AU ฮอกวอตส์ค่ะ ได้แรงบันดาลใจจากการไปดู FB2 วันนี้
--------------------
ชูสุเกะเดินลากขาเอื่อยๆไม่เร่งร้อนตามหลังมาซายะที่ก้าวไปข้างหน้าฉับๆแบบกระตือรือร้น ข้างๆตัวเขาคือเรย์กะที่มีสีหน้าดูละเหี่ยใจไม่ต่างกันมากนัก
หลังมื้อเย็น มาซายะก็วิ่งตรงจากโต๊ะกริฟฟินดอร์มาหาเขาที่โต๊ะของสลิธีรีน บอกแค่ว่ามีที่ที่อยากให้มาด้วยกันแล้วก็ลากเขาออกมาโดยที่ยังไม่ทันจะวางช้อนลงเลยด้วยซ้ำ
เรย์กะเองก็ถูกลากออกมาด้วยเหมือนกัน เธอยังดูอาลัยอาวรณ์กับขนมหวานอยู่เลย ตอนเดินก็จ้องมองมาซายะด้วยความขุ่นเคืองเหมือนว่าถ้าเป็นเรื่องไร้สาระเธอจะวีนใส่แน่ๆ
เดินผ่านระเบียงหลายที่และบันไดอีกหลายแห่งก็มาหยุดที่ห้องเรียนห้องหนึ่ง มาซายะอธิบายว่าเมื่อหลายวันก่อน ตอนที่กำลังหลบกลุ่มสาวๆที่มาตามตื๊อให้ไปฮอกส์มี้ดด้วยอย่างน่ารำคาญก็ได้บังเอิญมาเจอที่นี่เข้า แล้วก็เดินนำหน้าเราสองคนเข้าไป
ข้างในคือห้องเรียนโล่งๆ เครื่องเรือนมีผ้าคลุมเอาไว้ ดูจากฝุ่นที่จับหนาเตอะก็เข้าใจว่าไม่มีใครมาใช้ที่นี่นานมากแล้ว
“ฉันมีอะไรจะให้พวกนายทั้งสองคนดู”
มาซายะเดินอาดๆไปยังผนังที่ถูกคลุมผ้าไว้ อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ผนังหรอก เพราะเมื่อดึงผ้าออกมา ชูสุเกะและเรย์กะก็เห็นว่ามันคือกระจกเงาที่สูงมากเกือบจรดเพดาน กรอบทองสลักลวดลายงดงามและเหมือนจะมีอะไรบางอย่างเขียนไว้ เขาอ่านออกไม่กี่คำ
Erised...เอริเซด คืออะไรน่ะ
“มาตรงนี้สิ” มาซายะกวักมือให้พวกเขาเข้าไปหา เรย์กะดูอิดออดเล็กน้อย
“มันจะไม่เป็นอันตรายเหรอคะ ถ้าเกิดว่าเราถูกดูดเข้าไปในอีกมิติจะทำยังไงล่ะ”
“ก็ไม่นะ ฉันมาที่นี่หลายครั้งแล้ว...มันออกจะ….ดูมีความสุข”
“อื๋อ”
“ก็ภาพในกระจกยังไงล่ะ ภาพของฉันกับทาคามิจิ” มาซายะตอบอย่างกระตือรือร้น “ฉันกับทาคามิจิแต่งงานกัน เธอเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วยคิโชวอิน มาดูสิ”
มาซายะกระเถิบตัวไปข้างๆให้เรย์กะมายืน ปากก็ยังคงพูดต่อไป ส่วนเรย์กะทำหน้าแปลกๆตอนเดินเข้าไปใกล้ๆกระจกเงา ดวงตากลมโตเบิกกว้างจ้องมองสิ่งที่อยู่ในนั้นอย่างพิศวง
“เอ...ไม่เห็นจะมีงานแต่งเลยนี่คะ”
“มีสิ ต้องมีสิ เธอยังไปยืนรอรับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวอยู่เลย นั่นไง ไม่เห็นเหรอ”
“ก็ไม่นี่คะ”
“ถ้าไม่ใช่งานแต่งแล้วจะเป็นอะไร”
“เอ่อ...ฉันเห็นตัวเองมีชีวิตที่สงบสุขค่ะ”
มาซายะขมวดคิ้ว ดูท่าทางไม่เข้าใจและเริ่มจะหาพวก
“ชูสุเกะ มาช่วยยืนยันซิว่านายเห็นแบบเดียวกับฉัน”
“คร้าบๆ”
ชูสุเกะเดินเข้าไปยืนซ้อนด้านหลังเรย์กะ เธอตัวเล็กกว่าพวกเขามาก ความสูงก็เท่าไหล่ เลยไม่จำเป็นต้องเขยิบที่ให้
เขาจ้องมองเข้าไปในกระจก มาซายะพยายามชี้ให้ดูว่าภาพที่เห็นมันควรจะเป็นอะไร เขาไม่ได้อยากรู้ว่ามาซายะเห็นอะไรหรอก
สิ่งที่เขาอยากรู้คือเรย์กะเห็นอะไรมากกว่า และเขาก็อยากเห็นมันด้วย
น่าแปลกที่ชูสุเกะไม่ได้เห็นอะไรแบบที่มาซายะหรือเรย์กะว่ามาเลยสักนิด เขาเห็นตัวเองยืนอยู่ด้านหลังของเรย์กะ มีเธอยืนอยู่ตรงหน้าเหมือนเดิม เหมือนมันเป็นแค่กระจกเงาธรรมดา แต่ไม่มีมาซายะยืนอยู่ด้วยทั้งที่ยืนข้างๆกัน
“เห็นมั้ยชูสุเกะ นายยืนอยู่ตรงนั้นข้างๆฉัน เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวน่ะ” มาซายะชี้ชวนให้ดู หันมามองเขาอย่างกระตือรือร้น “พวกนายว่ากระจกนี้มันบอกอนาคตได้ใช่มั้ย ฉันกับทาคามิจิจะได้แต่งงานกัน...”
“เอ...ไม่รู้สิ”
ชูสุเกะไล่สายตามองขึ้นไปด้านบน ลวดลายสลักที่เขาเห็นเหมือนจะเป็นตัวอักษร ไม่น่าจะใช่อักษรรูน เขาอ่านไม่ออกและแปลไม่ได้ว่ามันคืออะไร
“Erised stra ehru oyt ube cafru oyt on wohsi”
เรย์กะละสายตาออกจากกระจกเป็นคนแรก ร้องเตือนให้พวกเขากลับไปที่หอนอน มาซายะเดินจากมาอย่างอ้อยอิ่งดูเสียดาย
ชูสุเกะหันไปมองกระจกเป็นหนสุดท้าย ภาพในกระจกก็ยังสะท้อนเป็นภาพเขายืนข้างๆเรย์กะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
.
.
.
.