Last posted
Total of 1000 posts
ด้อมนี้แฟนคลับเยอะว่ะ แม่งขึ้นมู้3แล้ว 5555555
ขึ้นมู้ 3แล้วววส ปังหลายยยย
พึ่งเห็นว่าบัญชีหนังหมาอัพเดทใหม่แซ่บเวอร์ ไม่รู้คนทำบัญชีกับหัวหน้าด้อมคนทำมู้คนเดียวกันไหม แต่กูจะบอกว่า กูขอสดุดีพวกมึงค่ะ
กูเพิ่งเห็นจำนวนหน้าในบัญชีหนังหมา และ Hall แม่ง 126 หน้า ! วีรกรรมวีรเวรของพวกมันนี่ไม่มีวันจบสิ้นสินะ 5555
>>5 แค่มู้เคยกี่มู้ไปแล้ว 555555 ฮซน เมนกูมาแรงสุด ไม่เคยแผ่นเลย นี่ล่าสุดจะเปิดพรีนิยายแล้วนะ
https://twitter.com/sp8phzn/status/1365884212675403779?s=19
นิยายเป็นภาคต่อจากเล่มที่ออกกับ ซบ แต่ทำไมถึงไม่ออกกับ ซบ แล้วนะ เพราะอะไรน้าาาา คงไม่ใช่เขาไม่รับงานแล้วหรอก ไม่ใช่หรอก เพราะเมนกูดังมาก คงอยากทำมือเองแหละมั้งงงงงงงงง
>>10 ตายแล้ว คุณพระ! พูดแบบนั้นกับเมนเราไม่ได้นะคะ ประเดี๋ยวมีคนไปบอกก็ธาตุไฟแตก เขายิ่งเปลี่ยนชื่อแอค เปลี่ยนยูส แก้เคล็ดอยู่ ว่าแต่...ทำไมต้องมาแก้ตอนโม่งด่านะ คริคริ
แก้เคล็ดไม่รู้ช่วยได้จริงไหม แต่ถ้าแก้สันดาน อันนี้ช่วยได้แน่นอน ขอยืมคำ ฮซน อีกรอบนะคะ "ไม่มีสมองไง"
555555555555555
ว่าแต่ใครแคปไว้มั้ย ตอนที่มีคนรีวิวนิยายอีเอลลงกลุ่มอีมม. แล้วเหมือนจะรีวิวไม่ถูกใจอีเอล นางเยแจ้งลบ แต่อีมม.ไม่ยอมลบ แถมยังแหกลงกลุ่มอีกว่านักเขียนแจ้งลบ 55555 เหมือนเคยเห็นแว้บๆว่าแก๊งเหี้ยนี่ไม่ถูกกะอีมม. นะเห็นตอนดราม่าของอีมม. อีพวกนี้เกาะด้วย ถึงว่าเห็นแต่เบียตีนอีหมีกับอีแอคจูนเหี้ยไรนั่น
เป็นแก็งค์ที่ตัวเองไม่ชอบคนอื่นได้ เกลียดคนอื่นได้ ด่าคนอื่นได้ แต่คนอื่นจะมาทำแบบนั้นกับตัวเองไม่ได้ ไม่ยอม ธาตุไฟแตกตลอด สมแล้วที่ ฮซน บอกว่า เหี้ยโดยสันดาน 555555555
https://twitter.com/sp8phzn/status/1365982652877037572?s=19
"งงอะ ไม่ชอบแล้วมาตามอยู่ได้ อิห่า" by @ชาวโม่ง 1 : มันจะเปนเค่ดๆ นะ มันจะแบบงงหน่อยๆ เป็นส้นตีนไรอ่า 🥺
โม่ง 2 : ก็เป็นส้นตีนไง 555
ปล. เปิดตัว ตัวเหี้ยตัวใหม่มาให้พวกมึงแบนเล่นกัน อี stafflilac
นี่ๆ กูเห็นมึงออกเล่มกะซบ. กูฝากถามซบ.ทีว่าทำไมถึงเทเพื่อนมึง แล้วเพื่อนมึึงเป็นส้นตีนอะไรทำไมสนพ.เค้าถึงไม่เอาอ่าาา 🥺55555555555555555555555
>>22 ดพ ฝากแสดงความคิดเห็นแทนชางโม่ง
https://twitter.com/PhraiPimmy_/status/1365630245777272833?s=19
55555555555
พวกนี้ตลก ด่าใครก็เข้าตัวเอง ส้นตีนมากกก ถถถถถถถถถถ
อีฟเดทหน่อยนะคะชาวด้อม ตอนนี้นักเขียนด้อมเราถือเคล็ดด้วยการเปลี่ยนยูส + ชื่อ แอคใหม่ แล้วไปสร้างแอคใหม่อีกแอค โดยใช้ยูสของแอคเดิม เวลากดค้นหาด้วยยูสเดิมจะไปเจอแอคใหม่แทน ชาวด้อมที่รักของพวกเราอาจจะสับสน
ไม่รู้เคล็ดเหี้ยอะไร แต่ขอแจกวาป สำหรับติดตามใหม่นะคะ
ฮซน
https://twitter.com/sp8phzn?s=09
ดพ
https://twitter.com/PhraiPimmy_?s=09
ชาล
https://twitter.com/Chaltreee?s=09
ออกัส
>>33 ต่อ
ออกัส
https://twitter.com/auguxt01?s=09
นทกร
https://twitter.com/nottakorn17?s=09
แพตตี้
https://twitter.com/palettepart?s=09
ส่วนคนอื่นยังไม่ถือเคล็ด ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงจะมาอัพเดทชาวด้อมนะคะ
หาใครไม่เจอถามเลยค่ะ เดะหามาให่ เพราะฉันคลั่งรักพวกเขามากกกกกกกกก
เมิงว่าใคร อีฮซน ดพ ชาลยังรีอยู่เมื่อ1-2ชมที่ผ่านมา นอกนั้นน่าจะนอนแล้ว 55555
รีบๆไปฟอลนะพวกมึงจะได้ติดตามแบบอินไซ้ 555555555555
https://twitter.com/palettepart/status/1366039483456479242?s=19 กระเหี้ยนกระหือรืออยากแมสใาก อยากอมสจนตัวสั่น จนต้องไปเกาะกระแสการเมืองแล้วว่ะ 5555555
>>37 คิดว่า น่าจะเป็นเพราะโม่งเสือกไปรู้ว่ามีคนโดนฟ้องอีก 4 คน มันเลยเปลี่ยนชื่อ+ยูส เพราะโม่งบอกรอขำหน้า คงกะจะเนียนๆ ไม่ต้องขอโทษแอคพวกนางมั้ง เพราะทุกคนเปลี่ยนหมด ยกเว้น ดพ เพราะนางขอโทษไปแล้ว ขำวะอีดอก ใครคิดวะวิธีนี้ โง่ฉิบหาย เพราะโม่งนั้นแหละ จะไปรอขำหน้าพวกนาง เลยถือเคล็ดเลยเห็นไหม 55555
เดี๋ยวนทกรก็บอกว่า กูก็มีหัวใจมั้ยวะ
http://imgur.com/a/pEBTslS อีชาติหมาเอ้ยขาลีอิสอิสมันบอก
ขำวะ แก็งนี้คือมีแต่คนตลกฉิบหาย มีความสุขดีไหมชีวิต มีคนเกลียดเยอะขนาดนี้
http://imgur.com/a/Fbbor5X มีเวลาว่างไปม็อบนะ แต่ไม่มีเวลาเขียนนิยาย 555555555555
แทนที่จะมาด่าต่อปากต่อคำกับคนในโม่ง สู้เอาเวลาไปพัฒนาฝีมือให้มันดีขึ้นนี้ยังจะดีกว่าเพื่อลบคำสบประมาทนี่อะไรอ่านโม่งแล้วก้เอาไปทวิตด่า ถามจริงมีความสุขมั้ย ความสุขมึงอยู่ตรงไหนก่อน มึงแคร์ที่โม่งด่าแต่ทำไมไม่ปรับปรุงให้เห็นว่ามึงไม่ได้เป็นอย่างที่โม่งด่า
http://imgur.com/a/GLaOy2a ไม่ให้ค่าอ่ะเนอะ ด่าแต่ล่ะทีเข้าตัวเองไป 1 กรุบ 555555555 ชาวงนี้อากาศร้อน ธาตุไฟแตกบ่อย 555555555555555555
http://imgur.com/a/Hi6xAmd สภาพแก๊งค์หมาเมื่อเข้ามาส่องโม่ง 5555555555555
รวมดาวอีกแล้วค่ะ ชาวโม่งจะซื้อเรื่องไหน พูด!!
http://imgur.com/a/eMSBo5A สงสัยส่องโม่งแล้วน็อตหลุด สติแตกเพราะได้รับความรักจากพ่กเลามากเกินปัยยย 🥺
*** เลื่อนลงไปดูด้วยนะ มีหลายรูป***
ไม่ซื้อ=ไม่ใช่แฟนคลับ
ฮซน ก็หัวร้อนไม่เลิก เพราะคนขยันไปบอกตลอก ส่วน ดพ ก็ขยันด่าป้าข้างบ้านใหญ่เลย ไปๆมาๆ กูว่าคนที่พาเพื่อนมาตายแบบอีเอล วางตัวดีกว่าอีก เนียนๆ เงียบๆ ไม่เผยจุดให้โม่งด่า ส่วนพวกใช้สมองน้อยที่เหลือ ก็ดิ้นกระแด่วๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ในแก็งค์นี้ใครโง่สุด ฮซน แน่นอน
ใครสวมรอยใช้แอคเค้าอิพวกหมาหมู่นี้มึงเตรียมรับไหมศัล
ไว้เลยเค้าจะฟ้องแล้ว ยุทธการล่อพวกมึงออกจากโม่ง เจ๋งดี ถถถถ
มุกสร้างแอคหลุมมาแอ๊พ งง ยังไม่เลิกใช้อีกเหรอวะ
https://twitter.com/2592Dava/status/1366279111052693505?s=19
แอคพึ่งสมัครด้วย รับบทนางสงสัย 5555
ใครรับบทอะไรไม่รู้ แต่ ดพ รับบทนางแอ๊บงงไปแล้ว 55555
สวมรอย5555555555555555 กุขำเกือบตาย คิดได้ไง
https://twitter.com/nottakorn17?s=09
อ่ะ แปะวาปนทกรหน่อย เมื่อวานโม่งแซว เปลี่ยนอีกแล้ว เปลี่ยนอีก กูก็แปะอีกค่ะ
ออกมาโพสในเฟส ในทวิตเรียกกระแสลูกหาบดี กูอยากถามเหมือนกันว่าแล้วจะเปลี่ยนทำไมแล้วทำถึงมีผู้ไม่หวังดีมาสวมรอย
ตลกตรงเสือกทำพร้อมกัน 555
https://twitter.com/2592Dava/status/1366279111052693505?s=19
ไม่เนียนค่ะอีควาย จะสมัครแอคหลุมมาก็เอาให้เนียน มึงเข้าแอคอีนทกรมันจะไปโผล่แอคิ ฮซน ได้ไง แล้วมึงดูตรงไหนเป็น ฮซน คะ กูไม่เห็นมีสักคำ ไม่เนียนนะคะ อย่าโง่!
แอคใหม่เอี่ยมด้วยนะ ตลกชิบหาย ไม่รู้พวกนางจะเล่นปาหี่อะไร มีการเปลี่ยนแอค นทร ตัวจริงว่ะ ใครจะไปสวมรอย ตลกชิบหาย 55
https://twitter.com/nottakorn17/status/1366380668968558598?s=19
มีคนจะแฮคทวิตแล้วนะคะ 55555
แปลกจัง มาแฮคตอนโม่งจำได้ว่าโดนฟ้อง แล้วรอขำหน้าตอนโพสต์ขอโทษ บังเอิ๊ญญ บังเอิญ
https://twitter.com/Chaltreee/status/1366380974980829186?s=19
รับบทนาง งง อีกคนแล้วคร้าาาาา 55555
มาแบบเป็นสเต็ปด้วยนะ พอเปลี่ยนชื่อปุบ ก็มีคนสวมรอยปั๊บ แหม๊ คนดังจัด
มึง555555555555555555 ใครเชื่อมันแม่งโคตรโง่อีเหี้ย55555555555555555555555555
ก่อนจะเนียน จะแอ๊บ ไปเตี๊ยมกับอี ฮซน เขาก่อนไหม แอคเขาคือดูรู้เลยว่ามันนั้นแหละ ไม่ใช่คนอื่นสวมรอยหรอก ปากหีแบบนี้มีคนเดียว
มันคิดว่าคนอื่นโง่หรอ... เปลี่ยนชื่อแอคใหม่ ตั้งแอคใหม่ใช้ชื่อแอคเก่า แล้วมาบอกโดนแฮค พร้อมๆกัน?? จะหลบใครหรอ หรือกลัวจะได้โพสต์ขอโทษแบบดพเลยต้องทิ้งชื่อแอคเก่าก่อน ศาลเขาไม่โง่ไหม?? เอาส้นตีนคิดหรอ อีนทก เป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มซะเปล่า มึงเอาความคิดนี้มาจากไหน5555555
ky มึงด่วน กูถามหน่อย https://www.รอร.com/?action=user_page&user_id_publisher=2411787 คนนี้อยู่แก้งค์เดียวกันหรอวะ เข้าทวิตไปเช็คเห็นคุยกับแก้งค์บ่อยมาก แล้วนางใช้รูปละเมิดลิขสิทธิ์ ไปแหกดิ่
ชาวโม่งหลายคนบอกแก็งค์นี้เสียดายนทกร ไม่น่าเลยอย่างงั้น คราวนี้เห็นยังละคะ ว่ามันศีลเสมอกันขนาดไหน
อีนทก.คือตอแกบมากค้าาาา มึงนึกว่ากูไม่รู้หรอมมมมมม
>>97 แล้วอีแอคเงาแค้นเขาก็เปลี่ยนไปกับเขาด้วยนะมึง
คนนี้ก็ถูกสวมรอยเหมือนกันปะ
https://twitter.com/sp8phzn/status/1366389163759558658?s=19
555555555555555
https://twitter.com/Chaltreee/status/1366392885793288200?s=19
สุพรรณหงส์ต้องมาแล้วปะ แสดงเก่งแบบนี้
https://m.facebook.com/Chaleeisis/photos/a.761414153916309/4117599401631084/?type=3&source=48 มีการพูดเป็นนัยๆว่ามีปัญหากับโม่งแล้วโม่งคือคนทำ อีชั่ววววว ตอแหล
ชาลบอกนักอ่านไม่ต้องไปโต้ตอบ เดี๋ยวชาลกับเพื่อนโต้ตอบเอง 55555
กูนอนตะแคงรอดูคนดำเนินคดีกับตัวเอง
ดำเนินคดี ฝ่ายโจทย์ นทกร ชาล ฮซน แพตตี้ ออกัส VS ฝ่ายจำเลย นทกร ชาล ฮซน แพตตี้ ออกัส
555555555555555555
อ้อ อีคนทำบัญชีหนังหมา ผ่านมาแวะตอบกูหน่อย กูมีอะไรจะส่งให้
ขยันสร้างตำนานกันจริงๆ 55555
มีแต่ความบังเอิญเต็มไปหมด จนกูอยากให้มีผู้กล้าไปแหกเรียงตัว อยากดังนักไม่ใช่เหรอ
ขำทำเพื่ออะไร กูถามจริงๆ ใครช่วยบอกกูที
http://imgur.com/a/E7KCR62 ดราม่าทียอดฟอลเพิ่มจริงๆว่ะ หรือนี่เป็นทางหาแดกของพวกมัน ล่าสุดที่กูกดลิ้งเข้าไปดูคือ 7107 นี่ 7155 ล่ะ 5555555 ส่วนอีนทก. มุขปิดแอคมึงหาแดกไม่ได้จนต้องหันมาใช้มุขโดนแฮคแล้วหรอ
อ่ะคราวนี้ยอดวิวเพิ่มขึ้นเท่าไหร่อ่ะ กุแนะนำนะอีนักเขียนโนเนมที่นิยายมีคนอ่านน้อย นิยายขายไม่ได้อ่ะ มึงควรมาเรียนรู้สูตรตอแหลแต่ยอดวิวหลักแสนจากศิษย์พี่ของมึงนะ อันนี้กุแนะนำเลย Recommend สุดๆ 555555555555555555555
มันจนตรอกอะไรกันขนาดนี้ ต้องเล่นมุกนี้ เขียนนิยายจนเพี้ยนแล้วเหรอวะ หรือหมดกระแสเลยต้องหาซีนให้ตัวเอง ติ่งก็นะ กินหญ้าหรือกินข้าว
มันเอาชื่อไปขายของนี่ กูพอเข้าใจได้อยู่นะพอแอคดังๆเปลี่ยนชื่อเมิงไม่ได้คืนหรอก ลองนึกภาพอีนายองเปลี่ยนชื่อแอคดิ
https://twitter.com/sp8phzn/status/1366556227975540737?s=19 เนี่ยอีดอก เค้าบอกเค้าไม่ได้ว่าง พ่กมึงปรักปรำเมนกุทำไม คลเฬว
>>129 อะมึง
ก็อปก็คือก็อปของนทกร กูไปหาเจอในเครื่องมา
รับบทนางสงสัยอีดอก มาสงสัยเหี้ยไร มึงหลังไมค์คุยกันตลอด แล้วเสือกมาสงสัยช่วงเวลานั้นพอดี ก็อปก็คือก็อปคนอื่น แล้วมึงรู้ได้ไงอีนทกร
ฝากมึงแปะลงบัญชี เห็นยังไม่มีรูป
เขาคิดงิธีนี้ได้ยังไง นิถามจริง
http://imgur.com/a/2nJegLv
ป้าข้างบ้าน : เอาเวลาด่ากู ด่าลูกสาวกูไปแต่งนิยายออกทะเลของมึงให้กลับขึ้นฝั่งเหอะ หรือปล่อยให้อับปางลงกลางทะเลไปเลย
555665455554566555555555
ดพ ไม่ใช่คนแล้ว หมาก็ไม่ใช่ เพราะมันเสียหมาไปแล้ว จะเป็นอะไรดีละทีนี้ 555555555555
ไม่อิจฉาเลย ไม่อิจฉาสักนิด ไม่อิจฉาเลย ไม่อิจฉาสักนิด ไม่อิจฉาเลย ไม่อิจฉาสักนิด
อย่างน้อยป้าข้างบ้านก็ไม่ได้มีผัวเป็นชาวประมง ลูกสาวป้าเลยเคยออกทะเล 555555555
กูตามไม่ทันอะ ทำไมคนที่เขาทวิตว่าจะโดเนทให้ นทก แล้วลิ้งไปของ ฮซน
ที่มันเป็นแบบนี้ เพราะตอนแรกพวกมันเปลี่ยนชื่อแอค เปลี่ยนชื่อ @ กันเหรอ มันถึงสลับกัน กูไม่ถนัดเล่นทวิตเท่าไหร่ งงนิดหน่อย
อิเหี้ยเอล เอานิยายอีครุฑเหี้ยไปโฆษณาใน fb กูอยากถามเปลี่ยนเรื่องมากว่า ตกลงมึงขอโทษน้องเขายัง ตีตาใสไม่มีไรเกิดขึ้น ห่านสลัด! แล้วไอ้ meg ของมึงลอกก็บอกว่าลอกแล้วเลิกขายสิจ้ะ
งานสัปดาห์หนังสือคราวหน้ามันจะให้แม่มานั่งขายอีกไหมวะ เหี้ยมาก สงสัยลืมเป็นโรคซึมเศร้าแล้วมั้ง สัด!
>>163 ชาวโม่งมองว่าพวกมันเปลี่ยนชื่อแอคใหม่ แล้วเอาแอคหลุมมาใส่ชื่อแอคเดิม แล้วออกมาดิ้นกันว่ามีคนสวมรอย แต่จริงๆคือแอคพวกมันเอง จึดนี้มึงไปคิดกันเอาเอง
ปล.อันนี้กุเรียบเรียงตามความเสือกของกุเองนะ แล้วเดี๋ยวกูจะไปบันทึกลงในบัญชีหนังหมาด้วย เพราะวีรกรรมว้าวซ่ามาก 55555555
เพื่อนโม่งอย่ารุมสกรัมกูนะ ถ้ากูบอกว่าอีฮซน.กับอีชาลยังน่าเชื่อถือกว่าอีนทก. ว่าพวกนางโดนสวนรอย แต่เรื่องแฮคกูว่าแม่งตอแหล กูเชื่อไม่ลงว่ะว่าจะโดนแฮค เพราะอะไรคิดกันเอาเอง ชอบเล่นบทนางโดนบูลลี่ นางจิตตกประจำ นางสันดานกลับกลอกนะมึงอย่าลืม แถมคงจงใจใส่ความให้คนที่เอาชื่อแอคเดิมมันไปใช้นั่นแหละ
กู งง คือ
-กดเข้าลิงค์ทวิตอีนทกร แล้วจะไปโผล่ของอี ฮซน ได้ไง ขนาดค้นหาผ่านยูสเซอร์ยังไม่เหมือนกันเลย
-คนเราจะโดทเนทนักเขียน ติดต่อทวิตไม่ได้ ทำไมไม่ทักเพจ เพจก็ยังมี ทางการกว่าทวิตด้วย โป๊ะมาก แอคนั้นก็อวยเกิน แอ๊บ งง จนโป๊ะ ไม่เนียน
- เปลี่ยนยูส ชื่อ พร้อมกัน วันถัดมา มีแอคมาใหม่ ใช้ยูสเดิมพวกนาง เอาจริงๆคนจะแกล้ง มันเอาแอคไปด่า ไปอะไรแล้วปะ ไม่ใช่มาล็อคส่วนตัวแบบนี้ แล้วแอคอี ฮซน คือโป๊ะมาก ปากหีแบบนั้น มึงนั้นแหละค่ะ อย่ามาเนียนมันดูออก แล้ววันถัดมาพวกนางรู้ตัว ดูออกเลยนะคะ ว่าเป็นแผน เป็นขั้น เป็นตอน
-ลืมแล้วมั้งค่ะ ว่าก่อนหน้านั้นพวกนางยังบอกซ้อมหัวเราะ ซ้อมขำ โม่งยังแคปมาลงเลย วันถัดมาก็มีเรื่องแบบนี้
โป๊ะมาก ไม่เนียนค่ะ อย่าโง่ ขายขำ
>>167 เข้าใจตามกุเองนะ นางกดตามลิ้งค์ในนิยายไปเจอแอคนทก. แต่แอคนั้นคือแอคหลุมที่เอาชื่แอคเดิมนางไปใช้งี้ป่าว แต่ที่บอกเด้งมาเป็นฮซน.เห็นในนั้นบอกแรกๆใช้ชื่อแอคนทก.ตอนหลังมาเปลี่ยนใข้ชื่อแอคอีสัดหมาฮซน.อ่ะ จึดที่กุเอ้ะกว่าคือแอคที่เอามาโพสน่ะนะ แอคใหม่กิ้งๆเหมือนเปืดมาเพื่อการนี้ 555555
https://twitter.com/sp8phzn/status/1366639971205926913?s=19 ไม่ค่าโม่ง โม่เสียสุขภาพจิต เสียสุขภาพจิตตตตตตต ไร้ค่าเด้อ จ้า อีดอกกกก / เสียงพี่โน๊ต อุดม 55555555555
http://imgur.com/a/HdTMJbA ขนาดเกลียดโม่งยังส่องบ่อยขนาดนี้ กุยอมโง่เหมือนอีฮซน.เมนกุก็ได้วะ 55555555
เอ๋ ไหนตอนนั้นที่โดนอี พชพ เขาฟ้อง เห็นตอบคนในทวิตว่าได้รับบทเรียนแล้ว จะใจเย็นขึ้น แต่ก็เข้าใจนะ สันดานเหี้ยๆ เปลี่ยนกันได้ง่ายๆที่ไหน หุหุ
สงสัยมอหอ พอดีเคยแซะเรื่องนั้นที่เขาใช้ชื่อตัวเอกคล้ายกันแต่ตอนนี้เรื่องนั้นดังกว่า
กูคิดมาตลอดเลยว่านับเก้ารักกับนับสิบจะจูบคือเรื่องต่อกัน 555555
จนนักเขียนฝั่งนั้นต้องเขียนติดไว้ว่าไม่ได้ดัดแปลงหรือลอกเลียนใครมาอะ คิดดูปสดแค่ไหน ตอนแรกแค่ชื่อ สักพักลามไปนิสัยคำพูดตัวละคร
แต่นับสิบไม่ออกทะเลแบบนักเก้าน้าาา แถมแมสจนได้ทำซีรี่ส์ด้วย อิอิอิอิ
>>195 ที่ ฮซน ด่าตอนนั้น ต้องแอบด่า ดพ แน่เลย 5555555555
https://twitter.com/PhraiPimmy_/status/1366696844680589312?s=19 เมนใครอย่าลืมไปชมไลฟ์กันนะค้าาาาาา
ดพนี่กูว่าอยากเป็นเหมือนคูมเหมี่ยวแน่ๆ อยากได้ยอดในไอจี อยากให้คนตามเยอะทั้งไอจีทั้งทวิต แซะเขาไว้เยอะก็อยากเป็นอย่างเขาอะเนอะ เหอะๆ เอาเวลาไปพัฒนางานเขียนตัวเองเหอะ เขียนแต่แนวเดิมๆ ถนัดนั่งเทียนเขียนโดยไม่หาข้อมูลตลอดนี่ เรื่องโรคเรื่องวงการบันเทิง เรื่องค่ายเรื่องมาเฟีย เขียนเวอร์วังไม่เฉียดความจริง ปรึกษาเอลดิ ดูหนังมาเฟียสักเรื่องแล้วก็ชอบจนเอามาเขียนเพลินไปหน่อย
>>199 https://twitter.com/PhraiPimmy_/status/1366784276834910208?s=19 มึงอย่าใส่ร้ายยยยยยยย ถถถถถถถ
เมื่อไหร่หมาแถวนี้มันจะกล้าออกมากัดตรงๆวะ ได้แต่เห่าโฮ่งๆอยู่หลังกรง ว้ายยยยยยยยยย
>>208 คุณพระ เราจะโดนฟ้องแบบแก๊งค์ของน้องเดือนดับรึนี่ ขอสัมภาษณ์ ฃควารู้สึกของน้องเดือนดับหน่อยค่ะว่า ตอนน้องเดือนดับด่าคุณบานอฟฟี่พายกับตอนได้ใบเตือนจากคุณบานอฟฟี่พาย จนต้องร่อนโพสขอโทษเค้าเป็นอาทิตย์เนี่ย น้องเดือนดับรู้สึกยังไงอ่ะคะ พวกเราจะได้ซ้อมไว้ก่อน (。•́︿•̀。)
โทรลป่วย ปล่อยนางไปเถอะ
เบื่อมู้นี้จัง รกห้องอะ ไม่มีสาระ น่าจะโดนเก็บให้หมด
ทำไมตอนเอลและเพื่อนๆในแก็งค์มึงไปรุมกล่าวหาเขา มึงไม่ออกมาบอกเพื่อนมึงแบบนี้บ้าง ไอ้ไรท์เอ็ม หรือคำพูดสวยหรูพวกนี้มีไว้ใช้แค่ตอนพวกมึงเป็นฝ่ายถูกกระทำแค่นั้น ตอนไปทำระยำใส่คนอื่นสมองพิการไปชั่วขณะเหรอ ถึงคิดไม่ได้
>>229 คนนี้กูเคยชอบฟอลไว้นานมาก แต่เห็นมันแขวะเรื่องลูกรักสนพกับกลุ่มเพื่อนมัน แล้วอีกรอบมีคนอ่านไปชมนขอีกคนว่าเป็นนขคนไทยคนเดียวที่ตามอยู่ เหมือนมันเห็นแล้วคัน ทวิตแซะทันทีว่านขคนไทยเก่งๆอย่างมันก็มี ไม่ควรมองข้ามหัวมัน กูกำลังเสือกต่อไม่ทันไรแม่งลบอีกละ หลังจากนั้นกูเลิกตามเลย รับบทใจกากแต่ปากเก่ง ทำตัวนิ่งเหมือนนทกแต่หลังไมค์น่าจะตัวท้อป
ขอให้โม่งขี้บูลลี่ในนี้ติดคุกติดตารางทุกคน โดนเรียกว่าอีขี้คุกตลอดไป อิอิ
https://twitter.com/auguxt01/status/1367069071393443841?s=19 ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่ซ้ำๆไปกี่ชาติก็ไม่มีทางเขียนจบ 5555555
กูไปส่องก็มีคนชอบภาษาคุณออกัสอยู่นะมึง ชอบแต่ภาษาอ๋อ สันดานไม่ชอบบ้างเหรอวะ 5555
มีเรื่องมาให้เพื่อนโม่งขำอีกแล้ววะ กูไปส่องโพสต์นี้มา
https://m.facebook.com/groups/922657901518235/permalink/1144536602663696/ ไม่รู้เพื่อนโม่งอยู่ในกลุ่มไหมนะ แต่ไปเจอคนแอบส่องโม่งอีกแล้ว 5555555 ด้อมเรานี่มันปังจริงๆ
>>250 ต่อ นี่จร้าาาา กูมือล่น
https://imgur.com/a/ET48uy5
จั่วหัวปากบอกว่าไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่ปิดท้ายด้วยการบอกว่า เนื้อหาข้างในมันจับโป๊ะได้หลายอย่างว่าเป็นใคร
ยังไง? สรุปมึงทราบหรือไม่ทราบว่าเป็นใคร มึงไปเคลียร์กับตัวมึงเองก่อนไหมอีนุ้ย
ปล. แต่ก็ดีใจที่มาส่องนะคะ
>>251 ติ่งพวกมันแน่นอน 55555 แต่กูชอบอันนี้ https://imgur.com/a/rThWgeY เข้า อตปส เต็มๆ ตัวแซะเลยพวกมัน
ถ้าไม่ใข่จิ่งแตดก็นักเขียนโนเนมสักตัวอ่ะแหละ และอาจจะเป็นพวกโทรละคันหีที่ชอบเข้ามาป่วน
นักเขียนด้อมเราได้ขึ้นแบนเนอร์ด้วยนะมึงงง แต่เรื่องนี้นานมากเลยนะ เห็นตั้งแต่กลางๆปีก่อน ป่านนี้ยังไม่ได้ออกเล่มเลย แล้วแบบนี้ ฟฉ ไม่โดนด่าตายเหรอคะเนี่ย
ใครขอได้ง่ายกูก็ดีใจด้วย กูขอมาหลายเดือนแล้ว จนต้องส่งเมลไปถาม เขาบอกมีคนส่งเรื่องเยอะ ยังไม่ได้อ่าน
แต่เพื่อนในเฟซกูส่งไปสามวันเขาบอกเลยว่าได้ขึ้น กูก็เลยทำใจแล้วว่านิยายกูคงไม่แมสพอ
>>267 ของกูประมาณ 3เดือนเกือบสี่เดือนกว่านะให้ รอร.น่ะกูว่านางดูเอียงๆอยู่นะ ไม่ตรงไปตรงมาเท่าไหร่ กุเคยรายงานนิยายที่เอางานวาดพื่อนกุไปใช้เป็นปกนิยายมัน แถมนิยายมันแมสมาก ยอดหลายแสนอยู่ติดท็อปด้วย กุปะหลักฐานอะไรพร้อม ใช้เป็นอาทิตย์ก็ไม่ตอบกุ รูปก็ไม่ลบให้ จนกุทักเดมไปด่ารอร.มันเลยยอมลบให้ อีเหี้ย แต่ถ้านักเขียนนูููกู มันลบให้เร็วนะ อันนี้เรื่องจิง
กูทักแชทไปถามเขา ตอนนี้คิวเต็มค่ะ หมวดวายนะ คนขอเยอะจัด
>>268 ทุกเว็บแหละแม่งเล่นพรรคเล่นพวก อวยงานสนพ. มีเส้นสาย
มีคนบอกแนววายคนส่งเยอะ เพื่อนโม่งด้านบนก็ด้วย ก็เลยทำใจ กูจะไม่ถามอะไรแม่งแล้ว
เห็นหลายคนบอกไม่ผ่านเพราะเนื้อหาแรงไม่เหมาะสม กูก็งงอยู่นะที่นักเขียนดังหลายคนนิยายมันมีแต่เยๆ
แม่งทำไมผ่านได้ขึ้น ขึ้นวนอยู่คนเดียวซ้ำๆ ขึ้นทุกเรื่อง มึงแบ่งพื้นที่ให้คนอื่นบ้างจะได้มั้ย
สวัสดีโม่งที่รัก เพิ่งได้แวะเข้ามาดูมู้ โอ้โหมากกกกกับพวกที่บอกว่าเกลียดโม่งและไม่ให้ค่า อีสัส กูไม่ได้สำคัญตัวนะ แต่กูเชื่อว่ามีกลุ่มหมาที่บอกว่าเกบียดโม่งหลายตัวที่ตามอ่านมู้กูตลอดเวลา 5555555555555555
>>275 http://imgur.com/a/vu1J73U นางรีอันนี้จนกูขำนานเป็นนาที 55555555 อีด๊อกกกกก ขำความด่าแล้วเข้าตัวเอง รีเพื่อด่าคนอื่น มันก็เหมือนมึงด่าตัวเอง มันเจ้าตัวมึงเองเหมือนกันนะ อีหน้าหมา กุขอยืมคำมันมาด่ามันหน่อยนะ "ไร้ค่าเด้อ"
ควายนั่งจับกลุ่มนินทา >> โคตรควาย
พวกมึงมารุมด่าพวกเยอะๆเลย รุมให้าเหมือนตอนที่พวกมันไปรุมคนอื่น ยิ่งรู้ว่าพวกมันเข้ามายิ่งต้องด่า เพราะพวกมันรับรู้ฟามรักของพ่กเรา เพราะพวกเรารักเมน พวกเราเป็นแฟนคลับ พวกเราคลั่งรัก แก๊งค์หมาหมู่จงฉิบหายยยยย 🤟🤟🤟🤟
http://imgur.com/a/poU4wkb เมนพวกมึงเปิดพรีเล่มทั้งที พวกมึงไปช่วยอุดหนุนบ้างสิ ถือว่าทำบุญก็ได้ เปิดมา 3-4ยอดพรีสมเพชชิยหาย 555555
ปล. เพื่อนแก๊งค์เดียวกัน เปิดพรี 17ช.มยอดพุ่งไป 200 แตกต่างเหมียนกัน 5555555555
เอาเพื่อนพวกมึงไปเก็บด้วย ท่าทางจะพลี้ยากันทั้งมู้ อย่างกาวเลยสัส ขรรม
กูคุยเรื่องแก็งค์หมาหมู่กับเพื่อนแล้วเพื่อนมันส่งทวิตเก่าๆของแก็งค์พวกนางมาให้ดูละขำ ที่ขำสุดคืออันนี้
น่าจะตอนที่อี ดพ มันขอโทษ พชพ ส่วนตัวกูว่า พชพ ก็เหี้ยจริง ช้าจริงนะ แต่มันก็เคสบายเคส แต่สำหรับ ดพ นี่กูขำเลย ยินดีกับคุณ ดพ ที่หลุดพ้น อีดอกกกก ได้ข่าวว่ามึงเป็นคนเสนอตัวเขามารับตีนเองไม่ใช่เหรอวะ นางไม่ได้ออกกับ พชพ นี่ใช่มะ มาด่าเขาเพราะแค้นส่วนตัวแต่หลักฐานไม่มี โดนฟ้องเสียหมาจนต้องมาขอโทษ แล้วเสือกบอกยินดีที่หลุดพ้น งง วะ ก็มึงมาหาส้นตีนใส่ตัวเอง 55555555555
http://imgur.com/a/NEwaCgb ทำไมคนนี้ด่าคนอื่นเหมือนด่าตัวเองได้วะ นางทำได้ยังไง 555555555555
คนห่าอะไรมีประเด็นให้ด่าทุกวันวะ ยอมใจเลย มันจะมีวันไหนที่ไม่แกว่งปากหาตีนกันบ้างไหม แบบโลกนี้สงบสุขไรงี้
ก็ถูกของมัน พวกมึงบางตัวเคลมว่าตัวเองเป็นนักเขียนดัง มียอดอ่านหลักล้าน แต่ยังมุดอยู่ในโม่งนั่งด่าทำให้นักเขียนคนอื่นชื่อเสียงเสียหาย ถ้าพวกมึงเป็นนักอ่านยังไม่ทุเรศเท่านี้เลย นี่คือการลอบกัดคู่แข่งวงการเดียวกันชัดๆ
จริงว่ะ ทำไมไม่เปิดหน้ากัดแบบตอนอีอกัดจล กัดกันซึ่งๆหน้าหลักฐานอะไรไม่ต้องแถมเรียกหมาหมู่ไปรุมกัดอีก แมนๆกัดกัน
เพราะบางคนไม่ได้มีประเด็นอะไรกับพวกมันส่วนตัวไง กูคนนึงล่ะที่ไม่เคยรู้จักเลย แค่เข้ามาดูความสนุกสนานเฉยๆ เพราะมู้แม่งเด้งทุกวันว่าพวกมึงมีประเด็นอะไรกัน ก็คือเข้ามาเสือกพร้อมจกป๊อบคอร์น บันเทิงคดีมากๆ
ขำความอยากให้เปิดหน้า ร้อนใจละสิท่าดูออกนะ 555555 ก่อนจะเรียกร้องอะไร ตัวเองอะ เลิกทวิตลอย ด่าคนนั้น แช่งคนนี้ให้ได้ก่อนเหอะ จะเรียกร้องอะไร ตัวเองต้องทำให้ได้ก่อนนะ คริคริ
>>314 อีสัส กราบในความแซะของมึงแล้วอีโทรล >>315 มันโง่ มันไม่เข้าใจที่มึงจะสื่อ 6555555555555555555
>>315 เออเรอะ ให้ไปเปิดหน้าด่ากันบนทวิตแล้วโดนห้องแบบอีสัดหมา 5ตัวนั่นน่ะหรอ เออว่ะ น่าสนใจ พ่กโม่งมีใครอยากโดนฟ้องมั้ยคะะะ มีคำแนะนำนะคะ ถ้ามึงสู้ไม่ไหวให้หงายการ์ดโรคซึมเศร้ากำเริบจนยาเอาไม่อยู่ด้วยนะคะ ถ้าหนักเกินก็หงายการ์ดอยากตายไปเรยค่ะ มันช่วยได้ ดูอย่างอีเอลสิ หงายการ์ดอยากตายเท่านั้นแหละ ดาเมจที่สะท้อนกลับหามันก็จะลดลงกว่าตอนที่มันไปรุมด่าเค้าอีกน้าาาา
ต่อให้ไม่เคลมว่าล้านวิว ชีวิตกูก็ดีกว่าอีออกัส อีแพต และไม่ต้องมาอ้างหาเงินทำห้องน้ำให้พ่อแม่ ทุกคนมีชีวิตที่ดีได้โดยไม่ต้องเรียกร้องความสงสารเห็นใจให้ใครมาอุดหนุนผลงานนะโทรลจัง
>>311 แต่ ฮซน ฝีมือไม่ดีนะ แถมยังเหี้ยอีก ดูหน้าตาก็พอจะเดาได้แล้วว่าเหี้ย นิสัยสันดานยังเหี้ยจริงอีก ยิ่งปากนะยิ่งเหี้ยเข้าไปใหญ่ ก่อนมาเกิดแดกน้ำกระทะทองแดงไปเยอะมากมั้ง พอมาเกิดปากหีเชียว เหมือนตอนอยู่บ้านเก็บกดไม่ค่อยได้พูด ต้องหาซีน มีตัวตนด้วยการด่าคนนั้นที แช่งคนนี้ที สวะมากเวอร์
แต่ไรท์เอ็มบอกว่าอยู่เพื่อคนที่รักเราดีกว่านะมึง เห็นไหมกูบอกแล้ว เวลาแก็งค์ตัวเองถูกด่า วาทะกรรมสวยหรูปลอบใจตัวเองต้องมา แต่เวลาแก็งค์ตัวเองไปด่าคนอื่นเหรอ อ๋อ เงียบค่ะ สมองตายชั่วขณะ ถ้าเตือนเพื่อนบ่อยๆเวลาไปด่าคนอื่นแบบนี้ก็คงจะดีเนอะ
จะโดนฟ้องด้วยม. 293 หรอ อืมมมม พ่กเลาต้องตั้วแก๊งค์แร้วมั้ย ระดมทุนเขียนนิยายหาเงินจ่าย หรือต้อวไปหาถ่ายบ้านพังๆมาสักหลังดีืเอาแบบที่ยับๆหน่อยหรือต้องลงรูปแม่แบ้วเบ่นบทเศร้าดี ช่วยกุเลือกหน่อย
https://twitter.com/PhraiPimmy_/status/1367702332373303296?s=19 พ่กมึง ให้ๆนางสวยไปเถอะ ถ้ามันจะขนาดนี้แล้วยอมหน้าเหี้ยก็ได้เหอะ 55555555
อายแทนเดือนพรายวะ แม่งเป็นตำนานที่โดนล้อยันตายอะ ฮ่าาาาาาาาา
เอ้ยอีสัด ระวังมันฟ้องพ่กมึงด้วย ม.293 น้าาาา มีตังค์จ่ายป่าว ไม่มีไปรวมกลุ่มหาเงินแบบพวกอิติปิโสน้าาาา 5555
>>359 ถ้าพ่กนั้นละอายแก่ใจ ยอมขอโทษจล. ยอมยกเลิกขายฉลาม ไม่ด่าคนอื่นลอยๆ ไม่แดดิ้นตามโม่ง หรือเลิกเอาบ้านจนๆ เอาโรคภัย เอาความซึมเส้ามาเรียกกระแส ใครจะกัดพวกมันลับหลังได้ ทำตัวเองให้โดนแซะเองนิ อะไรดีๆ ทำไม่เป็นยังวิ่งมาด่าจนเข้าตัวหมด ไอ้เรื่องก๊อปๆ เนี่ยขอโทษเค้าหรือยังในเมื่อตัวเองก๊อปยิ่งกว่าคนด่าจนเป็นกระแสให้โม่งรุมทึ้งจนเป็นตำนานเนี่ย ถ้ายังก็อย่างมาว่าคนอื่นขี้ขลาดเลย กลับไปบอกให้แสดงความกล้าก่อนว่าขอโทษจล.ยัง ก่อนไป สาเหตุมาจากอะไรยังหน้าด้านหน้าทนทำตัวเหมือนคนถูกรังแก
ว้าวววว มู้กูเป็นที่สนใจของบรรดาแก๊งค์หมาหมู่ขนาดเลยรึ แหมมม อยู่กันไม่เป็นสุขเรยนะคะ ตั้งแต่มีมู้แฟนคลับแบบพวกกูเนี่ย เข้ามาพบปะคนคลั่งรักพวกมึงกันซะบ่อยเชียว แลดูใส่ใจ ทั้งๆที่ปากบอกเกลียดและไม่ให้ค่า นักเขียนขับเคลื่อนด้วยคอมเม้นและกำลังใจฉันใด พวกมึงก็ดิ้นพล่านเมื่อเข้ามาส่องฉันนั้น ยินดีต้อนยินดีต้อนรับน้าาาาา พวกกูรักมึงนะ อิอิ
แบนไปสิ เเบนไปเลย เเฉความเหี้ยให้คนนอกรับรู้ไปสิ ไม่ใช่อยู่แต่ในนี้ โง่
>>373 กูก็แค่คนผ่านมาและก็จะผ่านไป ถ้ามู้นี้ไปเผยแพร่จริงๆ ก็อยากรู้เหมือนกัน ใครจะโดนด่า น่าสนุกว่ามั้ย อยากรู้เหมือนกันว่านอกโม่งเขามีความคิดมั้ย เอาไปแชร์นอกเว็บจะเป็นยังไง พวกมึงว่าน่าสนใจปะ น่าสนใจดีนะ อยากรู้ว่าเขาจะเห็นด้วยกับคำด่าที่ถูกต้องของพวกมึงมั้ย ใครจะดังใครจะดับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกูอยู่แล้ว กูเเค่หาความสนุก
>>376 https://docs.google.com/document/d/1A0T0jr1Kt9mYtcIr4ECK2LRVmaqkCBtpOUYdDwLIb3k/edit?usp=drivesdk เอาสิมึงเอาเลย กูฝากมึงแปะบัญชีหนังหมานี้ไปด้วยนะ คนนอกเค้าจะได้เห็นด้านที่เหี้ยด้วย ไม่ใช่ไปพูดแค่ด้านพวกมึง จะพูดอะไรก็พูดด้านทีาพวกมึงเหี้ยด้วยเนอะ ไม่ใช่พูดเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่นแบบที่พวกมึงมักชอบทำกัน :)
ไปโพสต์ยังอะ จะรอดูเนี่ยว่ามันจะเป็นยังไง เร็วๆ อยากดังๆ
https://twitter.com/il_LoVe_li/status/1366959802350329857?s=19 เนี่ยทำไมเวลาแบบนี้นางโพสครั้งเดียวแต่แมสทุกครั้ง แต่ทีเรื่องตัวเองกลับกริบมาก 5555555
https://twitter.com/il_LoVe_li/status/1367743014056075269?s=19 เนี่ยๆ นางพูด รื่องฟิค
พระลอตามไก่นี่ก็มาจากฟิค อีว่านสมัยเขียนฟิค ความ ปสด ก็ลือลั่นอยู่แล้วเหอะ ไม่ใช่พึ่งมาเป็น
เออ กูเห็นอีกะเทยมันเปลี่ยนชื่อยูส แต่ยูสเดิมมันก็เอาไปใช้เป็นชื่อแอคหลุมแล้วล็อกแอคไว้ อืมม คล้ายๆกันเลยอ่ะ 55555555555
>>250 จากอันนี้กูไม่ได้อยู่ในกลุ่ม แต่ต่อมเสือกกระตุกมากเลยต้องกดเข้าร่วมกลุ่ม แล้วไปเจออีนี่คือทาสแก๊งค์หมาหมู่แบบ 100% ติ่งแบบพลีชีพมาก และเป็นโทรลที่มักจะมาป่วนในนี้บ่อยๆ เหมือนจะช่วยนักเขียนหาแดก เก่งมาก มึงเป็นขี้ข้าที่เก่งมาก / โยนกระดูก https://www.facebook.com/groups/922657901518235/permalink/1123767354740621/
เมิงไม่รู้ไร มันนั่งลิสแล้วว่านขคนไหนยอดวิวหลักล้าน เดี๋ยวก็จับตัวได้ คอยดูๆๆ
55555 เห็นเขาเคยบอกว่า เป็น นข ที่วิวเยอะกว่า ดังกว่าพวกแก็งค์นี้ และแก๊งนี้ชอบไปรี ไปวอแว งานยากแล้ว เพราะมันไปเกาะเขาไว้หลายคนเลย 5555
ถ้าโง่กันขนาดนี้ กูจะบอกให้นะ เจ้าของโพสแขวะในกลุ่มเฟสก็คนในโม่ง แล้วก็เป็นนักเขียน มาโพสทอปปิกโม่งในกลุ่มเฟซเนี่ย ทำไมจะดูไม่ออกว่าเป็นโม่ง เตือนๆ กันหน่อยนะ อยากหาซีนก็ช่วยหิวแสงแต่พอดี คนเขาดูออก
มึงคิดว่าอตปส. มีลูกหาบคนเดียวเหรอคิ้กค้ากกกกกกกก โง่!
เนี่ย กูบอกแล้วว่ามัน พูดถึงไม่ได้เลย ต้องรีบแหกหอยมาเถียง คนที่ดูออกง่ายกว่านักเขียนเจ้าของมู้ว่าเป็นใครก็คืออีเหี้ยนุ้ยยยยย 5555555555
อีนุ้ยไหนวะ ตามไม่ทัน ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม
>>427 มันเป็นความขี้เสือกของกูเอง เม้นที่ >>205 บอกคนนี้ติ่งอิติปิโส พอกูกดบิ้วคือกูไม่ได้อยู่ในกลุ่ม พอวันนี้แอดมินรับเข้ากลุ่ม กูเลยย้อนไปกดลิ้งอีกรอบ ก็เตออีนุ้ยนี่แหละมันพยามบอกว่ามันพอจับโป๊ะคนที่เปิดมู้นี้ได้ เพราะคนเปิดนางเคยบอกว่านางเป็นนักเขียน แต่ก่อนจะได้แหกคนเปิดมู้ สรุปคือได้แหกอีนุ้ยซะงั้น อีนุ้ยโม่งแตกไป 1 555555555555
ชอบความธาตุไฟแตกบ่อยๆของแก็งค์นี้ว่า ฮ่าาาาา
พอเมิงบอกว่าไม่ใช่ล้านวิวกูว่ามันคงเลิ่กลั่กแล้วมั้ง อุตส่าห์นั่งลิสนขล้านวิว🥺
>>434 อีสัดดดด คงมีแต่มึงมั้งคะที่อ่านไม่แตก แต่หน้ามึงอ่ะแตก เพราะคนในโม่งเค้ารู้กันหมดค่ะว่าที่เหี้ยนุ้ยพูดถึงอ่ะหมายถึงคนเปิดมู้ เก็บความโง่ไว้ใช้กับคนที่บ้านดีกว่านะคะ อย่าเอาความโง่มาโชว์แถวนี้เลย นอกจากจะอ่านไม่แตกแล้วยังหน้าแตกอีก ลูกอีควายเอ้ยยยยยยยยยย 5556666666655555555565555554
เข้าแท็ก #นิยายวาย พวกมึงจะเจอของดี
กูเชื่อละว่าคนในมู้นี้มันโง่จริง ตามแอคนั้นที่เขาเอาความดักดานพวกมึงไปปัก 5555555555555555555555
https://twitter.com/JanarisMamu/status/1368068707897856002?s=19 แอคหลุมมันดีตรงไหนวะ บอกให้พวกกูขึ้นไปด่าข้างบน แต่อีคนจะแหกมันยังไม่กล้าเอาแอคจริงมาเล่นเลยยยยยย สมเพชดีแท้
สังเกตคือเวลาชาวแก๊งมา ทำไมสำนวนมันน่ารำคาญจังวะ ดูโง่ๆเหมือนกัน แบบมาให้โม่งคิกค้ากตลอด 5555555555555
ทำไมกูต้องทำตัวเหมือนพวกมึงด้วยตลกกกก
มาๆ กูขอโชว์ความโป๊ะของเพื่อนโม่งมึงสักหน่อย
https://twitter.com/janarismamu/status/1367760647572779010?s=21
ลพยายามจะลากจลมาว่ะ บ่องตงกูไม่เคยอ่านงานจลเลย กูแค่เข้ามาอ่านมู้หิ้งแล้วผ่านมาเลยมาเผือกเฉยๆ🥺
อีแอคเหงา ถ้ามึงอ่านนะ บอกก่อนว่ากูไม่ใช่ด้อมไหนนะ แค่มาเผือก อิอิ แม่คนดี๊คนดี
อิสัด สนุกว่ะ ใครกันที่ดิ้น โม่งก็อยู่ของโม่งนะ คนที่ดิ้นพล่าน ดิ้นพล่าน ถึงขั้นเปิดแอคน่าจะเป็นมึงนะ ทำไมไม่รู้ตัวว่ากำลังทำตัวตลก เอฟตีไปดูคนดิ้น แบบเรียลไทม์ได้
ฝากมีม ฮซน ให้นะคะ เมนในดวงใจของกู 55555
https://twitter.com/JanarisMamu/status/1367760647572779010?s=19 เบลอชื่อทุกคนยกเว้นจิตติ แหมมมมึง ไม่ค่อยเรยน้าาาา :)
ถ้ากุเป็นคนในแก๊งคงกุมขมับแล้ว เรื่องมันอยู่ในโม่งก็มีแค่คนเล่นโม่งเห็น แต่ดันเอาออกไปปล่อยในทวิต แล้วคิดหรอว่าถ้าคนเล่นทวิตเห็นแล้วเขาจะไม่ขุดหาต้นสายปลายเหตุ ถ้าคนเขารุ้ว่า กระทู้พวกนี้เกิดขึ้นมาเพราะมีกลุ่มนักเขียนไปรุมว่านักเขียนคนนึงว่าก็อปนิยายตัวเอง แต่จริงๆ ไม่ได้ก้อป แล้วกลุ่มคนนั้นก็ไม่มีคนออกมาขอโทษคนถูกกล่าวหาซักคน แถมคนที่ไปว่าคนอื่นก้อปก็ยังดราฟพล็อตนิยายตัวเองมาจากหนังอีก คนเขาจะว่าไง ใครจะเสียหายกว่ากัน เผลอๆ โดนขุดในทวิตแล้วมีคนลากไปต่อในเฟสอีก ไม่จบไม่สิ้น
เอ่อ คือทำแอคเพื่อที่จะด่าโม่ง มึงโง่หรือมึงโง่เนี่ย ไม่ต้องเดากูก็รู้ว่ามึงเป็นพวกใคร 55555555555
ใครยกโม่งขึ้นบกวะ55555555555555
อีพวกเพื่อนโม่ง พวกมึงก็เหี้ยกันจริงๆ เขาอุตส่าห์พยายามจะยั่วให้โม่งโมโหตามไปด่ากับเขาในทวิต สรุป ไม่มีใครไปเลย อีเหี้ย นางก็เหงาแย่ 555555
ยกโม่งขึ้นบกเพื่อไร มึงยังไม่ล้างคาวพฤติกรรมแกงค์ตัวเองเลย ประจารตัวเอง เพื่ออออออ
https://twitter.com/palettepart/status/1368112654229721091?s=19 ถึงคนที่ขอบด่ามันว่าชอบเปิดนิยายบ่อย เหยียดเก่งไปอิ๊กกกก
https://twitter.com/palettepart/status/1368108542159253504?s=19 เบิกเขียนแร้วนะค่ะ พ่กมึงรออุดหนุนมันด้วย
https://twitter.com/JanarisMamu/status/1368095474092150786?s=19 555555 นี่ว่างมาก ถ้าไม่มีเมนให้อวยแบบพ่กเลาละก็ มึงก็ไปตายซะนะ จะได้ไม่ว่างอีก 5555555
>>491 https://twitter.com/palettepart/status/1368113443488763905?s=19 ใครมันไปขี้นิ้วสั่งนาง คนนั้นคลเฬวมั่กๆ บังคับคลป่วยแบบนี้ได้ยางงายยยยย
>>492 เป็นกุไม่ขอพิสูจน์ไรอะ กุจะเอานามปากกาเดียวให้แมสไปเลย อันนี้เหมือนหนีไปเปิดใหม่เพราะอันเดิมไม่แมส ถ้างั้นก็ต้องพิสูจน์ตัวอีกนานแค่ไหน ถ้าภูมิใจที่เป็นนายตัวเอง ไม่ทำงานเป็นขี้ข้าใคร 555 นี่แต่งให้จบ ทำเป็นอาชีพจริงๆจ้าแม่ ไม่ใช่นักเขียนแต่ปาก 555 เ้อ ใครไปชี้นิ้วให้อัปวะ แค่บอกแต่งให้จบสักเถอะ
ตลกความเบลอชื่อทุกคนแต่ไม่เบลอชื่อจิตติ แหมมมมมมมม
เห็นมันพยามจะใช้อีโมจิ :) นี่นะ เหมือนจะให้เราคิดว่าเป็นแก๊งอีนั่น เพราะในนั้นมีคนชอบ :) เขียนนิยายนี่นะ หวังดีประสงค์ร้ายนะมึง อยากแหกพวกกู แต่ก็เหมือนจะพยามโบ้ยโยนให้คนมองว่าเป็นแก๊งหมานั่นทำ อุบ๊ะ 5555555555
จะใช่คนอื่นไหมน้าาาา แพตตี้ออกตัวขนาดนี้ 55555
นี่อีกตัว พอซ้อมหัวเราะปุ๊ป วันถัดมาแอคโดนแฮคเลยจร้า เปลี่ยนยูสเอยไรเอย แล้วก็มีโทรลมาทักทายชาวด้อม บังเอิ๊ญญ บังเอิญ ไม่โป๊ะเลยจร้าาาา
กูเกือบจะซื้อนิยายของแก๊งนี้แล้วนะ แต่พอดีเห็นพวกมึงวิจารณ์กัน มันไม่ได้เรื่องจริงๆใช่มะ
http://imgur.com/a/gvcfonn เกมแล้วหรือ มึงมีชีวิตขึ้นมาวันเดียวเองหรอ 555555555555555555
มันบ้า คุยคนเดียว แต่เอาจริงๆกูก็อยากให้คนมาเห็นเยอะๆอยู่ เขาจะได้เข้ามาดูโม่งค่ะ เขาคิดว่าคนชอบเขาหมดทุกคนมั้ง มันต้องมีทั้งคนชอบ คนไม่ชอบเว้ย เผลอๆคนชอบเข้ามาดูอาจจะไม่ชอบก็ได้ ทำมาเป็นแคปที่โม่งด่า ไปตัดพ้อ น่าสงสาร ทีตัวเองด่ากราดคนอื่น แล้วโม่งแคปมาลง ไม่แคปไปบ้างละคะ
อ่ะ เนี่ย ปากหมาแบบนี้เหรอจะเล่นบทน่าสงสาร เล่นบทชิงหมาเกิดดีกว่าไหม ฮซน มึงแสดงได้เนียนสุดแล้วบทนั้น
https://twitter.com/palettepart/status/1368112654229721091?s=19 ไม่ได้เป็นแรงงานขร้ขี้ข้าใคร ว่าซั่นนนนน เป็นลูกอีช่างเหยียดไปอีก 55555555555555
>>528 อาชีพนักเขียนถ้ามึงไม่ได้ระดับมาเม จิตติ มึงก็ต้องไปเป็นขี้ข้าคนอื่นนั่นแหละค่า หาแดกกับอาชีพนักเขียนอย่างเดียวไม่ทำงานอื่น อย่างมึงหาแดกได้ไม่พอหรอกจ้า แล้วมึงมีอะไรเป็นหลักเป็นตอเท่าคนทีาเค้ายึดอาชีพนักเขียนจริงจังมั้ย ไม่มีนะค่าาาา นิยายยังไม่มีปัญญาเขียนให้จบเลยค่า เอ่ะ แต่ไหนบอกเลิกเขียนแล้วไง แต่อีคำว่าเลิกเขียนของมึงเนี่ย กูเห็นตั้งแต่ปีที่แล้วละ / ป้องปากขำ 555555555555
ห๊ะ อีแพตนี่เป็นเหี้ยอะไร เป็นคนเขียนแต่ไม่คิดง้อคนอ่าน ถึงขั้นด่าจิกว่าไม่ใช่ขี้ข้านี่คือบ่งบอกถึงความต่ำตมทางความคิดมาก ดีร้ายยังไงคนอ่านก็คือลูกค้าที่อุดหนุนมึงไหมอีฉิบหาย เขามีสิทธิ์จะทวงจะด่ายิ่งมึงติดเหรียญให้เขาจ่ายเงิน แต่เสือกแขวนเขาทิ้งไว้ไม่อัพต่อ คนอ่านยิ่งมีสิทธิ์ด่าว้อย จะหาเงินจากการเขียนแต่ปากเล็บขบหมาแบบนี้กูมองไม่เห็นหนทางรุ่งเรืองของมึงเลย จะไปเป็นกะหรี่อย่างนิยายที่เขียนแต่ถ้าปากล้าใส่ลูกค้าแบบนี้ก็คงไม่มีใครซื้อ อีห่าเคยออกมาใช้ชึวิตอยู่ในโลกความเป็นจริงบ้างไหม แหกตาตื่นจากโลกความฝันในทวิตเตอร์ได้แล้วอีควาย
https://twitter.com/JanarisMamu/status/1368401641301405696?s=19 ด่าพวกกูมาไม่เป็นไร แต่มึงควรโง่เบาๆหน่อยนะ ทำแบบนี้เค้ามองเจ้านายมึงไม่ดีนะ เค้าจะคิดว่าคนทำแอคนี้คือคนในแก๊ง 555555555
>>534 เออมึง โง่ว่ะ จะมานั่งแคปทำไมให้เสียเวลา ทำไม แถมแคปไม่หมด เสือกแคปจุดที่มันคงคิดว่าตัวเองได้เปรียบนั่นนะ 5555555555 สู้มึงไม่แปะลิ้งค์ของโม่งไปเลย เป็นการโปรโมทไปในตัว แถมโม่งมีหลายห้อง ในนี้แค่นินทาเล่น แต่วีรกรรมสุดส้าวซ่าอยู่ในมู้หลัก แปะลิ้งค์ให้คนมาใหม่ได้เลือกสิงห้องที่ตัวเองชอบ ทำอะไรแต่ล่ะทีทำไมไม่ใช้สมองบ้างวะ มีหัวไว้แค่กั้นหูไม่ให้ติดกันหรอ
ไม่เห็นมีใครรีมันเลย
>>539 ไม่มีใครคุยด้วยเลย คนในโม่งอยู่ข้างนอกเค้าอยู่เป็น ไม่เหมือนแก๊งค์หมาหมู่ของมันหรอก อย่าไปเอาอะไรดะมันเลย ขนาดมันเองปากดีปากกล้าชิบหายยังไม่กล้าเอาแอคหลักไปแหกเลย อาศัยติดแท็กเอา ด่าพวกเราว่าไม่กล้าหดหัวอยู่แต่ในโม่งทั้งที่มันเองยังหดหัวอยู่หลังแอคหลุมเลย มึงอ่ะกล้ามากมั้ง 55555555555555555555555555
ตั้งแต่มีแอคหลุมทวติเนี่ย มู้พ่กเลาสงบสุขจังเรยน้าาาา เอ..หรือว่า...........
http://imgur.com/a/YI1bNtv
ฮซน : รู้ แต่มันทนไม่ได้ 5555555555555
>>518 https://twitter.com/JanarisMamu?s=09 ล่าสุดน่าจะไปเกิดใหม่จริงๆแล้วว่ะ มีชีวิตอยู่แค่ 1วันของจริง แต่อยู่นานกว่าอีนทก.ปิดแอค 5555555
นะโมพุทธายะ มะพะ ทะนะ ภะ กะ สะ จะ
สัพเพทวาปีสาเจวะ อาฬะวะกาทะโยปิยะ
ขัคคัง ตาละปัตตัง ทิสวา สัพเพยักขา
ปะลายันติ สักกัสสะ วะชิราวุธัง
เวสสุวัณณัสสะ คะธาวุธัง
อะฬะวะกัสสะ ทุสาวุธัง
ยะมะนัสสะ นะยะนาวุธัง
อิเมทิสวา สัพเพยักขา ปะลายันติ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
สวดบทที่เอามาตั้งชื่อกลุ่มสิ ที่มีอิติปิโสอ่ะ อยากฟัง
พุทโธ อะระหัง พุทธังรักษา
ธัมโม อะระหัง ธัมมังรักษา
สังโฆ อะระหัง สังฆังรักษา
ภูติผีทั้งหลาย คิดร้ายตัวข้า อะนันตา สูญเปล่า
อิติสุคโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปฐวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง
นะโมเม สุขคะโต นะโมเม โสปัตติ นะโมสุคะโต โหติ อะสัญญัตตา จะ สัมภะวา ปัจจุปันนา ปัญจะพุทธา เสติ นะโมสุคะโต จะ อะนาคะตา นะมามิหัง สัพเพ เทวา ยักขา เปตา ภูตา ปะริตา ปะโรคะตา อัคคะเน วา ชาเมตะยะมัง มะนุสสานัง สัพเพ โกทะวิทา วินาสสันติ ทะสา ตันจะ ปิยัง มุกขัง มุกคะปัตโต เอหิ สะเนโท สะเนทา สะเนหา นะเนโห จะ สัพเพ ชะนะมาเร ปะระชายา ชายะ มะหาโภโค มะหาโทโส พายะสะเต กัมเมนะ วินาสสันติ
นะโมพุทธายะ
นะรา นะระ รัตตัง ญานัง
นะรา นะระ รัตตัง หิตัง
นะรา นะระ รัตตังเขมัง วิปัสสิตัง นะมามิหัง
พุทธัง บังจักขุ ปะติลิยะติสูญญัง
จิตตะวิภัตติ สังชาตัง
อะโหสะกัง มหาสูญญัง ปรมัตถะสูญญัง
ธัมมัง บังจักขุ ปะติลิยะ ติสูญญัง
จิตตะวิภัตติ สังชาตัง
อะโหสะกัง มหาสูญญัง ปรมัตถะสูญญัง
สังฆัง บังจักขุ ปะติลิยะ ติสูญญัง
จิตตะวิภัตติ สังชาตัง
อะโหสะกัง มหาสูญญัง ปรมัตถะสูญญัง
ตะโต โพธิสัตโต ราชะสิงโหวะมหิทธิโก
อะระหัง ตะมัตทังปะกาเสนโต
ราชะสิงโห สัตถาอาหะ นะโมพุทธายะ นะมามิสุคะตังชินัง
ตะโต โพธิสัตโต ราชะสิงโหวะมหิทธิโก
อะระหัง ตะมัตทังปะกาเสนโต
ราชะสิงโห สัตถาอาหะ นะโมพุทธายะ นะมามิสุคะตังชินัง
ตะโต โพธิสัตโต ราชะสิงโหวะมหิทธิโก
อะระหัง ตะมัตทังปะกาเสนโต
ราชะสิงโห สัตถาอาหะ นะโมพุทธายะ นะมามิสุคะตังชินัง
มะโทรัง อะตะระโร เวสะวะโน นะหากปิ ปิสาคะตาวาโหมิ
มหายักขะ เทพะอนุตะรัง เทพะดา เทพะเอรักขัง ยังยังอิติ เวสะวะนัน
ภูตัง มหาลักชามะนง มะภูอารักขะ นะพุททิมะมัตตะนัง กาลปะติทิศา
สัพเพยักขา ปะลายัตตะนิ
ปัญจะมัง สิระสังชาตัง นะกาโร โหติ สัมภะโว
พินธุ ทัณฑะ เภทะ อังกุ สิริ นะโมพุทธายะ
อลาบามา (Alabama)
ถูกขนานนามว่า “มลรัฐแห่งนกเยลโลว์แฮมเมอร์” (The Yallowhammer State) ซึ่งเจ้านก Yallohammer คือนกชนิดหนึ่งตัวเล็ก หัว คอ และอกมีสีเหลือง นกชนิดนี้เป็นสัญลักษณ์ของรัฐอลาบามา จึงถูกนำมาตั้งเป็นชื่อเล่นของรัฐนี้
คำขวัญประจำรัฐ Audemus jura nostra defendere "We dare to defend our rights"
อลาสกา (Alaska)
มีสองชื่อเล่นคือ “พรมแดนสุดท้าย” (The Last Frontier) และ “ดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน” (Land of the Midnight Sun) เพราะเป็นมลรัฐที่ใหญ่ที่สุด และอยู่ห่างไกลแผ่นดินใหญ่ที่สุดทางทิศเหนือ ติดพรมแดนประเทศแคนาดา
คำขวัญประจำรัฐ "North to the Future"
อริโซนา (Arizona)
ได้รับการตั้งชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า “มลรัฐแห่งแกรนด์แคนยอน” (Grand Canyon State) เนื่องจาก Grand Canyon เป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลอันประกอบด้วยหุบเขาสูง และลึก ชั้นหินสูงละลิ่ว และมีแม่น้ำ Colorado ไหลผ่าน ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น The Must ของบรรดานักเดินทางที่มาเยือนทีเดียว ทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์และชื่อเล่นของมลรัฐนี้ไปโดยปริยาย
คำขวัญประจำรัฐ Ditat Deus "God enriches"
อาร์แคนซอส์ (Arkansas)
เป็นรัฐที่ถูกขนานนามอย่างไม่เป็นทางการว่า “มลรัฐแห่งธรรมชาติ” (The natural State) เพราะประกอบด้วยป่าไม้ ไร่อ้อย ฝ้าย ข้าว และถั่วเหลืองอันอุดมสมบูรณ์
คำขวัญประจำรัฐ Regnat populus "The people rule"
แคลิฟอร์เนีย (California)
รัฐที่ชื่อคุ้นหูนี้ถูกเรียกเล่นๆ ว่า “มลรัฐแห่งทองคำ” (Golden State) เนื่องจากในศตวรรษที่ 19 มีการตื่นทอง (The Gold Rush) เกิดขึ้นในมลรัฐนี้จนเกิดคำพูดว่า “Go West Young Man” (ถ้าอยากรวย หรืออยากสาบสูญก็ต้องไปขุดทองทางตะวันตกของประเทศ) นอกจากนี้สัญลักษณ์ของมลรัฐนี้คือสะพานแขวน GoldenGate ในเมือง San Francisco และ Hollywood เมืองอุตสาหกรรมภาพยนตร์นั่นเอง
คำขวัญประจำรัฐ Eureka "I have found it"
โคโลราโด (Colorado)
“มลรัฐเฉลิมฉลองหนึ่งศตวรรษ” (Centennial State) มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีภูมิประเทศงดงาม เช่นวนอุทยานเทือกเขาร๊อกกี้ และสถานที่เล่นสกีอันเลื่องลือ
คำขวัญประจำรัฐ Nil sine numine "Nothing without Providence"
คอนเนกติกัต (Connecticut)
เป็นอีกรัฐที่มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งรัฐธรรมนูญ” (The Constitution State) และ “มลรัฐแห่งผลจันทน์เทศ” (Nutmeg State) nutmeg เป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่ง คือผลจันทร์เทศ นอกจากนี้มหาวิทยาลัยเยล (Yale University) ก็อยู่ในมลรัฐนี้
คำขวัญประจำรัฐ Qui transtulit sustinet "He who transplanted sustains"
เดลาแวร์ (Delaware)
มีสามชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งเพชร” (Diamond State) “มลรัฐหมายเลขหนึ่ง” (First State) และ “โลกมหัศจรรย์ใบน้อย” (Small Wonder)
คำขวัญประจำรัฐ "Liberty and independence"
ฟลอริดา (Florida)
“มลรัฐแห่งตะวัน” (Sunshine State) เพราะเป็นมลรัฐที่มีลักษณะเป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล มีแสงแดดอบอุ่นตลอดทั้งปี มีแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกคือ DisneyWorld และชายหาด Miami อันสวยงาม
คำขวัญประจำรัฐ "In God we trust"
จอร์เจีย (Georgia)
มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งลูกพีช” (Peach State) และ “เอ็มไพร์สเตทแห่งภาคใต้” (Empire State of The South) เพราะมีการปลูกต้นพีชมาก เมืองหลวงคือ Atlanta และเป็นรัฐที่มีตึกสูงๆ ทันสมัยไม่น้อยหน้านิวยอร์ก
คำขวัญประจำรัฐ "Wisdom, Justice, and Moderation"
ฮาวาย (Hawaii)
มีชื่อเรียกกันเล่นๆ ว่า “อโลฮาฮาวายอิ” (Aloha Hawaii) เป็นมลรัฐที่ห้าสิบของประเทศคำว่า “อโลฮา” เป็นคำทักทายของชาวพื้นเมืองของหมู่เกาะชาวฮาวายอิ จึงเป็นสัญลักษณ์และชื่อเล่นของมลรัฐ Hawaii
คำขวัญประจำรัฐ Ua Mau ke Ea o ka ‘Āina i ka Pono "The life of the land is perpetuated in righteousness"
ไอดาโฮ (Idaho)
“มลรัฐแห่งอัญมณี” (Gem) มีการทำเหมืองแร่และป่าไม้
คำขวัญประจำรัฐ Esto perpetua "Let it be perpetual"
อิลลินอยส์ (Illinois)
ถูกเรียกขานว่า “มลรัฐที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทุ่งหญ้า” (Prairie State) แค่ฟังชื่อก็น่าจะทราบลักษณะภูมิประเทศ
คำขวัญประจำรัฐ "State sovereignty, national union"
อินเดียนา (Indiana)
“มลรัฐแห่งทีมบาสเกตบอลฮูเซียร์” (Hoosier State) Hoosier เป็นชื่อทีมบาสเกตบอลชื่อเสียงขจรขจาย จึงเป็นความภาคภูมิใจแห่งชาวมลรัฐ Indiana
คำขวัญประจำรัฐ "The crossroads of America"
ไอโอวา (Iowa)
“มลรัฐแห่งตาเหยี่ยว” (Hawkeye State) เหยี่ยวเป็นสัตว์ที่ว่องไวบินสูง และมีตาแหลมคม มลรัฐนี้มีการเกษตรกรรม เช่น การทำฟาร์ม และปศุสัตว์
คำขวัญประจำรัฐ "Our liberties we prize and our rights we will maintain"
แคนซัส (Kansas)
มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งดอกทานตะวัน” (Sunflower State) และ “มลรัฐกลุ่มผู้ต้องการล้มเลิกระบบทาส” (Jayhawk State) เนื่องจากชื่อ jayhawk เป็นชื่อของกลุ่มหัวรุนแรงในมลรัฐ Kansas ในสมัยสงครามกลางเมือง
คำขวัญประจำรัฐ Ad astra per aspera "To the stars through difficulties"
เคนตักกี (Kentucky)
“มลรัฐแห่งดนตรีเครื่องสาย” (Bluegrass State) ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะรัฐนี้เป็นรัฐที่ทำแบนโจ และกีตาร์ที่ดีมากๆ รัฐหนึ่ง Kentucky ยังมีชื่อเสียงเรื่องการเลี้ยงม้าแข่งพันธุ์ดีที่สุดของโลก
คำขวัญประจำรัฐ 1 "United we stand, divided we fall"
คำขวัญประจำรัฐ 2 Deo gratiam habeamus "Let us be grateful to God"
หลุยเซียนา (Louisiana)
“มลรัฐแห่งนกกระทุง” (PelicanState) นกกระทุงเป็นนกขนาดใหญ่กินปลาคอพอกเมืองNewOrleansในมลรัฐ Louisiana เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเพราะมีบรรยากาศฝรั่งเศส และเทศกาล MardiGras
คำขวัญประจำรัฐ "Union, justice, and confidence"
เมน (Maine)
มีชื่อเล่นว่า “มลรัฐแห่งต้นสน” (Pine Tree State) ต้นสนมีใบแหลมมีรูปเป็นกรวยที่ใดมีป่าสนที่นั่น อากาศดีเพราะต้นสนให้ออกซิเจน มลรัฐนี้มีภูมิประเทศเป็นภูเขาและทะเลสาบ
คำขวัญประจำรัฐ Dirigo "I direct"
แมรีแลนด์ (Maryland)
มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งเสรีภาพ” (Free State) และ “มลรัฐแห่งสายเก่า” (Oldline State)
คำขวัญประจำรัฐ Fatti maschi, parole femmine "Manly deeds, womanly words"
แมสซาชูเซตส์ (Massachusetts)
มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งอ่าวทะเล” (Bay State) และ “มลรัฐแห่งอาณานิคมเก่าแก่” (Old Colony State) เป็นหนึ่งใน 13 รัฐแรก และมีประวัติศาสตร์เป็นศูนย์กลางของปัญญาชนและนักศึกษา
คำขวัญประจำรัฐ Ense petit placidam sub libertate quietem "By the sword we seek peace, but peace only under liberty"
มิชิแกน (Michigan)
เป็นรัฐที่ถูกเรียกอีกชื่อว่า “มลรัฐแห่งวูฟเวอรีน” (Wolverine State) วูฟเวอรีน (Wolverine) เป็นสัตว์ในเขตหนาวจำพวกสุนัขจิ้งจอก คล้ายแมว เลี้ยงลูกด้วยนม มีขนยาวสีดำ Michigan ล้อมรอบด้วยทะเลสาบถึงสี่ทะเลสาบ และเป็นรัฐอันดับหนึ่งที่ผลิตรถยนต์ และอุตสาหกรรมการผลิตเหล็ก โดยมีเมือง Detroit เป็นเมืองอุตสาหกรรมสำคัญ
คำขวัญประจำรัฐ Si quaeris peninsulam amoenam circumspice / Tuebor "If you seek a pleasant peninsula, look about you" / "I will defend"
มินเนโซตา (Minnesota)
มีสามชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งดาวเหนือ” (North Star State) “มลรัฐแห่งกระรอกโกเฟอร์” (Gopher State) และ “ดินแดนแห่ง 10,000 ทะเลสาบ” (Land of 10,000 Lakes)
คำขวัญประจำรัฐ L'étoile du Nord "The star of the North"
มิสซิสซิปปี (Mississippi)
มีชื่อเล่นว่า “มลรัฐแห่งดอกแมกโนเลีย” (Magnolia State) แมกโนเลีย (Magnolia) เป็นพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งจำพวกดอกมณฑา มีดอกสีขาวชมพูม่วง และเหลือง Mississippi ยังเป็นรัฐที่มีการปลูกฝ้ายมากที่สุดในประเทศ
คำขวัญประจำรัฐ Virtute et armis "By valor and arms"
มิสซูรี (Missouri)
ชื่อเล่นของมลรัฐนี้ออกจะแปลกสักหน่อย เพราะมันถูกเรียกว่า “มลรัฐที่มีสิ่งให้ชมมากมาย” (Show-me State) มลรัฐนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เช่น Hannibal เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของนักประพันธ์เอก Mark Twain และพิพิธภัณฑ์ Jesse James
คำขวัญประจำรัฐ Salus populi suprema lex esto "The Welfare of the People is the Highest Law"
มอนตานา (Montana)
“มลรัฐแห่งสมบัติล้ำค่า” (Treasure State) สิ่งที่มีค่าของมลรัฐนี้คือ การเกษตรการล่าสัตว์ และการเลี้ยงสัตว์
คำขวัญประจำรัฐ Oro y plata "Gold and silver"
เนบราสกา (Nebraska)
มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งผู้แกะข้าวโพด” (Cornhusker State) และ “มลรัฐแห่งเนื้อวัว” (Beef State) ทั้งสองชื่อนี้แสดงว่ามลรัฐนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยข้าวโพดและวัว และยังมีอุตสาหกรรมบรรจุเนื้อสัตว์ในเมืองใหญ่ๆ อีกด้วย
คำขวัญประจำรัฐ "Equality before the law"
เนวาดา (Nevada)
มีสามชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งพันธุ์ไม้ละเมาะ” (Sage brush State) “มลรัฐที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่เงิน” (Silver State) และ “มลรัฐที่เกิดมาเพื่อการรบ” (Battle Born State) มลรัฐนี้มีคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลกและศูนย์กลางบันเทิงชั้นแนวหน้าของโลกอยู่ใน Las Vegas
คำขวัญประจำรัฐ "All for our country"
นิวแฮมเชียร์ (NewHampshire)
“มลรัฐที่อุดมสมบูรณ์ด้วยหินแกรนิต” (Granite State) NewHampshire เป็นรัฐที่มีทัศนียภาพงดงาม และแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
คำขวัญประจำรัฐ "Live free or die"
นิวเจอร์ซี (NewJersey)
ถูกเรียกอีกชื่อว่า “มลรัฐที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้” (Garden State) มลรัฐนี้มีสถานที่ตากอากาศตามแนวชายฝั่ง และมีสถานคาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมาย
คำขวัญประจำรัฐ "Liberty and prosperity
นิวยอร์ก (New York)
รัฐที่หลายคนใฝ่ฝันอยากไปเยือนแห่งนี้มีชื่อเล่นว่า “มลรัฐแห่งตึกระฟ้าเอ็มไพร์สเตท” (Empire State) ซึ่งเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา จึงเป็นสัญลักษณ์และอีกชื่อเล่นของมลรัฐนี้ “แอปเปิลผลใหญ่” (The Big Apple) คืออีกฉายาหนึ่งที่ใช้เรียกรัฐนี้อย่างไม่เป็นทางการ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของมลรัฐนี้คือน้ำตกไนแอการา (Niagara Falls)
คำขวัญประจำรัฐ Excelsior! "Ever Upward!"
นิวเม็กซิโก (New Mexico)
มีชื่อเล่นว่า “ดินแดนแห่งมนต์ขลัง” (Land of Emchantment) ชื่อทางการของมลรัฐนี้ตั้งตามประเทศแม็กซิโกที่อยู่ติดกัน
คำขวัญประจำรัฐ Crescit eundo "It grows as it goes"
นอร์ธแคโรไลนา (North Carolina)
ถูกเรียกตามทรัพยากรที่มีว่า “มลรัฐแห่งน้ำมันดิบ” (Tar Heel State) NorthCarolina เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของ CarlSandburg นักประพันธ์ร่วมสมัยในศตวรรษที่ 20
คำขวัญประจำรัฐ Esse quam videri "To be, rather than to seem"
นอร์ธดาโกตา (North Dokota)
เป็นรัฐที่ร่ำรวยชื่อเล่นครับเพราะมีถึงสี่ชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งอินเดียนแดงเผ่าเซอุ๊กซ์” (Sioux State) “มลรัฐแห่งนกฟลิกเคอร์เทล” (Flickertail State) “มลรัฐแห่งอุทยานสันติภาพ” (Peace Garden State) และ “มลรัฐแห่งผู้ขับขี่ทรหด” (Rough Rider State)
คำขวัญประจำรัฐ "Liberty and union, now and forever, one and inseparable" / "Strength from the soil"
โอไฮโอ (Ohio)
ถูกตั้งชื่อว่า “มลรัฐแห่งตาไม้” (The Buckeye State) buckeye คือบริเวณใจกลางของเนื้อไม้ซุง หรือตาไม้ซุงลักษณะเป็นวงเล็กๆ ที่ซ้อนด้วยวงใหญ่ๆ Ohio เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของประธานาธิบดีถึงห้าท่าน มีเมือง Youngstown เป็นเมืองสำคัญด้านอุตสาหกรรมเหล็ก
คำขวัญประจำรัฐ "With God, all things are possible"
โอกลาโฮมา (Oklahoma)
มีชื่อเล่นว่า “มลรัฐแห่งอนาคตอันใกล้” (Sooner State) ในอดีตมลรัฐนี้เป็นดินแดนอยู่ห่างไกลความเจริญ (The Wilderness) และเป็นถิ่นฐานของอินเดียนแดง
คำขวัญประจำรัฐ Labor omnia vincit "Hard work conquers all things"
เพนซิลเวเนีย (Pennsylvania)
ถูกเรียกว่า “มลรัฐที่เป็นหลักสำคัญ” (Keystone State) Keystone คือหินก้อนที่อยู่บนสุดตรงกลางของยอดโค้งหรือหลังคาโค้ง ทำหน้าที่ยึดหินก้อนอื่นๆ มิให้คลาดเคลื่อนหรือหลุดจากกัน ดังเช่น Pennsylvania ซึ่งเป็นมลรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งประเทศ
คำขวัญประจำรัฐ " Virtue, liberty, and independence"
ออเรกอน (Oregon)
เป็นรัฐที่ถูกเรียกเล่นๆ ว่า “มลรัฐแห่งตัวบีเวอร์” (BeaverState) beaver เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งจำพวกหนูคล้ายนากกินปลา ขนาดเท่าแมว ฟันคมสามารถกัดต้นไม้ใหญ่ๆ ให้ล้มได้ หนังมีขนละเอียดใช้ทำเครื่องกันหนาว อาศัยอยู่ในน้ำ Oregon มีอุตสาหกรรมจับปลาแซลมอนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
คำขวัญประจำรัฐ The Union, and Alis volat propriis "She flies with her own wings"
โรดไอส์แลนด์ (RhodeIsland)
มีอีกชื่อว่า “มลรัฐแห่งมหาสมุทร” (OceanState) เนื่องจากตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกติดมหาสมุทรแอตแลนติก
คำขวัญประจำรัฐ "Hope"
uthCarolina)
ถูกเรียกว่า “มลรัฐแห่งต้นปาล์มรูปใบพัด” (Palmetto) South Carolina เป็นสมรภูมรบสำคัญทางประวัติศาสตร์ในสมัยสงครามกลางเมือง
คำขวัญประจำรัฐ Dum spiro spero "While I breathe, I hope"
เซาธ์ดาโกตา (SouthDakota)
มีสองชื่อเล่น “มลรัฐแห่งภูเขารัชมอร์” (Mount Rushmore Sate) และ “มลรัฐแห่งไคโอเต้” (Coyote State) เป็นภูเขา RushMore ที่ด้านหนึ่งแกะสลักเป็นรูปใบหน้าของประธานาธิบดีสี่ท่าน ได้แก่ George Washington ,ThomasJefferson, Abraham Lincoln และ Theodore Roosevelt ส่วน coyote เป็นหมาป่าตัวเล็กอาศัยอยู่ภาคตะวันตกของอเมริกา
คำขวัญประจำรัฐ "Under God the people rule"
เทนเนสซี (Tennessee)
คือ “มลรัฐแห่งอาสาสมัคร” (Volunteer State) แหล่งท่องเที่ยวสำคัญคือเมือง Memphis บ้านเกิดเมืองนอนของ ElvisPresley นักร้องในศตวรรษ1960
คำขวัญประจำรัฐ "Agriculture and commerce"
เท็กซัส (Taxas)
ถูกเรียกว่า “มลรัฐแห่งดาวดวงเด่น” (LoneStar State)เพราะมลรัฐนี้มีธงประจำรัฐเป็นรูปดาวดวงเดียวโดดเด่น เอกลักษณ์อีกอย่างของมลรัฐนี้คือการขี่ม้าผาดโผนที่เรียกว่า Rodeocowboy เมืองสำคัญคือ Houston ซึ่งเป็นฐานปล่อยจรวดและศูนย์ฝึกมนุษย์อวกาศ
คำขวัญประจำรัฐ "Friendship"
ยูทาร์ (Utah)
มีชื่อเล่นว่า “มลรัฐแห่งรังผึ้ง” (Beehive State) เมือง SaltLakeCity ในรัฐ Utah เคยเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในค.ศ.2002
คำขวัญประจำรัฐ "Industry"
เวอร์มอนต์ (Vermont)
ถูกตั้งชื่อจากการถอดความชื่อมลรัฐที่เป็นภาษาฝรั่งเศสออกมาเป็นภาษาอังกฤษ Vert ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่าเขียว และ Mont ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่าภูเขา มันจึงถูกตั้งชื่อเล่นว่า “มลรัฐแห่งภูเขาสีเขียว” (GreenMountain State) นักท่องเที่ยวนิยมเล่นสกีและตกปลาตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ของมลรัฐนี้
คำขวัญประจำรัฐ Freedom and Unity and Stella quarta decima fulgeat "May the 14th star shine bright"
เวอร์จิเนีย (Virginia)
มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐที่การปกครองอย่างเก่า” (The Old Dominion) และ “เมืองมารดรแห่งประธานาธิบดี” (Mother of Presidents) เพราะเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของประธานาธิบดีสามท่าน โดยเฉพาะประธานาธิบดีท่านแรกของอเมริกา George Washington และมีเมือง Jamestown เป็นเมืองประวัติศาสตร์เพราะเป็นเมืองแรกที่มีคนผิวขาวอพยพเข้ามาตั้งรกรากและเป็นเมืองแรกที่มีทาสผิวดำ
คำขวัญประจำรัฐ Sic semper tyrannis "Thus always to tyrants"
วอชิงตัน (Washington)
ถูกเรียกว่า “มลรัฐที่เขียวชอุ่มตลอดปี” (Evergreen State) มีเมืองสำคัญคือ Seattle ซึ่งเป็นศูนย์วิทยาศาสตร์อากาศ
คำขวัญประจำรัฐ Al-ki "By and by"
stVirginia)
มีชื่อเล่นตามภูมิประเทศว่า “มลรัฐแห่งภูเขา”เพราะพื้นที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงๆ ต่ำๆ นอกจากนี้ยังมีอุทยานแห่งชาติป่าไม้ และบริเวณสันทนาการมากมาย
คำขวัญประจำรัฐ Montani semper liberi "Mountaineers are always free"
วิสคอนซิน (Wisconcin)
มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งแบดเจอร์” (Badger State) และ “มลรัฐแห่งนมเนย” (Dairy State) badger คือสัตว์ชนิดหนึ่งขนาดเท่าสุนัขจิ้งจอก เท้ามีเล็บอย่างหมีและมลรัฐนี้ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยนมเนย
คำขวัญประจำรัฐ Forward
ไวโอมิง (Wyoming)
“มลรัฐแห่งความเสมอภาค” (Equality State) สัญลักษณ์คือวนอุทยาน Yellowstone ซึ่งเป็นวนอุทยาน แห่งชาติแห่งแรกของประเทศสหรัฐอเมริกา
คำขวัญประจำรัฐ Equal rights
หลอนติดตา ! 13 หนังผีไทย
ความน่ากลัวที่ลืมไม่ลง
นางนาก (2542)
ผีสามบาท (2544)
บุปผาราตรี (2546)
เฮี้ยน (2546)
คน ผี ปีศาจ (2547)
ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ (2547)
ผีคนเป็น (2549)
เป็นชู้กับผี (2549)
บอดี้ ศพ #19 (2550)
สี่แพร่ง (2551)
โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต (2551)
ลัดดาแลนด์ (2554)
https://movie.kapook.com/view215711.html
25 หนังสยองขวัญ ลุ้นจนตัวเกร็ง สนุกจนหยุดดูไม่ได้!!
Sweethome(2020)
The Call (2020)
Don't listen (2020)
ELI (2019)
Bird Box (2018)
In the tall grass (2019)
The Bridge Curse (2020)
The Grudge(2020)
The Silence (2019)
Annihilation (2018)
May the Devil Take You (2018)
The Purge: Anarchy (2014)
Jigsaw(2017)
The Conjuring(2013)
The Nun (2018)
Annabelle: Creation (2017)
Malasaña 32 (2020)
Lights Out(2016)
Insidious (2010)
The Exorcist (1973)
It (2017)
The Ritual (2017)
Hereditary (2018)
RUN(2020)
Shutter (2004)
อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/articles/horror-murder-movies?ref=ct
ซีรีย์เกาหลี ปี 2021 เรื่องไหนน่าดูบ้าง
สารบัญ
1. Joseon Exorcist
2. Mouse
3. Monster
4. Oh! Jooinnim (Oh! Master)
5. Dark Hole
6. Dear.M
7. Red Cuff of the Sleeve
8. Voice 4
9. Imitation
10. Vincenzo
11. Law School
12. Daebak Real Estate
13. Youth of May
14. River Where the Moon Rises
15. Hospital Playlist Season 2
16. She Would Never Know
17. Undercover
18. Fly High Butterfly
19. Devilish Judge
20. Bossam – Stealing Fate
21. Monthly House
22. L.U.C.A.
23. Mount Jiri
24. Moving
25. The Silent Sea
26. D.P Dog Day
27. Hong Chun Gi
28. Love Alarm Season 2
29. Sisyphus: The Myth
30. YOUTH
31. Snowdrop
32. The Day Destruction Entered My Front Door
33. Like Butterfly
34. Kingdom : Achin of the north
35. Island
https://bestreview.asia/tv/best-korean-dramas-to-watch-in-2021/
คีโตเจนิก คืออะไร ?
คีโตเจนิค หรือ คีโต คือ การกินแบบ low-carb, high-fat diet (LCHF) โดยกินไขมันดีเป็นหลัก เพื่อเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่แล้วในร่างกายของเรา โดยจะเน้นไขมันน้อย 75% โปรตีน 25% คาร์โบไฮเดรตจากผักที่ชาวคีโตทานได้ 5% โดยเราจะเริ่มลดน้ำหนักได้เมื่อร่างกายเข้าสู่โหมดคีโตสีส (Ketosis) และดึงไขมันมาเป็นแหล่งพลังงานหลัก นั่นทำให้ตับผลิตสารคีโตนขึ้นมา นี่จึงเป็นที่มาของกินไขมันเพิ่มเข้าไปเพื่อดึงเอาไขมันออกมาใช้
เครื่องปรุงคีโต ที่ใช้แทนน้ำตาล
Stevia หรือ หญ้าหวาน
Monk fruit หรือหล่อฮังก้วย
Erythritol (อิริทริทอล)
คุณสามารถกิน ข้าวบุก เส้นบุก ข้าวดอกกระหล่ำ เพื่อแทนข้าวสวย
นอกจากนั้นยังมีน้ำจิ้มสุกกี้และอื่น ๆ อีกมากมาย มาให้คุณได้เลือกซื้อออนไลน์ได้หากคุณไม่มีเวลามากพอที่จะทำเอง
ตารางกินคีโต (Keto) 7 วัน
เมนูอาหารคีโต : วันที่ 1
เช้า : Keto Breakfast เบคอนทอด ไข่ดาว มะเขือเทศ อะโวคาโด
กลางวัน : สลัดไก่ ไข่ต้ม หากต้องการรสชาติก็อาจเพิ่มรสชาติด้วยน้ำสลัดคีโต
เย็น : ลาบหมู รสชาติแซ่บซ่าน เปลี่ยนข้าวคั่วเป็นอัลมอนด์คั่ว + หนังไก่ทอด
คุณควรจะล้างผักและผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทานสดทุกครั้ง และควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างผักและผลไม้โดยเฉพาะ เพื่อป้องกันสารเคมีจากผักและผลไม้ตกค้าง
เมนูอาหารคีโต : วันที่ 2
เช้า : กาแฟดำใส่นมอัลมอนด์ ไข่ดาว
กลางวัน : หมูทอดน้ำปลา กับผัดผักรวม
เย็น : แกงไก่มัสมั่น เสริฟพร้อมข้าวดอกกะหล่ำ ดูวิธีทำข้าวดอกกะหล่ำ
เมนูอาหารคีโต : วันที่ 3
เช้า : กาแฟกะทิ ไข่คนใส่แฮม
กลางวัน : ต้มข่าไก่ เสริฟพร้อมไข่เจียว
เย็น : สปาเกตตี้คาโบนาร่าเส้นบุก
เมนูอาหารคีโต : วันที่ 4
เช้า : นมอัลมอนด์ ทอปปิ้งด้วยเม็ดเจีย
กลางวัน : แกงเทโพหมูสามชั้น เสริฟพร้อมข้าวบุก
เย็น : เครื่องแกงปลาดุก เสริฟพร้อมไข่เจียว
เมนูอาหารคีโต : วันที่ 5
เช้า : กาแฟกะทิ และ Omelet หรือไข่เจียวฝรั่ง ที่ใส่ครีม แฮม และชีส เพื่อเพิ่มความกลมกล่อม
กลางวัน : แกงส้มกุ้งผักรวม เสริฟพร้อมไข่เจียว
เย็น : น้ำตกคอหมูย่าง เสริฟพร้อมผักสดตามชอบ
เมนูอาหารคีโต : วันที่ 6
เช้า : ไข่กระทะ และชาเย็นกะทิ
กลางวัน : ก๋วยเตี๋ยวหมูสับเส้นบุก อาจจะทอปปิ้งด้วยกากหมูสักเล็กน้อย
เย็น : พะแนงหมู
เมนูอาหารคีโต : วันที่ 7
เช้า : กาแฟกะทิ และเบคอนทอด
กลางวัน : ขาหมูคากิ เสริฟพร้อมไข่ต้ม
เย็น : เสต็กหมู เสริฟพร้อมผักโขมอบชีส
https://www.google.com/amp/s/bestreview.asia/how-to/keto-menu-idea-7-days/?amp
มาชมอาหารเช้าจาก 10 ประเทศ ว่าเค้ากินอะไรกันบ้าง
1. อเมริกา : แพนเค้ก+เบคอน+ไข่เจียว+น้ำส้ม
ชาวมะกันนิยมชมชอบกินแพนเค้กนิ่มๆ เป็นอาหารเช้า อาจจะราดน้ำผึ้งหรือไซรัปอื่นๆลงไปสักหน่อย เคียงคู่มากับเบคอนทอดกรอบๆ และไข่เจียว ส่วนเครื่องดื่มจะนิยมดื่มน้ำส้ม ถือว่าอร่อยเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว
2. อังกฤษ : มะเขือเทศย่าง+ไส้กรอก+เบคอน+ไข่ดาว+ชาร้อน
เมืองผู้ดีอย่างอังกฤษจะกินอาหารเช้าคล้าย ๆ กับคนอเมริกา แต่จะไม่นิยมกินแพนเค้ก ส่วนมากก็จะมีไส้กรอกทอดหรือย่าง เบคอนทอด ไข่ดาว แล้วเพิ่มผักอย่าง มะเขือเทศย่าง เข้ามาเติมรสชาติอีกสักหน่อย ส่วนเครื่องดื่มจะเป็นชาอังกฤษร้อนๆ
3. อิตาลี : ขนมปัง+แยม+กาแฟ
ชาวอิตาเลียนกินมื้อเช้าแบบง่าย ๆ แค่มีขนมปังก้อนกลม ๆ เล็ก ๆ หรือโรลเบรด (Roll Bread) ทาแยมผลไม้ เสิร์ฟกับกาแฟร้อนๆ สักแก้ว
4. บราซิล : ผลไม้+ขนมปังปิ้งกับแฮม+น้ำส้มคั้น
คนบราซิลจะกินอาหารเช้าจำพวกขนมปังปิ้งกับแฮม หรือพวกอาหารโคลด์ คัท โปะบนขนมปัง และจะต้องมีผลไม้ตามฤดูกาลกินคู่ไปด้วย เช่น มะละกอ ส่วนเครื่องดื่มจะเน้นไปที่น้ำส้มคั้น
5. เยอรมนี : ขนมปังก้อน+ไส้กรอก+ไข่ต้มสุก+กาแฟดำ
ถ้าเป็นชาวเยอรมันจะชอบกินขนมปังก้อนกลมๆ เล็กๆ (Roll Bread) เนื้อเหนียวๆ นุ่มๆ หน่อย คู่กับของคาวอย่างไส้กรอกทอด หรือย่าง พร้อมด้วยไข่ต้มสุก ส่วนเครื่องดื่มจะเป็นกาแฟดำร้อนๆ
6.ญี่ปุ่น : ข้าว+ซุปมิโซะ+ผักดอง+ชาร้อน
ซุปมิโซะของญี่ปุ่นจะสามารถพบเจอได้เกือบทุกมื้ออาหาร ในตอนเช้า ๆ ชาวญี่ปุ่นก็เลยหยิบซุปมิโซะร้อน ๆ กินคู่กับข้าวสวย และผักดอง เป็นอาหารเช้าแบบง่าย ๆ แต่อิ่มท้อง
7. จีน : โจ๊ก+ซาลาเปาไส้หมูสับ+ชาร้อน
คนจีนกับคนไทยจะกินอาหารเช้าคล้ายๆกัน ซึ่งจีนเป็นชาติที่ให้กำเนิดอาหารเช้าอย่างโจ๊กให้เราได้กินกัน และจะนิยมกินโจ๊กคู่กับซาลาเปา โดยเฉพาะซาลาเปาไส้หมูสับ เสิร์ฟมาพร้อมกับชาจีนในการ้อนๆ
8. สวีเดน : ขนมปังหน้าโคลด์คัทกับผัก+มะเขือเทศ+ไข่ต้ม+น้ำส้มคั้น
ชาวสวีเดนมักจะนำขนมปัง อาจจะปิ้งหรือไม่ปิ้งก็ได้ มาโปะด้วยอาหารเนื้อตัดเย็น หรือโคลด์คัท (Cold Cuts) ก็เป็นจำพวกแฮม ไส้กรอก ชีส หรือเนื้อบด เป็นต้น จากนั้นก็วางทับด้วยผักอีกสักหนึ่งอย่าง เช่น แตงกวา กินคู่กับมะเขือเทศเชอร์รี และไข่ต้มสุก เสิร์ฟพร้อมกับน้ำส้มคั้น
9.. ออสเตรเลีย : คอนเฟล็กซ์+ขนมปังทาเวจจีไมท์+น้ำส้มคั้น
ชาวออสซี่นิยมนำขนมปังปิงทาด้วยเวจจี้ไมท์ (Vegemite) เป็นครีมสำหรับทาขนมปังสูตรพื้นเมืองของชาวออสซี่ ที่ทำมาจากผักผสมยีสต์ เสิร์ฟมาพร้อมกับคอนเฟลกซ์ใส่นม แต่น้ำส้มอีกสักแก้ว
10. รัสเซีย : โจ๊กรัสเซีย+ขนมปังไรย์+ไส้กรอก+ชาร้อน
ในตอนเช้าชาวรัสเซียจะกินโจ๊กกับขนมปังไรย์ (Rye Bread เป็นขนมปังทำมาจากแป้งไรย์ กลม ๆ ยาว ๆ แล้วเอามาตัดเป็นชิ้นบาง ๆ ) ไส้กรอก และชาร้อน ซึ่งโจ๊กของชาวรัสเซีย หรือเรียกอีกอย่างว่า Kasha ไม่ใช่แค่อาหารเช้าธรรมดานะจ๊ะ แต่ยังมีความสำคัญเกี่ยวกับพิธีกรรมของคนรัสเซียหลาย ๆ อย่างอีกด้วย เช่น ในงานแต่งงานบ่าวสาวจะต้องปรุงโจ๊กร่วมกัน เป็นต้น ซึ่งโจ๊กรัสเซียจะไม่ใช่ข้าว แต่ใช้ธัญพืชต่าง ๆ เช่น ถั่ว แล้วนำไปตุ๋นกับผัก หรือปลา
ที่มา: kaplaninternational
https://www.wegointer.com/2015/02/breakfast/
ศีล 5 นับว่าเป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ ไม่ว่าจะในบ้านเรา หรือแม้แต่ประเทศที่มีการนับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ โดยที่ศีล 5 นั้นถือเป็นหลักปฏิบัติขั้นพื้นฐานที่สุด ตามมาด้วย ศีล 8 ศีล 10 ไปจนถึง ศีล 227 ข้อสำหรับผู้ที่ถือครองสมณะเป็นพระ
ก่อนที่เราจะไปอ่านรายละเอียดของศีลทั้ง 5 ข้อ เรายังมีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการกำเนิดหลักปฏิบัติดังกล่าวตั้งแต่เมื่อครั้งพุทธกาล ที่ถือว่าหลักปฏิบัตินี้มีความเชื่อมโยงกัน และครอบคลุมการดำเนินชีวิตของมนุษย์อย่างครบถ้วน
ประวัติของศีล 5
จากหลักฐานที่ถูกค้นพบด้านประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนานั้น พบว่า “ศีล” เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยพระเจ้าสมสติราช ซึ่งมิอาจระบุช่วงปีที่เกิดได้เนื่องจากเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากแล้ว โดยในครั้งนั้นเป็นการเกิดขึ้นของศีลข้อที่ 2 คือ ห้ามลักทรัพย์ จากนั้นศีลข้อที่ 3 จึงเกิดตามมา คือ ห้ามประพฤติผิดในกาม ซึ่งเมื่อเกิดการประพฤติผิดในศีลทั้ง 2 ข้อแล้วจึงเกิดเป็นการโกหก หลอกลวง ไม่ยอมรับ ไม่ยอมสารภาพผิดต่อขึ้นมา จึงเกิดเป็นศีลข้อที่ 4 คือ ห้ามพูดเท็จ และเมื่อเกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงมากขึ้นถึงกับมีการฆ่าแกงกัน จึงเป็นที่มาของศีลข้อที่ 1 คือ ห้ามฆ่าสัตว์
ส่วนศีลข้อที่ 5 คือ ห้ามดื่มสุรา ตามตำนานเล่าว่าเป็นการประพฤติที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ ได้มีคนเดินทางไปพบน้ำขังบริเวณตามง่ามไม้ เมื่อสังเกตไปยังนก นกได้ดื่มน้ำนั้นเข้าไปแล้วเกิดอาการเมา พยายามจะตะเกียกตะกายบินขึ้นบนฟ้าไปให้ได้ คนที่พบจึงทดลองดื่มดูรู้สึกว่าสนุกดี จึงได้น้ำที่พบนั้นไปศึกษาส่วนประกอบ ต่อมาเมื่อศีลทั้ง 5 ข้อก็ได้กลายมาเป็นบทบัญญัติของบ้านเมือง และของเหล่าบัณฑิต
ในบางยุค บางสมัยที่โลกนั้นได้เจริญขึ้นในด้านจิตใจ ศีล 5 ก็กลายเป็นธรรมะ ที่เรียกว่า กุรุธรรม หมายถึง ธรรมะของชาวแคว้นกุรุ ที่อยู่ในชมพูทวีปได้ยึดถือปฏิบัติกัน
ความหมายของศีล
เมื่อเรารู้ความเป็นมาของหลักปฏิบัติที่เรียกว่า ศีล 5 แล้ว ในความเป็นจริง เรารู้กันบ้างรึเปล่าว่า “ศีล” นั้น มีความหมายว่าอย่างไรกันบ้าง
ศีล คือ “เจตนา” ความตั้งใจ ที่จะงดเว้นจากกายทุจริต 3 (ไม่ฆ่าสัตว์, ไม่ลักทรัพย์, ไม่ประพฤติผิดในกาม) และวจีทุจริต 4 (ไม่พูดเท็จ, ไม่พูดคำหยาบ, ไม่พูดส่อเสียด, ไม่พูดเพ้อเจ้อ)
ศีล คือ “เจตสิก” หมายถึงการงดเว้นจากมโนทุจริต 3 (ความโลภอยากได้ของผู้อื่น, มีจิตคิดพยาบาท, มีความเห็นผิด)
ศีล คือ ความสำรวมระวัง ปิดกั้นความชั่ว
ศีล คือ การไม่ล่วงละเมิดข้อห้าม
สัตว์ได้อย่างชัดเจนได้ดังต่อไปนี้
ข้อที่ 1 ตั้งใจงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ : ซึ่งโดยปกติของมนุษย์แล้วเราจะไม่ฆ่าแกงกันเอง นั่นเป็นสิ่งแรกที่มนุษย์มีความแตกต่างจากสัตว์ อาทิ เสือ หรือสิงโต ที่เวลาหิวก็จะไล่ล่าสัตว์อื่นเพื่อนำมาเป็นอาหารทันที นั่นจึงทำให้เราสามารถแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างคนกับสัตว์ได้อย่างชัดเจน
ข้อที่ 2 ตั้งใจงดเว้นจากการลักขโมย : โดยปกติของมนุษย์แล้วจะไม่คิดขโมย หรือลักทรัพย์สินของใคร ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นรูปธรรมจับต้องได้ หรือสิ่งที่เป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ เพราะมนุษย์มีความรอบรู้ในเรื่องของ กรรมสิทธิ์ ว่านั่นของเรา ว่านี่ของเรา แต่กับสัตว์เดียรัจฉานนั้นไม่รู้ ยกตัวอย่าง เวลาที่สุนัขกำลังเห็นแมวกินปลาอยู่ ถ้ามันมีความคิดที่อยากได้มันก็จะเข้าไปแย่งเลยทันที ฉะนั้น ถ้าใครลักขโมย หรือจี้ปล้นทรัพย์สินของคนอื่นก็แสดงว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเขาได้สูญเสียไปแล้ว
ข้อที่ 3 ตั้งใจงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม : มนุษย์เป็นผู้ที่รู้จักควบคุมความต้องการของตัวเอง รู้ถูกผิด รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ อาทิ เมื่อสุนัขเพศผู้ถึงคราวที่ฮอร์โมนเพศทำงาน มันจะเข้าไปกัดเพื่อแย่งตัวเมียจากตัวผู้ตัวอื่น แต่มนุษย์ปกติกลับไม่ประพฤติเช่นนั้น
ข้อที่ 4 ตั้งใจงดเว้นจากการพูดเท็จ พูดคำหยาบ คำส่อเสียด เพ้อเจ้อ : โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้วจะไม่หลอกหลวง และเบียดเบียนซึ่งกันและกันด้วยวาจา หรือคำพูด ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ อาทิ สุนัขที่อยู่ในบ้าน เมื่อมีสุนัขตัวอื่น หรือมนุษย์คนอื่นเดินผ่านมา มันจะส่งเสียงเห่าในทันที แต่มนุษย์เราโดยปกติไม่ได้เป็นเช่นนั้น ที่อยู่ดีๆ เราจะด่า หรือว่าใครโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ข้อที่ 5 ตั้งใจงดเว้นจากดื่มสุรา : ตามปกติ สัตว์ใหญ่มักมีพละกำลังมากกว่ามนุษย์ แต่มันบังคับทิศทางการเคลื่อนที่ไม่ค่อยได้ เพราะไม่มีสติสำหรับควบคุม ดังนั้น สัตว์จึงไม่สามารถเป็นกำลังกายที่เกิดเป็นคุณงามความดี หรือการช่วยเหลือผู้อื่นได้ ผิดกันกับมนุษย์ มนุษย์มีสติสัมปชัญญะที่จะควบคุมการกระทำของตัวเอง ทำให้สามารถนำพละกำลัง หรือกำลังกายที่เรามีเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น หรือกระทำคุณงามความดีได้อย่างมากมาย แต่เมื่อใดที่มนุษย์ดื่มสุรา หรือของมึนเมาเข้าไป ก็จะทำให้ตนเองนั้นขาดสติ ขาดความยับยั้งชั่งใจจนก่อให้เกิดการประพฤติในสิ่งที่เลวร้ายได้ ซึ่งศีลข้อที่ 5 นี้เป็นข้อที่สำคัญที่สุด เพราะคนที่ขาดสติสามารถกระทำความชั่ว รวมไปถึงการประพฤติผิดในศีลข้ออื่นๆ ได้อีกด้วย
ทำไมจึงต้องรักษาศีล 5
ข้อที่ 1: สิ่งมีชีวิต เป็นสิ่งที่มีคุณค่า เราไม่ควรเบียดเบียน ข่มเหง หรือทำลายคุณค่าแห่งความเป็นอยู่ของเขาให้ตกไป
ข้อที่ 2: สิ่งของของใคร ใครก็รัก ใครก็สงวน ไม่ควรทำลาย ฉกลัก ปล้น จี้ อันจะเป็นการทำลายทรัพย์สมบัติและทำลายซึ่งจิตใจกัน
ข้อที่ 3: ลูก หลาน สามี ภรรยาใคร ใครก็รัก ใครก็สงวนอย่างยิ่ง ไม่ปรารถนาให้ใครมาอาจเอื้อม ล่วงเกิน อันจะเป็นการทำลายซึ่งจิตใจของผู้อื่นอย่างหนัก อีกทั้งยังเป็นบาปแบบไม่มีประมาณ
ข้อที่ 4: การมุสา หรือการโกหกพกลม ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทำลายความเชื่อถือของผู้อื่นให้ขาดสะบั้นลงอย่างไม่มีดี ถึงแม้เดรัจฉานก็ไม่พอใจในคำหลอกลวง จึงไม่สมควรโกหก ทำให้ผู้อื่นเสียหาย
ข้อที่ 5: สุรา ยาเสพติด เป็นของมึนเมาและให้โทษ หากดื่มเข้าไปบ่อยๆ ย่อมทำให้คนดีกกลายเป็นคนบ้าได้ อีกทั้งของมึนเมาเหล่านี้จะเข้าไปลดคุณค่าของคนลงโดยลำดับ สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นคนดี มีสติปกครองตัวอย่างมนุษย์จึงไม่ควรดื่มสุรา อันนับว่าเป็นเครื่องทำลายสุขภาพทางร่างกายและจิตใจอย่างมาก หากเสพเข้าไปก็ถือเป็นการทำลายตัวเอง และผู้อื่นได้ในขณะเดียวกัน
อานิสงส์ของการรักษาศีล 5
ข้อที่ 1: ทำให้อายุยืน ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน
ข้อที่ 2: ทรัพย์สมบัติที่อยู่ในความปกครองจะมีความปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายที่มาราวี จ้องจะเบียดเบียนทำลาย
ข้อที่ 3: ระหว่างลูก หลาน สามีและภรรยาจะอยู่รวมกันด้วยความผาสุก ไม่มีผู้คอยล่วงล้ำกล้ำกราย ต่างคอรงกันอยู่ด้วยความเป็นสุข
ข้อที่ 4: เมื่อพูดอะไรจะมีแต่ผู้เคารพเชื่อถือ คำพูดมีเสน่ห์ เป็นที่จับใจไพเราะด้วยสัตย์ ด้วยศีล
ข้อที่ 5: จะเป็นผู้ที่มีสติปัญญาดีและเฉลียวฉลาด ไม่หลงหน้าหลงหลัง จับโน่นชนนี่จนเหมือนคนบ้าคนบอ หาสติไม่ได้ ผู้มีศีล จะเป็นผู้ที่ปลูกและส่งเสริมสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลกให้มีแต่ความอบอุ่น ไม่เป็นที่ระแวงสงสัย ผู้ไม่มีศีล จะเป็นผู้ที่ทำลายหัวใจคนและสัตว์ให้ได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อนอยู่ทั่วทุกหย่อมหญ้า
เอ้าสรุปอีแอคแหกมันตายห่าไปแล้วหรอ วงจรชีวิตสั้นกว่ายุงอีก เปิดตัวอลังการงานสร้างนะ แต่ไม่มีคนเล่นด้วย สงสาร 55555555
อีสัดแต่ห้องกูเนี่ยก็สำคัญน้าาาา มีคนแอบเข้ามาอ่านที่พ่กเลานินทาแล้วดิ้นเยอะน้าาา อยู่เฉยๆไม่ได้ต้องเข้ามาป่วนมู้ ไม่ได้ส่องเองด้วยแต่มีคนไปบอก พยามลากออกไปหาแสงแร้ว อุส่าสร้างแอคหลุมขึ้นมาดักก็แล้ว พยามแสงดับเพราะโดนปิดแอค ไฃพอสุดท้ายหมดปัญญาก็กลับมาป่วนมู้ เนี่ยขนาดไม่ให้ค่ามู้กูนะเนี่ย ป่วนไปเถอะมึง ไม่ได้แดกกูหรอก 55555555555555555
หลอนแหละอีดอก มีคนร้อนรนจนต้องเข้ามาป่วน ขอบอกว่ายิ่งมึงทำแบบนี้ พวกกูยิ่งมีแรงด่า เพราะว่าพวกมึงร้อนนี่แหละ อิอิ
>>664 จีงงงงง มึงต้องด่าอีคนไปบอกแร้วมั้ย มันหวังดีหรือหวังอยากเห็นมึงปสดตายอ่ะ หรือพยามลากพ่กกูไปหาแสง อีดอกไม่ได้แดกแสงพวกกูหรอก แต่มึงอ่ะแสงดับจนโดนปิดแอคไปแล้วนี้ แต่ยังดีที่มึงเปิดแอคได้นานกว่าที่อีนทก.ปิดแอค ไม่พอนะแถมโม่งแตกอีกต่ะหาก ปัดโถ้วววว ทำไมโง่กันเยี่ยงนี้ พ่กเลาเกียมขึ้นมู้ที่ 4 น้าาาาาาา กูโน้ตรอไว้แร้ว อิอิ
สรุป แอคหลุมนางขิตแล้วเหรอ กูไม่ได้ไปส่องเลย
มีการเอาศีล 5 มาแปะด้วยนะ ฮ่าาาา ขำ
http://imgur.com/a/kRRu9TW อันนี้กุมโนน้าาาา มโน๊ มโน
กำจิ้มผิดเบอร์
นิยงนิยายไม่เขียน แต่เรื่องปั่นกระทู้นี่เก่งจ๊างกะเทย เอาเวลาไปเขียนนิยายไหมค๊า จะได้ไม่โดนคนอ่านสาปที่ติดเหรียญหลอกแดกตังค์แล้วเทนิยายทิ้ง
โบราณว่าไว้ อย่าถามถึงผี เดี๋ยวผีมา 5555555555
>>677 http://imgur.com/a/wNQzNdm เค้าเลิกเขียนแล้วย่ะ
ห้องนี้โทรลมันเฮี้ยนจังวะ
https://www.facebook.com/100044306892235/posts/286532772833617/
เพื่อนโม่งเกียมอุดหนุน
Ky วันนี้จะมาเหลาให้ฟังเรื่องนิยายฉลามคลั่งรักภาพ mpreg จากอดีตนักอ่านที่เคยชอบมัน กูไม่ได้อ่านทุกตอนนะ มันไม่ได้มีไรมากและกูรู้สึกว่าเรื่องนี้น้ำเยอะ แค่มันไม่ออกทะเลเฉยๆ กูเลื่อนผ่านอยู่หลายตอน มันเป็นนิยายที่จะเล่าเรื่องการใช้ชีวิตในแต่ละวันของสามผัวเมีย ส่วนเรื่องท้องของนายเอกนั้น ถ้าใครอยากอ่านจุดนี้มึงต้องจิ้มเข้าไปดูกลางๆเรื่องเลย กูไม่ได้อ่านจริงจังมาก เพราะมันไม่ได้มีอะไรน่าสนใจอ่ะ มันเป็นแค่การเล่าเรื่องของอีสามตัวละครว่าในแต่ละวันมันเจออะไร มันแดกอะไร มันเจอใคร ส่วนมากจะอ่านผ่านๆเลื่อนหนีให้จบตอนไปเร็วๆ ไม่ก็เลื่อนหาจุดที่น่าสนใจในตอนนั้นๆเอา สรุปนะ กูอ่านไม่จบ 555555555555
10 อันดับ อาหารเสริมความจำ สมองเป็นสิ่งที่เราต้องใช้งานอยู่ทุกวัน ดังนั้น หากให้สมองได้รับการบำรุงบ้าง ก็ย่อมทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น
ไข่ไก่ รู้หรือไม่ว่า เมนูไข่ง่ายๆ ที่เราทานกันอยู่ทุกวันนี้ มีโอเมก้า 3 และโปรตีนที่มีส่วนช่วยบำรุงให้สมองทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้ง ยังเพิ่มพลังให้สมองของเราทำงานได้นานขึ้นอีกด้วยนะ
ปลาทะเลน้ำลึก ปลาทะเลน้ำลึก จำพวกปลาทูน่า ปลาแซลมอน จะมีโอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงสมองในเรื่องของความจำ ทั้งยังช่วยชะลอการเสื่อมของระบบประสาทส่วนกลางอีกด้วย
ผักใบเขียว แหม ขึ้นชื่อว่าผัก ก็มีประโยชน์ทั้งนั้นแหละจ้า โดยเฉพาะผักโขมที่มีเอนไซม์ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และฟื้นฟูบริเวณปลายประสาท รวมถึงยังมีกรดโฟลิกที่ช่วยบำรุงในเรื่องของความจำอีกด้วย
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ อาทิ บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ เชอร์รี่ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ จะช่วยให้การทำงานของระบบหมุนเวียนโลหิตในการหล่อเลี้ยงสมองทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลต่อระดับไอคิว และยังช่วยป้องกันเรื่องการสูญเสียความจำได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงสายตา แถมยังเป็นผลไม้ที่น้ำตาล และแคลอรี่น้อย รับประทานไปแล้วรับรองว่าไม่อ้วนอย่างแน่นอน
มะเขือเทศ พอพูดถึงมะเขือเทศ สาวๆ อาจจะนึกถึงแต่ความสวยความงาม ผิวพรรณ แต่เราขอบอกเลยว่า มะเขือเทศมีประโยชน์มากกว่านั้นนะคะ ซึ่งเจ้ามะเขือเทศ จะมีไลโคปีนที่ช่วยป้องกันไม่ให้เราหลงๆ ลืมๆ ยิ่งถ้าเรานำมะเขือเทศไปผ่านความร้อนด้วยแล้ว ก็จะยิ่งทำให้เราได้รับไลโคปีนมากขึ้นไปอีก
แอปเปิ้ล ผลไม้หอมหวานอย่างแอปเปิ้ล ก็ช่วยบำรุงสมองของเราได้เหมือนกันนะ เพราะในแอปเปิ้ลมีสารอะเซทิลโคลีน ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานของสมอง ทำให้เรามีความจำที่ดีขึ้น แถมยังช่วยป้องกัน โรคสมองเสื่อม ได้อีกด้วย
แปะก๊วย แปะก๊วย เป็นอาหารที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการบำรุงสมองมากๆ เพราะมันสามารถช่วยรักษาอาการผิดปกติต่างๆ ได้ เช่น โรคสมองเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ หรือแม้กระทั่งคนที่ชอบหลงๆ ลืมๆ ก็ตาม ซึ่งเมื่อทานแปะก๊วยเข้าไปแล้ว เจ้าแปะก๊วยจะเข้าไปช่วยให้การทำงานของระบบไหลเวียนเลือดขึ้นไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น
ธัญพืช และถั่วต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น งาดำ งาขาว เมล็ดแฟล็กซ์ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เฮเซลนัท อัลมอนด์ ถั่วลิสง แมคคาเดเมีย และวอลนัท ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น เพราะมีทั้งโปรตีน วิตามินเอ และกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว นอกจากนี้ยังมีแมกนีเซียมที่จะเข้ามาช่วยเสริมการทำงานของหลอดเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดียิ่งขึ้น
น้ำมันมะกอก น้ำมันมะกอก เป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ซึ่งจะช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และทำงานได้ดีขึ้น
ช็อกโกแลต พูดถึงช็อกโกแลตแล้ว คนส่วนใหญ่ รวมถึงสาวๆ คงนึกถึงความหวาน ความอ้วนเป็นแน่ แต่คุณเชื่อไหมว่า หากเราทานอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เจ้า ช็อกโกแลต นี้จะสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง และยังให้สารอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้นด้วย
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : TerraBKK.com - https://www.terrabkk.com/articles/193144
เคล็ดลับ 10 วิธี ฝึกสมาธิง่ายๆ
1. จัดท่าทางให้ถูกต้อง
จริงอยู่ว่าใครๆ ก็นั่งขัดสมาธิ เพื่อนั่งสมาธิได้ แต่การนั่งที่ถูกต้อง คือ คุณต้องแน่ใจว่าคุณนั่งตัวตรง หัวตรง นั่นเพราะร่างกายของเราสัมพันธ์กับจิตใจค่ะ หากคุณนั่งตัวงอแล้วละก็ จิตใจของคุณก็จะล่องลอยไป ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนะคะ แต่ไม่ต้องนั่งเกร็งมาก ให้นั่งเหมือนเรากำลังผ่อนคลายดีที่สุด
2. เปิดตานั่งสมาธิ
บางครั้งการนั่งสมาธิ ไม่จำเป็นต้องหลับตาเสมอไป คุณสามารถเปิดตาไว้ แต่ปรับระดับสายตาให้มองต่ำลง โดยกำหนดจุดให้เพ่งรวบรวมสมาธิไว้ เพราะบางคนเมื่อปิดตาแล้วกลับรู้สึกฟุ้งซ่าน ในหัวสมองเต็มไปด้วยเรื่องราวต่างๆ อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าวิธีใดทำแล้วได้ผลมากกว่ากัน
3. กำหนดรู้ลมหายใจ
การกำหนดลมหายใจเข้า-ออก เป็นการกำหนดที่ตั้งของสติ เพื่อให้จิตเราอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่นๆ แต่เราไม่จำเป็นต้องไปบังคับการหายใจ แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ
4. นับลมหายใจเข้า-ออก
การนับลมหายใจเข้าออก เป็นวิธีปฏิบัติสมาธิมาตั้งแต่โบราณ โดยเมื่อคุณหายใจออกก็ให้คุณเริ่มนับหนึ่งในใจ ต่อไปก็เป็นสองสามสี่ตามลำดับ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าความคิดของคุณกำลังล่องลอยออกไปที่อื่น ให้คุณกลับมาตั้งต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง เพื่อให้คุณนำจิตกลับมาที่เดิม
5. ควบคุมความคิดไม่ให้เข้ามารบกวน
เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณกำลังมีความ คิดเข้ามารบกวนจิตใจ ค่อยๆ ขจัดความคิดเหล่านี้ออกไป โดยหันมาสนใจกับการกำหนดลมหายใจ อย่าพยายามหยุดความคิดในทันที เพราะมันจะทำให้คุณฟุ้งซ่านและไม่สามารถกลับเข้าสู่สมาธิได้อีก
6. กำจัดอารมณ์ให้หมดสิ้น
มันเป็นการยากที่จะนั่งสมาธิในขณะที่จิตของคุณเต็มไปด้วยอารมณ์ เพราะอารมณ์จะทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ในจิตใจ โดยเฉพาะอารมณ์โกรธ กลัว เสียใจ ซึ่งไม่ได้ทำให้คุณอยู่กับปัจจุบัน หรืออยู่กับสิ่งที่เป็นในตอนนี้เลย ให้คุณจัดการกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นนี้โดยกำหนดลมหายใจไปที่ความรู้สึกของร่าง กายที่ควบคุมอารมณ์ส่วนนั้น เพราะจะทำให้คุณไม่คิดถึงเรื่องราวที่ทำให้คุณกลัว หรือโกรธอีก แต่หันมาเพ่งกับสิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนี้แทน
7. ความเงียบบ่อเกิดแห่งความสงบ
การนั่งสมาธิควรจะนั่งในที่เงียบๆ เพื่อทำจิตให้ว่าง ไม่ใส่ใจถึงบุคคล เสียง หรือสิ่งอื่นที่อยู่โดยรอบ เพราะความเงียบจะนำมาซึ่งความสงบเยือกเย็น และความรู้สึกมั่นคง เมื่อไหร่ก็ตามที่ความเงียบภายนอกและภายในประสานกันได้ คุณก็จะรู้สึกได้พักกายพักใจ ผ่อนคลายจากความคิดที่รบกวนคุณอยู่ตลอดมา
8. เวลาในการนั่งสมาธิ
เมื่อเริ่มต้นนั่งสมาธิใหม่ๆ คุณอาจจะลองนั่งก่อนประมาณสัก 10 นาที และจึงค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าจิตคุณเริ่มนิ่งมากขึ้น แต่อย่าบังคับตัวเองให้นั่งนานเกินไปหากคุณยังไม่พร้อม ทั้งนี้ ระยะเวลาที่เหมาะ คือประมาณ 25 นาที เพราะเป็นระยะเวลาที่ไม่ทำให้รู้สึกปวดเมื่อยร่างกายเกินไปจนรบกวนสมาธิได้
9. สถานที่ในการนั่งสมาธิ
สถานที่และบรรยากาศก็ช่วยให้คุณทำสมาธิได้ดีขึ้น ซึ่งการนั่งสมาธิในห้องพระจะช่วยให้จิตใจสงบและรู้สึกเป็นสมาธิมาก หรือคุณอาจจะวางสิ่งเล็กๆ ที่คุณชอบ หรือช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายไว้รอบๆ ที่คุณนั่งสมาธิก็ได้
10. มีความสุขไปกับการนั่งสมาธิ
คนเราหากทำอะไรแล้วมีความสุข เราก็จะทำมันได้ดี และรู้สึกอยากทำต่อไป ในการนั่งสมาธิก็เช่นกัน หากคุณมีความสุขในการนั่งสมาธิ คุณก็จะรู้สึกผ่อนคลายสบายตัวและอยากจะทำต่อไป จนสามารถทำเป็นกิจวัตรที่ทำทุกวันได้
>>696 ก่อนอื่นปรับที่ทัศนคติของคุณก่อนนะ ถ้าคุณมองว่าตัวเองไม่สวย ใครจะมองว่า คุณสวย ? เพราะเมื่อคุณเชื่อว่าคุณไม่สวย คุณก็จะพรีเซ้นต์แต่ความไม่สวยออกมาให้คนอื่นเห็น ความสวยอยู่ที่ใจ อยู่ที่เราจะมองนะ เราไม่จำเป็นต้องสวยเพื่อให้คนอื่นรัก ให้คนอื่นสนใจ แต่ผู้หญิงเราควรสวยจากข้างใน จากใจเราเองด้วยตัวเราเอง นี่แหละคือเสน่ห์ที่เปล่งประกาย ให้ผู้ชายเขาสนใจ ในความดีจากเนื้อแท้ของเรา ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกที่เติมแต่งได้ โรยราได้
แต่ถ้าเรากำลังพูดถึงเสน่ห์ นี่คืออีกรูปแบบของความสวยนะ ไม่ได้อยู่แค่ที่รูปร่างหน้าตา แต่เป็นที่นิสัยใจคอ
คุณเป็นคนเฟรนด์ลี่แค่ไหน , เป็นคนเก็บตัว หรือ เข้าสังคม , มีน้ำใจต่อคนรอบข้าง หรือ ขี้อาย ? ผู้หญิงทุกคนล้วนมีจุดขายค่ะ หาตัวเองให้เจอนะว่าคุณมีข้อดีอะไรบ้าง ดึงมันออกมาให้ทุกคนได้เห็นเสน่ห์ในตัวคุณ เปิดโอกาสให้ตัวคุณเอง ได้เข้าสังคมทำกิจกรรมที่ชอบ ชอบอ่านหนังสือ ….ก็ไปอ่านหนังสือให้คนตาบอด , ชอบออกกำลังกาย … ก็ไปเข้าฟิตเนส วิ่งสวนสาธารณะ ,ชอบวาดรูป ก็ไปหา กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการวาดรูปทำ มันต้องเจอคนที่ใช่ ในสักที่ที่คุณชอบบ้างล่ะค่ะ
การนินทา หรือ การกล่าวถึงผู้อื่นในทางที่ไม่ดีนั้น จัดเป็นกลไกการป้องกันทางจิตอย่างหนึ่ง ซึ่งช่วยปกป้องจิตใจให้หลุดพ้นจากความรู้สึกมีปมด้อย หากนินทาอย่างสร้างสรรค์ก็จะช่วยปลดปล่อยความรู้สึกคับข้องใจได้ แต่หากนินทาเพื่อทำร้ายคนอื่นก็ดูเหมือนจะมีปัญาหาทางสุขภาพจิตหน่อยๆ ตามหลักจิตวิทยาให้เหตุผลของคนขี้นินทาไว้ ดังนี้...
หึหึ โทรลคุง มาป่วน ช่วงนี้ ข่อมค่า จะได้ขึ้นมู้ใหม่ไวขึ้น อิอิ
1. เป็นคนที่มีปมด้อย รู้สึกด้อยค่า การนินทาว่ากล่าวผู้อื่นในทางที่ไม่ดีเป็นการชดเชยความรู้สึกแย่ๆ ที่มีต่อตัวเอง ทำให้รู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าคนที่กำลังกล่าวถึง
2. มีความอิจฉาอยู่ภายใน เห็นคนอื่นดีกว่าไม่ได้ จะต้องหาเรื่องมานินทาเขาในทางที่เสียๆ หายๆ เพื่อทำให้รู้สึกว่าตนเองดีกว่าเขา
3. เป็นพวกที่ชอบเรียกร้องความสนใจ เพราะลึกๆ นั้นเป็นคนที่ขาดความมั่นใจ การนินทาเป็นเครื่องมือที่จะดึงดูดให้คนอื่นหันมาสนใจ แต่จะสนใจได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว
4. เป็นการปลดปล่อยความโกรธหรือความทุกข์ที่มีอยู่ภายในจิตใจ บางคนไม่เคยรู้เท่าทันอารมณ์ภายใน ไม่มีทักษะในการจัดการกับอารมณ์ที่เป็นลบ จึงมักเลือกวิธีการจัดการด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด คือการพูดระบายออกมา หากจะระบายเรื่องความทุกข์ใจของตัวเองก็กลัวคนอื่นจะตำหนิ ยิ่งจะทำให้รู้สึกด้อยค่ามากขึ้น กระนั้นการพูดระบายในเรื่องของคนอื่นจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
การนินทา เป็นพฤติกรรมที่หลายคนอาจจะไม่เข้าใจกระบวนการเกิด เมื่อปล่อยให้เกิดพฤติกรรมซ้ำๆ ก็จะกลายเป็นนิสัย เมื่อเป็นนิสัย ก็จะพัฒนาเป็นบุคลิกภาพของคนๆ นั้น
หากจะมองให้ลึกลงไปถึงจิตใต้สำนึกของบุคคลที่มีพฤติกรรมชอบนินทาผู้อื่นเราจะเห็นว่าเขาเป็นคนที่น่าสงสาร ไม่สามารถจัดการกับปมด้อยของตัวเองได้ บางคนรู้ว่าการนินทาเป็นสิ่งที่ไม่ดีแต่ก็ควบคุมตัวเองไม่ให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้
นินทาคนอื่นเพื่อปกปิดปมด้อยของตน
อีโทรลว่างมากไปหาบทความมา มึงร้อนรนน่าดูเนอะ เอาอีกๆ
พวกขี้ขลาดนั่นเอง
ต่อหน้าสู้เขาไม่ได้ ก็เล่นว่าคนอื่นลับหลัง
พวกนี้ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากใช้คำพูด พล่ามไปเรื่อย เพื่อปกปิดตัวเอง
แต่อย่างว่าฟ้ามีตา ไม่นาน คนก็จะรู้ว่าใครเป็นยังไง
ไม่เคยกลัวพวกนินทาแม้แต่น้อย อยากขี้นินก็นินไป พวกไม่ยอมรับความจริง
คนที่ชอบนินทาคนอื่น คือคนที่ทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆครับ เพราะทำไม่ได้ถึงต้องเก็บไปนินทา พวกนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย เราไม่ฟังไม่รับรู้ก็จบละ
การนินทา...เพื่อให้คนในกลุ่ม เลวๆ ของมัน คิดว่ามันเจ๋ง มันแน่
การนินทา...มันถือว่าเป็นโรคจิตอย่างหนึ่งหรือเปล่าคะ เจอเหมือนกัน เจอหน้ากันแต่ละทีต้องเปิดประเด็นนินทาคนอื่น
คอยแต่จะจับผิดคนอื่น จนลืมมองความหยาบของตัวเองไรงี้หรอ
การนินทา...แรกๆก็เป็นนิสัย...ผ่านไปกลายเป็นสันดาน...พอนานไปกลายเป็นกำพืดดดดดที่นี้หยุดไม่ได้แล้วครับ สวดส่งสาบส่งพวกจรรไรพวกนี้ ทำตัวน่ารังเกียจสุดๆ สังคมทรามเพราะคนพวกนี้มีอยู่เยอะ
มู้นี้โทรลมันบุกบ่อยจังวะ พวกมึงได้ไปจุดธูปอัญเชิญมันมารึเปล่า
https://www.blockdit.com/posts/5dab4b651699494ebae3546e โทรลคุงขยันมาอุตส่าห์ไปหาบทความมา แปะไว้
การใส่ร้ายป้ายสี คือ การกระทำ ที่จ้องจะทำลายผู้อื่นในทางร้าย ด้วยใจที่อคติ โดยอาจแสดง ผ่านการพูด การเขียน หรือ การแสดงกิริยาต่างๆ ซึ่งสิ่งที่เขาพูด หรือเขียน หรือแสดงออกไปนั้น มักจะเป็นสิ่งที่บิดเบือนไป จากข้อเท็จจริง เพื่อทำให้ชื่อเสียง ของคนอื่นเสียหาย และบางกรณี ก็อาจมีจุดมุ่งหมาย ถึงกับให้คนอื่น พินาศวอดวายก็มี ซึ่งพฤติกรรมของคน ที่ชอบใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ก็คือ เขาจะชอบนินทาว่าร้าย ใส่ความ และสร้างเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่จริง เพื่อทำลายชื่อเสียงของคนอื่น ด้วยความสะใจของตนเอง โดยทำทั้งต่อหน้า และลับหลัง บางคนนั้น ไม่ได้ใส่ร้ายคนอื่น เพียงแค่คำพูดอย่างเดียว แต่อาจลามไปถึง การเขียนโจมตี ในทางเว็บไซต์ หรือในช่องทางอื่นอีกด้วย
ปากสร้างกรรมง่ายแต่ส่งผลร้ายแรง ครูบาอาจารย์ ท่านได้กล่าวว่า คนส่วนมากมักสร้างกรรมทางวาจา เพราะกรรมนี้ สร้างขึ้นมาได้ง่าย แต่ตัวเขาเอง ไม่รู้ว่าผลของกรรม เมื่อเวลามันส่งผล จะร้ายแรงเพียงไร ซึ่งคำพูดนั้นสำคัญมาก บางคนพูดไม่ดีกับผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ถึงขั้น โกรธ เกลียดกัน ชั่วชีวิตก็มี และบางรายคำพูดเพียงไม่กี่คำ ก็ทำให้ไม่พูดกันไปหลายปี แล้วคนส่วนมาก ที่ขึ้นโรงขึ้นศาล หรือทะเลาะเบาะแว้งกัน จนขนาดไปถึงฆ่ากันตาย ก็เพราะคำพูดที่ไม่ดีนั้นเอง ซึ่งทำเรื่องให้เดือดร้อน และเป็นเรื่องใหญ่โต
https://pantip.com/topic/30594126 อีกทู้ ขยันไปหามา อห 55555555555 แสดงว่าแบบร้อนรนเนอะ
คนที่ชอบด่าหรือใส่ร้ายผู้อื่น วิบากกรรมเร็วมาก ครูบาอาจารย์ท่าน ได้เตือนสติอยู่เสมอว่า อย่าได้ไปพูด ไม่ดีกับใคร หรือถ้ามีคนมาว่า หรือมาด่าเรา แต่ถ้าหากเราไม่ว่า หรือด่าเขาตอบ มันก็จะไม่มีเรื่องกัน แต่ถ้าเราไปด่าเขาเมื่อไร ก็จะเกิดเรื่อง เดือดร้อนขึ้น และที่สำคัญ อย่าได้ไปพูดทำลาย ความหวังของใคร เพราะสิ่งนั้น อาจจะเป็นความหวังเดียวที่เขามีอยู่ ถ้าเราไปพูดว่าเขาเมื่อไหร่ กรรมใหญ่ ก็จะตกแก่ตัวเราทันที ซึ่งคนที่ชอบด่า หรือใส่ร้ายผู้อื่น รวมไปถึง การพูดจา ไม่ดีต่างๆ กับคนอื่นนั้น กรรมจะสนองเร็วมาก และเขาผู้นั้น จะเป็นคนที่ มีศัตรูทั้งภายนอก และก็ภายใน แถมยังไม่เป็นที่รัก ของคนทั่วไป ซึ่งตรงกันข้าม กลายเป็นคน ที่น่ารังเกียจแก่คนทั้งหลาย อีกด้วย กรรมชั่ว ก็จะเข้ามาตัดรอนกรรมดี และญาติพี่น้อง ลูกหลาน ก็จะทำความเดือดร้อน และสร้างความเสียหายมาให้ แถมบางครั้ง พี่น้องหรือญาติ หรือเพื่อนฝูง ก็จะโกงทรัพย์สินเงินทอง และในบางครั้ง ก็อาจจะพูดใส่ร้ายให้โทษ ด่าว่าเราต่างๆ นานา จนทำให้มีการทะเลาะวิวาท ซึ่งทำให้เราไม่สบายกาย และไม่สบายใจเป็นอย่างมาก มีเรื่องเดือดร้อนต่างๆ อยู่ตลอดเวลา อย่างไม่จบไม่สิ้น หรือมีลูกหลาน ก็จะดื้อด้าน ว่านอนสอนยาก ทำความเดือดร้อน ให้เสียเงินทองอยู่มิได้ขาด แถมว่ากล่าวลูกหลานก็ไม่เชื่อฟัง ไม่เคารพนับถือ หรือลูกหลานบางคน ก็จะอกตัญญูตนเอง สร้างความเดือดร้อนให้ต่างๆ นานา บางคนอาจจะเป็นโรคร้าย ที่รักษายาก หรือรักษาไม่หาย ซึ่งเป็นเพราะปาก ที่ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น
โทษที่ฟีดโทรลนะ แต่ขำ 555 กูแค่ก็อปประโยคหา ไม่ยากเท่าคนไปหาบทความ
กรรมทางวาจามีผลร้ายแรงมาก ครูบาอาจารย์ท่านเตือนสติไว้ว่า กรรมทางวาจานั้น มีผลร้ายแรงมาก การที่เราพูดใส่ร้าย หรือพูดไม่ดี จนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และเสียใจ หรือไปพูดทำลาย ความหวังต่างๆ ของคนอื่น ถ้าหากเรารู้ตัวว่ากำลังทำอยู่ ก็ให้หยุดทำเสีย ถ้าหากไม่หยุด หรือเลิกทำ ผลกรรมนั้น ไม่สนองแค่ในชาตินี้ หากเราตายลงไปแล้ว ยังต้องไปใช้กรรม ยังนรกตามขุมต่างๆ อีกด้วย ครูบาอาจารย์ท่านเตือนสติอยู่เสมอว่า “คนดีเขาไม่ตีใคร” ซึ่งมีความหมายว่า คนที่ดีนั้น เขาจะไม่พูดจาไม่ดี ด่าว่า หรือใส่ร้าย จนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เสียหาย และ “ทุกข์ใจ” ดังนั้น การใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นนั้น ถือเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ น่าชิงชัง และถือเป็นภัย ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ที่สามารถทำลายชีวิต และชื่อเสียงของผู้อื่นได้ ซึ่งที่คนที่เรา ไปใส่ร้ายเขานั้น เขาอาจจะเป็นคนดี เป็นคนบริสุทธิ์ อยากให้ลองคิดดูก่อนว่า เรามีสิทธิ์อะไร ไปทำร้ายคนอื่น เพราะฉะนั้น ใครที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ ก็อยากให้หยุด และเลิกเสีย เพราะสุดท้าย สิ่งร้ายๆ ที่เราทำไว้ มันจะย้อนกลับมาทำลายตัวเราเอง ไม่วันใด ก็วันหนึ่งอย่างแน่นอน
http://dhammatuensati.blogspot.com/2018/05/blog-post.html?m=1
>>726 นี่.... ฉันน่ะว่าง ว่างพอที่จะเล่นสนุก ไม่ได้ร้อนรนอะไร ฉันหาบทความของฉัน เเถมบางอันเเปะลิ้งค์ให้
แต่อันที่ไม่ได้เเปะลิ้งค์ ยังมีคนร้อนรนไปตามหากระทู้ได้ ว้าว
ใครร้อนรนจนไปตามหากระทู้เอง คิดอีกทีสิ คิดสิคิด อ้อ คงคิดไม่ได้ ไม่มีสมอง ย้อนดูข้างบนได้นะ แปะไว้กินอะไรบำรุงสมอง
อ้าว ทำไมไม่อคปไปโพสในมวิตแล้วล่ะ อ๋อ ทวิตโดนปิด 5555555555555
บัญชีหนังหมา :
https://docs.google.com/document/d/1A0T0jr1Kt9mYtcIr4ECK2LRVmaqkCBtpOUYdDwLIb3k/edit?usp=drivesdk27b04gY6GsDqyJWw38QagqNXVkLik
แปะวีรกรรมเอาไว้ โทรลบุกบ่อยช่วงนี้ อิอิ
อัยย๊ะ มีความไปรีเร้าเต้อใหม่แล้วมาป่วนด้วย ทำไมไม่แคปไปลงทวิตแล้วอ่ะ 55555555555555
เห็นนังพ บอกจะเลิกเขียนล่ะ 5555 ไหนบอกอาชีพนักเขียน ไม่เป็นขี้ข้าใคร สรุป ไม่เป็นชินเป็นอัน 555 นายตัวเองยังเป็นไม่ได้
โหววววว โทรลลงอีกแล้วหรอ ดูออกว่าอยู่ไม่สุจมากนะจนต้องเข้ามาป่วน 5555555
เอาจริงๆกูไม่อยากให้ฟีดโทรลนะ มันรกอ่ะ
คนไม่ต้องทำงาน อยู่บ้านว่างๆ มันเลยเบื่อ
Ky กูคนสร้างมู้นะ เราเปลี่ยนที่ไปคุยใน line square นะ อย่างที่กูบอกไว้ในมู้หลัก เป็นไลน์แยกจากอันหลักอีกทีนะ กดลิ้งตามมาเลยน้า คิ้กค้าก
(。•̀ᴗ-)✧
เออ กูก็รำคาญ ไม่รู้พวกมึงจะบ้าจี้ตามมันทำไมวะ ด่าในเรื่องที่อยากด่าพอ มันมาป่วนก็ช่างหีแม่มัน
http://imgur.com/a/ClDgsvV เลื่อนดูข้างล่างด้วยนะ อันนี้คือมันดูดีเอารูปวาดจากที่ไหนมาป่ะ ดูละไม่น่าจ้างนักวาดอ่ะ น่าจะดูเป็นการขโมยรูปคนอื่นมาหากินมากกว่า แต่สาระแนติดเหรียญด้วยนะทั้งๆที่เขียนไม่จบ
http://imgur.com/a/yYTrYTN ไปหามาละ เลื่อนดูเอานะ สรุปดูดมาจากที่อื่นนะ ตลกว่ะ อีตัวที่ไล่ด่าคนอื่นว่าก็อป แต่ตัวเองก็อปรูปลิขสิทธิ์ซะเอง สมเพชสันดานชห
เล่มใหม่จะมา มึงส่งเล่มเก่าก่อนมั้ยค๊าาาาาาา
https://twitter.com/heartfilia_emma/status/1368781797425704962?s=19
สัญลักษณ์หรือลักษณะของคนเลว คนถ่อย คนหินชาติ ในโลก
ลักษณะทั้ง 29 ประการเป็นต้นนี้ เป็นสัญลักษณ์ของคนเลว คนถ่อย คนหินชาติในชาติในโลก มีปรากฎอยู่ในตัวตนของบุคคลใด ท่านว่ามนุษย์อื่นไม่ควรนำตนเข้าไปเป็นมิตรและนิยมนับถือเกินไปจากรู้จักกันในฐานะเพียงเป็นเพื่อนร่วมชาติ-ร่วมโลก
แต่หากมีในตนพึงทราบเถิดว่า ตนเองเป็นคนเลว คนถ่อย คนหินชาติ คนประเภทเดนสวะของสังคม โดยสภาพความเป็นจริง คนหนึ่งแล้ว แม้ตนจะไม่ยอมรับว่าตนเป็นคนเช่นนั้นก็ตาม ผลก็คือ ต่อไปจะประสบกับทุกข์ภัย และทุคติในลักษณะที่ไม่คาดคิด หรือคาดคิดไม่ถึงอย่างแน่แท้ โดยไม่อาจมีสิ่งใดป้องกันและข้ดขวางได้ เพราะเป็นกติกา- เป็นบัญญัติ-เป็นทัณฑ์-เป็นโทษของกฎธรรมชาติ หรือที่เรียกกันว่า เป็นอาญาหรือคำสาปแช่งจากพระเจ้าผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์ในโลกนั้นเอง
๑. เป็นคน มักโกรธ ผูกโกรธ ลบหลู่บุญคุณท่าน บุญคุณคน มีมายา และเล่ห์เหลี่ยมคดโกง
๒. เป็นคนเบียดเบียนสัตว์ ไม่มีความเอ็นดูในสัตว์ล่าสัตว์เพื่อความสนุก (เว้นเพื่อการบริโภค)
๓. เป็นคนเบียดเบียนมนุษย์ ด้วยการ ปล้น ฆ่า จี้ แย่งชิง ฉ้อโกง ยักยอก พอใจในการกล่าวคำหยาบ บริภาษเสียดสีต่อผู้อื่น
๔. เป็นคนที่ยืม กู้หนี้ เขามาใช้แล้ว ไม่ปรารถนาจะใช้คืน แต่กลับความว่า หาได้ยืม หาได้เคยกู้ เขามาไม่
๕. เป็นคนที่ยอมเป็นพยานให้แล้วแต่กลับกล่าวคำเท็จ เพราะเหตุแห่งตน ผู้อื่น และทรัพย์
๖. เป็นคนประพฤติล่วงเกินภริยา บุตรที่อยู่ในอารักขาของญาติ ของเพื่อน และของผู้อื่นด้วยการข่มขืน หรือข่มเหง หรือล่อลวง
๗. เป็นคนทุบตี ด่าว่า บิดามารดา พี่ชายพี่สาว แม่ยายพ่อตา แม่ผัวพ่อผัว
๘. เป็นคนถูกผู้อื่นถามถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ กลับพูดกลบเกลื่อนเสีย บอก พูด สนทนา แต่เรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์
๙. เป็นคนทำความชั่วมีประการต่างๆ แม้เกี่ยวกับหน้าที่การงานก็ตาม แล้วปรารถนาว่า ขอให้ใครๆ อย่าพึงรู้ ขอให้เป็นการทำที่ถูกปกปิดไว้
๑๐. เป็นคนไปสู่สกุลอื่นแล้วบริโภคอาหารที่ดีด้วยภาชนะที่สะอาดแต่ไม่ตอบแทนเขาผู้มาสู่สกุลของตน
๑๑. เป็นคนลวงสมณะ แม้แต่วณิพกอื่น ด้วยมุสาวาท
๑๒. เป็นคนด่าตำหนิ สมณะเป็นต้นแล้ว กลับบริโภคอาหารของสมณะเป็นต้น ทั้งไม่ให้อะไรแก่เขาเหล่านั้นเลย
๑๓. เป็นคนถูกโมหะ ความหลงเชื่อ หลงใหล มัวเมา ครอบงำแล้วเกิดปรารถนาสิ่งของแม้เพียงเล็กน้อย แล้วหยิบฉวยเอาโดยคิดว่า เขาไม่อาจรู้ได้ก็ตามโดยถือเป็นวิสาสะก็ตาม โดยพูดอวดสิ่งที่ไม่มี เพื่อให้ผู้อื่น เชื่อ ศรัทธา เลื่อมใส ก็ตาม
๑๔. เป็นคนมีความปรารถนาลามก มีความตระหนี่เกินมัธยัสถ์ โอ้อวด ไม่ละอายสะดุ้งกลัวต่อการทำทุจริต เอารัดเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์เสมอเมื่อได้โอกาส
๑๕. เป็นคนได้สามี หรือ ภรรยาที่ดีแล้ว กลับมองไม่เห็นความสำคัญในบุคคลที่ตนมีอยู่ ยังกล่าวคำ ผรุสวาท-ทุบ-ตี ประพฤตินอกใจ ต่อสามีภรรยาของตน
๑๖. เป็นคนติเตียนพระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้า (ที่ประพฤติชอบอยู่แล้ว) หรือแม้แต่ผู้เป็น เทวทูตของพระเจ้า และในที่สุดแม้แต่ผู้ที่เป็นคฤหัสถ์ด้วยกัน ที่มุ่งทำประโยชน์หรือสร้างสรรค์ความเจริญ
๑๗. เป็นคน ไม่เคยได้ฌาณเลยหรือแม้แต่การปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบวินัยก็หาทางเลี่ยงอยู่เสมอ แต่ปฏิญาณตนว่าเคารพต่อกฎหมายและระเบียบนั่งสมาธิได้ฌาน
๑๘. เป็นคนมีอสัตบุรุษ เป็นที่รัก และเกิดไปชอบใจในการประพฤติ ในวาทะของอสัตบุรุษนั้น
๑๙. เป็นคนชอบนอน ชอบคุย มักไม่สนใจในประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงาม เกียจคร้าน ไม่รู้จักปฏิบัติให้ถูกให้ตรงในภาระหน้าที่ของตนโดยธรรม ใครตักเตือนให้สติเป็นโกรธ
๒๐. เป็นคนมีความสามารถ แต่ไม่เลี้ยงดูบิดามารดา ผู้ชรา
๒๑. เป็นคนมีทรัพย์มาก มีเงินทองของกินมาก ไม่คิดเผื่อแผ่ญาติ-พี่น้อง-ผู้มีอุปการคุณ และมิตร กินอร่อยแต่ผู้เดียว
๒๒. เป็นคนติดอยู่ในอบายมุข ผลาญทรัพย์ แม้แต่ของพ่อแม่ ญาติพี่น้อง มิตรสหาย และส่วนรวม
๒๓. เป็นคนทรงภูมิความรู้ หรือจบปริญญาระดับต่างๆ หรือมีตำแหน่งหน้าที่งานสูง แต่ชอบหรือมักจะจงใจแสดงออกในลักษณะต่างๆ เป็นเชิงดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามผู้ที่ด้อยกว่า โดยที่บุคคลหรือเขาผู้นั้นมิได้ประพฤติหรือแสดงอากัปกิริยาใดๆ ให้ปรากฎเป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นคนเลว เป็นคนไร้วัฒนธรรมและศีลธรรม (อันเป็นการเปิดช่องว่างให้คนระดับหนึ่ง เกลียดชัง อาฆาตคนอีกระดับหนึ่งขึ้นในชาติของตน)
๒๔. เป็นคนพัวพัน-หลงใหล-พอใจ-ติดใจ ในการเที่ยวกลางคืน ในการเล่นการพนัน ในการคบคน ชั่วเสเพลเป็นเพื่อน (โดยร่วมประกอบพฤติกรรมตามแนวของคนชั่วเสเพลนั้น) ในการดื่มสุรายาเมาเสพยาเสพติด อันเป็นอบายมุขทางแห่งความเสื่อมทรามชั้นหนึ่งแล้ว ยังต่อเติมด้วยการแสดงอาการ ยืนเดินนั่งนอนส่งเสียงดังตามที่นั้นๆ ในเวลาค่ำคืนขณะที่ชาวบ้านกำลังนอนหลับประการหนึ่งอีก หรือยืนนั่งในลักษณะมั่วสุมคือ คอยใช้สายตาและวาจา ก้าวร้าวหาความเดือดร้อนให้กับบุคคลอื่น โดยคิดว่าเป็นความสุขใจและเป็นการเพิ่มศักดานุภาพอย่างหนึ่งให้แก่ตนประการหนึ่งอีก
๒๕. เป็นคนตั้งใจ-พอใจที่จะแสดงออกและประพฤติตนอยู่ในแนวครรลอง-อำนาจ ของสภาวะหรือพฤติกรรมที่เป็นอุปกิเลส โทษเครื่องทำชีวิต (คือกายและจิตใจ) ให้เศร้าหมอง ๑๖ อย่าง คือ เป็นคนคิดโลภมาก และร้ายกาจ เป็นคนขี้โกรธ และมักผูกความโกรธไว้ในใจนานๆ เป็นคนลบหลู่คุณผู้เคยมีคุณ และชอบยกตัวเทียมท่าน เป็นคนมักริษยาเห็นเขาได้ดีทนดูไม่ได้ และตระหนี่เกินมัธยัสถ์ เป็นคนมารยาพูดจาตลบตะแลง วาจาไม่เป็นสัตย์ เจ้าเล่ห์ มีเล่ห์เหลี่ยม และชอบพูดโอ้อวด เป็นคนหัวดื้อ-รั้น ไม่ยอมรับฟังคำบัณฑิต และถือตัว หยิ่งยโส เป็นคนคิด-ทำเพื่อชิงดีชิงเด่นผู้อื่น และชอบดูถูกดูหมิ่นคนอื่น เป็นคนมักมัว เมาในวัตถุหรือสภาพที่ทำลายคุณสักษณะของความเป็นบัณฑิต เป็นคนมักประมาทเลินเล่อในชีวิตประจำวัน ในการประกอบกรณียกิจทั้งปวงที่ผูกพันกับตนตลอดถึงในการที่ได้เกิดมามีชีวิตเป็นมนุษย์ โดยไม่พยายามเรียนรู้ธรรมะให้ล้ำลึกไม่ประกอบความดีในหมู่มนุษย์ และในจิตตนเองให้ถึงที่สุด เมื่ออยู่ในภาวะและโอกาสให้บำเพ็ญได้
๒๖. เป็นคน มุ่งหน้าที่จะทำมาหาเลี้ยงชีพ ทั้งเพื่อหวังความร่ำรวยด้วยการค้าสิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยต่อชีวิตของมนุษย์ ทั้งที่ให้ความวิบัติโดยฉับพลัน และชนิดให้ถึงความวิบัติแบบผ่อนส่ง เช่น อาวุธเถื่อน และยาเสพติดต่างๆ มีเฮโรอีน เป็นต้น
๒๗. เป็นคนมุ่งหน้าแต่จะประกอบอาชีพ ด้วยการแอบลักลอบขนสินค้าหนีภาษีเข้า-ออกนอกประเทศ เป็นอาจิณ ซึ่งเป็นการทำลายรายได้ที่รัฐ (ผู้เป็นเสมือนพ่อแม่) จะต้องรวบรวมมาเป็นกองกลาง เพื่อนำมาพัฒนาประเทศและบำรุงพลเมือง (ซึ่งเปรียบเสมือนบุตรธิดา) ให้มีความสุข ความเจริญ ในด้านนั้นๆ เพิ่มพูนทวีขึ้น
๒๘. เป็นคนเกิดในราชสกุล หรือสกุลของบัณฑิต แต่ประพฤติตนต่ำ ไม่สมศักดิ์ศรี
๒๙. เป็นคนมักใหญ่ใฝ่เกียรติในลักษณะของมิจฉาทิฐิ ทั้งสหรคตด้วยความปรารถนาลามก ด้วยอารมณ์ที่ผูกพันอยู่กับโทสะความร้ายกาจและอวิชชาความอาฆาตริษยามุ่งหักล้างประทุษร้าย และทำลาย สภาพหรือสิ่งที่ไม่ควรประทุษร้ายและทำลาย เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ทรัพยากร
Ky กูคนสร้างมู้นะ คือกูไม่อยากให้พวกมึงฟีดโทรลนะ บอกตรงๆกูรำคาญคนที่ฟีดโทรลมาก ถ้ามันมาป่วนก็ให้เมินๆมันไป ตอนพวกมึงอยู่มู้หลักยังเมินกันได้เลย ทำไมทีงี้ถึงเมินมันไม่ได้วะ รำคาญสัสๆ กูไม่ได้สร้างมู้มาให้พวกมึงฟีดโทรลเล่นนะ ถ้าอยากฟีดเพื่อสร้างสีสันพวกมึงไปสร้างมู้แยกนะ คือไม่ต้องไปสนใจโทรลขยะพวกนั่นหรอก ต่อให้มันป่วนจนมู้เต็ม กูก็สร้างมู้ให้พวกมึงนินทาได้อีกเรื่อยๆ ช่างหีแม่มันบ้างเถอะ อันนี้กูพูดจริงๆนะ ถ้ายังฟีดโทรลกันอีก กูจะย้ายบ้านไปนินทาในไลน์แล้ว แล้วจะไม่แปะลิ้งให้ด้วย
เอานี่ ชาวโม่งที่รัก นักเขียนในดวงใจเขาเตรียมเขียนภาคต่อแล้วนะคะ เกียมด่า เอ้ย! เกียมสนับสนุน 5555
https://www.facebook.com/100044306892235/posts/286702236150004/
โรคทางจิตเวชที่เกี่ยวข้องกับ "การแซะ"
1. Histrionic Personality Disorder
หรือเรียกว่าโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบฮิสทีเรีย ซึ่งอาการชอบแซะ ชอบแขวะคนอื่น เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรียกร้องความสนใจ เมื่อถูกลดความสนใจก็จะอยู่ไม่เป็นสุข กระวนกระวาย แต่ถ้าแขวะหรือแซะคนอื่น ก็จะเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายสนใจในสิ่งที่ตนเองทำ หรือแขวะคนอื่นทุกอย่างให้ดูไม่ดีในสายตาคนนั้นไปเลย แล้วคนเหล่านั้นจะมีความสุขมากที่คนที่เราทำให้ดูไม่ดีในสายตาใคร ๆ นั้นสำเร็จ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าคนที่แขวะคนอื่นจะดูเหมือนคน "จิตปกติ" หรอกนะ
2. Narcissistic Personality Disorder
หรือที่เรียกอีกอย่างว่า "โรคหลงตัวเอง" แม้ว่าจะดูไม่ร้ายแรงอะไรมากนัก แต่โรคนี้มีกลไกบางอย่างเช่น คนที่เป็นมักจะชอบออกคำสั่ง ซึ่งก็คือหนึ่งในอาการของโรคหลงตัวเอง พอมีอะไรขัดใจนิดขัดใจหน่อยก็จะหาเรื่องแซะ แขวะคนอื่น เพื่อที่ตัวเองจะได้การตอบรับในสิ่งดี ๆ คืนมา และคนที่เป็นโรคนี้จะไม่ยอมรับตัวเองว่า "ป่วย"
3. Bipolar Disorder
หรือโรคอารมณ์สองขั้ว คนกลุ่มนี้จะไม่สามารถสมดุลทางอารมณ์ของตนเองได้เลย เพราะบางครั้งมีความ Mania หรือบทจะดีใจก็ดีใจสูงกว่า แต่อีกช่วงกลับมีช่วง Depression หรือบทจะเศร้าก็เศร้าสูงกว่า จึงไม่สามารถควบคุมอาการของตนเองได้ หรือถ้ามีอะไรที่เป็นจุดเร้าก็สามารถแขวะคนอื่นได้เนื่องจากอารมณ์เปลี่ยนไปมาสลับกันจนบอกไม่ถูก และจะหงุดหงิดง่ายเมื่อมีอะไรมาสะกิด
4. โรคติดโซเชียล
ในโลกโซเชียลเป็นแบบโลกเสมือน (Virsual Social) จึงมีโอกาสเสี่ยงทางสุขภาพจิตได้ง่ายมาก เช่น มีการเสพติดยอดไลค์เพื่อให้รู้ว่าฉันสำคัญ รู้สึกมีความสุขปลอม ๆ ในโลกของตนที่ไม่ใช่ความจริง เกิดการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น และที่เกี่ยวข้องกับการแขวะ แซะคนอื่นนั่นก็คือ Hate Speech ในการว่าร้ายให้รุนแรง แสดงความเกลียดชัง ไม่ว่าจะโพสต์ หรือจะคอมเมนท์เพื่อไปผสมโรงด้วย หรือใช้คำพูดสาดเสียเทเสียหมายจะตายกันไปข้างก็ว่าได้ อย่าลืมว่าการที่แขวะหรือแซะคนอื่นในข้อนี้ น่ากลัวกว่าคนที่มีปืนเป็นอาวุธเสียอีก เพราะจะทำทุกอย่างด้วยความสะใจ ไม่สนว่าจะผิดหรือจะถูก
ทุกคนมีโอกาสแซะอีกฝ่ายด้วยความโกรธ และเราก็ห้ามใครแขวะเราก็ไม่ได้ การแซะก็เป็นปกติของปุถุชนที่ต้องเจอ เพราะในโลกนี้ไม่มีคนถูกนินทา แม้แต่เรื่องแซะ เรื่องแขวะก็เช่นกัน สิ่งที่เล่ามาทั้งหมดนั้นอาจจะเป็นบางส่วนที่ทำให้แซะคนอื่นแบบเสีย ๆ หาย ๆ แต่ทั้งนี้เราทำได้เพียงแค่คิดเสียว่า คนที่พูดให้ร้ายคนอื่น ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ไม่น่าจะเป็นคนดีสักเท่าไหร่ คนดีเขาไม่ใช้คำพูดแขวะให้คนอื่นต่ำลง เขาจะพูดอย่างมีสติ และให้มีกำลังใจสู้ต่อ ส่วนคนที่แขวะคนอื่นอย่างสนุกปาก หรือแซะแบบไม่รู้จักคิด ต่อให้ทำอาชีพที่สูงส่งกว่า ถ้าเอามาตรฐานต่ำ ๆ ของตนเองที่เป็นอยู่ ตัดสินคนอื่นแบบต่ำ ๆ ยังไงมันก็ไม่ทำให้สูงส่งอยู่ดี สิ่งที่เขากระทำมันฟ้องว่าคนที่ใช้คำพูดทำร้ายคนอื่น ภาวะทางจิตคนเหล่านั้นไม่ปกติแน่นอนล่ะ ผู้เขียนเชื่อว่าถ้าเรารู้ดีว่าสิ่งที่เป็นเราไม่ได้ทำร้ายใคร เชื่อมั่นในความดี หนักแน่นเข้าไว้ อย่างน้อยเราก็ยังมีสติสัมปชัญญะพอที่จะรู้ผิดชอบชั่วดี
https://cities.trueid.net/article/อาการชอบแซะ-ส่งผลถึงกลไกทางจิตได้นะ-trueidintrend_89162
เผย 5 เคล็ดลับการปล่อยวางที่ทำได้จริง
1.ให้อภัยอดีต
หลายคนมีอดีตที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่และเรื่องต่างๆ มักจะคอยตามหลอกหลอนอยู่เสมอ ไมว่าจะดำเนินชีวิตไปทางไหน อดีตก็จะมาทักทายให้ได้เจ็บปวดอยู่เรื่อยๆ จนดูเหมือนว่าไม่สามารถพบความสุขได้เลย
สำหรับอดีตนั้น ลึกๆแล้ว มันเกิดขึ้นมาจากใจของเราที่ไม่ยอมปล่อยวางจากเรื่องนั้นๆ ทำให้ความคิดยังคงสร้างอดีตที่แสนเจ็บปวดมาคอยทิ่มแทงตัวเองอยู่ตลอดเวลา
2. หยุดกังวลเรื่องอนาคต
หลายคนมีชีวิตที่ดี แต่ไม่อาจมีความสุขได้เต็มที่ เพราะมีความกังวลกับอนาคตของตัวเอง เช่น ถ้ามีมีลูก ก็กังวลกับอนาตคของลูกจนไม่อาจสงบจิตใจได้เลย
ในความเป็นจริง เราเองก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตต่อไปยาวนานแค่ไหน เราอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ การทำวันนี้ให้ดีที่สุด และกลับมามีความสุขอยู่กับปัจจุบันจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า
หลายคนยอมแลกความสุขในปัจจุบันเพื่อรอคอยความสุขที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต น่าเศร้าที่หลายคนนั้นจากโลกนี้ไป โดยที่ยังไม่ได้พบกับความสุขนั้นเลย
3.ฝึกการบริจาค
เป็นธรรมชาติของคนเราที่ต้องการความสะดวกสบาย เราจึงใช้ชีวิตเพื่อสะสมสิ่งของ ซื้อ เก็บ สะสมไว้เป็นปริมาณมาก จนบางครั้งก็มีเยอะเกินพอดี เยอะจนไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเองควรต้องมีอะไรบ้าง
ในความเป็นจริงทุกอย่างสิ่งต่าง ๆ ที่สะสมคือของที่เราไม่สามารถเอาไปได้เมื่อตายไปแล้ว แต่มนุษย์กลับยึดติดวัตถุเหล่านั้นเป็นอย่างมาก
ทั้ง ๆ ที่วันหนึ่งถ้าเราตายไปแล้ว สิ่งเหล่านั้นจะกลายเป็นของไร้ค่าในทันที หลายคนแม้ป่วยหนัก ก็ยังหวงแหนสิ่งของ จนไม่ยอมปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ลงไป
4.มองเห็นทุกสิ่งเป็นสิ่งชั่วคราว
สถานะต่างๆในสังคมไม่ว่าจะเป็น ตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ลูกน้องหัวหน้า หรือแม้กระทั่งความสัมพันธ์ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องที่สมมติขึ้นมาทั้งนั้น มันจึงเป็นเพียงแค่สิ่งชั่วคราว
ที่บอกอย่างนี้เพราะไม่มีใครที่จะรักษาตำแหน่ง หรือบทบาทเหล่านี้ไปจนตายได้ เมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้วเราก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีหน้าที่อะไร
ร่างกายเราจะกลับคืนสู่ธรรมชาติทั้งหมด ไม่มีอะไรติดตัวเราไปได้เลย นอกจากความดี ความชั่ว และเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เราจะไปยึดติด กับสิ่งที่คนอื่นสมมติให้เราทำไม ปล่อยวางแล้วหันมาสร้างสิ่งดี เพื่อให้คนรุ่นหลังได้จดจำเรา ในแบบที่น่าจดจำจะดีกว่า
5. ปล่อยให้มันเป็นไป
ที่สุดของการปล่อยวาง คือหยุดคาดการณ์และบังคับควบคุมอนาคต เพราะไม่มีใครที่จะสามารถหยั่งรู้ หรือจัดการกับอนาคตได้
สิ่งเดียวที่ทำได้ คือทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่มีวิธีอื่นใดอีก ที่จะทำให้อนาคตเราให้ดีได้ เมื่อทำวันนี้อย่างดีและเต็มที่แล้ว ก็จงปล่อยให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นด้วยกฎของเหตุและผล
ไม่ว่าเราจะเจอสิ่งดีหรือไม่ดี ให้คิดว่า เราได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว ก็จะไม่ทำให้เราเสียใจภายหลัง
หลายๆ คนเคยคิดหรือไม่ว่า ที่เราเสียใจมากๆ กับเรื่องต่างๆ ที่เราผิดหวังนั้น จริงๆแล้ว เราเสียใจจากเรื่องอะไร เสียใจเพราะการเกิดขึ้นของเรื่องนั้นหรือเสียใจที่เราไม่ได้พยายามทำเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นอย่างเต็มที่กันแน่
ปล่อยวาง เป็นคำที่ใครก็สามารถเขียนหรือพูดให้ดูดีได้ แต่คนที่ทำได้จริงมีน้อยมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหนทางเสียเลยทีเดียวสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน
ถ้าในขณะนี้คุณกำลังมีความทุกข์ ขอให้ถามตัวเองอย่างสม่ำเสมอว่า เรากำลังฝึกที่จะปล่อยวางบ้างหรือยัง
https://learninghubthailand.com/practical-release-techniques/
เจอกันในกลุ่มไลน์น้าาาา พ่กมึงอย่าลืมตามไปจัดหนักในกลุ่มน้า
ข้าวมันไก่ เป็นเมนูที่นึกถึงเป็นอันดับแรกเมื่อตอนหิว แต่พอไปกินตามร้านข้าวมันไก่ บางเจ้าทำให้น้อย แถมสั่งพิเศษแล้ว ก็ยังไม่อยู่ท้อง เรามาหัดทำข้าวมันไก่ที่บ้านกันดีกว่า สูตรข้าวมันไก่ ใครทำก็อร่อย
วิธีทำ ข้าวมันไก่ สูตรเด็ดทำกินได้ทั้งครอบครัว
ส่วนผสม
ข้าวสาร 350 กรัม
สะโพกหรืออกไก่ 700 กรัม
ขิงแก่ฝานเป็นแว่น 6 แว่น
กระเทียมสับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
รากผักชีบุบ 2 ราก
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำเปล่า 6 ถ้วย
น้ำมันเจียวจากหนังไก่หรือนำมันพืช 14 ถ้วย
ใบผักชีและแตงกวาหั่นตามขวางปริมาณตามชอบ
น้ำจิ้มข้าวมันไก่และน้ำซุปตามชอบ เช่น แกงจืด สำหรับทานคู่กัน
วิธีทำ
1.ต้มไก่ในน้ำเดือดจนสุก ตักขึ้นพักไว้ กรองน้ำต้มไก่ผ่านกระชอนเตรียมไว้สำหรับหุงข้าว
2.ซาวข้าวสารผ่านน้ำ 1 ครั้ง แล้วใส่หม้อหุงข้าวเตรียมไว้
3.เมน้ำมันเจียวจากหนังไก่ใส่กระทะประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟให้ร้อนเจียวกระเทียมจนได้กลิ่นหอมแล้วใส่ลงในหม้อหุงข้าว
4.ใส่ขิงและรากผักชีลงไป ตามด้วยน้ำต้ม เกลือป่น และน้ำมันที่เหลือคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดฝา หุงข้าวจนสุกดี
5.ระหว่างนั้นเลาะกระดูกออกจากเนื้อไก่แล้วหั่นเป้นชิ้นตามยาว เตรียมไว้
6.ตักข้าวมันใส่จานเสิร์ฟ วางไก่ต้มลงไปตกแต่งด้วยผักชี รับประทานคู่กับแตงกวา น้ำจิ้ม และน้ำซุปตามชอบ
ส่วนผสมน้ำจิ้มข้าวมันไก่
ของแก่สับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสับหยาบ 1-2 ช้อนโต๊ะ
เม็ดเต้าเจี้ยวดำบดละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วดำ 1/4 ช้อนชา
น้ำส้มสายชู 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
**** ประกาศอีดอกืประกาศศศศศ ****
บัดนี้ด้อมเรามี Open chat แล้ว ใครอยากติดตามแสดงความคลั่งรักก็มาจอยกันได้ จิ้ม http://imgur.com/a/XvyONxJ
**** จากหัวหน้าด้อม *****
**** ประกาศอีดอกืประกาศศศศศ ****
บัดนี้ด้อมเรามี Open chat แล้ว ใครอยากติดตามแสดงความคลั่งรักก็มาจอยกันได้ จิ้ม http://imgur.com/a/XvyONxJ
**** จากหัวหน้าด้อม *****
**** ประกาศอีดอกืประกาศศศศศ ****
บัดนี้ด้อมเรามี Open chat แล้ว ใครอยากติดตามแสดงความคลั่งรักก็มาจอยกันได้ จิ้ม http://imgur.com/a/XvyONxJ
**** จากหัวหน้าด้อม *****
*** ประกาศอีดอกประกาศ ปิดมู้ ***
บัดนี้ด้อมเรามี Open chat แล้ว ใครอยากติดตามแสดงความคลั่งรักก็มาจอยกันได้ พ่กมึงตามกูมาให้หมดเลย จิ้ม http://imgur.com/a/XvyONxJ
**** จากหัวหน้าด้อม *****
*** ประกาศอีดอกืประกาศศศศศ ****
บัดนี้ด้อมเรามี Open chat แล้ว ใครอยากติดตามแสดงความคลั่งรักก็มาจอยกันได้ จิ้ม http://imgur.com/a/XvyONxJ
**** จากหัวหน้าด้อม *****
นี่ไงพวกมึง
https://twitter.com/auguxt01/status/1368480317468672000?s=19
เขาจะมีผลงานใหม่แล้วนะ จะกลับมารันวงการแล้วจร้า
คำถาม : คนหูเบาเชื่อคนง่ายมีกรรมอะไรมา และควรแก้ไขด้วยวิธีใดคะ
พระอาจารย์ : เป็นกรรมจากการที่เราไปคบคนพาลในอดีต คนพาลก็พูดกรอกหูเรา ทำให้เราหลงเชื่ออะไรไปแล้วทำผิดพลาด วิบากกรรมนั้นตามมาชาตินี้ ก็เลยยังส่งผลเป็นคนหูเบาอีก ต้องแก้โดยการที่คบบัณฑิต บูชาบุคคลที่ควรบูชา จะได้มีบุคคลต้นแบบเป็นมาตรฐาน เราเองก็ต้องมีสติ ต้องไตร่ตรอง ดูเหตุดูผลทุกอย่างให้ดี อย่าไปฝากความเชื่อถือไว้ที่ตัวบุคคล คนใดคนหนึ่งที่คุ้นเคยแล้วมาพูดเข้าหูเราแต่เพียงอย่างเดียว เจริญพร
https://thanavuddho.org/index.php/blog/article-category-blog-2/457-contentstory10-100
ความอิจฉาริษยานั้น ย่อมเกิดขึ้นเนื่องจากเหตุปัจจัยของจิตที่ขาดมุทิตา นั่นคือ การขาดความชื่นชมยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี ไม่ยินดีเมื่อเขาเป็นสุข แต่กลับมีจิตใจที่ร้อนรนกระวนกระวาย เพราะไม่อยากให้เขาได้ดี ไม่อยากให้เขาเป็นสุข ขณะเดียวกัน คนที่ชอบอิจฉาริษยา คือ คนที่ทำความดีมาน้อย มีบุญวาสนาน้อย แต่ก็ไม่สำนึกหรือทำความดีเพิ่มขึ้น เมื่อเห็นคนอื่นได้ดี มีลาภสักการะ มีผู้คนเคารพนับถือมาก กลับอิจฉาริษยา มีจิตมุ่งร้ายต่อเขา หากไม่อาจระงับในความริษยาได้ ก็มักจะเกิดกรรมทางกายตามมา คือ การกลั่นแกล้ง ขัดขวาง ไม่ให้เขาได้ดี คนประเภทนี้จะประสบกับวิบากกรรมของความริษยา ซึ่งกรรมที่ว่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในภพปัจจุบันและภพหน้า และผลกรรมนั้นจะเกิดขึ้นในหลากหลายระดับตามแต่ความหนักเบาของกรรมที่ได้ก่อไว้
“คำพูด” เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะการพูดสิ่งใดออกไป ถือเป็นการกระทำที่จะส่งผลต่อตนเองและผู้อื่นในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ คำพูดจึงสามารถทำให้คนรักกันได้ หรือเกลียดกันได้ หากพูดในสิ่งที่ดีก็ย่อมทำให้คนรักกัน สามัคคีกัน แต่ถ้าพูดในสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ พูดจาส่อเสียดให้คนอื่นต้องแตกแยกกัน ก็ย่อมมมาซึ่งกรรมที่ไม่ดี
วิธีปลูกกระบองเพชร ใคร ๆ ก็เลี้ยงได้ พร้อมเทคนิดทำให้ออกดอกสวย
ต้นกระบองเพชร หรือ แคคตัส (Cactus) พืชอวบน้ำที่เกือบทุกคนต้องรู้จัก เพราะมีหน้าตาน่ารัก สวยงาม ลำต้นเล็ก เลี้ยงง่าย วางไว้ตามโต๊ะทำงานก็ยังได้ แถมฮิตและโด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องคอยไปหาซื้อต้นไม้ชนิดนี้อยู่เป็นประจำ ไม่เคยได้รู้ถึงวิธีปลูกของมันสักที วันนี้กระปุกดอทคอมนำการปลูกต้นกระบองเพชร การเลี้ยงและดูแล
1. ที่มาและความเชื่อ
กระบองเพชร มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Mila sp. ชื่อสามัญ Mila หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า แคคตัส (Cactus) มีข้อสันนิษฐานกันว่า เป็นพรรณไม้ที่เกิดขึ้นในยุค Tertiary ลักษณะของต้นกระบองเพชรในยุคนั้นมีลำต้น กิ่งก้าน และใบไม่ต่างจากต้นไม้ทั่วไป จนกระทั่งสภาพอากาศของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้กระบองเพชรต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยเปลี่ยนรูปทรงของลำต้นให้มีขนาดเล็ก สูงเรียว สามารถเก็บน้ำได้มาก เปลี่ยนใบเป็นหนามเพื่อลดการคายน้ำและป้องกันสัตว์มากัดกิน และหยั่งรากตื้นเพื่อให้จับน้ำในอากาศได้ง่าย จึงทำให้ต้นกระบองเพชรสามารถเจริญเติบโตได้แม้ที่แห้งแล้งอย่างทะเลทราย
ต้นกระบองเพชรส่วนใหญ่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ก่อนขยายไปยังแอฟริกาและทั่วโลก ซึ่งบางสายพันธุ์นั้นก็มีการพัฒนาให้สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพอากาศร้อนชื้นอย่างเช่นในประเทศไทย ซึ่งมีชื่อเรียกกระบองเพชรอื่นว่า โบตั๋น หรือ ท้าวพันตา เชื่อกันว่าการปลูกต้นกระบองเพชรทิศตะวันตกจะนำโชคลาภมาให้ โดยเฉพาะผู้ที่สามารถปลูกกระบองเพชรให้ออกดอกสวยงามได้ และยังช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ป้องกันภัยอันตราย และเป็นที่เกรงกลัวของศัตรูอีกด้วย
2. ลักษณะ
กระบองเพชร เป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงตั้งแต่ 30 เซนติเมตรขึ้นไป ลำต้นมีสีเขียวหรือเขียวคล้ำจากสารคลอโรฟิลล์ซึ่งใช้สังเคราะห์แสงแทนใบ มีทั้งทรงกลมเตี้ยและกระบอกสูง ขึ้นต้นเดี่ยวและแตกเป็นกอ
สำหรับลักษณะของหนามมีทั้งแบบหนามแข็ง ปลายตรงหรืองุ้ม และแบบเส้นอ่อนคล้ายขนสัตว์ โดยสีของหนามขึ้นอยู่กับสายพันธุ์หรืออาจเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ
ในขณะที่ดอกของกระบองเพชร แม้จะขึ้นได้ยาก แต่ก็มีความสวยงามไม่แพ้ดอกไม้ชนิดอื่น ๆ มีทั้งสีแดง ชมพู ขาว และเหลือง มักออกดอกเดี่ยว ๆ ไม่มีก้านดอก
ส่วนของผลต้นกระบองเพชรก็มีหลากหลายรูปทรง ทั้งทรงกลม ทรงกระบอก รูปไข่ ผิวเปลือกเรียบ เป็นมัน เนื้อผลนุ่ม ใส คล้ายวุ่น มีหนามปกคลุมบางชนิด เมื่อผลแก่เต็มที่จะแห้งและร่วงลงดิน ในขณะที่ผลของบางสายพันธุ์เปลือกจะปริออกให้เมล็ดกระเด็นออกจากลำต้น
3. สายพันธุ์ของกระบองเพชร
รู้ไหมคะว่ากระบองเพชรเป็นพืชที่มีสายพันธุ์มากกว่า 2,000 สายพันธุ์ โดยแต่ละสายพันธุ์ก็มีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกันออกไป แต่สามารถจำแนกเป็น 5 ประเภทหลักตามลักษณะของลำต้น ได้ดังนี้
1. กระบองเพชรที่มีลำต้นและใบแบน (Flat-stem) เช่น สกุล Opuntia, Zygocactus, Epiplyllum
2. กระบองเพชรพวกที่มีลำต้นเป็นหัวกลม ๆ (Globular-stem) เช่น สกุล Astrophytum, Thelocactus,Mam- millaria
3. กระบองเพชรพวกที่มีกิ่งก้านคล้ายต้นไม้ทั่ว ๆ ไป (Branching-stern) เช่น สกุล Myrtillocactus Cereus, Pachy- cereus, Nopalxochia
4. กระบองเพชรพวกที่มีต้นเป็นกระจุกหรือต้นเล็ก ๆ เหมาะสำหรับปลูกในกระถาง (Small cacti) เช่น สกุล Echinopsis, Ariocarpus, Neobesseya
5. กระบองเพชรพวกที่เป็นเถาเลื้อยไต่ตามต้นไม้ กำแพง (Climbingcacti) เช่น สกุล Echinocactus, Cornegiea, Trichocereus
4. การปลูกต้นกระบองเพชร
การปลูกกระบองเพชรด้วยเมล็ด
การปลูกกระบองเพชรด้วยเมล็ด ให้นำเมล็ดแก่หรือเมล็ดจากผลที่ปริแตก มาแช่น้ำ 2-5 นาที จากนั้นล้างเมือกออก แล้วตากแดดให้แห้งประมาณ 1-2 วัน พักไว้อีก 1-2 เดือน ค่อยนำมาปลูกลงในกระถาง โดยใช้ทรายหรือดินร่วนผสมกับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ในอัตรา 1:1 ส่วน ใส่ลงในกระถางพลาสติกเล็ก ๆ เพื่อทำการเพาะ ก่อนนำเมล็ดมาโรยแล้วเกลี่ยดินกลบเล็กน้อย ก่อนจะรดน้ำให้ชุ่มแล้วนำถุงพลาสติกมาหุ้มคลุมไว้ วางไว้ในที่ที่มีแดดรำไร พร้อมกับเช็กเป็นระยะ หากดินแห้งให้หมั่นรดน้ำเป็นประจำ หากพบว่าเมล็ดงอกเป็นต้นอ่อนได้ 2-3 วัน ค่อยย้ายไปปลูกในกระถางใหญ่ หากต้องการปลูกในแปลงเพื่อทำแนวรั้ว ให้ผสมดินร่วนกับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ในอัตราส่วน 3:1 แล้วขุดดินเพื่อปลูก ขนาดหลุมประมาณ 30x30x30 เซนติเมตร
การปักชำต้นกระบองเพชร
วิธีการขยายพันธุ์ต้นกระบองเพชรที่ง่ายและรวดเร็ว เลยเป็นที่นิยมกันมาก โดยเตรียมวัสดุปลูกเหมือนกับการปลูกในกระถาง จากนั้นนำต้นหรือกิ่งจากต้นแม่มาปักชำลงกระถาง วางไว้ในที่แดดรำไร และรดน้ำ 2 วันต่อครั้ง หลังจากกิ่งชำติดแล้วลดเหลือ 3 วันต่อครั้งก็พอ เพราะเป็นต้นไม้ที่ต้องการน้ำน้อยแต่ต้องการต่อเนื่อง
5. ต้นกระบองเพชรกับการดูแล
แม้ต้นกระบองเพชรเป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมาก แต่ก็ต้องการน้ำต่อเนื่อง ฉะนั้นเมื่อต้นโตเต็มที่แล้ว ควรหมั่นให้น้ำอย่างน้อย 7-10 วันต่อครั้ง บำรุงด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 5-6 ครั้งต่อปี หมั่นตัดส่วนที่เป็นโรคทิ้ง สิ่งที่ต้องระวังในการปลูกต้นกระบองเพชรคือ ลำต้นเหี่ยว มีรอยย่น และแคระแกร็น โคนโยก รากเน่าเพราะความชื้นสูงเกินไป แต่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องศัตรูพืชเหมือนต้นไม้ชนิดอื่น ๆ
ส่วนเคล็ดลับในการเลี้ยงต้นกระบองเพชรให้ออกดอกสำหรับการปลูกในบ้านก็คือ วางให้โดนแดดโดยตรงในช่วงที่กำลังโต ประมาณ 4-6 ชั่วโมงต่อวัน นอกเหนือจากนี้ก็วางกระถางในที่ที่มีแดดรำไร และหมั่นรดน้ำเป็นประจำเมื่อหน้าดินแห้ง โดยรดน้ำให้ชุ่มหรือให้น้ำซึมลงไปจากหน้าดินประมาณ 2 นิ้ว นอกจากนี้ก็หมั่นใส่ปุ๋ยอย่าให้ขาด โดยเป็นปุ๋ยที่ใช้สำหรับบำรุงแคคตัสเท่านั้น หรือเป็นสูตรปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสกับโพแทสเซียมสูงแต่ไนโตรเจนต่ำ หากมีการเปลี่ยนกระถางไม่ควรรดน้ำทันที แต่ให้เว้นไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนให้น้ำครั้งต่อไป
6. ประโยชน์ต้นกระบองเพชร
- กระบองเพชรเป็นต้นไม้ที่มีลักษณะแปลกตา สีสันสวยงาม หลาย ๆ คนจึงนิยมนำไปปลูกประดับบ้านหรืออาคาร เช่น ตั้งบนโต๊ะทำงานหรือวางตามมุมห้องต่าง ๆ
- ดอกและผลของต้นกระบองเพชรบางสายพันธุ์สามารถนำมารับประทานหรือประกอบอาหารได้ แต่ต้องกำจัดยางออกให้หมดก่อน
- น้ำมันในเมล็ดของผลกระบองเพชรสามารถนำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอางได้
- สารสกัดจากต้นกระบองเพชรมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี ไฟเบอร์ อีกทั้งยังช่วยลดการดูดซึมไขมัน ลดคอเลสเตอรอล และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย
- หนามที่มีลักษณะแหลมคล้ายเข็มของกระบองเพชรสามารถนำมาเย็บแผลได้ แต่ต้องผ่านการฆ่าเชื้อที่สะอาดด้วยวิธีการที่ถูกต้อง
- สามารถดื่มน้ำในลำต้นของกระบองเพชรแก้กระหายเมื่อขาดแหล่งน้ำ อย่างเช่นกลางทะเลทรายได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Wonderhowto, softpedia, AIHDP, housebeautiful, todayshomeowner, puechkaset, thaikasetsart, maipradabonline, plantedcactus.blogspot, thanida.nitedkaset และ thaikasetsart
เทคนิคการเลี้ยงปลาดุก
1.เทคนิคการเพิ่มสีและขนาดให้กับปลาดุกด้วยมันหมู
นำมันหมู จำนวน 20 กก. ต้มจนสุก เทน้ำทิ้ง เหลือแต่มันหมู ตั้งเสด็จน้ำให้แห้ง (มันหมู 20 กก. ต่อ ปลาดุก 200 ตัว) นำไปให้ปลาดุกกิน วันละ 1 ครั้ง ให้กินเมื่อปลาดุกอายุครบ 60 วัน ขึ้นไป เพื่อเพิ่มขนาดของไซน์ปลาและสีของปลาดุก
2.เทคนิคการเลี้ยงปลาดุกให้โตเร็ว ทนทานต่อโรคด้วยมะเดื่อชุมพร
นำมะเดื่อชุมพรสุกมาใส่ถุงไล่อากาศออกให้หมด มัดถุงไว้ประมาณ 1 เดือน จะเกิดจุลินทรีย์ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศ นำมาใช้เลี้ยงปลาดุก ช่วงที่ปลาดุกมีอายุได้ประมาณ 3 เดือน สำหรับปริมาณที่ให้ ก็ได้ตามความเหมาะสม วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น โดยไม่ทำให้น้ำเน่าเสีย สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นปี สูตรนี้จะช่วยเร่งการเจริญเติบโต ทำให้ปลาดุกน้ำหนักดี ประหยัดต้นทุนค่าอาหาร รวมทั้งลดอาการท้องผูก ทำให้ปลาดุกที่เลี้ยงไว้ทนทานต่อโรคได้ดี
3.การทำให้ปลาดุกที่เลี้ยงบ่อดินผิวสวยสีเหลืองนวลเหมือนปลาดุกนา
ก่อนจะจับปลาดุกขายประมาณ 1 เดือน ให้นำกล้วยน้ำหว้าสุกมาบดผสมกับรำรวม ในอัตราส่วนรำรวม 6 ก.ก. ต่อกล้วยสุก 1 หวี ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้ง หว่านให้ปลาดุกกินทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 1 เดือนก่อนจับขาย เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ปลาดุกที่เลี้ยงในบ่อดินมีมีสีเหลืองนวล น่ารับประทาน และมีกลิ่นคาวน้อยลงด้วย
4.การเลี้ยงปลาด้วยกล้วยสุกเพื่อเพิ่มความหวานให้เนื้อปลา
นำกล้วย เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ และกล้วยหอมชนิดต่างๆ ให้ปลากิน ถ้าปลายังตัวเล็กให้ปลาหัดกินอาหารสำเร็จสลับกับกล้วยสุกฝานเป็นชิ้นเล็กๆ เมื่อปลามีขนาดใหญ่ขึ้นจะให้กล้วยสุกพร้อมเปลือกเป็นลูก เป็นหวี หรือเป็นเครือก็ตามแต่จะสะดวก อาจจะให้กล้วยเป็นอาหารในตอนเย็นสลับกับการให้อาหารสำเร็จรูปในตอนเช้า หรือจะให้กล้วยเป็นอาหารปลาอย่างเดียวก็ได้ โดยให้ปลากินพออิ่ม วิธีการเช่นนี้สามารถนำไปเลี้ยงปลาได้ทุกชนิด ปลาจะโตเร็ว มีเนื้อแน่น รสหวาน ได้ขนาดตามความต้องการของตลาด
5.เทคนิคการเลี้ยงปลาดุกให้ตัวใหญ่ยาวได้น้ำหนัก
วิธีการเลี้ยงปลาดุกให้ตัวโต ตัวใหญ่ ยาว หลังจากปล่อยลูกปลาลงบ่อแล้ว ให้อดอาหาร 4 วัน เพื่อเป็นการปรับสภาพของลูกปลาให้เข้ากับน้ำในบ่อ จากนั้นวันที่ 5 ก็เริ่มให้อาหาร โดยให้อาหารลูกปลาดุกในปริมาณที่ไม่ต้องมาก แต่ให้บ่อยครั้ง ลูกปลาจะค่อยๆ เจริญเติบโต หลังจากนั้นเมื่อปลาอายุได้ประมาณ 2 เดือน ให้หยุดให้อาหาร 7 วัน วิธีนี้จะทำให้ปลาดุกผอม และยืดตัวออก แล้วจึงค่อยให้อาหารต่อ ผลที่ได้คือปลาดุกจะตัวโต และยาว ซึ่งเมื่อเห็นว่ามีขนาดพอเหมาะเช่น 2 หรือ 3 ตัวต่อกิโลกรัม ก็สามารถจำหน่ายได้
6.การนำฟางใส่ในบ่อปลาเพื่อขจัดกลิ่นคาวปลาและเพิ่มสีสัน
การที่นำฟางข้าวมาใส่ในบ่อปลาดุกก่อนที่จะทำการจับปลานั้นมีประโยชน์หลายด้าน ซึ่งเมื่อเรานำฟางข้าวใส่ลงไป ปลาก็จะเข้าไปในฟางข้าวทำให้ตัวปลาเสียดสีกับฟางข้าว และจะทำให้เมือกที่ติดอยู่กับตัวปลาหมดไป และยังทำให้ปลาที่มีสีดำคล้ำ มีสีเหลืองนวลอีกด้วย นอกจากนี้การใส่ฟางข้าวลงไปก่อนจับปลาดุกนั้นยังเป็นการช่วยลดกลิ่นสาบของปลาได้อีกด้วย
7.เทคนิคการเตรียมจับปลาดุกขายให้ได้ราคาและกำจัดกลิ่นคาวปลา
งดให้อาหาร 3 วัน ก่อนทำการจับปลา จากนั้นลดน้ำในบ่อให้เหลือประมาณ 80 - 90 เซนติเมตร ก่อนจับปลา 2 วัน แล้วใช้เกลือหว่านลงไปในบ่อ บ่อพื้นที่ 1 ไร่ ใช้เกลือ 30 กิโลกรัม โดยหว่านก่อนจับปลา 1วัน
*** ความเค็มของเกลือ จะช่วยลดกลิ่นเหม็นคาวจากอาหาร และโคลนจากบ่อ ที่สำคัญจะทำให้ปลามีน้ำหนักดี ตัวแน่น หนังไม่ย่น และขายได้ราคาดี
https://sites.google.com/site/karleiyng22/thekhnikh-kar-leiyng-pla-duk
มึงโดนโทรลป่วนทั้งวันจนทนไม่ได้แล้วหรอเพื่อน5555
12 สัญญาณที่สังเกตง่ายๆว่าใครขี้อิจฉา
คุณคงรู้สึกแย่ถ้าประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างในชีวิตและรู้ว่าคนใกล้ตัวอิจฉาคุณแทนที่จะแสดงความภูมิใจในตัวคุณ และเหตุผลเบื้องหลังความอิจฉานั้นก็คือความไม่มั่นใจและความอยากได้ในสิ่งที่คุณมี แต่เราทุกคนย่อมต้องเคยอิจฉา! ในบางช่วงบางตอนของชีวิต อย่างไรก็ตามเราสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้แต่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของผู้อื่นได้ ดังนั้นเราจึงมีวิธีสังเกตง่ายๆว่าอาการแบบไหนกันนะที่เรียกว่า..ขี้อิจฉา
1. ชอบเลียนแบบ
เมื่อใครสักคนอยากได้ในสิ่งที่คุณมี เช่น งาน ความรัก หรือแม้แต่แนวการแต่งตัว พวกเขาก็จะเลียนแบบพฤติกรรม แนวการแต่งตัว และแนวคิดของคุณ ทั้งนี้คุณไม่ควรหงุดหงิดแต่ควรให้กำลังใจพวกเขาให้ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง รวมถึงแสดงให้พวกเขาเห็นว่าการเป็นตัวของตัวเองนี่แหละคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
2. เสแสร้งแกล้งชม
คนขี้อิจฉาจะชื่นชมคุณอย่างจริงใจแต่พอลับหลังไปพวกเขาก็จะเบะปากมองบนใส่คุณทันที พวกเขาจะแกล้งทำเป็นว่าไม่ได้อิจฉาคุณ
อันนี้นางไม่ได้ออกกับค่ายประจำนางเหรอ ที่ชอบออกด้วย
3. ดูถูกความสำเร็จของคุณ
คนขี้อิจฉามักจะสบประมาทความสำเร็จของคุณโดยไม่สนใจว่าคุณต้องใช้ความพยายามหนักมากขนาดไหน พวกเขาอาจถึงขั้นทำตัวเสียมารยาทเลยล่ะ แต่คุณไม่ควรใส่ใจเพราะจะยิ่งทำให้พวกเขาได้ใจ ดังนั้นจงถ่อมตัวและมุ่งมั่นกับความสำเร็จของตัวเอง
4. ดีใจเมื่อคุณล้มเหลว
คนเหล่านี้ไม่สามารถยินดีกับความสำเร็จของคุณได้ แต่จะดีใจกับความล้มเหลวของคุณแทน ถ้าคุณพลาดเมื่อไหร่พวกเขาก็รอซ้ำเติมเลยล่ะ
5. พวกเขาจะไม่อยู่เคียงข้างคุณในยามที่คุณมีความสุข
พวกเขาอาจทำเป็นเฉยๆเนื่องจากไม่สามารถยินดีกับความสุขของคุณได้ เมื่อคุณมีความสุขคนเหล่านี้จะรู้สึกสำคัญน้อยลง ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะไปไกลๆดีกว่า
6. หาเรื่องแข่งขัน
เนื่องจากคนเหล่านี้ต้องการเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดและอยากพิสูจน์ความเหนือกว่าของตัวเอง อย่างไรก็ตามคุณควรปฏิเสธไปซะ
7. นินทาคุณ
คนขี้อิจฉาจะหาเรื่องนินทาคุณได้ทุกที่ทุกเวลา แถมยังอาจใส่ร้ายป้ายสีคุณอีกด้วย ทางที่ดีคุณควรเผชิญหน้ากับคนเหล่านี้ตรงๆกันไปเลยและพูดคุยกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับพฤติกรรมของพวกเขา ไม่แน่นะพวกเขาอาจยอมเปลี่ยนพฤติกรรมก็ได้
8. เอาแต่วิจารณ์
คนขี้อิจฉาจะมองคุณว่าเป็นคนที่มีข้อบกพร่องมากมายแต่แค่โชคดีเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกว่าต้องทำให้คุณรู้ตัว แม้คุณจะทำทุกอย่างเลิศเลอเพอร์เฟกต์แต่สุดท้ายพวกเขาก็จะจับผิดคุณจนได้นั่นแหละ
9. พวกเขาเกลียดคุณ
คนขี้อิจฉาจะเกลียดคุณอย่างไร้เหตุผล นั่นเป็นเพราะพวกเขาใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นเหมือนคุณ และที่สำคัญการทำความดีใดๆก็ไม่สามารถลดทอนความเกลียดของคนเหล่านี้ลงได้
10. พยายามทำลายความสัมพันธ์ของคุณกับคนอื่น
ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ในครอบครัว ความรัก และเพื่อนฝูง โดยเฉพาะคนที่สนิทกับคุณเพื่อทำให้คุณรู้สึกเคว้งคว้างเปล่าเปลี่ยว
11. ซ่อนความอิจฉาของตัวเองไว้
เมื่อใครสักคนรู้สึกยินดีกับคุณ คนเหล่านี้ก็จะสวมหน้ากากแสดงความยินดีกับคุณด้วย
12. เป็นที่ปรึกษาที่แย่สุดๆ
พวกที่อิจฉาคุณจะพยายามหาวิธีให้คำแนะนำที่อาจทำร้ายจิตใจคุณ และพวกเขาอาจหว่านล้อมให้คุณเชื่อว่าวิธีของพวกเขาดีที่สุดแล้ว แต่สุดท้ายคุณจะเดือดร้อนมากกว่าเดิม ทั้งนี้การรับมือกับคนขี้อิจฉาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อันที่จริงพวกเขามีความมั่นใจในตนเองต่ำและการหงุดหงิดใส่พวกเขาก็ไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นด้วย ดังนั้นคุณควรเป็นตัวของตัวเองนั่นแหละ เผชิญหน้ากับพวกเขาเมื่อจำเป็น และพยายามช่วยพวกเขาให้แก้ไขปัญหาต่างๆให้ได้
https://www.google.com/amp/s/today.line.me/th/v2/amp/article/3VlxeW
แล้วเมื่อไหร่ ฮซน เมนกูจะได้ไปดีฟบ้าง
Keep rolling your eyes, maybe you'll find the brain back there
I envy people who haven't met you.
Whoever told you to be yourself simply couldn't have given you worse advice.
Zombie eats the brain. So don't worry.. You're safe!
No one is perfect all the time, even God let you be born.
You should eat the makeup. Then you can be pretty on the inside.
When your parents drop you off at school. They are arrested for littering.
วิธีปลูกแตงโม สูตรเกษตรอินทรีย์ไว้กินเองในรั้วบ้าน
วิธีปลูกแตงโม สำหรับเกษตรกรเพื่อธุรกิจโดยมากมักใช้สารเคมีเพื่อเสริมรสชาติให้ได้ผลผลิตที่หวาน รสชาติดี แน่นอนว่าการค้าขายก็เพื่อหวังผลกำไร หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใส่ใจสุขภาพ พอมีที่ดินให้เพาะปลูกได้บ้าง และชอบกินแตงโมแล้ว เราก็มี วิธีปลูกแตงโม สูตรเกษตรอินทรีย์ลดทอนการใช้สารเคมีไปได้บ้างมาฝากกันค่ะ
อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องเตรียม
– เมล็ดแตงโม
– พื้นที่เพาะปลูก (ควรปลูกในบริเวณที่เราดูแลได้ทั่วถึง)
– ปุ๋ยคอก (ขี้หมู ขี้วัว ขี้ไก่ หรือปุ๋ยอินทรีย์ก็ได้)
– น้ำหมักไล่แมลงและปุ๋ยอินทรีย์น้ำ
วิธีปลูก
-ไถดินให้เป็นแถวเป็นแนวแบบยกร่อง
-ปูด้วยปุ๋ยคอกที่เตรียมไว้พอประมาณ
-ไถกลบดินเพื่อเตรียมหยอดเมล็ด ผ่านไป 5-7 วัน ยอดอ่อนแตงโมจะโผล่ออกมาให้เห็น
-เริ่มแตกใบจริง ให้ฉีดน้ำหมักไล่แมลงและปุ๋ยอินทรีย์น้ำ 1 สัปดาห์/ครั้ง
-ช่วงนี้จะเริ่มมีแมลงรบกวน ให้ฉีดน้ำหมักอินทรีย์ไล่แมลง 3 วัน/ครั้ง ถ้าแมลงลงหนักให้ฉีดวันเว้นวัน โดยอาจผสมไปกับปุ๋ยอินทรีย์น้ำได้เลย
-หยอดเมล็ดลงหลุมประมาณหลุมละ 2-3 เมล็ด ระหว่างหลุมห่างกันประมาณ 80 ซม.(ขนาดประมาณระยะการเดิน 2 ก้าวธรรมดา) เมล็ดอาจแช่น้ำก่อนปลูกก็ได้หรือถ้าดินชุ่มๆ หน่อยก็สามารถหยอดได้เลย
-รดน้ำวันละ 1 ครั้ง จะช่วงเวลาเช้าหรือเย็นก็ได้ จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 วันใช้ปุ๋ยอินทรีย์บำรุงต้นอีกหน่อย โดยในช่วงนี้ต้นแตงโมจะเริ่มแตกยอด
-หลังปลูก 5-7 วัน ต้นแตงโมที่ปลูกจะออกใบใหม่มาอีก รวมเป็น 7 -8 ใบ ให้ตัดทิ้งให้เหลือใบที่สมบูรณ์ที่สุดเพียง 4 ใบ
-เมื่อต้นแตงโมจะเริ่มแตกเถา ให้สังเกตดูความสวยและความสมบูรณ์ของเถาแตงโม ถ้าเถาไหนไม่สมบูรณ์หรือแตกเถามากเกินไป ให้ตัดทิ้งให้เหลือไม่เกิน 4 เถา เพราะถ้าไม่ตัดเถาทิ้งจะทำให้แตงโมติดลูกในระยะเวลาที่ต่างกัน ผลแตงโมจะโตไม่พร้อมกันและขาดคุณภาพ
-หมั่นสังเกตปัญหาเกี่ยวกับโรคและแมลงที่มารบกวน ไม่ว่าจะเป็นโรคราน้ำค้าง โรคใบจุดหรือไฟลามทุ่ง โดยเฉพาะโรคไฟลามทุ่งจะรุนแรงมากที่สุดเพียงแค่ 3 วันจะทำให้แตงโมเหี่ยวแห้งทั้งสวน ใช้น้ำหมักไล่แมลงสูตรอินทรีย์ฉีดพ่น
-เมื่อปลูกครบ 1 เดือนเถาแตงโมจะเริ่มเลื้อยยาวขึ้น โดยลักษณะเถาของแตงโมจะไม่มีเถาเดียวเรียวยาวออกไปแต่จะแตกกิ่งออกไปเป็นแขนง เมื่อมีกิ่งแขนงที่แตกออกไปมากๆ ต้องกำจัดทิ้ง โดยการนับช่วงระหว่างใบจำนวน 5 ช่วงตั้งแต่ลำต้น เมื่อนับไปถึงช่วงข้อที่ 5 ให้เด็ดกิ่งแขนงออกให้เหลือแต่เถาหลักคงเอาไว้
-เมื่อแตงโมอายุ ครบ 35 – 40 วันจะเริ่มออกดอกและติดผลเป็นลูกเล็กๆ ตามเถาที่เลื้อยบนดินในแปลง ต้องหมั่นดูแลเรื่องโรคและแมลง นอกนั้นต้องสังเกตดูความสมบูรณ์ของผลแตงโมโดยสังเกตดูก้านผล ถ้าก้านผลเล็กและลูกไม่สมบูรณ์ต้องเด็ดทิ้ง การเด็ดผลด้อยแตงโมจะต้องนับจากช่วงใบตั้งแต่ลำต้นไป ถ้าติดผลในช่วงข้อที่ 6 ให้เด็ดทิ้ง แล้วนับไปอีก 4 ช่วงข้อ ถ้ามีผลติดอีกก็ให้เด็ดทิ้งเหมือนกัน จากนั้นนับไปอีก 4 ช่วงข้อสังเกตดูผลที่มันติดอยู่ถ้าผลสมบูรณ์ให้ปล่อยไว้ให้โตและถ้าไม่สมบูรณ์ให้เด็ดทิ้งทันที จากนั้นนับไปอีก 3 ช่วงข้อ ถ้ามีผลแตงโมติดอยู่ให้คงผลนั้นไว้เลี้ยงให้โตจะเป็นลูกแตงโมที่โตและสมบูรณ์ โดย แตงโม 1 ต้นจะต้องมีผล 1-2 ลูกเท่านั้น
เมื่อครบกำหนด 55 วัน (ในช่วงฤดูร้อน) เป็นช่วงที่สามารถเก็บผลผลิตได้ ซึ่งแตงโมทุกพันธุ์จะมีอายุการเจริญเติบโตที่ไม่แตกต่างกัน
คำแนะนำตัดก่อนสุกประมาณ 3-4 วัน เพื่อให้เก็บได้นาน ถ้าตัดตอนสุกเลยผลจะช้ำ
วิธีช่วยให้เมล็ดแตงโมงอกเร็วขึ้น
สําหรับผู้ที่หยอดเมล็ดแตงโมในฤดูหนาว มักจะพบว่าแตงโมงอกช้า หรือไม่งอกเลย ทั้งนี้เพราะ ว่า ถ้าอุณหภูมิในดินปลูกตํ่ากว่า 15.5 องศาเซลเซียส เมล็ดแตงโมจะไม่งอกโดยธรรมชาติฉะนั้นเพื่อแก้ปัญหาเมล็ดไม่งอกในฤดูหนาว ควรทำหุ้มเมล็ดโดยแช่เมล็ดแตงโมในนํ้าอุ่นๆ ในบ้าน จะช่วย ทําให้เมล็ดแตงโมงอก ได้เร็วขึ้น และงอกได้อย่างสมํ่าเสมอ เมื่อรากเริ่มโผล่ออกมาจากเมล็ด ก็เอาไป เพาะในถุงหรือกระทงใบตองได้รอจนกล้ามีใบจริงแล้ว 2-3 ใบ จึงนําลงปลูก หรืออีกวิธีที่ช่วยทุ่นแรง ก็อาจนําเมล็ดที่งอกนั้นไปปลูกในแปลงได้เลย โดยหยอดลงในหลุมแบบเดียวกับหยอดเมล็ดที่ยังไม่งอก แต่ต้องให้นํ้าในหลุมที่จะหยอดล่วงหน้าไว้ 1 วัน เพื่อให้ดินในหลุมชื้น พอเหมาะ หยอดเมล็ดที่งอกแล้วกลบดินทับหน้าไม่เกิน 1 เซนติเมตร แล้วรดนํ้า ต้นแตงโมจะขึ้นมาสมํ่าเสมอทั่วกันทั้งแปลง
TIPS : 4 วิธีการเลือกดูแตงโมผลแบบไหนให้รสอร่อย
1.เส้นยิ่งชิด เปลือกยิ่งบาง
2.ก้านยิ่งงอน รสยิ่งหวาน
3.ผิวยิ่งเข้ม ยิ่งดี
4.เส้นยิ่งสวย รสยิ่งอร่อย
https://www.google.com/amp/s/decor.mthai.com/garden/62611.html/amp
การแผ่เมตตา เป็นสิ่งที่โบราณบัณฑิตทั้งหลายปฏิบัติต่อกันมาตามลำดับ เพราะเห็นประโยชน์ว่า การแผ่เมตตานี้จะทำให้ผู้ปฏิบัติเป็นประจำมีจิตใจอ่อนโยน เยือกเย็นลงได้ และทำให้มองเห็นว่าการที่มนุษย์หวังดีต่อกันนั้นเป็นทางนำให้โลกเกิดสันติ สุขได้ และเมื่อตัวเองได้รับความสุขแม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องการให้เพื่อนร่วมโลกได้ รับความสุขอย่างนั้นบ้าง จึงได้แผ่กระแสจิตอันเยือกเย็นและอ่อนโยนนั้นไปยังผู้อื่น
กรรม คือการกระทำ ..การคิดนึกอิจฉา ก็ถือว่าเป็นกรรม
การแค่เพียงคิดนึกในทางอกุศลต่อผู้อื่น เพียงชั่วขณะจิต ก็เป็น อกุศลกรรมแล้ว
ผล(อกุศลวิบาก) ก็ต้องตามมา หากสั่งสมมาก(ย้ำคิดนึกบ่อยๆ) ก็ยิ่งมาก จนอาจจะ
แสดงออกทาง วาจา และกาย ก็ยิ่งตอกย้ำ อกุศลกรรม ให้ส่งผลเร็ว และแรงขึ้น
เอวัง ราชะสีโห มะหานาทัง สีหะนาทะกัง
สีหะนะเม สีละเตเชนะ นามะ ราชะสีโห
อิทธิฤทธิ์ พระพุทธังรักษา สารพัดศัตรู อะปะราชะยัง
อิทธิฤทธิ์ พระธัมมังรักษา สารพัดศัตรู อะปะราชะยัง
อิทธิฤทธิ์ พระสังฆังรักษา สารพัดศัตรู อะปะราชะยัง
มะโทรัง อะตะระโร เวสะวะโน นะหากปิ ปิสาคะตาวาโหมิ
มหายักขะ เทพะอนุตะรัง เทพะดา เทพะเอรักขัง ยังยังอิติ เวสะวะนัน
ภูตัง มหาลักชามะนง มะภูอารักขะ นะพุททิมะมัตตะนัง กาลปะติทิศา
สัพเพยักขา ปะลายัตตะนิ
บทสวดคาถาบูชาพระราหู
กินนุ สันตะระมาโน วะราหุ สุริยัง ปะมุญจะสิ
สังวิคคะรูโป อาคัมมะกินนุ ภีโต วะ ติฏฐะสีติ
สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ
พุทธะคาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ สุริยันติ
กินนุ สันตะระมาโน วะราหุ จันทัง ปะมุญจะสิ
สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต วะ ติฏฐะสีติ
สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ
พุทธะคาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ จันทิมันติ
กุสเสโตมะมะ กุสเสโตโต ลาลามะมะ
โตลาโม โทลาโมมะมะ โทลาโมมะมะ
โทลาโมตัง เหกุติมะมะ เหกุติฯ
ยัตถะตังมะมะ ตังถะยะ ตะวะตัง
มะมะตัง วะติตัง เสกามะมะ
กาเสตัง กาติยังมะมะ ยะติกาฯ
*แล้วจึงเริ่มกล่าวคำถวายเครื่องสังเวยพระราหู
นะโมเม พระราหูเทวานัง ธูปะทีปะ จะปุปผัง
สักการะวันทะนัง สูปะพะยัญชะนะ
สัมปันนัง โภชะ นานัง
สาลีนัง สะปะริวารัง อุทะกังวะรัง
อาคัจฉันตุ ปะริภุญชันตุ สัพพะทา
หิตายะ สุขายะ พระราหูเทวา
มะหิทธิกา เตปิ อัมเห
อะนุรัก ขันตุ อาโรคะ
เยนะ สุเขมะจะฯ
คาถาบูชาพระราหู
*โดยจะต้องสวดทั้งหมด 12 จบตามกำลังของพระราหู
คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ (12 จบ)
ข้าพเจ้า (ชื่อนามสกุล) ขอบูชาพระราหูด้วยของดำ (8 หรือ 12) อย่าง ขอให้อิทธิพลของดาวราหูจงส่งผลดีแก่ดวงชะตาของข้าพเจ้า ขอให้ได้พบเจอแต่กัลยาณมิตรที่ดี ขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรงปราศจากโรคร้ายใด ๆ ขอให้เกิดความสุขในครอบครัว ขอให้ดาวราหูประทานพรโชคลาภและความสำเร็จแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ (อธิษฐานเรื่องอื่น ๆ ได้ตามปรารถนา)
จากนั้น เมื่อธูปใกล้จะมอดหมด เราควรจะมีพิธีการลาของไหว้ โดยเราจะนำของไหว้ต่าง ๆ มารับประทานเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนกินจะต้องไม่ลืมท่องคาถา "คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ" ด้วยนะครับ จากนั้น เพื่อเสริมเติมมงคลให้กับชะตาชีวิต เราควรไปทำบุญไหว้พระด้วยวิธีใส่บาตรพระ 8 หรือ 12 รูป ทำบุญถวายสังฆทานที่เกี่ยวกับแสงสว่าง อย่างเช่น บริจาคหลอดไฟ บริจาคค่าไฟ หรือเติมน้ำมันตะเกียง เป็นต้น หรือเพียงแค่สวดมนต์ท่องคาถาบูชาพระราหูเป็นประจำทุกวันพุธกลางคืน เพียงเท่านี้ พระราหูที่ว่าจะนำเคราะห์กรรม ภัยร้าย ก็จะกลับกลายเป็นนำมาซึ่งสิ่งดี ๆ ในชีวิตแล้วละครับ
https://www.google.com/amp/s/www.wongnai.com/news/pray-and-respect-phra-rahu.amp
ลักษณะของคนพาลที่แท้จริง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรง ให้มาตรฐานทางธรรมไว้ว่า ให้เอากรรมหรือการ กระทำนั่นแหละมาเป็นมาตรฐาน คือคนที่ทำกรรมดี ก็เรียกว่าคนดี คนที่ทำกรรมชั่ว ก็เรียกว่าคนชั่ว
ส่วนคนพาล คือคนที่ชอบคิดชั่ว ชอบพูดชั่ว ชอบทำชั่วเป็นปกติ เป็นอาจิณ ไม่ใช่นานๆ ถึงจะเผลอไปทำสักครั้งหนึ่ง
คิดชั่ว ได้แก่ คิดโลภ คิดพยาบาท คิดเห็นผิดเป็นชอบ
พูดชั่ว ได้แก่ พูดโกหก พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
ทำชั่ว ได้แก่ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เจ้าชู้
นี่คือลักษณะทั่วไปของคนพาล หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่าคนชั่ว ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ใช้กรรมของเขาเองนั่นแหละเป็นเครื่องตัดสิน
โทษของการคบคนพาล
ถ้าหากเราหลงไปคบ กับคนพาลเข้า อุปมาก็เหมือนอย่าง กับเอาของแห้งไปวางไว้ใกล้ๆ ของเปียก แล้วไม่ระมัดระวังให้ดี เดี๋ยวของเปียกก็จะซึม เข้าไปในของแห้ง ของแห้งก็จะกลายเป็นของเปียกไป
หรือเหมือนอย่างกับเอาอาหารที่มีรสจืดมาวางไว้ใกล้ๆ อาหารที่มีรสขม เดี๋ยวอาหารรสจืดก็จะพลอย มีรสขมตามไปด้วย
คนเราก็เหมือนกัน ถ้าไปอยู่ใกล้ๆ คนพาล เดี๋ยวก็จะติดนิสัยพาล ติดนิสัยชั่วของเขามา
เมื่อเข้าใกล้คนพาล คบกับคนพาล สิ่งแรกที่จะทำให้เราเสียคือ วินิจฉัย หรือการตัดสินใจ ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว สิ่งใดผิด สิ่งใดถูก สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร เราจะตัดสินไม่ออก แล้วจะมีความเห็นผิด เป็นชอบตามเขาไปด้วย เพราะว่า คนพาลจะมีวิธีการ ตัดสินใจไม่เหมือนคนดี หลังจากที่เราคิดผิดๆ ก็จะพูดผิดๆ ทำผิดๆ ตามมา
เพราะฉะนั้น สังคมใดมีคนพาลเข้าไปอยู่ จึงมักจะเกิดความวุ่นวาย และไม่ใช่เฉพาะแต่ประเทศไทยของเราเท่านั้น แม้ประเทศอื่นๆ ก็เหมือนกัน ถ้าครั้งใดได้คนพาล เข้ามาบริหารบ้านเมือง ไม่ว่าจะในระดับไหน ก็มักจะทำให้เกิด ความวุ่นวายตามมาทั้งนั้น
บางครั้งทำให้เกิดสงครามตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน จนกระทั่งถึงระดับโลกก็มี เพราะฉะนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงสอนนักหนาว่าอย่าคบคนพาล
ประเภทของคนพาล คนพาลแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ
๑. พาลภายนอก ได้แก่ คนเลว คนชั่ว ทั้งหลายที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
๒. พาลภายใน ได้แก่ ตัวเราเอง ถ้าครั้งใดเผลอไปคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เข้า เราก็คือคนพาลเหมือนกัน
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วรีบแก้ไขเสีย ไม่ใช่มัวแต่ผัดผ่อนรอ ให้คนอื่นเขาแก้ไขกันเสียก่อน แล้วเราจะแก้ไขตัวเอง เป็นคนสุดท้าย ถ้าอย่างนี้เราก็คือ คนพาลตัวจริง และจะเป็นพาลไป ข้ามภพข้ามชาติทีเดียว
หลักคำสอนศาสนาคริสต์
หลักคำสอนของศานาคริสต์
ศาสนาคริสต์มีรากฐานมาจากศาสนายิว ซึ่งมีโมเสสเป็นศาสดา และเป็นผู้ยืนยันว่า พระเจ้า (พระยะโฮวา) ได้รับประทานบัญญัติมาให้ โดยศาสนิกชนต้องมีความศรัทธาในพระเยซูสูงสุดในชีวิต และจงรักเพื่อนบ้าน เพื่อนมนุษย์ เหมือนรักตัวเอง ตามหลักธรรมคำสอนดังต่อไปนี้
หลักบัญญัติ ๑๐ ประการ
๑.จงนมัสการพระเจ้าแต่ผู้เดียว
๒. อย่าออกพระนามพระเจ้าโดยไม่สมควร
๓.วันพระเจ้าให้ถือเป็นวันศักดิ์สิทธิ์
๔.จงนับถือบิดามารดา
๕.อย่าฆ่าคน
๖.อย่าล่วงประเวณี
๗.อย่าลักทรัพย์
๘.อย่าขโมย
๙.อย่าเป็นพยานเท็จต่อเพื่อนบ้านของเจ้า
๑๐.อย่าโลภอยากได้เรือนของเพื่อนบ้าน อย่าโลภมากอยากได้เมียของเพื่อนบ้าน หรือทาสของเขา โค ลา ของเขา หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดของเพื่อนบ้านนั้น
หลักตรีเอกานุภาพ
เป็นหลักคำสอนที่ให้ศรัทธาในพระเจ้าพระองค์เดียว แต่มี ๓ สภาวะประกอบด้วย
๑. พระบิดา คือ องค์พระเจ้าผู้สร้างโลกและมนุษย์
๒.พระบุตร คือ ผู้เกิดมาเพื่อช่วยไถ่บาปให้แก่มนุษย์
๓.พระจิตร คือ พระวิญญาณอันบริสุทธ์เพื่อมอบความรักและบันดาลให้มนุษย์ประพฤติดี
๓.หลักความรัก คำสอนเรื่องความรักในศาสนาคริสต์ คือ การปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข มีความเมตตากรุณา ให้อภัยซึ่งกันและกัน และยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดี
หลักคำสอนเรื่องความรักในศาสนาคริสต์ มี ๒ ระดับ คือ
๑.ความรักระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า เปรียบเหมือนความรักระหว่างบิดากับบุตร
๒.ความรักระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ พระเยซูสอนให้รักเพื่อนบ้าน (มนุษย์ทั้งโลก) สอนให้รักศัตรู รู้จักการให้อภัยและเสียสละ
หลักอาณาจักรพระเจ้า
เป็นหลักคำสอนที่เน้นให้มนุษย์สร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นในจิตใจ รู้จักการเตรียมตัวรับฟังคำสั่งสอน เพื่อจะได้นำไปปฏิบัติได้ถูกต้อง ซึ่งอาณาจักรพระเจ้าแบ่งได้เป็น ๒ ส่วน คือ อาณาจักรบนโลกมนุษย์ ให้มนุษย์กระทำตนให้ดีที่สุด โดยการสวดมนต์ เพื่อเป็นการแสดงความศรัทธาในพระเจ้า และอาณาจักรสวรรค์ เมื่อมนุษย์ตายไป วิญญาณจะได้ไปเฝ้าพระเจ้าในสวรรค์มีชีวิตนิรันดร
ศาสนาสิกข์
ประวัติความเป็นมา
ศาสนาสิกข์เป็นศาสนาประเภทเทวนิยม คือเชื่อว่าพระเจ้าสร้างโลก มีอำนาจยิ่งใหญ่และมีองค์เดียว จึงนับว่าเป็นศาสนาประเภทเอกนิยม (Monotheism) และเป็นศาสนาที่มีอายุน้อยที่สุดในศาสนาของโลกทั้งสิบเอ็ดศาสนา
คำว่า "สิกข์" เป็นภาษาปัญจาบ แปลว่า ผู้ศึกษา หรือศิษย์ คือชาวสิกข์ทุกคนเป็นศิษย์ของคุรุหรือครู มีด้วยกันทั้งสิ้น 10 องค์ มีคุรุนานักเป็นองค์แรก คุรุโควินทสิงห์เป็นองค์สุดท้าย ชาวสิกข์ทุกคนต้องทำพิธี "ปาหุล" คือพิธีล้างบาป เมื่อเสร็จพิธีแล้วก็จะรับเอา "กะ" คือสิ่งที่เริ่มต้นด้วยอักษร "ก" 5 ประการ ดังต่อไปนี้
1. เกศ การไว้ผมยาวโดยไม่ตัดเลย
2. กังฆา หวีขนาดเล็ก
3. กฉา กางเกงขาสั้น
4. กรา กำไลมือทำด้วยเหล็ก
5. กิรปาน ดาบ
ผู้ที่ทำพิธีปาหุลแล้วจะได้นามว่า "สิงห์" แปลว่า สิงโต หรือ ราชสีห์ ต่อท้ายเหมือนกันทุกคน ถือว่าผ่านความเป็นสมบัติของพระเจ้าแล้ว ถ้าเป็นหญิงจะมีคำว่า "กอร์" (ผู้กล้า) ต่อท้ายชื่อ
การทำพิธีล้างบาปและรับอักษร 5 ก. เพื่อเป็นชาวสิกข์โดยสมบูรณ์นั้น มีขึ้นในภายหลัง คือในสมัยของคุรุโควินทสิงห์ ซึ่งเป็นศาสดาองค์สุดท้ายของศาสนาสิกข์
ศาสนาสิกข์ เป็นศาสนาของชาวอินเดีย แคว้นปัญจาบและบริเวณใกล้เคียง ทุกคนที่นับถือสิกข์ ถือว่าเป็นพวกเดียวกัน เป็นพี่น้องกันโดยศาสนา และขนบธรรมเนียมประเพณี ชาวสิกข์นิยมเรียกพระเจ้าว่า "พระนาม" (The Name) โดยมีคำสอนสรรเสริญพระพุทธคุณของพระเจ้าว่าเป็นผู้ฉลาด มีพระกรุณา มีพระหฤทัยเผื่อแผ่
ศาสดา
ศาสดา หรือ คุรุ แห่งศาสนาสิกข์มี 10 ท่าน ต่อจากนั้นศาสดาองค์ที่ 10 ได้ประกาศให้ถือพระคัมภีร์เป็นศาสดาแทน และไม่มีการแต่งตั้งศาสดาต่อไปอีก (นิกายนามธารีถือว่ายังมีศาสดาต่อไปได้อีกจนบัดนี้ รวม 16 องค์แล้ว) ศาสดาทั้ง 10 ท่าน ได้แก่
1. คุรุนานัก
2. คุรุอังคัต
3. คุรุอมรทาส
4. คุรุรามดาส
5. คุรุอรชุน
6. คุรุหริโควินท์
7. คุรุหริไร
8. คุรุหริกิษัน
9. คุรุเตฆพหทูร์
10. คุรุโควินทสิงห์
คัมภีร์
คัมภีร์ของศาสนาสิกข์ เรียกว่า "ครันถสาหิพ" แปลว่า พระคัมภีร์ ส่วนใหญ่บรรจุคำสวดมนต์สรรเสริญพระเจ้า มีพระเจ้าเพียงองค์เดียว คือ สัจจะ พระผู้สร้าง พระองค์ปราศจากความกลัว ความเคียดแค้น เป็นอมฤตไม่เกิด มีขึ้นด้วยพระองค์เอง เป็นผู้ยิ่งใหญ่ ทรงโอบอ้อมอารี พระผู้เป็นสัจจะมีอยู่แล้ว
คัมภีร์ครันถสาหิพนี้ แบ่งออกเป็น 2 เล่ม ดังนี้
1. อาทิครันถ์ แปลว่า คัมภีร์แรก คุรุอรชุน เป็นผู้รวมขึ้นใน ค.ศ. 1604 หรือ พ.ศ. 2147 มีบทนิพนธ์ของคุรุ หรือศาสดาตั้งแต่องค์ที่ 1 ถึงองค์ที่ 5 และมีบทประพันธ์ของนักบุญผู้มีชื่อแห่งศาสนาฮินดู และศาสนาอิสลามผนวกอยู่ด้วย
2. ทสมครันถ์ แปลว่า คัมภีร์ของศาสดาองค์ที่ 10 เป็นชุมนุมบทนิพนธ์ของศาสดาองค์ที่ 10 คือ คุรุโควินทสิงห์ รวบรวมขึ้นในสมัยหลังจากอาทิครันถ์ ประมาณ 100 ปี ทั้ง 2 คัมภีร์บันทึกคำสอนของคุรุสำคัญสรุปลงในหลักการใหญ่ 4 ประการ คือ
1. เรื่องความสามัคคี
2. เรื่องความเสมอภาค
3. เรื่องความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า
4. ความจงรักภักดีต่อคุรุทั้ง 10 องค์
สองหลักแรกแสดงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น และระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ส่วน 2 หลักหลัง แสดงทางปฏิบัติอันมนุษย์จะพึงปฏิบัติตามเพื่อบรรลุความสุขสูงสุด
หลักธรรม
คุรุนานัก ปฐมศาสดาของศาสนาสิกข์ได้ประพันธ์บทสวดยัปยี ซึ่งเป็นบทแรกในคัมภีร์ครันถสาหิพ แสดงถึงการที่บุคคลจะก้าวไปสู่สุขอันเป็นนิรันดร หรือนิรวาณ มีอยู่ 5 ขั้น ดังนี้
1. ธรรมขัณฑ์ อาณาจักรแห่งการกระทำคือ กรรมดี และกรรมชั่ว การทำแต่กรรมดี
2. คิอานขัณฑ์ หรือ ญาณขัณฑ์ อาณาจักรแห่งปัญญา
3. สรมขัณฑ์ อาณาจักรแห่งมหาปิติ
4. กรรมขัณฑ์ อาณาจักรแห่งกำลัง หมายถึงกำลังทางจิตไม่หวาดกลัว
5. สัจขัณฑ์ อาณาจักรแห่งสัจจะ คือความเป็นเอกภาพกับพระเจ้า
วิธีปฏิบัติเพื่อสร้างจริตอัธยาศัย เพื่อให้บรรลุสัจธรรมชั้นสูงนั้น คือการสวดเพลงสรรเสริญพระนาม กับการฟังพระธรรม ดังข้อความในพระคัมภีร์ว่า โดยการฟังพระธรรม บุคคลย่อมเป็นประหนึ่ง พระศิวะ หรือ พระพรหม โดยการฟังพระนาม บุคคลย่อมบรรลุสัจจะ ความสันโดษ และทิพยปัญญา
นิกาย
นิกายของศาสนาสิกข์ที่สำคัญมีอยู่ 2 นิกาย ดังนี้
1. นิกายขาลสา หรือนิกายสิงห์ ได้แก่ นิกายที่ถือการไว้ผมและไว้หนวดยาว
2. นิกายสหัชธรี หรือนานักปันถี ได้แก่ นิกายที่โกนหนวดเกลี้ยงเกลา
พิธีกรรม
ในศาสนาสิกข์มีพิธีกรรมสำคัญ 2 ประการ คือ
1. พิธีกรรมระลึกถึงพระกรตาปุรุษ โดยการตื่นแต่ก่อนรุ่งสาง อาบน้ำชำระกายแล้วเข้าสมาธิเพื่อทบทวนการปฏิบัติตามเทวโองการของพระองค์ในแต่ละวัน วันละ 3 เวลา เช้า เย็น และกลางคืน
2. พิธีกรรมฉลองวันคล้ายวันประสูติ วันสถาปนาศาสนา และวันมรณภาพของศาสดาทั้ง 10 องค์
สัญลักษณ์
ปัจจุบันศาสนาสิกข์นิยมสัญลักษณ์ คือ รูปดาบไขว้และมีดาบสองคม หรือพระขรรค์อยู่ตรงกลางแล้วมีวงกลมกับพระขันธ์นั้นอีกต่อหนึ่ง วงกลมนั้นมิได้ทำเป็นรูปจักร แต่ทำเป็นเส้นกลมธรรมดา นอกจากนี้แล้วยังมีรูปกาน้ำและดาบซึ่งหมายถึงการรับใช้และพลัง รวมทั้งอักษร ก ทั้ง 5 ด้วย
ศาสนาฮินดู (อังกฤษ: Hinduism) เป็นศาสนาแบบพหุเทวนิยมที่พัฒนาการต่อมาจากศาสนาพราหมณ์ซึ่งเป็นศาสนาแบบ เอกเทวนิยม มีพระเจ้าองค์เดียว(เช่นเดียวกับศาสนาคริสต์และอิสลาม) จึงมักเรียกรวมกันว่าศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าใครเป็นศาสดา มีคัมภีร์ศาสนาเรียกว่าพระเวท มีศาสนิกชนมากเป็นอันดับที่ 4 ของโลก มีจำนวนประมาณ 900 ล้านคน
ศาสนานี้นับถือเทพเจ้าหลายองค์ เรียกว่า "พหุเทวนิยม" เทพเจ้าแต่ละองค์ในแต่ละยุคสมัย มีบทบาท และตำนานต่างกันไป ในแต่ละท้องถิ่นยังมีความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้าองค์หนึ่งๆ แตกต่างกันไปด้วย โดยทั่วไปถือว่าชาวฮินดูเชื่อว่ามีเทพเจ้าสูงสุด ที่ได้อวตารแยกร่างออกมาเป็น 3 องค์ เรียกว่า "ตรีมูรติ" คือ พระพรหมซึ่งเป็นพระผู้สร้างโลก พระศิวะเป็นผู้ทำลาย และพระวิษณุเป็นผู้ปกป้องและรักษาโลก
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ในตอนแรกเริ่มเรียกตัวเองว่า ”พราหมณ์” ต่อมาศาสนาได้เสื่อมความนิยมลงระยะหนึ่งเนื่องจากอิทธิพลของศาสนาพุทธ จนมาในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 ศังกราจารย์ได้ปฏิรูปศาสนาโดยแต่งคัมภีร์ปุราณะลดความสำคัญของศาสนาพุทธ และนำหลักปฏิบัติรวมทั้งหลักธรรมของศาสนาพุทธมหายานบางส่วนมาใช้และฟื้นฟูปรับปรุงศาสนาพราหมณ์เป็นให้เป็นศาสนาฮินดูเนื่องจากหลักธรรมส่วนใหญ่ของศาสนาพุทธได้ประยุกต์มาจากศาสนาฮินดูเมื่อครั้งยังเป็นศาสนาพราหมณ์โดยเริ่มจากนิกายเถรวาทเมื่อครั้งพุทธกาล -จนถึงนิกายมหายาน - วัชรญาณ เมื่อ โดยคำว่า “ฮินดู” เป็นคำที่ใช้เรียกชาวอารยันที่อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในลุ่มแม่น้ำสินธุ และเป็นคำที่ใช้เรียกลูกผสมของชาวอารยันกับชาวพื้นเมืองในชมพูทวีป และชนพื้นเมืองนี้ได้พัฒนาศาสนาพราหมณ์โดยการเพิ่มเติมเทพเจ้าท้องถิ่นดั้งเดิมลงไป เนื่องจากเวลานั้นสังคมอินเดีย แตกแยกอย่างมากเนื่องจากอิทธิพลของพุทธศาสนาในประเทศอินเดียที่มีลักษณะเป็นกึ่งพหุเทวนิยม คือนิยมนับถือเทวดา ทำให้ทางตอนเหนือนับถือพระศิวะซึ่งเป็นเทพแห่งภูเขาหิมาลัย ทางตอนใต้ชาวประมงนับถือวิษณุซึ่งเป็นเทพที่ให้ฝนและพายุ ชาวป่านับถือพระนิรุทธ และตอนกลางนับถือพระพิฆเนตร คนอินเดียเวลานั้นเริ่มไม่นับถือศาสนาพราหมณ์เป็นจำนวนมากขึ้น เมื่อต้องการรวมชาติ เมื่อครั้งขับไล่ราชวงศ์โมกุลของอิสลามที่เข้ามายึดครองและสั่งเข่นฆ่าพระสงฆ์คัมภีร์และวัดในพระพุทธศาสนาจนแทบสูญสิ้นไปจากอินเดีย จึงรวมเทพเจ้าแต่ละท้องถิ่นต่างๆมารวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับศาสนาพราหมณ์ แลัวเรียกศาสนาของใหม่นี้ว่า “ศาสนาฮินดู” เพราะฉะนั้นศาสนาพราหมณ์จึงมีอีก ชื่อในศาสนาใหม่ว่า “ฮินดู” จนถึงปัจจุบันนี้
พิธีกรรมสำคัญในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
1. กฎสำหรับวรรณะ แต่เดิมมีการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด แต่ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยเคร่งครัดเท่าใดนัก
๑) การแต่งงาน จะแต่งงานกับคนนอกวรรณะไม่ได้
๒) อาหารการกิน จะมีข้อกำหนดว่าสิ่งใดกินได้หรือไม่ได้ คนในวรรณะต่ำจะปรุงอาหารให้คนวรรณะสูงกว่ากินไม่ได้
๓) อาชีพ ต้องประกอบอาชีพตามกำหนดของแต่ละวรรณะ
2. พิธีประจำบ้าน หรือพิธีสังสการ เป็นพิธีกรรมที่ทำให้บริสุทธิ์ซึ่งผู้ที่อยู่ในวรรณะพราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ ต้องทำมีอยู่ ๑๒ อย่าง ดังนี้
๑) พิธีตั้งครรภ์
๒) พิธีเมื่อเด็กมีลมปราณ
๓) พิธีแยกหญิงตั้งครรภ์
๔) พิธีคลอดบุตร
๕) พิธีตั้งชื่อเด็ก
๖) พิธีนำเด็กออกไปดูดวงอาทิตย์
๗) พิธีป้อนข้าว
๘) พิธีโกนผม
๙) พิธีตัดผม
๑๐) พิธีเริ่มการศึกษา
๑๑) พิธีกลับเข้าบ้าน
๑๒) พิธีแต่งงาน
3. พิธีศราทธ์ เป็นพิธีทำบุญอย่างหนึ่งที่ลูกหลานทำบุญอุทิศให้แก่บิดามารดาหรือบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว จะระทำกันในเดือน ๑๐ ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ ถึงวันแรม ๑๕ ค่ำ การทำบุญอุทิศให้ผู้ล่วงลับนี้ เรียกว่า ทำปิณฑะ ซึ่งหมายถึง ก้อนข้าวที่จะถวายอุทิศให้แก่ผู้ล่วงลับ ปิณฑจะทำ ๘ ที่ ให้แก่ บิดา ปู่ ปู่ทวด ตา ตาทวด บิดาของตา และพระวิศวเทพอีก ๒ ที่
4. พิธีบูชาเทวดา พิธีจะแตกต่างกันไปตามวรรณะ ถ้าเป็นวรรณะสูง จะมีพิธีสวดมนต์ภาวนา อาบน้ำชำระกาย และสังเวยเทวดาทุกวัน พิธีสมโภชถือศีล และในวันศักดิ์สิทธิ์จะไปนมัสการบำเพ็ญกุศลในเทวาลัย แต่ถ้าเป็นวรรณะต่ำพิธีที่ปฏิบัติก็จะแตกต่างออกไป
มาทำความรู้จัก “12 เทพแห่งโอลิมปัส” ตามตำนานเทพเจ้ากรีก
1. ซุส (Zeus)
เทพผู้เป็นราชาแห่งเทพทั้งมวล ไม่เว้นแม้แต่เหล่ามนุษย์ ซึ่งมี สายฟ้า หรือ อัศนีบาต เป็นอาวุธ และมีพี่น้อง 5 องค์ คือ โพไซดอน ดีมิเทอร์ เฮร่า ฮาเดส และเฮสเทีย
2. โพไซดอน (Poseidon)
เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ผู้เป็นน้องชายของซุส มี ตรีศูล หรือ สามง่าม เป็นอาวุธ
3. ดีมิเทอร์ (Demeter)
เทพีแห่งความสมบูรณ์ ผู้ควบคุมด้านเกษตรกรรม
4. เฮร่า (Hera)
ราชินีแห่งสวรรค์ ผู้ซึ่งเป็นทั้งพี่สาวและภรรยาของซุส เธอเป็นเทพีแห่งการให้กำเนิด และสตรี ผู้มีนกยูงเป็นสัตว์ประจำตัว
จะ 1000 ละ วู้ฮู้
5. แอเรส (Ares)
บุตรของ ซุส กับ เฮร่า เป็นเทพแห่งสงคราม มีสัตว์ประจำตัวคือ เหยี่ยว และสุนัขมังกรไฟ มีน้องสาวชื่อ อีริส เทพีแห่งการวิวาท ซึ่งเป็นภรรยาของเขาด้วย
6. อพอลโล่ (Apollo)
บุตรของซุส กับ เทพีเลโต และมีน้องสาวฝาแฝดคือ อาร์เทมิส (Artemis) เทพเจ้าแห่งการทำนาย กีฬา และการรักษาโรค ทั้งยังเป็นเทพแห่งพระอาทิตย์ มี พิณ เป็นเครื่องดนตรีประจำตัว
7. อาร์เทมิส (Artemis)
เทพีแห่งดวงจันทร์และการล่าสัตว์ ฝาแฝดของ อพอลโล่ และเป็น 1 ใน 3 เทพีพรหมจรรย์ ที่มีอาวุธเป็นคันธนู โดยมีสุนัขเป็นผู้ติดตาม
8. เฮอร์มีส (Hermes)
บุตรของซุส กับ นางไม้มีอา เป็นเทพแห่งการค้า การโจรกรรม ทั้งยังเป็นผู้ส่งสารของเหล่าทวยเทพ มี คฑาคะดูเซียส (สัญลักษณ์แห่งการแพทย์) ประจำกาย ชอบสวมหมวกปีกกว้าง
9. อาร์เธน่า (Arthena)
เทพีแห่งความเฉลียวฉลาด ผู้ซึ่งเชียวชาญศิลปศาสตร์กรีกทุกแขนง และเป็นที่มาของชื่อเมืองเอเธนส์ (Athens) มีสัตว์ประจำตัวเป็น นกฮูก
10. อโฟร์ไดร์ (Aphrodite)
เทพีแห่งความรักและความงดงาม บุตรีของซุส และเทพีไดโอนี่ ซึ่งนางมีสัมพันธ์ชู้สาวกับ แอเรส (Ares) จนเกิดเป็นทายาทคือ คิวปิด (Cupid) นั่นเอง
11. ฮีเฟสตุส (Hephaestus)
เทพแห่งไฟ และการช่าง บุตรของซุส กับ เฮร่า เป็นเทพที่พิการและรูปร่างอัปลักษณ์
12. ไดโอเนซัส (Dionysus)
เทพแห่งไวน์ และเทพแห่งละคร ผู้ซึ่งเป็นความหวังในการเก็บเกี่ยวผลไม้
ตำนานสฟิงค์ (Spinx)
"สฟิงค์ (Spinx)" เป็นสัตว์ที่มีส่วนผสมของสัตว์หลายชนิดรวมอยู่ในตัวเดียวกันตามความเชื่อของ คนแถวอียิปต์ จะว่าเฉพาะอียิปต์ซะทีเดียวก็จะรวบรัดไป เพราะสฟิงซ์มีอยู่หลายเผ่าพันธุ์ต่างไปตามการแต่งเติมสีสันให้น่ากลัวมาก ขึ้นเท่าไร อย่างของชาวกรีกสฟิงซ์จะมีใบหน้าและทรวงอกของหญิงสาว ท่อนล่างเป็นสิงโตและมีปีกแบบนกอินทรี ส่วนของอียิปต์หรือพันธุ์ที่เราเรียกว่า "แอนโดรสฟิงซ์ (Andro-Sphinx)" ก็มีรูปร่างเหมือนชาวกรีกนั่นแหละเพียงแต่ว่าไม่มีปีกเท่านั้นเอง และของพวกอียิปต์อีกเช่นกันที่สฟิงซ์แตกเผ่าเป็น "ครีโอสฟิงซ์ (Crio-Spninx)" ที่มีหัวเป็นแกะบ้างหรือเป็นนกเหยี่ยวบ้าง ในเปอร์เซีย (Persia), แอสซีเรีย (Assyria), และฟีเนียเซีย (Phoenicia) มีสฟิงซ์ทั้งสองเพศ ตัวผู้จะมีหนวดและผมหยักศก ส่วนของโรมโบราณเป็นผู้หญิงและอาจจะเป็นแบบที่ส่งผ่านมาให้กับอียิปต์ก็ได้ เพราะว่าตัวนี้สวม "งูแอสพ์ (Asp)" คาดอยู่ที่หน้าผากด้วย
สฟิงซ์ของตะวันออกกลางเป็นสัตว์ที่ได้ชื่อว่า "ฉลาด" ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะมันจะเปิดเผยสิ่งที่มันรู้ยากมาก มันพอใจที่จะนอนผึ่งแดดอย่างเป็นสุข ท่ามกลางการเคารพบูชาของผู้ที่เทิดทูนมัน ส่วนสฟิงซ์ของพวกกรีกกลับมีลักษณะที่ตรงกันข้าม มันทรยศหักหลัง ก้าวร้าวรุนแรงและกระหายเลือด และพวกนี้ยังชอบกินคนเป็นอาหารเสียด้วยลักษณะที่เด่นชัดของสฟิงซ์กรีกอีก อย่างหนึ่งก็คือ ความคล้ายแมวหรือจะว่าอีกทีก็คล้ายผู้หญิงด้วย นั่นคือมันจะพูดคุยหยอกเหยื่อของมันก่อนที่จะสวาปามเข้าไป แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากเกิดเหยื่อหนีรอดไปได้ สฟิงซ์จะบินดิ่งทิ้งตัวกระแทกพื้นหรืออะไรสักอย่างด้วยความโกรธเกรี้ยวจนตาย ไปเองก็บ่อย
เรื่องราวเกี่ยวกับสฟิงซ์ของกรีกที่โด่งดัง เรื่องหนึ่งเห็นจะไม่พ้นเรื่องของ "เจ้าแม่เฮรา (Hera)" ซึ่งมอบหมายหน้าที่ลงโทษชาวเมืองธีบีส (Thebes) เพราะความเมามายไร้สติของพวกเขา หลังจากที่ "ไดโอนิซุส" เทพแห่งเมรัยได้มาสอนการทำไวน์ให้แก่ชาวเมืองนี้ ตามปกติสฟิงซ์จะไม่เข้าขย้ำเหยื่อที่ผ่านมาในทันทีทันใด แต่จะให้โอกาสเหยื่อด้วยการถามปัญหาที่เรียกกันว่า "ปัญหาของตัวสฟิงซ์ (The Riddle of the Sphinx)" ซึ่งสัญญาจะปล่อยเหยื่อเป็นอิสระหากตอบปัญหาของนางได้ แน่ล่ะตามท้องเรื่องที่จะกล่าวถึงพระเอกคนหนึ่งนี้ต้องมีเรื่องให้ไม่มีใคร ตอบได้ จนกว่าพระเอกของเรื่องคือ "เอดิปุส (Oedipus)" แห่งโครินท์ผ่านมาในเมืองธีบีสพอดิบพอดี สฟิงซ์กระโดดออกมาจากหลังพุ่มไม้แลบลิ้นเลียปากด้วยความอยากกินเนื้อมานพ น้อยรูปงาม ก่อนจะส่งเสียงคำรามให้ขวัญหายเข้าใส่เอดิปุสและถามปัญหา "อะไรเอ่ยเดินสี่ตีนในยามเช้า เดินสอง ตีน ในยามสาย และเดินสามตีนในยามเย็น….? " ซึ่งคำตอบก็คือมนุษย์นั่นเองย่อมเดินด้วยการคลานทั้งมือและเข่า เมื่อยังเป็นเด็กยืนด้วยขาสองข้าง เมื่อโตเต็มที่และต้องใช้ไม้เท้าพยุงตัวเองเป็นขาที่สามในยามสายัณห์ของ ชีวิต เอดิปุสตอบอย่างไม่ลังเล
สฟิงซ์เมื่อได้ฟังคำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากมนุษย์หน้าไหนเลย ถึงกับกรีดร้องด้วยความเจ็บใจ นางโผบินขึ้นบนฟ้าแล้วทิ้งตัวดิ่งลงฆ่าตัวตายในทะเลนี่ดูเหมือนหล่อนจะเป็น ฝ่ายแพ้ ทั้งๆ ที่ถ้าจะนับแล้วสฟิงซ์ต่างหากที่เป็นฝ่ายชนะ เพราะหลังจากที่สฟิงซ์ซึ่งเป็นสัตว์ที่น่ากลัวที่สุดของปวงชาวธีบีสได้ตายไป ผู้รักษาการณ์เมืองธีบีสถึงกับเชิญเอดิปุสขึ้นเป็นราชา และให้แต่งงานกับราชินีม่าย "โจคัสต้า (Jocasta)" ของกษัตริย์องค์ก่อน และกว่าจะรู้ความจริงว่าโจคัสต้านี่เองคือมารดาผู้ให้กำเนิดเอดิปุส ก็เมื่อนางได้ตกเป็นราชินีอย่างแท้จริงของเอดิปุสไปเสียแล้ว โชคชะตาย่อมเล่นกลต่อชีวิตของเขามากกว่าที่จะถูกสฟิงซ์กินตายไปรู้แล้วรู้ รอด…
แล้วเจ้าสฟิงซ์นี้มีอายุเท่าไร? ถ้านับตามลำดับญาติแบบเรา ๆ ก็คงเป็นปู่ทวดของปู่ทวด ของปู่ทวดของปู่ทวดๆ ๆ ๆ ๆ ๆ .... เป็นแน่ เพราะจากการคำนวณายุหินที่ใช้สร้าง โดยใช้คาร์บอน14 ปรากฏว่า สฟิงซ์มีอายุเกือบหมื่นปี แต่ว่าประวัติศาสตร์ชนชาติอียิปต์เพิ่งเริ่มเมื่อสี่พันกว่าปีก่อนเอง แล้วสฟิงซ์จะอายุเป็นหมื่นได้อย่างไร บรรดานักวิชาการจึงออกมาโต้คารมกันยกใหญ่ บางกลุ่มก็บอกว่าสฟิงซ์ต้องสร้างในสมัย "ฟาโรห์คาฟเร" (เจ้าของพีระมิดองค์กลาง) เพราะใบหน้าของสฟิงซ์นั้นเหมือนพระพักตร์ของฟาโรห์คาฟเรมาก และสาเหตุที่มีการแกะสลักให้คล้ายกับพระพักตร์ของฟาโรห์คาฟเร อาจเป็นเพราะพระองค์ได้สมมติตัวเอง โดยแสดงเจตนาว่าตัวสฟิงซ์นั้นแทนพระองค์ซึ่งเป็นเทพเจ้า แห่งดวงอาทิตย์ แต่ฝ่ายวิเคราะห์การผุกร่อนของหินก็โต้ว่า การผุกร่อนนั้นเกิดจากน้ำมากกว่าที่จะเป็นลมและทรายตามที่เข้าใจ เป็นไปได้ว่าก่อนที่ทรายจะเข้าปกคลุมบริเวณนี้ เคยเป็นดินแดนที่ฝนตกชุกมาก่อน เลยตั้งสมมติฐานว่าพอมีความชุ่มชื่น คนโบราณจึงเข้ามาอาศัยแล้วสร้างอนุสรณ์แห่งความรุ่งเรืองเอาไว้ก่อนที่จะล่ม สลายไป จากนั้นบรรพบุรุษของชาวอียิปต์ก็เข้ามาอาศัยแทนที่และครอบครองซากอารยธรรม อันนี้ไว้แบบเดียวกับชาวเผ่าอินคา ท้ายสุดต่างก็ยอมยุติลงด้วยสาเหตุ เพราะไม่ว่าฝ่ายไหนก็หาหลักฐานมายืนยัน ความคิดของตนเองไม่ได้ เนื่องจากคนโบราณไม่ได้จารึกถึงวิธีและเวลาในการสร้างสฟิงซ์เอาไว้เลย แล้วความลับในเรื่องอายุของสฟิงซ์ก็ยังคงเป็นความลับต่อไป
แล้วรู้ไหม... ทำไมสฟิงซ์จมูกถึงบี้? สาเหตุที่จมูกของสฟิงซ์แหว่งหายไป เป็นเพราะถูกเอาเป็นเป้าไว้ซ้อมยิงปืนของชาวอาหรับ ก็สมัยนั้นเขากำลังเห่อปืน... อาวุธรุ่นใหม่ที่เพิ่งออกมา แต่พอซื้อมาแล้วก็หาที่ซ้อมเจ๋ง ๆ ไม่ได้ เลยหันมาเอาสฟิงซ์เป็นที่ฝึกซ้อม เพราะนอกจากจะเป็นเป้านิ่งแล้ว ขนาดที่ใหญ่ยังเหมาะกับมือสมัครเล่นเป็นที่สุด จวบจนทุกวันนี้สฟิงซ์ก็ยังคงทำหน้าที่เฝ้านครแห่งความตายและเหล่ามหาพีระมิด ทั้ง 3 องค์ โดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหนแม้แต่น้อย ดวงตาหินของมันทอดมองสรรพสิ่งที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา โดยไม่ปริปากเล่าถึงความลับในอดีตให้ผู้ใดล่วงรู้... ทิ้งไว้เพียงปริศนาและความลี้ลับ รอให้เหล่ามนุษย์ผู้มากด้วยความสามารถมาไข...
บาบิโลน (Babylon) อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ในยุคเมโสโปเตเมียโบราณ (Mesopotamia) อายุ 4,000 ปี ที่เพิ่งได้รับการรับรองขึ้นเป็นพื้นที่มรดกโลก ปี 2562 นับว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองโบราณที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมโบราณโลก ที่แม้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ของชนชาติในบริเวณนี้จะค่อนข้างสับสนอยู่มาก เพราะมีการรบพุ่งกันตลอดเวลา ผู้ชนะได้ยึดครองทุกอย่าง แต่การคงอยู่ของเมืองบาบิโลนนี่เอง ที่เป็นหลักฐานชั้นเยี่ยมของความรุ่งเรืองในอดีตกาล ครั้งนี้ผมจะพาคุณไปเที่ยวถึงประเทศ อิรัค อันเป็นที่ตั้งของบาบิโลนนั่นเองครับ
ยินดีต้อนรับสู่ ทรูไอดี
ดูทีวีออนไลน์
ดูหนัง/ซีรีส์
ข่าว
กีฬา
สิทธิพิเศษ
บันเทิงดารา
เพลง
ดูดวง
ท่องเที่ยว
อาหาร
ผู้หญิง
อินเทรนด์
แพ็กเกจ
ช้อปปิ้ง
กล่องทรูไอดี ทีวี
ท่องเที่ยว
หน้าแรกท่องเที่ยว
ที่เที่ยว
ที่เที่ยวกรุงเทพ
ที่พัก
เที่ยวต่างประเทศ
เรื่องเที่ยวน่ารู้
เลือกที่เที่ยว
บาบิโลน เมืองโบราณมรดกโลก เปิดอาณาจักรเมโสโปเตเมีย
บาบิโลน เมืองโบราณมรดกโลก เปิดอาณาจักรเมโสโปเตเมีย
Muzika
10 กรกฎาคม 2562 ( 09:00 )
56.4K
6
บาบิโลน (Babylon) อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ในยุคเมโสโปเตเมียโบราณ (Mesopotamia) อายุ 4,000 ปี ที่เพิ่งได้รับการรับรองขึ้นเป็นพื้นที่มรดกโลก ปี 2562 นับว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองโบราณที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมโบราณโลก ที่แม้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ของชนชาติในบริเวณนี้จะค่อนข้างสับสนอยู่มาก เพราะมีการรบพุ่งกันตลอดเวลา ผู้ชนะได้ยึดครองทุกอย่าง แต่การคงอยู่ของเมืองบาบิโลนนี่เอง ที่เป็นหลักฐานชั้นเยี่ยมของความรุ่งเรืองในอดีตกาล ครั้งนี้ผมจะพาคุณไปเที่ยวถึงประเทศ อิรัค อันเป็นที่ตั้งของบาบิโลนนั่นเองครับ
บาบิโลน มรดกโลก
ที่ตั้งของนครบาบิโลน Babylonia Kingdoms
ที่ตั้ง นครบาบิโลน
นครบาบิโลนนั้นตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำไทกริส (Tigris) และยูเฟรทีสตอนล่าง (Euphrates) ซึ่งปัจจุบันคือดินแดนส่วนใหญ่ของประเทศอิรัก อย่างที่เราเกริ่นไปตอนต้นว่าที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย ซึ่งเป็นคำกรีกโบราณ (meso = กลาง + potamia = แม่น้ำ) จึงมีความหมายว่า "ดินแดนระหว่างแม่น้ำ (ไทกริสกับยูเฟรทีส)" ด้วยภูมิประเทศแบบนี้เองจึงทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การทำเกษตรกรรม ผู้คนจากหลากหลายอาณาจักรล้วนเดินทางมายังดินแดนบริเวณนี้เพื่อทำมาหากิน และสร้างอารยธรรมของตัวเอง
ยินดีต้อนรับสู่ ทรูไอดี
ดูทีวีออนไลน์
ดูหนัง/ซีรีส์
ข่าว
กีฬา
สิทธิพิเศษ
บันเทิงดารา
เพลง
ดูดวง
ท่องเที่ยว
อาหาร
ผู้หญิง
อินเทรนด์
แพ็กเกจ
ช้อปปิ้ง
กล่องทรูไอดี ทีวี
ท่องเที่ยว
หน้าแรกท่องเที่ยว
ที่เที่ยว
ที่เที่ยวกรุงเทพ
ที่พัก
เที่ยวต่างประเทศ
เรื่องเที่ยวน่ารู้
เลือกที่เที่ยว
บาบิโลน เมืองโบราณมรดกโลก เปิดอาณาจักรเมโสโปเตเมีย
บาบิโลน เมืองโบราณมรดกโลก เปิดอาณาจักรเมโสโปเตเมีย
Muzika
10 กรกฎาคม 2562 ( 09:00 )
56.4K
6
บาบิโลน (Babylon) อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ในยุคเมโสโปเตเมียโบราณ (Mesopotamia) อายุ 4,000 ปี ที่เพิ่งได้รับการรับรองขึ้นเป็นพื้นที่มรดกโลก ปี 2562 นับว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองโบราณที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมโบราณโลก ที่แม้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ของชนชาติในบริเวณนี้จะค่อนข้างสับสนอยู่มาก เพราะมีการรบพุ่งกันตลอดเวลา ผู้ชนะได้ยึดครองทุกอย่าง แต่การคงอยู่ของเมืองบาบิโลนนี่เอง ที่เป็นหลักฐานชั้นเยี่ยมของความรุ่งเรืองในอดีตกาล ครั้งนี้ผมจะพาคุณไปเที่ยวถึงประเทศ อิรัค อันเป็นที่ตั้งของบาบิโลนนั่นเองครับ
บาบิโลน มรดกโลก
ที่ตั้งของนครบาบิโลน Babylonia Kingdoms
ที่ตั้ง นครบาบิโลน
นครบาบิโลนนั้นตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำไทกริส (Tigris) และยูเฟรทีสตอนล่าง (Euphrates) ซึ่งปัจจุบันคือดินแดนส่วนใหญ่ของประเทศอิรัก อย่างที่เราเกริ่นไปตอนต้นว่าที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย ซึ่งเป็นคำกรีกโบราณ (meso = กลาง + potamia = แม่น้ำ) จึงมีความหมายว่า "ดินแดนระหว่างแม่น้ำ (ไทกริสกับยูเฟรทีส)" ด้วยภูมิประเทศแบบนี้เองจึงทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การทำเกษตรกรรม ผู้คนจากหลากหลายอาณาจักรล้วนเดินทางมายังดินแดนบริเวณนี้เพื่อทำมาหากิน และสร้างอารยธรรมของตัวเอง
เฮอรอโดทัส (Herodutus) บิดาแห่งประวัติศาสตร์ชาวกรีก บันทึกไว้ว่า นครบาบิโลนมีพื้นที่ 630 ตารางกิโลเมตร มีอาคารที่สร้างด้วยอิฐดินสีน้ำตาลขุ่น เพราะได้จากการขุดดินโคลนมาทำ เมืองมีกำแพงล้อมยาว 100 กิโลเมตร และหนา 7 เมตร กำแพงมีประตูที่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ 100 บาน สำหรับประชาชนในการเข้า-ออกเมือง และมีประตูสำคัญที่สุดคือ ประตูอิชทาร์ (Ishtar Gate) ที่สูง 23 เมตร ประดับด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินเรียงกันเป็นรูปสัตว์ชื่อ mushhushshu ที่มีศีรษะเป็นมังกร ลำตัวเป็นวัว สองขาหน้าเป็นขาแมว สองขาหลังเป็นขานกอินทรีย์ และมีหางเป็นหางแมงป่อง
ชาวบาบีโลเนียนนับถือเทพมาร์ดุค (Marduk) เป็นเทพสูงสุด ผู้ทรงควบคุมการเคลื่อนที่ของดาวทุกดวงในท้องฟ้า และทรงเป็นเทพผู้ปกป้องเมือง ในวันขึ้นปีใหม่ประชาชนจะนำรูปปั้นของเทพมาร์ดุคขึ้นรถม้า เดินนำขบวนผ่านประตูเมืองอิชทาร์ (Ishtar) ไปตามถนนให้ชาวบ้านได้สักการะทั่วกัน
เมื่อต่างคนต่างต้องการครอบครองแผ่นดินที่มีทั้งความสงบ และอุดมสมบูรณ์ ทำให้บริเวณแถบนี้มีการทำสงคราม รบพุ่งกันอยู่เนืองๆ ทั้งเมืองอูรุก เมืองเอชนันนา เมืองอัสสูร์ เมืองมารี ฯลฯ กระทั่งสงครามมาจบลงที่ชัยชนะของเมืองบาบิโลน ซึ่งตั้งตัวเป็นศูนย์กลางของอาณาจักร และมีอายุยืนยาวต่อมาถึง 423 ปี (2,017 ถึง 1,594 ปีก่อนคริสตกาล)
พระเจ้าฮัมมูราบี (1,792-1,750 ปีก่อนคริสตกาล) ผู้ขับไล่กองทัพข้าศึกออกจากอาณาจักรได้อย่างราบคาบ บ้านเมืองมีความสงบสุข มึความรุ่งเรืองด้านอักษรศาสตร์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการสร้างประมวลกฎหมายของพระเจ้าฮัมมูราบี (The Code of Hammurabi) จารึกอยู่บนแท่งหินดิโอไรท์สีดำ สูง 2 เมตร 40 เซนติเมตร ซึ่งท่านต้องจัดระบบกฎหมายใหม่เพื่อให้เกิดความสะดวกในการบริหารเมือง เมืองที่ต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ในขอบขัณฑสีมาของท่านให้เป็นหนึ่งเดียว
กฎหมายของฮัมมูราบีนั้นนับได้ว่าเป็นระบบประมวลกฎหมายแรกของโลก แบบระบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” แม้บทลงโทษตามกฎหมายฮัมมูราบีอาจดูว่าโหดเหี้ยมตามความคิดของผู้คนในยุคนี้ แต่การทำกฎหมายให้เป็นลายลักษณ์อักษร และพยายามใช้บังคับอย่างเป็นระบบกับทุกคน และการ “ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อนจนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่าผิด” ที่นับเป็นวิวัฒนาการทางอารยธรรมที่สำคัญของมนุษย์
การล่มสลายของจักรวรรดิบาบิโลน (เก่า)
ก็เป็นดั่งเช่นอาณาจักรใหญ่ที่อื่นของโลก เมื่ออาณาจักรบาบิโลนเริ่มอ่อนแอลง ก็ถูกชาวฮิตไทต์ (Hittite) เข้าปล้นสะดมเมื่อ 1,590 ปีก่อนคริสต์ศักราช ต่อมาพวกฮิตไทต์ก็เสียอำนาจให้แก่พวกคัสไซต์ และเข้าครอบครองกรุงบาบิโลนเป็นเวลาถึง 400 ปี
กระทั่ง 612 ปีก่อนคริสต์ศักราช พวกคาลเดียน (Chaldean) ซึงเป็นชนเผ่าฮีบรูทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรทีส ก็สามารถเข้ายึดกรุงนิเนเวห์ได้สำเร็จ และสถาปนากรุงบาบิโลนขึ้นเป็นเมืองหลวงอีกครั้งหนึ่ง และจัดตั้งเป็นอาณาจักรบาบิโลเนียใหม่ขึ้นมา และเจริญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุดอีกครั้ง
ในพระคัมภีร์ไบเบิลบทปฐมกาล 11 (Genesis 11) นั้นบันทึกไว้ว่า แรกเริ่มเดิมทีมนุษย์เราพูดจาภาษาเดียวกันทั้งหมด และได้พยายามที่จะสร้างสิ่งก่อสร้างที่สูงเทียมฟ้าขึ้นมาในนครแห่งหนึ่ง เมื่อมนุษย์สื่อสารด้วยภาษาเดียวกันจึงทำให้พวกเขาเข้าใจกันได้เป็นอย่างดี มนุษย์จึงสามารถทำได้ทุกสิ่งที่ต้องการ เมื่อพระเจ้าเห็นดังนั้นจึงเข้ามาแทรกแซงด้วยการทำให้มนุษย์พูดกันคนละภาษาเสีย ในที่สุดมนุษย์ทั้งหลายก็กระจัดกระจายออกไปทั่วแผ่นดิน และเลิกล้มความตั้งใจที่จะสร้างเมืองและสิ่งปลูกสร้างสูงเทียมฟ้าไป
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ หอคอยบาเบลที่ปรากฏในบทปฐมกาล 11 นั้นอาจเคยถูกสร้างเอาไว้ที่เมืองบาบิโลนนี่เอง...
พระคัมภีร์บทปฐมกาล 11ให้ข้อมูลไว้ว่า หอคอยบาเบลนี้อยู่ในบริเวณที่เรียกว่า ชินาร์ (Shinar) ซึ่งเป็นคำเรียกโดยทั่วไปของดินแดนเมโสโปเตเมีย ซึ่งอาณาจักรที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองถึงขีดสุดในบริเวณนี้เห็นจะมีเพียงบาบิโลนนี่เอง อีกทั้งคำว่า “ชินาร์” ยังปรากฏในพระคัมภีร์บทอื่นๆ อีกหลายครั้ง ซึ่งล้วนแล้วแต่ชี้ไปหาเมืองบาบิโลนทั้งสิ้น
ซิกกูแรตนั้นเป็นมหาวิหารของชาวเมโสโปเตเมีย ทรงคล้ายพีระมิดขั้นบันได มีหลายชั้นซ้อนขึ้นไป บ้างก็ว่าอาจสูงได้ถึง 7 ชั้น ชั้นบนสุดเป็นวิหารสำหรับบูชาเทพเจ้ามาร์ดุค ซึ่งเป็นเทพอุปถัมภ์หลักของนครบาบิโลน
ทั้งยังมีหลักฐานจากศิลาจารึกที่สลักขึ้นในสมัยพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ที่ 2 ว่าในยุคนี้มีการบูรณะขนานใหญ่เกิดขึ้น (สวนลอยยังสร้างมาแล้ว หอคอยก็คงไม่ยาก) ในภาพสลักบนศิลาแสดงภาพพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ที่ 2 และซิกกูแรต 7 ชั้น พร้อมอักษรลิ่มสลักเอาไว้ ได้ความว่า "เนบูคัดเนซซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลน ได้บูรณะวิหารอีเตเมนอันกิ และวิหารอีอูร์เมอีมินอันกิ (E-ur-me-imin-anki) จนสมบูรณ์ ข้าได้ระดมแรงงานมาจากทั่วทุกสารทิศ จากเมดิเตอร์เรเนียนจดอ่าวเปอร์เซีย "
สมมติฐานนี้จึงถือว่ามีความเป็นไปได้สูงที่หอคอยบาเบลจะอยู่ที่นี่ นครบาบิโลนนั่นเองครับ
กษัตริย์องค์สุดท้ายของอาณาจักรคือ Nabonidus (556-539 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งถูกจักรพรรดิ Cyprus มหาราชแห่งอาณาจักรเปอร์เซีย (Persia) ทรงยกทัพมายึดครองกรุงบาบิโลนแล้วเผาเสียจนหมดสิ้น และไม่เคยมีการบูรณะซ่อมแซมใดๆ เลย เหลือแต่ซาก และอาคารร้างเพราะผู้คนทั้งหมดละทิ้งเมืองไปหมดแล้ว กระทั่งปี 1899 Robert Koldewey นักโบราณคดีชาวเยอรมันได้ขุดพบซากปรักหักพังของเมือง โลกจึงได้พบกับอารยธรรมบาบิโลนอีกครั้งหนึ่ง
1.ยุโรปเหนือ ได้แก่ เดนมาร์ก
ฟินแลนด์
ไอซ์แลนด์
ไอร์แลนด์
นอร์เวย์
สวีเดน
เอสโตเนีย
ลัตเวีย
ลิทัวเนีย
ยุโรปตะวันออก ได้แก่ เบลารุส
บัลแกเรีย
สาธารณรัฐเช็ก
ฮังการี
มอลโดวา
โปแลนด์
โรมาเนีย
สหพันธรัฐรัสเซีย
สาธารณรัฐสโลวัก
ยูเครน
*** ประกาศอีดอกประกาศ ปิดมู้ ***
บัดนี้ด้อมเรามี Open chat แล้ว ใครอยากติดตามแสดงความคลั่งรักก็มาจอยกันได้ พ่กมึงตามกูมาให้หมดเลย จิ้ม http://imgur.com/a/XvyONxJ
**** จากหัวหน้าด้อม *****
*** ประกาศอีดอกประกาศ ปิดมู้ ***
บัดนี้ด้อมเรามี Open chat แล้ว ใครอยากติดตามแสดงความคลั่งรักก็มาจอยกันได้ พ่กมึงตามกูมาให้หมดเลย จิ้ม http://imgur.com/a/XvyONxJ
**** จากหัวหน้าด้อม *****
*** ประกาศอีดอกประกาศ ปิดมู้ ***
บัดนี้ด้อมเรามี Open chat แล้ว ใครอยากติดตามแสดงความคลั่งรักก็มาจอยกันได้ พ่กมึงตามกูมาให้หมดเลย จิ้ม http://imgur.com/a/XvyONxJ
**** จากหัวหน้าด้อม *****
*** ประกาศอีดอกประกาศ ปิดมู้ ***
บัดนี้ด้อมเรามี Open chat แล้ว ใครอยากติดตามแสดงความคลั่งรักก็มาจอยกันได้ พ่กมึงตามกูมาให้หมดเลย จิ้ม http://imgur.com/a/XvyONxJ
**** จากหัวหน้าด้อม *****
*** ประกาศอีดอกประกาศ ปิดมู้ ***
บัดนี้ด้อมเรามี Open chat แล้ว ใครอยากติดตามแสดงความคลั่งรักก็มาจอยกันได้ พ่กมึงตามกูมาให้หมดเลย จิ้ม http://imgur.com/a/XvyONxJ
**** จากหัวหน้าด้อม *****
*** ประกาศอีดอกประกาศ ปิดมู้ ***
บัดนี้ด้อมเรามี Open chat แล้ว ใครอยากติดตามแสดงความคลั่งรักก็มาจอยกันได้ พ่กมึงตามกูมาให้หมดเลย จิ้ม http://imgur.com/a/XvyONxJ
**** จากหัวหน้าด้อม *****
*** ประกาศอีดอกประกาศ ปิดมู้ ***
บัดนี้ด้อมเรามี Open chat แล้ว ใครอยากติดตามแสดงความคลั่งรักก็มาจอยกันได้ พ่กมึงตามกูมาให้หมดเลย จิ้ม http://imgur.com/a/XvyONxJ
**** จากหัวหน้าด้อม *****
*** ประกาศอีดอกประกาศ ปิดมู้ ***
บัดนี้ด้อมเรามี Open chat แล้ว ใครอยากติดตามแสดงความคลั่งรักก็มาจอยกันได้ พ่กมึงตามกูมาให้หมดเลย จิ้ม http://imgur.com/a/XvyONxJ
**** จากหัวหน้าด้อม *****
*** ประกาศอีดอกประกาศ ปิดมู้ ***
บัดนี้ด้อมเรามี Open chat แล้ว ใครอยากติดตามแสดงความคลั่งรักก็มาจอยกันได้ พ่กมึงตามกูมาให้หมดเลย จิ้ม http://imgur.com/a/XvyONxJ
**** จากหัวหน้าด้อม *****
*** ประกาศอีดอกประกาศ ปิดมู้ ***
บัดนี้ด้อมเรามี Open chat แล้ว ใครอยากติดตามแสดงความคลั่งรักก็มาจอยกันได้ พ่กมึงตามกูมาให้หมดเลย จิ้ม http://imgur.com/a/XvyONxJ
**** จากหัวหน้าด้อม *****
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.