วันที่ 24 มาถึง เอ็นโจบอกว่าจะมารับเองถึงบ้าน ฉันที่แต่งตัวเสร็จตั้งแต่ห้าโมงครึ่งก็นั่งรอในห้องเป็นการฆ่าเวลา แต่ก็มีแอบๆไปเช็คเครื่องแต่งกายกับทาปากเพิ่มด้วย หมุนซ้ายทีขวาทีแบบไม่ค่อยมั่นใจ ก็วันนี้ฉันเกล้าผมขึ้นด้วยนี่นา พอไม่ได้ทำผมม้วนแบบเดิมแล้วก็รู้สึกเหมือนพลังการต่อสู้ลดลงไปตั้ง 25% เลยนะ
ชุดเดรสวันนี้แม้จะค่อนข้างเปิดเผยผิวขัดต่ออากาศหนาวเย็นที่อยู่ภายนอก แต่ฉันก็มีเสื้อคลุมขนเฟอร์สีขาวคลุมไว้ แถมคงไม่ได้ออกไปเดินข้างนอกด้วย ไม่เป็นไรหรอกมั้ง
หกโมงตรงอันเป็นเวลาที่นัดหมาย คุณเมดก็มารายงานว่าคุณชายตระกูลเอ็นโจมาถึงแล้ว ฉันเลยใส่เสื้อคลุม หยิบกระเป๋าเดินลงไปข้างล่าง
เอ็นโจนั่งคุยอยู่กับท่านพ่อ ท่านแม่และท่านพี่ในห้องรับแขก บนโต๊ะมีถุงของฝากของแบรนด์ดังๆวางไว้อยู่เพียบ มีถุงขนมร้านโปรดฉันตั้งเยอะ...กินหมดนี่ความพยายามในการไดเอทที่สั่งสมมาเพราะอยากใส่ชุดนี้ให้ได้ต้องล้มไปไม่เป็นท่าแหงๆ
พอเอ็นโจหันมาเห็นฉันก็ส่งยิ้มแบบอ่อนโยนให้ วันนี้หมอนี่อยู่ในชุดสูทพอดีตัวสีเทาเข้ม ดูดีซะจนทำให้ฉันรู้สึกเขินขึ้นมา
ท่านแม่รีบกระวีกระวาดเดินมาหาฉัน จูงมือให้มานั่งโซฟาตัวเดียวกันกับเอ็นโจ ส่วนท่านพ่อก็สอบถามเรื่องทั่วๆไปอย่างจะพาไปไหนหรือขอฝากฝังให้ช่วยดูแลลูกสาวด้วย เอ็นโจก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลฉันเป็นอย่างดีและพามาส่งที่บ้าน
เอ็นโจโค้งให้ท่านพี่เล็กน้อยตอนเดินผ่าน ส่วนท่านพี่เรียกฉันไว้ก่อนจะขึ้นรถ
“เรย์กะ…” ท่านพี่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่น “ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะ แล้วพี่จะรีบไปทันที”
“ค่ะ” ฉันกระพริบตาปริบๆ จริงๆท่านพี่ก็พูดแบบนี้มาหลายปีแล้ว...นับจากที่ฉันคบกับเอ็นโจอะนะ
ท่านพี่ยังคงยืนมองจนรถเลี้ยวออกจากบ้านคิโชวอิน ส่วนเอ็นโจก็หัวเราะ
“พี่ชายของคุณคิโชวอินหวงน้องสาวน่าดูชมเลยนะ” เอ็นโจเหลือบมองฉันแล้วหันไปสนใจถนนหนทางข้างหน้าต่อเพราะกำลังขับรถอยู่ “แต่ก็อย่างว่า...คุณสวยขนาดนี้ ผมก็หวง”
อุก!! เจ้าคนจากหมู่บ้านคาสโนว่าเอ้ย
ปล่อยให้ได้ใจไปก่อนเถอะ วันนี้น่ะ ฉันจะคุมเกมให้ดูเอง
ฉันชวนคุยเรื่องอื่นแบบต้องการเปลี่ยนเรื่อง เอ็นโจก็ยิ้มๆตอบคำถามแต่โดยดี ส่วนใหญ่เราก็คุยกันผ่านทางโทรศัพท์อยู่แล้ว บทสนทนาก็เลยออกไปทางเรื่องสัพเพเหระหรือไร้สาระกันเสียมากกว่า
ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงร้านอาหารที่จองไว้ ฉันควงแขนเอ็นโจเดินเข้าร้าน ถอดเสื้อคลุมออกส่งให้พนักงานต้อนรับนำไปเก็บ
เอ็นโจดูชะงักไปกับชุดที่ฉันใส่
“ไม่สวยเหรอคะ” ฉันแกล้งทำเป็นใสซื่อ แต่ลอบมองปฏิกริยาของเอ็นโจแบบนึกลุ้นอยู่ในใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” เอ็นโจรีบตอบ “แต่ไม่เคยเห็นคุณใส่ชุดแบบนี้ก็เลย…”
“ก็วันนี้เป็นโอกาสพิเศษนี่คะ”
จากนิตยสารที่อ่านมา เขาว่าผู้ชายส่วนใหญ่ชอบสาวเซ็กซี่ที่ดูพูดจาฉลาด ดูลึกลับ และต้องปล่อยให้คำพูดนั้นกำกวมชวนให้คิดเยอะๆ ….แบบนี้จะใช้ได้รึเปล่านะ
“งั้นเหรอ”
พอเข้าไปใกล้ เอ็นโจก็โอบเอวฉันทันทีแล้วพาเดินตามพนักงานไปยังโต๊ะที่จองไว้ ไม่รอให้ฉันเป็นฝ่ายเดินไปควงแขนก่อนด้วยซ้ำ ทำให้รู้สึกใจชื้นขึ้นมา….เรื่องการแต่งตัวแบบเซ็กซี่นี่ได้ผลแฮะ
โต๊ะที่นั่งเป็นที่ที่มองเห็นวิวโตเกียวยามค่ำคืนได้กว้างสุดสายตา จองกระทันหันแบบนี้ก็ยังได้ที่ดีๆในช่วงเทศกาลได้ สมเป็นตระกูลเอ็นโจจริงๆ
ฉันสั่งอาหารที่อยากทานพร้อมกับไวน์ พอดื่มไปหลายแก้วก็โดนท้วงจากเอ็นโจมาหน่อยๆว่าดื่มไวน์มากเกินไปรึเปล่า ฉันก็ยิ้มๆแล้วชูแก้วยื่นไปชนแก้วเอ็นโจ วางท่าเป็นสาวสังคมผู้ยั่วยวนนิดๆ
มันดูตลกมั้ยนะ...ก็ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลยนี่ ถ้าพลาดแล้วโดนหัวเราะเยาะจะทำยังไงดี
“ฉันไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอกค่ะ” ฉันยกไวน์ขึ้นจิบ แต่ในใจกลับภาวนาไม่ให้ตัวเองมือสั่นหรือเมาหัวทิ่มไปก่อนเวลาอันควร “ก็ฉันมากับท่านเอ็นโจนี่คะ หรือท่านเอ็นโจจะไม่ดูแลฉันกันล่ะ”
เอ็นโจกระพริบตาปริบๆเหมือนกำลังใช้ความพยายามในการเข้าใจ
“วันนี้คุณดูแปลกไปนะ”
“แปลกเหรอคะ” เอาแล้วไงล่ะ...ว่าแล้วต้องไม่เวิร์ก
แย่ล่ะสิ จะถอยหลังกลับตอนนี้เลยดีมั้ยนะ หรือจะไปให้สุดทางดี
“ก็ เอ่อ...ดูขี้อ้อนมากกว่าเดิมน่ะ”
“แล้วไม่ดีเหรอคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก…”