ตอนที่ 14 : บทที่ 4 : สิทธิของจำเลย (2)
บทนี้เป็นช่วงสุดท้ายของการไต่สวน พระเอกโดนผู้คุมกฏลำดับ 4 ที่เคยเป็นหัวหน้าหน่วยรบพิเศษจี้ถาม ว่ามึงหน่วงเวทเป็นได้ยังไงวะ ในเมื่อเทคนิคนี้มีสอนเฉพาะในหน่วยรบพิเศษเท่านั้น คนที่ตามไอ้กัสกลับมาที่โรงเรียนก็ไม่มีเลยสักคน ดังนั้นคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือน้องเน่ เพราะเน่เคยไปที่ค่ายฝึกแนวหน้า ถ้าสอบสวนแล้วเจอว่าน้องเน่แอบสอนไอ้ไนท์จริง จะให้เจ้าหน้าที่มาตัดลิ้นควักลูกตาทีหลัง มีการสอบสวนเพิ่มอีกเรื่องคนที่สอนหน่วงเวท พระเอกก็ยืนยันว่าเป็นนักเรียนที่ไหนไม่รู้ เฮีย 4 ไม่เชื่อแล้วถามซ้ำ ด้วยความที่ไนท์เป็นคนขี้รำคาญเลยตะคอกใส่ผู้คุมกฏจนเกือบโดนพี่สายฟ้าแดงต่อยหน้า พอถามต่ออีกเรื่องเกี่ยวกับการหน่วงแล้ว เฮีย 4 สั่งว่าห้ามไม่ให้ไนท์แตะรูบิก้าอีก เพราะไอ้พระเอกมีสกิล OP อะไรสักอย่างติดตัวมา ถ้าฝ่าฝืนให้เชือดได้ทันที แล้วการไต่สวนก็โดนลัดขั้นตอนจนจบเฉย ไอ้กัสโดนตัดสินให้ต้องโดนแช่แข็งทั้งเป็น 20 ชั่วโมง โดนพักการเรียนจากศูนย์ฝึกหน่วยรบพิเศษ แล้วก็โดนปลดออกจากตำแหน่งทีมประลองเวทระหว่างอาณาจักร ไอ้กัสได้ยินก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ไม่ยอมรับคำตัดสินข้อสุดท้าย ผ.อ. เลยตบหน้าแม่งจนกลายเป็นนิวไทป์ เอ๊ย! ด่าว่าตระกูลเราเนี่ยไม่เคยมีใครทำทุเรศแบบมึงเลย มีอย่างที่ไหนท้าคนพิการสู้แล้วเสือกแพ้ เสื่อมเสียชื่อเสียงสัสๆ
ตอนที่ 15 : บทที่ 4 : สิทธิของจำเลย (3)
ตอนนี้เริ่มด้วยบทลงโทษของไอ้ไนท์ อย่างแรกคือโดนแช่แข็ง 1 ชั่วโมง กับขังเดียวห้องธรรมดา 5 วัน อย่างที่ 2 คือโดนใช้ให้ไปเก็บสมุนไพรในเขตที่มีหมอกพิษ ข้อสุดท้ายคือให้ทำลายแหล่งพลังเวทภายในตัวพระเอก กับทำลายอวัยวะให้กลายเป็นคนพิการจริงๆ อาจารย์ประจำห้องพยาบาลพยายามประท้วงว่าโทษข้อสุดท้ายหนักเกินไป แต่ผู้ดูแลโรงเรียนลงความเห็นว่าที่ตัดสินเนี่ยโอเคแล้ว พระเอกได้ยินก็หัวเราะร่วนเหมือนคนเสียเส้น ผ.อ. ได้ยินก็โมโหทุบโตะให้ไอ้ไนท์เงียบแล้วอธิบาย ไอ้ไนท์บอกไปว่าที่ผ่านมาแม่งไร้ประโยชน์ อุตส่าห์เชื่อมจิตกับน้องเน่เพื่อให้ประสาทสัมผัสต่างๆ กลับมา แต่พอใกล้จะหนีความพิการพ้น ดันโดนตัดสินให้ต้องแขนด้วนตาบอด เลยอดขำไม่ได้ คือตอนนี้นิสัยพระเอกแม่งเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ตอนที่ได้ความทรงจำกลับมาเลย อ่านดูแล้วจากทั้งสีหน้า การกระทำ วิธีคิด เหมือนเป็นคนละคนกับตอนแรก ซึ่งการทำให้คนอ่านเชื่อหรือรู้สึกแบบนี้ได้ มันต้องใช้ทักษะค่อนข้างสูง เดี๋ยวไว้จะคุยอีกทีข้างล่าง เอ่อ แล้วท้ายตอนก็มีพูดถึงเหตุการณ์ในวันที่พระเอกโดนพาวาร์ปมาต่างโลก ว่าตอนแรกเป็นไงมาไง
ตอนที่ 16 : บทที่ 4 : สิทธิของจำเลย (4)
ไอ้ไนท์เล่าว่าคนที่โยนมันเข้าวาร์ปคือใครไม่รู้ ใส่ผ้าคลุมดำสวมหน้ากากประหลาด ตอนนั้นคือในห้องก็เงียบไปเลย บรรยากาศโคตรมาคุ อยู่ดีๆ ไอ้ลุงผู้คุมกฏลำดับ 3 ก็พูดว่า หน้ากากนั่นลักษณะเป็นอย่างที่ลุงพูดไหม พอรู้ว่าคนที่พาพระเอกมาเป็นใคร ลุงก็เรียกรูบิก้าประจำตัวออกมาแล้วโดดลงจากโพเดี้ยมวิ่งตรงมาหาไอ้ไนท์ ส่วนทูตขาวที่เป็นสาวหุ่นดีขี้เล่นก็เลือดขึ้นหน้าร่ายเวทด้วยรูบิก้าคริสตัลของตัวเอง สไลด์สเกตน้ำแข็งเข้าหาพระเอกเหมือนกัน ก็มีฉากการใช้เวทมนตร์ของคนอื่นในห้องเพื่อหยุด 2 คนแรกที่ว่า พอกลับมาคุยกันต่อก็ได้ความว่า พระเอกโดนบอสใหญ่พาตัวมาที่โลกนี้ ที่ลุงลำดับ 3 กับเจ๊ชุดขาวเม้งแตก เป็นเพราะคนของตัวเองโดนพวกฝั่งร้ายฆ่าไปหลายคน พอรู้ว่าพระเอกแม่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่บอสใหญ่วางไว้
เลยกะจะฆ่าทิ้งเพื่อตัดปัญหาด้วยความแค้น ก่อนจบตอนลุง ผ.อ. เสนอว่าทำไมไม่ชวนพระเอกมาเป็นพวกเดียวกับเรา ในเมื่อพระเอกแม่งยังพัฒนาได้อีกเยอะ พอคนในห้องไต่สวนได้ยินแบบนี้ ก็ชี้นิ้ว Objection (ขอคัดค้าน) กันค่อนห้อง
ตอนที่ 17 : บทที่ 4 : สิทธิของจำเลย (5)
คนที่อยู่ในห้องส่วนใหญ่ตั้งแง่กับไอ้ไนท์ เพราะนอกจากเป็นคนที่บอสใหญ่เลือกมาแล้ว ยังสุงสิงกับปฏิกูลสงครามอย่างน้องเน่อีก แต่ ผ.อ. ก็ยังเสนอว่าสามารถทำให้พระเอกเป็นพวกแบบทรยศไม่ได้อยู่ มีอาจารย์ 2 คนในห้องสนับสนุนเรื่องนี้ สักพัก ผ.อ. ก็บอกพระเอกว่าถ้าพระเอกทำตามเงื่อนไขแล้วจะไม่ต้องรับโทษ พอไนท์ถามว่าเป็นเงื่อนไขแบบไหน ก็ได้คำตอบว่า ให้พระเอกกลายเป็นประชาชนของอาณาจักร เรียนที่นี่จนจบปี 5 แล้วไปประลองเวท (น่าจะให้ไปแทนไอ้กัส) น้องเน่ได้ฟังก็ดีใจยกใหญ่ ส่วนไอ้ไนท์โมโหในใจเพราะคิดว่า ผ.อ. ยื่นข้อเสนอให้เพราะแค่อยากใช้กูเป็นเครื่องมือ สุดท้ายเลยบอกว่า "daka kotowaru" (กูขอปฏิเสธ) น้องเน่ได้ฟังถึงขั้นอึ้งกิมกี่