เรื่องเงินกู้ทางบัญชีเป็นแบบนี้ครับ (จริงๆ เคยอธิบายไปแล้วรอบนึงแบบละเอียด เดี๋ยวผมลองหาดูก่อน จะเอามาแปะให้)
บัญชีแบ่งสมุดเป็น 5 เล่ม
1. สินทรัพย์
2. หนี้สิน
3. ส่วนของเจ้าของ
4. รายได้
5. ค่าใช้จ่าย
ดังนั้นถ้ากู้เงิน 100 บาท ดอกเบี้ย 5% ต่อปี
Dr. เงินสด/เงินฝากธนาคาร 100 (สินทรัพย์ - ได้รับเงินมา เป็นเงินรับมาจากเจ้าหนี้เงินกู้)
Cr. เจ้าหนี้เงินกู้ 100 (หนี้สิน - เจ้าหนี้เงินกู้)
ครบ 1 ปี ผู้กู้จ่ายเงินคืน ผู้กู้เต็มจำนวน พร้อมดอกเบี้ย
Dr. เจ้าหนี้เงินกู้ 100 (หนี้สิน - ล้างหนี้สิน เนื่องจากคืนเงินกู้ให้แก่เจ้าหนี้เงินกู้)
Dr. ดอกเบี้ยจ่าย 5 (รายจ่าย/คชจ. - รายจ่ายที่เกิดจากการกู้เงิน)
Cr. เงินสด/เงินฝากธนาคาร 105 (สินทรัพย์ - เงินสดที่เสียไปจากการชำระหนี้เงินกู้ พร้อมดอกเบี้ย)
จะเห็นว่าทางบัญชีนั้นการกู้เงิน ทางผู้กู้เองไม่มีการรับรู้รายรับ/รายได้ ในบัญชีเลย เพราะการกู้เงินเป็นหนี้สิน ไม่ใช่รายรับ/รายได้ครับ
* * * * *
อันนี้ที่เคยพิมพ์ไว้ครับ
หลักการบัญชีเบื้องต้น แบ่งหมวดบัญชีออกเป็น 5 หมวด
1. สินทรัพย์ (บันทึกทางฝั่งเดบิต)
2. หนี้สิน (บันทึกทางฝั่งเครดิต)
3. ส่วนของเจ้าของ (บันทึกทางฝั่งเครดิต)
4. รายได้ (บันทึกทางฝั่งเครดิต)
5. ค่าใช้จ่าย (บันทึกทางฝั่งเดบิต)
บริษัทเป็ดปักกิ่งจำกัด จัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2049 โดยที่โดนัลด์ดั๊กเอาเงินสดมาลงทุนเป็นค่าหุ้น 1,000,000 บาท พร้อมทั้งยืมเงินกู๊ฟฟี่มาใช้ในกิจการอีก 500,000 บาท (ดอกเบี้ย 18 % ต่อปี) ในรอบปีบัญชีบริษัทเป็ดปักกิ่งจำกัด มีรายได้ทั้งสิ้น 250,000 บาท มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งสิ้น 150,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายทางการเงินเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ 90,000 บาท การลงบัญชีจะเป็นดังนี้
1. จัดตั้งบริษัท
Dr. เงินสด 1,000,000
Cr. ทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 1,000,000
* * * * *
2. กู้เงินกู๊ฟฟี่
Dr. เงินสด 500,000
Cr. เจ้าหนี้เงินกู้ยืม 500,000
* * * * *
3. รายได้ในปี
Dr. เงินสด 250,000
Cr. รายได้ 250,000
* * * * *
4. ค่าใช้จ่ายในปี
Dr. ค่าใช้จ่าย 150,000
Cr. เงินสด 150,000
* * * * *
5. ตั้งดอกเบี้ยเงินกู้ยืมค้างจ่าย
Dr. ดอกเบี้ยจ่าย 90,000
Cr. ดอกเบี้ยค้างจ่าย 90,000
* * * * *
ในงบแสดงฐานะการเงินจะแสดงรายการดังนี้
1.งบดุล
สินทรัพย์
เงินสด 1,600,000
หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ
เจ้าหนี้เงินกู้ยืม 500,000
ดอกเบี้ยค้างจ่าย 90,000
รวมหนี้สิน 590,000
ทุนที่จดทะเบียนและชำระแล้ว 1,000,000
กำไร 10,000
รวมส่วนของเจ้าของ 1,010,000
รวมหนี้สิน และส่วนของเจ้าของ 1,600,000
* * * * *
2. งบกำไรขาดทุน
รายได้ 250,000
ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน 150,000
กำไร(ขาดทุน)ขั้นต้น 100,000
ค่าใช้จ่ายทางการเงิน 90,000
กำไร(ขาดทุน)สุทธิ 10,000
* * * * *
จะสังเกตุได้ว่า สินทรัพย์ จะต้องเท่ากับ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ เนื่องจากการบัญชีเป็นหลักของความสมดุลระหว่างเดบิต และเครดิต ดังนั้นที่คุณบานเข้าใจว่าสินทรัพย์ คือผลรวมของ หนี้สิน ทุน และกำไร จึงไม่ถูกต้องครับ เพราะ = ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า "คือ" แต่หมายความว่า "เท่ากับ" ครับ
* * * * *
เพิ่มให้นิดนึง กรณีปีถัดไป บริษัทเป็ดปักกิ่งจำกัด ทำการจ่ายเงินคืนให้กับกู๊ฟฟี่ ในวันที่ 31 มกราคม 2050 ทั้งจำนวนพร้อมดอกเบี้ย
Dr. เจ้าหนี้เงินกู้ยืม 500,000
Dr. ดอกเบี้ยค้างจ่าย 90,000
Dr. ดอกเบี้ยจ่าย 7,643.84 (ส่วนของวันที่ 1-31 มกราคม 2050)
Cr. เงินสด 597,643.84
* * * * *
ตรงนี้จะเห็นว่าเงินที่เราจ่ายออกไปแยกเป็นสองก้อนคือส่วนที่เป็นหนี้สิน 590,000 บาท มาจากการล้างเจ้าหนี้เงินกู้ยืม และดอกเบี้ยค้างจ่าย (ตัวดอกเบี้ยค้างจ่ายนี้รับรู้เป็นค่าใช้จ่ายไปแล้วในปี 2049) และอีกส่วนนึงคือดอกเบี้ยจ่าย 7,643.84 ที่ถือเป็นค่าใช้จ่ายในปีปัจจุบันครับ
* * * * *
น่าจะพอเห็นภาพแบบง่ายๆ นะครับ สำหรับผมมีคำแนะนำเดียวสำหรับธนาธรคือไล่ฝ่ายบัญชีการเงิน ฝ่ายกฏหมาย และเลขาออกซะ เพราะเรื่องที่ป่วนๆ มาทั้งเรื่องหุ้น เรื่องการใช้คำในเรื่องการให้พรรคกู้เงิน (ธนาธรใช้คำว่า เจ้าหนี้การค้า แทนคำว่าเจ้าหนี้เงินกู้ยืม หรือคำอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นเจ้าหนี้จากการให้พรรคยืมเงิน) ไล่ออกเหอะจริงๆ เงินเยอะแยะไปจ้างคนที่รู้เรื่องจริงๆ แล้วพร้อมทำให้ แทนที่คนที่ไม่รู้เรื่อง แต่พร้อมทำให้เถอะ ไม่คุ้มหรอก