กาลครั้งหนึ่งในฝัน (ตอนจบ 2/2) >>>/webnovel/6114/342-345
----------------------------------
นาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่ม เอ็นโจก็ชวนฉันกลับและยื่นมือมาให้ ฉันยื่นไปจับอย่างว่าง่าย รู้สึกใจเต้นนิดหน่อยตอนที่ปลายนิ้วเราสัมผัสกัน เอ็นโจน่าจะสังเกตว่าฉันตื่นเต้น แต่ไม่พูดแซวอะไรเลยอาจจะเป็นเพราะตัวเองกำลังตื่นเต้นเหมือนกันก็ได้
“อ้อ จริงสิ” เอ็นโจควานมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทที่สวมอยู่ หยิบเอากล่องของขวัญกล่องเล็กเท่าฝ่ามือห่อด้วยริบบิ้นแบบเรียบๆออกมาให้ “เมอรี่คริสต์มาสครับ”
สมกับเป็นเอ็นโจที่เตรียมของขวัญมาด้วยในโอกาสแบบนี้ ดีนะที่ฉันเตรียมพร้อมเพราะคาดการณ์เอาไว้อย่างรอบคอบ ตอนที่ไปท้องฟ้าจำลองก็แอบซื้อของขวัญมาแล้ว...
ถ้าไม่ให้อะไรตอบแทนเลยจะถูกมองเป็นคนแล้งน้ำใจ ฉันผู้ที่แคร์สายตาคนรอบข้างทนให้คิดแบบนั้นไม่ได้หรอก
ฉันรับมาพลางกล่าวขอบคุณ แต่เอ็นโจก็บอกให้ลองแกะดู ...จะเป็นอะไรกันน้า
พอแกะออกมาก็เจอสิ่งที่หน้าตาเหมือนไข่ฟาร์แบเชอยู่ภายในกล่อง ตัวไข่เป็นกระจกใสพิมพ์ลายดอกไม้ มองเห็นข้างในที่เป็นรูปปั้นกระต่ายสีขาวตัวเล็กๆดูน่ารัก ตกแต่งริมขอบด้วยเส้นสีทองเล็กน้อย ดูเรียบหรูเหมือนคนให้เลยแฮะ
พอเอ็นโจหมุนกลไกด้านล่าง ตัวไข่ก็ค่อยๆเปิดออก เป็นรูปปั้นกระต่ายสีขาวก็เริ่มหมุนพร้อมๆกับเสียงดนตรีที่ดังขึ้น
เพลงนี้มัน...กาลครั้งหนึ่งในฝัน
ความเงียบในยามกลางคืนทำให้ได้ยินเสียงเพลงได้ชัดเจน ฉันเผลอหลุดลอยเข้าไปในโลกแห่งเสียงดนตรี แม้จะไม่มีเนื้อร้องซักคำ แต่ฉันก็จำมันได้ขึ้นใจ
เอ็นโจส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ตอนที่สบตากัน ท่าทางเหมือนที่คุณชูสุเกะยิ้มให้ในความฝัน
นี่ฉันจะคิดถึงความฝันนั่นบ่อยเกินไปแล้ว หรือเพราะได้รับคำสัญญามาว่าจะทำให้ฝันเป็นจริงให้ได้ก็เลยปักหลักรอคอยให้วันนั้นมาถึงกันนะ
อ๊ะ!! ไม่ได้หมายความว่าฉันชอบเอ็นโจก็เลยรอคอยหรอกนะ ไม่ใช่อย่างแน่นอน แค่เปิดโอกาสให้ศึกษาดูใจกันไปก่อนต่างหาก
ใช่แล้ว คุณหนูผมม้วนเริ่ดหรูอย่างฉันจะสลัดทิ้งแล้วหาคนใหม่เมื่อไหร่ก็หาได้อยู่แล้ว ไอ้เรื่องจะมาเป็นของตายรอผู้ชายคนหนึ่งนี่ไม่มีทางอ่ะ
ที่รูปปั้นกระต่ายมีสร้อยเส้นบางสีโรสโกลด์ห้อยจี้รูปดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนดอกเล็กๆเพียงดอกเดียว ดูน่ารักและเก๋ไก๋รสนิยมดี เอ็นโจหยิบมันขึ้นมาแล้วบอกว่าขออนุญาตใส่ให้ ฉันเลยเชิดหน้าขึ้นหน่อยๆ แต่ก็รวบผมขึ้นให้เอ็นโจใส่ได้ถนัดๆ
ปลายนิ้วที่แตะหลังคอนั้นร้อนผ่าว และฉันก็พยายามจะไม่คิดเรื่องที่เกิดขึ้นตอนอยู่ใต้ซุ้มมิสเซิลโทในคราวนั้น แต่ดูเหมือนเอ็นโจจะเก็บมือเก็บไม้ไม่ทำรุ่มร่ามแฮะ เป็นคนดีใช้ได้เลยนี่นา
“ไม่มีของผมเหรอ” พอใส่เสร็จเอ็นโจก็ยื่นหน้ามาใกล้ๆ ทำสายตาออดอ้อน “จะให้เป็นจูบก็ได้นะ ผมไม่ถือหรอก”
“อยู่ในกระเป๋าบนรถค่ะ” ฉันส่งสายตาขวางๆไปให้เอ็นโจที่ทำหน้าผิดหวังแบบไม่คิดจะปิดบัง หนอย!! เปิดช่องว่างไม่ได้เลยนะยะ ดีนะที่ซื้อมาเผื่อไว้ในกรณีแบบนี้ด้วย
ที่ว่าเป็นคนดีนั่น...ขอถอนคำพูดย่ะ
คนขับรถของบ้านเอ็นโจมาจอดรออยู่ใกล้ๆซุ้มต้นแปะก๊วยกว่าตอนขามา เปิดประตูรถให้ฉันกับเอ็นโจขึ้นไปนั่ง ฉันหยิบของขวัญออกมาจากกระเป๋าของตัวเองแล้วส่งให้
หมอนี่ดูลุกลี้ลุกลนกับของขวัญเกินคาด ถามด้วยใบหน้าดีใจว่าจะขอแกะเลยได้หรือไม่ พอฉันพยักหน้าก็รีบแกะห่อออกมาทันที
“นี่คือ...” วัตถุทรงกระบอกสีดำสนิทขนาดเล็กเท่าฝ่ามือนอนนิ่งสงบอยู่บนมือของเอ็นโจ
“เครื่องฉายดาวขนาดเล็กค่ะ” ฉันตอบหน้านิ่ง หยิบออกจากมือเอ็นโจแล้วกดสวิตช์ข้างล่างให้ดู
ในความมืดของรถ มีแสงสีเหลืองนวลตาจากกลุ่มดาวส่องผ่านเครื่องฉายดาวที่ว่านี่ดูพร่างพราวเหมือนอยู่ในความฝัน
แต่แสงสีเหลืองนวลๆตัดกับความมืดยามราตรีแบบนี้ก็นึกถึงตอนที่ไปชมหิ่งห้อยกับมาดามคาบุรากิเลยเนอะ ตอนนั้นก็งดงามเหมือนภาพมายาเช่นกัน
เอ็นโจยิ้มบางๆ สายตาก็อ่อนโยนตอนแหงนหน้ามองแสงสีเหลืองที่ว่านี่ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอ็นโจจะนึกถึงเรื่องเดียวกับฉันอยู่รึเปล่า
แล้วเอ็นโจก็ปิดสวิตช์ เก็บเครื่องฉายดาวลงกล่องก่อนจะหันมาขอบคุณฉัน
ชั่วขณะที่แสงดาวจำลองดับไป ฉันก็รู้สึกใจหายเหมือนความฝันได้สิ้นสุดลงแล้ว