Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการรอคอยให้ท่านฮิมาต่อพร้อมกับการเปิดตัวพระเอกที่เหล่าโม่งกำลังสับสน [การย้ายเรือไปมารอบที่29จากการเมากาวของเหล่าโม่งฟิค]

Last posted

Total of 1000 posts

507 Nameless Fanboi Posted ID:r6XYqHs4rn

เอามาลงให้เนื่องในวันป็อกกี้เดย์ กาลครั้งหนึ่งในฝัน ตอนพิเศษ (1/2) : คืนนี้มีลุ้น(?)
ความเดิมตอนที่แล้ว >>>/webnovel/6114/441-442

----------------

ไม่กี่ปีหลังจากนั้น ฉันได้ยินข่าวดีว่าเอ็นโจกรุ๊ปกำลังฟื้นตัวขึ้นมาด้วยเงินลงทุนจากต่างชาติ บริษัทเริ่มกลับมามีเสถียรภาพในสายตาของนักลงทุนอีกครั้ง ทั้งหมดนี่อาจจะเป็นเพราะคาบุรากิเองก็วิ่งเต้นช่วยเพื่อนด้วยแหงๆ ถือว่าเอาตัวเองไปเสี่ยงเหมือนกันนะเนี่ย

เอาเป็นว่าตอนนี้เอ็นโจกรุ๊ปก็อยู่รอดปลอดภัยแล้ว ฉันกับเอ็นโจก็เปิดตัวในวงสังคมว่ากำลังคบหากันอยู่ แต่ก็อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ทุกอย่างเป็นไปได้สวย จะติดอยู่แค่ว่าไม่ค่อยมีเวลาให้กันและกันเท่านั้นเอง

เอ็นโจงานยุ่งมากจนฉันจำแทบไม่ได้แล้วว่าเราไปเที่ยวด้วยกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ บางครั้ง เอ็นโจก็ต้องบินไปต่างประเทศนานๆหลายเดือนแทบไม่กลับญี่ปุ่นเลย

ถึงจะเหงานิดหน่อย แต่ฉันก็เข้าใจว่าเอ็นโจต้องฟื้นฟูกิจการของครอบครัว ก็เลยพยายามจะไม่ทำตัวงี่เง่าเพิ่มปัญหาหนักใจให้ ถึงไม่อยู่ญี่ปุ่นแต่ฉันก็สามารถโทรหาได้ หรือถ้าคิดถึงมากก็บินไปหา แล้วก็ไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องชู้สาวอะไรลอยมาเข้าหูเลยด้วย

ทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดีขนาดนี้ แต่ว่าก็ยังมีบางสิ่งที่ฉันรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่

...คบกันมานานจนป่านนี้ เอ็นโจยังไม่เปรยๆถึงเรื่องการแต่งงานเลย

เขาว่ากันว่าคู่รักที่คบกันนานเกิน 7 ปีแล้วยังไม่แต่งงานกัน จะมีอาถรรพ์ให้เลิกกันไม่ใช่เหรอ

ฉันแอบเรียกวาคาบะจังที่แต่งงานไปก่อนหน้านี้ออกมาปรึกษาปัญหา วาคาบะจังก็หัวเราะแบบสบายๆว่าต้องใช้ความเข้าใจและเชื่อใจอย่างมากในการผ่านอุปสรรค แล้วก็อดทนรอคอย

ก็รู้สึกนับถือวาคาบะจังเหมือนกันนะคะที่ถูกมาดามคาบุรากิกดดันขนาดนั้นแล้วยังดูใจเย็นได้อีก เพราะพลังแห่งรักอย่างนั้นเหรอ สมกับเป็นนางเอกมังงะโชโจที่เชื่อใจพระเอกอย่างถึงที่สุดจริงๆ

แต่เรื่องนี้ ซากุระจังกลับให้มุมมองที่ต่างออกไป

“โธ่เอ้ย ถ้าผู้ชายไม่ยอมขอ เธอก็เป็นฝ่ายขอซะเองเลยสิ จะรอให้เขาหอบช่อดอกไม้พร้อมแหวนมาคุกเข่าทำเซอร์ไพรส์ต่อหน้าคนเยอะๆงั้นเหรอ”

“ไม่ดีมั้ง...ฉันเป็นผู้หญิงนะ จะให้ไปขอผู้ชายแต่งงานมันไม่งาม”

“นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว เรย์กะ” ซากุระจังส่ายหน้า “ชายหญิงสิทธิเท่าเทียมย่ะ”

“แต่ว่า…”

“หรือจะไม่มั่นใจในตัวผู้ชาย กลัวเขาไม่เอาด้วยว่างั้น”

“มันก็…นิดหน่อย”

“อื๋อ”

“ก็….เวลาผ่านมานานขนาดนี้ ความรู้สึกของเอ็นโจอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ได้ ยิ่งพักหลังๆก็ไม่ได้เจอกันเลยด้วย”

“เพราะแบบนี้ก็เลยกลัวว่างั้น”

“จะว่าประมาณนั้นก็ได้นะ”

พอฉันทำท่าสลดหดหู่ ซากุระจังก็เชิดหน้าขึ้นหน่อยๆ ใช้มือสะบัดปลายผมไปมาเหมือนจะอวดความงามดุจนางแบบโฆษณาที่เห็นในทีวี

“ไม่เห็นจะยาก ถ้าชีวิตรักช่วงนี้มันดูจืดๆราบเรียบ หรือผู้ชายนิ่งๆไป ผู้หญิงแบบเราก็ลองเป็นฝ่ายรุกเองบ้างสิ”

“เอ๋”

“ชุดเซ็กซี่ๆนิดๆ ถึงเนื้อถึงตัวหน่อยๆ หลอกล่อให้อยากแล้วจากไป...รับรองกลับมาตายรังไม่คิดวอกแวกแน่นอน”

“เอ่อ...นั่นมัน...ฉันไม่กล้าหรอกซากุระจัง”

พอนึกภาพตัวเองใส่ชุดวาบหวิวก็รู้สึกอายขึ้นมายังไงชอบกล

“กล้าๆหน่อยซี่ เธอต้องมั่นใจไว้ว่าตัวเองมีดี”

ด้วยหุ่นอย่างนี้เนี่ยนะ…

จะว่าไปช่วงนี้ก็มีไขมันส่วนเกินออกมาอีกต่างหาก แค่ลืมซิทอัพนิดหน่อย พุงก็ออกมาล้นหลามขนาดนี้ เจ้าไขมันพวกนี้ช่างร้ายกาจจริงๆ

ฉันคิดอย่างแค้นเคืองพลางงั่มสโคนทาเนยและแยมพูนๆ ยังมีอีกหลายชิ้นที่ยกมาเสิร์ฟในถาดสามชั้น เพราะงั้นต้องจัดการให้เกลี้ยง

“นี่ชิ้นที่สามแล้วนะยะ ไหนบอกช่วงนี้ลดน้ำหนักอยู่”

“ชีทเดย์ไง ชีทเดย์” ฉันรีบฉีกยิ้มตอบเป็นการขัดตาทัพ

“เธอก็เป็นซะอย่างนี้” ซากุระจังส่ายหน้า..อย่าดุกันสิ สำนึกผิดแล้วค่ะ

508 Nameless Fanboi Posted ID:r6XYqHs4rn

หลังจากช่วยกันทานและปรึกษาหารือเรื่องการขอแต่งงานและวิธีการทำให้ชีวิตคู่ตื่นเต้นมากขึ้น จนในที่สุดก็ได้เวลาที่ต้องแยกย้าย แต่ก่อนจากกัน ซากุระจังก็หันมาหาพร้อมกับดีดหน้าผากฉันเสียงดัง

“อุกี้!!” ฉันเผลออุทานเสียงประหลาดออกมา ลูบหน้าผากป้อยๆ ซากุระจังมือหนักเหมือนเคยเลยนะ จะเป็นรอยมั้ยเนี่ย “เจ็บนะ ซากุระจัง”

ตอนที่ส่งสายตาไปถามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไม ซากุระจังก็เชิดหน้าขึ้น

“ถ้าอีตานั่นไม่เอาด้วยก็หาคนใหม่ ทำตัวสวยๆให้ตาคนนั้นเสียดายไปเลยว่ามีตาหามีแววไม่่”

“เอ๋!!”

“เธอน่ะคือคิโชวอิน เรย์กะไม่ใช่เหรอยะ แค่ผู้ชายที่ไม่เห็นค่าก็หาเอาใหม่สิ จะมาหดหู่ให้ได้อะไรกัน ถ้าถูกปฏิเสธก็ทำตัวสวยๆเชิดๆใส่ไปเลยย่ะ ไม่ต้องง้อ”

นี่คือการให้กำลังใจในแบบของซากุระจังอย่างนั้นเหรอคะ...

พอฉันนิ่งไป ซากุระจังก็กล่าวคำอำลา หมุนตัวกลับหลังหันไปขึ้นรถที่อาคิสะวะคุงมาจอดรออยู่ก่อนแล้ว

“ซากุระจัง”

ฉันตะโกนไล่หลังไป ซากุระจังก็หันมาเป็นเชิงเหมือนจะถามว่าอะไรอีกล่ะ

“ขอบคุณนะ”

ซากุระจังหัวเราะหึๆในลำคอ โบกมือไปมาเล็กน้อยก่อนจะขึ้นรถ ฉันยืนมองตามไปจนลับสายตา

คำพูดซากุระจังก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวจนกระทั่งกลับถึงบ้าน ฉันทิ้งตัวลงนอนกับเตียง ครุ่นคิดถึงเรื่องขอแต่งงานแบบที่ซากุระจังพูด ถึงชายหญิงจะสิทธิเท่าเทียม ผู้หญิงเอ่ยปากขอผู้ชายแต่งงานมีให้เห็นเยอะแยะในสมัยนี้ แต่ก็ยังอดน้อยใจไม่ได้อยู่ดี

หรือเอ็นโจจะลืมคำสัญญาในวันนั้นไปแล้วนะ...

มันก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วเนอะ ตอนนั้นเราก็อยู่ในสังคมแคบๆอย่างซุยรัน แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่ได้ออกสู่โลกกว้าง เอ็นโจก็อาจจะเจอใครที่ดีกว่า เพียบพร้อมกว่า เลยอาจจะเปลี่ยนใจแล้วก็ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์เราก็ยังไปไม่ไกลเกินกว่าจูบเลยด้วย…

ที่จริงเราก็มีสถานการณ์ที่เป็นใจและเอื้อต่อการชวนกันขึ้นเตียงก็หลายหนอยู่ แต่ฉันขอไว้ว่าอยากทำเรื่องนั้นหลังแต่งงานมากกว่า เอ็นโจก็รับปากโดยดีว่าจะหยุดแค่จูบ หรือไม่ก็กอดนิดๆหน่อยๆ แต่จะไม่เกินเลยไปกว่านั้น

ถ้าเกิดไปเจอสาวสวยเซ็กซี่ที่สามารถตอบสนองความต้องการให้ได้ เอ็นโจอาจจะคิดว่าฉันคือผู้หญิงน่าเบื่อเลยอยากบอกเลิกก็ได้นะ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการหดหู่ ชื่อที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าจอทำให้ฉันลังเลนิดหน่อย แต่ก็ตัดสินใจรับในที่สุด

“สวัสดีค่ะ ท่านเอ็นโจ”

“สวัสดี คุณคิโชวอิน” น้ำเสียงนุ่มนวลของเอ็นโจดังมาจากปลายสาย “ที่ญี่ปุ่นตอนนี้ดึกแล้วสินะ ผมรบกวนเวลาพักผ่อนรึเปล่า”

“ไม่ค่ะ ไม่เลย…” ฉันพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ “ที่โทรมามีอะไรรึเปล่าคะ”

“ผมจะกลับถึงญี่ปุ่นตอนเช้าวันเสาร์ของอาทิตย์หน้าน่ะ เราไปทานข้าวกันตอนเย็นดีมั้ย”

“เอ๋!!” วันเสาร์ของอาทิตย์หน้า..ก็ตรงกับวันคริสต์มาสอีฟไม่ใช่เหรอ “ก็ได้นะคะ”

“ขอบคุณนะ”

“แต่จะไหวเหรอคะ ถึงญี่ปุ่นตอนเช้าแล้วตอนเย็นก็ออกไปข้างนอกอีก จะไม่พักผ่อนก่อนเหรอ ฉันไม่ซีเรียสอะไรหรอกนะถ้าไม่ได้ไปไหนวันคริสต์มาสน่ะ”

“ไม่ได้หรอก ก็อยากเจอคุณนี่นา”

“แหม” อายุขนาดนี้แล้วยังมางอแงเป็นเด็กๆไปได้นะยะ ไม่ได้น่ารักเลยซักกะนิด

นั่งคุยกันอยู่พักหนึ่งเรื่องในวันนี้ของแต่ละคน เอ็นโจก็ขอตัวไปทำงานต่อ แต่ไม่ลืมที่จะหยอดคำหวานส่งท้าย

“คิดถึงนะ”

“คิดถึงก็รีบกลับมาเจอสิคะ”

“เอ..โดนอ้อนขนาดนี้ งั้นกลับวันนี้เลยดีมั้ยนะ” คำพูดทีเล่นทีจริงนั่นทำเอาฉันต้องปรามไว้ก่อนเพราะกลัวว่าเอ็นโจจะทิ้งงานแล้วกลับมาจริงๆ

หลังวางสายฉันก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบชุดออกมาเลือกจากราวด้านในสุดก่อน

ซากุระจังบอกให้หัดยั่วยวนบ้างหรือเป็นฝ่ายรุกก่อนบ้าง เพื่อการเพิ่มความตื่นเต้นให้ชีวิตรัก แต่ฉันผู้เป็นกุลสตรีมายี่สิบเจ็ดปี จะให้ทำท่าแบบสาวเซ็กซี่ที่เห็นตามหน้านิตยสารก็จะดูเป็นการพยายามมากเกินไป แถมไม่เป็นธรรมชาติอีก

สรุปคือ...ไอ้เรื่องเซ็กซี่นี่...ทำไม่เป็นง่ะ

ฉันหาตัวช่วยด้วยการเปิดนิตยสาร ดูคอลัมน์ที่น่าจะเป็นประโยชน์ ศึกษาวิธีในนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ เปิดอินเตอร์เน็ตดูคำแนะนำอื่นๆบ้าง เห็นอันไหนน่าสนใจก็กดเข้าไปอ่าน

ในตู้ก็มีชุดที่ดูเซ็กซี่นิดๆแบบมีรสนิยมอยู่หลายชุด ฉันหยิบออกมาเลือก แล้วก็ตกลงใจที่ชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มแบบคล้องคอ โชว์ร่องอกและแผ่นหลังแต่ดูไม่โป๊มาก ถ้าไปถึงขั้นนี้ฉันก็พอรับไหวนะคะ

ลองสวมชุดดูก็ติดสะโพกหน่อยๆแต่ยังพอยัดตัวเองเข้าไปได้อยู่ แต่ถ้าจะให้ดูสวยเป๊ะเพอร์เฟคคงต้องออกกำลังกายเพิ่มอีกนิด

ฉันพยายามโพสต์ท่าให้เซ็กซี่หน้ากระจก แต่ดูแล้วไม่เห็นเซ็กซี่ตรงไหนเลยอะ ถ้าออกไปในสภาพนี้มีหวังโดนว่าอีนี่บ้าอ๊ะป่าวแหงๆ

หนทางการเป็นสาวเซ็กซี่ทำไมมันยากเย็นขนาดนี้ล่ะ

.
.
.
.

509 Nameless Fanboi Posted ID:r6XYqHs4rn

วันที่ 24 มาถึง เอ็นโจบอกว่าจะมารับเองถึงบ้าน ฉันที่แต่งตัวเสร็จตั้งแต่ห้าโมงครึ่งก็นั่งรอในห้องเป็นการฆ่าเวลา แต่ก็มีแอบๆไปเช็คเครื่องแต่งกายกับทาปากเพิ่มด้วย หมุนซ้ายทีขวาทีแบบไม่ค่อยมั่นใจ ก็วันนี้ฉันเกล้าผมขึ้นด้วยนี่นา พอไม่ได้ทำผมม้วนแบบเดิมแล้วก็รู้สึกเหมือนพลังการต่อสู้ลดลงไปตั้ง 25% เลยนะ

ชุดเดรสวันนี้แม้จะค่อนข้างเปิดเผยผิวขัดต่ออากาศหนาวเย็นที่อยู่ภายนอก แต่ฉันก็มีเสื้อคลุมขนเฟอร์สีขาวคลุมไว้ แถมคงไม่ได้ออกไปเดินข้างนอกด้วย ไม่เป็นไรหรอกมั้ง

หกโมงตรงอันเป็นเวลาที่นัดหมาย คุณเมดก็มารายงานว่าคุณชายตระกูลเอ็นโจมาถึงแล้ว ฉันเลยใส่เสื้อคลุม หยิบกระเป๋าเดินลงไปข้างล่าง

เอ็นโจนั่งคุยอยู่กับท่านพ่อ ท่านแม่และท่านพี่ในห้องรับแขก บนโต๊ะมีถุงของฝากของแบรนด์ดังๆวางไว้อยู่เพียบ มีถุงขนมร้านโปรดฉันตั้งเยอะ...กินหมดนี่ความพยายามในการไดเอทที่สั่งสมมาเพราะอยากใส่ชุดนี้ให้ได้ต้องล้มไปไม่เป็นท่าแหงๆ

พอเอ็นโจหันมาเห็นฉันก็ส่งยิ้มแบบอ่อนโยนให้ วันนี้หมอนี่อยู่ในชุดสูทพอดีตัวสีเทาเข้ม ดูดีซะจนทำให้ฉันรู้สึกเขินขึ้นมา

ท่านแม่รีบกระวีกระวาดเดินมาหาฉัน จูงมือให้มานั่งโซฟาตัวเดียวกันกับเอ็นโจ ส่วนท่านพ่อก็สอบถามเรื่องทั่วๆไปอย่างจะพาไปไหนหรือขอฝากฝังให้ช่วยดูแลลูกสาวด้วย เอ็นโจก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลฉันเป็นอย่างดีและพามาส่งที่บ้าน

เอ็นโจโค้งให้ท่านพี่เล็กน้อยตอนเดินผ่าน ส่วนท่านพี่เรียกฉันไว้ก่อนจะขึ้นรถ

“เรย์กะ…” ท่านพี่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่น “ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะ แล้วพี่จะรีบไปทันที”

“ค่ะ” ฉันกระพริบตาปริบๆ จริงๆท่านพี่ก็พูดแบบนี้มาหลายปีแล้ว...นับจากที่ฉันคบกับเอ็นโจอะนะ

ท่านพี่ยังคงยืนมองจนรถเลี้ยวออกจากบ้านคิโชวอิน ส่วนเอ็นโจก็หัวเราะ

“พี่ชายของคุณคิโชวอินหวงน้องสาวน่าดูชมเลยนะ” เอ็นโจเหลือบมองฉันแล้วหันไปสนใจถนนหนทางข้างหน้าต่อเพราะกำลังขับรถอยู่ “แต่ก็อย่างว่า...คุณสวยขนาดนี้ ผมก็หวง”

อุก!! เจ้าคนจากหมู่บ้านคาสโนว่าเอ้ย

ปล่อยให้ได้ใจไปก่อนเถอะ วันนี้น่ะ ฉันจะคุมเกมให้ดูเอง

ฉันชวนคุยเรื่องอื่นแบบต้องการเปลี่ยนเรื่อง เอ็นโจก็ยิ้มๆตอบคำถามแต่โดยดี ส่วนใหญ่เราก็คุยกันผ่านทางโทรศัพท์อยู่แล้ว บทสนทนาก็เลยออกไปทางเรื่องสัพเพเหระหรือไร้สาระกันเสียมากกว่า

ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงร้านอาหารที่จองไว้ ฉันควงแขนเอ็นโจเดินเข้าร้าน ถอดเสื้อคลุมออกส่งให้พนักงานต้อนรับนำไปเก็บ

เอ็นโจดูชะงักไปกับชุดที่ฉันใส่

“ไม่สวยเหรอคะ” ฉันแกล้งทำเป็นใสซื่อ แต่ลอบมองปฏิกริยาของเอ็นโจแบบนึกลุ้นอยู่ในใจ

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” เอ็นโจรีบตอบ “แต่ไม่เคยเห็นคุณใส่ชุดแบบนี้ก็เลย…”

“ก็วันนี้เป็นโอกาสพิเศษนี่คะ”

จากนิตยสารที่อ่านมา เขาว่าผู้ชายส่วนใหญ่ชอบสาวเซ็กซี่ที่ดูพูดจาฉลาด ดูลึกลับ และต้องปล่อยให้คำพูดนั้นกำกวมชวนให้คิดเยอะๆ ….แบบนี้จะใช้ได้รึเปล่านะ

“งั้นเหรอ”

พอเข้าไปใกล้ เอ็นโจก็โอบเอวฉันทันทีแล้วพาเดินตามพนักงานไปยังโต๊ะที่จองไว้ ไม่รอให้ฉันเป็นฝ่ายเดินไปควงแขนก่อนด้วยซ้ำ ทำให้รู้สึกใจชื้นขึ้นมา….เรื่องการแต่งตัวแบบเซ็กซี่นี่ได้ผลแฮะ

โต๊ะที่นั่งเป็นที่ที่มองเห็นวิวโตเกียวยามค่ำคืนได้กว้างสุดสายตา จองกระทันหันแบบนี้ก็ยังได้ที่ดีๆในช่วงเทศกาลได้ สมเป็นตระกูลเอ็นโจจริงๆ

ฉันสั่งอาหารที่อยากทานพร้อมกับไวน์ พอดื่มไปหลายแก้วก็โดนท้วงจากเอ็นโจมาหน่อยๆว่าดื่มไวน์มากเกินไปรึเปล่า ฉันก็ยิ้มๆแล้วชูแก้วยื่นไปชนแก้วเอ็นโจ วางท่าเป็นสาวสังคมผู้ยั่วยวนนิดๆ

มันดูตลกมั้ยนะ...ก็ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลยนี่ ถ้าพลาดแล้วโดนหัวเราะเยาะจะทำยังไงดี

“ฉันไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอกค่ะ” ฉันยกไวน์ขึ้นจิบ แต่ในใจกลับภาวนาไม่ให้ตัวเองมือสั่นหรือเมาหัวทิ่มไปก่อนเวลาอันควร “ก็ฉันมากับท่านเอ็นโจนี่คะ หรือท่านเอ็นโจจะไม่ดูแลฉันกันล่ะ”

เอ็นโจกระพริบตาปริบๆเหมือนกำลังใช้ความพยายามในการเข้าใจ

“วันนี้คุณดูแปลกไปนะ”

“แปลกเหรอคะ” เอาแล้วไงล่ะ...ว่าแล้วต้องไม่เวิร์ก

แย่ล่ะสิ จะถอยหลังกลับตอนนี้เลยดีมั้ยนะ หรือจะไปให้สุดทางดี

“ก็ เอ่อ...ดูขี้อ้อนมากกว่าเดิมน่ะ”

“แล้วไม่ดีเหรอคะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก…”

510 Nameless Fanboi Posted ID:r6XYqHs4rn

เล่นละครแล้วก็ต้องไปให้สุดทาง พอคิดแบบนั้น ฉันก็ส่งสายตาออดอ้อนไปให้เอ็นโจแบบเดียวกับที่เรียนรู้มาจากท่านอิมาริ โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย น่าจะพอได้กลิ่นน้ำหอมที่ฉีดมาวันนี้ เป็นกลิ่นเดียวกับที่เอ็นโจบอกว่าชอบและซื้อมาฝาก เห็นมั้ยล่ะว่าฉันเตรียมการมาพร้อมแค่ไหน

“ท่านเอ็นโจไม่ชอบให้ฉันอ้อนเหรอ”

“ชอบสิ” เอ็นโจยิ้มละมุนละไมแล้วยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ “ถ้าคุณคิโชวอินยังทำตัวน่ารักแบบนี้ ผมอาจจะอดใจไว้ไม่อยู่ก็ได้นะ”

“แล้ว...ท่านเอ็นโจจะทำอะไรฉันเหรอคะ” ฉันถอยกลับไปพิงพนักเก้าอี้ตามเดิม...นี่คือกลยุทธ์รุกแล้วถอยกลับเพื่อจะตลบหลัง “ฉันไว้ใจท่านเอ็นโจนะ”

เอ็นโจยิ้มแบบแปลกๆ เหมือนไม่รู้ว่าจะเชื่อดีไหม

แต่กลยุทธ์รุกแล้วถอยดูไม่ค่อยได้ผล เพราะเอ็นโจก็นิ่งสนิทเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ลองยั่วไปแค่ไหนก็ไม่เห็นจะมีปฏิกริยาอะไรหลุกหลิกล่อกแล่กแบบที่นิตยสารว่าไว้เลย เอาแต่ยิ้ม ชวนคุยเรื่อยเปื่อย ทานเสร็จก็ถามว่าจะสั่งของหวานอะไรดี จนฉันรู้สึกน้อยใจขึ้นมา

ทำขนาดนี้ยังเฉยอีกเหรอ ฉันทำแล้วแทนที่จะดูเซ็กซี่กลับเป็นดูตลกแทน หรือว่ารักจะจืดจางแล้วจริงๆ

ไม่เจอกันตั้งหลายเดือนจะทำอะไรให้มันสมกับที่คิดถึงกันก็ไม่มี หรือฉันเป็นฝ่ายงี่เง่าที่คาดหวังไปเองว่าวันแบบนี้จะต้องถูกเซอร์ไพรส์อะไรเป็นพิเศษ

ก็ได้ ไม่สนแล้ว!!

ฉันสั่งของหวานที่มีอยู่ในเมนูมาทุกรายการ แล้วก็สั่งไวน์มาเพิ่มด้วย พออาหารพวกนั้นมาถึงฉันก็ตั้งหน้าตั้งตากินแหลกจนโต๊ะข้างๆมองมา

ช่างหัวสายตาคนรอบข้าง ชุดจะรัดพุงจะออกยังไงก็ไม่สนแล้ว เชอะ

เอ็นโจมองฉันแบบยิ้มๆ พอทานเสร็จก็ถามว่าจะกลับเลยมั้ย

ห๊า!! ถามออกมาได้นะยะ ผู้ชายที่มาก้มหัวให้ฉันในวันคริสต์มาสอีฟเมื่อ 9 ปีก่อนหายไปไหนแล้วนะ ไหนล่ะการขอแต่งงาน ไหนล่ะบรรยากาศโรแมนติคสร้างความทรงจำให้สมกับเป็นวันของคู่รัก ไม่เจอกันตั้งหลายเดือนแล้วก็ได้เดทจืดๆที่แค่ออกมาทานข้าวแล้วแยกย้ายกันกลับเนี่ยนะ

ให้ตายสิ นี่เป็นเดทที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย

อุตส่าห์ตั้งใจไว้ว่าจะไม่เป็นผู้หญิงงี่เง่าขี้งอนที่ชอบสร้างปัญหาหนักใจให้แฟน แต่มาเจอปฏิกริยาแบบนี้มันน่าน้อยใจมั้ยล่ะ

ฉันพยายามกลั้นน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืนแต่ก็เซฮวบไปข้างๆจนต้องเอามือพิงผนังไว้ นึกเสียใจว่าไม่น่าดื่มไวน์มากเกินไปเลย

“คุณคิโชวอิน”

“กลับกันเถอะค่ะ ที่บ้านฉันคงรอแย่แล้ว” ฉันปัดมือเอ็นโจออก เดินโซเซออกไปหน้าร้าน ใส่รองเท้าส้นสูงตอนมึนๆหัวนี่มันเดินยากชะมัด

เอ็นโจวิ่งตามมาแล้วเสื้อคลุมขนเฟอร์ใส่ให้ ประคองร่างฉันที่ทำท่าจะทรุดแหล่ไม่ทรุดแหล่ ไม่ต้องมาจับเลยนะ ฉันยังเดินเองไหว แถมยังมีสติอยู่ครบถ้วนย่ะ

เมื่อฉันสะบัดมือออกเป็นรอบที่สามตอนที่เดินออกจากลิฟท์ไปยังที่จอดรถ เอ็นโจที่เดินตามมาด้านหลังก็ช้อนตัวฉันอุ้มขึ้นเอาดื้อๆแล้วเดินตรงไปที่รถที่จอดไว้ ทำอะไรเนี่ย!! ถ้าคนมาเห็นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันยะ

“หนักกว่าที่คิดนะ”

ได้ยินเสียงเอ็นโจลอยมาเข้าหูแล้วตามมาด้วยเสียงหัวเราะ หนอย หัวเราะกันเหรอยะ ไม่รู้เลยใช่มะว่าฉันต้องเตรียมการอะไรมาเพื่อวันนี้บ้าง

เอ็นโจปลดล็อครถแล้วอุ้มฉันขึ้นไปนั่ง คาดเข็มขัดนิรภัยให้แล้วก็วิ่งไปที่ฝั่งคนขับ ขับรถพาฉันกลับบ้านอย่างที่ว่า

ฉันนั่งสะอึกไปตลอดทาง รถที่โคลงเคลงและทิวทัศน์ที่เปลี่ยนผ่านหน้าทำให้ฉันตาลายต้องยกมือขึ้นมาปิดปาก ความรู้สึกขยักขย่อนเหมือนมีอะไรในท้องสามารถพุ่งออกจากปากได้ทุกเมื่อ จะไม่ไหวแล้ว

เอ็นโจหันมองหน้าฉันแล้วถามว่าอยากอาเจียนเหรอ พอฉันพยักหน้าก็จอดข้างทางให้ฉันลงไปคายของเก่าเป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ มีเอ็นโจคอยลูบหลังอยู่เรื่อยๆและถือขวดน้ำคอยส่งให้ฉันล้างปาก เสร็จแล้วก็ประคองฉันให้เดินกลับมาที่รถ

ฉันไม่รู้ว่าจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกมั้ย อยากจะเป็นสาวเซ็กซี่ขี้เล่นแบบที่ผู้ชายชอบ แต่กลายเป็นต้องมาอ้วกให้ผู้ชายดู วันคริสต์มาสอีฟที่แสนพิเศษก็พังไม่มีชิ้นดี จบลงด้วยการทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทั้งที่คิดไว้ไม่ใช่แบบนี้เลยแท้ๆ

ว่าจะไม่ร้องไห้ แต่น้ำตาฉันร่วงลงมาเผาะๆไหลอาบแก้ม เพราะเมาไวน์อย่างนั้นเหรอ ฉันถึงร้องไห้ต่อหน้าเอ็นโจได้เป็นวรรคเป็นเวรขนาดนี้

“คุณคิโชวอิน”

“...บ้า..”

“อื๋อ ว่าไงนะ”

“ท่านเอ็นโจบ้า ไม่ได้เข้าใจผู้หญิงเลย ไม่รู้เหรอว่าฉันต้องลำบากขนาดไหน แย่ที่สุด”

“..…”

“รู้มั้ยว่าฉันต้องลงทุนออกกำลังกายทั้งที่ไม่ชอบ ใส่เสื้อผ้าแบบที่ไม่เข้ากับตัวเอง ก็เพราะฉันอยากสวย อยากดูดีที่สุดในสายตาท่านเอ็นโจไงล่า คงขำตั้งแต่ที่อยู่ในร้านอาหารแล้วสินะ มันตลกมากก็บอกมาสิ”

511 Nameless Fanboi Posted ID:r6XYqHs4rn

สภาพในตอนนี้ของฉันคงน่าเกลียดมาก เพราะทั้งน้ำตาและน้ำมูกไหลลงมาเลอะเทอะเปรอะหน้า หมดสภาพความสวยที่ฉันอยากให้เอ็นโจเห็นไปไกลลิบ

“อุตส่าห์ลองทำตามคำแนะนำในนิตยสาร ไม่เห็นได้ผลเลย ไหนบอกทำแบบนี้แฟนจะชอบยังไงล่ะ ต้องมาใส่ชุดเซ็กซี่เปิดเนื้อหนังทั้งที่อากาศหนาวจะตายอยู่แล้ว แถมคนใส่มาให้ดูก็ดันไม่เห็นคุณค่าอีก งี่เง่าที่สุด”

พอได้พูด ฉันก็พูดออกไปยาวเหยียดมากเหมือนระบายความอัดอั้น เอ็นโจยืนฟังฉันเงียบๆไม่ได้ขัดอะไร

“ฉันพยายามจะทำตัวดีๆไม่สร้างปัญหา แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้อยู่ดี เหมือนฉันเป็นบ้าไปเองยังไงก็ไม่รู้ ที่ฉันทำอยู่ก็แค่อยากให้ความสัมพันธ์ของเรามันดีขึ้น อย่างน้อยก็อยากให้มีอะไรตื่นเต้นแปลกใหม่บ้าง พักหลังๆเราก็แทบไม่ได้เจอกันเลยด้วย ท่านเอ็นโจก็มีแต่งาน งาน งาน ไม่ค่อยมากอดหรือแตะเนื้อต้องตัวฉันแบบเมื่อก่อน ฉันเหงานะรู้มั้ย”

“......”

“หรือมีแค่ฉันคนเดียวที่ยังยึดติดกับคำสัญญาหน้าโบสถ์ ฉันรอมาตลอดเลยนะว่าเมื่อไหร่ท่านเอ็นโจจะมาทำให้ฝันเป็นจริง การรอคอยแบบไม่มีจุดสิ้นสุดมันทรมานนะ”

ฉันปาดน้ำตาสะอื้นฮั่กๆ พอเอ็นโจยื่นมือออกมาซับน้ำตาให้ คราวนี้ฉันไม่ได้ปัดมือทิ้ง แต่ช้อนตาขึ้นมองแทน

“หรือเพราะฉันเป็นผู้หญิงน่าเบื่อเลยไม่รักฉันแล้วใช่มั้ยคะ”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่เลย”

“งั้นก็กอดฉันสิคะ”

“ผมกอดคุณตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ คุณคิโชวอิน”

“ท่านเอ็นโจไม่รักฉันแล้วจริงๆด้วย”

“มันไม่ใช่อย่างนั้น”

“งั้นก็พิสูจน์สิ”

นิ่งเงียบกันไปพักหนึ่ง และฉันกำลังจะร้องไห้อีกรอบ แต่ไม่ทันที่จะทำอะไร เอ็นโจก็พุ่งเข้ามา กดริมฝีปากลงบนปากของฉันแบบไม่ให้ตั้งตัวได้

มะ ไม่ได้นะ ไม่ได้เด็ดขาด ฉันเพิ่งจะคายของเก่าใส่ต้นไม้ไปเองนะ ถึงจะล้างปากแล้วก็เหอะ…แถมหน้าตายังเลอะเทอะคราบน้ำตาด้วย ต้องน่าเกลียดมากแน่ๆ

ฉันพยายามผลักเอ็นโจออกไป แต่ถูกรวบกอดไว้แนบชิดจนไม่มีช่องว่างให้ดิ้นหนี เอ็นโจยังคงกดจูบย้ำๆ งับริมฝีปากล่างเบาๆ พอฉันเผยอปากออกก็สอดลิ้นเข้ามาข้างใน

นี่มันริมถนนนะ...ดึกแล้ว ถึงจะไม่ค่อยมีรถผ่านมาแต่คุณตำรวจอาจจะขับรถมาเจอก็ได้ อีกสารพัดเหตุผลที่ฉันพยายามคิดในหัวที่จะห้ามไม่ให้ทำ

แต่ทุกอย่างก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับรสสัมผัสของไวน์จางๆในปาก แพ้ริมฝีปากที่บดเบียดคลึงเคล้า แพ้กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำหอมผู้ชายที่ทำให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ฝ่ามือเอ็นโจลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเปล่าเปลือยของฉันให้ความร้อนวาบ ฉันรู้สึกหวิวๆแทบจะยืนไม่อยู่ ถ้าไม่ถูกรั้งไว้ด้วยอ้อมแขนคงได้ลงไปนั่งกองอยู่ที่พื้นแน่ๆ

ไม่รู้ว่าเนิ่นนานเท่าไหร่ที่เรายืนจูบกันอยู่แบบนั้น แต่พอเอ็นโจถอนริมฝีปากออก ฉันก็เห็นแววตาที่เหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ข้างใน

“ขอโทษนะที่ปล่อยให้เหงา…” เอ็นโจก้มลงมากระซิบข้างหูฉัน “ผมผิดเองที่พักนี้ไม่มีเวลาให้คุณเลย”

“นึกว่าจะเบื่อกันซะแล้ว” ฉันทำปากยื่น เอ็นโจเลยยื่นหน้ามาจุ๊บเร็วๆอีกหน

“ผมไม่มีทางเบื่อแม่สาวกระต่ายของผมได้หรอก”

“ไม่รู้ ก็ท่านเอ็นโจอาจจะไปเจอใครที่สวยกว่า ดีกว่าเลยอยากเปลี่ยนใจก็ได้นี่คะ” ฉันเชิดหน้าขึ้นไปทางอื่น “แถมวันนี้ก็ดูห่างเหินกันอีก”

เอ็นโจหัวเราะแล้วเอาหน้าผากแนบกับหน้าผากของฉัน สายตาเราอยู่ใกล้กันในระยะที่ใกล้มาก ถ้าฉันเขย่งเท้าอีกซักหน่อยก็จูบถึง

“อาจจะฟังดูน้ำเน่านะ แต่ผมไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจไปหาคนอื่นเลยซักครั้ง และมีแค่คุณคนเดียวที่ทำให้ผมเป็นได้ถึงขนาดนี้”

“อื๋อ..อะไรคะ” เป็นถึงขนาดนี้นี่คืออะไรง่ะ

เอ็นโจไม่ตอบ แต่กอดฉันให้แนบชิดยิ่งกว่าเดิม...จะว่าไปมันก็มีอะไรนูนๆทิ่มท้องฉันอยู่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วอ่ะ หัวเข็มขัดเหรอ…

ฉันประมวลผลอยู่ในใจไปหลายสิบวินาทีแล้วก็ต้องหน้าแดงก่ำ เอ็นโจเองก็หน้าแดงด้วยเหมือนกัน

“ก็บอกแล้วว่าผมคงให้คุณกอดตอนนี้ไม่ได้” เอ็นโจปล่อยมือออกแบบสุภาพ จัดเสื้อคลุมขนเฟอร์ของฉันให้เรียบร้อย “ทีนี้เข้าใจรึยัง”

เข้าใจแจ่มแจ้งเลยค่ะ

“มาเถอะ เดี๋ยวผมจะพาไปส่งที่บ้าน”

ฉันกับเอ็นโจกลับเข้ามาในรถ พยายามไม่สบตากันและเงียบกันไปพักใหญ่ๆ

--------------------

ตัดฉับ ไปลุ้นกันต่อพาร์ทหน้า

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.