Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการรอคอยให้ท่านฮิมาต่อพร้อมกับการเปิดตัวพระเอกที่เหล่าโม่งกำลังสับสน [การย้ายเรือไปมารอบที่29จากการเมากาวของเหล่าโม่งฟิค]

Last posted

Total of 1000 posts

357 Nameless Fanboi Posted ID:nOueld3oXI

กาลครั้งหนึ่งในฝัน (ตอนจบ 2/2) >>>/webnovel/6114/342-345

----------------------------------

นาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่ม เอ็นโจก็ชวนฉันกลับและยื่นมือมาให้ ฉันยื่นไปจับอย่างว่าง่าย รู้สึกใจเต้นนิดหน่อยตอนที่ปลายนิ้วเราสัมผัสกัน เอ็นโจน่าจะสังเกตว่าฉันตื่นเต้น แต่ไม่พูดแซวอะไรเลยอาจจะเป็นเพราะตัวเองกำลังตื่นเต้นเหมือนกันก็ได้

“อ้อ จริงสิ” เอ็นโจควานมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทที่สวมอยู่ หยิบเอากล่องของขวัญกล่องเล็กเท่าฝ่ามือห่อด้วยริบบิ้นแบบเรียบๆออกมาให้ “เมอรี่คริสต์มาสครับ”

สมกับเป็นเอ็นโจที่เตรียมของขวัญมาด้วยในโอกาสแบบนี้ ดีนะที่ฉันเตรียมพร้อมเพราะคาดการณ์เอาไว้อย่างรอบคอบ ตอนที่ไปท้องฟ้าจำลองก็แอบซื้อของขวัญมาแล้ว...

ถ้าไม่ให้อะไรตอบแทนเลยจะถูกมองเป็นคนแล้งน้ำใจ ฉันผู้ที่แคร์สายตาคนรอบข้างทนให้คิดแบบนั้นไม่ได้หรอก

ฉันรับมาพลางกล่าวขอบคุณ แต่เอ็นโจก็บอกให้ลองแกะดู ...จะเป็นอะไรกันน้า

พอแกะออกมาก็เจอสิ่งที่หน้าตาเหมือนไข่ฟาร์แบเชอยู่ภายในกล่อง ตัวไข่เป็นกระจกใสพิมพ์ลายดอกไม้ มองเห็นข้างในที่เป็นรูปปั้นกระต่ายสีขาวตัวเล็กๆดูน่ารัก ตกแต่งริมขอบด้วยเส้นสีทองเล็กน้อย ดูเรียบหรูเหมือนคนให้เลยแฮะ

พอเอ็นโจหมุนกลไกด้านล่าง ตัวไข่ก็ค่อยๆเปิดออก เป็นรูปปั้นกระต่ายสีขาวก็เริ่มหมุนพร้อมๆกับเสียงดนตรีที่ดังขึ้น

เพลงนี้มัน...กาลครั้งหนึ่งในฝัน

ความเงียบในยามกลางคืนทำให้ได้ยินเสียงเพลงได้ชัดเจน ฉันเผลอหลุดลอยเข้าไปในโลกแห่งเสียงดนตรี แม้จะไม่มีเนื้อร้องซักคำ แต่ฉันก็จำมันได้ขึ้นใจ

เอ็นโจส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ตอนที่สบตากัน ท่าทางเหมือนที่คุณชูสุเกะยิ้มให้ในความฝัน

นี่ฉันจะคิดถึงความฝันนั่นบ่อยเกินไปแล้ว หรือเพราะได้รับคำสัญญามาว่าจะทำให้ฝันเป็นจริงให้ได้ก็เลยปักหลักรอคอยให้วันนั้นมาถึงกันนะ

อ๊ะ!! ไม่ได้หมายความว่าฉันชอบเอ็นโจก็เลยรอคอยหรอกนะ ไม่ใช่อย่างแน่นอน แค่เปิดโอกาสให้ศึกษาดูใจกันไปก่อนต่างหาก

ใช่แล้ว คุณหนูผมม้วนเริ่ดหรูอย่างฉันจะสลัดทิ้งแล้วหาคนใหม่เมื่อไหร่ก็หาได้อยู่แล้ว ไอ้เรื่องจะมาเป็นของตายรอผู้ชายคนหนึ่งนี่ไม่มีทางอ่ะ

ที่รูปปั้นกระต่ายมีสร้อยเส้นบางสีโรสโกลด์ห้อยจี้รูปดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนดอกเล็กๆเพียงดอกเดียว ดูน่ารักและเก๋ไก๋รสนิยมดี เอ็นโจหยิบมันขึ้นมาแล้วบอกว่าขออนุญาตใส่ให้ ฉันเลยเชิดหน้าขึ้นหน่อยๆ แต่ก็รวบผมขึ้นให้เอ็นโจใส่ได้ถนัดๆ

ปลายนิ้วที่แตะหลังคอนั้นร้อนผ่าว และฉันก็พยายามจะไม่คิดเรื่องที่เกิดขึ้นตอนอยู่ใต้ซุ้มมิสเซิลโทในคราวนั้น แต่ดูเหมือนเอ็นโจจะเก็บมือเก็บไม้ไม่ทำรุ่มร่ามแฮะ เป็นคนดีใช้ได้เลยนี่นา

“ไม่มีของผมเหรอ” พอใส่เสร็จเอ็นโจก็ยื่นหน้ามาใกล้ๆ ทำสายตาออดอ้อน “จะให้เป็นจูบก็ได้นะ ผมไม่ถือหรอก”

“อยู่ในกระเป๋าบนรถค่ะ” ฉันส่งสายตาขวางๆไปให้เอ็นโจที่ทำหน้าผิดหวังแบบไม่คิดจะปิดบัง หนอย!! เปิดช่องว่างไม่ได้เลยนะยะ ดีนะที่ซื้อมาเผื่อไว้ในกรณีแบบนี้ด้วย

ที่ว่าเป็นคนดีนั่น...ขอถอนคำพูดย่ะ

คนขับรถของบ้านเอ็นโจมาจอดรออยู่ใกล้ๆซุ้มต้นแปะก๊วยกว่าตอนขามา เปิดประตูรถให้ฉันกับเอ็นโจขึ้นไปนั่ง ฉันหยิบของขวัญออกมาจากกระเป๋าของตัวเองแล้วส่งให้

หมอนี่ดูลุกลี้ลุกลนกับของขวัญเกินคาด ถามด้วยใบหน้าดีใจว่าจะขอแกะเลยได้หรือไม่ พอฉันพยักหน้าก็รีบแกะห่อออกมาทันที

“นี่คือ...” วัตถุทรงกระบอกสีดำสนิทขนาดเล็กเท่าฝ่ามือนอนนิ่งสงบอยู่บนมือของเอ็นโจ

“เครื่องฉายดาวขนาดเล็กค่ะ” ฉันตอบหน้านิ่ง หยิบออกจากมือเอ็นโจแล้วกดสวิตช์ข้างล่างให้ดู

ในความมืดของรถ มีแสงสีเหลืองนวลตาจากกลุ่มดาวส่องผ่านเครื่องฉายดาวที่ว่านี่ดูพร่างพราวเหมือนอยู่ในความฝัน

แต่แสงสีเหลืองนวลๆตัดกับความมืดยามราตรีแบบนี้ก็นึกถึงตอนที่ไปชมหิ่งห้อยกับมาดามคาบุรากิเลยเนอะ ตอนนั้นก็งดงามเหมือนภาพมายาเช่นกัน

เอ็นโจยิ้มบางๆ สายตาก็อ่อนโยนตอนแหงนหน้ามองแสงสีเหลืองที่ว่านี่ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอ็นโจจะนึกถึงเรื่องเดียวกับฉันอยู่รึเปล่า

แล้วเอ็นโจก็ปิดสวิตช์ เก็บเครื่องฉายดาวลงกล่องก่อนจะหันมาขอบคุณฉัน

ชั่วขณะที่แสงดาวจำลองดับไป ฉันก็รู้สึกใจหายเหมือนความฝันได้สิ้นสุดลงแล้ว

358 Nameless Fanboi Posted ID:nOueld3oXI

ทิวทัศน์ของโบสถ์ที่มองเห็นจากกระจกหลังค่อยๆหายลับสายตาไปเรื่อยๆ ฉันเผลอหันหลังไปมองก่อนจากเป็นครั้งสุดท้าย พอหันกลับมาก็เจอสายตาอ่อนโยนของเอ็นโจจ้องมองมาที่ฉันอยู่

“เอาไว้ซักวันหนึ่ง...ผมจะพาคุณกลับมาที่นี่อีก”

เพียงแค่นี้ฉันก็รู้สึกวางใจที่จะยอมวางมือลงบนมือใหญ่ๆนั่น อะไรที่เอ็นโจให้คำมั่นสัญญาเอาไว้มันก็จะเป็นไปตามนั้นเสมอ และเป็นแบบนั้นมาตลอด แต่ฉันแกล้งทำเป็นไม่รู้ก็เท่านั้น

เอ็นโจบีบมือฉันตอบกลับมาเบาๆเหมือนตอบรับคำสัญญา เรานั่งจับมืออยู่ในความเงียบกันนานสองนาน ไม่มีคำพูดใดๆ แต่ไม่รู้สึกเงียบเหงาเลยแม้แต่นิด

บรรยากาศกำลังดี ฉันชักเคลิ้มๆเพราะง่วงนอน แต่ก็ถูกรบกวนด้วยเสียงเตือนว่าเมล์เข้าแบบไม่ขาดสาย คนที่จะส่งอะไรแบบนี้ได้ก็มีแต่อีตาสมองเด็กประถมนั่นล่ะ แถมไม่ใช่แค่มือถือฉันคนเดียว แต่เป็นมือถือของเอ็นโจด้วย

ข้อความที่ส่งมานั้นยาวเหยียดมาก บรรยายถึงความรู้สึกตอนที่ได้ทำงานใกล้ชิดกับวาคาบะจังจนร้านปิด เพราะงั้นวันนี้ก็เลยได้ฉลองคริสต์มาสกับครอบครัวทาคามิจิทั้งชุดซานต้าแบบนั้นนั่นล่ะ

แล้วไอ้คำพูดชวนให้หมั่นไส้นั่นมันอะไรกัน ท่าทางมีความสุขเหลือเกินนะยะ กะอีแค่ได้รับเลี้ยงอาหารมื้อเดียวทำมาคุยโอ้อวด ฉันน่ะเข้านอกออกในบ้านทาคามิจิได้สบาย แถมวาคาบะจังยังเป็นฝ่ายชวนมาเที่ยวบ้านเองด้วยต่างหากล่ะ

ฉันเกทับคาบุรากิอยู่ในใจเรื่องที่ไปเที่ยวบ้านของวาคาบะจังหลายหน จนรู้สึกเหมือนจะเป็นลูกบ้านนี้ไปอีกคนแล้ว นายน่ะมันยังอ่อนหัดนัก

เลื่อนมาด้านล่างที่มีรูปถ่ายแนบมาด้วย เป็นรูปซองเงินที่ได้จากการทำงานพิเศษช่วยร้านเค้ก แล้วก็ยังมีข้อความยาวเหยียดเรื่องการทำงานพิเศษครั้งแรกของตัวเอง เอ็นโจมองมือถือตัวเองแล้วก็หันมายิ้มบางๆ

“มาซายะก็ส่งให้ผมเหมือนกัน” เอ็นโจส่ายหน้า “คงอยากป่าวประกาศให้ใครต่อใครรู้เรื่องนี้...แต่ดูเหมือนจะมีแค่เราสองคนที่ได้นะ”

“ก็นะคะ….” แหงล่ะ ก็คาบุรากิมันไม่มีเพื่อนมากไปกว่านี้แล้วนี่นา

ดูเหมือนเอ็นโจจะเดาคำพูดที่ไม่ได้พูดออกมาของฉันได้ เลยหัวเราะเบาๆในลำคอ

“อ้อ จริงสิ” เอ็นโจทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “กลางเดือนหน้าจะมีฝนดาวตกที่มองเห็นได้ชัดที่สุดในรอบสิบปี คุณคิโชวอินอยากไปดูรึเปล่าครับ”

ฝนดาวตกเหรอ อยากเห็นจัง ต้องสวยมากแน่ๆเลย

“ต้องขอดูตารางก่อนนะคะว่าติดกำหนดการณ์อะไรรึเปล่า” ฉันตอบอย่างไว้ตัว

กำหนดการณ์น่ะว่างเปล่า แต่ก็ต้องทำเป็นเช็คดูก่อน ยังไงก็ให้รู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าฉันน่ะมันว่าง...ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาหน้าของฉันล้วนๆ

“จะรอนะ” เอ็นโจหัวเราะ...หรือว่าจะเดาออกยะ!? นี่ฉันโดนอ่านใจอีกแล้วเหรอ

รถจอดที่ประตูหน้าของบ้านคิโชวอิน เอ็นโจเดินลงมาส่งฉันถึงที่ แต่ก่อนที่ฉันจะเข้าไปในบ้านก็ถูกเรียกไว้

เอ็นโจมองไปเหนือศีรษะเราสองคน อ๊ะ!! มีซุ้มมิสเซิลโทมาแขวนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ บ้านเราไม่เคยจัดงานคริสต์มาสเลยไม่ใช่รึไง

สายตาคาดหวังแบบนั้นมันอะไรกัน ยังไม่เลิกเรื่องจูบใต้มิสเซิลโทเหรอยะ จะเอาให้ได้เลยใช่มะ หนอยย

รู้สึกว่าฉันจะติดหนี้เอ็นโจอยู่อีกหลายอย่าง ถ้าไม่รีบจ่ายมีหวังโดนเก็บหนี้บานเบอะแน่ๆ

...ช่วยไม่ได้นะ

ฉันแตะนิ้วชี้กับนิ้วกลางลงบนปากตัวเองแล้วเอาไปแตะที่แก้มขวาของเอ็นโจ หมอนั่นทำตาโตแบบตกใจ

“ตะ..ตอนนี้ให้ได้แค่นี้ก่อนค่ะ...มากกว่านั้นต้องพยายามเอาเองนะคะ”

พูดเสร็จก็รู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง แต่เอ็นโจน่ะหน้าแดงยิ่งกว่า

ซักพักเอ็นโจก็ยิ้มกว้างออกมาแล้วหัวเราะทั้งๆที่ใบหูแดงก่ำ หน้าตาดูมีความระรื่นจนน่าหมั่นไส้

“ฝันดีครับ คุณคิโชวอิน”

“เช่นกันค่ะ”

ฉันยืนส่งจากหน้าบ้าน มองรถบ้านเอ็นโจที่ค่อยๆแล่นจากไปจนลับสายตา พยายามห้ามมุมปากตัวเองไม่ให้เกิดเป็นรอยยิ้ม ถ้ายิ้มคนเดียวแล้วมีใครมาเห็นเข้าคงคิดว่าฉันบ้าแหงๆ

ในฐานะคุณหนูคิโชวอินจะยอมให้ใครคิดแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด แต่ทำไมกล้ามเนื้อตรงแก้มและปากมันไม่เชื่อฟังคำสั่งฉันเลยง่ะ อย่ายิ้มสิ

คุณเมดมาแจ้งว่ายังไม่มีใครกลับมาบ้าน ท่านพ่อและท่านแม่ก็ไปงานเลี้ยง ส่วนท่านพี่เองก็เช่นกัน ฉันเลยเดินขึ้นบันไดกลับเข้าห้องนอนตัวเอง ตั้งใจจะไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายที่เหนื่อยมาทั้งวัน อยากพักผ่อนจังเลยน้า

359 Nameless Fanboi Posted ID:nOueld3oXI

ฉันเปิดเช็คมือถือเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเข้านอน ในกล่องข้อความมีเมล์มาจากเอ็นโจ เป็นรูปถ่ายของเครื่องฉายดาวที่ฉันให้ไปกำลังฉายแสงขึ้นในความมืดของห้อง มีข้อความสั้นๆเขียนต่อท้าย

“เครื่องฉายดาวก็สวยดี แต่อยากดูดาวบนฟ้ายามราตรีกับคุณคิโชวอินมากกว่า”

เจ้าคนของหมู่บ้านคาสโนว่านี่มัน!!

ฉันฟุบหน้าลงกับหมอน หน้าแดงเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน

ต้องใช้เวลานานมากกว่าที่ฉันจะคิดคำตอบได้แล้วส่งออกไป ฉันพิมพ์ๆลบๆอยู่อย่างนั้น แต่ในที่สุดก็ตอบตกลงเรื่องจะไปดูฝนดาวตก

…เหมือนโดนอำนาจมืดบางอย่างให้กดส่งไปเลยแฮะ ยกเลิกทันมั้ยนะ

ไม่นานหลังจากนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น คนที่โทรมาก็คือเอ็นโจ

“ฮัลโหล คุณคิโชวอิน”

เอ็นโจจริงๆด้วย…

“ค่ะ มีอะไรงั้นหรือคะ”

“ขอบคุณมากนะเรื่องคำตอบ” โทรมาเพราะเรื่องแค่นี้เองเหรอยะ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...ฉันเองก็อยากดูฝนดาวตกที่ว่านั่นเหมือนกัน”

“งั้นเหรอ ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ” เอ็นโจหัวเราะตอบกลับมา “จะว่าไป..คุณคิโชวอินเคยอธิษฐานกับดาวตกมั้ย”

“แหม เรื่องนั้น…” มันก็ต้องเคยอยู่แล้วย่ะ แต่ว่ากุมมือภาวนาไปก็ไม่เห็นจะเป็นจริงขึ้นมาเลย แต่เวลาเห็นดาวตกทีไรฉันก็อดที่จะอธิษฐานไม่ได้ซักที

รู้ตัวอีกทีฉันก็คุยเรื่องสัพเพเหระหรือเรื่องไร้สาระกับเอ็นโจยาวๆแบบติดลมไปหลายชั่วโมง บทสนทนาที่ว่าก็อย่างเช่น

“นี่ๆ ท่านเอ็นโจคะ ทำไมถึงต้องเป็นกระต่ายล่ะ…”

“อ๋อ เรื่องนั้นน่ะ...ตอนป. 5 ที่ไปทัศนศึกษากัน เห็นคุณอุ้มกระต่ายเล่นอยู่ก็เลยคิดว่าเหมือนกันเลยนะ”

“เอ๋!! ยังไงกันคะ”

“ก็กระต่ายเป็นสัตว์ขี้กลัว ตกใจง่าย แล้วก็ขี้ระแวงมากเลยนี่นา...” ว่าแล้วเอ็นโจพูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลกว่าปกติ “...แต่ก็น่ารักมาก”

อุก!! โดนคนจากหมู่บ้านคาสโนว่าเล่นงานอีกแล้ว

ฉันทำเป็นนิ่งๆเหมือนไม่ได้ยินประโยคหลัง ถามคำถามต่อไปแบบต้องการจะเปลี่ยนเรื่อง เอ็นโจก็ถามกลับบ้าง ผลัดกันถามไปมาแบบนี้เหมือนเล่นเกมตอบยี่สิบคำถามเลยแฮะ

สัญญาณเตือนว่าแบตเตอรี่กำลังจะหมดดังขึ้น พอเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าจะตีสี่แล้ว คุยนานขนาดนี้ได้ยังไงไม่รู้ตัวเลย

เอ็นโจหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินคำบ่นฟ่อดแฟ่ดของฉันในเรื่องนี้ เราสองคนกล่าวราตรีสวัสดิ์และแยกย้ายกันไปนอน

ฉันเสียบสายชาร์ตแบตเตอรี่เสร็จก็เอื้อมไปหยิบกล่องดนตรีที่ได้รับมาวันนี้ ไขกลไกด้านล่าง ทำนองเพลง Once Upon A Dream ดังขึ้นให้ได้ยินเบาๆในความเงียบ ขับกล่อมให้ฉันเข้านอนด้วยหัวใจเบิกบานและเป็นสุข สมชื่อเพลงกาลครั้งหนึ่งในฝัน

But if I know you, I know what you’ll do
(แต่ถ้าหากฉันได้รู้จักคุณ ฉันรู้ว่าคุณจะทำอย่างไร)

You’ll love me at once, the way you did once upon a dream
(คุณจะตกหลุมรักฉันอีกครั้ง เหมือนอย่างที่คุณเคยทำ กาลครั้งหนึ่งในฝัน)

------------------------------
จบแล้วจ๊ะ อาจจะมีตอนพิเศษต่ออีกซักตอนนิดหน่อย แต่จะลงเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับความขยัน

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.