เอามาลงให้เนื่องในวันป็อกกี้เดย์ กาลครั้งหนึ่งในฝัน ตอนพิเศษ (1/2) : คืนนี้มีลุ้น(?)
ความเดิมตอนที่แล้ว >>>/webnovel/6114/441-442
----------------
ไม่กี่ปีหลังจากนั้น ฉันได้ยินข่าวดีว่าเอ็นโจกรุ๊ปกำลังฟื้นตัวขึ้นมาด้วยเงินลงทุนจากต่างชาติ บริษัทเริ่มกลับมามีเสถียรภาพในสายตาของนักลงทุนอีกครั้ง ทั้งหมดนี่อาจจะเป็นเพราะคาบุรากิเองก็วิ่งเต้นช่วยเพื่อนด้วยแหงๆ ถือว่าเอาตัวเองไปเสี่ยงเหมือนกันนะเนี่ย
เอาเป็นว่าตอนนี้เอ็นโจกรุ๊ปก็อยู่รอดปลอดภัยแล้ว ฉันกับเอ็นโจก็เปิดตัวในวงสังคมว่ากำลังคบหากันอยู่ แต่ก็อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ทุกอย่างเป็นไปได้สวย จะติดอยู่แค่ว่าไม่ค่อยมีเวลาให้กันและกันเท่านั้นเอง
เอ็นโจงานยุ่งมากจนฉันจำแทบไม่ได้แล้วว่าเราไปเที่ยวด้วยกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ บางครั้ง เอ็นโจก็ต้องบินไปต่างประเทศนานๆหลายเดือนแทบไม่กลับญี่ปุ่นเลย
ถึงจะเหงานิดหน่อย แต่ฉันก็เข้าใจว่าเอ็นโจต้องฟื้นฟูกิจการของครอบครัว ก็เลยพยายามจะไม่ทำตัวงี่เง่าเพิ่มปัญหาหนักใจให้ ถึงไม่อยู่ญี่ปุ่นแต่ฉันก็สามารถโทรหาได้ หรือถ้าคิดถึงมากก็บินไปหา แล้วก็ไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องชู้สาวอะไรลอยมาเข้าหูเลยด้วย
ทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดีขนาดนี้ แต่ว่าก็ยังมีบางสิ่งที่ฉันรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่
...คบกันมานานจนป่านนี้ เอ็นโจยังไม่เปรยๆถึงเรื่องการแต่งงานเลย
เขาว่ากันว่าคู่รักที่คบกันนานเกิน 7 ปีแล้วยังไม่แต่งงานกัน จะมีอาถรรพ์ให้เลิกกันไม่ใช่เหรอ
ฉันแอบเรียกวาคาบะจังที่แต่งงานไปก่อนหน้านี้ออกมาปรึกษาปัญหา วาคาบะจังก็หัวเราะแบบสบายๆว่าต้องใช้ความเข้าใจและเชื่อใจอย่างมากในการผ่านอุปสรรค แล้วก็อดทนรอคอย
ก็รู้สึกนับถือวาคาบะจังเหมือนกันนะคะที่ถูกมาดามคาบุรากิกดดันขนาดนั้นแล้วยังดูใจเย็นได้อีก เพราะพลังแห่งรักอย่างนั้นเหรอ สมกับเป็นนางเอกมังงะโชโจที่เชื่อใจพระเอกอย่างถึงที่สุดจริงๆ
แต่เรื่องนี้ ซากุระจังกลับให้มุมมองที่ต่างออกไป
“โธ่เอ้ย ถ้าผู้ชายไม่ยอมขอ เธอก็เป็นฝ่ายขอซะเองเลยสิ จะรอให้เขาหอบช่อดอกไม้พร้อมแหวนมาคุกเข่าทำเซอร์ไพรส์ต่อหน้าคนเยอะๆงั้นเหรอ”
“ไม่ดีมั้ง...ฉันเป็นผู้หญิงนะ จะให้ไปขอผู้ชายแต่งงานมันไม่งาม”
“นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว เรย์กะ” ซากุระจังส่ายหน้า “ชายหญิงสิทธิเท่าเทียมย่ะ”
“แต่ว่า…”
“หรือจะไม่มั่นใจในตัวผู้ชาย กลัวเขาไม่เอาด้วยว่างั้น”
“มันก็…นิดหน่อย”
“อื๋อ”
“ก็….เวลาผ่านมานานขนาดนี้ ความรู้สึกของเอ็นโจอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ได้ ยิ่งพักหลังๆก็ไม่ได้เจอกันเลยด้วย”
“เพราะแบบนี้ก็เลยกลัวว่างั้น”
“จะว่าประมาณนั้นก็ได้นะ”
พอฉันทำท่าสลดหดหู่ ซากุระจังก็เชิดหน้าขึ้นหน่อยๆ ใช้มือสะบัดปลายผมไปมาเหมือนจะอวดความงามดุจนางแบบโฆษณาที่เห็นในทีวี
“ไม่เห็นจะยาก ถ้าชีวิตรักช่วงนี้มันดูจืดๆราบเรียบ หรือผู้ชายนิ่งๆไป ผู้หญิงแบบเราก็ลองเป็นฝ่ายรุกเองบ้างสิ”
“เอ๋”
“ชุดเซ็กซี่ๆนิดๆ ถึงเนื้อถึงตัวหน่อยๆ หลอกล่อให้อยากแล้วจากไป...รับรองกลับมาตายรังไม่คิดวอกแวกแน่นอน”
“เอ่อ...นั่นมัน...ฉันไม่กล้าหรอกซากุระจัง”
พอนึกภาพตัวเองใส่ชุดวาบหวิวก็รู้สึกอายขึ้นมายังไงชอบกล
“กล้าๆหน่อยซี่ เธอต้องมั่นใจไว้ว่าตัวเองมีดี”
ด้วยหุ่นอย่างนี้เนี่ยนะ…
จะว่าไปช่วงนี้ก็มีไขมันส่วนเกินออกมาอีกต่างหาก แค่ลืมซิทอัพนิดหน่อย พุงก็ออกมาล้นหลามขนาดนี้ เจ้าไขมันพวกนี้ช่างร้ายกาจจริงๆ
ฉันคิดอย่างแค้นเคืองพลางงั่มสโคนทาเนยและแยมพูนๆ ยังมีอีกหลายชิ้นที่ยกมาเสิร์ฟในถาดสามชั้น เพราะงั้นต้องจัดการให้เกลี้ยง
“นี่ชิ้นที่สามแล้วนะยะ ไหนบอกช่วงนี้ลดน้ำหนักอยู่”
“ชีทเดย์ไง ชีทเดย์” ฉันรีบฉีกยิ้มตอบเป็นการขัดตาทัพ
“เธอก็เป็นซะอย่างนี้” ซากุระจังส่ายหน้า..อย่าดุกันสิ สำนึกผิดแล้วค่ะ