สนทนาปราศรัยกันพอหอมปากหอมคอ ท่านพี่ก็ขอตัวไปทักทายเพื่อนๆศิษย์เก่าคนอื่นสมัยเรียนซุยรันก่อน ให้ฉันอยู่กับกลุ่มสาวๆไป...ท่านพี่เป็นผู้ชายก็คงไม่อยากจะยืนในดงเม้ามอยของสาวๆอะนะ
“สมกับเป็นท่านคาบุรากิเลยล่ะค่ะที่จัดงานเลี้ยงหน้ากากแสนวิเศษนี้ขึ้นมา”
“ใช่แล้วล่ะค่ะ พวกเราก็เห็นตรงกันว่าเปลี่ยนบรรยากาศก็ดีเหมือนกันนะ”
“ฉันตื่นเต้นขนาดที่สั่งตัดชุดใหม่เลยนะคะ”
ฉันหัวเราะๆไปกับเหล่าสาวๆที่พูดถึงงานเลี้ยงในคืนนี้ บรรยากาศครึกครื้นสนุกสนาน
แต่จะว่าไปแล้ว...ยังไม่เห็นคาบุรากิกับเอ็นโจเลยนี่นะ หรือว่าจะไม่มางานกัน
แต่คาบุรากิเป็นประธาน ถึงก่อนหน้านั้นจะโดดงานเลี้ยงหรือไม่มายังไง แต่ปีนี้เป็นปีสุดท้ายยังไงก็ต้องมา แถมเจ้าตัวเป็นคนคิดเรื่องงานเลี้ยงหน้ากากนี่อีก ไม่มาไม่ได้หรอก
ฉันชะงักไปนิดหน่อยเมื่อนึกถึงคำว่างานเลี้ยงหน้ากาก...งานเลี้ยงหน้ากากอย่างนั้นเหรอ อย่าบอกนะว่า...
สายตาของฉันสอดส่ายหาคนที่คิดว่าน่าจะเป็นคาบุรากิโดยพลัน แต่ว่ามีหน้ากากสวมทับกันครึ่งหน้ากันแทบทุกคน แถมผู้ชายก็ใส่ชุดคล้ายๆกันแบบนี้แยกออกได้ยากมาก ฉันเลยตัดชอยส์เอาเฉพาะคนที่มีคู่ควงอยู่ข้างๆ
ใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ ฉันก็หาคนที่คิดว่าน่าจะเป็นคาบุรากิเจอ ข้างๆมีผู้หญิงสวมชุดราตรีสีขาว เธอคนนั้นก็ใส่หน้ากากครึ่งหน้าเหมือนกัน
นั่นน่าจะใช่นะ
ตอนนี้ทั้งคู่ยืนอยู่ใกล้ประตูทางออกสู่สวนที่มีซุ้มกุหลาบที่ฉันเพิ่งไปสั่นระฆังกับท่านพี่เมื่อตอนหัวค่ำ ท่าทางจะเพิ่งกลับมาจากสวนกันนะ
เพื่อความชัวร์ ฉันเลยกะว่าจะไปเช็คดูก่อนเลยขอตัวจากวงสนทนาของทุกท่านโดยอ้างว่าจะไปรับลม แล้วก็เดินเฉียดๆไปบริเวณที่คาบุรากิยืนอยู่ ทำเป็นเตร็ดเตร่เลือกเครื่องดื่มจากบริกรเพื่อถ่วงเวลา ขอเสียมารยาทแอบฟังบทสนทนาซักนี้ดนะคะเพื่อยืนยันตัว
“...จะดีเหรอ คาบุรากิคุง” แม้จะเสียงเบาแค่ไหน แต่ว่าเสียงนั่นก็ใช่วาคาบะจังจริงๆด้วย
“อื้อ ดีสิ”
“แต่ฉันเต้นรำไม่เก่งนะ แล้วก็กลัวจะเหยียบเท้าคาบุรากิคุงด้วย”
“ไม่ต้องกลัวไปหรอก ทำใจให้สบายๆ” คาบุรากิพูดด้วยเสียงนุ่มนวลกว่าปกติ คงจะปลอบวาคาบะจังที่กำลังวิตกกังวลอยู่สินะ “เต้นวอลซ์น่ะ คือหน้าที่ของผู้ชายที่ต้องเต้นนำอยู่แล้ว”
“เอ่อ แต่ว่า”
“ไม่ทราบว่าพอจะให้เกียรติผมเป็นคู่เต้นให้คุณในค่ำคืนนี้ได้หรือไม่ครับ คุณผู้หญิง”
ว่าแล้วคาบุรากิก็โค้งให้วาคาบะจังด้วยท่วงท่าสง่างาม คำพูดคำจาและการกระทำสมกับเป็นพระเอกการ์ตูนสาวน้อยจริงๆ ดูเป็นธรรมชาติไม่ติดขัดเลยซักนิด
จากนั้นทั้งคู่จะคุยอะไรกันฉันก็ไม่ทราบ เพราะได้รู้ในสิ่งที่สงสัยแล้วฉันก็เลยเดินออกมาจากตรงนั้น ไม่อยากให้ถูกจับได้ว่ามาแอบฟังด้วยล่ะน้า
ฉันเดินออกมาที่สวนอีกครั้งแล้วนั่งลงบนม้านั่งแถวๆนั้น ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่
คาบุรากิลงทุนจัดปาร์ตี้เต้นรำในหน้ากากขึ้นมาเพื่อจะให้วาคาบะจังมางานปาร์ตี้ซัมเมอร์อย่างนั้นเหรอ คิดอะไรเป็นชิ้นเป็นอันใช้ได้เหมือนกันนี่นา
ถ้าเป็นเมื่อก่อนตานี่คงพาวาคาบะจังเข้างานโต้งๆไม่สนอะไรทั้งนั้นแล้ว แล้ววาคาบะจังก็จะจุดยืนย่ำแย่มากขึ้นไปอีกในซุยรัน อย่างในการ์ตูนเรย์กะก็ตรงเข้ามาหาเรื่องทันทีที่เห็นหน้า แถมหลังจากเหตุการณ์นี้วาคาบะจังก็ยิ่งโดนแกล้งหนักข้อขึ้นนี่นะ
ลองเหลียวหลังกลับไปมองผ่านหน้าต่างก็เห็นคาบุรากิโอบประคองวาคาบะจังเต้นรำไปรอบๆฟลอร์ด้วยความสง่างาม ท่าทางจะไปได้สวยไม่มีอะไรต้องห่วง แล้วคืนนี้ก็ไม่มีใครไปรังแกวาคาบะจังแบบในต้นฉบับด้วย
แต่พอมองแล้วก็ได้แต่คิดว่าดีจังน้า ดีจังเลยน้า ชีวิตวัยรุ่นเปรี้ยวอมหวานแบบนั้นน่ะ ฉันก็อยากสัมผัสเหมือนกันนะ
ตอนเต้นรำกับท่านพี่น่ะฉันก็แอบคิดว่าจะเป็นยังไงน้าถ้าอยู่ๆมีชายลึกลับโผล่มาชิงคู่เต้นไปกลางฟลอร์แบบที่เคยดูในหนัง ฉันคงจะขัดขืนและพยายามกลับไปหาท่านพี่ แต่กลับถูกเกาะกุมมือไว้ไม่ยอมปล่อย
ฉันถึงขั้นคิดเพ้อเจ้อไปเลยล่ะว่างานเต้นรำหน้ากากนี่ล่ะจะเผยตัวชายที่แอบหมายปองฉันอยู่ให้ปรากฎออกมา เราจะคุยกันได้ดีภายใต้หน้ากากโดยไม่สนรูปลักษณ์ มีแค่ตัวตนจริงๆที่อยู่ภายใน ใช่แล้ว นี่คือรักแท้ไงล่ะ!!
แต่ความเป็นจริงนั้น...ฮึก แห้งแล้งจนอยากจะร้องไห้เลยล่ะ
พระเจ้าขา นี่งานซัมเมอร์ครั้งสุดท้ายในชีวิตม.ปลายของหนูแล้วนะคะ ได้โปรด ได้โปรดดลบันดาลความรักมาให้หนูด้วยเถิดเจ้าค่าาาา
ในสวนไม่มีคนอยู่แล้ว เพราะทุกคนเข้าไปในงานกันหมด ฉันเลยลุกขึ้นยืน คิดว่าจะเดินไปดูซุ้มกุหลาบเป็นหนสุดท้ายเพื่อเก็บเป็นภาพความทรงจำก่อนจะเข้าไปหาท่านพี่ แต่คาดไม่ถึงว่าตรงซุ้มนั่นมีใครบางคนยืนอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
-----------------
เขาเป็นใครหนอ เขามาจากไหน ใครมาทำอะไรยังไงทำไมและเมื่อไหร่