>>479 ต่อ
ตอนที่ 4 : ✖CHAPTER03✖ Mirror Mirror on the wall
ตอนที่ 4 บิวตี้กลับมาบ้านมีดราม่าเบาๆ แล้วคิดถึงเรื่องกระจก ส่องเจอความงามของตัวเองก็เลยบรรยายแบบหลงตัวเองเสียหน่อย (จ๊ะ อีคนสวยต้องสาป) สรุปคร่าวๆ ในบทนี้คือบทสนทนาระหว่างบิวตี้กับกระจกวิเศษ เนื้อเรื่องเข้าสู่ความเป็นนิยายแจ่มใสระยะสุดท้าย นางเอกเปลี่ยนเป็นพวกตลกโปกฮาปนกวนตีนเต็มตัว อีกระจกวิเศษก็ใช่ย่อยชงมุกตบมุกให้กันอย่างเป็นงาน สำนวนปัจจุบันสวิงสวายกลายเป็นนิยายสไตล์เพื่อฮา บรรยากาศและกลิ่นของความมันส์ในตอนที่ 1 หายเรียบ ชวนให้ต้องทบทวนใหม่หมดว่า กูแม่งผิดเองที่จับผิดนิยายเรื่องนี้ช่วงต้นตอน 2 คือนิสัยมันจะแกว่งไปเป็นแบบไหนก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะโทนเรื่องแม่งเอาฮา ไม่ได้จริงจังตาต่อตาฟันต่อฟันสไตล์นางร้ายแรงๆ อย่างที่คิด จบตอนด้วยการคลายปมย่อยเรื่องไอ้สโนว์อย่างที่เดากันได้ไม่ยาก ข้อสังเกตที่มองเห็นเพิ่มเติมคือตอนนี้ยาวกว่าตอนอื่นๆ เกือบ 3 เท่า
ตอนที่ 5 : ✖CHAPTER04✖ Snow white is My brother
ตอนนี้สั้นนิดเดียวเหมือนอยากจะบาลานซ์กับความยาวตอนที่ 4 ครึ่งตอนแรกบิวตี้เล่าความเป็นมาเกี่ยวกับครอบครัวและไอ้สโนว์น้องชาย ว่าทำไมถึงบ้านแตกสาแหรกขาด น้องชายก็เมินมันเหมือนเศษขี้ติดชักโครก ครึ่งหลังเป็นเงื่อนไขการพ้นคำสาปของอีบิวตี้ว่าจะต้องทำยังไงบ้าง กระจกบอกว่าก็เหมือนที่มึงได้ยินในนิมิตย้อนอดีตอะ ต้องขยี้ใจสโนว์ไวท์ให้ได้ (ตามชื่อเรื่อง) ถ้าน้องมึงมีแฟนก็หาทางทำลายผู้หญิงคนนั้นซะ อีบิวตี้บอกกูก็ไม่รู้ว่ามันมีแฟนไหม ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น กระจกจัญไรเลยแนะนำให้อ่อยน้องซะเลย (อ้าว อีดอกกระจกนี่) คือกูงงมาก อ่านซ้ำ 3 รอบก็ยังไม่เข้าใจเว้ย คือถอดสมองส่วนเหตุผลออกไปแล้วกลับมาอ่านใหม่รอบที่ 4 ด้วยฟิลเตอร์สาวน้อยแจ่มใสวัยฟินเฟร่อก็ยังเป็นเหมือนเดิมคือไม่เข้าใจ ทีนี้กูเลยจูนสมองสีชมพูแล้วลำดับเหตุการณ์ใหม่อีกรอบ
กระจกบอกว่าถ้าอยากพ้นคำสาปต้องทำลายสิ่งที่สโนว์ไวท์รักที่สุด หรือก็คือทำให้จิตใจของแม่งแตกสลาย ถ้ามันมีแฟนอยู่ก็ให้ทำลายแฟนสาวคนนั้น แต่อีบิวตี้ไม่รู้ ซึ่งข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเหี้ยๆ มึงอยู่บ้านเดียวกับน้องมึง แล้วจะไม่รู้ได้ไงว่ามันเป็นโสดหรือมีแฟนแล้ว กูไม่ซื้อ ยืนยัน นอนยัน ตะแคงยัน ว่าไม่ซื้อว๊อย ตามความเป็นจริงแล้วถ้าน้องมีแฟนยังไงมันก็ต้องดูออก วิธีพื้นฐานเลย คือสังเกตจากพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ก็ได้ กูแถพล็อตโฮลนี้ให้ไม่ไหวจริงๆ วะ โอเค ปัดตกช่องโหว่นี้ให้หายไปแล้วคุยต่อ กระจกเลยบอกให้เข้าไปอ่อยไอ้สโนว์แล้วหลอกถามดู โอ้โห... ตรรกะนี้แม่งโคตรปัง แต่เป็น ปังปิ๊นาดย่อยยับ นะมึง เพื่อหลอกถามว่าน้องมีแฟนหรือยัง มึงถึงกับต้องลงทุนเปลืองตัวขนาดนี้เลยเหรอ เอาจริงดิสัส ในบทสนทนายังเสือกมีการพูดถึงเรื่องเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ว่าถ้ามันเลยเถิดจนไอ้สโนว์กับอีบิวตี้เย็ดกันจนท้องขึ้นมาแล้วจะทำไง กระจกตอบว่าไม่เป็นไรอย่างมากก็แค่ได้เด็กเอ๋อมาเลี้ยง 1 คน กูนี่ทำหน้าอิหยังวะไป 10 วินาที
เออ ไม่ต้องถามซ้ำว่ากูอ่านคำเตือนเรื่องการผิดศีลธรรม ฉากเซ็กส์ และตรรกะป่วยๆ ไปแล้วแน่เหรอ คำตอบคือใช่กูอ่านแล้ว แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นได้ไกลถึงเพียงนี้ มันแบบ... คนละอารมณ์กับตอนเปิดเรื่องตอนที่ 1 เลยอะ นี่มันออกนอกกรอบของสามัญสำนึกแบบปกติไปมาก มีความแจ่มใส๊ แจ่มใส ผสมกับความเซอร์เรียลอย่างเดียวกับนิยายวายนายเอกท้องได้เพราะโดนขุดทองฉีดแยมขาวราดลำไส้ใหญ่ เรื่องพี่เย็ดน้อง น้องเย็ดพี่ ศัพท์เทคนิค "ค้ำคอร์" (Incest) นี่กูก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ แต่มันเกิดความต่อต้านลึกๆ อะ ความรักต้องห้ามพวกนี้ที่เคยสัมผัสมา ส่วนใหญ่มีสาเหตุที่ทำให้สามารถปักใจเชื่อและคล้อยตามได้ว่าความรู้สึกมันลึกซึ้งถึงขั้นเย็ดกันในที่สุด แต่กับนิยายเรื่องนี้มันไม่ใช่อะกิ๊ฟ คือมึงยอมรับความเสี่ยงว่าอาจโดนน้อง ยสตน. เพียงเพื่อให้รู้ว่ามันมีแฟนหรือยังเนี่ยนะ บอกอีกทีดังๆ เลยว่า "ไม่ซื้อโว้ยยย"
ก่อนจบการสับรายตอนฝากไว้ให้คริสทั้งนักเขียนและคนที่ตามอ่านสับ ว่าการใช้เครื่องหมายวรรคตอนอย่าง ! / ? และการลากเสียงเอฟเฟค ลากเสียงคำพูดมันมีแบบแผนตายตัวอยู่ คือซ้ำไม่เกิน 2 และ 3 ตัว ถ้าไม่อยากไปหาอ่านผ่านกูเกิ้ลเดี๋ยวจะให้ดูตรงนี้เลย [ พ่อมึงตาย !!, แล้วมึงอะเป็นควยไร ??, กูว่ามึงกับกูต้องต่อยกันสักฝุ่นแล้วล่ะ ไอ้เหี้ยยย ] ตามนี้นะจ๊ะ แบบที่พิมพ์ไว้ในตอนนั่นผิดหลักการ แต่ถ้ายืนยันว่ามันได้อารมณ์มากกว่า ก็ตามใจละกัน It's your story