สภาพในตอนนี้ของฉันคงน่าเกลียดมาก เพราะทั้งน้ำตาและน้ำมูกไหลลงมาเลอะเทอะเปรอะหน้า หมดสภาพความสวยที่ฉันอยากให้เอ็นโจเห็นไปไกลลิบ
“อุตส่าห์ลองทำตามคำแนะนำในนิตยสาร ไม่เห็นได้ผลเลย ไหนบอกทำแบบนี้แฟนจะชอบยังไงล่ะ ต้องมาใส่ชุดเซ็กซี่เปิดเนื้อหนังทั้งที่อากาศหนาวจะตายอยู่แล้ว แถมคนใส่มาให้ดูก็ดันไม่เห็นคุณค่าอีก งี่เง่าที่สุด”
พอได้พูด ฉันก็พูดออกไปยาวเหยียดมากเหมือนระบายความอัดอั้น เอ็นโจยืนฟังฉันเงียบๆไม่ได้ขัดอะไร
“ฉันพยายามจะทำตัวดีๆไม่สร้างปัญหา แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้อยู่ดี เหมือนฉันเป็นบ้าไปเองยังไงก็ไม่รู้ ที่ฉันทำอยู่ก็แค่อยากให้ความสัมพันธ์ของเรามันดีขึ้น อย่างน้อยก็อยากให้มีอะไรตื่นเต้นแปลกใหม่บ้าง พักหลังๆเราก็แทบไม่ได้เจอกันเลยด้วย ท่านเอ็นโจก็มีแต่งาน งาน งาน ไม่ค่อยมากอดหรือแตะเนื้อต้องตัวฉันแบบเมื่อก่อน ฉันเหงานะรู้มั้ย”
“......”
“หรือมีแค่ฉันคนเดียวที่ยังยึดติดกับคำสัญญาหน้าโบสถ์ ฉันรอมาตลอดเลยนะว่าเมื่อไหร่ท่านเอ็นโจจะมาทำให้ฝันเป็นจริง การรอคอยแบบไม่มีจุดสิ้นสุดมันทรมานนะ”
ฉันปาดน้ำตาสะอื้นฮั่กๆ พอเอ็นโจยื่นมือออกมาซับน้ำตาให้ คราวนี้ฉันไม่ได้ปัดมือทิ้ง แต่ช้อนตาขึ้นมองแทน
“หรือเพราะฉันเป็นผู้หญิงน่าเบื่อเลยไม่รักฉันแล้วใช่มั้ยคะ”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่เลย”
“งั้นก็กอดฉันสิคะ”
“ผมกอดคุณตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ คุณคิโชวอิน”
“ท่านเอ็นโจไม่รักฉันแล้วจริงๆด้วย”
“มันไม่ใช่อย่างนั้น”
“งั้นก็พิสูจน์สิ”
นิ่งเงียบกันไปพักหนึ่ง และฉันกำลังจะร้องไห้อีกรอบ แต่ไม่ทันที่จะทำอะไร เอ็นโจก็พุ่งเข้ามา กดริมฝีปากลงบนปากของฉันแบบไม่ให้ตั้งตัวได้
มะ ไม่ได้นะ ไม่ได้เด็ดขาด ฉันเพิ่งจะคายของเก่าใส่ต้นไม้ไปเองนะ ถึงจะล้างปากแล้วก็เหอะ…แถมหน้าตายังเลอะเทอะคราบน้ำตาด้วย ต้องน่าเกลียดมากแน่ๆ
ฉันพยายามผลักเอ็นโจออกไป แต่ถูกรวบกอดไว้แนบชิดจนไม่มีช่องว่างให้ดิ้นหนี เอ็นโจยังคงกดจูบย้ำๆ งับริมฝีปากล่างเบาๆ พอฉันเผยอปากออกก็สอดลิ้นเข้ามาข้างใน
นี่มันริมถนนนะ...ดึกแล้ว ถึงจะไม่ค่อยมีรถผ่านมาแต่คุณตำรวจอาจจะขับรถมาเจอก็ได้ อีกสารพัดเหตุผลที่ฉันพยายามคิดในหัวที่จะห้ามไม่ให้ทำ
แต่ทุกอย่างก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับรสสัมผัสของไวน์จางๆในปาก แพ้ริมฝีปากที่บดเบียดคลึงเคล้า แพ้กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำหอมผู้ชายที่ทำให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ฝ่ามือเอ็นโจลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเปล่าเปลือยของฉันให้ความร้อนวาบ ฉันรู้สึกหวิวๆแทบจะยืนไม่อยู่ ถ้าไม่ถูกรั้งไว้ด้วยอ้อมแขนคงได้ลงไปนั่งกองอยู่ที่พื้นแน่ๆ
ไม่รู้ว่าเนิ่นนานเท่าไหร่ที่เรายืนจูบกันอยู่แบบนั้น แต่พอเอ็นโจถอนริมฝีปากออก ฉันก็เห็นแววตาที่เหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ข้างใน
“ขอโทษนะที่ปล่อยให้เหงา…” เอ็นโจก้มลงมากระซิบข้างหูฉัน “ผมผิดเองที่พักนี้ไม่มีเวลาให้คุณเลย”
“นึกว่าจะเบื่อกันซะแล้ว” ฉันทำปากยื่น เอ็นโจเลยยื่นหน้ามาจุ๊บเร็วๆอีกหน
“ผมไม่มีทางเบื่อแม่สาวกระต่ายของผมได้หรอก”
“ไม่รู้ ก็ท่านเอ็นโจอาจจะไปเจอใครที่สวยกว่า ดีกว่าเลยอยากเปลี่ยนใจก็ได้นี่คะ” ฉันเชิดหน้าขึ้นไปทางอื่น “แถมวันนี้ก็ดูห่างเหินกันอีก”
เอ็นโจหัวเราะแล้วเอาหน้าผากแนบกับหน้าผากของฉัน สายตาเราอยู่ใกล้กันในระยะที่ใกล้มาก ถ้าฉันเขย่งเท้าอีกซักหน่อยก็จูบถึง
“อาจจะฟังดูน้ำเน่านะ แต่ผมไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจไปหาคนอื่นเลยซักครั้ง และมีแค่คุณคนเดียวที่ทำให้ผมเป็นได้ถึงขนาดนี้”
“อื๋อ..อะไรคะ” เป็นถึงขนาดนี้นี่คืออะไรง่ะ
เอ็นโจไม่ตอบ แต่กอดฉันให้แนบชิดยิ่งกว่าเดิม...จะว่าไปมันก็มีอะไรนูนๆทิ่มท้องฉันอยู่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วอ่ะ หัวเข็มขัดเหรอ…
ฉันประมวลผลอยู่ในใจไปหลายสิบวินาทีแล้วก็ต้องหน้าแดงก่ำ เอ็นโจเองก็หน้าแดงด้วยเหมือนกัน
“ก็บอกแล้วว่าผมคงให้คุณกอดตอนนี้ไม่ได้” เอ็นโจปล่อยมือออกแบบสุภาพ จัดเสื้อคลุมขนเฟอร์ของฉันให้เรียบร้อย “ทีนี้เข้าใจรึยัง”
เข้าใจแจ่มแจ้งเลยค่ะ
“มาเถอะ เดี๋ยวผมจะพาไปส่งที่บ้าน”
ฉันกับเอ็นโจกลับเข้ามาในรถ พยายามไม่สบตากันและเงียบกันไปพักใหญ่ๆ
--------------------
ตัดฉับ ไปลุ้นกันต่อพาร์ทหน้า