>>478 ต่อ
ตอนที่ 2 : ✖CHAPTER01✖ My Name's Beauty.
บทนี้สลับมาเป็น POV 1 มุมมองของบิวตี้ ก่อนจะพูดถึงรายละเอียดในตอนขอแนะนำให้นักเขียนเจ้าของเรื่องหรือคนที่กำลังอ่านอยู่ฟังคำแนะนำต่อไปนี้ก่อน ในนิยาย 1 เรื่องอาจมีหลาย POV ได้ก็จริง แต่ใน 1 ตอนควรมีเพียง 1 POV เท่านั้น (ไม่ได้ว่าอะไรนักเขียนนะเพราะตอนนี้ก็มี POV เดียว) สำหรับคนที่ฝีมือไม่ถึงแต่ร้อนวิชาหรือเผลอทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงเกรียน(การณ์) การเขียนหลาย POV ในตอนเดียวอาจทำให้คนอ่านงงแดกได้ ถ้าคนเขียนสื่อเนื้อหาได้ไม่เก่งหรือทำได้ไม่เนียนพอ มันจะมีปัญหาพวกไม่รู้ว่า ใครกำลังพูดบทสนทนา, กำลังอธิบายเนื้อหาส่วนนั้น เกิดขึ้น แน่นอนว่าถ้าเขียนไปนานๆ จนช่ำชองแล้วอยากลองของก็ไม่ผิดอะไร แต่ถ้าเป็นมือใหม่จริงๆ ขอเหอะนะ เจอมาเยอะ เจ็บมาเยอะ กับนิยายเกรียนหัดแต่งด้วยสไตล์บรรยายภาพเคลื่อนไหวอนิเมะ, สำนวนไลท์โนเวล มั่ว POV ที่เจออยู่เต็มเว็บ คือมึงเขียนแล้วมึงเข้าใจคนเดียวอะจ้าไอ้คนเขียน ทำแบบไม่รู้ 4 รู้ 8 แบบนี้ คนอ่านอย่างกูไม่ได้มีพลังจิต จะได้ล่วงรู้ว่ามึงพยายามสื่อเหี้ยอัลลัย ภาพในหัวตอนมึงเขียนเป็นแบบไหนอะ ฮัลโหล
มา มาต่อกันกับเนื้อหา เริ่มตอนด้วยบิวตี้โดนรังแกโดยแก๊งค์ชะนีตัวร้ายเกรดบีรวม 3 คน พวกเยอะแล้วแม่งกร่างมาดักตบคู่กรณีโทษฐานที่ทำให้ผัวฉันหลงแก (แหม่... ละครไท๊ย ละครไทย) ระหว่างเกิดการตบตีไอ้สโนว์ก็โผล่มา (แล้วเรื่องหลังนับคะแนนเป็นไงต่อหว่า) อีสามตัวที่ว่าเลยเผ่นทันที หนูบิวตี้ตัดพ้อในใจ 2 อย่าง คือกูแม่งชอบโดนสก๊อยมาหาเรื่อง กับน้องชายเมินกูเหมือนเป็นขี้หมากองหนี่ง ตัดฉากไปเป็นหลังเลิกเรียนบิวตี้โดนหนุ่มแว่นมาสารภาพรัก นางก็ปฏิเสธด้วยท่าทีหยิ่งๆ แถมคิดอย่างมั่นหน้าว่าเพราะกูสวยจนมีแต่ผู้ชายมาหลงแบบนี้ไง กูถึงเจอดักตบบ่อยๆ สวยเกินไปก็อย่างนี้ล่ะค่ะ (อ่านแล้วหมั่นไส้จนอยากตบด้วยอีกคน) หลังจากนั้นระหว่างทางกลับบ้านบิวตี้ก็เจอกับคุณป้าท่าทางไม่น่าไว้ใจ ชวนให้ดูดวง ตอนแรกนางปฏิเสธแต่พอบอกว่าจะดูให้ฟรีเลยยอมดูก็ได้ คุยกันจบตอนสรุปว่าบิวตี้ชาติก่อนแม่งเป็นแม่มด ถือว่าเนื้อหาจุดนี้เป็นวาไรตี้ที่แทรกปมเข้ามาได้เนียนดี บทสนทนาดูรั่วๆ พยายามเล่นมุกจนดู ปญอ. ไม่ธรรมชาติ แต่กูอมยิ้มนะแม้จะไม่ถึงกับหัวเราะก็เหอะ ความฮาถือว่าพอใช้เทียบกับนิยายแจ่มใสในท้องตลาด ส่วนย่อหน้าต่อไปเตรียมใจไว้เลย
จากที่จั่วหัวไว้บนปกนิยายว่าบิวตี้เป็นคนแรงๆ กูอ่านเหตุการณ์ในตอนที่ 2 แล้วรู้สึกไม่อิน ช่วงปฏิเสธการสารภาพรักนั่นคือโอเคดูมีความมั่นใจและขี้รำคาญ แต่ตอนโดนตบคืออะไรวะ มันพจมานมากไป ไม่สู้คนแถมปลงกับชีวิตไร้การต่อต้านไปเลย คือถ้าเป็นคนแรงจริงๆ ตรงนี้อีบิวตี้ควรสู้ยิบตา สวนกลับฝากรอยเท้าเอาไว้บ้าง ไม่ใช่ว่าเห็นอีกฝ่ายมาเยอะแล้วง่อยแดก ที่คาดหวังไว้ในคำว่าแรงคือต้องซ่ากว่านี้ ทำเอาอิมเมจเรื่องเป็นคู่กัดกับสโนว์ท้ายตอนที่ 1 ของกูพังหมดเลย เพราะตอนบรรยายฉากโดนตบนิสัยแบบนี้มันออกแนวคูลเดเระ (ทำตัวเงียบๆ เมินเฉยต่อสิ่งต่างๆ) มากกว่าจะเป็นคำว่าแรง ไหนจะเรื่องตลกแดกกับป้าหมอดูอีกพอตรงนี้ก็ดูบ้าๆ มันควรด่าเช็ดป้าตั้งแต่มาเซ้าซี้แล้วถ้าแรงและขี้รำคาญจริงๆ ยังไงก็ดูแลเรื่องความแกว่งของนิสัยตัวละครหน่อยละกัน
ตอนที่ 3 : ✖CHAPTER02✖ I am The Queen.
ตอนนี้ใช้การบรรยายแบบ POV 1 คาดว่าน่าจะเดินเรื่องส่วนใหญ่ด้วย POV นี้แหล่ะ แต่อาจมีเปลี่ยนเป็นมุมมองของคนอื่นบ้างในอนาคต ส่วนตอนที่ 1 ใช้ POV 3 คงเพราะอยากทำแบบกึ่งๆ เป็นบทนำ บทนี้ไม่มีอะไรมาก มีความรั่วๆ ฮาๆ อ่านเพลินอย่างที่นิยายแจ่มใสควรเป็น ผสมกับความแฟนตาซีตรงที่ป้าแม่มดพาบิวตี้ย้อนไปอดีตชาติ สู่เหตุการณ์ก่อนราชินีแม่มดจะต้องลงไปคุยกับรากมะม่วง แกนหลักของตอนนี้คือการสร้างปมต่างๆ เกี่ยวกับตัวบิวตี้และคำสาป ความแฟนตาซียังไม่จบแค่นั้น เพราะก่อนจะหายตัวไปหมอดูลึกลับทิ้ง "เพื่อน" ของบิวตี้ไว้ให้ด้วย เป็นกระจกเลี่ยมทองบานหนึ่ง (อีกระจกวิเศษพูดได้แหงๆ) จบตอนไปแบบงงๆ ส่วนอีบิวตี้ก็ดึงสติด้วยการคิดว่าฉันคงเสพเกินขนาดจนประสาทหลอนไปเอง ทั้งๆ ที่มีกระจกอยู่ในมือ ข้อข้องใจมีแน่นอนเรื่องสโนว์ไวท์เอามีดแทงหัวใจราชินีใจร้าย อธิบายมาว่าสโนว์ไวท์โดนขังผอมแห้งเดินแทบไม่ไหว แต่มีแรงแทงมีดทะลุหัวใจอีบิวตี้ชาติก่อนได้หน้าตาเฉย กูได้แถเองว่า เออ มันแฟนตาซีไง คงเป็นมีดวิเศษอะไรสักเล่มอะเนอะ แล้วใครเป็นคนหามาให้ก็ช่างมันแล้วกัน Plot Device พวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีที่มาที่ไปอยู่แล้ว ช่างแม่งไปเหอะหน่าสมองของกู...