- แล้วเรื่อง Info-Dump แบบโจ่งแจ้งนี่ก็ด้วย คือมึงพยายามใช้สูตรคำนวนและตัวเลขทำให้นิยายดูน่าสนใจ (หรือคิดไปเองว่าจะทำให้ดูน่าสนใจขึ้น) ทั้งๆ ที่จริงมันทำให้นักอ่านรำคาญ เป็น dump แบบที่กูเกลียดมากที่สุดในทุกประเภทของ dump และเป็น nonsense dump ผสม useless dump ด้วย ขยายความคือมันคือการเทข้อมูลที่ไม่ได้ทำให้นิยายมึงดูเหนือ, เทพ, สุดเจ๋ง ขึ้นมา ในทางกลับกันสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่สายคำนวน ไม่ได้ชอบการอ่านสมการต่างๆ เห็นแล้วอาจปิดนิยายทิ้งทันที (แล้วพวกมึงก็เข้าใจใช่ไหมว่า เพื่อนสมัยเรียนคนที่ชอบวิชาคณิตศาสตร์จริงๆ มันแทบจะไม่มี) เป็น annoying dump ด้วย เพราะมันพ่วงมากับตัวเลขจำนวนมาก เห็นแล้วทำให้รำคาญลูกตา
เท่าที่กูลองอ่านไปถึงช่วงตอนที่ 20 นิยายของไอ้นี่ไม่ได้เทพจนรู้สึกเหมือนอ่านผลงานของ ไอแซค อาซิมอฟ แต่เป็นนิยายพยายามขายเนื้อหาด้วยวิชาสายวิทย์-คณิตของนักเรียนมัธยมปลาย โดยการเอาสูตรคำนวน เกร็ดความรู้ ต่างๆ มาแปะไว้ในเรื่องอย่างไร้ชั้นเชิงและยัดเยียด นานมาแล้วกูเคยพูดไว้ในกระทู้บทเก่าๆ ตรงไหนสักที่ว่า "คนที่เขียนนิยายไซไฟเก่งมากจริงๆ จะสามารถอธิบายเกี่ยวกับอนุภาคควาร์กให้เด็กประถมฟังแล้วเข้าใจง่ายเหมือนเรียนเรื่องสสาร แล้วการอธิบายนั้นก็มาในรูปแบบเรื่องเล่าที่สนุก ฟังแล้วไม่ง่วงด้วย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย" แล้วนิยายเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้กูรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด ตัวเลขทั้งหลายในสมการของแม่ง ก็ไม่ต่างอะไรกับ ตูม! บึ้ม!! ฟ้าววววววว เปรี้ยงๆ กุดุสๆ เพราะมันเป็นการเลี่ยงบทบรรยาย เป็นความมักง่ายในสายอาชีพนักเขียน ทั้งตัวเลขและ Sound effect พวกนี้ให้ผลแบบเดียวกัน คือทำให้นักอ่านต้อง "ดู" สัญลักษณ์แทน "อ่าน" ตัวอักษร และนิยายระดับที่โม่งเคยจัดไว้ในหมวด "ใต้หิ้ง" จนถึง "บนหิ้ง" ก็เป็นนิยายที่ไม่ค่อยมีตัวเลขหรือ SFX อยู่ในเรื่อง หรือต่อให้มี มันก็จะมาในเวลาที่เหมาะสมมากๆ อ่านเสียงนั้นแล้วทำให้อารมณ์และบรรยายกาศในฉากยิ่งพีคขึ้นไปอีก ซึ่งโมเม้นท์นี้มันมีไม่บ่อยนักในนิยายแต่ละเรื่อง ขืนปล่อยเรื่องนี้เข้าไปในกระทู้จัดอันดับหิ้งหนังสือบอร์ดโม่ง (ที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว) มีหวังโดนจัดไปไว้ใน "ชั้นวางรองเท้าชั้นล่างสุด" "เหมาะกับขาตู้วางรองเท้า" "ขยะกระดาษรอเผา" ไม่ก็ "กระดาษเช็ดรองเท้าเปียกฝน" แหงๆ แค่ฝันจะไปถึงระดับ "อยู่ในตู้หนังสือตรงระดับสายตา" หรือ "อยู่ในตู้หนังสือชั้นล่าง" ยังแทบจะไม่มีหวังเลย
- ไม่ทำเชิงอรรถ แต่ผลักภาระให้นักอ่านไปกูเกิ้ลเอาเอง อันนี้สอบตกในเรื่องความรับผิดชอบ สามัญสำนึก และความเอาใจใส่ต่อนักอ่าน แล้วก็เหมือนกับที่โม่งบนๆ ว่าไว้ ถ้ามึงกากเกินไปจนไม่สามารถสื่อสารให้นักอ่านเข้าใจในผลงานในขั้นตอนเดียวตั้งแต่อ่านรอบแรก แปลว่ามึงแม่งล้มเหลวในฐานะนักเขียน การโชว์เหนือของมึงทำให้ฉากเด็กชายเดินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวปกติกลายเป็น "คุณป้าครับ ขอซื้อก๋วยเตี๋ยว 2 ยกกำลัง 2 ถุง น้ำตกพิเศษเส้นนะครับ" แล้วป้าก็ตอบกลับว่า "นี่จ๊ะ ทั้งหมด สแควรูท 16 คูณ 35 บาท" อ่านแล้วรู้สึกอิหยังวะปนหงุดหงิด
- นักเขียนไม่รู้จักสำเหนียก คิดว่าตัวเองเก่งพอจนสามารถแต่งนิยายระดับนี้ออกมาได้ นั่นทำให้เพดานการพัฒนาของมันถึงทางตัน เพราะความเชื่อผิดๆ ว่านิยายของแม่งสุดยอด ไม่มีใครเขียนได้แบบกูแล้ว ขนาดอาจารย์กูยังพูดเลยว่า ทุกคนสามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ได้ ตราบใดที่ไม่เลือกบินเข้าถ้ำเสียเอง ความคิดเหี้ยๆ ของเจ้าของเรื่องเนี่ยแหล่ะ ที่จะทำให้มันเก่งไปกว่านี้ไม่ได้ คือไอ้นี่ไม่เข้าใจเลยว่าทุกวันคือการเรียนรู้ แล้วเราก็ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่อง ถ้าไม่ขยันหาความรู้ใส่ตัวเพิ่มเรื่อยๆ ก็เหมือนย่ำอยู่กับที่ (ดีไม่ดีจะมูนวอร์คถอยหลังด้วย) นักเขียนที่ดีก็จะมีอะไรๆ ที่เหมือนกัน คือยอมรับตัวเองยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ รู้สึกไม่พอใจในงานที่ตัวเองเขียนแม้มันจะออกมาดีขึ้นเรื่อยๆ แสวงหาอะไรใหม่ๆ เพื่อเอามาพัฒนาฝีมือของตนเอง และชอบความท้าทายตั้งเป้าหมายให้เอื้อมถึงยาก
>>942 ใช่เลยเพื่อน ไม่แนะนำให้ทำเด็ดขาด ถ้าไม่อยากได้รางวัล อิหยังวะอวอร์ดสาขาเสียงประกอบส้นตีนยอดเยี่ยม แถมคนที่มามอบให้บนเวทีก็เป็นถึง ด็อกเตอร์ป๊วบ เจ้าของเรื่อง ด่ะ ไวท์โร้ด ด้วย
>>943 ตอนนั้นกูคิดในใจว่า ถ้านิยายแบบนี้มีคนอ่าน กูหลับตาเอาตีนเขี่ยกระดาษก็ต้องมีคนอ่านล่ะวะ
>>947 ที่ว่า 5 ส. นั่นกูประชดนะ แต่ถ้าอยากอ่านสับก็อยู่ใน >>>/webnovel/8477/463-465/ ( < เอาเม้าส์ชี้อ่านได้เลยไม่ต้องกดวาร์ป)