชาสักการะ โดยนำของทั้งหมดวางไว้หน้าเทวรูปพระพิฆเณศ
วางดอกไม้ไหว้หน้าเทวรูป หรือถ้าร้อยเป็นพวงให้นำไปคล้องที่พระกรของเทวรูป
จุดเทียน ธูปหอม กำยาน ฯลฯ ต่อหน้าเทวรูป
ทำจิตใจให้สงบแล้ว ตั้งนะโม 3 จบ และเริ่มกล่าวบทสวดพระพิฆเนศ
พอท่องบทสวดมนต์เสร็จแล้ว ให้อธิษฐานขอพรเป็นภาษาไทย
กล่าวคำว่า “โอม ศานติ” (3 ครั้ง) ขอความสันติและสงบสุข เป็นอันเสร็จพิธี อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/news/wai-bucha-phra-phikkhanet?ref=ct
https://www.siamganesh.com/ganeshmantra.html
***สงวนลิขสิทธิ์บทความ***
การนำเนื้อหาไปใช้ที่อื่นกรุณาอ้างอิงและขอบคุณเว็บไซต์สยามคเณศและทำลิงก์กลับมาที่ http://www.siamganesh.com
--- หน้านี้จะอัพเดตทุกครั้งที่ทีมงานได้แปลบทสวดเพิ่มเติม ---
บทสวดมนต์ หรือ คาถา สำหรับบูชาพระพิฆเนศนั้น
ในแบบดั้งเดิมโบราณ มีเป็นร้อยๆ กว่าบท..
และแบบสมัยใหม่ที่มีการดัดแปลงความหมายให้เหมาะสม ก็มีอีกหลายพันบท
ตามแต่ละประเทศ ลัทธิ และวัฒนธรรมท้องถิ่นที่แตกต่างกันออกไป
(เช่นในประเทศไทย ก็มีการประพันธ์บทสวดพระพิฆเนศขึ้นมาใหม่หลายบทเช่นกัน)
ท่านสามารถเลือกสวดบทใดๆได้ตามความสะดวก หรือเท่าที่จำได้
ควรเริ่มต้นจากการสวดบทเดียว จากนั้นให้ท่องจำและศึกษาเพิ่มเติมจนสามารถสวดได้หลายๆ บท
ในแต่ละบทสวด จะสวดบูชาแค่รอบเดียวหรือสวด 3 , 5 , 7 , 9 จบก็สามารถทำได้
แต่ชาวฮินดูไม่มีการกำหนดตายตัวว่า มนต์บทใดจะต้องสวดกี่รอบ
สามารถเลือกสวดมนต์บทใดๆ ก่อน-หลัง ได้ด้วยตนเอง จากนั้นจึงขอพร
ชาวพุทธสามารถตั้งนะโม 3 จบแล้วค่อยสวดมนต์บูชาเทพทางพราหมณ์ได้
แต่ผู้นับถือศาสนาพราหมณ์จะเริ่มสวดบูชาพระพิฆเนศเป็นอันดับแรก
แล้วต่อด้วยการสวดบูชาเทพองค์อื่นๆที่นับถือเพิ่มเติม
คาถา บทสวดบูชาพระพิฆเนศที่มีผู้นิยมใช้มากที่สุด อันได้แก่
- โอม ศรี คเณศายะ นะมะหะ (เป็นบทสวดหลัก)
- โอม คัง คะณะปัตตะเย นะมะหะ
(บทสวดของอินเดียเหนือ)
- โอม เหรัมภายะ นะมะหะ
(หมายถึง ขอบูชามหาเทพผู้ยิ่งใหญ่)
- โอม เอกะทันตายะ นะมะหะ
(หมายถึง ขอบูชาเทพผู้มีงาข้างเดียว)
- โอม ชยะคเณศะ / ชยะคเณศะ / ชยะคเณศะ เทวา
ออกเสียงตาม ไจยกาเนช มนตรา ได้ว่า - โอม ไจย กาเนชา ไจย กาเนชา ไจย กาเนชา เดวา
(หมายถึง ขอชัยชนะจงมีแด่องค์พระพิฆเนศ)
- โอม ศรี มหา คณาธิ ปัตเย นะมะหะ
- โอม พระพิฆเณศวร สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ
ทุติยัมปิ พระพิฆเณศวร สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ
ตะติยัมปิ พระพิฆเณศวร สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ (บทสวดของไทย)
- โอม นะโม พระคเณศายะ / นะโมนะมะ คันธะมาละ
สิทธาหะนัง กะพะมะนะ / สัมมาอะระหัง วันทามิ (บทสวดของศิลปากร)
- โองการพินทุ นาถัง อุปปันนัง
พรหมมะโน จะอินโท พิฆเณศวรโต มหาเทโว
อะหัง วันทามิ สัพพะทา / สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิการิยัง ประสิทธิเมฯ
(บทสวดของไทยและที่ปรากฎ ณ ศาลพระพิฆเนศ เซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์)
- มหาเทวะ มหาสลัม มหาวะศะการัม
พระพิฆเณวา สะวะลัม พรหมมานัง
วิญญานัง โอม ทูปัง ทีปัง / มะนะสะการัม บุปผัง ญะลา ผลังนิล
(บทสวดของพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ)
วิธีทำ ไข่ตุ๋น ให้เนื้อเนียนเด้งดึ๋ง
ไข่ตุ๋น เป็นเมนูที่ทานง่ายได้ประโยชน์ และทำง่ายอีกด้วย เมนูที่กินกันตั้งแต่เด็กๆ แต่มักประสบพบเจอว่าไข่ตุ๋นที่เคยกินที่บ้านนั้น เนื้อไม่เนียนเหมือนไข่ตุ๋นที่ร้านอาหารญี่ปุ่น วิธีการทำไข่ตุ๋นให้เนื้อเนียนแค่ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้…
ส่วนผสม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำซุป 1 ถ้วยตวง (หรือ 3เท่าของไข่)
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนชา
ซุปก้อนสำเร็จรูป ครึ่งก้อน
เห็ดหอม กุ้งสด ปูอัด หรือเครื่องเคียงต่างๆ ตามความชอบ
วิธีทำ
1เตรียมน้ำซุป ใช้ซุปก้อนผสมกันน้ำร้อน แล้วพักไว้ให้เย็น
2ตอกไข่ใส่ชาม ใช้วิธีคนให้เข้ากันเบาๆ ด้วยตะเกียบ ไม่ต้องตีแรง เดียวจะทำให้ไข่ตุ๋นไม่เนียน
3เติมน้ำซุปลงไปพร้อมกับปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว คนให้เข้ากันอีกครั้ง
4วิธีการที่ทำให้ไข่เนียน โดยใช้กระชอนตาถี่ กรองใส่ถ้วยที่จะนำไปนึ่ง
5ต้มน้ำให้เดือด นำไข่วางบนตะแกรงนึ่ง ลดไฟให้อ่อนลง เมื่อไข่เริ่มจะสุกก็ใส่เครื่องเคียงวางไว้ด้านบน
6รอเวลาไข่สุก 10 – 15 นาที วิธีเช็คให้เอาไม้จิ้มฟันจิ้มดูว่าสุกหรือไม่
7เมื่อสุกดีแล้วให้นำขึ้นจากเตาและโรยด้วยต้นหอมตามความชอบเลยค่ะ
https://www.google.com/amp/s/food.mthai.com/food-recipe/100610.html/amp
น้ำพริกกะปิ กับ 8 สูตรเด็ดพร้อมวิธีทําน้ำพริกกะปิ อาหารไทยอร่อยได้ในถ้วยเดียว เหมาะเป็นเครื่องจิ้มและอาหารจานเดียว กินได้เรื่อย ๆ แบบไม่จำเจ
เอ่ยถึงเมนูน้ำพริกไทยอันดับต้น ๆ หลายคนคงนึกถึงเมนูน้ำพริกกะปิ รู้ไหมว่าเอามาทำเป็นเครื่องจิ้มก็ได้ หรือเอามาทำอาหารจานเดียวก็เก๋ ใครสนใจทำกินอร่อยในวันหยุดบ้าง กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ 8 เมนูน้ำพริกกะปิ ได้แก่ น้ำพริกกะปิ น้ำพริกกะปิกุ้งสด น้ำพริกกะปิมะม่วง น้ำพริกกะปิหลน น้ำพริกกะปิหวาน ข้าวห่อน้ำพริกกะปิปลาทูทอด และข้าวผัดน้ำพริกกะปิ โอ้โห ! มีเยอะจนเลือกไม่ถูกเลย ขอหลับตาจิ้มแป๊บ
1. น้ำพริกกะปิ
พบกับเมนูน้ำพริกกะปิสูตรเบสิกกันก่อนเลยค่ะ สูตรนี้ทำง่ายมาก ๆ จับส่วนผสมทุกอย่างไปโขลกจนนัว เสิร์ฟกับผักสด ผักลวก ปลาทูทอด และไข่เจียวชะอม มื้อเย็นนี้จัดสักมื้อกันนะคะ
ส่วนผสม น้ำพริกกะปิ
• พริกขี้หนูสวน 1 ช้อนโต๊ะ
• กระเทียม (ปอกเปลือก) 1 ช้อนโต๊ะ
• หอมแดง (ปอกเปลือก) 1 หัว
• กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
• มะเขือพวง 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
• พริกขี้หนูสวน (โรยหน้า)
• ผักสด หรือผักลวก (ตามชอบ)
• ปลาทูทอด
• ไข่เจียวชะอม
วิธีทำน้ำพริกกะปิ
1. โขลกพริกขี้หนูสวน กระเทียม และหอมแดงพอหยาบ
2. ใส่กะปิ น้ำตาลปี๊บ และมะเขือพวงลงโขลกให้เข้ากัน
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำมะนาว เติมน้ำต้มสุกคนผสมให้เข้ากัน ชิมรส
4. ตักใส่ถ้วย รับประทานคู่กับผักสด ผักลวก ปลาทูทอด และไข่เจียวชะอม
2. น้ำพริกกะปิกุ้งสด
น้ำพริกกะปิเหลือจากเมื่อวานถ้าให้กินต่อก็เบื่อ ลองเพิ่มออปชั่นอย่างกุ้งสดลงไปสิคะ กลายเป็นน้ำพริกกะปิกุ้งสด คราวนี้ฟินกว่าเดิมแน่นอนจ้า
ส่วนผสม น้ำพริกกะปิกุ้งสด
• กุ้งต้มสุก 10 ตัว
• พริกขี้หนู 10-15 เม็ด (หรือตามชอบ)
• กระเทียม 10 กลีบ
• กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
• มะเขือพวง 1 ช้อนโต๊ะ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
• น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำพริกกะปิกุ้งสด
1. หั่นกุ้งต้มเป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้
2. โขลกพริกขี้หนูสวนและกระเทียมพอหยาบ ใส่กะปิ น้ำตาลปี๊บ และมะเขือพวงลงโขลกให้เข้ากัน
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว เติมน้ำต้มสุกคนผสมให้เข้ากัน ชิมรส
4. ใส่เนื้อกุ้งลงไปคนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟคู่กับผักสด ผักลวก ปลาทูทอด และไข่เจียวชะอมตามชอบ
3. น้ำพริกกะปิมะม่วง
และแล้วก็มาถึงเมนูน้ำพริกกะปิมะม่วงที่รอคอย สูตรนี้ใส่พระเอกคือ มะม่วงเปรี้ยวสับลงไปผสมกับกะปิ ปรุงรสให้ออกเปรี้ยว หวานนิด เผ็ดหน่อย ลองทำสิคะ ไม่ยากเลย
ส่วนผสม น้ำพริกกะปิมะม่วง
• พริกขี้หนู 10-15 เม็ด
• กระเทียม 10 กลีบ
• กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
• มะม่วงเปรี้ยวสับ 1 ถ้วย
วิธีทำน้ำพริกกะปิมะม่วง
1. โขลกพริกขี้หนูสวนและกระเทียมพอหยาบ ใส่กะปิและน้ำตาลปี๊บลงไปโขลกให้เข้ากัน
2. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว เติมน้ำต้มสุกคนผสมให้เข้ากัน ชิมรส
3. ใส่มะม่วงเปรี้ยวสับลงไปคนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟคู่กับผักสด ผักลวก ปลาทูทอด และไข่เจียวชะอมตามชอบ
4. น้ำพริกกะปิหลน
ถ้าใครเบื่อน้ำพริกกะปิแบบเดิม ๆ ต้องลองเมนูน้ำพริกกะปิหลน สูตรจาก คุณบ่งบ๊ง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับเมนูน้ำพริกกะปิกับเมนูหลนมาฟีเจอริ่ง เพิ่มกุ้งสับลงไป กินกับผักเคียงและข้าวสวยสักจานก็อิ่มแปล้แล้ว
ส่วนผสม น้ำพริกกะปิหลน
• หอมแดงหั่น 1/4 ถ้วยตวง
• ตะไคร้หั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
• กระชายหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
• กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
• พริกแห้งเม็ดใหญ่ 3 เม็ด (แช่น้ำจนนุ่ม)
• กะปิ 3 ช้อนโต๊ะ
• ปลาย่าง (แกะเอาแต่เนื้อ) 1/2 ถ้วย
• กุ้งแห้งป่น
• มะพร้าวคั่ว
• หัวกะทิ 1 ถ้วย
• กุ้งสับ
• หางกะทิ 1 ถ้วย + 1/2 ถ้วย
• น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
• พริกชี้ฟ้าสีเขียว สีแดง และสีเหลือง (หั่นท่อน) 2-5 เม็ด
• ใบมะกรูด
วิธีทำน้ำพริกกะปิหลน
1. นำเครื่องปรุงสมุนไพรต่าง ๆ ได้แก่ หอมแดง ตะไคร้ กระชาย และกระเทียมไปคั่ว หรือย่างให้พอสุก
2. เมื่อสมุนไพรทั้งหมดสุกได้ที่แล้ว ก็นำมาโขลกในครกหิน หากโขลกแล้วยังไม่ละเอียด สามารถใส่ลงไปในเครื่องผสมอาหาร (Food Processor) แล้วปั่นให้ละเอียดอีกรอบ
3. โขลกพริกแห้งและกะปิให้ละเอียด เติมตะไคร้ กระชาย หอมแดง และกระเทียม ใส่ปลาย่างลงไปโขลกให้เข้ากัน ซึ่งในขั้นตอนนี้ นอกเหนือจากเครื่องปรุงในสูตรแล้ว คุณบ่งบ๊ง ได้เพิ่มกุ้งแห้งป่นกับมะพร้าวคั่วโขลกละเอียดลงไปด้วย
4. เคี่ยวหัวกะทิในกระทะด้วยไฟกลางให้กะทิแตกมัน จากนั้นใส่น้ำพริกที่โขลกแล้วลงไปผัดให้หอม
5. ตามสูตรให้ใส่หมูสับลงไป แต่คุณบ่งบ๊งขอใส่เป็นกุ้งสับแทน จากนั้นผัดน้ำพริกให้เข้ากัน
6. ใส่หางกะทิ และเคี่ยวพอข้น เริ่มปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา
7. ใส่พริกชี้ฟ้าสามสีหั่นท่อนสั้น ๆ เนื่องจากคุณบ่งบ๊งชอบรับประทานพริกแบบสุก ๆ นิ่ม ๆ ดังนั้นจึงใส่พริกตั้งแต่ตอนแรกก่อนเคี่ยวส่วนผสม เพราะเมื่อปรุงเสร็จพริกที่ใส่ไปก็จะนิ่มและสุกพอดี
8. ฉีกใบมะกรูดใส่ลงไปเพื่อเพิ่มความหอมของน้ำพริก
5. น้ำพริกกะปิหวาน
มะม่วงเปรี้ยวต้องจิ้มกับน้ำพริกกะปิหวาน หรือน้ำปลาหวานถึงจะอร่อย ใครสนใจขอแนะนำสูตรจากร้านพี่ชุ ขนมจีนปักษ์ใต้ รายการครัวคุณต๋อย สูตรนี้ใส่กุ้งฝอยกับเครื่องเคราต่าง ๆ ปรุงรสเผ็ดตามชอบ เตรียมมะม่วงเปรี้ยวรอเลย
ส่วนผสม น้ำพริกกะปิหวาน
• กะปิอย่างดี 1/2 ถ้วย
• น้ำตาลปี๊บ 2 ถ้วย
• หอมแขก หรือหอมแดงซอย 1 ถ้วย
• พริกขี้หนูซอย (ตามชอบ)
• กุ้งแห้งอย่างดี
• มะม่วงเปรี้ยว ตามชอบ
วิธีทำน้ำพริกกะปิหวาน
1. ผสมกะปิกับน้ำตาลปี๊บให้ละลายเข้าด้วยกัน
2. ใส่หอมแดง พริกขี้หนูซอย และกุ้งแห้งลงไปคนให้เข้ากัน ชิมรส ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟพร้อมมะม่วง
6. น้ำพริกกะปิไข่เค็ม
น้ำพริกกะปิเหลือจากเมื่อวานถ้าให้กินต่อก็เบื่อ ลองเพิ่มออปชั่นอย่างไข่เค็มลงไปสิคะ กลายเป็นน้ำพริกกะปิไข่เค็ม คราวนี้ฟินกว่าเดิมแน่นอนจ้า
ส่วนผสม น้ำพริกกะปิไข่เค็ม
• ไข่เค็ม 2 ฟอง
• พริกขี้หนู 10 เม็ด (หรือตามชอบ)
• กระเทียม 10 กลีบ
• กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
• ปลาดุกฟู (โรยหน้า)
• พริกขี้หนู (โรยหน้า)
วิธีทำน้ำพริกกะปิไข่เค็ม
1. ผ่าไข่เค็ม แยกไข่แดงกับไข่ขาวออกจากกัน หั่นไข่ขาวเป็นลูกเต๋า เตรียมไว้
2. โขลกพริกขี้หนูสวนและกระเทียมพอหยาบ ใส่กะปิ น้ำตาลปี๊บ และไข่แดงลงไปโขลกให้เข้ากัน
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว เติมน้ำต้มสุกคนผสมให้เข้ากัน ชิมรส
4. ตักใส่ถ้วย โรยปลาดุกฟู ไข่ขาว และพริกขี้หนู พร้อมเสิร์ฟ
7. ข้าวห่อน้ำพริกกะปิปลาทูทอด
ข้าวกับน้ำพริกกะปิและปลาทูทอดคงต้องชิดซ้ายให้กับเมนูข้าวห่อน้ำพริกกะปิปลาทูทอด สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน สูตรนี้จับทุกอย่างไปห่อกับแผ่นแป้ง กินง่ายดาย ไม่ต้องกลัวมือเลอะ ลองทำดูเลยจ้า
ส่วนผสม ข้าวห่อน้ำพริกกะปิปลาทูทอด
• ปลาทูนึ่ง 4 ตัว
• น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
• ข้าวหอมมะลิหุงสุก 3 ถ้วยตวง
• น้ำพริกกะปิ 5-6 ช้อนโต๊ะ
• แผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะญวน 10-15 แผ่น
• น้ำเปล่า (สำหรับชุบแผ่นแป้ง)
• แครอท (หั่นแท่งลวกสุก) 100 กรัม
• แตงกวา (หั่นแท่ง) 100 กรัม
• ไข่ทอดชะอม (หั่นแท่ง) 100 กรัม
• ข้าวโพดอ่อน (หั่นแท่งลวกสุก) 100 กรัม
• ถั่วฝักยาว (ลวกสุก) 100 กรัม
ส่วนผสม น้ำพริกกะปิ
• กะปิอย่างดี (ห่อใบตองปิ้งพอหอม) 2 ช้อนโต๊ะ
• กระเทียมไทยกลีบเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ
• พริกขี้หนูสวน 1 ช้อนชา + 1/2 ช้อนชา
• มะเขือพวง 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 4 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม ไข่ทอดชะอม
• ชะอม 100 กรัม
• ไข่ไก่ 2 ฟอง
• น้ำปลา 1 ช้อนชา
• น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
วิธีทำน้ำพริกกะปิ
1. โขลกกะปิกับกระเทียมให้ละเอียด ใส่พริกขี้หนูสวนและมะเขือพวงบุบพอแตก
2. ปรุงรสด้วยน้ำมะนาวกับน้ำตาลปี๊บคนให้เข้ากัน
วิธีทำไข่ทอดชะอม
1. ตีไข่ไก่พอแตก ใส่ชะอมกับน้ำปลาลงไปคนให้เข้ากัน
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่ส่วนผสมไข่ชะอมลงไปทอดจนสุกเหลืองทั้ง 2 ด้าน ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
วิธีทำข้าวห่อน้ำพริกกะปิปลาทูทอด
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่ปลาทูลงทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน แกะเอาแต่เนื้อปลาหั่นเป็นชิ้น
2. ผสมข้าวหอมมะลิกับน้ำพริกกะปิคลุกเคล้าให้เข้ากัน เตรียมไว้
3. ชุบแผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะญวนลงในน้ำเปล่า วางบนภาชนะเรียบ รอจนแผ่นแป้งนิ่ม วางแครอท แตงกวา ไข่ทอดชะอม ข้าวโพดอ่อน ถั่วฝักยาว เนื้อปลาทูทอด และข้าวคลุกกะปิลงบนแผ่นแป้ง ห่อแล้วม้วนให้แน่น พร้อมเสิร์ฟ
8. ข้าวผัดน้ำพริกกะปิ
ข้าวผัดน้ำพริกกะปิทั่วไปดูไม่เหมาะสำหรับดินเนอร์มื้อพิเศษ ต้องนี่เลยสูตรจากนิตยสารแม่บ้าน จับข้าวผัดน้ำพริกกะปิห่อด้วยผักกาดหางหงส์ โปะด้านบนด้วยปลาทูและเครื่องเคียง มัดด้วยต้นหอม ว้าว ! น่าหม่ำ
ส่วนผสม ข้าวผัดน้ำพริกกะปิ
• ข้าวสวย 1 ถ้วยตวง + 1/2 ถ้วยตวง
• น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
• ปลาทูทอดแกะเนื้อหั่นชิ้น 2 ตัว
• น้ำพริกกะปิ 3 ช้อนโต๊ะ
• ข้าวโพดอ่อนลวกหั่นครึ่ง 3 ฝัก
• ถั่วฝักยาวหั่นเป็นท่อนลวก 6 ท่อน
• แตงกวาหั่นแท่ง 6 แท่ง
• ผัดกาดหางหงส์ลวก 6 ใบ
• ต้นหอมลวก สำหรับมัด
ส่วนผสม น้ำพริกกะปิ
• กะปิห่อใบตองย่างไฟพอหอม 3 ช้อนโต๊ะ
• กระเทียมไทย 5 กลีบ
• พริกขี้หนูสวน 25 เม็ด
• มะเขือพวง 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำข้าวผัดน้ำพริกกะปิ
1. ทำน้ำพริกกะปิโดยโขลกกะปิกับกระเทียมให้ละเอียด ใส่พริกขี้หนูสวนและมะเขือพวงบุบพอแตก ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ ชิมรสตามชอบเตรียมไว้
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่น้ำพริกกะปิลงผัดพอหอม ใส่ข้าวสวยลงผัดให้เข้ากัน ยกลงพักไว้
3. วางผักกาดหางหงส์บนเขียง ตักข้าวผัดน้ำพริกกะปิใส่ ม้วนให้เป็นคำ
4. วางเนื้อปลาทู ถั่วฝักยาว แตงกวา และข้าวโพดอ่อนด้านบน มัดด้วยต้นหอมลวกให้แน่น เรียงใส่กล่อง จัดเสิร์ฟ
แฮมสเตอร์ กับเรื่องน่ารู้ก่อนนำหนูมาเลี้ยง
ทำความรู้จัก แฮมเตอร์ ก่อนตัดสินใจเลี้ยง ทั้งนิสัยใจคอ ความเป็นอยู่ อาหารการกิน และการดูแล พร้อมทั้งวิธีการเลือกซื้อ
แฮมสเตอร์ ไม่ใช่หนูธรรมดาที่จะเลี้ยงหรือให้อาหารอย่างไรก็ได้ อีกทั้งหากตั้งใจจะเลี้ยงแฮมสเตอร์แล้ว เชื่อว่าทุกคนคงอยากจะให้แฮมสเตอร์อยู่กับเราไปนาน ๆ ฉะนั้นแค่ศึกษาวิธีการเลี้ยงดูเพียงอย่างเดียวอาจน้อยไป หากจะให้ดีควรจะต้องมีความรู้ตั้งแต่การเลือกซื้อแฮมสเตอร์จากร้านขายกันเลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ต้องไปหาข้อมูลที่ไหนไกล เพราะเรารวบรวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการเลี้ยงแฮมสเตอร์มาฝากแล้วค่ะ
1. วิธีเลือกซื้อแฮมสเตอร์
สิ่งแรกที่คนคิดจะเลี้ยงแฮมสเตอร์สงสัยมาเป็นอันดับแรกเลยก็คือ มีวิธีเลือกแฮมสเตอร์อย่างไร ? ถ้าหากเป็นเช่นนั้นก็ขอแนะนำว่า ให้ลองศึกษาเกี่ยวกับสายพันธุ์ของแฮมสเตอร์ เพื่อเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย จุดที่ชอบและไม่ชอบก่อน จากนั้นก็เลือกสายพันธุ์ที่คิดว่าเหมาะสมกับตัวเองมาไว้ในใจ แล้วออกไปสำรวจที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง
โดยเลือกซื้อจากร้านขายสัตว์เลี้ยงที่มีกรงแยกหนูแฮมสเตอร์ระหว่างตัวผู้กับตัวเมียออกจากกันด้วย หากไม่มี ทางผู้ขายก็ควรจะระบุเพศของแฮมสเตอร์ได้ และเมื่อได้ตัวที่ต้องการมาแล้วให้สอบถามเรื่องอายุ ซึ่งอายุแฮมสเตอร์ที่เหมาะสมจะอยู่ที่ช่วง 4 สัปดาห์ และมีลักษณะที่ดูสะอาดทั่วทั้งลำตัวนับตั้งแต่ใบหูจนถึงปลายหาง
จากนั้นจึงค่อยเปลี่ยนมาพิจารณาที่ขนาดลำตัว โดยซีเรียนแฮมสเตอร์ที่เหมาะสมควรจะเล็กกว่า 5-7 นิ้ว ในขณะที่แฮมสเตอร์รัสเชียน แคมเบลล์ กับวินเทอร์ ไวท์ รัสเชียน จะอยู่ที่ประมาณ 3 นิ้ว ส่วน ไชนีสแฮมสเตอร์ ควรเล็กกว่า 4-5 นิ้ว และโรโบรอฟสกี้ ควรเล็กกว่า 2 นิ้ว
ส่วนที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ ควรซื้อแฮมสเตอร์ในช่วงเย็นหรือหัวค่ำ เพราะเป็นช่วงที่แฮมสเตอร์ส่วนใหญ่ตื่นตัวมากที่สุด ซึ่งง่ายต่อการสังเกตลักษณะเฉพาะตัวและเลือกตัวที่เหมาะสมกับตัวเองได้อย่างถูกต้อง
2. วิธีเลือกซื้อกรงแฮมสเตอร์
เมื่อมีแฮมสเตอร์แล้วแน่นอนว่าต้องมีกรงด้วย ซึ่งการเลือกกรงให้เหมาะสมกับแฮมสเตอร์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเคล็ดลับอยู่ที่การเลือกพื้นที่ภายในกรงให้พอดีกับความต้องการของแฮมสเตอร์ ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไปเท่านั้นเอง และหากต้องการให้แน่ใจว่า แฮมสเตอร์จะไม่หลุดออกจากกรงจริง ๆ ควรเลือกใช้กรงแบบตู้กระจก ซึ่งเป็นกรงที่เหมาะกับทุกสายพันธุ์ด้วย
ซึ่งกรงแบบตู้กระจกที่ดีควรมีความยาวอย่างน้อย 3 ฟุต เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับวิ่งเล่น วางอาหาร น้ำ ของเล่น ล้อออกกำลังกาย และตาข่ายสำหรับฝึกทักษะในการวิ่งหนีจากศัตรู ส่วนที่วางกรงของแฮมสเตอร์ก็ควรจะอยู่ในบริเวณที่เงียบสงบ ปราศจากสัตว์เลี้ยงตัวอื่น อย่างเช่น สุนัข กับแมว รวมไปถึงอื่น ๆ ที่อาจเพิ่มความเครียดให้กับแฮมสเตอร์ได้
สำหรับคนที่ต้องการใช้กรงแบบทั่วไป ควรตรวจเช็กส่วนต่าง ๆ ของกรงให้ดีว่า ทุกจุดปิดสนิทไม่มีส่วนใดชำรุด หลวม หรือแฮมสเตอร์สามารถถอดออกเองได้ส่วนซี่กรงก็ควรห่างไม่เกิน 1 เซนติเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้หนูแฮมสเตอร์หนีออกมา
สำหรับคนที่ต้องการใช้กรงแบบทั่วไป ควรตรวจเช็กส่วนต่าง ๆ ของกรงให้ดีว่า ทุกจุดปิดสนิทไม่มีส่วนใดชำรุด หลวม หรือแฮมสเตอร์สามารถถอดออกเองได้ส่วนซี่กรงก็ควรห่างไม่เกิน 1 เซนติเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้หนูแฮมสเตอร์หนีออกมา
3. การเลี้ยงดูช่วง 2-3 วันแรก
เมื่อได้แฮมสเตอร์มาแล้วควรกลับบ้าน จับหนูแฮมสเตอร์ใส่กรงทันที และเตรียมอาหารกับน้ำเอาไว้ให้พร้อม แล้วปล่อยแฮมสเตอร์ให้อยู่ลำพังประมาณ 2-3 วันก่อน อย่าเพิ่งชวนเล่นในช่วงนี้ เพราะแฮมสเตอร์กำลังเครียดหลังโดนแยกออกจากฝูง แต่ถ้าหากมีเพื่อนหรือเด็ก ๆ มาเยี่ยมที่บ้านก็ไม่ควรให้พวกเขารบกวนแฮมสเตอร์มากเกินไป ไม่เช่นนั้นอาจโดนกัดได้ ส่วนตัวคุณก็แค่ทำหน้าที่ให้อาหาร น้ำ และเปลี่ยนที่นอนไปก่อนในช่วงแรก
หลังจากที่แฮมสเตอร์เริ่มคุ้นเคยกับบ้านใหม่แล้ว ประมาณสัปดาห์ที่ 2 ให้ลองยื่นมือเข้าไปในกรง หากแฮมสเตอร์ไม่ท่าทีต่อต้านหรือก้าวร้าว ก็ปล่อยให้แฮมสเตอร์ดมและสำรวจมือของคุณสักพัก เสร็จแล้วก็ลองให้อาหารด้วยมือบ้าง เพื่อให้แฮมสเตอร์ทำความคุ้นเคยกับมือ ไม่กลัว และไม่กัด นอกจากนี้ก็ควรเล่นและให้แฮมสเตอร์พักผ่อนเป็นเวลาตามวงจรชีวิตของมัน และหากเป็นไปได้ก็ไม่ควรให้คนอื่นเล่น เพราะแฮมสเตอร์จะคุ้นกับมือคุณคนเดียวเท่านั้น
4. การให้น้ำและอาหาร
สำหรับการให้น้ำควรมีเครื่องให้น้ำสำหรับแฮมสเตอร์โดยเฉพาะ เพราะแฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่กินน้ำไม่มากในแต่ละครั้ง ส่วนการให้น้ำเป็นถ้วยก็อาจทำให้แฮมสเตอร์สำลักน้ำได้ ที่สำคัญควรเปลี่ยนน้ำทุกวัน หรือไว้นานสุดไม่เกิน 3 วัน
ในเรื่องของอาหารก็ไม่ควรให้เป็นถ้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้แฮมเตอร์มีน้ำหนักมากเกินไป ในขณะเดียวกันก็จะสนใจกิจกรรมต่าง ๆ น้อยลง ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรโรยอาหารเอาไว้ให้ทั่วกรง เพื่อเป็นการกระตุ้นไปในตัว ที่สำคัญคือ ควรให้อาหารเสริม 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ อย่างเช่น แครอท แตงกวา แอปเปิล และมะเขือเทศ เป็นต้น และไม่ให้กินอาหารของคน
5. การรักษาความสะอาดกรง
การทำความสะอาดกรงแค่ล้างออกด้วยน้ำสะอาดก็เพียงพอแล้ว เพราะการใช้น้ำสบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดอาจมีสารเคมีตกค้าง และก่อให้เกิดอันตรายได้เมื่อแฮมสเตอร์เลียหรือกัดกรง ส่วนที่นอนที่ใช้แล้วก็ไม่ควรนำกลับมาใช้อีก หากใช้ผ้าก็ควรนำผืนใหม่มาปูเป็นที่นอน โดยกรงทั่วไปปูแค่ 3 ชั้นก็ได้ แต่สำหรับตู้กระจกควรปูพื้นให้หนาประมาณ 4-5 ชั้น พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้เศษไม้มารองพื้น เนื่องจากเศษไม้มีน้ำมันและสารเคมีที่เป็นอันตรายกับหนูแฮมสเตอร์มากมาย
6. พื้นที่สำหรับวิ่งเล่น
สิ่งสำคัญสำหรับการเตรียมพื้นที่ด้านนอกให้แฮมสเตอร์วิ่งเล่นเลยก็คือ บริเวณนั้นจะต้องสะอาด ไม่มีสิ่งของที่เป็นอันตรายกับแฮมสเตอร์ หรือทางออกให้วิ่งหนีได้ หากเป็นไปได้ควรเตรียม 2-3 ที่เอาไว้ให้กับแฮมสเตอร์ ก็จะทำให้แฮมสเตอร์รู้สึกตื่นตัว มีความสนใจสิ่งรอบข้าง และมีความสุขมากกว่า
ส่วนในกรณีที่สัตว์เลี้ยงตัวอื่นอยู่ในบ้านด้วย ไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงเหล่านั้นเข้าใกล้หรือเจอกับแฮมสเตอร์ กรง สิ่งของอื่น ๆ และบริเวณที่เป็นที่วิ่งเล่นของแฮมสเตอร์ เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้แฮมสเตอร์รู้สึกเครียด และนำไปสู่การเจ็บป่วยได้
7. เรื่องอื่น ๆ
- แฮมสเตอร์อาจเบื่อและกัดกรงได้ ฉะนั้นเพื่อป้องกันพฤติกรรมเหล่านี้ ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบ้างเป็นครั้งคราว อย่างเช่น ตำแหน่งที่ตั้งกรง เพิ่มของเล่น หรืออื่น ๆ ยกเว้นกระบอกน้ำกับอาหาร
- ในกรณีที่แฮมสเตอร์มีอาการเครียด อย่างเช่น นอนหลับมากผิดปกติ ไม่ออกกำลังกาย หรืออื่น ๆ ให้ปรับทุกอย่างเข้าที่เดิม หากจำไม่ได้ก็ควรถ่ายรูปเอาไว้เป็นตัวอย่างก่อนเคลื่อนย้าย
- หากแก้ไขแล้วแต่อาการของแฮมสเตอร์ยังไม่หายเป็นปกติ ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
แฮมสเตอร์ เป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่เชื่องกับการโดนเลี้ยงดูมากนัก ดังนั้นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งสำหรับผู้เลี้ยงทุกคนเลยก็คือ ความอดทนและให้เวลาแฮมสเตอร์ในการทำความคุ้นเคยกับเจ้าของสักหน่อย หลังจากนั้นการเลี้ยงดูแฮมสเตอร์ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ขอแค่อย่านำไปคืนหรือส่งต่อให้คนอื่นก็พอ
วิธีทำ กิมจิ ไม่ยากอย่างที่คิด อร่อยเหมือนแม่ครัวเกาหลีมาทำเอง!
ส่วนผสม กิมจิ
แป้งข้าวเหนียว
สาลี่นอก 1 ลูก (ใช้สาลี่ไทยหรือใช้แอปเปิ้ลแทนได้)
หอมหัวใหญ่ 1 หัว
กระเทียมจีนแกะเปลือก 1/2 ถ้วยตวง
ขิงหั่นแว่น 5 แว่น
น้ำปลา 10 ช้อนตวง
น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 2 ช้อนตวง
พริกป่นเกาหลีแบบหยาบ 1 ถ้วยตวง
พริกป่นเกาหลีแบบละเอียด 1/3 ถ้วยตวง
ผักกาดขาว 2 หัว (หัวละ 1 กิโลกรัม)
แครอท 1 หัวใหญ่
หัวไชเท้า 1 หัวใหญ่
ต้นหอม 2 มัดใหญ่
น้ำเปล่า 200 ml
แป้งข้าวเหนียว 3 ช้อนตวง
วิธีทำ กิมจิ
1นำผักกาดขาว ต้นหอมหั่นให้เรียบร้อย นำไปแช่น้ำทำความสะอาดในน้ำเปล่า 10 ลิตร และเบกกิ้งโซดา ½ ช้อนโต๊ะ แช่ไว้ 15 นาที เสร็จแล้วล้างด้วยน้ำเปล่าและนำขึ้นสะเด็ดน้ำ
2จากนั้นนำผักกาดขาวหมักกับเกลือป่น ใส่ให้ทั่วผัก คลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง โดยต้องคอยมาคลุกเคล้าผักทุกๆ 30 นาที
3นำต้นหอมที่ล้างไว้มาหั่นเป็นท่อนๆ ให้เรียบร้อย จากนั้นนำแครอทและหัวไชเท้าล้างและปลอกเปลือกให้สะอาด จากนั้นหั่นซอยเป็นเส้น
4ทำแป้งกวนสำหรับหมักกิมจิ โดยเทน้ำเปล่า และแป้งข้าวเหนียวลงไปในหม้อ คนให้เข้ากัน และนำไปกวจนแป้งสุกดี โดยใช้ไฟอ่อน เมื่อสุกแล้วพักให้เย็นตัว
5นำผักกาดที่แช่ไว้ครบ 2 ชั่วโมงมาล้างน้ำเปล่าให้สะอาด
6ทำเรื่องหมักกิมจิ โดยนำ หอมหัวใหญ่ หั่นชิ้นเล็ก สาลี่ กระเทียมจีนปลอกเปลือก ขิงหั่นแว่น น้ำปลา ปั่นให้ละเอียดเข้ากัน เทใส่ถาด
7จากนั้นใส่น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี พริกเกาหลีแบบหยาบและแบบละเอียด และแป้งกวนที่เตรียมไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นชิมรสตามชอบ
8จากนั้น ต้นหอม หัวไช้เท้า แครอท ลงไปในเครื่องที่เตรียมไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากัน สุดท้ายค่อยๆ ใส่ผักกาดขาวลงไป และคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง
9นำกิมจิใส่ลงในภาชนะที่มีฝาปิด กดให้แน่น ปิดฝา จากนั้นตั้งไว้ในอุณหภูมิห้อง 5 ชั่วโมง และนำไปแช่ตู้เย็นต่ออีก 1 คืน เป็นอันเสร็จ (หากชอบรสเปรี้ยวมากให้ตั้งไว้ข้างนอก 1 คืน)
:)
กุว่าจะถามนานแล้ว ถ้ามีคนส่งเรื่องในนายอินทร์ว่านิยายอิพายไปลอกนังมา มันมีสิทธิ์โดนทางร้านถอดออกจากชั้นมั้ยวะ
วิธีทำฝามาการอง แบบสวยเป๊ะ ละเอียดยิบทุกขั้นตอน
ใครที่ถอดใจเลิกทำมาการองแสนยากเย็นไปแล้ว กลับมาดูวิธีทำฝามาการองสูตรนี้ก่อนแล้วจะต้องคิดใหม่
มาการอง (Macaron) ขนมนี้ที่ใคร ๆ ก็ว่าทำยากสุด ๆ พบเจอกันมาสารพัดปัญหา จนหลายคนถอดใจขอไปซื้อมากินเองน่าจะดีกว่า ต่อให้มือโปรก็ยังส่ายหัว เพราะคนที่เคยทำจะรู้ซึ้งเลยว่า การทำมาการองเองนั้นยากเย็นแสนเข็นขนาดไหน ต่อให้ไปเปิดสูตรเด็ดสูตรดังที่ไหนก็ใช่ว่าจะออกมาสวยสดงดงามเสมอไป แต่... ขอให้ลองตามมาดูวิธีทำฝามาการอง แบบสวยเป๊ะ ชัด ๆ ทุกขั้นตอนจาก คุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่เรานำมาฝากนี้ก่อน แล้วลองรวบรวมพลังฮึดขึ้นมาทำใหม่ แล้วจะรู้ว่า มาการองสวย ๆ เราเองก็ทำได้เหมือนกัน
หัดทำมาการอง (เฉพาะฝา) โดย คุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
หัดทำด้วยตนเองอยู่หลายรอบ ดูจากในอินเตอร์เนตบ้าง ในยูทูปบ้าง จำได้ว่าทำ 4 ครั้ง ล้มเหลวไม่เป็นท่า หน้าแตกบ้างล่ะ ไม่มีขาบ้างล่ะ จนหมดกำลังใจจะฝึก แต่ไหน ๆ ก็ซื้อวัตถุดิบมาแล้ว จะเสียก็ให้มันเสียไปซะทั้งหมดเลยดีกว่า จนครั้งที่ 5 เริ่มมีกำลังใจขึ้นมาหน่อยหนึ่ง เพราะอบออกมา สวยพอใช้ได้ จึงอยากแชร์ประสบการณ์การทำมการอง (เฉพาะฝา) ให้คนอื่นที่อยากทำดูบ้าง...
ส่วนผสม
อัลมอนด์ป่น 125 กรัม
น้ำตาลไอซิ่ง 150 กรัม
สีผสมอาหารชนิดผงสีแดง 1/4 ช้อนชา
ไข่ขาว (1) 55 กรัม
สีผสมอาหารชนิดผงสีเหลือง 1/4 ช้อนชา
ไข่ขาว (2) 55 กรัม
น้ำตาลทราย 150 กรัม
น้ำเปล่า 40 กรัม
ไข่ขาว (3) 55 กรัม
วิธีทำ
วิธีทำฝามาการอง
ใส่อัลมอนด์ป่นกับน้ำตาลไอซิ่งลงในเครื่องบดอาหาร
ปั่นอัลมอนด์ป่นกับน้ำตาลไอซิ่งแค่พอเข้ากัน
นำไปร่อนใส่ลงในอ่างผสมแล้วแบ่งเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน
ใส่สีผสมอาหารชนิดผงสีแดงลงไปในอัลมอนด์ส่วนที่ 1 คนผสมให้เข้ากัน
ใส่ไข่ขาว (1) ลงไปคนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
ใส่สีผสมอาหารชนิดผงสีเหลืองลงไปในอัลมอนด์ส่วนที่ 2 คนผสมให้เข้ากัน
ใส่ไข่ขาว (2) ลงไปคนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
ทำน้ำเชื่อมโดยใส่น้ำตาลทรายกับน้ำลงในหม้อ นำไปตั้งไฟจนเดือด
ระหว่างรอให้น้ำเชื่อมเดือด ให้ตีไข่ขาว (3) ให้ขึ้นฟู (ตามภาพ) แล้วหยุดตี รอให้น้ำเชื่อมเดือด
รอให้น้ำเชื่อมเดือดที่อุณหภูมิ 118 องศาเซลเซียส ยกลงจากเตา จากนั้นค่อย ๆ ไปเทลงในไข่ขาวที่ตีไว้ ตีผสมด้วยความเร็วสูงสุด
ตีผสมจนไข่ขาวตั้งยอด (ตามภาพ) จะได้อิตาเลียนเมอแรงก์
พักทิ้งไว้จนอุณหภูมิลดลงต่ำกว่า 50 องศาเซลเซียส
ใส่เมอแรงก์ลงไปในส่วนผสมอัลมอนด์สีแดงที่เตรียมไว้ โดยใส่เพียงนิดเดียวก่อน แล้วคนผสมให้เข้ากัน
จากนั้นจึงเทเมอแรงก์ทั้งหมดลงไปผสมให้เข้ากันจนไม่เห็นสีขาว (คนผสมไม่ต้องนานมาก)
สีเหลืองก็ทำเช่นเดียวกันกับสีแดง
ตักส่วนผสมใส่ถุงบีบแล้วบีบลงบนแผ่นรองอบ (กะ ๆ เอาเวลาบีบ นับในใจ1-10 มันก็คงจะเท่า ๆ กันแหละ ตามภาพ) พักทิ้งไว้สักครู่จนผิวเรียบและเงาประมาณ 40 วินาที (บีบเสร็จแล้ว ไม่ต้องมาพักอะไรให้เสียเวลาทำมาหากิน แค่รอให้ส่วนผสมไหลลงมาจนหน้าเรียบ เงา ซึ่งใช้ระยะเวลาแค่ 40 วินาทีเท่านั้น)
หมายเหตุ : แผ่นรองอบแบบซิลิโคลนให้เลือกใช้อย่างดี ๆ แพง ๆ ซิลิโคลนแบบถูก ๆ ไม่กี่ร้อยบาทอย่าซื้อมาใช้ เพราะมันกระจายความร้อนได้ไม่ดี ทำให้ใต้ฝาแฉะ แกะออกมากก็จะขาด ซึ่งบีบขนมลงบนถาดโลหะที่มีสารกันติด คือดีสุด ๆ เพราะมันกระจายความร้อนได้ดี ขึ้นทรงสวยไม่มีโยกเอียง
นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 135 องศาเซลเซียส ประมาณ 14 นาที
อบเพียง 5 นาที ขามาการองก็จะเริ่มออกมาให้เห็นแล้ว
พอครบเวลา นำออกจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
นำใส่กล่อง แช่เย็น
ก็ไม่รู้ว่าวิธีการทำฝามาการองสูตรนี้จะปลุกให้คุณกล้าที่จะลุกขึ้นมาทำมาการออีกครั้งหรือไม่ แต่เห็นภาพแล้วก็น่าจะมีกำลังกันเนอะ คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ ลุย !
หมูกรอบ อาหารไทยที่เอ่ยชื่อเมื่อไรก็น้ำลายสอ ขอเอาใจคนอยู่เพื่อกินด้วย 6 วิธีทำหมูกรอบสุดฟิน อ้วนเป็นหมูก็ยอม
ใครที่กำลังตามหาหัวใจ เอ๊ย ตามหาสูตรหมูกรอบในดวงใจสุดอร่อยในปฐพี ไม่ต้องเปิดตำราอาหาร หรือเปิดหาสูตรจากแหล่งไหนให้เสียเวลา วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ 6 วิธีทำหมูกรอบไว้ที่นี่ที่เดียว เอาใจคนชอบกินหมูกรอบเป็นชีวิตจิตใจ แหม… ก็ถ้าใครได้ลองชิมเป็นต้องติดใจ ของเขาอร่อยจริง ยิ่งเวลาทอดเสร็จใหม่ ๆ หนังฟูกรอบ เนื้อนุ่ม อ้ำเข้าปากแล้วฟินเว่อร์ แล้วแบบนี้ใครจะอดใจไหวล่ะ
1. สูตรหมูกรอบแบบง่าย
หมูกรอบหาที่อร่อย ๆ ยากเหมือนกันเนอะ เจอแต่หั่นชิ้นแบนตบแล้วตบอีกจนไม่เหลือเค้าเดิม เวลากินเมื่อไรกลัวปลิวลอยไปตามลม ลองมาทำหมูกรอบแบบง่าย สูตรจาก คุณ isweet สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม กันดีกว่า เอาใจคนอยากกินหมูกรอบชิ้นใหญ่เต็มปากเต็มคำ พร้อมเคล็ดลับทาด้วยน้ำส้มสายชูให้ทั่วบริเวณหนังจากนั้นโรยเกลือทับให้หนา ๆ เพื่อไล่ความชื้นและทำให้หนังหมูตึงอีกด้วย
ส่วนผสม หมูกรอบแบบง่าย
• หมูสามชั้น (หั่นสี่เหลี่ยมขนาดตามชอบ)
• เหล้าจีน (ไม่มีก็ไม่ต้องใส่ค่ะ แต่ใส่แล้วจะหอมมาก โดยความร้อนจะทำให้แอลกอฮอล์ระเหยหมดเหลือแต่กลิ่นหอม ๆ ค่ะ)
• น้ำมันหอย (ตามชอบ)
• พริกไทย (ตามชอบ)
• น้ำส้มสายชู
• เกลือป่น
• กระดาษอะลูมิเนียมฟอยล์
• หม้ออบลมร้อน
เคล็ดลับ : เลือกสามชั้นหนังหนา ๆ หากเพื่อน ๆ เลือกมาทำให้หาสามชั้นที่หนังหนา ๆ นิ่ม ๆ นะคะ มันน้อย ๆ เนื้อเยอะ ๆ ค่ะ
วิธีทำหมูกรอบแบบง่าย
1. ใช้มีดกรีดหนังหมูให้เป็นลายตารางเล็ก ๆ แล้วจิ้มให้พรุนเลย จากนั้นหมักด้วยเหล้าจีน น้ำมันหอย และพริกไทยตามชอบ หมักทิ้งไว้ในตู้เย็น 15-30 นาที
2. นำหมูสามชั้นหมักออกมาห่อด้วยกระดาษอะลูมิเนียมฟอยล์ แล้วทาด้วยน้ำส้มสายชูให้ทั่วบริเวณหนัง จากนั้นโรยเกลือทับให้หนา ๆ (เพื่อไล่ความชื้นและทำให้หนังหมูตึง)
3. นำหมูเข้าอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส ประมาณ 30 นาที
หมายเหตุ : หากใครมีเกลือแกงเม็ดใหญ่ ๆ ให้ใช้แบบนั้นแล้วนำมาตำหยาบ ๆ จะดีกว่าค่ะ ความเค็มจะไม่เข้าไปในหมูมากนัก แต่หากใช้เกลือป่น ระวังเรื่องความเค็มด้วยนะคะ ตอนนำออกจากเตาให้เอาน้ำล้างออกหน่อยก็ดีแล้วผึ่งให้แห้งก่อนเข้าอบอีกครั้ง
4. นำหมูที่อบแล้วมากะเทาะเกลือออก จากนั้นนำกระดาษอะลูมิเนียมฟอยล์ออก (ขั้นตอนนี้มีแอบจิ้มหนังหมูอีกนิดด้วยกลัวไม่กรอบ) แล้วนำไปอบต่อ 15-20 นาที จนกว่าจะฟูกรอบตามชอบ
หมายเหตุ : คอยสังเกตอยู่ใกล้ ๆ ขณะทำด้วยนะคะ เพราะระดับความแรงของไฟเตาอบหม้ออบแต่ละบ้าน ไม่เท่ากัน (ตามสภาพใหม่เก่าและความคงที่ของอุณหภูมิที่อาจไม่เท่ากัน) หมั่นสังเกตจะดีกว่า เดี๋ยวเสียของเนอะ
2. สูตรหมูกรอบ แบบหนังกรอบพิเศษ
ถ้าใครชอบหนังหมูแบบกรอบ ๆ ต้องมาลองหมูกรอบสูตรหนังกรอบพิเศษจาก ครัวบ้านพิม กันหน่อย สูตรนี้แม้หนังจะกรอบแต่หมูยังนุ่มอยู่นะคะ มาพร้อมเคล็ดลับการเลือกหมูสามชั้นอีกด้วย ยิ่งเห็นภาพหมูกรอบแล้วยิ่งน้ำลายสอ เริ่มต้นลงมือทำกันเลยดีกว่า
ส่วนผสม หมูกรอบหนังกรอบ
• หมูสามชั้น 1 แผ่น (น้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม)
• น้ำเปล่า 10 ถ้วย
• เกลือป่น 85 กรัม
• น้ำมันปาล์มสำหรับทอด (เยอะมาก ๆ)
เคล็ดลับ : วิธีเลือกหมูสามชั้นเลือกตรงส่วนพื้นท้อง เพราะหมูส่วนนี้จะนุ่มดีแล้วก็มีชั้นเนื้อชั้นไขมันที่ทอดออกมาแล้วจะไม่กระด้าง อีกทั้งสีสวยงามมากกว่าสามชั้นส่วนอื่น แล้วก็เลือกที่มีชั้นไขมันไม่มากนัก อีกทั้งมีชั้นไขมันสม่ำเสมอกัน
วิธีทำหมูกรอบหนังกรอบ
1. ใช้มีดโกนมาขูดขนอ่อน ๆ ที่หลงเหลือออกไปให้หมด หากมีคราบอะไรติดมาก็เอาแปรงสีฟันที่ไม่ได้ใช้แล้ว ขัด ๆ ออกให้หมด และก็นำไปล้างให้สะอาด จากนั้นก็บั้งแนวยาวเป็น 3 รอย (จริง ๆ ควรบั้งให้แต่ละช่วงมีขนาดเท่ากัน แต่มือพิมไม่เที่ยงเอง ตอนแรกตั้งใจจะบั้งให้ได้เป็น 4 ชิ้น แต่ไป ๆ มา ๆ เอาชิ้นใหญ่หน่อยให้เหลือ 3 ชิ้นก็พอ)
2. ตั้งหม้อหรือกระทะบนเตาไฟ ใส่น้ำเปล่าลงไป ตามด้วยเกลือป่น (ใครชอบเค็มมาก ๆ ก็ใส่เยอะกว่านี้ได้ เพราะหากใส่ตามอัตราส่วนนี้จะเค็มอ่อน ๆ ค่ะ) รอน้ำเดือดก็ใส่หมูทั้งชิ้นลงไปต้ม (น้ำไม่ต้องท่วมหมูทั้งชิ้นก็ได้นะคะ แต่อย่างน้อยให้ท่วมมากกว่า 3/4 ส่วน) คว่ำด้านหนังลงต้ม 40 นาที แล้วค่อยพลิกเอาด้านเนื้อกลับลงไป และต้มต่ออีกประมาณ 5 นาที
3. พอครบเวลาตามที่กำหนดไว้ก็ใช้ตะหลิวโปร่ง ๆ ตักชิ้นหมูขึ้นจากกระทะ เอาไปวางพักบนตะแกรงโปร่ง และนำไปตากแดดจัด หรืออบด้วยไฟอ่อน ๆ 1 ชั่วโมง หรือจนหนังหมูแห้ง
4.จากนั้นก็นำมาทอดในน้ำมันเยอะหน่อย (ไม่ต้องให้น้ำมันท่วมหมูทั้งชิ้นก็ได้ อย่างน้อยให้ท่วมสักครึ่ง) โดยเอาด้านหนังลงไปทอดก่อน ซึ่งช่วงแรกใช้ไฟกลางค่อนมาทางแรงประมาณ 70% พอด้านหนังเหลืองดีก็พลิกกลับอีกด้านลงไปทอด และลดไฟลงเหลือประมาณ 60% ทอดต่อไปอีกสักหน่อย จนหมูเหลืองทั้งสองด้าน
ป.ล. ปกติน้ำมันที่ใช้ทอดอาหารไม่ควรใช้เกิน 2 ครั้งนะคะ
หมายเหตุ : ระหว่างทอดช่วงนี้น้ำมันพยายามจะแทรกตัวเข้าไปในเนื้อหมู (เพื่อทำให้หมูกรอบ) น้ำจากเนื้อหมูจะซึมออกมาด้านนอก ทำให้น้ำมันกระเด็นได้ ก็ให้เอาพวกฝาลังถึง หรือตะแกรงที่เค้ามีไว้กันกระเด็นโดยเฉพาะปิดเอาไว้นะคะ รอจนหายกระเด็นหรือให้กระเด็นน้อยหน่อย (ฟังจากเสียง) แล้วค่อยเปิดนะคะ
3. สูตรหมูกรอบ ฉบับเร่งด่วนใน 50 นาที
เหลือเชื่อว่าจะสามารถทำหมูกรอบได้ภายใน 50 นาทีเท่านั้น หมูกรอบสูตรที่ว่านี้มาจาก คุณอ้อมใจ รัก_ประจำทาง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไม่ต้องเอาไปทอดให้น้ำมันกระเด็นร้องกรี๊ด ๆ รู้ไหมว่า ทำง่าย ๆ ด้วยหม้ออบลมร้อน ผ่าง ผ่าง เสร็จแล้วก็ยังกรอบนุ่มเหมือนเอาไปทอดไม่ผิดเพี้ยน แถมยังแห้งกว่าการทอดเพราะไม่ใช้น้ำมันอีกด้วย
ส่วนผสม หมูกรอบฉบับเร่งด่วน
• หมูสามชั้น
• น้ำส้มสายชู
• น้ำปลา
• เกลือป่น
อุปกรณ์
• มีดแกะสลัก
• หม้ออบลมร้อน
ล้างหมูสามชั้นให้สะอาด (ลองชั่งดูได้น้ำหนัก 1.1 กิโลกรัม ชิ้นนี้ทำออกมาพอสุกแล้วเบาไป 4 ขีด)
ใช้มีดแกะสลักจิ้มลงบนเนื้อหมูให้ทั่วจนเป็นรูพรุน (ยิ่งพรุนยิ่งกรอบ)
• บั้งเนื้อหมูให้เป็นริ้ว ๆ (หน้าแคบ-หน้ากว้างตามชอบ ทั้งนี้เพื่อง่ายต่อการหั่นตอนสุก และกรอบไวขึ้นด้วยนะคะ)
นำเนื้อหมูที่บั้งแล้วไปแช่น้ำส้มสายชูผสมน้ำปลาค่ะ (ผสมกันเข้าไปเลยค่ะ ให้น้ำปลามากกว่าน้ำส้มสายชูสักหน่อย) โดยแช่ด้านเนื้อประมาณ 5 นาที ส่วนด้านหนังให้ชุบแล้วนำขึ้นทันที
เคล็ดลับ : น้ำปลาจะทำให้เค็มเข้าเนื้อ ส่วนน้ำส้มสายชูจะช่วยให้สีเหลืองสวย
ใส่เนื้อหมูลงในหม้ออบลมร้อนโดยหงายด้านเนื้อขึ้น ใช้อุณหภูมิที่ 220 องศาเซลเซียส อบนานประมาณ 20 นาที จนด้านเนื้อสุก
หงายเอาด้านหนังขึ้น โรยเกลือลงไปเล็กน้อย จากนั้นอบต่ออีก 30 นาที พอครบเวลา นำออกจากหม้ออบ หั่นเป็นชิ้น ๆ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
4. สูตรหมูกรอบ สูตรหมูสามชั้นหนังกรอบเนื้อไม่ด้าน
หมูสามชั้นทอดกรอบสูตรจาก คุณแต่งสวยแล้วอารมณ์ดี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม อีกหนึ่งสูตรที่อยากให้ลองทำกัน สูตรนี้หมูสามชั้นจะไม่อมน้ำมันด้วยนะคะ และมีเคล็ดลับเด็ดแค่ใส่น้ำโซดาลงไปในแป้งทำให้เวลาทอดแป้งกรอบกว่าเดิม อยากรู้ว่าอร่อยจริงสมคำร่ำลือหรือไม่ ต้องรีบพิสูจน์ค่ะ
ส่วนผสม หมูสามชั้นทอดกรอบ
• หมูสามชั้น 30 กรัม
• น้ำปลาดี 2 ช้อนโต๊ะ
• พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
• แป้งทอดกรอบ 3 ช้อนโต๊ะ
• โซดาแช่เย็นจัด 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเย็นจัด 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันสำหรับทอด 1 ขวดเล็ก
วิธีทำหมูสามชั้นทอดกรอบ
1. หั่นหมูสามชั้นเป็นท่อน ๆ แล้วใช้มีดปลายแหลมจิ้มลงไปที่เนื้อหมูให้ทั่วชิ้น (เพื่อให้เครื่องปรุงเข้าไปในเนื้อและช่วยให้ทอดสุกทั่วด้วย) จากนั้นใส่น้ำปลาและพริกไทยป่นลงไป นวดผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน ประมาณ 2 นาที พักไว้
2. เตรียมแป้งทอดกรอบโดยใส่น้ำเย็นและน้ำโซดาลงไปในแป้ง (เคล็ดลับนี้จะทำให้เวลาทอดแป้งกรอบกว่าเดิม) เสร็จแล้วเอาหมูสามชั้นลงมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. ตั้งกระทะใส่น้ำส้มสายชูลงไปแล้วคนให้ทั่วกระทะจนกว่าน้ำส้มสายชูจะระเหยออกไปหมด (เคล็ดลับนี้จะทำให้เวลาทอดหมูสามชั้นแล้วจะไม่อมน้ำมัน) แล้วใส่น้ำมันพืชลงไปในกระทะ รอจนน้ำมันร้อนก็ใส่หมูสามชั้นลงไปทอดจนกรอบ
4. หั่นเป็นชิ้น พร้อมเสิร์ฟ
5. หมูกรอบทอดน้ำปลา
กร๊อบกรอบ ! แจกสูตรทำหมูกรอบทอดน้ำปลา อาหารไทยทำง่ายจากหมูสามชั้น อร่อยสองต่อ หนังฟูกรอบ เนื้อนุ่มฉ่ำ รสเค็มนิด ๆ อร่อยฟิน สูตรจาก คุณ tukata001 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาพร้อมวิธีหมักหมูง่าย ๆ
ส่วนผสม หมูกรอบทอดน้ำปลา
• หมูสามชั้น 800 กรัม
• น้ำปลา 6 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
วิธีทำหมูกรอบแช่น้ำปลา
1. นำหมูสามชั้นมาหั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 1 นิ้ว + 1/2 นิ้ว หรือตามชอบค่ะ ใส่น้ำปลาคลุกหมักทิ้งไว้ในตู้เย็น 30 นาที
2. นำเข้าไปอบในเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 20 นาที อบแล้วเวลาทอดจะทำให้น้ำมันไม่กระเด็นออกมามากค่ะ หนังจะกรอบด้วย
3. หลังจากอบผ่านไป 20 นาที ได้หมูสามชั้นแบบในรูปค่ะ
4. เวลาทอดมีเทคนิคนิดหนึ่ง ตาจะเอาส่วนหนังลงจ่อในน้ำมันร้อนก่อนค่ะ น้ำมันร้อนจัดนะคะ ทอดส่วนหนังให้กรอบหนังเขาจะฟูกรอบค่ะ แล้วค่อยหย่อนทอดทั้งชิ้นค่ะ
5. หนังฟูกรอบดีเหมือนกันนะคะ นี่ตาไม่ได้ใช้ส้อมจิ้มเลยนะคะ แต่ถ้าจิ้มหนังอาจจะกรอบมากกว่านี้ แต่ถ้าหมูสามชั้นแบบไม่ได้ต้มก่อน หนังเขาจะแข็ง จิ้มยากค่ะ ตาเลยไม่จิ้ม จะลองดูว่าหนังจะกรอบไหม ออกมากรอบฟูอย่างที่เห็นค่ะ
6. หนังกรอบฟูสวยดี
7. นี่เป็นชิ้นที่ตาไม่ได้เข้าเตาอบค่ะ เอาออกมาจากตู้เย็นแล้วลองทอดเลย 1 ชิ้น ผลออกมาหนังไม่ค่อยกรอบเท่าไร แต่ว่าเนื้อด้านในนุ่มชุ่มฉ่ำมากเลยค่ะ ไม่แห้งอร่อยดี
8. ชิ้นนี้ลองหั่นมาให้ดู เป็นชิ้นที่อบก่อนลงทอดค่ะ ด้านในนุ่มชุ่มฉ่ำดีเหมือนกันเลย ด้านนอกกรอบดีค่ะ
9. ตาทำแล้วทานไม่หมด เก็บใส่แช่ช่องแข็ง เก็บไว้ใส่ผัดผักต่าง ๆ ใส่คะน้าหมูกรอบก็อร่อยสุด ๆ แต่ตาคงไม่รอค่ะ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ น้ำจิ้มแจ่วหรือพริกน้ำปลาคลุกข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยเลิศ ลองทำดูนะคะ สูตรนี้ไม่ยากเลยค่ะ อร่อยด้วย ไม่แห้ง เคี้ยวง่าย กรอบนอกนุ่มในค่ะ
6. สูตรหมูกรอบง่าย ๆ ไม่ต้องตากแดด
ยอมอ้วนชวนอร่อยไปกับวิธีทำหมูกรอบอบหนังกรอบฟู เนื้อนุ่มฉ่ำ ทำง่าย ๆ กินได้แบบด่วนจี๋ สูตรจาก คุณ tukata001 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรหมูกรอบเตาอบ ไม่ต้องต้ม ไม่ต้องวิ่งหาแดด อบพอสุกแล้วเอาไปทอดก็ได้หมูกร๊อบกรอบมากินกับน้ำจิ้มแจ่ว เอาไปทำเมนูข้าวหมูกรอบ หรือเมนูคะน้าหมูกรอบก็ได้ แถมกินไม่หมดก็แช่แข็งเก็บได้นานค่ะ
ส่วนผสม หมูกรอบ
• หมูสามชั้นหั่นยาว 4 ชิ้น (วันนี้ทำเยอะหน่อย เก็บแช่ช่องแข็ง)
• เกลือ
• น้ำส้มสายชู
หมายเหตุ : ปริมาณก็กะ ๆ เอาได้ค่ะ ไม่ต้องกลัวเค็มค่ะ
วิธีทำหมูกรอบ
• นำหมูสามชั้นไปล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นยาวหรือสั้นตามชอบ (ถ้าหั่นชิ้นขนาดประมาณชิ้นในภาพ เวลาทอดจะสะดวก)
ใส่เกลือลงไปประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ
ใส่น้ำส้มสายชูลงไปที่หนังก่อน (ไม่ต้องกลัวว่าหมูกรอบจะเปรี้ยวนะคะ ปริมาณที่ตาใส่ก็เยอะนะ เวลาทอดแล้วไม่มีรสเปรี้ยวของน้ำส้มเลยค่ะ ไม่รู้หายไปไหนหมด)
นวดหมูสามชั้นกลับไปกลับมาให้เกลือละลายเข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้สัก 10 นาที
แบ่งหมูสามชั้นส่วนหนึ่งวางบนตะแกรงแล้วเอาเข้าเตาอบ วันนี้ใช้หม้ออบลมร้อนฝาบนแบบที่เห็นนะคะ
ใช้ความร้อนอ่อนสุดค่ะ อบประมาณ 30-40 นาทีค่ะ
ส่วนหมูสามชั้นที่เหลือก็เอาเข้าเตาอบค่ะ ตาใช้ความร้อนอ่อนสุด อบจนกว่าจะแห้ง ไม่ต้องทำให้สุกหมดนะคะ
หลังจากเวลาผ่านไป 40 นาที หมูสามชั้นก็จะหน้าตาเกือบสุกแบบนี้ค่ะ
ขั้นตอนนี้หนังจะนิ่มแล้ว ใครอยากจะเอาไม้แหลมจิ้มหนังก็เชิญได้ตอนนี้เลยค่ะ แต่ตาขี้เกียจ อยากจะลองดูว่าถ้าไม่จิ้มหนังเวลาเอาไปทอดเขาจะพองกรอบหรือเปล่าค่ะ ผลปรากฏว่าหนังกรอบฟูค่ะ แต่ถ้าจิ้มหนังน่าจะฟูกว่านี้นะคะ หากไม่จิ้มหนังก็ต้องปล่อยให้แห้งก่อนนะคะ อย่าเพิ่งไปทอดตอนนี้ จะเอาผึ่งลมหรือเป่าพัดลมให้แห้งเร็วก็ตามสะดวกค่ะ ตาวางไว้เฉย ๆ ตรงหน้าต่าง รอให้แห้งแล้วค่อยทอดค่ะ
นำส่วนที่เป็นหนังลงทอดก่อน
วางส่วนหนังลงในกระทะใส่น้ำมัน
ทอดจนหนังกรอบฟู
กลับด้านเอาส่วนเนื้อลงทอดให้ครบทุกด้าน ทอดจนกรอบตามที่ต้องการ
ใช่เลย ! หมูกรอบชิ้นใหญ่แบบนี้ที่ตามหามานาน ถ้ารู้ว่าทำไม่ยากแบบนี้ทำเองตั้งนานแล้วเนอะ มีถึง 6 สูตรทำหมูกรอบไว้ให้เลือกตามชอบ ที่สำคัญสามชั้นชิ้นหนึ่งพอทอดออกมาแล้วหั่นแบ่งกินได้ทั้งครอบครัวเลย ถ้าหากไม่อยากกินเพียว ๆ ก็เอาไปราดข้าวก็ได้ อร่อยเหาะเชียวล่ะ
คนไทยรู้จักกับเห็ดมาเป็นเวลานานและหลายคนก็นิยมบริโภค โดยเห็ดนั้นนอกจากเอามาทำอาหารได้หลากหลายแล้ว ยังถือเป็นส่วนสำคัญใน เมนูสุขภาพ เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูง จึงเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเห็ดฟางที่ถือว่าเพาะขึ้นได้ง่าย สามารถเพาะได้ทุกฤดูกาล อีกทั้งราคาของเห็ดฟางก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก โดยราคาของเห็ดฟางจะดีมากในฤดูหนาวและช่วงเทศกาลกินเจ แต่สิ่งที่นอกเหนือจากการตลาดและราคาดูเหมือนว่าที่ทำให้ถูกใจเกษตรกรมากขึ้นคือระยะเวลาในการเก็บผลผลิตที่สามารถเก็บไปขายได้ภายใน 7-12 วัน ถือเป็นเห็ดเศรษฐกิจที่มีวงจรการผลิตสั้นมากจึงสร้างรายได้สม่ำเสมอให้กับผู้ลงทุนอย่างดี
See more at: http://www.thaismescenter.com/8-ขั้นตอนการเพาะเห็ดฟางในตระกร้า-ง่ายๆแต่รายได้ดีมาก/
ทั้งนี้ในส่วนของการเพาะนั้นมีทั้งแบบธรรมดาและเชิงพาณิชย์และการเริ่มต้นเรื่องนี้ที่ดีที่สุดนั้นคือเริ่มจากการเพาะในรูปแบบง่ายๆที่ได้ประโยชน์เต็มที่เช่นกันโดย www.ThaiSMEsCenter.com นำเสนอ 8 ขั้นตอนการเพาะเห็ดฟางในตระกร้าที่ใช้พื้นที่น้อย และลงทุนไม่สูง วัสดุอุปกรณ์ต่างๆก็หาง่ายมีอยู่รอบตัวเรา ถ้าผิดพลาดทางเทคนิคก็ถือว่าเป็นการทดลองเบื้องต้นแต่ถ้าผลผลิตออกมาดีเกินที่คาดเอาไว้ ก็แสดงว่ามีโอกาสที่จะทำกำไรได้มากขึ้นรวมถึงการเริ่มต้นแบบง่ายๆแล้วไปได้ดีก็มีสิทธิ์ต่อยอดไปสู่การเพาะที่เป็นแบบอุตสาหกรรมมากขึ้นด้วย
See more at: http://www.thaismescenter.com/8-ขั้นตอนการเพาะเห็ดฟางในตระกร้า-ง่ายๆแต่รายได้ดีมาก/
วิธีการเพาะเห็ดฟางในตะกร้า
See more at: http://www.thaismescenter.com/8-ขั้นตอนการเพาะเห็ดฟางในตระกร้า-ง่ายๆแต่รายได้ดีมาก/
เริ่มจากการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อม นั้นตือก้อนเชื้อเห็ดฟาง ตะกร้าพลาสติก ฟางข้าว สุ่มไก่หรือโครงโรงเรือน พลาสติก วัสดุพลางแสง อาหารเสริมของเห็ดเช่นแป้งสาลี หรือผักตบชวา เมื่อเตรียมอุปกรณ์เรียบร้อยก็ทำการเพาะ ทุบก้อนเชื้อเห็ดฟางในถุงให้แตกพอประมาณแต่ไม่ต้องให้ถึงกับละเอียด นำมาผสมกับแป้งสาลี 1ช้อนชา จากนั้นแบ่งก้อนเชื้อเห็ดฟางออกเป็น 2กอง กองละเท่าๆกัน เชื้อเห็ดฟาง 1 ถุง สามารถแบ่งออกเป็น2กองสามารถและเพาะเห็ดฟางได้ ประมาณ 2 ตะกร้า ให้ใส่ฟางข้าวที่ผ่านการแช่น้ำไว้แล้ว 1 คืน ลงไปในตะกร้า ให้ฟางข้าวมีความสูงประมาณ 2-3 นิ้ว กดให้พอแน่น โรยอาหารเสริมลงไป จะเป็นผักตบชวาที่หั่นไว้หรือรำละเอียดก็ได้ โรยลงไปรอบๆบนฟางข้าว แต่อย่าใส่อาหารเสริมมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการเน่าเสียได้ นำเชื้อเห็ดฟางมาโรยรอบๆทับไปบนอาหารเสริม โดยเน้นโรยที่ช่องของตะกร้า ถึงตอนนี้เราจะได้เป็น ชั้นที่ 1 เรียบร้อย (1ตะกร้าจะต้องทำ 3 ชั้น) ทำชั้นที่ 2 ชั้นที่ 3 ด้วยวิธีการเดิมแบบข้างต้น จากนั้นปิดชั้นที่ 3 ด้วยฟางข้าว จากนั้นรดน้ำใส่ตะกร้าให้เปียกชุ่ม (ถึงตอนนี้เราก็จะได้ตะกร้าเพาะเห็ดฟาง 1 ตะกร้าเป็นที่เรียบร้อย) นำตะกร้าเห็ดฟางไปวางไว้บนพื้นที่ที่เราเตรียมไว้ วางไว้บนเหนือพื้นดินประมาณ 3-4นิ้ว (นำก้อนอิฐมาวางรองเป็นฐานอย่าให้ติดพื้น) จากนั้นก็นำโครงไม้ไผ่หรือสุ่มไก่มาครอบตะกร้า นำพลาสติกมาคลุมโครงหรือสุ่มจากด้านบนถึงพื้นให้มิดชิดจากนั้นก็คุมด้วยวัสดุพลางอีกที
See more at: http://www.thaismescenter.com/8-ขั้นตอนการเพาะเห็ดฟางในตระกร้า-ง่ายๆแต่รายได้ดีมาก/
ขั้นตอนดูแลเห็ดฟางในตะกร้า
See more at: http://www.thaismescenter.com/8-ขั้นตอนการเพาะเห็ดฟางในตระกร้า-ง่ายๆแต่รายได้ดีมาก/
รักษาอุณหภูมิในโรงเรือนให้อยู่ที่ประมาณ 30 -40 องศา วันที่4 ช่วงตอนเย็นให้เปิดพลาสติกที่คลุมออกเพื่อให้อากาศเข้าไปกระตุ้นเส้นใยใช้เวลาเปิดรับอากาศประมาณ 30 นาที วันที่ 5 เป็นต้นไป ในช่วงตอนเย็น ให้เปิดพลาสติกที่คลุมสุ่มพอประมาณ ให้อากาศถ่ายเทใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากนั้นก็คลุมพลาสติกให้มิดชิดเหมือนเดิม วันที่ 7 ช่วงนี้เห็ดฟางจะเจริญเติบโตขึ้น สามารถเก็บผลผลิตได้ในวันที่ 8-9 การเก็บเห็ดฟางควรเก็บด้วยความนุ่มนวลอย่าให้บอบช้ำ จากนั้นก็นำส่งขายที่ตลาดหรือนำไปบริโภคได้เลย
See more at: http://www.thaismescenter.com/8-ขั้นตอนการเพาะเห็ดฟางในตระกร้า-ง่ายๆแต่รายได้ดีมาก/
ต้นทุนในการเริ่มต้นและรายได้จากการเก็บเห็ดจำหน่าย
ในการเพาะแบบตะกร้านี้ถือเป็นต้นทุนที่น้อยมากบางคนที่มีวัสดุอุปกรณ์อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องหาใหม่ซื้อก้อนเห็ดฟางที่มีจำหน่ายราคาก็ตามแต่สถานที่ ในกรณีที่ไม่ได้เพาะแบบสร้างโรงเรือนก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะเห็ดฟางในตะกร้านี้ในแต่ละตระกร้าจะเก็บเห็ดได้ 2-3 รุ่น ซึ่งแต่ละตระกร้าจะได้น้ำหนักเห็ดประมาณ 1 กิโลกรัม โดยราคาจำหน่ายจะอยู่ที่ประมาณ 50-100 บาทแล้วแต่ช่วงของตลาดขึ้นอยู่กับฤดูกาลและความนิยม โดยช่องทางการขายนนั้นมีทั้งคนมาติดต่อขอซื้อถึงที่ฟาร์ม หรือจะขายในตลาดส่ง ส่งจำหน่ายตามโมเดิร์นเทรด หรือถ้ามีปริมาณมากหรือรับซื้อจากคนปลูกในบริเวณใกล้เคียงก็สามารถวิ่งรถไปส่งได้ที่ตลาดไท ถือเป็นการสร้างรายได้ที่ดีอย่างยิ่ง เกษตรกรบางรายที่ปลูกเห็ดฟางเชิงธุรกิจอาจจะใช้พื้นที่ประมาณ 2 ไร่ซึ่งก็ทำให้มีรายได้กว่าเดือนละ 50,000 บาทซึ่งก็ถือว่าเป็นการลงทุนด้านการเกษตรที่น่าสนใจหรือคนที่อยู่ในกรุงเทพฯเองก็สามารถใช้วิธีการเพาะเห็ดในตระกร้าเพาะในคอนโดหรือห้องพักเป็นการหารายได้เสริมที่ดีอีกทางหนึ่งเช่นกัน
พระแม่ลักษมี คือเทวีแห่งความงดงาม ความร่ำรวย และความอุดมสมบูรณ์ พระองค์มักประทานความสำเร็จในการประกอบกิจการ การเจรจาต่อรอง การทำมาค้าขาย การประกอบธุรกิจทุกสาขา ตลอดจนประทานโภคทรัพย์ เงินทอง สมบัติ แก่ผู้หมั่นบูชาพระองค์และประกอบความดีอยู่เป็นนิจ
พระแม่ลักษมี มีกำเนิดจากฟองน้ำ ในคราวเทวดาและอสูร กวนเกษียรสมุทร ทำน้ำอมฤต จึงได้นามว่า ชลธิชา (เกิดแต่น้ำ) หรือ กษีราพธิตนยา (ลูกสาวแห่งทะเลน้ำนม)
ในขณะที่ผุดขึ้นมานั้นนั่งมาในดอกบัวและมือถือดอกบัวด้วย จึงมีอีกนามหนึ่งว่า ปัทมา หรือ กมลา แต่ในคัมภีร์วิษณุปุราณะจะกล่าวไว้ว่า พระแม่ลักษมีเป็นธิดาของพระฤาษีภฤคุกับนางขยาติ และยังกล่าวต่อไปอีกว่าพระแม่ลักษมีเป็นมารดา พระกามเทพ ด้วย
พระแม่ลักษมี ผู้ศรัทธาจะถือกันว่าเป็น เทพนารีผู้อำนวยโชค มีน้ำพระทัยเมตตาปราณีอยู่เป็นนิจ เป็นตัวอย่างแห่งนางที่งามตลอดทั้งรูปและกิริยามารยาท มีวาจาเปี่ยมด้วยเสน่ห์และไพเราะ ทั้งถือกันว่าเป็นผู้นำมาซึ่งความเจริญทุกประการ นับกันว่าเป็นผู้อุปถัมภ์บรรดาสตรีทุกชั้น ส่วนรูปมักเขียนเป็นสตรีที่งามยิ่งมี 2 กรอย่างธรรมดา (บางแห่งก็ว่ามี 4 กร) สีกายเป็นสีทองเสื้อทรงสีเหลือง นั่งหรือยืนบนดอกบัวและมือถือดอกบัว
อนึ่งพระแม่ลักษมีมักจะอวตารไปเป็นชายาของพระวิษณุ (พระนารายณ์ผู้ดูแลรักษาโลก) อยู่ทุกครั้งไป เช่น พระวิษณุอวตารเป็น พระราม พระแม่ลักษมีก็ตามไปเกิดเป็น พระนางสีดา
ในปางกฤษณาวตาร พระวิษณุอวตารเป็น พระกฤษณะ พระแม่ลักษมีก็ไปเป็น พระนางรุกมิณี หรือ พระนางราธาเทวี
ในปางปรศุรามาวตารก็ไปอวตารเป็น พระแม่ธรณี ในปางวามนาวตารก็อวตารไปเป็น พระนางกมลา เป็นต้น
คติความเชื่อถือเกี่ยวกับพระแม่ลักษมีในเมืองไทยอาจเห็นว่า ไม่พบมากนักนอกจากปรากฏในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ที่เสด็จอวตารลงมาเป็นนางสีดาในรามาวตาร ซึ่งเป็นชนวนเหตุของการรบ ระหว่างทศกัณฐ์ กับพระราม นอกจากนั้นก็ไม่พบได้เด่นชัดนัก
อนุมานอยู่เรื่องหนึ่งที่น่ามีเค้ามาจากพระแม่ลักษมี ตามคติอินเดียก็คือ พระแม่โพสพ เทวีแห่งพืชพันธุ์ ธัญญาหาร ซึ่งคติอินเดีย นั้นเป็นอวตารของพระแม่ลักษมี ในคติลักษมีแปดปางที่ชื่อ ปางธัญญลักษมี มีเทวลักษณะ 4–6 พระกร ขึ้นกับจิตรกรจะวาดออกมา โดยพระหัตถ์ทั้งสองด้านจะทรงรวงข้าวและธัญพืช
ส่วนแม่โพสพของไทยเรานั้น สันนิษฐานมาจากสองคติ คือ ทางหนึ่งมาจาก ธัญญลักษมี ที่กล่าวมา (ดังรูปด้านขวามือ มีปางหนึ่งชื่อ DHANYA LAKSHMI องค์ที่ทรงอาภรณ์สีเขียว) อีกทางหนึ่งว่า เป็นการแบ่งภาคจากพระพรหม มาเป็นเทพเจ้าแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร โดยการแบ่งภาคนี้หากเป็นเทพบุรุษ ก็เรียกว่า พระไพรศรพณ์ เป็นเทพบุตรรูปงามถือพระขรรค์ ทรงหงส์เป็นสัตว์เทพพาหนะ ส่วน ภาคเทวนารี เป็น พระแม่โพสพ ซึ่งจะเป็นรูปนางงามถือรวงข้าวซึ่งคติอย่างหลังก็น่า จะมาจาก ธัญญลักษมี ของอินเดียเหมือนกัน เพราะตอนที่พระแม่ลักษมีผุดขึ้นตอนกวนเกษียรสมุทร มีพระพรหมเสด็จมารับเป็นเทพผู้ใหญ่ของพระแม่ลักษมี เพื่อเลือกคู่ ซึ่งก็มีการนำเอาพระพรหมมาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้การกำเนิดพระแม่ลักษมีนั้น ก็เป็นเรื่องราวที่เกิดจารีตประเพณีแต่งงานแบบหนึ่งด้วย กล่าวคือความงามที่เลิศกว่าเทวนารีใดก็มีเทพเจ้าและอสูรมากมายที่หมายปอง จนองค์พระพรหมต้องเสด็จมารับและให้นางเลือกคู่ ครองเองจนพระนางเลือกพระวิษณุเป็นเทพสวามี ซึ่งตรงนี้เองเป็นที่มาของพิธีวิวาห์ แบบหนึ่งที่หญิงต้องไปสู่ขอผู้ชายจากผู้ใหญ่ฝ่ายชาย หรือเป็นผู้เลือกฝ่ายชายเป็นสามีเองที่เรียกกันว่า สยุมพร นั่นเอง
ประเพณีนี้ยังคงพบในบางจังหวัดของประเทศไทย อย่างจังหวัดแพร่แถบอำเภอสอง ก็ยังมีประเพณีทำนองนี้ให้พบเห็นอยู่ส่วนจะมาจากคติอินเดียแบบสยุมพรนี้ หรือบังเอิญเป็น ประเพณีพ้อง ก็คงไม่ชี้ชัดไปจะขอเล่าเอาไว้เป็นเนื้อความประกอบเรื่องนี้เท่านั้น
พระแม่ลักษมีเทวีทรงเป็นเทวีแห่งโชคลาภ ที่กล่าวกันว่าทรงอำนาจค้ำจุนอย่างวิเศษ!! มีบันทึกอย่างจารึก Junagdh Inscription ของ Skandagupta กษัตริย์รุ่นปลายของราชวงศ์คุปตะได้กล่าวว่า ด้วยอำนาจแห่งเทวีลักษมีนี่เอง ที่ทรงส่งเสริมอำนาจเทพสวามีคือ พระวิษณุ จนได้ชื่อว่า เทพเจ้าผู้บริหารโลก การบูชาพระแม่ลักษมี จึงมีแพร่หลายทั่วไปในอินเดีย เพราะเชื่อว่าผู้ที่สามารถบูชาจนเป็นที่พอพระทัย เทวีลักษมีจะทรงประทานศิริและความมั่งคั่งให้อย่างน่าอัศจรรย์ใจทีเดียว
ส่วนในประเทศไทยนอกจากคติการบูชาเจ้าแม่โพสพ แล้วก็มีการบูชาพระแม่ลักษมีอยู่บ้าง สำหรับผู้ที่เคารพบูชาตามจารีตฮินดู
สำหรับวันสำคัญ ก็มีหลายวันที่บูชาพระแม่ลักษมีในโอกาสต่างๆกัน อย่างวัน ขึ้น 9 ค่ำ เดือนอัษฐะ (มิถุนายน-กรกฏาคม) เป็นการบูชา พระนางสีดา (ลักษมีอวตาร) ร่วมกับ พระราม และ หนุมาน เรียกว่า วันสีดา นวะมี
หรืออย่างวันแรม 14 ค่ำ เดือนการติก (ตุลาคม-พฤศจิกายน) เป็นวัน พิธีแห่งแสงสว่าง เรียกว่า วันดีปาวลี เชื่อว่าพระแม่ลักษมีเทวีจะโปรดประทานความร่ำรวยแก่ผู้บูชาพระนางและยังมีวันอื่นๆ อีกที่กำหนดให้บูชาพระแม่ลักษมีเทวีในโอกาสที่แตกต่างกันออกไป แต่จุดมุ่งหมายเดียวกันคือ การขอรับพรอันศักดิ์สิทธิ์จากพระนาง ในคุณสมบัติที่พระนางมีอย่างเปี่ยมล้น คือ ศิริ-ความดีงามและความมั่งคั่งร่ำรวยนั่นเอง..
สิ่งที่พระลักษมีทรงถืออยู่ที่เห็นกันบ่อยที่สุด คือ ดอกบัว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำพระองค์ และมักจะถือไว้ 2 ดอก หรือไม่ก็ทรงถือ หม้อน้ำ พระหัตถ์หนึ่ง อีก พระหัตถ์หนึ่งหงายลงสู่พื้น มีเหรียญทองโปรยปรายลงจากใจกลางพระหัตถ์นั้น หรือไม่ก็เทออกมาจากในหม้อ เป็นสัญลักษณ์ของเทวีแห่งโชคลาภและความร่ำรวย บางครั้งก็จะทรงอาวุธบ้าง เช่น จักร อันบ่งความหมายถึงองค์นารายณ์ (พระวิษณุเทพ) นั่นเอง
ในไวษณพนิกาย (ฝ่ายนับถือพระวิษณุเป็นใหญ่) ก็มีตำรากล่าวไว้ว่า เดิมพระวิษณุทรงมีพระชายาถึง 3 พระองค์ คือพระแม่ลักษมี พระแม่สรัสวดี และพระแม่คงคา แต่ทั้งสามพระองค์ไม่ยอมลงให้แก่กัน พระวิษณุเทพจึงทรงแก้ปัญหา โดยยกพระสรัสวดีให้พระพรหม และยกพระคงคาให้พระศิวะ ที่แต่งไว้เช่นนี้ ไม่มีจุดประสงค์อย่างอื่น นอกจากมุ่งจะสอนว่าการมีภรรยามากนั้นไม่ดี และผลพลอยได้ก็คือ การอธิบายเช่นนี้สามารถข่มลัทธิไศวะนิกาย และฝ่ายที่บูชาพระพรหม โดยแสดงให้เห็นว่า พระวิษณุเป็นเจ้าทรงเป็นใหญ่ที่สุด เพราะผู้ใหญ่เท่านั้นที่จะยกทรัพย์สมบัติให้ผู้น้อยได้ แต่เรื่องเช่นนี้ ปัจจุบันไม่ถือเป็นเรื่องจริงจังกันแล้วในประเทศอินเดีย
พาหนะแห่งองค์พระแม่ลักษมีมี คือ ช้าง คนอินเดียถือว่า ช้าง เป็นสัญลักษณ์แห่งบุญญาธิการ พลังอำนาจ และความมั่งคั่ง ดังกำเนิดพระลักษมีที่มีช้างโปรยน้ำถวายนั่นเอง นอกจากช้างแล้ว ชาวอินเดียทั้งหลายก็นับถือ เบี้ยจั่น ว่าเป็นสัญลักษณ์ขององค์พระแม่ลักษมีมาแต่โบราณ ซึ่งจะเก่าแก่เท่าใดก็ไม่ทราบได้ แต่อย่างน้อยต้องเก่าถึงสมัยที่ยังใช้เบี้ยจั่นแทนเงินตรากันอยู่ เพราะว่าพระนางทรงเป็นเทวีแห่งโภคทรัพย์ ความร่ำรวย จึงย่อมทรงเกี่ยวข้องกับเงินตรา ซึ่งแทนด้วยเบี้ยจั่นนั้น
การที่พระแม่ลักษมีทรงเกี่ยวข้องกับความร่ำรวย ก็เพราะพระนางทรงเป็นเทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์ และความอุดมสมบูรณ์นั้น ถ้าจะมองอีกแง่หนึ่ง ก็หมายถึง พืชพันธุ์ธัญญาหารที่เก็บเกี่ยวได้อย่างมากมาย อีกด้วย ดังนั้นเกษตรกรในอินเดียจึงบูชาพระแม่ลักษมีในภาคที่เป็น พระแม่โพสพ ดังมีพระนามในการนี้โดยเฉพาะว่า พระธัญญลักษมี (Dhanya Lakshmi)
มีตำนานเกี่ยวกับพระธัญญลักษมีที่เล่ากันว่า ครั้งหนึ่งเกิดทุกขภัยแห้งแล้งกันดารขึ้นในโลก เวลานั้นแสงอาทิตย์ร้อนแรงจนผู้คนออกจากบ้านไม่ได้ เมื่อถึงยามค่ำคืนบรรดาเกษตรกรจึงพากันบูชาพระวิษณุ หากแต่เวลานั้นพระวิษณุบรรทมหลับอยู่ ไม่ได้ยินเสียงวิงวอนของผู้คนในโลก
แต่พระลักษมีทรงได้ยิน และเนื่องจากไม่กล้าปลุกบรรทม พระแม่ลักษมีจึงแบ่งภาคมาเป็น พระแม่โพสพ เพื่อช่วยเหลือมนุษย์โลก โดยทรงนำมหาสังข์ใส้น้ำมาโปรยปรายเป็นฝน และเนรมิตข้าวในนาให้เจริญงอกงาม เป็นที่ปลาบปลื้มยินดีแก่ประชาชนผู้ตกทุกข์ได้ยาก จนเหลือที่จะพรรณนาได้
การบูชาพระแม่โพสพที่เราเคยได้เรียนได้อ่านกันมา
ก็คือการบูชาพระแม่ลักษมีในปางนี้นั่นเอง
คาถาบูชาพระแม่โพสพ
โอม โพสะวะโภชะนัง อุตตะมะ ลาภัง มัยหัง สัพพะสิทธิ หิตัง โหตุ
พระแม่ลักษมี ทรงได้รับความนับถือในหมู่ชาวฮินดูทุกนิกาย ด้วยเหตุที่ทรงเป็นเทวีที่มีน้ำพระทัยกรุณา มีแต่ช่วยเหลือมนุษย์ให้ได้รับความสุขความเจริญ!!
พาหนะแห่งองค์พระแม่ลักษมีมี คือ ช้าง คนอินเดียถือว่า ช้าง เป็นสัญลักษณ์แห่งบุญญาธิการ พลังอำนาจ และความมั่งคั่ง ดังกำเนิดพระลักษมีที่มีช้างโปรยน้ำถวายนั่นเอง นอกจากช้างแล้ว ชาวอินเดียทั้งหลายก็นับถือ เบี้ยจั่น ว่าเป็นสัญลักษณ์ขององค์พระแม่ลักษมีมาแต่โบราณ ซึ่งจะเก่าแก่เท่าใดก็ไม่ทราบได้ แต่อย่างน้อยต้องเก่าถึงสมัยที่ยังใช้เบี้ยจั่นแทนเงินตรากันอยู่ เพราะว่าพระนางทรงเป็นเทวีแห่งโภคทรัพย์ ความร่ำรวย จึงย่อมทรงเกี่ยวข้องกับเงินตรา ซึ่งแทนด้วยเบี้ยจั่นนั้น
การที่พระแม่ลักษมีทรงเกี่ยวข้องกับความร่ำรวย ก็เพราะพระนางทรงเป็นเทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์ และความอุดมสมบูรณ์นั้น ถ้าจะมองอีกแง่หนึ่ง ก็หมายถึง พืชพันธุ์ธัญญาหารที่เก็บเกี่ยวได้อย่างมากมาย อีกด้วย ดังนั้นเกษตรกรในอินเดียจึงบูชาพระแม่ลักษมีในภาคที่เป็น พระแม่โพสพ ดังมีพระนามในการนี้โดยเฉพาะว่า พระธัญญลักษมี (Dhanya Lakshmi)
คาถาบูชาพระแม่ลักษมี
ก่อนการสวดบูชาต่อพระแม่ลักษมี
ต้องสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศก่อนเสมอ
บทสวดมนต์พระแม่ลักษมีนั้นมีหลายบท เลือกสวดได้ดังต่อไปนี้
- โอม ชยะ ศรี ลักษมี มาตา (สามจบ)
- โอม ศรี ลักษะมิไย นะมะห์ (สามจบ)
- โอม มหาลักษะ มิไย นะโม นะมะห์
โอม วิษณุ ปรียาไย นะโม นะมะห์
โอม ธะนะ ประทาไย นะโม นะมะห์
โอม วิศวา จะนันไย นะโม นะมะห์
ยา เทวี สะระวะ ภูเตชุ
ลักษมี รูเปนะ สัม สะถิตา
นะมัส ตัสไย / นะมัส ตัสไย / นะมัส ตัสไย
นะโม นะมะห์
บทสวดบูชาขอชัยชนะแด่พระแม่ลักษมี
โอม ไชยะ ปัทมา วิศาลักษิ
ไชยะ ตวัม ศรี ปติ ปริเย
ไชยะ มาตา มหาลักษมี
สะมะ สะระณะ วันณะวะ ธาระนี ฯ (หนึ่งจบ)
ขอชัยชนะจงมีแด่พระแม่ลักษมี ผู้ทรงมีพระเนตรงดงามดั่งดอกบัว
ขอชัยชนะจงมีแด่พระแม่ลักษมี ผู้เป็นที่รักแห่งองค์พระวิษณุมหาเทพ
ขอชัยชนะจงมีแด่พระแม่ลักษมี ผู้เป็นมหามารดาแห่งสรรพชีวิตทั้งปวง
ขอชัยชนะจงมีแด่พระแม่ลักษมี ผู้นำพาเราข้ามมหาสมุทรอันไพศาล
พระแม่กาลี ได้แบ่งภาคจากการบำเพ็ญตบะของ พระอุมาเทวี (พระแม่อุมา) โดยทรงมีจุดประสงค์เพื่อปราบอสูรตนหนึ่ง นามว่า อสูรทารุณ
ความเป็นมามีอยู่ว่า อสูรทารุณนี้แม้ว่าจะถูกฆ่าสักกี่ครั้งก็ไม่มีวันตาย แล้วที่สำคัญกว่านั้นเมื่อเลือดตกลงพื้นเมื่อใดก็จะทวีขึ้นเรื่อยไปไม่หมดสิ้น ความที่คิดว่ามีอิทธิฤทธิ์มากมาย ฆ่าไม่ตาย จึงทำให้อสูรทารุณเกิดฮึกเหิมในความเก่งกาจของตน จึงนำอิทธิฤทธิ์ ความเก่งกาจมาใช้ในการกลั่นแกล้ง รังแกผู้คน เทวดาทั่วไป สุดท้ายก็คิดจะครอยครองโลกทั้งสาม เมื่อเป็นดังนี้แล้วเหล่าเทวดา นางฟ้า ผู้ทรงศีลทั้งมวล จึงต้องนำเรื่องเข้าเฝ้าพระอิศวร เพื่อหาทางปราบอสูรตนนี้ เหล่าเทวดาทั้งหลาย เมื่อได้ฟังสรรพคุณของอสูร ก็ไม่มีใครกล้าอาสาออกไปสู้รบเลย
จนในที่สุด องค์พระศรีมหาอุมาเทวี เทพสตรีแห่งสวรรค์ ได้มีความประสงค์ที่จะออกปราบศัตรูร้าย ซึ่งพระองค์ได้ขอพรขอต่อองค์พระศิวะผู้เป็นเจ้า เพื่อให้ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ แล้วจึงเสด็จเพื่อบำเพ็ญตบะทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ ให้มีฤทธิ์อำนาจปราบศัตรูร้ายได้ โดยได้กระทำพิธีในอุทยานเขตแดนป่าหิมพานต์ โดยพระศรีมหาอุมาเทวีได้ทรงมอบหมายให้องค์ขันทกุมาร (หรือ พระสกันทะ ซึ่งเป็นโอรสอีกองค์หนึ่งของพระศิวะและพระแม่อุมาเทวี) รับหน้าที่ดูแลไม่ให้ใครย่างกรายเข้าไปในพิธีได้โดยเด็ดขาด
เมื่อเวลาผ่านไป พระศิวะ จึงเสด็จเข้าไปในอุทยานเพื่อให้รู้แน่ว่าเกิดเหตุใดขึ้น พระองค์ก็พบพระขันทกุมาร จึงสอบถามพระขันทกุมารว่าพระอุมาเทวีอยู่ที่ใด จะขอเข้าพบ พระขันทกุมารได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวตอบไป ด้วยความที่ทรงได้รับคำสั่งจากพระอุมาเทวีก่อนเข้าบำเพ็ญตบะ ว่าห้ามมิให้ใครผู้ใดย่างกรายเข้าสู่บริวณพิธีโดยเด็ดขาด จึงไม่สามารถให้พระศิวะผ่านเข้าไปในพิธีได้ (คล้ายกับกรณีพระพิฆเนศกับพระศิวะ)
เมื่อเป็นดังนั้นจึงเกิดการโต้เถียงขึ้น เลยเถิดถึงการปะทะกำลังกัน เหตุการณ์ผ่านไปไม่น่านนักก็ถึงเวลาที่พระแม่อุมาเทวีบำเพ็ญตบะเสร็จ จึงได้เสด็จออกมา แต่สิ่งที่ปรากฎกลายเป็นรูปกายที่เปลี่ยนไปจากเดิม เป็นพระแม่กาลี!! โดยองค์พระขันทกุมารเมื่อเห็นพระแม่กาลีก็ทรงทราบได้ว่านี่คือพระมารดาของตน
เมื่อพระแม่อุมาได้ฟังคำจากพระขันทกุมารว่า พระศิวะไม่มีความเกรงใจและจะผ่านเข้าไปในพิธีให้ได้ จึงได้เกิดความโมโห ตาถลนออกนอกเบ้า หน้าตาดุดัน แลบลิ้นยาวน่าเกลียดน่ากลัว ทำปากแบะกว้างเห็นเขี้ยวโง้ว มีเลือดไหลจากมุมปากและตามมือและลำตัว ส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่ว ตรงเข้าหาพระศิวะทันทีด้วยความโมโห เมื่อพระศิวะเห็นถึงกับผงะ ตกใจหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต
พระแม่กาลีก็ทรงไล่ตามเรื่อยจนพระศิวะทรงพ้นจากเขตอุทยานไป พระแม่กาลีจึงย้อนกลับไปหาพระขันทกุมาร ด้วยเห็นถึงความซื่อสัตว์ จงรักภักดี ไม่ยอมผิดคำสัตย์ที่พระองค์ทรงมอบหมายให้ถึงแม้นว่าจะเป็นพระบิดาของตนก็ตาม เหตุการณ์นี้จึงเป็นที่พอพระทัยแก่พระแม่กาลีเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้น พระแม่กาลีจึงรีบเสด็จออกจากอุทยาน เพื่อตามล่าสังหารอสูรทารุณ ซึ่งไม่นานพระแม่กาลีก็ได้เผชิญหน้ากับอสูรทารุณ และด้วยฤทธิ์อำนาจของทั้ง 2 ฝ่าย การต่อสู้ที่ยาวนานจึงเกิดขึ้น
จังหวะที่พระแม่กาลีทรงใช้ดาบฟันคออสูรขาด เลือดของอสูรก็หยดลงพื้น อสูรจำนวนมากจึงผุดขึ้นมาจากหยดเลือดเหล่านั้น อสูรที่เพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆตามหยดเลือดของอสูรทารุณ พระแม่กาลีเห็นดังนั้นจึงคิดว่าคงไม่มีวันฆ่าอสูรตนนี้ให้ตายได้เป็นแน่
พระแม่กาลีจึงคิดกลอุบายเพื่อเอาชัยชนะในครั้งนี้ให้ได้ โดยการตัดหัวของอสูรพร้อมทั้งดูดกินเลือดอสูรก่อนที่เลือดจะตกลงพื้น เมื่อกินจนหมดสิ้นแล้ว รูปกายของพระแม่กาลีจึงอ้วนใหญ่ ในมือนั้นถือหัวของอสูรที่ตัดร้อยเป็นพวงไว้ อสูรทารุณจึงสิ้นฤทธิ์ลงด้วยเหตุนี้
ด้วยความดีพระทัยที่ทรงได้รับชัยชนะในครั้งนี้ พระแม่กาลีจึงเต้นระบำอย่างสำราญหทัยที่สุด จนลืมพระองค์ ทรงยกพระบาทขึ้นหมายจะกระทืบลงพื้นโลกอย่างเต็มแรง!!
ชั่วระยะเวลานี้ เหล่าเทวดาทั้งหลายเห็นดังนั้นก็คิดว่าเมื่อพระแม่กาลีกระทืบพระบาทลงพื้น พื้นโลกคงแตกสลายสร้างความเดือดร้อนเป็นแน่แท้ จึงรีบพากันเข้าเฝ้าพระศิวะอย่างเร่งด่วน พระศิวะได้ฟังคำจากเหล่าเทวดาจึงได้ตะหนักว่า พระแม่กาลีที่มีรูปกายน่าเกลียดน่ากลัวนั้น แท้จริงควรจะเกรงใจพระองค์และจดจำพระองค์ได้บ้าง คิดได้ดังนั้นจึงเสด็จไปอย่างรวดเร็วและไปนอนขวางพื้นโลกไว้ พระแม่กาลีก้มลงเห็นพระศิวะนอนขวางอยู่จึงชะงักด้วยความเกรงอกเกรงใจพระสวามี จึงไม่กล้ากระทืบพระบาทลงพื้นดิน และหยุดการกระทำนั้นลง เหล่าเทวดาทั้งหลายจึงโล่งอก พระแม่กาลีแปลงร่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ เหตุการณ์จึงจบลงฉะนี้...
พระแม่กาลี หรือ เจ้าแม่กาลี มีอำนาจฤทธิ์ในการปราบปรามสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง
มีเทวานุภาพอันแรงกล้า สร้างความวิบัติแก่เหล่าอสูรอย่างรุนแรง เด็ดขาด แฝงเร้นไว้ซึ่งความน่ากลัว
ผู้บูชาพระแม่กาลีอย่างถูกต้องและเคร่งครัด พระแม่จะประทานความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ และอำนาจเหนือผู้อื่น
พระแม่กาลี ยังมีพลังอำนาจในการขจัดคุณไสย ลบล้างไสยเวทย์ด้านมืด
หากบุคคลใดถูกกระทำทางไสยศาสตร์ เมื่อผู้นั้นได้สวดบูชาอ้อนวอนต่อพระองค์ท่านแล้ว
พระองค์ท่านก็มักให้พร ขจัดสิ่งอาถรรพ์ชั่วร้ายให้มลายหายไป
ผู้ใดกระทำการสวดบูชา สรรเสริญ และถวายเครื่องสังเวยแด่พระแม่กาลีเป็นประจำ
พระองค์ท่านจะประทานความปลอดภัยมาสู่ผู้นั้น ทรงดลบันดาลให้เกิดความสันติผาสุขแก่ผู้ครองเรือนทั่วไป
คุ้มครองผู้บูชาจากภยันตรายและอุบัติเหตุร้ายแรง
พระแม่กาลีทรงมีบุคลิกภาพที่ยากแก่การเข้าใจ มีความลึกลับที่สุดในบรรดาเทพเทวาทั้งปวง
พระนางมีความดุดัน เกรี้ยวกราด รูปลักษณ์และอุปนิสัยล้วนเต็มไปด้วยความน่าะพรึงกลัว
แต่พระนางก็จะทำลายเฉพาะอสูร ปีศาจ และมนุษย์ที่กระทำการชั่วร้ายเท่านั้น
เนื่องจากพระแม่กาลีก็คือเทพ และเทพก็มักปกป้องคุ้มครองผู้กระทำความดีเช่นเดียวกันทุกพระองค์
ฉะนั้น แม้ผู้ที่บูชาพระแม่อย่างเคร่งครัด แต่เป็นคนที่ไม่ดี มีความคิดที่ชั่วร้าย เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
พระแม่ท่านก็จะทำลายบุคคลผู้นั้นเสียโดยไม่ละเว้น!!
การบูชาพระแม่กาลี
แท่น หิ้ง หรือ โต๊ะบูชา ขององค์พระแม่กาลี ควรปูด้วย ผ้าสีแดงก่อน แล้วค่อยประดิษฐานรูปภาพหรือเทวรูปลงไป หากประดิษฐานในศาลหรือเทวาลัย ควรทาสีเทวาลัยด้านในให้เป็นสีแดงหรือสีดำ กระถางธูป ถ้าทาสีแดงหรือดำได้ก็ยิ่งดี
ตามตำราโบราณกล่าวไว้ว่า การบูชาพระแม่กาลี น้ำสีแดง ถือเป็นสิ่งสำคัญมากๆ (ใช้น้ำสมุนไพรสีแดงหรือน้ำหวานสีแดง) เนื่องจากสีแดงคือสีแห่งพลังที่มีการเคลื่อนไหว เป็นสีแห่งการกำเนิด มีความเร่าร้อน เป็นสีแห่งชีวิตที่สดใส ตลอดจนเปรียบได้ดั่งโลหิตของอสูรร้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องนำมาถวายสังเวยแด่พระแม่กาลี ยังมีขนมที่ควรถวาย ถ้าหา ขนมสีแดง ได้ก็ดี หรือ ขนมลาดูป (ลัทดู) ขนมโมทกะ ที่ถวายพระพิฆเนศ ตลอดจน ดอกไม้สีแดง ทุกชนิด (ดอกกุหลาบแดง หรือดอกชบาแดง ก็จัดหาได้สะดวกในเมืองไทย)
ธูปหอม กำยาน น้ำมันหอมระเหย สามารถจัดหากลิ่นใดก็ได้ แต่ที่แนะนำก็จะเป็นกลิ่นจันทน์ น้ำมันอบเชย น้ำมันกระดังงา และการบูร
ที่อินเดีย โดยเฉพาะในเมืองกัลกัตตา เมืองที่มีผู้บูชาลัทธิพระแม่กาลีมากที่สุดในโลก ผู้บูชามักสังเวยพระแม่ด้วยเลือดแพะ น้ำสีแดง ขนมสีแดง ถวายอาหารคาว (เป็นเทพองค์เดียวของฮินดูที่ถวายเนื้อสัตว์อาหารคาวได้) เนื้อสัตว์ทั้งปรุงสุกและกึ่งสุกกึ่งดิบ แต่ดิบๆเลยไม่ได้ ถวายเนื้อสัตว์ต้มสุกได้ แต่ห้ามถวายเนื้อวัวเนื้อควาย ควรใช้เนื้อไก่เนื้อเป็ด
ถ้าถวายอาหารคาว ควรมีเหล้าถวายด้วย
แต่ถ้าถวายเพียง ขนม ก็ไม่จำเป็นต้องมีเหล้า
ถ้าผู้บูชาเลือกที่จะถวายขนม นม น้ำแดง ก็ประดิษฐานพระแม่กาลีร่วมโต๊ะหรือหิ้งเดียวกันกับเทพองค์อื่นๆของฮินดูได้
แต่ถ้าเลือกที่จะถวายอาหารคาวและเนื้อสัตว์ด้วย ก็ควรจะแยกหิ้งออกมาต่างหาก เนื่องจากเทพองค์อื่นๆไม่โปรดเนื้อสัตว์
ขั้นตอนที่ละเลยไม่ได้เลยก็คือ
การสวดบูชาสรรเสริญพระแม่กาลีด้วยมนต์ที่ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ และการทำสมาธิทุกวัน วิธีที่เหมาะสมคือ การประกอบ "ปราณยาม" หรือการทำสมาธิด้วยการหายใจเข้า-ออกโดยลากให้ยาวสุด เข้าสุด-ยาวสุด เป็นระยะเวลาที่เท่าๆกันสม่ำเสมอทุกวัน ควรถือศีลอดบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อถวายแด่พระองค์ (นำเนื้อสัตว์ถวายแก่พระแม่แล้วเราทานมังสวิรัติแทน เพื่อเป็นการแสดงให้พระองค์เห็นถึงความศรัทธาและจงรักภักดีที่เรามีต่อท่าน)
เทศกาลที่สำคัญคือ มหากาลีบูชา (Maha Kali Puja)
ตรงกับวันแรม 14 ค่ำ เดือน 10 (เช็คดูวันในปฏิทินให้ตรงกันได้ด้วยตนเอง)
เป็นวันแห่งการบวงสรวงพระแม่กาลี
ผู้ศรัทธาจะกระทำการจัดถวายเครื่องสังเวยชุดใหญ่
และทำการภาวนามนต์บูชาพระองค์ สวดสรรเสริญตลอดวันตลอดคืน
คาถาบูชาพระแม่กาลี
***** ก่อนการสวดบูชาพระแม่กาลีจะต้องสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศก่อนเสมอ *****
- โอม ศรี มหา กาลิกาไย นะมะห์ (สามจบ)
- โอม ชยะตี มหากาลี ชยะตี อาธยะ กาลี มาตา
ชยะรูปะ ประจัญทิกา มหากาลิกะ เทวี
ชยะตี รักตาสะนะ เราทะระมุขี รุทะรานี
อริ โศนิตขะไประ ภะระนี ขัททะคะ ธรณี ศุจี ปาณนี ฯ (หนึ่งจบ)
เคล็ดลับบูชาแม่ธรณีเพื่อเบิกที่ทาง ทำให้ธุรกิจปัง ค้าขายร่ำรวย
1. จัดเครื่องบูชา บนโต๊ะปูผ้าขาว พร้อมอาหาร
- ผลไม้ 5 อย่าง (ควรมีมะพร้าวอ่อน และกล้วยน้ำว้า)
- หมากพลู บุหรี่
- น้ำเปล่า
- ข้าว ไข่ต้ม
- สาคูน้ำแดง
- ดอกไม้ ดาวเรือง หรือบายศรี
2. จุดธูป 21 ดอก เทียน 9 เล่ม พร้อมกล่าวคำบูชาดังนี้
กล่าวคำบูชาดังนี้ ตั้ง นะโม 3 จบ ตามด้วย...
ตัส สาเกษีสะโต ยะถาคงคา โสตังปะวัตตันติ มาระเสนา ปฏิฐาตุง อาสักโภนโต ปะลายิงสุปาริมานานุภาเวนะมาระ เสนาปะราชิตาทิโส ทิสัง ปะลายันติ วิทังเสนติอะเสสะโต
3. สวดเสร็จแล้ว ให้ว่าต่อ ดังนี้
แม่ธรณีเจ้าเอ๋ย อยู่แล้วหรือยัง
"อยู่แล้วเจ้าค่ะ" (ตอบเอง) เมื่อแม่อยู่แล้วลูกขอเชิญแม่ธรณีรับโภชนาหารเหล่านี้ และ ให้แจ้งขออนุญาตว่าเราจะกระทำการอะไร บอกกล่าวแก่ท่าน และขอให้ท่านอำนวยพรให้เกิดความสำเร็จในทุกประการ
บทแผ่เมตตา เป็นบทสวดมนต์ที่ช่วยให้จิตใจของผู้สวดสงบขึ้น เพื่อฝึกให้จิตใจมีความเมตตาต่อทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นบุคคล สัตว์ หรือดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้ว การแผ่เมตตานั้นแบ่งออกเป็นการแผ่เมตตาให้ตนเอง และการแผ่เมตตาให้บุคคลอื่น วันนี้ไทยรัฐออนไลน์ได้รวบรวมบทสวดแผ่เมตตาเพื่อให้คุณได้นำไปใช้กับชีวิตประจำวัน
บทสวดแผ่เมตตา คืออะไร
บทสวดมนต์แผ่เมตตา มีไว้เพื่อตั้งจิตปรารถนาดีขอให้ผู้อื่นมีความสุข และอุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลให้กับสรรพสิ่งทั้งหลายด้วยจิตใจบริสุทธิ์ บทสวดแผ่เมตตาใช้สวดหลังจากสวดมนต์ทำสมาธิ หรือการทำบุญต่างๆ เพื่อส่งต่อส่วนบุญให้แก่ผู้อื่น
บทแผ่เมตตาทั่วไป
สัพเพ สัตตา
อะเวราโหนตุ
อัพ๎ยาปัชฌาโหนตุ
อะนีฆาโหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
คำแปล
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากโรคภัยด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นเถิด
บทแผ่เมตตาใหญ่ หรือบทแผ่เมตตาก่อนนอน
บทแผ่เมตตาใหญ่ หรือคาถามหาเมตตา เป็นบทสวดที่มีตำนานเล่าว่าเกิดจากพระพุทธเจ้าแสดงธรรมนี้ขึ้นมาเอง ไม่ได้เกิดเหตุให้ทรงแสดงธรรมขึ้นมา และบทแผ่เมตตานี้ยาวกว่าบทแผ่เมตตาอื่นๆ จึงได้ชื่อว่า บทแผ่เมตตาใหญ่ เชื่อกันว่าจะได้ประโยชน์ 11 ประการ จากการสวดบทแผ่เมตตานี้ ได้แก่
1. หลับสนิท
2. ตื่นแล้วจิตใจแจ่มใส
3. ไม่ฝันร้าย
4. เป็นที่รักของคนอื่น
5. เป็นที่รักของสิ่งอื่นๆ นอกเหนือจากมนุษย์
6. เทวดาคุ้มครองรักษา
7. อาวุธ ยาพิษ และไฟ มาทำร้ายไม่ได้
8. เมื่อทำสมาธิแล้วจิตจะสงบเร็ว
9. ใบหน้าผ่องใส
10. เมื่อถึงเวลาตาย ก็ตายอย่างสงบไม่ทุรนทุราย
11. แม้ยังไม่บรรลุธรรมเบื้องสูง ก็จะบังเกิดในพรหมโลก
บทแผ่เมตตาใหญ่แบบย่อ
บทแผ่เมตตา บทสวดมนต์แผ่เมตตา แบบเต็มและแบบย่อ พร้อมคำแปล
บทแผ่เมตตา บทสวดมนต์แผ่เมตตา แบบเต็มและแบบย่อ พร้อมคำแปล
ไลฟ์สไตล์ไลฟ์
ไทยรัฐออนไลน์
4 ม.ค. 2564 15:47 น.
บันทึก
SHARE
บทแผ่เมตตา เป็นบทสวดมนต์ที่ช่วยให้จิตใจของผู้สวดสงบขึ้น เพื่อฝึกให้จิตใจมีความเมตตาต่อทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นบุคคล สัตว์ หรือดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้ว การแผ่เมตตานั้นแบ่งออกเป็นการแผ่เมตตาให้ตนเอง และการแผ่เมตตาให้บุคคลอื่น วันนี้ไทยรัฐออนไลน์ได้รวบรวมบทสวดแผ่เมตตาเพื่อให้คุณได้นำไปใช้กับชีวิตประจำวัน
บทสวดแผ่เมตตา คืออะไร
บทสวดมนต์แผ่เมตตา มีไว้เพื่อตั้งจิตปรารถนาดีขอให้ผู้อื่นมีความสุข และอุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลให้กับสรรพสิ่งทั้งหลายด้วยจิตใจบริสุทธิ์ บทสวดแผ่เมตตาใช้สวดหลังจากสวดมนต์ทำสมาธิ หรือการทำบุญต่างๆ เพื่อส่งต่อส่วนบุญให้แก่ผู้อื่น
บทแผ่เมตตาทั่วไป
สัพเพ สัตตา
อะเวราโหนตุ
อัพ๎ยาปัชฌาโหนตุ
อะนีฆาโหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
คำแปล
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากโรคภัยด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นเถิด
บทแผ่เมตตาใหญ่ หรือบทแผ่เมตตาก่อนนอน
บทแผ่เมตตาใหญ่ หรือคาถามหาเมตตา เป็นบทสวดที่มีตำนานเล่าว่าเกิดจากพระพุทธเจ้าแสดงธรรมนี้ขึ้นมาเอง ไม่ได้เกิดเหตุให้ทรงแสดงธรรมขึ้นมา และบทแผ่เมตตานี้ยาวกว่าบทแผ่เมตตาอื่นๆ จึงได้ชื่อว่า บทแผ่เมตตาใหญ่ เชื่อกันว่าจะได้ประโยชน์ 11 ประการ จากการสวดบทแผ่เมตตานี้ ได้แก่
1. หลับสนิท
2. ตื่นแล้วจิตใจแจ่มใส
3. ไม่ฝันร้าย
4. เป็นที่รักของคนอื่น
5. เป็นที่รักของสิ่งอื่นๆ นอกเหนือจากมนุษย์
6. เทวดาคุ้มครองรักษา
7. อาวุธ ยาพิษ และไฟ มาทำร้ายไม่ได้
8. เมื่อทำสมาธิแล้วจิตจะสงบเร็ว
9. ใบหน้าผ่องใส
10. เมื่อถึงเวลาตาย ก็ตายอย่างสงบไม่ทุรนทุราย
11. แม้ยังไม่บรรลุธรรมเบื้องสูง ก็จะบังเกิดในพรหมโลก
บทแผ่เมตตาใหญ่แบบย่อ
เอวัมเม สุตังฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ
เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อารา เมฯ ตัตตระ โข ภะคะวา
ภิกขู อามันเตสิ ภิกขะโวติ ภะทันเตติ เต ภิกขู ภะวะโต ปัจจัสโสสุงฯ ภะคะวา เอตะทะโวจะ
เมตตายะ ภิกขะเว เจโตวิมุตติยา อาเส วิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ ยานีกะตายะ
วัตถุกะตายะ อะนุฏฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ เอกาทะสานิสังสา ปาฏิกังขาฯ กะตะเม เอกาทะสะฯ
สุขัง สุปะติ
สุขัง ปะฏิพุชฌะติ
นะ ปาปะกัง สุปินัง ปัสสะติ
มะนุสสานัง ปิโย โหติ
อะมะนุสสานัง ปิโย โหติ
เทวะตา รักขันติ
นาสสะ อัคคิ วา วิสัง วา สัตถัง วา กะมะติ
ตุวะฏัง จิตตัง สะมาธิยะติ
มุขะวัณโณ วิปปะสีทะติ
อะสัมมุฬฬะโห กาลัง กะโรติ
อุตตะริง อัปปะฏิวิชฌันโต พรหมมะโลกูปะโค โหติฯ เมตตายะภิกขะเว เจโตวิมุตติยา
อาเสวิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ ยานีกะตายะ วัตถุกะตายะ อะนุฏิฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ อิเม เอกาทะสานิสังสา ปาฏิกังขาฯ
อัตถิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ
อัตถิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ
อัตถิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
กะตีหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ
กะตีหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ
กะตีหาการเรหิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ
ปัญจะหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุติฯ
สัตตะหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
ทะสะหากาเรหิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
กะตะเมหิ ปัญจะหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
สัพเพ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ ปาณา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ อัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
อิเมหิ ปัญจะหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
กะตะเมหิ สัตตะหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
สัพพา อิตถิโย อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ ปุริสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ อะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ เทวา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
อิเมหิ สัตตะหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
ปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ ทักขะณายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
อิเมหิ ทะสะหากาเรหิ ทิสายะ ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ
บทแผ่เมตตาให้ตัวเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
คำแปล
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พ้นจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
คำแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลแก่ญาติพี่น้องแบบย่อ
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
คำแปล
ขอบุญนี้ จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลาย ของข้าพเจ้าเถิด, ขอญาติทั้งหลาย จงเป็นสุขๆ เถิด
การกรวดน้ำ คือ การตั้งใจอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่เราได้ทำไว้แล้วไปให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว พร้อมทั้งรินน้ำให้ไหลลงไปที่พื้นดินหรือที่รองรับ แล้วเอาไปเทที่พื้นดินอีกต่อหนึ่งหรือรดที่โคนต้นไม้ก็ได้ และสำหรับประเพณีกรวดน้ำนั้น เริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้สอนให้ พระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งได้มาทำบุญเลี้ยงพระ ทรงหลั่งทักษิโณทก (กรวดน้ำ) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการ "อุทิศส่วนบุญส่วนกุศล" ให้แก่พระญาติที่ล่วงลับของพระองค์ นับตั้งแต่นั้นมา เวลาทำบุญจึงนิยมใช้การกรวดน้ำเป็นสัญลักษณ์แทนการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล
วิธีกรวดน้ำ
1. กรวดน้ำเปียก คือ ใช้น้ำเป็นสื่อ รินน้ำลงไปพร้อมกับอุทิศผลบุญกุศลไปด้วย
2. กรวดน้ำแห้ง คือ ไม่ใช้น้ำ ใช้แต่สิบนิ้วพนมอธิษฐาน แล้วอุทิศผลบุญกุศลไปให้
และในระหว่างที่ทำการกรวดน้ำนั้น เราควรระลึกถึงผู้ที่มีคุณ หรือมีเวรกรรมต่อกัน เพื่ออุทิศผลบุญที่ได้ทำให้แก่บุคคลเหล่านั้น
บทกรวดน้ำแบบสั้น (สำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย จะกรวดน้ำแบบสั้นก็ได้ค่ะ)
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอบุญนี้ จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าเถิด ขอญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าจงมีความสุข สุขใจเถิดฯ
วิธีกรวดน้ำ
1. กรวดน้ำเปียก คือ ใช้น้ำเป็นสื่อ รินน้ำลงไปพร้อมกับอุทิศผลบุญกุศลไปด้วย
2. กรวดน้ำแห้ง คือ ไม่ใช้น้ำ ใช้แต่สิบนิ้วพนมอธิษฐาน แล้วอุทิศผลบุญกุศลไปให้
และในระหว่างที่ทำการกรวดน้ำนั้น เราควรระลึกถึงผู้ที่มีคุณ หรือมีเวรกรรมต่อกัน เพื่ออุทิศผลบุญที่ได้ทำให้แก่บุคคลเหล่านั้น
บทกรวดน้ำแบบยาว
บทกรวดน้ำแบบสั้นๆ หลังใส่บาตร
บทกรวดน้ำแบบสั้น (สำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย จะกรวดน้ำแบบสั้นก็ได้ค่ะ)
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอบุญนี้ จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าเถิด ขอญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าจงมีความสุข สุขใจเถิดฯ
บทกรวดน้ำให้คู่กรรมคู่เวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่คู่กรรมคู่เวรทั้งหลายของ ข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
เมื่อได้รู้จักบทกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลของเราไปให้แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ตลอดจนคู่กรรมคู่เวรของเราแล้ว อย่าลืมแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ผู้ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย กับเราด้วยนะคะ เพราะนอกจากการให้แล้ว การแสดงความเมตตาต่อสรรพสัตว์ ยังช่วยเสริมสร้างเสน่ห์ ให้เราเป็นที่รักของทั้งมนุษย์ และเทวดาอีกด้วยนะคะ
12365844
156635568
12355655
124255565
1446355852
14335652
133549525
135459556
1235635554
132466258
13546855
13546245655
478668533
456334855
13645664
13576455
157635565
166556559
235458555
56553552555
28685255
5335456
3575565755
55534456786
3611352485
337468455
6685345644
268654885/
33455455855
563345875
5763548874
632458545
3575651557
589635475
6800996553
766980855324
657335545
688635788
3997554565
398087563554
56324524455
577863245574
46658775555
56335455
4374364446433
43446767646
65555555
158335444
563355255
355225565
688535555
46347565
564235865
553485885
866579942335
88665458555
ฟ484401455
485517555
5335555555
685354
88355535
686365525
586335555
588669633545
58863324555
358899655
35856966554
5889963544
68899655
6887596555
68569985334
6877566522
587533522
5889955455)
6635775566
6887568556
588599635555
6884555555884422
688569635475
5533552685
23885588
58569655)5)5)
588983358
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
หูเบา เชื่อคนง่าย ไม่คิดให้รอบคอบ
ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา ใครพูดอะไรหรือได้ยินข่าวอะไรหรือ รับรู้เรื่องอะไร ก็รีบเชื่อทันที โดยไม่มีการไตร่ตรอง ไม่มีการหาข้อมูล ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ แต่การเชื่อคนง่าย อาจไม่สร้างความเสียหาย หากแค่ฟังเฉยๆ ไม่เผยแพร่ข้อมูลต่อ หรือ ทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง :
บางครั้งเราก็ไม่ได้เป็นตนที่เชื่อคนง่าย เป็นคน หูเบา แต่บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั้นมีความน่าเชื่อถือก็เลยเชื่อ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงเรา หรือโกหกเรา
การอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังขาดสติหรือชีวิตกำลังมีปัญหา ก็อาจกลายเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่ายเพราะในช่วงเวลานั้นอาจขาด การยั้งคิดขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเชื่อคนง่ายและเกิดปัญหาตามมา เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่จะป้องกันได้ก็คือการ ฝึกตัวเองในเรื่องสติ ไม่ว่าจะรู้เจอเรื่องร้ายอย่างไรก็ตาม ต้องใจเย็น คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่จะลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง หรือ หากมีใครแนะนำอะไร บอกกล่าวเรื่องอะไร ก็อย่ารีบตกปากรับคำ ควรขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะในช่วงเวลานั้นอาจจะยังมีสติ ไม่สมบูรณ์หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ควรค้นหาข้อมูลในภายหลัง ให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อ
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
อย่าเชื่อใจ ผู้ใด ให้ง่ายนัก
ไว้ใจจัก จนใจ ให้โง่เขลา
ทางหลงได้ ใจอย่าหลง คงมัวเมา
อย่าหูเบา เชื่อง่าย ไม่เข้าที
วางใจใคร ต้องฉุกใจ เอาไว้บ้าง
คนนั้นต่าง จิตใจ มากหลายที่
จะจนจิต คิดให้รอบ ชอบชั่วดี
ใจเองนี้ ไม่หวั่นไหว ใครชักจูง...
12344566
11245778
12345678
1123344556
W2234rt5
1264554
166475226
64455221
6545545
65427555ไ
65434745
8875555554
856325555
57778555445
645487752
8785245
84485521
844751554
557414554
5477489524
5185654441
844762284
55772245
577885456
84785554
57778856544
8777666445421
9777555574
9877552114
88554554478
ขยันจิงเว้ย ดึกดื่นไม่นอน
>>701 กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
การนอนดึกเป็นเรื่องปกติขอวกะเทยค้าาาา ต้อวหายทสวดกะสูตรอาหารมาแย่งปัน ว่าแล้วกูขอสูตรทำกิมจิ กับ ข้าวมันไก่หำไหลหน่อย
ตอนแรกกูนึกว่าโทรลปกติแต่มาขนาดนี้ชาวหมาหมู่แน่นอน ไปรุมกัดเขาได้พอเขากัดคืนใจบางจัง ไหนบอกเป็นร่องรอยของการเติบโตไงวะ 555555
สนุกจริงๆ
134565865
1534532
123455625
43355642
24665545
27566555
446355655
445255525
ตีกันๆ
4585354
476368
47863558
57866355
365466855
447563555
44835587
66555536
2552325
3476655
44355555
5793555
2554623
5534564
64555585
33555555
42365
357759555
3743674
5762655
4536556
8624557
575665655
6654525
65745668
ทำไมมันคลั่งอีกแล้ววะ
545655565
5756665555
5778999555
47533565
เปลี่ยนเลขเป็น
ม.293
293
293
น่าจะเข้ากับมึงน้าจา อีตุ้ด
573545554
59877525
578965555
3577665555
5533545
5555555544444444
584485414
57415541
47676464668677
46868677646
5775698555
478554444
778596556655
2455555
57554558
47335552
5776658684
448544454
5778965554
488441421
753575577
57755555575411
5765785758
83377743646664
87565454
78354585444
7556556554
7869542245
756688886545
589944242541
536494676667
47855444
58844514
587565456
58235555
705455441
8565457
57566745
75665688
575355955
78664555
7756655555
58354525
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
การนอนดึกเป็นเรื่องปกติขอวกะเทยค้าาาา ต้อวหายทสวดกะสูตรอาหารมาแย่งปัน ว่าแล้วกูขอสูตรทำกิมจิ กับ ข้าวมันไก่หำไหลหน่อย
355568452
7898852255
88655555
5778996555
5865875588
8996655855
58866585355
6588996574
8889965575
78899966578
45658555
776985555
578865525
277665555
38865455585
755556555
5479965555
789965465
5756655655
663735466767
7667676767634
486867676676
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
886576585
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
657596455
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
5789855355
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
มีฝากด้อมซะด้วย น่ารักเชียว :)
อ้อ ย้ายไปกันเยอะมากกกกกก
10 กว่าคนน่ะเหรอ
เอ๋... กลัวอะไรกันน้า
:) น่าสมเพชดีจริงๆ
อ่ะ ฝากอีรอบนะคะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
12556856
1535565
2545544
12356767
453555155
มาๆ ว่างๆ ก็เเวะมาด่าได้นะ ไม่ทำอะไรหรอก :)
เพราะยังไง...ฉันก็ว่างเสมอ
เข้ามาด่าได้ ด่าเลย ตามสบาย
ชอบมากเห็นคนด่า :)
กลัวเเต่จะไม่กล้าเข้ามาด่า :)
รอคนด่าอยู่นะ เปิดให้มาด่าแล้ว มาสิ :)
1235466555455
132455452
4321652
42311555
5483155
423555
2762256
54532588
77966556
759635565
66576255
65796256
324566245
65721555
5579965
8786555
78896555
54796344
889634565
58896245
78996553
688996543
88965755
87896544
778622422
553555552
88993348884
888635411
134474
123455
13341551
1535457
15544464
5254514
62245144
58743244
13744454
12242441
5541941
55174481
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะเค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
พระคาถาอาการะวัตตาสูตร
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ๒๘ พระองค์ที่ล่วงไปแล้วก็ดี พระพุทธเจ้าในปัจจุบันก็ดี ได้ทรงกระทำตามกันมาทุกๆพระองค์
พระสูตรนี้เป็นพระสูตรอันใหญ่ยิ่งหาสูตรอื่นมาเปรียบมิได้ ด้วยมีทั้ง พระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์ พระปิฎก
ขอท่านทั้งหลายอย่าได้ทิ้งวางในที่อันไม่สมควรเลย จงทำการสักการะบูชา สวดมนต์ ภาวนา ฟัง ตามสติกำลังด้วยเทอญ
1. อิติปิโสภะคะวา อะระหัง
อิติปิโสภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ
อิติปิโสภะคะวา วิชชาจะระณะสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สุคะโต
อิติปิโสภะคะวา โลกะวิทู
อิติปิโสภะคะวา อะนุตตะโรปุริสะธัมมะสาระถิ
อิติปิโสภะคะวา สัตถาเทวะมะนุสสานัง
อิติปิโสภะคะวา พุทโธ
อิติปิโสภะคะวา ภะคะวาติ
(พุทธะคุณะวัคโค ปะฐะโม)
2. อิติปิโสภะคะวา อะภินิหาระ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อุฬารัชฌาสะยะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปะนิธานะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา มะหากะรุณา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปะโยคะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ยุติ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ชุติ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา คัพภะโอกกันติ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา คัพภะฐิติ ปาระมิสัมปันโน
(อะภินิหาระวัคโค ทุติโย)
3.อิติปิโสภะคะวา คัพภะวุฏฐานะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา คัพภะมะละวิระหิตะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อุตตะมะชาติ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา คะติ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อะภิรูปะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สุวัณณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา มะหาสิริ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อาโรหะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปะรินาหะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สุนิฏฐะ ปาระมิสัมปันโน
(คัพภะวุฏฐานะวัคโค ตะติโย)
4. อิติปิโสภะคะวา อะภิสัมโพธิ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สีละขันธะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สะมาธิขันธะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปัญญาขันธะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ทะวัตติงสะมะหาปุริสะลักขะณะ ปาระมิสัมปันโน
(อะภิสัมโพธิวัคโค จะตุฏโฐ)
5. อิติปิโสภะคะวา มะหาปัญญา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปุถุปัญญา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา หาสะปัญญา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ชะวะนะปัญญา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ติกขะปัญญา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปัญจะจักขุ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อัฏฐาระสะพุทธะกะระ ปาระมิสัมปันโน
(มะหาปัญญาวัคโค ปัญจะโม)
6. อิติปิโสภะคะวา ทานะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สีละ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา เนกขัมมะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปัญญา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา วิริยะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ขันตี ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สัจจะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อะธิษฐานะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา เมตตา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อุเปกขา ปาระมิสัมปันโน
(ปาระมิวัคโค ฉัฏโฐ)
7. อิติปิโสภะคะวา ทะสะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ทะสะอุปะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ทะสะปะระมัตถะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สะมะติงสะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ตังตังฌานะฌานังคะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อะภิญญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สะติ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สะมาธิ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา วิมุตติ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา วิมุตติญาณะ ปาระมิสัมปันโน
(ทะสะปาระมิวัคโค สัตตะโม)
8. อิติปิโสภะคะวา วิชชาจะระณะวิปัสสะนาวิชชา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา มะโนมะยิทธิวิชชา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อิทธิวิทธิวิชชา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ทิพพะโสตะวิชชา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปะระจิตตะวิชชา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปุพเพนิวาสานุสสะติวิชชา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ทิพพะจักขุวิชชา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา จะระณะวิชชา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา จะระณะธัมมะวิชชา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อะนุปุพพะวิหาระ ปาระมิสัมปันโน
(วิชชาวัคโค อัฏฐะโม)
9. อิติปิโสภะคะวา ปะริญญา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปะหานะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สัจฉิกิริยา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ภาวะนา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปะริญญาปะหานะสัจฉิกิริยาภาวะนา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา จะตุธัมมะสัจจะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปะฏิสัมภิทาญาณะ ปาระมิสัมปันโน
(ปะริญญานะวัคโค นะวะโม)
10. อิติปิโสภะคะวา โพธิปักขิยะธัมมะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สะติปัฏฐานะปัญญา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สัมมัปปะทานะปัญญา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อิทธิปาทะปัญญา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อินทรียะปัญญา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา พะละปัญญา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา โพชฌังคะปัญญา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อัฏฐังคิกะมัคคะธัมมะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา มะหาปุริสะสัจฉิกิริยา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อะนาวะระณะวิโมกขะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อะระหัตตะพะละวิมุตติ ปาระมิสัมปันโน
(โพธิปักขิยะวัคโค ทะสะโม)
11. อิติปิโสภะคะวา ทะสะพะละญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ฐานาฐานะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา วิปากะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สัพพัตถะคามินีปะฏิปะทา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา นานาธาตุญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา นานาธิมุตติกะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อินทริยะปะโรปะริยัตตะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา นิโรธะวุฏฐานะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปุพเพนิวาสานุสสะติญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา จุตูปะปาตะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อาสะวักขะยะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
(ทะสะพะละญาณะวัคโค ทะสะโม)
12 . อิติปิโสภะคะวา โกฏิสะหัสสานังปะกะติสะหัสสานังหัตถีนังพะละธะระ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปุริสะโกฏิทะสะสะหัสสานังพะละธะระ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปัญจะจักขุญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ยะมักกะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สีละคุณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา คุณะปาระมิสะมาปัตติ ปาระมิสัมปันโน
(กายะพะละวัคโค ทะวาทะสะโม)
13. อิติปิโสภะคะวา ถามะพะละ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ถามะพะละญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา พะละ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา พะละญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปุริสะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อะตุละยะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อุสาหะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา คะเวสิญาณะ ปาระมิสัมปันโน
(ถามะพะละวัคโค เตระสะโม)
14. อิติปิโสภะคะวา จะริยา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา จะริยาญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา โลกัตถะจะริยา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา โลกัตถะจะริยาญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ญาณัตถะจะริยา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ญาณัตถะจะริยาญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา พุทธะจะริยา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา พุทธะจะริยาญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ติวิธะจะริยา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปาระมิอุปะปาระมิปะระมัตถะ ปาระมิสัมปันโน
(จะริยาวัคโค จะตุระสะโม)
15. อิติปิโสภะคะวา ปัญจุปาทานักขันเธสุอะนิจจะลักขะณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปัญจุปาทานักขันเธสุทุกขะลักขะณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ปัญจุปาทานักขันเธสุอะนัตตะลักขะณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อายัตตะเนสุติลักขะณะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อัฏฐาระสะธาตุสุติลักขะณะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา วิปะรินามะลักขะณะ ปาระมิสัมปันโน
(ลักขะณะวัคโค ปัณณะระสะโม)
16. อิติปิโสภะคะวา คะตัตถานะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา คะตัตถานะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา วะสิตะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา วะสิตะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สิกขา ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สิกขาญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สังวะระ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สังวะระญาณะ ปาระมิสัมปันโน
(คะตัตถานะวัคโค โสฬะสะโม)
17. อิติปิโสภะคะวา พุทธะปะเวณี ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา พุทธะปะเวณีญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ยะมะกะปาฏิหาริยะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา ยะมะกะปาฏิหาริยะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา จะตุพรหมวิหาระ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อะนาวะระณะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา อะปะริยันตะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา สัพพัญญุตะญาณะ ปาระมิสัมปันโน
อิติปิโสภะคะวา จะตุวีสะติโกฏิสะตะวัชชิระ ปาระมิสัมปันโน
(ปะเวณีวัคโค สัตตะระสะโม)
เออ รู้แล้วว่ามึงแก๊งค์อิติปิโสที่เกือบโดนอีพายฟ้องอ่ะ
ขุดขึ้นมาบ่อยๆ กลัวคนไม่เห็นสินะ ดีๆช่วยขุด ใครผ่านไปผ่านมาเมิงอย่าลืมดูไฟล์ตรงหัวมู้นะ แส้บพริกสิบเม้ด
อย่าลืมย้ายไป Open chat นะพวกเธอ สนุกฉิบหาย เม้าท์มันส์มากเวอร์
7535752
28862485
57535568
7635455
43355555422
877966455
75345675
85324667
55355575
47653535
3589756
657962555
35869424
57355644
556575755
766754545
514524557
3895865
375655544
357585335
379964645
7866555454
753545558
45935584
58635584
563456855
4354344
43359555
3799545555
8346676867676
88345654
66733766446
133456555
4566552322
432465567
335466545655
53245994235
5534568522
5345655655
5562457455
64597525665
534598455
275994452
357995455
57695852555
5897532555
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
56346555545
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
555
22456876355
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
5555555
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
55555555
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
55555555
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
55555555
3575644558
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
356525586
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว
541455754
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ ถถถถ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
555555
534895465
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
555555
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
4555555
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
ถถถ
ฮซน หน้าโง่ ชิงหมาเกิด
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
นทกรตอแหล ร้ายลึก
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
ไรท์เอ็มน้าเหี้ย หลอกให้เพื่อนมาตายแทนตัวเอง
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
ชาล ลูกหมา เลียตีนนทกรแต่มันไม่ดันตัวเองสักที
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
27665557
เอล ตอแหล ก็อปหนัง แหวะๆ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
บางคนก็เป็นได้แค่ของก็อปเกรดเอ ว๊ายยยย มึงไงอีเอล
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
นักเขียนเขาก็จำกิมมิคตัวเองได้ทุกคนแหละ กิมมิคก็อปหนังไงอีควาย
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
หน้าตาก็ดูแล้วว่าเหี้ย นิสัยสันดานยังเหี้ยจริงอีก ฮซน+สคป
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
ไม่มีความรู้แต่ควรมีมารยาท มึงอะไม่มีท้งสองอย่างอีควาย ฮซน
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
ไม่ใช่แค่ปลาหมอที่ตายเพราะปาก เดือนพรายก็ด้วย
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
ว๊ายยยยยย โดนฟ้องเหรอ ทำไมอะ อ๋อ ปากหมา
55555555555
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
นักเขียนบางคนก็เป็นได้แค่ขยะ ขยะที่ สนพ ไม่เอา โดนปฏิเสธต้นฉบับกลับมา ขนาดเขาบอกว่าผ่านแล้ว พอเอาไปดูดีๆเขายังไม่เอาเลย แหวะ น่ารังเกียจ หยีๆ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
เดือนพรายที่เครียดกับเรื่องนี้มาสักพักหนึงแล้ว สมน้่ำหน้า ปากหมา สันดานหมา เพื่อนเยอะไม่ใช่เหรอ เพื่อนมึงช่วยเหี้ยไรได้ไหมละ อ๋อ คงช่วยไม่ได้ ไม่งั้นคงไม่เสียหมาแบบนี้ หุหุ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
นิยายวิวหลักล้านยอดขายหลักร้อย ว๊ายยยยยยยยย นข ดังมากเวอร์!!!!!!
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
คนดีๆแช่งใครแล้วจะเป็นผล คนระยำแช่งใครแล้วจะเข้าตัว ระวังนะ ฮซน 555555
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
ปากบอกมีทีมงานเยอะ กูเห็นมึงคนเดียว 5555555555
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
63 64 ่ใช้รูปเดิมซ้ำๆ หวังว่าปีหน้าถ้ายังทำห้องน้ำให้พ่อยู่ ช่วยเปลี่ยนรูปด้วยนะอีกระต่ายใต้โคลนตม
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
จะขอเป็นลูกหาบพี่นัทตลอดไป มึงได้เป็นสมใจแน่ เพราะเป้นมาตั้งนานพี่มึงไม่เห็นจะช่วยดัน ช่วยอะไรมึงเลย ย่ำที่มากี่ชาติแล้ววะ
หุหุ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
จะปรับปรุงตัวแล้วคะ จะไม่เขียนนิยายติดเหรียญแล้วเทอีกแล้ว = ตอแหล
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
ทิศเหนือของผม จบภายในธันวาแน่นอนครับ ธันวาพ่อมึงเหรอออกัส ข้ามปีจนจะเมษาแล้ว อีควาย
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
กำปั้นทุบกิ่งเมื่อไหร่จะออก ไม่สิ ส่งหนังสือก่อน หน้าหนาวแต่เร้าร้อน ใช้ตอนนี้ร้อนจริงแล้ว ไอ้เหี้ยยยย
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
กุฝาก "ด้อมคลั่งรัก 🤟". ด้วยนะ เค้าย้ายมาอยู่นี่หมดแล้ว สำหรับคนคลั่งรักแก็งค์หมาหมู่ รวมชาวด้อมนักเขียนดังๆไว้ที่เดียว เช่น นทกร ชาลลี่อีสอีส(สัส) ฮซน ไรท์เอ็ม กระต่ายใต้โคลนตม ออกัสอีสควาย ผู้ซึ่งดอกทองเป็นหนึ่ง และอีกมากมาย เม้าท์กันมันส์ฉิบหายเลยมึง วันนี้ก็ด่ากันสนุกโคตร ไม่มาไม่ได้แล้วนะ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
อ้อ คนเขาไปกันหมดแล้วที่มีอยู่ 10 กว่าคนเหรอ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.