กระจกนั่นมันคืออะไรกันนะ
ชูสุเกะครุ่นคิดเรื่องนี้ไปในขณะที่ทำการบ้านวิชาแปลงร่าง ปกติเขากับมาซายะก็มาสุมหัวกันในห้องเรียนว่างๆเพื่อทำการบ้านด้วยกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว ตอนนี้ห้องก็มีสมาชิกเพิ่มมาอีกคนคือเรย์กะ
คราวแรกเธอปฏิเสธมาซายะไม่ยอมให้สอนการบ้าน และดูอิดออดเมื่อชูสุเกะนั่งลงข้างๆและขอดูในส่วนที่เธอติดขัด แต่พออธิบายให้ฟังจนเข้าใจ สายตาเธอก็เปล่งประกายขึ้นมาคล้ายๆกับจะเป็นความนับถือและเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ชูสุเกะชอบเวลาที่เธอมองมาแบบนี้ มันน่ารัก ดวงตากลมโตทำให้เขานึกถึงกระต่ายขาว
ถ้าเขาใช้คาถาแปลงร่างให้เธอกลายเป็นกระต่ายแล้วเอากลับหอนอนสลิธีรีนจะเป็นอะไรมั้ยนะ
ระหว่างที่รอให้เรย์กะเขียนการบ้านของตัวเอง เขาก็มองมาซายะที่ทำการบ้านของตัวเองเสร็จไปนานแล้ว กำลังขีดเขียนอะไรท่าทางเคร่งเครียด พอชำเลืองดูก็เห็นว่าเป็นข้อความที่ลอกมาจากกระจกเมื่อวาน คงจะเอามาถอดรหัสตามนิสัยที่ชอบอะไรแบบนี้
มาซายะเปิดตำราตัวอักษรวิเศษวุ่นวายไปหมดเขาเลยกลับมาสนใจเรย์กะเหมือนเดิม คอยอธิบายการบ้านวิชาปรุงยาต่อไป
ผ่านไปหลายสิบนาที มาซายะก็โห่ร้องออกมา เขากับเรย์กะที่กำลังทำการบ้านวิชาสมุนไพรศาตร์อยู่ก็เงยหน้าขึ้นแบบตกใจนิดๆ
“มีอะไรเหรอ”
“ฉันนี่มันอัจฉริยะจริงๆ”
“อะไรหรือคะ”
“ดูสิ พวกนายดู” มาซายะยืดอกขึ้นแล้วชูกระดาษที่มีร่องรอยการขีดเขียนเต็มไปหมดให้ดู
“นี่คือ….”
“รหัสที่ฉันคิดมาหลายวันแล้ว” มาซายะนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิมแล้วหยิบกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาเขียนข้อความจากกระจก “ทีแรกฉันก็เปิดตำราอ้างอิงจากที่นั่นที่นี่แต่ก็ไม่เจอคำที่มีความหมายเลย”
“อือฮึ แล้วไงต่อ”
“แล้วฉันก็แยกออกเป็นคำๆ ลองเขียนสลับตัวอักษรสร้างคำใหม่ดู ไอ้เราก็คิดไปโน่นแต่ความจริงมันง่ายแค่นี้เอง”
ปากกาขนนกในมือของมาซายะลากเป็นตัวอักษร Erised
“แล้วพวกนายดูนะ” มาซายะเขียนข้างใต้คำว่า Erised ด้วยการเรียงอักษรสลับจากหลังไปหน้า
“Desire...” ชูสุเกะอ่านแล้วเงยหน้าขึ้นมอง “ถ้าอย่างนั้น...ตัวอักษรแรกก็...”
“ใช่ เราก็ใช้หลักการเดียวกันในการถอดความยังไงล่ะ” มาซายะลากปากกาขนนกอีกหน “ถ้าเอาตัวอักษรพวกนี้มากลับจากหลังไปหน้า...เราก็จะได้ข้อความนี้”
มันเป็นข้อความที่ไม่ประติดประต่อกัน แต่ยังพออ่านใจความได้อยู่บ้าง มาซายะเขียนเว้นวรรคจัดถ้อยคำใหม่ให้อ่านง่ายขึ้นทีละตัว
“I show not your face but your hearts desire” คุณจะไม่ได้เห็นใบหน้า หากแต่จะเห็นความปรารถนาในหัวใจ
ชูสุเกะและเรย์กะอ่านข้อความพร้อมกัน มาซายะดูยืดอกอย่างภาคภูมิใจคล้ายๆจะอวดว่า “เป็นไงล่ะ”
“นี่คงเป็นคอนเซปท์ของกระจกนี้” มาซายะอธิบายด้วยท่วงท่าสง่างาม “สะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาข้างในใจ...ที่ฉันเห็นว่าตัวเองได้แต่งงานกับทาคามิจิก็คือความปรารถนาของฉัน”
“ถ้าอย่างนั้นที่ฉันเห็นว่าตัวเองใช้ชีวิตแบบสงบสุขนี่ก็…” เรย์กะพึมพำ
“นั่นความปรารถนาของเธออย่างนั้นเรอะ” มาซายะพยักหน้าหงึกหงัก “ออกจะเรียบง่ายไปหน่อยนะ”
“ชีวิตแบบเรียบง่ายนี่ล่ะค่ะดีที่สุดแล้ว”
“แล้วชูสุเกะล่ะ เห็นอะไรในกระจกเมื่อวาน”
มาซายะหันมาจ้องมองเขา เรย์กะเองก็ด้วย ทั้งคู่ดูจะลุ้นอยู่หน่อยๆ
“สิ่งที่เห็นอย่างนั้นเหรอ”
ชูสุเกะจ้องมองเรย์กะแล้วอมยิ้ม
“กระต่ายน่ะ”
“เอ๋”
“อื้อ กระต่ายสีขาว ตากลมโต น่ารักมากๆ”
“....”
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย” มาซายะขมวดคิ้ว “หรือนายเห็นข้อสอบว.พ.ร.ส. เราต้องแปลงร่างกระต่ายอะไรทำนองนั้นใช่มั้ย นั่นความปรารถนาของนายเหรอชูสุเกะ”
เรย์กะมีท่าทีงุนงงไม่แพ้กัน แต่พอสบตากับชูสุเกะก็ก้มหน้างุดๆเขียนการบ้านลงบนกระดาษวิชาสมุนไพรศาสตร์ต่อจากเมื่อครู่นี้ที่ถูกขัดจังหวะ กลับเข้าสู่ภาวะเดิมกันอีกครั้ง
บางทีเมื่อครู่นี้ ชูสุเกะคิดว่าตัวเองอาจจะออกนอกหน้ามากเกินไปหน่อย เพราะเรย์กะไม่ยอมสบตาอีกเลย เอาแต่ก้มหน้ามองหนังสือ เขาเลยต้องไปกระซิบข้างหูคอยสอนการบ้านให้เธอใกล้ๆด้วยเสียงที่นุ่มนวลกว่าปกติ จ้องมองเธอที่แก้มเป็นสีแดงระเรื่ออย่างเพลิดเพลิน
เขาได้แต่ยิ้มเมื่อเข้าใจในปริศนาของกระจกว่าทำไมเขาถึงเห็นแค่เรย์กะและตัวเขาเอง
นี่สินะ ความปรารถนาของเขา
ชูสุเกะคิดว่ามาซายะช่างใสสะอาดและตรงไปตรงมา แม้กระทั่งความปรารถนาก็ยังนับรวมพวกเขาเป็นเพื่อนไปจนถึงวันแต่งงาน มีทุกคนรายล้อมอวยพร แต่ชูสุเกะไม่เห็นใคร เห็นแค่เรย์กะคนเดียว
ถ้ามีแค่เรย์กะ เขาก็ไม่ต้องการใครอีกแล้ว
.
.
.
.
.
คุณจะไม่ได้เห็นใบหน้า หากแต่จะเห็นความปรารถนาในหัวใจ