หลังจากผมพูดจบ คุณคิโชวอินทำท่าทางลังเล ผมจึงแอบสั่งขนมจากคุณบริกรโดยที่เธอไม่ทันได้สังเกต
สักครู่หนึ่งคุณบริกรก็นำน้ำชาและขนมมาเสิร์ฟให้พวกเรา คุณคิโชวอินก็มีท่าทีแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเขาเสิร์ฟขนมให้กับผม
" ท่านเอ็นโจไม่ชอบของหวานไม่ใช่หรอคะ? "
" ผมอยากลองทานขนมที่มาซายะยกให้เป็นที่ 1 ของเดือนนี้ดูน่ะ "
ผมให้เขาเอามาให้ด้วย เผื่อคุณจะเปลี่ยนใจอยากทานต่างหากล่ะ สำหรับคุณคิโชวอิน ขนมก็เป็นเหมือนกับสิ่งเยียวยาจิตใจนี่นา ถ้าคุณทานเข้าไปอาจจะอารมณ์ดีขึ้นก็ได้ สักนิดนึงก็ยังดี
" จะไม่ทานจริงๆหรอครับ? "
" ค..ค่ะ! "
นั่นไง ที่คุณลังเลเมื่อกี้เป็นเพราะว่าจริงๆก็อยากทานใช่มั้ยล่ะ ปากไม่ตรงกับใจเลยนะ นั่นทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าตัวเองเดาฝ่ายตรงข้ามถูก แต่ดูแล้วเธอไม่พอใจเท่าไหร่ที่ผมหัวเราะ..
ระหว่างที่ผมกำลังตักเจ้าขนมนี่เข้าปาก ก็รู้สึกได้ถึงสายตาของคุณคิโชวอินที่จ้องมา
" จ้องกันแบบนี้ผมก็ไม่กล้าทานสิ "
ผมพูดพลางหัวเราะ ก่อนจะวางส้อมลง เผลอไปยั่วให้ไม่พอใจจริงๆหรือเปล่าเนี่ย.. กำลังฝืนตัวเองไม่ให้ทาน แต่คนอื่นมาทานต่อหน้าก็น่าจะเป็นอย่างนี้แหละ เหมือนเวลาที่ผมเห็นคุณพูดคุยอย่างสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น แต่พอเป็นผม คุณกลับทำเหมือนไม่อยากคุยด้วย มัน..ทำให้อารมณ์ไม่ดีจริงๆนั่นแหละ
" ถ้าแค่คำเดียวก็ไม่น่าจะมีปัญหานะ "
ใช่แล้ว กระตือรือร้นที่จะคุยกับผมแบบที่คุยกับคนอื่นบ้างไม่ได้หรอครับ? อ่า คำถามเมื่อกี้นี้หมายถึงขนมนะ ไม่ใช่ผม
" พูดถึงเรื่องอะไรกันคะ? "
" ไม่รู้สิครับ "
..หรือบางที่อาจจะเป็นทั้งสองอย่างก็ได้ ผมอยากจะเป็นคนที่ทำให้คุณรู้สึกดี อยากให้คุณยิ้มเวลาอยู่กับผมเหมือนเวลาทานขนม
ผมส่งยิ้มไป เเต่ดูเหมือนว่าเธอจะหนักแน่นในอุดมการณ์ที่จะไม่ทานขนมจริงๆ ดื้อด้านจริงๆเลยนะคุณกระต่าย ผมไม่ตื้อแล้วก็ได้ครับ
หลังจากนั่งเงียบกันไปสักพัก คุณคิโชวอินก็ขอตัวกลับไปที่ห้องเรียน เวลาของผมหมดลงแล้วสิ เมื่อเธอออกจากห้องสโมสรไป ผมเลยหยิบหนังสือรวบรวมบทกลอนที่มาซายะเคยอ่านตอนอกหักจากยูริเอะ ที่ผมวางไว้ข้างตัวขึ้นมาอ่านต่อ
..อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกว่าการอยู่และพูดคุยกับคุณคิโชวอินเพียงลำพังในห้องสโมสร แม้จะเป็นเวลาไม่นาน แต่แค่นี้ผมก็รู้สึกมีความสุขมากพอแล้ว..
_______