เขาหายไปในห้องตรงมุมสุดไม่กี่นาทีก็กลับมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวสีขาวที่ดูนุ่มฟูกับเสื้อยืดสีเทาและกางเกงขาสั้นแบบผูกเชือก
“เสื้อผมเอง ถ้าไม่รังเกียจก็เอาไว้เปลี่ยนก่อนได้นะ”
“ไม่หรอกค่ะ ยังไงก็ต้องขอบคุณในความกรุณามากเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ใช้พวกสบู่แชมพูหรือไดร์เป่าผมในห้องน้ำได้ตามสบายเลยนะ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“แล้วเดรสที่เปื้อนนั่น…”
“เอ่อ เดี๋ยวฉันเอาน้ำเปล่าล้างออกก็ได้ค่ะ แค่นี้เอง”
“ไม่ดีหรอก ยิ่งเป็นสีขาวแบบนี้ ทิ้งไว้มันจะเป็นคราบฝังลึกนะ แล้วยังจะกลิ่นอีก” คุณบาริสต้าหยิบมือถือออกมา “เดี๋ยวผมโทรเรียกร้านซักรีดแถวนี้ให้มารับไปก็แล้วกัน ไม่กี่ชั่วโมงน่าจะเสร็จ”
“....รบกวนด้วยนะคะ”
คุณบาริสต้าที่เดินลงบันไดไปแล้ว เรย์กะก็เข้าไปจัดการล้างเนื้อตัวในห้องน้ำ ถอดชุดเดรสตัวโปรดออกมาแบบหดหู่นิดๆ แต่ก็เอาใส่ตะกร้าไปวางไว้หน้าห้องน้ำตามที่ถูกบอก
เมื่อได้อาบน้ำสระผมใหม่ จิตใจของเรย์กะก็เบิกบานขึ้น กลิ่นของสบู่และแชมพูก็ทำให้รู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย ถึงขนาดต้องฮัมเพลงออกมาอย่างอารมณ์ดีตอนที่เป่าผม
คุณบาริสต้ามีรสนิยมดีอย่างยิ่งในการเลือกใช้ของใช้ส่วนตัว ทุกอย่างที่ใช้ล้วนแต่เป็นของดีแบรนด์เลิศหรูทั้งสิ้น บางตัวก็น่าจะลองซื้อมาใช้ตามเพราะเธอชอบกลิ่นของมัน แถมยังติดผิวนานอีกต่างหาก
เป่าผมจนแห้งก็เห็นว่าลอนผมที่ม้วนมาได้คลายตัวออกเล็กน้อย แต่ที่นี่ไม่มีเครื่องม้วนผม เรย์กะก็ปล่อยให้มันเป็นลอนสบายๆแบบนั้นไป และมองตัวเองในกระจก
เสื้อตัวใหญ่แล้วก็หลวม แต่ไม่ได้มากมายขนาดที่กลายเป็นเสื้อเปิดไหล่อะไรแบบนั้น แต่ยังไงผมม้วนนี่ก็ไม่เข้ากับเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ดี
เดินลงมาชั้นล่างก็ได้กลิ่นหอมๆของอาหารโชยมาเข้าจมูกมาเป็นอันดับแรก แม้จะไม่ได้ตั้งใจแต่ท้องไส้ก็เกิดร้องโครกครากขึ้นมา...หวังว่าคุณบาริสต้าคงไม่ได้ยินนะ
พอลองชะโงกหน้าเข้าไปในครัวก็เห็นเขากำลังง่วนผัดอะไรอยู่ในกระทะแล้วตักใส่จานสองจาน
….กลิ่นหอมจัง
“อ้าว มาแล้วเหรอ” คุณบาริสต้าเงยหน้าขึ้น เห็นเธอยืนอยู่ตรงประตูก็ยิ้มให้ “ข้าวเสร็จพอดีเลยแน่ะ เป็นข้าวผัดเบคอนง่ายๆ ไม่รู้จะถูกปากมั้ย”
“เอ่!!” เรย์กะเลิกคิ้วขึ้น โบกไม้โบกมือไปมา “คือว่าคงจะไม่รบกวน…”
เสียงท้องร้องดังขึ้นขัดกับคำพูดปฎิเสธ เธอหน้าแดงแจ๋แบบอับอาย และยิ่งอายมากขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอของคุณบาริสต้า
“เอ้า มาทานกันเถอะ ผมเองก็หิวเหมือนกัน”
ด้วยเหตุนี้ เรย์กะเลยได้มาร่วมโต๊ะอาหารกับคุณเจ้าของร้าน แม้จะรู้สึกผิด แต่ข้าวผัดเบคอนที่ได้ทานก็อร่อยเยี่ยมยอดไม่แพ้บรรดาขนมและอาหารทั้งหลายที่เคยทานมาจากร้านนี้เลยล่ะ
“ยังมีอยู่อีกนะ จะรับเพิ่มมั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว” เธอรวบช้อนส้อมอย่างสงบเสงี่ยมแล้วโค้งหัวให้ จะมาทานสองสามจานต่อหน้าผู้ชายมันไม่ดีต่อภาพลักษณ์ “ต้องขอโทษที่รบกวนนะคะ ถ้ายังไงฉันจะจ่ายค่าอาหาร ค่าซักรีดกับค่าที่ให้ยืมใช้ห้องน้ำด้วย...”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง” คุณบาริสต้าส่ายหน้ายิ้มๆ “ว่าแต่คุณคิโชวอินชอบแพนเค้กมั้ย”
“ก็ชอบนะคะ”
“โอเค”
คุณบาริสต้าลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารไปที่เคาน์เตอร์ครัวอีกครั้ง หยิบส่วนผสมอย่างแป้ง นม ไข่ออกมาแล้วลงมือผสมอย่างคล่องแคล่วแล้วเริ่มตักแป้งหยอดลงในกระทะก้นแบน ไม่นานก็ได้กลิ่นหอมของนมและเนยฟุ้งไปทั่วบริเวณ
“เอาท็อปปิ้งเป็นอะไรดี ช็อคโกแลต น้ำผึ้ง เมเปิ้ลไซรัป...”
“...เมเปิ้ลไซรัปก็ได้ค่ะ”
“รับทราบ”
อีกสิบห้านาทีให้หลัง แพนเค้กสามชั้นมีเนยก้อนอยู่ตรงกลาง ราดด้วยเมเปิ้ลไซรัปเหมือนภาพที่เห็นตามโฆษณาอาหารก็มาวางตรงหน้า ดูสวยสมบูรณ์แบบจนไม่กล้ากิน
“ต้องขอโทษด้วยนะ พอดีปิดร้านตั้งแต่เมื่อวานซืน ขนมเก่าๆในตู้ก็แจกไปหมดเลยไม่มีอะไรให้คุณคิโชวอินทาน”
“เอ่อ ไม่หรอกค่ะ นี่เป็นแพนเค้กที่วิเศษมากเลยล่ะ”
“ดีใจนะที่ได้ยินแบบนั้น” คุณบาริสต้าเท้าคางมองยิ้มๆ
เรย์กะลงมือทานแพนเค้ก รสชาติของนมและเนยแผ่ซ่านไปทั่วปากจนรู้สึกเคลิบเคลิ้ม ให้ทานอีกจานก็ยังไหว