ขอให้ท่านฮิจำพาสเพื่อเข้ามาอัพได้ไวๆ
ขอให้ท่านฮิจำพาสเพื่อเข้ามาอัพได้ไวๆ
เข้า pixiv ไปแล้วเจอนี่มา
https://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=medium&illust_id=72667219
แค่ท่านพี่กับอิมาริยืนด้วยกันก็ให้ฟีลหยั่งกะหน้าปกการ์ตูนวายยังไงยังงั้นเลยว่ะ 555555555555
กูมีเวลาว่าง 1 คืน เลยมากวนกาวต่อ อาจจะได้ไม่กี่ตอนก่อนหายไปอีกรอบนะ
A&A - 48.
ตารางของฉันแน่นเอี๊ยดเพราะต้องอ่านหนังสือเป็นจำนวนมากเพื่อเตรียมฝึกสอนให้กับมาโอะจัง ฉันที่แม้จะทะลุมิติมายังยุคกลางแล้วกลับต้องเป็นนักเรียนเตรียมสอบอีกครั้ง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าทำงานแรงงานทั้งวันเหมือนตอนถูกขัง
ในขณะที่กำลังค้นว่าควรจะจัดตารางเรียนยังไงดี ฉันก็ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับกุลสตรีชั้นสูงซึ่งเขียนโดยท่านหญิงผู้หนึ่ง เธอเล่าเรื่องชีวิตประจำวันของเธอ อา ช่างเป็นชีวิตประจำวันที่ไร้สาระอะไรเช่นนี้นะ ถึงแม้ว่าฉันจะสบายจนเคยตัว แต่พอมาอ่านเรื่องของพวกเธอแล้วก็รู้สึกว่า จะดีจริง ๆ เหรอ พวกเธอไม่โดนราษฎรปฏิวัติหรือไง ทำไมถึงทำตัวเหลวแหลกกันอย่างนี้นะ นี่มันหนทางเดินขึ้นลานประหารโดนกิโยตินตัดคอชัด ๆ
ตัวอย่างเช่น
ในยามเช้าตั้งแต่ 9.00 นาฬิกา คุณเมดจะต้องมายืนอยู่หน้าเตียง ถ้าท่านหญิงตื่นก็ต้องปรนนิบัติ แต่ถ้าไม่ตื่นก็ต้องยืนรอ ห้ามนั่งเด็ดขาด ท่านหญิงจะตื่นจริง ๆ ก็ตอน 11.00 นาฬิกา ต้องรอให้ท่านหญิงเรียกก่อน ถึงค่อยยกอ่างน้ำอุ่น (ที่เตรียมรอไว้ตั้งแต่ 9.00 นาฬิกา ซึ่งต้องอังไฟให้อุ่นตลอดเวลา) มาช่วยปรนนิบัติท่านหญิงให้ล้างหน้าบ้วนปาก คุณเมดอีกคนก็จะยกถาดอาหารกับน้ำชามาให้บนเตียง ถ้าท่านหญิงยังตื่นไม่ดี ก็จะช่วยป้อนให้ แต่ถ้าตื่นดี แค่ยืนคอยเช็ดปากให้ก็พอ
ทานอาหารเสร็จ คุณเมดก็จะช่วยจัดการธุระเข้าห้องน้ำบนเตียงด้วยกระโถน จากนั้นก็ต้องทำการเช็ดร่างของท่านหญิงทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยน้ำอุ่น เสร็จแล้วท่านหญิงก็จะยืนให้คุณเมดแต่งหน้าแต่งตัว กว่าจะได้ออกจากห้องจริง ๆ ก็ตอน 14.00 นาฬิกา
ออกจากห้องไป ท่านหญิงก็จะตรวจดูบัญชีบ้าง แต่ส่วนมากเป็นการรับรายงานจากคุณพ่อบ้านเท่านั้นว่ามีเงินเข้าออกเท่าไหร่ แล้วในวันนั้นตารางเวลาเป็นอย่างไร มีเรื่องอะไรน่าสนใจ ในระหว่างรับฟังก็นั่งจิบชากินขนม ซักช่วง 16.00 นาฬิกา ท่านหญิงก็จะทำการเปลี่ยนชุดอีกครั้ง เพื่อไปดูการละเล่นในเมืองช่วง 17.00 นาฬิกา การละเล่นส่วนมากก็จะเป็นละครบ้าง โอเปร่าบ้าง หรือดูการขี่ม้าแข่งของพวกอัศวินในสนามที่จุดโคมอย่างสว่างไสว กว่าเสร็จก็ตอน 20.00 นาฬิกา หลังจากนั้นก็จะอพยพกันไปงานสังคมที่มีในวันนั้น ปกติแล้วจะมีงานเลี้ยงแทบทุกวันเพราะท่านหญิงแต่ละตระกูลจะผลัดกันจัดงานเลี้ยง ทำให้เมืองหลวงไม่เคยเงียบเหงา หรือถ้าไม่มี ก็จะไปดื่มเหล้าสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนสนิทในซาลอนหรู ผลาญเงินไปกับการจับจ่ายซื้อของฟุ้งเฟ้อในขณะที่จิบชานินทาผู้คน อย่างไรก็ตาม ก่อนออกไปงานเลี้ยงหรือซาลอน ก็จะต้องเปลี่ยนชุดอีกครั้ง
ในสมัยของท่านหญิงที่เขียนหนังสือเล่มนี้ การเต้นรำยังคงเป็นที่นิยม เนื่องจากกระโปรงสุ่มยังพัฒนาไม่กว้างมากนักเหมือนในปัจจุบัน งานเลี้ยงดังกล่าวก็จะเต้นรำบ้าง พูดคุยกินดื่มบ้าง เริ่มงานเลี้ยงกันตอน 22.00 และมักจะแยกย้ายตอนเที่ยงคืน ทว่าที่พูดว่าแยกย้ายไม่ได้หมายถึงกลับบ้านไปพักผ่อน แต่แยกย้ายไปปาร์ตี้ส่วนตัวต่อที่บ้านของเพื่อน หรือไม่แยกย้ายไปจู๋จี๋กับคนรัก ท่านหญิงในหนังสือที่ฉันอ่านเหลวแหลกถึงขนาดเขียนว่า เพราะเธอคลอดลูกชายให้กับดยุกแล้ว จึงได้รับอิสระในการมีชู้รัก ขอเพียงแค่ไม่ท้อง ก็ไม่มีใครตำหนิอันใด เนื่องจากการแต่งงานสังคมเป็นแบบคลุมถุงชน ย่อมต้องมีสตรีหรือบุรุษที่ไม่พอใจกับสามีหรือภรรยาตนเอง ถ้าทำหน้าที่ไม่บกพร่อง จะมีชู้รักกี่คนก็ได้ (??!)
นอกจากนี้เธอยังเล่าอีกว่า สำหรับเด็กสาว ๆ การออกไปกับบุรุษที่พึงใจนั้นแม้จะเขียนข้อกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ควร และการอยู่กับบุรุษนั้นต้องมีเมดอยู่ด้วยเพื่อรักษาชื่อเสียง แต่ส่วนมากมักจะฝ่าฝืนกัน ขอเพียงแค่ไม่ทำจนถึงขั้นสุดจนเสียพรหมจารีย์และตั้งท้อง คนส่วนมากก็จะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ดังนั้นนอกจากจะต้องดูต้นทาง คุณเมดที่น่าสงสารยังต้องคอยดูด้วยว่าคู่รักที่กำลังนัวเนียกันนั้นไปถึงขั้นไหนแล้ว (?!!!!)
กว่าจะได้เข้านอนจริง ๆ ก็ตอน 3.00 นาฬิกา ถ้าหากพาชู้รักมาที่บ้าน คุณพ่อบ้านก็จะต้องให้รถม้าไปส่งชู้รักของท่านหญิง ส่วนคุณเมดที่เหลือจัดการเปลี่ยนผ้าปูที่นอน อาบน้ำหรือเช็ดเนื้อตัวให้กับท่านหญิงที่สลบไสลไปจากการร่วมรัก จากนั้นก็พาท่านหญิงเข้านอน รอจนกระทั่งถึงวันใหม่ค่อยตื่นขึ้นมารับใช้อีกที
ในหนึ่งสัปดาห์ ชีวิตของท่านหญิงจะเป็นเช่นนี้ 5 วัน อีก 2 วันที่เหลือ วันหนึ่งใช้เวลาไปกับการเตรียมจัดงานปาร์ตี้ (ซึ่งหัวแรงหลักคือคุณพ่อบ้านกับคุณเมด) และอีกวันจะต้องเดินทางไปร่วมพิธีในโบสถ์ยามเช้า พักผ่อนตามอัธยาศัย ทำงานอดิเรกเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการอ่านหนังสือหรือปักผ้า ในยามเย็น
โดยรวมแล้วช่างเป็นชีวิตที่...เหลวแหลก เกียจคร้าน เริ่ดหรู และไร้แก่นสารเสียจริง ๆ
ฉันปิดหนังสือลงด้วยความรู้สึกสะพรึง อันที่จริงทุกคนก็คงไม่เป็นเช่นนี้ ท่านหญิงที่ฉันอ่านน่าจะเป็นตัวอย่างที่สุดขั้ว แต่เรื่องราวแบบนี้กลับได้จารึกและเก็บไว้ในหอหนังสือของราชวงศ์ แถมท่านพ่อของคาบุรากิยังเป็นคนแนะนำหนังสือเล่มนี้อีกต่างหาก นี่มันเป็นหนังสือที่ควรแนะนำให้เด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือนอ่านจริง ๆ เหรอ นอกจากความเหลวแหลกแล้ว ฉากบรรยายเกี่ยวกับเรื่องน่าอายก็ยังละเอียดยิบราวกับหนังสือนิยายทำมือแบบอันคัตสำหรับสาวฟุอีกต่างหาก หรือว่าเด็กสาวของที่นี่จะเรียนรู้เพศศึกษาผ่านหนังสือแบบนี้กันนะ!? น่าตกใจเกินไปแล้ว!!
ฉันวางหนังสือเล่มนี้ให้ห่างจากตัวที่สุด เพราะตั้งใจจะเอาไปคืน ไม่เก็บไว้ให้มาโอะจังเห็นเด็ดขาด และพอเงยหน้าขึ้นมาอีกที ก็พบว่าเป็นตอนเย็นแล้ว
ฉันมองตารางเวลาที่ทำไว้สำหรับอ่านหนังสือเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติต่าง ๆ แล้วรู้สึกตกใจ จริง ๆ แล้ววันนี้ฉันต้องอ่านมารยาทบนโต๊ะอาหารให้จบ แต่ดันอ่านเรื่องของท่านหญิงผู้เหลวแหลกจนเพลินไปซะนี่ สงสัยพรุ่งนี้ต้องเร่งอ่านหนังสือแล้ว!
.....
A&A - 49.
นอกจากตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือแล้ว ฉันยังต้องฝึกแต่งหน้าด้วย เพราะฉันใช้นายตัวสำรองฝึกบ่อย เลยพาเขาไปเลี้ยงอาหารตามที่สัญญาไว้
วันนี้นายตัวสำรองออกกะ ฉันเลยแพลนเที่ยวตั้งแต่ช่วงบ่าย โดยที่เราจะไปซาลอนกันก่อน แล้วค่อยไปทานอาหารมื้อค่ำด้วยกัน ซึ่งวันนี้ฉันจะรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพทั้งหมด
ซาลอนที่พวกเราไปเป็นซาลอนทางด้านความงาม ที่นอกจากจะขายเครื่องสำอางแล้ว ยังมีครีมบำรุงผิว น้ำหอม และของจุกจิกหลายอย่าง ที่ฉันพานายตัวสำรองมาด้วย เพราะแอบฝันเล็ก ๆ ว่าในอนาคตจะใช้ให้เขาผลิตเครื่องประทินความงาม แล้วฉันเป็นทั้งคนคิดสูตรและนายหน้าในการขาย ถึงแม้ว่าฉันจะถูกตระกูลคิโชวอินตัดขาด แต่ถ้ามีธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็ไม่น่าจะลำบากนัก
เนื่องจากตอนนี้ยังคงเป็นบ่ายอ่อน ๆ ซึ่งพวกท่านหญิงเหลวแหลกน่าจะยังคงนั่งอ้อยสร้อยจิบชากินขนมในบ้านตัวเอง ชาลอนเลยค่อนข้างจะโล่ง
ฉัน นายตัวสำรอง เซริกะจัง และคิคุโนะจัง ลงจากรถม้าเข้าไปในซาลอนที่แสนเริ่ด พนักงานที่ซาลอนนำเราไปยังชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับพักผ่อน เพราะว่าฉันอยากจะให้เซริกะจังและคิคุโนะจังได้ผ่อนคลาย เลยให้พวกเธอไปเดินดูเครื่องประทินโฉม โดยพื้นฐานของพวกเธอเป็นลูกสาวขุนนาง ย่อมต้องรักสวยรักงามและมีเงินจับจ่ายได้พอสมควร ถ้าเจ้านายอนุญาต ก็สามารถเดินซื้อของในซาลอนได้
มิซิซากินั่งเก้าอี้ตัวข้าง ๆ ฉัน ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบ ๆ ข้าง แต่ไม่ได้พูดอะไร พนักงานในร้านหลายคนมารับใช้ฉัน ทั้งยกขนมยกน้ำชามาจนเต็มโต๊ะ ก่อนที่คุณผู้ดูแลจะเข้ามาทักทายฉัน แล้วถามว่าวันนี้ฉันมีอะไรให้รับใช้รึเปล่า
ฉันบอกเธอว่ามาดูพวกครีมบำรุงผิว เธอจึงบอกให้ฉันรอซักครู่ แล้วเรียกให้คุณเมดไปยกถาดมาให้ ถาดครีมบำรุงผิวนั้นมีอยู่หลายถาด คุณผู้ดูแลแนะนำซักพัก ก็ทิ้งถาดให้ฉันเล่นครีมตามใจชอบ
แน่นอนว่านอกจากตัวฉันจะลองเล่นดูแล้ว ก็ยังให้มิซึซากิเล่นด้วย ฉันบอกกับเขาว่าอยากให้เขาลองทำครีมทาผิวดู เพราะโรสออยล์ที่เขาเอามาให้คราวก่อนถูกใจฉันมาก ฉันใช้ทุกวัน แม้แต่วันนี้ที่ออกมาก็ทามาด้วย
ฉันพูดกับเขาเกี่ยวกับครีมและบอกว่าอยากได้ครีมที่สำหรับลบเครื่องสำอาง เพราะตอนนี้การลบเครื่องสำอางนั้นยังใช้แค่น้ำ สบู่ และผ้าถูออกเท่านั้น ซึ่งทำให้ฉันกังวลว่าเครื่องสำอางจะตกค้างจนผิวเสียรึเปล่า
ในขณะที่กำลังเล่นครีมชนิดต่าง ๆ และฝันหวานเกี่ยวกับธุรกิจความงาม ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันต้องกลับมาปวดกระเพาะอีกครั้ง เมื่อประตูของซาลอนเปิดออก เผยให้เห็นคาบุรากิ วาคาบะจัง เอ็นโจ และคุณยุยโกะ เดินเข้ามา
ฉันที่คิดจะก้มหัวลงต่ำเพื่อหลบอยู่หลังพนักเก้าอี้หลบไม่ทัน เมื่อสายตาของเอ็นโจปะทะเข้ามาซะก่อน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาขยายออก ก่อนจะทักขึ้นมาด้วยเสียงที่ดังพอจะให้ได้ยินกันทุกคน
“คุณเรย์กะนั่นเอง ช่างบังเอิญจริง ๆ”
.....
วี้ดดดด เรือตัวสำรองแล่นฉิวเลยค่าาาาาา
A&A - 50
จะทำเป็นไม่ได้ยินก็ไม่ได้ ฉันที่เสียมารยาทไปแล้วเพราะดันให้เอ็นโจเป็นฝ่ายทักก่อนต้องรีบยืนขึ้นมาถอนสายบัวทันที
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะท่านคาบุรากิ ท่านเอ็นโจ ท่านทาคามิจิ ท่านอุริว” โชคดีที่ไม่ได้ยกขโยงกันมาเป็นคณะ ไม่งั้นฉันต้องขานชื่อทุกคนเหมือนขานในชั่วโมงโฮมรูม เพราะนี่เป็นการพบหน้ากันส่วนตัว ไม่สามารถทักทายรวม ๆ ได้
คาบุรากิเห็นฉันก็หน้าตึง ดวงตาหรี่ลงราวกับระแวงว่าฉันจะรังแกอะไรวาคาบะจังรึเปล่า ส่วนวาคาบะจังในโลกนี้ดูกลัว ๆ ฉันหน่อย ผิดกับวาคาบะจังในโลกของฉันมาก อาจจะเป็นเพราะในโลกนี้เด็กผู้หญิงถูกเลี้ยงดูมาแบบให้หัวอ่อน แถมเรย์กะก็แผลงฤทธิ์แกล้งเธอหนักขนาดนั้น จะไม่กลัวเลยก็แปลกไปแล้ว
ส่วนคุณยุยโกะให้บรรยากาศเย็นเยือกเหมือนภูติพรายไม่ผิดกับในโลกก่อน เธอแตะมือลงบนแขนของเอ็นโจราวกับว่าถ้าไม่มีอะไรให้ยึด เธอจะล้มลงไปได้ทุกเมื่อ ดูเป็นสาวงามที่บอบบางน่าปกป้องยิ่งนัก เอ็นโจเองก็แตะมือไว้ด้านหลังของเธอ
พอเห็นคู่รักเดินควงกระหนุงกระหนิงตรงหน้า ฉันก็นึกถึงเรื่องของคุณหญิงเหลวแหลก หรือว่าคนพวกนี้!!! พวกหมู่บ้านมีรักทำเรื่องน่าอับอายอย่างนั้นในที่ลับ ๆ เหรอเนี่ย?! ถึงคาบุรากิจะเป็นพวกใสซื่อ แต่ยังไงก็หมั้นกับวาคาบะจังแล้ว น่าจะต้องมีอะไรคืบหน้ามากกว่าแค่การจับมือ ส่วนเอ็นโจนี่ถึงจะดูเรียบร้อย แต่หมอนี่น่ะปีศาจ ยังไงก็ต้องเคยทำเรื่องบัดสีแน่ ๆ ฉันพยายามไม่มองตาพวกเขา รู้สึกเหมือนตัวเองตอนชั้นมัธยมต้นสมัยก่อนที่จะเป็นคิโชวอิน เรย์กะ ฉันที่อยู่โรงเรียนสหต้องเรียนเรื่องเพศศึกษารวมกับพวกผู้ชาย อ๊า นี่มันเกมลงทัณฑ์ชัด ๆ แค่คิดว่าพวกเขาซึ่งอายุเท่ากับฉันมีกิจกรรมเข้าจังหวะในเวลาส่วนตัวก็รู้สึกอายจนหัวจะระเบิดบึ้มออกมา
“ท่านคาบุรากิ ท่านเอ็นโจ เลดี้ทั้งสอง สายัณห์สวัสดิ์ครับ” นายตัวสำรองยืนขึ้นแล้วโค้งให้กับพวกนั้น ฉันมองนายตัวสำรองแล้วรู้สึกโล่งอก นายตัวสำรองที่หลงรักวาคาบะจังจะต้องถนอมตัวเองเอาไว้ให้เธอแน่ ๆ ถึงจะไม่สมหวัง เขาก็เป็นประเภทที่รักษาเวอร์จิ้นไปตลอดชาติเพื่อเธอ ฉันมองนายตัวสำรองแล้วอยากจะบอกเขาว่า เรามาใช้ชีวิตอย่างสะอาดบริสุทธิ์กันเถอะค่ะ...เรื่องแบบคุณหญิงเหลวแหลก ก็ปล่อยให้พวกหมู่บ้านมีรักทำกันไป...
อ๊า ไม่นะ ฉันยังอยากแต่งงานมีลูกอยู่นะคะ ถึงตอนนี้จะไม่มีผู้ชายซักคน แถมยังเสี่ยงโดนธงมรณะปักหัวก็เถอะ
พอคิดถึงธงมรณะ เรื่องฟุ้งซ่านในหัวของฉันก็กระเด็นหายไปจนหมด เลยทันได้ฟังว่าคุณยุยโกะพูดอะไร
“คุณเรย์กะวันนี้มาซื้อของหรือคะ?”
”ค่ะ องค์ราชินีมอบหมายให้ฉันเป็นเลดี้พี่เลี้ยงของเลดี้ซาวาราบิ ฉันเลยมาดูว่าในตอนนี้พวกเครื่องประทินโฉมมีอะไรใหม่ ๆ ออกมาบ้าง” นั่นก็เป็นเป้าหมายหลักของฉันล่ะนะ ถึงความสวยคลาสสิคจะดูมีราคา แต่ก็ไม่อยากให้ใครมองว่าล้าสมัย ดังนั้นเทรนด์ที่ควรตามก็จะต้องตาม หรือถ้าดียิ่งกว่านั้นคือการนำเทรนด์
ดวงตาของคุณยุยโกะมองมา แต่ฉันอ่านความรู้สึกของเธอไม่ออก “ช่างเป็นผู้ที่ขยันขันแข็งอะไรเช่นนี้ สมแล้วที่องค์ราชินีเลือกให้เป็นเลดี้พี่เลี้ยง ฉันเองไม่ค่อยถนัดการแต่งหน้าเท่าไหร่”
ฉันชะงัก วันนี้ได้ออกมาข้างนอกทั้งที ฉันก็เลยแต่งหน้ามาเต็มพอสมควร ถึงจะไม่ได้เข้มจัด แต่ด้วยเครื่องหน้าของเรย์กะ รวมกับริมฝีปากสีแดงจัดราวกับเชอร์รี่แล้ว ทำให้การแต่งหน้าของฉันเด่นกว่าของคุณยุยโกะมาก
“งั้นหรือคะ” ฉันตอบกลาง ๆ ไม่อยากจะสู้รบปรบมืออะไร จะบอกว่าตัวเองสวยธรรมชาติล่ะสิ แต่ฉันไม่สนหรอกนะ สวยก็คือสวย สวยธรรมชาติหรือสวยเพราะเครื่องสำอาง ขอให้ผลลัพธ์ออกมาดูดีก็พอย่ะ อย่างน้อยขนตายาว ๆ ของฉันก็ของจริงนะ
“แล้วนายล่ะ มิซึซากิ ทำไมถึงได้ออกมากับยัยนี่” คาบุรากิถามขึ้นอย่างไม่คิดจะอ้อมค้อม สมกับเป็นคนที่ไม่เคยดูสถานการณ์จริง ๆ
ตอนแรกฉันนึกว่านายตัวสำรองจะดูกระอักกระอ่วนที่ถูกเห็นคู่กับนักโทษที่เป็นอิสระชั่วคราวอย่างฉัน แต่เขาตอบด้วยสีหน้าปกติว่าฉันอยากตอบแทนที่เขาช่วยไว้ เลยพาออกมาเลี้ยงอาหาร เขาไม่อยากให้มีบุญคุณติดค้างกัน เลยรับคำชวนของฉันออกมา สมกับเป็นมิซึซากิที่ซื่อตรงจริง ๆ
เพราะโต๊ะนี้จะเป็นโต๊ะที่ดีที่สุด ตามมารยาทแล้วฉันควรจะลุกแล้วสละที่นั่งให้กับคนที่มียศสูงกว่า แต่อีตาคาบุรากิเต๊ะท่าจัดเหลือเกิน ฉันเลยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น อันที่จริงก็ไม่มีกฏข้อไหนบอกว่าฉันต้องสละที่นั่งให้กับพวกเขา ดังนั้นตามคิวละกัน ที่อื่นก็ยังว่าง ๆ อีกตั้งเยอะ
ผิดคาด คาบุรากิกลับนั่งพรวดลงมา ฉันมองเขาด้วยสีหน้าตระหนก เฮ้ย จะนั่งโต๊ะเดียวกับฉันจริง ๆ ดิ โดยคอมมอนเซนส์แล้วไม่ควรให้ฉันที่เคยรังแกวาคาบะจังนั่งรวมกับเธอนะ ถ้าเธอเป็นประเภทชอบรังแกคนอื่น แล้วจะปล่อยให้เธอแกล้งฉันก็ว่าไปอย่าง แต่วาคาบะจังในโลกนี้เหมือนอาโออิจัง เธอน่ารักราวกับสัตว์ตัวเล็ก ๆ ปล่อยให้นั่งโต๊ะเดียวกับแกะห่มหนังหมาป่าอย่างฉันนี่คิดดีแล้วเหรอ
อา...ลืมไปว่าหมอนี่ไม่เคยคิดอะไรแบบนี้นี่นา ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองปวดกระเพาะ ในโลกก่อนไม่มีสามัญสำนึกยังไง ในโลกนี้สามัญสำนึกก็ไม่มีอย่างนั้นสินะ ช่างรักษาคาแรกเตอร์หล่อเสียของได้ดีจริง ๆ
เพราะคาบุรากินั่ง ทุกคนก็เลยต้องนั่งลงตาม ดังนั้นแทนที่ฉันจะได้มีวันหยุดหลั่นล้า นั่งดูครีมในซาลอนอย่างสบายใจ กลับต้องมานั่งอยู่ในเขตสงครามเสี่ยงธงมรณะปักหัวนี่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
รู้แบบนี้สละที่ให้ก็ดีหรอก! ไม่ได้การละ หนีไปที่อื่นดีกว่า!
ทว่าเอ็นโจเหมือนนกรู้ พูดดักคอฉันไว้ก่อน
“มีคุณเรย์กะก็ดีเลย เห็นว่าคุณวาคาบะกำลังสนใจเรื่องเครื่องประทินผิวนี่ ยุยโกะน่ะผิวแพ้ง่าย ไม่ค่อยใช้ของพวกนี้หรอกครับ คุณวาคาบะน่าจะให้คุณเรย์กะแนะนำนะ ยังไงเธอก็เป็นถึงเลดี้พี่เลี้ยง น่าจะพอช่วยเหลือเรื่องพวกนี้ได้”
คาบุรากิดูไม่ชอบใจนัก แต่ก็ไม่อยากพูดขัดคอหรือยุ่งกับเรื่องของสาว ๆ ส่วนวาคาบะจังทำท่าลังเล แต่ก็พยักหน้าโดยดี ฉันมองเอ็นโจที่ยิ้มละไมแล้วได้แต่สาปแช่งในใจ
.....
กรี๊ดดดด โม่งฟิค A&A ;;-;;)!
A&A - 51
ทว่าแทนที่เราจะคุยกันเรื่องครีมที่ฉันเองก็เพิ่งมาดูเช่นกัน ฉันชวนเธอคุยเรื่องกลิ่นของครีมแทน
ในโลกนี้มีครีม มีสบู่ มีน้ำหอม แต่กลับไม่มีไม่มีครีมผสมน้ำหอม หรือสบู่ผสมน้ำหอม พอพูดถึงไอเดียนี้ออกไป วาคาบะจังที่เป็นนักทำสบู่ก็สนใจอย่างมาก จากที่ตัวเกร็งเพราะต้องคุยกับฉัน ก็เริ่มผ่อนคลายลง
“สบู่น่ะทำให้สะอาดก็จริง แต่ก็ทำให้ผิวกับผมแห้งมาก โดยเฉพาะเส้นผมค่ะ ถ้าไม่ชโลมน้ำมันให้ดี ๆ อาจจะทำให้ผมแห้งเสียได้ แต่ถ้าในหน้าร้อน การชโลมน้ำมันน่าจะเหนอะหนะน่าดู”
วาคาบะจังพยักหน้า “จริงค่ะ ฉันเองก็ไม่ชอบอะไรที่เหนอะหนะเช่นกัน ก็เลยไม่ชโลมน้ำมันเท่าไหร่ ทำให้ผมค่อนข้างแห้ง คุณเรย์กะคงรักเส้นผมมากสินะคะ เส้นผมเป็นประกายเงางามเหลือเกิน”
ถ้าเทียบผมของฉันในชาตินี้กับชาติก่อนแล้ว ชาติก่อนเงางามเป็นประกายกินขาดชาตินี้ แต่ก็ยังดีกว่าผมของวาคาบะจังหลายเท่า ดูเหมือนว่าชีวิตสามัญชนของวาคาบะจังจะทำให้ผมของเธอขาดการบำรุงมาอย่างยาวนาน จึงขาดประกายแม้ว่าจะพยายามชโลมน้ำมันก็ตาม
ฉันพยายามฝังความคิดเกี่ยวกับคอนดิชั่นเนอร์ให้กับวาคาบะจัง เพราะถ้าเป็นนางเอกอย่างเธอต้องทำได้อย่างแน่นอน วาคาบะจังดูสนใจมากขนาดย้ายฝั่งจากที่นั่งข้างคาบุรากิมานั่งข้าง ๆ ฉัน เพื่อที่จะได้คุยได้สะดวก ทำเอาฉันโดนคาบุรากิเขม่น อะไรเล่า นายอิจฉาก็หาความรู้เกี่ยวกับเรื่องสาว ๆ ใส่ตัวสิ จะมาเขม่นฉันหาอะไรล่ะ ฉันอยากจะจ้องตอบ แต่คนใจมดอย่างฉันได้แต่หลบตาเขา แล้วคุยกับวาคาบะจังเรื่องคอนดิชั่นเนอร์เท่านั้น
พวกเราคุยกันอยู่นาน วาคาบะเองก็ดูจะตกใจที่เธอสามารถคุยกับฉันได้อย่างคล่องปาก ไม่รู้สึกหวาดกลัวเหมือนตอนแรกเลยแม้แต่น้อย
“ฉันนี่เสียมารยาทจริง ๆ ค่ะ ชวนคุณเรย์กะคุยซะจนคุณไม่ได้ทำธุระของตัวเองเลย”
ฉันเห็นเธอที่กระตือรือล้นแล้วก็รู้สึกว่าเธอที่คุยอย่างสนุกสนานเหมือนวาคาบะจังในโลกของฉันมากขึ้น ฉันเลยบอกว่าไม่ได้รบกวนเลยแม้แต่น้อย ฉันรู้สึกสนใจจริง ๆ ถ้าเธอจะทำคอนดิชั่นเนอร์ออกมา อีกอย่างฉันอยากได้สบู่ที่มีกลิ่นหอมด้วย
พอพูดถึงเรื่องกลิ่นต่าง ๆ ที่ควรจะใส่ลงไปในสบู่ พวกเราก็เปิดบทสนทนายาวยืดอีกครั้ง จนกระทั่งเอ็นโจใช้ช่วงที่พวกเรากำลังคิดว่าจะใส่ลาเวนเดอร์ผสมกับกลิ่นไหนดีบอกพวกเราว่าถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว
เมื่อเห็นวาคาบะจังมีสีหน้าเสียดาย เอ็นโจก็ชวนฉันกับมิซึซากิไปร่วมโต๊ะอาหารด้วย
“อา...ไม่ดีหรอกค่ะ วันนี้ฉันรับปากไว้ว่าจะเลี้ยงมิซึซากิคุง” แน่นอนว่าไม่มีทางเจียดเงินที่หามาได้อย่างยากลำบากเลี้ยงพวกนายหรอกนะ แล้วก็ไม่อยากให้ใครเลี้ยงด้วย อย่างเอ็นโจน่ะ ยึดเป็นบุญคุณแหง ๆ ตานี่ไม่เคยไว้ใจได้เลยซักครั้ง
“มิซึซากิก็คงไม่ได้ติดใจอะไรหรอกใช่ไหม ยังไงค่าธรรมเนียมเข้าซาลอนคุณเรย์กะก็จ่ายไปแล้วนี่” เอ็นโจหันไปถามมิซึซากิคุง ส่วนมิซึซากิคุงก็พาซื่อ บอกฉันว่าแค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว ฉันไม่จำเป็นจะต้องเลี้ยงมื้อค่ำเขาอีก
ดังนั้นฉันกับนายตัวสำรองก็เลยถูกหิ้วไปร่วมโต๊ะทานมื้อค่ำอย่างปฏิเสธไม่ได้
.....
A&A - 52.
ยังดีที่มื้อเย็นเราคุยกันเรื่องกลาง ๆ อย่างเรื่องอาหาร บทกลอน ละครที่กำลังแสดงอยู่ในโรงตอนนี้ งานเลี้ยงของขุนนาง และเทศกาลที่กำลังมาถึง ดังนั้นคาบุรากิคนขี้ใจน้อยที่ได้มีโอกาสได้เปิดปากบ้างเลยมีสีหน้าดีขึ้นมาก
ฉันปล่อยให้คนอื่นคุยกัน ตัวเองก็เดินหน้าสวาปามของกินที่อดอยากมานาน อา...ไม่น่าเชื่อว่าในโลกนี้ก็มีปูด้วย แถมปูยังสดอีกต่างหาก ฉันใช้คีมบีบขาปูอย่างเชื่องช้า แล้วยกใส่ปากอย่างเชื่องช้า กินอย่างเชื่องช้า แน่นอนว่ามารยาทบนโต๊ะอาหารของฉันสง่างามเป็นเอก แต่เทคนิคของการกินนั้น ไม่จำเป็นต้องกินให้เร็วก็ได้ แต่ต้องกินอย่างต่อเนื่อง อย่าได้เสียเวลาพูดคุยไร้สาระไม่เกิดประโยชน์เด็ดขาด
พนักงานเสิร์ฟที่นี่ก็รู้งานดีมาก จานว่างเมื่อไหร่เป็นเติม แถมการปรากฏตัวของพวกเขายังทำเสมือนหนึ่งไม่มีตัวตน ราวกับอาหารถูกเสกขึ้นในจากด้วยเวทย์มนต์ยังไงอย่างงั้น ฉันเดินหน้ากินอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งรู้สึกคับเอว
แม้ว่าเนื้อปูจะยังอยู่ตรงหน้า แต่คอร์เซ็ตที่รัดให้เอวเหลือสิบแปดนิ้วนั้นทำให้ฉันกินอะไรต่อไม่ลงอีก แถมตอนนี้ยังรู้สึกเหมือนท้องอืดด้วย ถ้าเป็นชาติก่อน ก็ยังแอบ ๆ ปลดเข็มขัดได้ แต่ว่านี่มันคอร์เซ็ตทั้งชุดนี่นา!
ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนักเลยขอตัวออกไปห้องแต่งกาย ในโลกนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็มักจะมีห้องแต่งกายหรูหราให้สตรีชั้นสูงแต่งตัว เซริกะจังกับคิคุโนะจังตามฉันไปยังห้องแต่งตัวอย่างเป็นห่วง แต่จะให้บอกว่ากินจนเหมือนจะสำรอกออกมานี่ไม่มีทางเด็ดขาด
“ท่านเรย์กะ อดทนมาตลอดสินะคะ” เซริกะจังพึมพำ
ฉันสูดหายใจลึก อา...ใช่ ตอนนี้ฉันปวดท้องมาก ๆ เลย ปกติแล้วถ้าเป็นโลกก่อน อาหารแค่นั้นจิ๊บ ๆ แต่ฉันลืมไปว่าโลกนี้เรย์กะเอวเล็ก แถมยังมีคอร์เซ็ตรัด ดังนั้นเลยกินไม่ได้มากนัก
“ทั้ง ๆ ที่ฉันรู้ดีแท้ ๆ แต่กลับช่วยท่านเรย์กะไม่ได้เลย” คิคุโนะจังบอก ฉันเหลือบมองเธอ อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้นะ แค่คลายคอร์เซ็ตให้ฉัน ฉันก็น่าจะดีขึ้น แต่ชุดกระโปรงที่สวมอยู่ถูกตัดเย็บมาพอดีตัว ถ้าคลายออกมาแล้วรัดกลับเข้าไปเพื่อให้สามารถติดกระดุมชุดได้ ฉันคงอ๊อกออกมาอย่างแน่นอน ดังนั้นไม่เอาดีกว่า
“ท่านเรย์กะ คงจะเจ็บปวดมากสินะคะที่เห็นท่านคาบุรากิอยู่กับนังจิ้งจอกนั่น ซ้ำยังต้องพูดคุยให้คำแนะนำ ท่านเอ็นโจก็ใจร้ายยิ่งนัก รู้ว่าท่านเรย์กะไม่ชอบยัยนั่น ก็ยังบังคับให้คุยด้วยอีก!”
เดี๋ยว ๆ
“ยัยนั่นก็อะไร รู้ตัวว่าท่านเรย์กะไม่ชอบ ก็ยังเสนอหน้ามานั่งข้าง ๆ ช่างน่าโมโหยิ่งนัก!”
เดี๋ยว ๆ
ฉันฟังเซริกะยังและคิคุโนะจังบ่นเรื่องวาคาบะจัง ราวกับฉันเป็นนางเอกผู้น่าสงสารและเธอเป็นนางร้ายจอมวางแผน ทว่าฉันได้แต่นอนพังพาบอยู่บนม้านั่ง ไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะถ้าเปิดปากพูดอะไรออกไป คงได้คายของเก่าต่อหน้าพวกเธอ
โชคยังดีที่ไม่มีเหตุการณ์แบบที่วาคาบะจังหรือใครมาได้ยิน ฉันเลยรอดพ้นธงมรณะน้อย ๆ ไปได้ แต่กว่าจะยืนขึ้นได้อีกครั้งแล้วกลับไปที่โต๊ะ ทุกคนก็กินจนอิ่มแล้ว
“เป็นอะไรน่ะ ไม่สบายอีกแล้วเหรอ?” นายตัวสำรองถามอย่างเป็นห่วง ให้ตายยังไงฉันก็บอกไม่ได้ว่ากินจนจุก ฉันส่ายหน้า บอกว่าวันนี้ออกมาข้างนอก เลยค่อนข้างเหนื่อย นายตัวสำรองมองฉันอย่างสงสัย เพราะเคยเห็นฉันขัดห้องน้ำเช้าจรดเย็นกับเขา ฉันมองเขาแล้วอยากลองจับเขายัดใส่คอร์เซ็ต ให้รู้ซะบ้างว่าจะแรงดีได้แค่ไหนในเครื่องทรมานอย่างนี้
วาคาบะจังก็ดูท่าทางเป็นห่วงเหมือนกัน อีตาคาบุรากิกับคุณยุยโกะไม่ได้มีท่าทีสนใจอะไรกับการหายตัวไปของฉัน ส่วนเอ็นโจทำหน้ากลั้นหัวเราะเต็มที่ คล้ายกับจะรู้ว่าที่ฉันหายไปเพราะอะไร
ในคืนนั้นฉันกลับที่พักอย่างสบายใจ โดยไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่า ได้เปิดรูทมรณะรูทใหม่เข้าให้แล้ว
.....
งวดนี้มาแค่นี้เพราะงานกูท่วมมาก ขอบพระคุณที่ติดตาม จะมาใหม่เมื่อมีเวลาพักหายใจ (กราบ)
รักมึงนะโม่งA&Aอยู่กับพวกกูไปนานๆนะ จุ๊บเหม่งทีดิ
โม่งฟิคคคค คราวนี้ขอเรือตัวสำรแงเถอะนะ //พนมมือ
//โบกมือจากเรือร้างๆที่ไม่มีใครสนใจ
เรือไหนก็ได้ที่ไม่ใช่คานค่ะ อุแง้
กูทีมเรือบาปอยู่กับท่านพี่ค่ะ รอท่านพี่ดาร์กๆอยู่นะคะ
ไม่เอาเรือเอ็นโจนะฟิคนี้ เพราะอวยไม่ลงจริงๆ ขอเรือนายตัวสำรองเถอะไม่ก็เรือท่านพี่ไปเลย!!
แท้งกิ้วโม่งฟิค!!!
พนมมือขอเรือนายตัวสำรองด้วยคน _/||\_
อ่านฟิคนี้แล้วกูขอก้าวขาไปอยู่เรือนายตัวสำรองชั่วคราวค่ะ โอยย~
/ปกติกูอยู่เรือเอ็นโจแบบเหนียวแน่นมากนะ แต่ฟิคนี้กูจะทรยศกัปตันเรือชูสุเกะ!
>>919 >>921 >>922 เอาด้วยคนจ้าา~อยากได้อ่ะ อยากได้
1เรือนายตัวสำรอง = กำลังแล่นชิว
2เรือยูกิโนะ = กระชุ่มกระชวยจริงๆ
3เรือท่านพี่ = อืม...ไม่รู้สิ
4เรือเคนตะ = น่าร๊ากกกดี
5เรืออุเมวากะ?นายบ้าหมา เปลี่ยนเป็น นายบ้าม้า แทน555+ = ตลก ฮาๆ
6เรือ ฯลฯ ? (@$+*/@-!?:#[>¤<]βα|\{π~•}`...€¥£¢√%_&¤™^\\{<&?'!@"#$--*+---@----$) = และเรือที่อาจยกโขยงกันมา เช่น คานซัง อาหารซัง ไขมันซัง ตัวประกอบคุง บ้านพักคนชรา คนต่างแดน,ต่างอาณาจักร,เมือง ตัวละครสมมุติ oc? คนที่ทะลุมิติมาเหมือนกัน ฝัน ประธานชมรมฟุตบอล,บาส,เบสบอล และอีกมากมาย~ ขอเชิญรอเหล่าโม่งฟิคมาแต่งต่อได้เลยค่าาา~
อย่าลืมโหวตชื่อมู้กันนะ•3•
มึงง พึ่งเคยเห็นงานนีดเดิ้ลเฟลท์ อีเหี้ย กูเป็นนายบ้าหมากูก็อยากได้ตุ๊กตานั่นกลับไปนอนกอดที่บ้านหว่ะ อห เหมือนโคตร ถึงฝีมือท่านเรย์กะจะดูพึ่งไม่ได้ แต่เราเชื่อในฝีมือท่านพี่และคุงเลขา https://twitter.com/jpizyplease/status/1090274789921439744?s=21
-------->ขอขอบคุณ>>924เกือบลืมล่ะ<--------
++++++++ส่วน>>925 รู้สึกจะมี+++++++++
>>828 ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชา กับโม่งซุยรันเรือแตกถ่อเรือบดเข้าทวีปคานที่ 30
>>831 ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน กับการประชุมเปิดบริษัทกวนกาวโม่งฟิคสาขาย่อยจากสาขาหลักฮิโยโกะซามะ เฮ้อ ขาดงบสนับสนุนเงินทุนไม่พอ [ ทุบโต๊ะครั้งที่30 ]
>>832 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการคาดเดาตัวตนของท่านฮิ หรือว่าจะเป็น!!?!![ขอกาวโม่งฟิคครั้งที่ 30 ~ლ(◉◞౪◟◉ )ლ~ლ(◉◞౪◟◉ )ლ~ ]
>>833 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : สโมสรน้ำ(กัญ)ชาซุยรัน เดตควงพี่น้องหนุ่มต่างวัยชวนใจเต้นโดกิโดกิใต้แสงดอกไม้ไฟ มาติดตามของกินใหม่ของเจ้าแม่กันเถอะ!!! [ ขอยากิโซบะจานที่ 30 ด้วยค่ะ! ]
>>836 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับจิตวิญญาณแห่งการรอคอยที่โชติช่วงด้วยพลังเผาไหม้แห่งกาว [เช็กหน้าเว็บครั้งที่ 30xxxxxxxx ]
>>844 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการบริโภคกาวเป็นของว่างระหว่างรอท่านฮิโยโกะกลับมา [แค่คำเดียวนะคะรอบที่ 30]
>>845 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันบนบานขอร้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ดลบันดาลให้ท่านฮิโยโกะกลับมา [ทานแกงกะหรี่มิราเคิลจานที่ 30]
>>846 บ้านพักคนชราของเจ้าแม่เรย์กะ : เชิญชวนมาร่วมจิบน้ำ(กัญ)ชารอท่านฮิโยโกะด้วยกันนะคะ! [ฉลอง(การรอ)ครบรอบปีที่ 30]
>>847 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการรอคอยเหล่าโม่งฟิคและท่านฮิโยโกะ[มาแก้ความค้างครั้งที่30]
-------->ทั้งหมดมีแค่นี้มั่ง?<----------
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
**ปล.**#จะเลือกอะไรกันดีอ่ะ?(/ >^<)/
+1 แกงกระหรี่มิราเคิล !!
คิดถึงว่ะ
โหวต836
มาแจกกาวก่อนนอนจ้า
KimiDolce ~after story (เกอิชา) >>>/webnovel/6114/812-816
Special Chapter : Imari POV.
---------------------
ตอนที่นั่งรถผ่านอาคารที่ล้อมรอบด้วยกำแพงอิฐ แม่ก็ชี้ให้ผมดูว่านี่คือโรงเรียนที่ผมจะมาสอบเข้าเรียนในปีหน้า ญาติๆของเราก็จบจากที่นี่กันเกือบหมด ถ้าอยากจะรู้อะไรเกี่ยวกับซุยรันล่ะก็ไปถามได้ และจะได้ฟังจนเบื่อแน่ๆล่ะ
ตัวผมน่ะไม่ได้สนใจเกี่ยวกับอาคารที่งดงามเหมือนปราสาทกลางป่าที่แสนหรูหราอะไรนั่นหรอก สิ่งที่ผมสนคือเครื่องแบบน่ารักๆที่เหล่านักเรียนหญิงสวมอยู่ต่างหาก
ถ้าได้อยู่ในสถานที่ที่มีแต่สาวน่ารักๆแต่งเครื่องแบบน่ารักๆรายล้อมทุกวัน นั่นมันก็ยอดเยี่ยมไปเลยไม่ใช่เหรอ
เอาเป็นว่าผมก็สอบผ่านเข้าซุยรัน ได้เป็นหนึ่งใน Pivoine ไปเรียบร้อย และ Pivoine ก็เป็นตัวตนที่อยู่เหนือนักเรียนทั้งปวงของซุยรัน ได้รับการปล่อยผ่านในทุกๆเรื่องไม่ว่าจะทำอะไรร้ายแรงแค่ไหนก็ตาม เรื่องนี้ออกจะทำให้นักเรียนทั้งหลายต่างก็หวาดกลัว Pivoine ไม่น้อยกันเลยล่ะ
ขณะที่กำลังกังวลนิดหน่อยว่าสถานะอันสูงส่งนี่จะทำให้นักเรียนหญิงไม่กล้าเข้าหารึเปล่า ผมควรจะวางตัวน่ารักกับพวกเธอใช่มั้ย สายตาผมก็เหลือบไปเห็นเด็กคนหนึ่งอยู่ในห้องสโมสร
หมอนี่จัดว่าหน้าตาดีเลยล่ะ แต่รู้สึกเหมือนบรรยากาศแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆเลยนะ
เขานั่งอยู่คนเดียวที่โซฟาข้างหน้าต่าง มีรอยยิ้มละมุนละไมประดับใบหน้า แสงแดดที่ส่องมาจากทางหน้าต่างทำให้เขาดูส่องสว่างเป็นประกาย
อืม...รู้สึกว่าถ้าผู้ชายหน้าตาดีสองคนอยู่ด้วยกันจะดึงดูดสาวๆให้เข้าหาเยอะด้วยนี่นา ถ้าได้เป็นเพื่อนกับคนแบบนี้ก็วิเศษไปเลยน้า
ผมเลยเดินเข้าไปทักทายเขา ยื่นมือออกไปตรงหน้าพร้อมกับแนะนำตัว เขาเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยแต่ก็ยื่นมือมาจับพร้อมกับรอยยิ้ม
“คิโชวอิน ทาคาเทรุ ยินดีที่ได้รู้จัก”
เห...ทาคาเทรุเหรอ ส่องสว่างเป็นประกายสมชื่อเลยนะ
นั่นล่ะ คือครั้งแรกที่เราได้พบกัน
.
.
.
.
.
นับจากวันนั้น เราก็เป็นเพื่อนสนิทตัวติดกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
ทาคาเทรุเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก ผลการเรียนก็อยู่ในลำดับต้นๆของชั้นปี เข้าชมรมยิงธนูก็ได้เป็นกัปตัน รุ่นน้องทุกคนล้วนให้ความเคารพนับถือและเชื่อฟัง เรียกได้ว่าเป็นคนสมบูรณ์แบบแทบไม่มีข้อด่างพร้อยใดๆเลยสักนิด
ผมแทบไม่ค่อยเห็นเขาแสดงอารมณ์อะไรเท่าไหร่ และเขาปฏิบัติกับทุกคนอย่างสุภาพและมีมารยาท หายากมากที่เขาจะโมโหสักครั้ง
ถ้าไม่นับที่เขาโมโหใส่เพราะผมไปก่อเรื่องราวให้เขาตามแก้ปัญหา(โดยมากก็เรื่องผู้หญิง) ผมก็ได้เห็นอาการโกรธครั้งแรกของเขา ตอนที่ผมไปเที่ยวที่บ้านคิโชวอินเมื่อตอนม.2
ทาคาเทรุไม่ค่อยเล่าอะไรให้ฟังเกี่ยวกับบ้านตัวเองมากนัก แต่ผมรู้มาว่าเขามีน้องสาวที่อายุห่างกันเจ็ดปีอยู่หนึ่งคน เธอเป็นเด็กหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างปราณีต ผมม้วนเกลียวราวกับเจ้าหญิงตัวน้อยๆในนิทานภาพ
แต่ความน่ารักของเธอถูกทำลายด้วยความเอาแต่ใจและเย่อหยิ่งจองหอง จนทำลายเสน่ห์ตามธรรมชาติของเด็กไปจนหมด
เธอปฏิบัติตัวดีกับผม เป็นคุณหนูที่มารยาทงามสมบูรณ์แบบ แต่กลับใช้กริยาไม่น่ารักกับคนที่อยู่ต่ำกว่าอย่างพวกสาวใช้หรือคนขับรถ แถมไม่มีใครสามารถบอกหรือสอนเธอได้ แม้แต่ตัวทาคาเทรุที่เป็นพี่ชายเองก็ตาม
ผมยังจำสายตาเยียบเย็นที่เขาใช้มองน้องสาวตัวเองได้ มันเย็นชาและน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ
ถึงผมจะมีน้องชายที่อวดดีและแก่แดดมากไปหน่อย บางครั้งเราก็ทะเลาะกันบ้าง แต่ผมก็คิดว่าเราเป็นพี่น้องที่รักกันดีพอสมควร อย่างน้อยผมก็ไม่เคยใช้สายตาแบบนั้นมองน้อง ซักครั้งก็ไม่เคย
.
.
.
.
ทาคาเทรุไม่ค่อยชอบที่จะอยู่บ้าน ผมก็เลยชวนเขาออกไปข้างนอกประจำ ไปที่ไหนก็ได้ที่เด็กอายุสิบห้าสามารถจะไปได้ในตอนนั้น
พออยู่นอกบ้าน ทาคาเทรุก็ดูผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว
ผมพาเขามาทะเล มองดูคลื่นซัดสาดเข้าใส่ชายหาด นั่งฟังเขาเล่าปัญหาครอบครัวที่ผมไม่เคยรู้
อาจจะเป็นเรื่องน่าเบื่อของใครบางคนที่ต้องมานั่งรับฟังปัญหาของเด็กวัยรุ่น แต่ผมกลับดีใจที่ทาคาเทรุเล่ามันให้ผมฟัง
ทาคาเทรุดูเผินๆภายนอกเหมือนจะเป็นคนอ่อนโยนและให้การยอมรับกับทุกคนที่เข้ามา แต่จริงๆแล้วคนที่เขาลดการป้องกันมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย การได้ฟังปัญหาจากเขา ผมก็รู้สึกเหมือนได้รับการยอมรับและความไว้วางใจเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาจริงๆ
ผมอยากให้เขาพึ่งพิงผมให้มากกว่านี้ อยากช่วยแบ่งเบาภาระ ผมอยากช่วยเขา แต่ทาคาเทรุกลับไม่ยอมให้ช่วย...ทำได้แค่รับฟังอย่างเดียว
นอกจากนั้น เขาก็เล่าเรื่องน้องสาวที่ก่อปัญหาให้หนักใจไม่หยุดหย่อน แววตาดูเคร่งเครียด
ทางบ้านคิโชวอินอยากจะจับคู่เธอกับลูกชายบ้านคาบุรากิ แถมมาดามคาบุรากิก็ดูเหมือนจะอยากให้มาเป็นลูกสะใภ้ เพราะอย่างนั้น คุณน้องสาวก็เลยคิดว่ามาซายะคุงเป็นของเธอ เที่ยวหึงหวง อาละวาด ตามกลั่นแกล้งคนที่มาเข้าใกล้ผู้ชายของเธอ
ถึงจะไม่มีเรื่องของมาซายะคุง แต่เธอก็ยังใช้อิทธิพลของที่บ้านอวดเบ่งบารมีไปทั่ว เป็นเด็กผู้หญิงที่เจ้าอารมณ์ นิสัยแย่เหลือรับ และแน่นอนว่าพ่อและแม่ของเธอก็ล้วนแต่เห็นดีเห็นงามที่ทำแบบนี้ ให้ท้ายเธอจนกลายเป็นคนร้ายกาจมากขึ้นเรื่อยๆแบบกู่ไม่กลับ
รู้สึกว่ามาซายะคุงคนนั้นจะมีคนรักอยู่แล้ว ความรักของคุณชายบ้านคาบุรากิน่ะดังกระฉ่อนไปทั่วซุยรันเลยล่ะ ขนาดผมที่จบมาหลายปียังได้ยินข่าวมาเข้าหูว่าจักรพรรดิคนดังแห่งซุยรันไปคว้าเอาเด็กสาวบ้านๆที่ไม่คู่ควรกับตระกูลคาบุรากิมาเป็นแฟน แถมยังหักหน้าคิโชวอิน เรย์กะอย่างยับเยินด้วยการออกตัวปกป้องเด็กคนนั้นทุกครั้งที่ถูกกลั่นแกล้ง
จากที่ทาคาเทรุเล่า เรื่องนี้เองก็ทำให้มาดามคาบุรากิเร่งรัดแผนการจับคู่หนักข้อขึ้น ตอนนี้ก็ถึงขั้นมาทาบทามด้วยตัวเองถึงบ้านแล้ว คิดว่าคงจะจัดงานหมั้นหมายอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้ มาซายะคุงก็คงโดนบังคับให้เลิกกับเด็กคนนั้นแล้วมาแต่งงานตามที่ทางบ้านจัดหาให้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่เมื่อเห็นแววตาของเขาในวันนั้น ผมคิดว่าเรื่องมันไม่น่าจะจบง่ายๆแค่นั้นหรอก
.
.
.
.
ทาคาเทรุทะเลาะกับพ่อ หนที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่คราวนี้รุนแรงถึงขั้นออกจากบ้าน เป็นตายยังไงก็ไม่กลับไปอีก
ผมเลยไปหาเขา สอบถามสาเหตุที่มาที่ไป แต่ทำยังไงทาคาเทรุก็ไม่ยอมพูด ถึงจะรู้ว่าเป็นปัญหาส่วนตัวในครอบครัว แต่ก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้เหมือนกัน
แต่เขาก็ยอมเล่ามาหนึ่งเรื่อง นั่นคือเรื่องงานหมั้นของคุณน้องสาวกับมาซายะคุง
งานได้ถูกเตรียมการขึ้นแล้ว มาดามคาบุรากิบีบบังคับให้ลูกชายเลิกกับแฟนได้สำเร็จ คิดว่าการ์ดเชิญคงมาถึงมือผมในไม่ช้านี้
ดูท่าทางเขาคงไม่คิดจะไปร่วมงานหมั้นที่ว่านั่น ถ้าทาคาเทรุไม่ไป ผมเองก็ไม่ไปเหมือนกัน
จากนี้ไปเขาคงมีเรื่องที่ต้องจัดการอยู่เยอะ ผมเลยได้แต่เสนองานที่บริษัทให้ และบอกว่าที่ตรงนี้จะว่างสำหรับเขาเสมอ
.
.
.
.
.
ต่อมา ผมได้ยินข่าวที่น่าตกใจมากเรื่องหนึ่ง
คิโชวอินกรุ๊ปล้มละลายแล้ว
ผมที่กำลังท่องเที่ยวอยู่มัลดีฟส์ยกเลิกทริปที่เหลือทั้งหมดแล้วบินกลับญี่ปุ่นทันที ลองเช็คข่าวจากหลายๆที่ก็พบว่าประธานคิโชวอินโดนแฉเรื่องทุจริตด้วยฝีมือของมาซายะคุง แถมยังเป็นกลางงานหมั้นของลูกสาว เรียกได้ว่าเกียรติและศักดิ์ศรีของตระกูลคิโชวอินโดนทำลายย่อยยับหมดทุกทาง
...แล้วทาคาเทรุตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ
ที่แรกที่ผมไปหลังจากแตะแผ่นดินญี่ปุ่นคือแมนชั่นของทาคาเทรุ ดูเหมือนเขาจะไม่อยู่ที่ห้อง โทรเข้ามือถือก็ไม่รับสาย
แต่จากที่อยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปี ผมรู้ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหนตอนที่ไม่สบายใจ พอลองไปที่นั่นดูก็เจอจริงๆด้วย
ภาพเขาที่เหม่อมองทะเลทำให้ผมรู้สึกปวดใจขึ้นมา ทาคาเทรุในตอนนี้ดูเปราะบางเหมือนพร้อมจะแตกสลายลงได้ทุกเมื่อ
ผมถอดเสื้อโค้ตคลุมตัวเขา นั่งลงข้างๆมองทะเลไปด้วยกัน ให้ความเงียบไหลผ่านพวกเราไปช้าๆ ในตอนนี้ก็ทำได้แค่รอให้ทาคาเทรุเอ่ยปากพูดออกมาเอง
“รู้เรื่องหมดแล้วใช่มั้ย อิมาริ”
“ใช่”
“พอเดาออกสินะว่าฉันทำอะไรลงไป”
“ฉันอยากรู้จากปากทาคาเทรุมากกว่า”
“ถ้าฉันบอกไปนายจะเกลียดฉันมั้ย”
“นายก็รู้ว่าฉันไม่มีวันเกลียดนายได้หรอก”
“น่าแปลกนะ อิมาริ” ทาคาเทรุแค่นหัวเราะ “ทั้งๆที่ฉันน่ะคิดว่าตัวเองไม่เหลือเยื่อใยกับคนพวกนั้นแล้วแท้ๆ แต่ทำไมฉันต้องรู้สึกเจ็บขนาดนี้ก็ไม่รู้”
เขายังคงพึมพำคำว่า “ทำไมกันนะ” ซ้ำไปซ้ำมา น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มช้าๆโดยไร้เสียงสะอื้น ผมเลยดึงเขาเข้ามากอด
ผมกลัวว่าถ้าไม่จับเขาไว้ เขาอาจจะเดินลงทะเลไปต่อหน้าต่อตาเลยก็เป็นได้
อาจจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่ในตอนนี้ผมก็นึกอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้วจริงๆ
.
.
.
ทาคาเทรุเริ่มทำงานกับผมในตำแหน่งเลขา แม้ผมจะรู้สึกแย่นิดหน่อยที่เพื่อนสนิทที่เคยมีสถานะเท่าเทียมกัน ต้องมาวิ่งวุ่นจองโรงแรม ร้านอาหารหรือส่งของขวัญไปให้บรรดาสาวๆที่กิ๊กกับผมอยู่ แต่เขาก็ยังจัดการทุกอย่างได้ดีเยี่ยมไร้ที่ติเหมือนเคยจนผมอยากคารวะ
บางครั้งผมเองก็ยังจำชื่อคนที่ผมนอนด้วยเมื่อคืนนี้ไม่ได้เลยนะ
และเนื่องจากเขาคือเลขาของผม บางทีก็ต้องพาไปงานเลี้ยงด้วยเหมือนกัน แม้ผมจะบอกว่าไม่ต้องไปก็ได้ เพราะยังไงก็มีคนจำเขาได้อยู่ดีว่านี่คือคุณชายของตระกูลคิโชวอินที่เพิ่งล้มละลายไป แต่ทาคาเทรุก็บอกว่าไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เลขาต้องตามไปดูแลความเรียบร้อยให้เจ้านาย และเดินเข้างานเลี้ยงอย่างสง่าผ่าเผยไม่หวาดหวั่นต่อเสียงซุบซิบนินทา
ในงานเลี้ยงผมแนะนำให้เขารู้จักกับผู้ประกอบการมากมายที่ตระกูลโมโมโซโนะมีคอนเนคชั่นด้วย เผื่อว่าวันหนึ่งทาคาเทรุอยากเปิดกิจการอะไรซักอย่างขึ้นมาก็จะได้ไม่ลำบาก และผมพร้อมที่จะช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่ในทุกๆด้าน เงินทุน เส้นสาย หรืออะไรก็ตามที่เขาต้องการ
ระหว่างที่คิดเรื่องนั้น ผมก็รู้สึกเหมือนมีสายตาจับจ้องมาทางนี้ เป็นชูสุเกะคุงของตระกูลเอ็นโจที่มองมา
ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มองผม แต่มองทาคาเทรุที่ยืนอยู่ด้านหลังของผมต่างหาก
อืมมมม รู้สึกว่าหมอนี่จะเป็นเพื่อนสนิทกับมาซายะคุง บางทีอาจจะมีส่วนทำให้คิโชวอินกรุ๊ปล้มละลายด้วยแน่ๆ
เมื่อเจอกันในงานเลี้ยงอีกหน ผมเลยเดินไปทักทาย และชูสุเกะคุงก็ตอบรับผมด้วยรอยยิ้มสุภาพที่ทำให้นึกถึงทาคาเทรุขึ้นมา
ตอนนี้ชูสุเกะคุงอยู่ในขั้นเรียนรู้งานบริหาร เราก็เลยคุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระอย่างเรื่องสถานที่เที่ยวที่ต้องพาลูกค้าไปเอนเตอร์เทน ผมแนะนำเขาไปหลายที่ เขาก็แนะนำผมกลับมาอีกหลายที่เหมือนกัน
ก็ฟังดูเป็นร้านที่น่าสนใจ สัปดาห์ต่อมาผมก็เลยไปร้านที่มี “นกน้อยที่ร้องเพลงได้ไพเราะมาก” ตามที่ได้รับการแนะนำมา ถ้าเป็นร้านที่เข้าท่าจริงๆผมก็จะได้สถานที่พาลูกค้ามาเที่ยวเพิ่มอีกที่ ยังไงก็ต้องขอลองก่อน
บรรยากาศโดยรวมของร้านก็ดี อาจจะเก่าแก่สู้ย่านกิอนที่เกียวโตไม่ได้ แต่ก็ให้ความรู้สึกสูงส่งสง่างาม เหมาะกับคนที่อยากสัมผัสเสน่ห์ของสาวญี่ปุ่นและศิลปะวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม
โอก้าซังแจ้งว่า “นกน้อยที่ร้องเพลงได้ไพเราะที่สุดในร้าน” ที่ผมเรียกหามารออยู่หน้าห้องแล้ว และปรบมือให้เธอเข้ามา
...นั่นมันน้องสาวของทาคาเทรุนี่
แม้จะตกใจนิดหน่อยที่ได้มาพบเธอในสถานที่ที่คาดไม่ถึงแบบนี้ แต่เธอไม่ได้แสดงออกว่ารู้จักกับผม มีแค่การโค้งคำนับให้และทักทายแนะนำตัวในตอนต้นก่อนจะออกไปร่ายรำให้ดู
ก็เป็นนาฎศิลป์ที่อ่อนช้อยงดงามตามแบบฉบับของกุลสตรีญี่ปุ่น แถมยังมีเสียงร้องที่ไพเราะคลอไปกับเสียงของซามิเซ็งที่เธอบรรเลงเอง ดูแล้วก็เพลิดเพลินดีสมกับที่ชูสุเกะคุงแนะนำมาจริงๆ
โอก้าซังบอกว่าเธอเป็นดาวเด่นที่น่าจับตามองที่สุดในร้าน อีกไม่นานก็จะได้เลื่อนขั้นจากไมโกะมาเป็นเกโกะเต็มตัว หากผมสนใจก็สามารถมารับชมการแสดงจากเธอได้ทุกเมื่อ
เมื่อเวลาหมดลง ผมก็ขอให้เธอเดินออกไปส่งขึ้นรถเพื่อจะสอบถามที่มาที่ไปว่าทำไมเธอถึงมาทำงานแบบนี้ได้
เธอทำท่าประหลาดใจตอนที่ผมบอกว่าชูสุเกะคุงแนะนำร้านนี้ให้ แต่พอพูดถึงทาคาเทรุ เธอก็ดูจะหงุดหงิดขึ้นมา เชิดหน้าขึ้นแบบถือดีว่าจะไม่รับฟังความคิดเห็นใดๆอีก เป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองอย่างที่ทาคาเทรุว่าไว้จริงๆ
“แต่ยังไงฉันก็เป็นห่วงเรย์กะจังนะ ทำอาชีพแบบนี้ก็ต้องเจอคนหลากหลายประเภทอยู่แล้ว อาจจะมีคนไม่ดีมาหลอกก็ได้”
“แล้วท่านอิมาริเป็นคนไม่ดีรึเปล่าล่ะคะ”
คุณน้องสาวช้อนตามองผมด้วยท่าทางที่ดูเหมือนกำลังยั่วยวน เอาเนื้อตัวมาเบียดแนบชิด แถมยังมีการเอานิ้วแตะปากผมเพื่อขอให้รักษาความลับไม่ให้บอกทาคาเทรุอีกต่างหาก
ในเมื่อเสนอมาขนาดนี้ ไม่สนองก็เสียเชิงชายแย่
ผมเลยกอดเธอไว้ด้วยสองแขน จงใจกดฝ่ามือเข้ากับสะโพกของเธอให้แนบชิดกับร่างกายท่อนล่างของผม เธอสะดุ้งทันที ตามมาด้วยอาการตัวแข็งทื่อ ไปต่อไม่ถูกเหมือนเพิ่งจะเคยถูกผู้ชายทำแบบนี้ด้วย
ก็นะ ….ถึงจะวางท่าเป็นสาวเจนจัดยั่วยวนผมขนาดไหน แต่เนื้อแท้เธอก็คือคุณหนูในห้องหอผู้อ่อนต่อโลกอยู่ดี
แถมในชีวิตอันแสนเย่อหยิ่งหัวสูงของเธอก็มีแต่การไล่ตามมาซายะคุงไม่เหลียวแลใครอื่น คงไม่ต้องคาดเดาให้เมื่อยหรอกว่าเธอจะได้ใกล้ชิดผู้ชายอื่นในลักษณะแบบนี้มั้ย
เมื่อตั้งสติได้ คุณน้องสาวผละตัวออกจากผมแล้วจ้ำอ้าวหนีกลับเข้าไปในร้าน ยิ้มที่ให้ก่อนจากก็ดูเป็นยิ้มฝืดๆเหมือนพยายามจะทำตัวให้เข้มแข็ง
ผมได้แต่หัวเราะอยู่ในใจกับความไร้เดียงสานั่น
คิดจะมาเล่นเกมแบบผู้ใหญ่กับผมน่ะ มันยังเร็วเกินไป
.
.
.
.
มื้อค่ำ ผมชวนทาคาเทรุออกไปทานข้าว คิดว่าจะลองเลียบๆเคียงๆถามเรื่องคุณน้องสาวดูซักหน่อย ผมเลือกร้านโปรดของเขาเพราะอยากให้อารมณ์ดีและผ่อนคลายบรรยากาศกับสิ่งที่จะพูดกันต่อจากนี้
พอได้ยินชื่อของน้องสาว ทาคาเทรุก็ดูเครียดขึ้นมาโดยพลัน
“ถามทำไม”
“แค่สงสัยว่านายยังติดต่อกับครอบครัวอยู่มั้ย”
“นายก็รู้ความสัมพันธ์ของครอบครัวฉันเป็นยังไงไม่ใช่เหรอ อิมาริ” ทาคาเทรุวางตะเกียบลงแล้วจ้องผมเขม็ง “และการที่อยู่ๆนายมาถามฉันเรื่องน้องสาวนี่มันแปลกๆนะ...นายไปรู้อะไรมาใช่มั้ย”
ฉลาดสมเป็นทาคาเทรุเลยแฮะ...ปิดบังอะไรไม่ได้เลย
“โว้ว ใจเย็นๆก่อน”
ผมยกมือขึ้นห้ามก่อนที่เขาจะกระชากคอเสื้อผมกลางร้านอาหารเพื่อเค้นคำตอบ
“คือ...ที่จริงแล้วฉันไปเจอเรย์กะจังทำงานอยู่ในร้านเกอิชาแถวๆอาซากุสะน่ะ”
ถึงเรย์กะจังจะบอกให้ผมเก็บเป็นความลับ แต่ทาคาเทรุสำคัญกว่า และหมัดของหมอนั่นก็หนักเสียด้วยสิ
ทาคาเทรุไม่มีปฏิกริยาอะไรตอนที่ได้ฟังเรื่องราว จิบสาเกไปเงียบๆ รอให้ผมพูดให้จบแล้วก็ลงมือทานข้าวต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“จะไม่ไปห้ามหน่อยเหรอ”
“ทำไมต้องห้ามด้วยล่ะ” ทาคาเทรุตอบกลับมาด้วยทีท่าเฉยเมย “ก็ในเมื่อเลือกที่จะทำแบบนั้นเอง ฉันจะไปห้ามอะไรได้ อีกอย่างเกอิชาก็ไม่ใช่อาชีพไม่สุจริตซักหน่อย คนอย่างยัยนั่นรู้จักทำมาหากินด้วยตัวเองก็ดีแล้วนี่”
“เย็นชาจังเลยน้า”
ผมหยอกเขา ทาคาเทรุเลยปรายตามองมาด้วยความเย็นชาจริงๆก่อนจะปรบมือเรียกพนักงานให้เข้ามาในห้องเพื่อสั่งขนมหวาน
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับความอร่อยของวุ้นโยคังหลากสีสันในจานกระเบื้องเคลือบที่เหมือนจะมาจากฝีมือของศิลปินแห่งชาติ ทาคาเทรุก็ดูนิ่งเงียบไปเหมือนกำลังใช้ความคิด
“อิมาริ”
“อื๋อ ว่าไง”
“นายบอกว่ารู้เรื่องนี้มาจากชูสุเกะคุงของตระกูลเอ็นโจใช่มั้ย”
“ใช่” ผมใช้ส้อมไม้อันเล็กๆตัดแบ่งขนมให้เป็นชิ้นเท่าๆกันก่อนลงมือทาน “แต่ฉันก็คิดว่ามันแปลกที่อยู่ๆหมอนั่นจะมาบอกฉันเรื่องนี้…”
“นั่นสิ” ทาคาเทรุจับคางตัวเองทำท่าครุ่นคิด “เท่าที่ฉันรู้ เด็กจากตระกูลเอ็นโจนั่นกับเรย์กะเป็นศัตรูกัน และหมอนั่นก็คอยผลักดันให้เพื่อนสนิทอย่างมาซายะคุงคบกับเด็กที่ชื่อทาคามิจิแบบเปิดเผยซะด้วย”
“หรือว่าชูสุเกะคุงอยากให้ฉันเอาเรื่องมาบอกนาย...ก็ทำสำเร็จอยู่นะ”
เพียงแค่ผลลัพธ์มันอาจจะเย็นชาไปซักหน่อยเพราะทาคาเทรุไม่สนใจไยดีคุณน้องสาวเลยแม้แต่นิด พี่ชายของเธอใจดำจริงๆนะเรย์กะจัง
“นั่นสิ...แต่บอกฉันไปจะมีประโยชน์อะไร”
“ไม่รู้สิ อาจจะอยากให้นายห้าม” ผมยักไหล่ “ฉันเองก็ยังอยากให้นายไปห้ามเลย เรย์กะจังถึงจะดูร้ายๆแต่ฉันว่าจริงๆแล้วเธออ่อนต่อโลกมากเลยนะ”
“นายโดนหลอกแล้วล่ะอิมาริ” ทาคาเทรุพ่นลมหายใจแบบดูถูก “เสียชื่อหมดแล้ว ผ่านผู้หญิงมาเยอะประสาอะไร แค่นี้ก็ดูไม่ออกว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังทำมารยาสาไถอยู่”
“อันนี้ฉันพูดจริงๆนะ…ตอนนั้นฉันแค่แกล้งแบบถึงเนื้อถึงตัวไปนิดๆหน่อยๆเอง แต่เธอดูตกใจมากจริงๆ ตัวนี่แข็งทื่อไปเลยล่ะ”
ทาคาเทรุขมวดคิ้วเข้าหากัน ผมเลยรีบพูดต่อ
“แค่กอดเฉยๆน่ะ สาบานได้ว่าไม่มีอะไรเกินเลยจากนี้จริงๆน้า”
“งั้นเหรอ”
เขาพยักหน้าเนิบๆแล้วยกแก้วชาเขียวขึ้นดื่ม ปล่อยผ่านไปในเรื่องนี้ ผมเลยแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก นึกว่าจะโดนต่อยซะแล้ว
“แต่เรื่องนี้มันก็น่าสงสัยว่าทำไมยัยนั่นถึงไปทำงานแบบนี้ได้” ทาคาเทรุเคาะนิ้วลงกับโต๊ะแบบกำลังใช้ความคิด “ปกติอาชีพนี้ก็ไม่ได้ผุดขึ้นมาเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆเวลาคนเราจะหางานทำอยู่แล้วนี่”
“ไม่รู้สิ เรย์กะจังอาจจะคิดได้เองรึเปล่า ก็ดูเป็นอาชีพที่เหมาะกับเธอออกนะ”
“ไม่มีทางหรอก ฉันรู้จักนิสัยของผู้หญิงคนนั้น” เขาแค่นหัวเราะ “คนเย่อหยิ่งหัวสูงแบบนั้นน่ะ ยอมอดตายดีกว่าจะไปทำงานก้มหัวเอาอกเอาใจคนอื่น เป็นคนโง่ที่แบกอีโก้ตัวเองไว้สูงลิบลิ่วเลยล่ะ”
ผมรับฟังไปเงียบๆพร้อมกับจิ้มวุ้นเข้าปาก ยังไงซะก็เป็นเรื่องที่ผมไม่ได้รู้ลึกตื้นหนาบางเท่าคนในครอบครัวอยู่แล้ว
“บางที...ฉันว่าพ่ออาจจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็ได้”
“ประธานคิโชวอินน่ะเหรอ”
“น้องฉันไม่ได้มีสมองพอจะคิดอะไรได้ด้วยตัวเองหรอกนะอิมาริ” ทาคาเทรุเหยียดยิ้ม “แล้วที่ผ่านมาเธอก็เอาแต่เชื่อฟังและรับคำสั่งจากพ่อนั่นล่ะ ถ้าพ่อบอกว่าดีเธอก็พร้อมจะเชื่อว่าดีหมดทุกอย่าง”
“แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเรื่องนี้อยู่ดีว่าประธานคิโชวอินจะทำแบบนั้นไปทำไม”
“ก็ไปสืบมาสิ” เขาตอบกลับมาแบบง่ายๆ “ฝากจัดการด้วยล่ะอิมาริ”
“เฮ้ย!!” ผมเกือบสำลักชาเขียวที่กำลังยกดื่ม “ทำไมฉันต้อง…”
“หรือนายมีปัญหา??” ทาคาเทรุเปลี่ยนมาเป็นยิ้มหวานหยดแบบที่เห็นแล้วเสียวสันหลัง
“...ไม่มีครับ ท่านทาคาเทรุ”
“ดี” เขาดูพอใจ เอนตัวลงนั่งกับกับพนักพิงเบาะ ลงมือทานขนมที่เหลืออยู่บนจานของตัวเองด้วยท่าทีรื่นรมย์ ทำเอาผมแอบบ่นปอดแปดอยู่ในใจ
ตกลงใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นเลขากันแน่นะ
.
.
.
.
.
การสืบของผมคือการไปพบกับคุณน้องสาวตามแต่จะหาเวลาว่างไปได้ แพทเทิร์นก็คล้ายๆกับผู้หญิงคนอื่นๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ผมเลยไม่ต้องเสียเวลาเดาใจอะไรมาก ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ชอบพวกดอกไม้ เครื่องประดับ สถานที่หรูๆและความสะดวกสบายกันอยู่แล้ว
ผมลองหาข้อมูลจากด้านอื่นดูด้วยก็พบว่าอาชีพนี้ถึงจะไม่ได้ขายเรือนร่าง ขายแต่ศิลปะก็จริง แต่ก็มีสิ่งที่เรียกว่าผู้อุปถัมภ์อยู่ โดยที่เธอจะนอนกับผู้อุปถัมภ์นี้เพียงแค่คนเดียว ส่วนผู้อุปถัมภ์ก็จะคอยสนับสนุนเรื่องการเงินให้เป็นการแลกเปลี่ยน
และผู้อุปถัมภ์ก็จำเป็นที่จะต้องร่ำรวย เพราะว่าค่าใช้จ่ายของเกโกะแต่ละเดือนนั้นก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย ไหนจะชุดกิโมโนที่หรูหราและเครื่องประดับที่ต้องใส่ตามฤดูกาล ไหนจะค่าฝึกซ้อมศิลปะวัฒนธรรม ...ก็ยุ่งยากอยู่เหมือนกันนะ
พอบอกทาคาเทรุไปในเรื่องนี้ เขาก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจแล้ว
“ฉันก็พอจะเดาได้ว่าพ่อให้เรย์กะไปทำงานแบบนี้ทำไม”
ผมก็เดาออกตั้งแต่เรื่องที่ต้องมีผู้อุปถัมภ์แล้ว ที่วางท่ายั่วยวนผมขนาดนั้นก็หมายความว่าเธอก็น่าจะกำลังมองหาอะไรทำนองนี้อยู่ ก็ฟังคล้ายพล็อตละครน้ำเน่าเหมือนกัน ที่คุณหนูตกอับต้องการผู้ชายร่ำรวยไว้ให้เกาะเพื่อจะได้กลับไปใช้ชีวิตสุขสบายเหมือนเดิม
“...แต่ที่ยังติดใจอยู่ก็คือเรื่องของเจ้าเด็กตระกูลเอ็นโจนั่น หมอนั่นวางแผนอะไรไว้ หรืออยากให้รู้ความเป็นไปของยัยนั่นและให้จับตามองว่าจะทำอะไร”
ทาคาเทรุหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบกำลังใช้ความคิด ผมเลยแกล้งแหย่เขาไปนิดหน่อย
“อ๋า ถ้าเป็นเซนส์ของฉันล่ะก็ มันบอกว่าชูสุเกะคุงกำลังแอบชอบน้องสาวนายอยู่น่ะ เลยกันทุกทางไม่ให้มาซายะคุงได้แต่งกับเรย์กะจังด้วยการยัดเยียดผู้หญิงคนอื่นให้เพื่อน แถมตอนนี้เรย์กะจังก็ทำงานที่ต้องเอาอกเอาใจผู้ชายตั้งเยอะเลยหึง อยากให้ฉันเอาเรื่องมาบอกนายเพื่อจะให้นายไปห้าม ...นายน่าจะได้น้องเขยจากตระกูลเอ็นโจแล้วล่ะทาคาเทรุ”
ทาคาเทรุปรายตามองด้วยท่าทีเย็นชาและไม่พูดด้วยอีกเลย จนผมต้องยกมือขึ้นทั้งสองข้างเพื่อยอมแพ้
“ขอโทษครับท่าน ไม่เล่นแล้วก็ได้” ผมกระแอมไอเพื่อปรับโทนเสียงให้เป็นการเป็นงานมากขึ้น “แล้วทาคาเทรุอยากรู้อะไรเพิ่มอีกล่ะ”
“นายนอนกับเรย์กะไปรึยัง”
“ถามกันตรงๆแบบนี้เลยเรอะ” ผมสะดุ้งนิดหน่อยแล้วรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ยังไม่ได้ทำอะไรเลยจ้า”
“ก็ดี”
“หึงเหรอ”
“ไม่” ทาคาเทรุตอบด้วยเสียงเย็นเยียบ “ถ้านายนอนกับยัยนั่นไปแล้ว เรื่องมันจะยุ่งยากมากขึ้นเท่านั้นล่ะ”
“เรื่องนั้นฉันรู้น่า”
ผมยิ้มเฝื่อนๆให้เขาแล้วก็เปลี่ยนเรื่อง
“ว่าแต่นายเถอะ จะให้ฉันช่วยอะไรบ้างเรื่องที่ศาลนัดไต่สวนคดีของพ่อนายในครั้งหน้า”
“ไม่เป็นไร ฉันทำเองได้”
“อย่าเพิ่งปฏิเสธสิ ทาคาเทรุ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “อย่างน้อยก็ให้ฉันช่วยเรื่องทนาย…”
“ไม่เป็นไร นี่มันเรื่องในครอบครัวฉัน”
“แต่ว่า…”
“เรื่องนี้นายช่วยอะไรไม่ได้หรอก อิมาริ” ทาคาเทรุตอบห้วนๆ “พ่อไม่มีทางชนะคดีได้ต่อให้จะไปหาทนายเก่งที่สุดในโลกมาให้ พวกคาบุรากิจะไม่ยอมให้พ่อออกจากคุกมาเล่นงานพวกเขาหรอก”
จ้องกันอยู่ซักพัก ทาคาเทรุก็เป็นฝ่ายหลบตาก่อน เขาดันแว่นที่เลื่อนหลุดลงมาให้แนบกับสันจมูกแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารต่อ
“ฉันรู้ว่านายหวังดีและอยากช่วยนะอิมาริ แต่ว่าเรื่องนี้อย่าลากตัวเองเข้ามายุ่งนักเลย นายคงไม่อยากมีปัญหากับเครือคาบุรากิหรอกใช่มั้ย”
“เข้าใจแล้ว” ผมพยักหน้าแบบจำยอม “งั้นฉันไปก่อนล่ะ จะได้ไม่รบกวนเวลาอ่านเอกสาร”
ทาคาเทรุไม่ได้มีปฏิกริยาอะไรตอบกลับมา ผมเลยลุกขึ้นจากโซฟาตัวที่นั่งอยู่ วางมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะของเขาแล้วโน้มตัวลงไปหา
“แต่อยากให้รู้ไว้นะ ที่ฉันยอมถอยเพราะทาคาเทรุขอร้องต่างหาก”
ทาคาเทรุนิ่งค้างไปตอนที่ผมก้มลงไปกระซิบข้างหู
“ฉันไม่กลัวพวกคาบุรากิหรอกนะ”
------------------------------------------------
รู้สึกว่าจะเขียนอิมาริดูไม่ค่อยเหมือนอิมาริเลยว่ะ หรือจะเลี่ยนน้อยไป คำหวานน้อยไป 5555555
บ้าเอ๊ย กูจิ้นแล้วค่าาา
อยากให้มีบทของนายตัวสำรองด้วยจังอยากอวยคู่นี้มากกว่ารู้สึกเอ็นโจร้ายไป!!
>>947-952 อิมารินี่ดูไม่ได้มีความสนใจผู้หญิงเท่าท่านพี่เลยว่ะ อะไรก็ทาคาเทรุๆๆมาก่อน แถมยังดูมีความเป็นพ่อบ้านใจกล้า ไปไหนก็รายงาน ยอมลงให้ไม่ขัดใจ แต่พออยากปกป้องภรรยาเอ้ยเพื่อนสนิท ก็พร้อมชนได้ตลอด เธอได้พี่เขยจากตระกูลโมโมโซโนะแล้วล่ะเรย์กะจัง 555555555555
เจ้าคือมธุรสอันหวานล้ำ
ถ้า Kimi no Dolce ตั้งอยู่ในเซ็ตติ้งชิงรักหักสวาทในนิยายจีนโบราณ
1.
'เจ้าคือมธุรสอันหวานล้ำ' เป็นนิยายจีนโบราณที่เขียนโดยนักเขียนมือสมัครเล่นชาวญี่ปุ่นตามเทรนด์กระแสนิยายจีนที่กำลังบูมอยู่ในตอนนี้ สาเหตุที่ทำให้เรื่องนี้โด่งดังนั้น นอกจากพล็อตแสนน้ำเน่าตามแบบฉบับ ก็คือความฟิวชั่นระหว่างเซ็ตติ้งจีนและตัวละครแบบญี่ปุ่น
"ชื่อจีนน่ะจำยากจะตาย"
ใครซักคนในอินเตอร์เน็ตเคยคอมเมนต์เอาไว้ ดังนั้นแม้ว่าจะมีชื่อญี่ปุ่นในนิยายจีน กลายเป็นนิยายจีนเสิ่นเจิ้น แต่ด้วยความที่เนื้อเรื่องย่อยง่าย จำชื่อตัวละครได้ไม่ยาก จึงทำให้นิยายติดตลาด ภายหลังจึงได้มีมังกะ อนิเมะ และทีวีซีรีย์ผลิตออกมาอีกด้วย
นั่นทำให้สาวกโชวโจมังกะอย่างฉันได้รู้จักเรื่องนี้ รวมถึงตามไปอ่านนิยายต้นฉบับในที่สุด
ดังนั้นเมื่อฉันตื่นขึ้นมาในร่างของคิโชวอิน เรย์กะ นางร้ายในเรื่อง 'เจ้าคือมธุรสอันหวานล้ำ' สิ่งแรกที่ทำคือการขดอยู่ในห้องนอน กอดหมอนแข็งเป๊ก แล้วสติแตกโดยสมบูรณ์
.....
2.
นางเอกของเรื่อง 'เจ้าคือมธุรสอันหวานล้ำ' คือ ทาคามิจิ วาคาบะ
วาคาบะจังเป็นลูกสาวคนโตของร้านทำของว่าง แม้ว่าจะเป็นร้านเล็ก ๆ แต่ก็เลื่องชื่อด้านความแปลกใหม่ ทางวังหลวงเลยเกณฑ์ให้ครอบครัวทาคามิจิเข้าไปทำอาหารในห้องเครื่อง
ด้วยฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ขนมของวาคาบะจังถูกใจองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทที่เย็นชาถึงกับเรียกวาคาบะจังมาตกรางวัลด้วยตนเอง ทำให้วาคาบะจังเป็นที่อิจฉาของบรรดาคุณหนูทั้งหลาย การกลั่นแกล้งเลยเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น
ในเรื่อง 'เจ้าคือมธุรสอันหวานล้ำ' เมื่อถึงอายุที่เหมาะสม บรรดาคุณหนูจากบ้านขุนนางชั้นสูงทั้งหลายจะเข้าวังหลวงมาเรียนรู้มารยาทจากบรรดาผู้คุ้มกฏ รวมถึงสังสรรค์คลายเหงาให้กับพระสนมตำหนักใน จุดมุ่งหมายที่แท้จริงนั้นคือการคัดเลือกฮูหยินที่เหมาะสมให้กับบรรดาองค์ชายและท่านผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย รวมถึงสานสัมพันธ์ระหว่างตระกูลต่าง ๆ ด้วย
คิโชวอิน เรย์กะ ท่านหญิงบุตรีของเสนาบดีกรมคลัง ผู้ที่องค์ฮองเฮาหมายตาให้เป็นชายาเอกขององค์รัชทายาท เมื่อได้ทราบข่าวก็เป็นแกนนำในการวางแผนรังแกนางกำนัลห้องเครื่องผู้นี้ จนต้องสาวงามต้องระหกระเหินไปเป็นนางกำนัลลานซักล้าง และถูกระเห็ดออกจากวังหลวงในที่สุด
แม้ว่าจะกำจัดวาคาบะจังออกไปได้ แต่ยังมีสาวงามอีกนับร้อยที่หมายปองในตัวองค์รัชทายาท ในงานชมดอกไม้ที่ไว้แสดงฝีมือของบรรดาสาวงาม และเป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ชนะจะได้ดื่มชาล่องเรือกับองค์รัชทายาท เรย์กะผู้ไร้ความสามารถจึงใช้แผนกลโกงสารพัดเพื่อให้ตัวเองชนะ คาบุรากิ มาซายะ ผู้เป็นรัชทายาทได้เห็นถึงแผนการและจิตใจอันชั่วร้ายของเรย์กะ จึงปฏิเสธที่จะล่องเรือด้วย
เรย์กะผู้ผูกใจแค้นการหักหน้าครั้งใหญ่ขององค์รัชทายาทได้ร่วมมือกับองค์ชายสี่ ใส่ร้ายองค์รัชทายาทว่าร่วมมือกับต่างชาติเพื่อโค่นล้มบัลลังก์พระบิดา เพราะไม่อาจทนรอให้ฮ่องเต้หนุ่มแก่ชราและสิ้นลงได้
บรรดาผู้ที่ไม่พอใจองค์รัชทายาทต่างรวมหัวกันสร้างหลักฐานปลอม ทั้งจดหมายติดต่อต่างชาติ และฎีการ้องทุกข์จากราษฎรที่ถูกองค์รัชทายาทวางอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงรังแก รวมถึงสร้างเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์องค์ฮ่องเต้ในงานล่าสัตว์
นอกจากนั้น เรย์กะยังรวมหัวกับพระสนมผู้เกลียดชังฮองเฮา ลอบใส่ยาพิษลงในน้ำชาทีละน้อย ทำให้ฮองเฮาป่วยหนัก รวมถึงวางยาฮ่องเต้ให้อ่อนแอสติเลอะเลือน
องค์ฮ่องเต้ที่เสวยยาหลอนประสาทจนไม่อาจตัดสินพระทัยเรื่องใดได้ ถูกกดดันจากบรรดาขุนนางจึงสั่งกักบริเวณองค์รัชทายาท
ฮองเฮาป่วยหนักจนสิ้นพระชนม์ ตามหลักแล้วควรมีการไว้ทุกข์ แต่ในเรื่องกลับให้ขุนนางกดดันองค์ฮ่องเต้ให้รับบุตรีของเสนาบดีการคลังเข้าวัง เรย์กะผู้ที่เข้าวังก็ได้รับพระราชทานตำแหน่งชั้นเฟยกุมอำนาจในวังได้อย่างเบ็ดเสร็จเนื่องจากฐานอำนาจจากครอบครัวและกุมข้อมูลความลับของบรรดาพระสนมไว้ในมือ
แม้องค์รัชทายาทจะถูกกักบริเวณ ทว่าความแค้นของเรย์กะยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เธอรวมหัวกับองค์ชายสี่สั่งให้นักฆ่าปลงพระชนม์องค์รัชทายาท แสร้งทำเป็นว่าเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ตำหนัก
โชคดีที่ชูสุเกะ องค์ชายรองผู้สนิทสนมกับองค์รัชทายาทล่วงรู้แผนการนั้น และลอบช่วยเหลือคาบุรากิ ทว่าทำได้แค่เพียงช่วยออกมาจากกองเพลิงเท่านั้น
องค์รัชทายาทพร้อมองครักษ์คุ้มกันหลบหนีจากบรรดานักฆ่าที่ตามล้างผลาญ สุดท้ายแล้วองค์รัชทายาทหลบหนีได้แต่เพียงผู้เดียวเนื่องจากองครักษ์แลกชีวิตกับนักฆ่าจนหมดสิ้น หลังจากที่บาดเจ็บระหกระเหิน ก็ได้หมดสติไปในกลางป่า
และถูกวาคาบะช่วยไว้
วาคาบะที่ถูกขับไล่ออกจากวังมาเปิดร้านขายซาลาเปาในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งได้ทำการดูแลรัชทายาทที่ป่วยหนัก หลังจากที่องค์รัชทายาทหายดี ก็ติดต่อวางแผนกับองค์ชายรองเพื่อหาหลักฐานเปิดโปงเรย์กะ
ตอนที่องค์ชายสี่กำลังจะลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ องค์ชายรองพร้อมรัชทายาท รวมถึงขุนนางผู้สนับสนุน ก็ได้นำหลักฐานเปิดโปงองค์ชายสี่และเรย์กะต่อหน้าองค์ฮ่องเต้
องค์ฮ่องเต้ผู้ที่ในตอนนั้นสุขภาพย่ำแย่ใกล้สิ้นพระทัย ได้มอบตรามังกรให้กับคาบุรากิ ก่อนจะสิ้นพระชนม์ไป
หลังจากที่คาบุรากิขึ้นครองบัลลังก์ ก็ได้สั่งประหารองค์ชายสี่ และมอบผ้าแพรสามศอกให้กับเรย์กะ หลังจากนั้นจึงรับวาคาบะมาเป็นฮองเฮา ในวังหลังของพระองค์ไม่มีผู้ใดอีกนอกจากเธอ
เรื่อง 'เจ้าคือมธุรสหวานล้ำ' เป็นเรื่องราวรักใคร่ระหว่างชนชั้น สาวชาวบ้านผู้ดูแลองค์รัชทายาทในยามตกอับ และกลายเป็นฮองเฮาในยามที่องค์รัชทายาทชิงบัลลังก์คืนได้ในที่สุด
เรื่องราวซาบซึ้งตรึงใจ แม้จะน้ำเน่าไปหน่อย แต่ไม่ว่าสาว ๆ คนไหนก็อยากเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้หน้าตาดีอายุน้อยทั้งนั้น โดยเฉพาะฮ่องเต้ที่รักแต่เธอคนเดียว ไม่ได้หาสาวงามเข้าตำหนักในให้ต้องชิงรักหักสวาทแต่อย่างใด
ปัญหาคือฉันทะลุมิติเข้ามาในร่างของคิโชวอิน เรย์กะ ที่มีชะตากรรมต้องแขวนคอตายด้วยผ้าแพรสามศอกตอนอายุยังไม่ถึงยี่สิบปีดี และในตอนนี้เรย์กะก็อายุสิบสี่ปี ซึ่งเป็นอายุที่เธอจะต้องถูกเรียกเข้าวัง และตกหลุมรักองค์รัชทายาทซึ่งจะนำเธอไปสู่หนทางตายในอีกหกปีข้างหน้า
เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงตะโกนเรียกจากสาวใช้ ทำให้ฉันซุกตัวลึกเข้าไปในเตียง ก่อนจะตะโกนออกไปว่าไม่สบายเมื่อได้ยินว่าวันนี้ฉันต้องแต่งตัว เพื่อไปอบรมมารยาทที่วังวันแรก ซึ่งเป็นวันที่จะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงและพบหน้ากับคาบุรากิ
ถึงแม้ฉันจะไม่มีอารมณ์พิศวาสผู้ชายที่สั่งประหารตัวเองในอีกหกปีข้างหน้า แต่ก็ไม่รู้ว่าในงานจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นถ้าเลี่ยงการพบหน้าได้ ยังไงฉันก็จะขอเลี่ยงจนถึงที่สุด!
.....
ไม่มีตอนที่ 3 กูแค่สติแตกจากการทำงาน เลยหนีมาแต่งฟิคค่ะ
สนุกดีนะผมว่า น่าจะมีต่ออีกซักตอน!!
มธุรสหวานล้ำนี่กูนึกถึงนิยายของบางค่ายเลย ต้องสลายกลายเป็นเถ้าราวน้ำค้างด้วยมั้ยวะ 555555555
ไม่มีต่อเรอะ สนุกดี ชิงไปจีบวาคาบะตัดหน้าองค์ชายรัชทายาทไปเลย ให้มาทำอาหารให้เรากินคนเดียวก็พอ ส่วนเรื่องในวังหลังก็ช่างมัน มีแค่ทุ่งดอกยูริก็โอเคแย้ว
เรย์กะกลายเป็นเถ้าน้ำค้างไปแร้วค่าาา
จริง ๆ แล้วกูพยายามแปล dolce อ่ะนะ แต่แบบ หาคำไม่เจอเลยยืมมา ไม่ได้บังเอิญเหมือนแต่อย่างใด แต่เนื้อหาไม่เกี่ยวกันแม้แต่น้อย
มึงปิดโหวตชื่อที่ 970 โอเคไหม 5555
Ky แค่มาบอกว่าประทับใจที่มู้นี้ยังแอคทีฟ จะขึ้น 30 แล้วด้วยทั้งที่นิยายไม่ขยับ /ปรบมือค่ะ
*
ฮิโยโกะซามะ กระทู้ 30 แล้ว ขอตอน 300 ด้วยค่ะ TTwTT
ฮึก กูไม่ได้เข้ามาเป็นเดือนแล้ว เรื่องหลักก็ยังไม่อัพหรอมมมมมมมมมม //ลงไปนั่งร้องห้ายยย
แต่ฟิคในกระทู้อัพ กูก็ดีใจที่พวกมึงยังแวะเวียนเข้ามานะ
ปีนี้จัมีมะหมาฉลองวาเลนไทน์มั้ยยนะ...
มาฆบูชาก็ไม่เลวนะ
วาเลนไทน์ปีนี้อยากได้ของขวัญจากอ.เป็นตอนใหม่จังเลยค่ะ แห้งเหี่ยวเหลือเกิน ณ จุดๆนี้ Orz
เนื่องจากฉันรู้สึกว่าการโรยเกลือและทานเยลลี่ลูกท้อ ไม่ค่อยช่วยไล่ปีศาจร้ายที่ชื่อว่าเอ็นโจและคาบุรากิออกไปจากตัวฉันสักเท่าไหร่ วันนี้ฉันจึงตัดสินใจบินมาไหว้พระที่ประเทศไทยค่ะ เพราะได้ยินมาว่าที่นี่มีพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์และสวยงามมากๆอยู่
แต่ทว่า.. ในตอนที่ฉันกำลังก้าวลงจากรถตุ๊กตุ๊กเพื่อเดินเข้าวัด ฉันดันเจอคนที่เป็นต้นเหตุให้ฉันมาไหว้พระที่นี่ทั้งสองคนจนได้! ต้องเป็นเพราะว่าวันนี้คือวันมาฆบูชาแน่ๆเลยค่ะ!!
หลังจากทำตัวเลิ่กลั่กจนคุณคนขับรถตุ๊กตุ๊กเป็นกังวลแล้ว ฉันพึ่งนึกได้ว่าตัวเองใส่ผ้าปิดปากกันฝุ่นอยู่ สองคนนั้นน่าจะไม่รู้ว่าเป็นฉันหรอก จึงเดินลงจากตุ๊กตุ๊กไปจนเกือบถึงประตูทางเข้าวัด
ฉันหันไปมองสองคนนั้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ไม่โดนจับได้ แต่ก็ดีใจอยู่ได้ไม่นาน เพราะจู่ๆตาเอ็นโจก็จ้องมองมาทางฉัน
" คุณคิโชวอิน..? "
" อุกี๊!? "
" คุณคิโชวอินใช่หรือเปล่าครับ? "
เมื่อพูดจบ เอ็นโจค่อยๆเดินตรงมาทางฉัน เหมือนจะมาเช็คให้แน่ใจและทักทาย แต่เขาจัรู้ได้ไงว่านี่เป็นฉัน ไม่มีทางอ่ะะ!
ระหว่างที่เอ็นโจเดินมาเกือบจะถึงตัวฉัน ฉันเหลือบเห็นกลุ่มผู้หญิงกลุ่มนึงกำลังเดินมาทางนี้ จึงหันไปโบกมือให้ และตีเนียนกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปแฝงตัวเหมือนรู้จักกับพวกเขาในทันที
แต่เอ็นโจก็ยังคงมองอย่างงงๆ มาทางนี้อยู่ ส่วนกลุ่มผู้หญิงพวกนี้ก็งงว่าฉันเป็นใครมาจากไหน จะให้อธิบายก็คงจะยาก โชคดีที่คาบุรากิเข้าไปสะกิดถามเอ็นโจ ฉันจึงอาศัยจังหวะที่ทั้งสองคนคุยกันวิ่งหนีเข้าไปในวัด สงสัยต้องรีบเข้าไปให้หลวงพ่อพรมน้ำมนต์สักหน่อยแล้วล่ะค่ะ..
http://adrenalease.ca/series/70485
ตอนเห็นปกครั้งแรก นึกถึงเจ้าแม่กับจอมมารก่อนเลย
ทำไมตัวร้ายสไตล์คุณหนูต้องทำผมม้วนหลอดกันด้วยวะ เป็นแพทเทิร์นนิยมหรืออะไร แอบสงสัยมานานละ
เป็นทรงผมบอกความรวยและไฮโซไงมึง ส่วนนางเอกโชโจมังงะมักจะเป็นสาวน้อยธรรมดา ฐานะทางบ้านจนหรือไม่ก็ปานกลาง ไม่ค่อยมีเวลาไปเสริมสวยเท่าไหร่ เลยมักจะเจอนางเอกผมตรงธรรมดาไปจนถึงผมสั้นประบ่า ดูแลรักษาง่าย
เอาจริงๆผมม้วนมีขั้นตอนดูแลเยอะกว่าเพราะฉาบสารเคมีเลยต้องบำรุงกันสุดๆ ไหนจะต้องม้วนให้เป็นทรงตลอด ใช้เวลาเยอะแยะ เข้าร้านเพื่อม้วนผมก็แพงด้วย ดังนั้นเลยเหมาะกับคนมีกะตังและมีเวลาว่างเยอะ ผมตรงเรียบๆธรรมดาหนีบเอาก็ได้ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จัดทรงได้แล้ว
ว่าแล้วก็อยากเห็นภาพท่านเรย์กะที่ไม่ได้ม้วนผมเป๊ะ ปล่อยผมตรงสยายมั่ง กูว่าต้องสวยจนคนมองตาค้าง ไม่ก็อาจจะจำไม่ได้ไปเลย 555
มีใครจะโหวตเพิ่มมะ จะนับคะแนนแล้วนะ
>>828 ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชา กับโม่งซุยรันเรือแตกถ่อเรือบดเข้าทวีปคานที่ 30
>>831 ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน กับการประชุมเปิดบริษัทกวนกาวโม่งฟิคสาขาย่อยจากสาขาหลักฮิโยโกะซามะ เฮ้อ ขาดงบสนับสนุนเงินทุนไม่พอ [ ทุบโต๊ะครั้งที่30 ]
I = 1 คะแนน
>>832 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการคาดเดาตัวตนของท่านฮิ หรือว่าจะเป็น!!?!![ขอกาวโม่งฟิคครั้งที่ 30 ~ლ(◉◞౪◟◉ )ლ~ლ(◉◞౪◟◉ )ლ~ ]
I = 1 คะแนน
>>833 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : สโมสรน้ำ(กัญ)ชาซุยรัน เดตควงพี่น้องหนุ่มต่างวัยชวนใจเต้นโดกิโดกิใต้แสงดอกไม้ไฟ มาติดตามของกินใหม่ของเจ้าแม่กันเถอะ!!! [ ขอยากิโซบะจานที่ 30 ด้วยค่ะ! ]
III = 3 คะแนน
>>836 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับจิตวิญญาณแห่งการรอคอยที่โชติช่วงด้วยพลังเผาไหม้แห่งกาว [เช็กหน้าเว็บครั้งที่ 30xxxxxxxx ]
IIIIII = 6 คะแนน
>>844 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการบริโภคกาวเป็นของว่างระหว่างรอท่านฮิโยโกะกลับมา [แค่คำเดียวนะคะรอบที่ 30]
I = 1 คะแนน
>>845 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันบนบานขอร้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ดลบันดาลให้ท่านฮิโยโกะกลับมา [ทานแกงกะหรี่มิราเคิลจานที่ 30]
III = 3 คะแนน
>>846 บ้านพักคนชราของเจ้าแม่เรย์กะ : เชิญชวนมาร่วมจิบน้ำ(กัญ)ชารอท่านฮิโยโกะด้วยกันนะคะ! [ฉลอง(การรอ)ครบรอบปีที่ 30]
>>847 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการรอคอยเหล่าโม่งฟิคและท่านฮิโยโกะ[มาแก้ความค้างครั้งที่30]
สรุป >>836 คือชื่อกระทู้หน้า
เปิดวาร์ปกระทู้ใหม่ >>>/webnovel/6114
จากนี้เชิญวิ่งควายได้ตามสะดวก
เอ้ยยยย วาร์ปอันบนผิด ต้องอันนี้ต่างหาก >>>/webnovel/6627/
ซอรี่นาจา
ขอตอนใหมมมมม่ให้ด้วยยยยย
ตอนใหม่จะต้องมาเร็วๆนี้แล้วแหละะะะะ
ท่านฮิโยโกะ ลูกโตแล้ว มาแต่งต่อได้แล้วววววว
กาววววววว หนูอยากได้กาววววว
จะเรืออาหารหรือคานซังก็ได้ ช่วยมาต่อทีเถ้อออออ
ท่านเรย์กะเลือกชุดสำหรับดูดอกไม้ไฟนานเกินไปแล้วนะคะะะะะะะ
รอแกงกระหรี่มิราเคิลอยู่นะ----
วาเลนไทน์นี้จงนกไปซะ-----
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.